ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    >>>{ของตกแต่งไอดี}<<<

    ลำดับตอนที่ #343 : :::::[นอกเรื่อง]:::::กว่าจะเป็นฮันเกิง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 83
      0
      9 พ.ค. 51

    หานเกิง หรือ ฮันเกิง หรืออีกชื่อคือ ฮันคยอง คือสมาชิกเพียงคนเดียวของวงที่เป็นชาวจีน ถ้าหากนับระยะเวลาที่เขาเดินทางมาใช้ชีวิตที่เกาหลี ก็เป็นเวลาร่วม 5 ปีแล้ว

          ฮันคยองเติบโตมาในครอบครัวที่ฐานะปานกลาง อาจจะไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่ก็เรียกได้ว่าพอมีอันจะกิน ไม่ถึงกับอัตคัตหรือขัดสน ครอบครัวของเขาทำธุรกิจเล็กๆ และปัจจุบันก็เปิดร้านอาหารที่ปักกิ่ง แต่เมื่อเขาต้องเดินทางมาอยู่เกาหลี ซึ่งมีค่าครองชีพที่สูงกว่าจีน จึงทำให้เขาต้องใช้เงินอย่างประหยัดเป็นอย่างมาก

          เขาเริ่มเรียนการเต้นพื้นเมืองของจีน รวมไปถึงการเต้นบัลเลต์และคาราเต้ ในช่วงอายุ 12 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่เขาได้เริ่มรู้แล้วว่าความฝันของตัวเองคืออะไร ฮันคยองได้เข้าร่วมทีมการแสดง ซึ่งมีการแสดงโชว์พื้นเมืองของจีน และอีกหลายๆแบบ แน่นอนว่าเขาเคยขึ้นโชว์บนเวทีในฐานะนักแสดงรุ่นเยาว์อยู่หลายต่อหลายครั้ง และในที่สุด ก็ตัดสินใจที่จะเข้าประกวดการเต้นระดับประเทศที่จีน ในการประกวดนี้เขาทำได้ดีที่สุดเพียงแค่รองชนะเลิศ แต่นั่นมันก็เป็นใบเบิกทางอย่างดีให้กับเขา

          และเมื่อปี 2001 เมื่อมีการจัดการออดิชั่น H.O.T. CHINA Audition Casting ขึ้นที่ประเทศจีน ฮันคยองก็ได้เข้าร่วมประกวด และก็ได้รางวัลชนะเลิศมาครอง สร้างความภาคภูมิใจให้กับเขาเป็นอย่างมาก แต่นั่น กลับไม่ได้เป็นประตูที่เปิดสู่ครามงดงามอย่างที่คิด

          ในช่วง 8 เดือน หลังจากที่ผ่านการออดิชั่นและรอเซ็นสัญญากับทางต้นสังกัด ซึ่งก็คือ SM Entertainment อยู่นั้น ฮันคยองต้องการที่จะช่วยหารายได้ให้กับครอบครัวอีกทางหนึ่ง จึงออกเดินทางไปทั่วประเทศจีน เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ และด้วยความรู้เท่าไม่ทันการณ์นั้นเอง ที่ทำให้เขาถูกจับอยู่ที่เสิ่นเจิ้น เนื่องจากไม่มีใบอนุญาตเข้าเมือง เพื่อใช้สำหรับการอยู่ในเสิ่นเจิ้น ซึ่งในขณะนั้น ฮันคยองมีเงินติดตัวอยู่เพียงเล็กน้อย ซึ่งไม่มากพอที่จะทำให้เขาหลุดพ้นจากการถูกจับ จึงจำเป็นต้องรอจนกระทั่งเพื่อนของเขาไปทำใบอนุญาตมาให้ จึงได้ถูกปล่อยตัวออกมา

          หลังจากที่เซ็นสัญญากับทางต้นสังกัดแล้ว ฮันคยองจึงเดินทางมายังเกาหลี ในช่วงแรกเขาแทบจะไม่มีเงินเลย จึงต้องทำความสะอาดห้องพักโทรมๆ ที่ทั้งอับและชื้น เพื่อใช้เป็นที่ซุกหัวนอนชั่วคราว ความเป็นอยู่ของเขาแทบจะไม่ต่างจากพวกแรงงานชั้นต่ำ ทั้งๆที่เขาคือ ว่าที่ศิลปิน ของค่ายดัง ก่อนที่จะย้ายไปพักอยู่อพาร์ตเมนเดียวกับฮีชอลและคิบอมในเวลาต่อมา

          ทั้งความเป็นอยู่ที่ต้องกระเบียดกระเสียน อีกทั้งในแต่ละวัน ฮันคยองจะต้องเรียนภาษาเกาหลี เรียนเต้น เรียนร้อง
    เพลง และอีกหลายต่อหลายอย่าง ที่จำเป็นต้องปูพื้นฐานในการเป็นศิลปินที่ดี ทำให้วันๆหนึ่ง เขาหมดเวลาไปกับการฝึกซ้อมราว 20 ชั่วโมง และมีเวลาพักผ่อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

          เวลาผ่านไปประมาณปีครึ่ง ความพยายามของเขาเริ่มอ่อนแรงลง เพราะสิ่งรอบตัวมันทำให้ชายผู้มีความมุ่งมั่นอย่างเขานั้นเริ่มท้อแท้ การจากบ้านเกิดเมืองนอนมาอยู่ในที่ที่แสนไกล มันทำให้เขาคิดถึงบ้านจนต้องนั่งร้องไห้อยู่หลายต่อหลายครั้ง อีกทั้งความลำบากในการฝึกซ้อมที่ค่อนข้างหฤโหดเองก็เป็นอีกส่วนที่กดดันเขาอยู่ คนที่พูดเกาหลีไม่ได้เลยแม้สักคำ ต้องมาอยู่ตัวคนเดียว แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากลำบากอยู่มาก แต่สิ่งที่เขาทำได้ก็มีแค่ การโทรศัพท์กลับไปหาที่บ้านในยามที่ท้อแท้แทบหมดแรง

          หลายต่อหลายครั้ง ที่เขาออกปาก อยากจะล้มเลิกทุกอย่าง แล้วเดินทางกลับไปยังบ้านเกิดและใช้ชีวิตเหมือนกับคนอื่นทั่วๆไป แทนที่จะมาทนทรมานกับการฝึกที่โหดเลือดตาแทบกระเด็นเช่นนี้ แต่แล้วสุดท้าย มันก็เป็นแค่เพียงความคิด เพราะเขาก้าวมาไกลเกินกว่าที่จะหันหลังกลับแล้ว และเพื่อความฝัน เขาได้พยายามกับมันมาจนใกล้จะสำเร็จแล้ว จะให้ละทิ้งมันก็คงจะทำไม่ได้อย่างแน่นอน

          ฮันคยองอยู่ในเกาหลีด้วยความเหงา ไม่มีเพื่อนสนิท ไม่มีใครเข้าใจเขาอย่างแท้จริง อาจจะเพราะว่าเขาเป็นชาวต่างชาติ และยังไม่สามารถที่จะปรับความคิดหรือวิถีชีวิตให้กลมกลืนกับชาวเกาหลีรอบตัวได้นั่นเอง ที่ยังเป็นปัญหาอยู่ แต่ด้วยความช่วยเหลือจากฮีชอล เพื่อนร่วมวงที่ย้ายมาพักอาศัยอยู่ที่อพาร์ตเม้นเดียวกันหลังจากเริ่มฟอร์มวงก็ทำให้ทุกๆอย่างเริ่มดีขึ้น

          การมีฮีชอลอยู่ข้างๆ ทำให้โลกที่เงียบเหงาของฮันคยองเริ่มมีสีสันขึ้น เพราะฮีชอลจะคอยสอนทุกอย่างให้กับเขา และคอยดูแลฮันคยองแทบจะทุกอย่างเลยก็ว่าได้ แม้แต่เวลาที่เขาจะออกไปซื้อของหรือออกไปข้างนอก ก็มักจะชวนฮันคยองออกไปเป็นเพื่อนด้วยทุกครั้ง

          หลังจากที่ตรากตรำฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลา 2 ปี ฮันคยองก็ได้เดบิวต์ในฐานะศิลปินคนหนึ่งของซูเปอร์จูเนียร์ แต่ในความยินดีนั้น ชีวิตการเป็นศิลปินของฮันคยองก็กลับเหมือนจะพังทลายลงตรงหน้า เมื่อเขาได้รู้ว่าตัวเองไม่สามารถขึ้นโชว์กับเพื่อนๆได้ทุกเวที เนื่องจากติดปัญหาเรื่อง VISA ทำให้เขาสามารถปรากฏตัวในรายการโทรทัศน์ได้แค่เพียง 3 สถานีเท่านั้น และหนำซ้ำ ก็ยังมีแอนตี้แฟนจำนวนหนึ่งคอยคุกคามและต่อต้าน เนื่องจากเขาเป็นชาวต่างชาติ แต่เขาก็ไม่เคยที่จะปริปากบ่น ต้องเดือดร้อนถึงฮีชอล ที่ออกโรงจัดการเหล่าแอนตี้แฟนเสียราบคาบ จนพวกเขาเหล่านั้นไม่กลับมารังควาญชีวิตของฮันคยองอีก

          แต่ปัญหาก็ยังคงมีไม่จบสิ้น เพราะในช่วงแรก ฮันคยองยังไม่ได้เลือกสถานีที่เขาสามารถขึ้นแสดงได้ จึงจำเป็นต้องหยุดพักการแสดงชั่วคราว จนกว่าจะทำเรื่อง VISA เป็นที่เรียบร้อยเสียก่อน จึงจะกลับมาขึ้นโชว์พร้อมกับเพื่อนๆได้ ทำให้เขารู้สึกเสียใจมาก จนร้องไห้ออกมา แต่เนื่องจากฮันคยองต้องการที่จะขึ้นแสดงร่วมกับเพื่อนๆในวง เขาจึงได้ขอร้องผู้จัดการและผู้จัด โดยขอใส่หน้ากากขึ้นแสดงบนเวที แต่แล้วก็ต้องถูกฮีชอลดึงไปแล้วถอดหน้ากากออก ระหว่างที่ทำการแสดงอยู่ และพยายามผลักดันให้เขาแสดงบนเวทีต่อจนจบ เพราะฮีชอลต้องการที่จะให้ฮันคยองทำในสิ่งที่เขาต้องการนั่นเอง

          หลังจากที่จัดการเรื่อง VISA เรียบร้อยแล้ว ทำให้ฮันคยองได้กลับมาขึ้นโชว์ได้อีกครั้ง แต่นั่นหมายความว่า เขาสามารถออกทีวีได้ตามที่ทาง VISA กำหนดเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่า ทำให้เขารู้สึกแย่และเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจอย่างเป็นที่สุด แต่เนื่องจากได้กำลังใจจากเพื่อนๆร่วมวง ก็ทำให้ฮันคยองกลับมาเข้มแข็งขึ้นอีกครั้ง

          ในช่วงที่อยู่เกาหลี ในเวลาว่าง ซีวอนมักจะมาคลุกคลีอยู่กับเขาเสมอๆ เนื่องจากจะต้องไปถ่ายทำ
    ภาพยนตร์ที่ประเทศจีน อันเป็นบ้านเกิดของฮันคยอง ทั้งคู่จึงมาแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องภาษากัน โดยซีวอนจะพูดกับฮันคยองเป็นภาษาจีน และฮันคยองก็จะตอบกลับไปเป็นภาษาเกาหลี ...และซีวอน ก็เป็นอีกหนึ่งคน ที่ฮันคยองรักมาก เนื่องจากซีวอนจะคอยช่วยเหลือเขาอยู่เสมอๆ หลายครั้งที่เขาไม่เข้าใจคำถาม คำสั่ง หรือสิ่งที่คนอื่นพูดออกมา ก็จะได้ซีวอนคอยสะกิดบอก หรือคอยอธิบายให้ฟังอยู่ตลอด รวมถึงคอยเสนอความคิดเห็นต่างๆในเวลาที่เขาต้องการความช่วยเหลือ

          ด้วยนิสัยที่มักจะชอบเป็นห่วงคนอื่นๆอยู่เสมอ และเป็นคนที่ไม่ค่อยกล้าสักเท่าใดนัก ทำให้ฮันคยองค่อนข้างจะเกรงใจสมาชิกคนอื่นๆในวง แม้ว่าเขาจะแกล้งคนนั้นคนนี้บ้าง แต่ถ้าหากโดนสวนกลับก็มักจะเป็นฝ่ายยอมให้อยู่เสมอ เว้นแค่ฮีชอล ที่ฮันคยองแทบจะไม่เคยยอมให้เลย และเขาก็อาจจะเป็นคนเดียวที่สามารถเอาชนะฮีชอลได้ แม้ว่าจากลักษณะภายนอกแล้ว จะดูเหมือนว่าฮีชอลนั้นปากกล้า บ้าอำนาจ และคอยเอาแต่ใจกับฮันคยองอยู่เสมอๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาไม่เคยทำได้สำเร็จเลย เพราะเอาเข้าจริง ก็ถูกฮันคยองตอกหน้าหงายแทบจะทุกครั้งไป แต่แม้จะมีเรื่องให้เถียงกันแทบจะทุกวัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่ได้สั่นคลอน เพราะเมื่อใดที่ฮีชอลงอน ฮันคยองก็มักจะคอยตามง้ออยู่ตลอด เพราะสำหรับฮันคยองแล้ว ฮีชอลนั้นคือส่วนหนึ่งของชีวิตเขา คือคนในครอบครัวที่เกาหลีของเขา ถ้าหากเขาไม่มีฮีชอล เขาก็ไม่รู้ว่าจะผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายมาโดยลำพังได้อย่างไร แต่ถึงจะสนิทสนมกันมากสักเพียงใดก็ตาม สิ่งที่ฮันคยองไม่ชอบมากที่สุด ก็คือ การที่แฟนๆจับคู่เขากับฮีชอล และซีวอน

          ภาพลักษณ์ของฮันคยอง นั้นดูจะเป็นชายหนุ่มที่แสนดี อบอุ่น และช่างเป็นห่วงเป็นใยคนรอบข้าง แต่ในอีกมุม เขาไม่ได้ดีอย่างที่หลายๆคนวาดฝันเอาไว้สักเท่าใดนัก เพราะนับตั้งแต่โดนฮีชอลแฉหลายต่อหลายเรื่อง ก็ทำให้ได้รู้ว่า เขาก็เป็นแค่เพียงผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่มีหลายบุคลิคในตัว ไม่ได้ดีเลิศเลอเพอเฟ็คท์ ดังเช่นเจ้าชายในนิทานแต่อย่างใด ... แต่เขาแค่มีความจริงใจ ความห่วงใย และความเอาอกเอาใจให้แค่คนรอบข้างที่หวังดีต่อเขาเท่านั้นเอง

          และในช่วงหนึ่ง ที่ฮันคยองได้หายหน้าหายตาไป ไม่ได้มาร่วมงานกับเพื่อนๆ ก็เนื่องจาก วันที่เขานัดติดต่อกับสถานทูตนั้น ฮันคยองไปไม่ทันเวลานัด เนื่องจากในช่วงกลางคืนหลังจากที่กลับมาจากจีน เขาก็ได้พาฮีชอลไปดูหนังเพื่อฉลองวันเกิดให้กับเพื่อนรัก ซึ่งเป็นหนังผีรอบดึก จึงทำให้ตอนเช้าวันต่อมานั้นไม่สามารถไปพบเจ้าหน้าที่ที่สถานทูตได้ตามเวลาที่จำหนด จึงทำให้การต่อ VISA ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ฮันคยองจึงสามารถกลับมาอยู่เกาหลีได้เพียงครั้งละไม่กี่วันเท่านั้น

          และเมื่อเขาได้ทราบถึงโปรเจค ซูเปอร์จูเนียร์ไชน่า ขึ้น แน่นอนว่าฮันคยองรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้คิดอะไรมากมายไปกว่า การที่จะได้ออกผลงานที่บ้านเกิดของตัวเองอย่างเต็มตัว ฮันคยองไม่เคยคิดว่ามันคือยูนิตย่อย ไม่เคยคิดว่าจะมีใครต่อต้าน ไม่เคยคิดถึงผลกระทบที่จะเกิด เขารู้แค่เพียงว่า ... ในที่สุด เขาก็ได้มีผลงานในบ้านเกิด ได้ร้อง
    เพลงในภาษาที่เขาคุ้นเคย

          แต่ในความเป็นจริงแล้ว ... มันกลับไม่ได้สวยหรู หรืองดงามอย่างที่เขาคิด เมื่อมีแฟนคลับจำนวนมากได้ออกมาต่อต้านโปรเจคนี้ มันสะกิดให้เขาได้รุ้สึก และได้มองย้อนกลับมาถึงความเป็นจริง ว่าชีวิตของเขาอยู่ที่ซูเปอร์จูเนียร์ แม้ว่าจะต้องการที่จะทำงานในฐานะคนจีนสักเพียงใด แต่สุดท้าย เขาก็ยังเป็นซูเปอร์จูเนียร์อยู่วันยังค่ำ ฮันคยองจึงตกอยู่ในภาวะ กลืนไม่เข้า คายไม่ออก เขาไม่สามารถออกความคิดเห็นใดๆเกี่ยวกับโปรเจคนี้ได้ ทั้งสนับสนุน และต่อต้าน สิ่งที่เขาทำได้ก็แค่เพียง ภาวนาให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี




    เขียนโดย

    Dra-cool @ SJ : Flying Together Club
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×