ปราสาทตุ๊กตา
ชื่อสถานที่เรื่องมีอยู่จริง ผู้เขียนนำประสบการณ์บางส่วนที่พบเจอตอนไปเที่ยวมาสร้างใหม่ โดยใช้โครงของเรื่องสยองขวัญที่เคยเขียนทิ้งไว้แต่ไม่เสร็จ เนืืองจากผู้เขียนขี้เกียจจึงแบ่งซอยออกเป็นตอนๆครับ
ผู้เข้าชมรวม
82
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
รถไฟฟ้าความเร็วสูงหยุดลงป้ายสถานีบ่งบอกชื่อย่านการค้า ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกจากชานชาลาไปตามทางเดินหินปูลาด รองเท้าหนังสีดำมันกระทบพื้นเป็นจังหวะ ชุดคลุมสีดำค่อนข้างเก่าแต่สะอาดสะอ้าน ตัดกับหิมะสีขาวบนพื้น เขาเดินด้วยท่าทีผ่อนคลายและหยุดมองเป็นพักๆ กวาดตามองป้ายร้านค้าจนกระทั่งสายตาหยุดอยู่ที่ป้ายไฟสีชมพูอ่อนเหมือนขนมสะดุดตาหน้าร้านแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มลูบคางที่มีเคราหรอมแหรมเบาๆอย่างเคยชินแล้วจึงเดินตรงเข้าไป กระจกบานใหญ่หน้าร้านเผยให้เห็นของเล่นมากมายหลากสีสัน ตั้งแต่ของเด็กทารกไปจนถึงเด็กประถม พื้นที่กว่าครึ่งบนชั้นเป็นตุ๊กตา ชายหนุ่มยืนมองสินค้าในตู้อยู่พักหนึ่ง เดินวนไปมาที่หน้าประตูท่าทางลังเลเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือล้วงไปหยิบโทรศัพท์มือถือนั้น ประตูกระจกก็เปิดออกออกช้าๆ เผยให้เห็นแสงไฟสีส้มนวลดูอบอุ่น กระดิ่งสีทองดังกรุ๊งกริ๊ง
หญิงสาววัยรุ่นท่าทางร่าเริงคนหนึ่งยืนอยู่ที่ประตู เธอมองมาที่ชายหนุ่ม แววตาของเธอดูอ่อนโยนแต่ก็แฝงความขี้เล่น “คุณคัตสึกิ ” เธอส่งยิ้มเป็นมิตรให้ชายหนุ่ม หากเธอไม่ได้ใส่เครื่องแบบพนักงานขายแล้วละก็ใครๆก็คงคิดว่าเธอเป็นครูอนุบาล
“ไง คุณโคโคโระวันนี้อากาศดีนะครับ” ชายหนุ่มยิ้มตอบ น้ำเสียงของเขาฟังดูเด็กกว่าใบหน้า
“เสียงสั่นใหญ่แล้ว ข้างนอกอากาศหนาวนะคะ เข้ามาสิ”
หญิงสาวเปิดประตูนำเขาเข้าไปในร้าน
ด้านในของร้านขนาดไม่ใหญ่พอๆกับรถบัสโรงเรียนสองคันต่อกันเท่านั้น พื้นที่ทุกส่วนของร้านจึงออกแบบมาไม่ให้มีพื้นที่เสียเปล่า เสียงลูกค้าเด็กๆดังสลับกับเสียงห้ามปรามของพ่อแม่ บรรยากาศในร้านอุ่นสบาย ผิดกับอากาศหนาวเย็นภายนอก ยิ่งบนชั้นมีตุ๊กตาขนฟูๆดูนุ่มนิ่มเรียงรายเป็นแถวแล้ว เด็กๆหลายคนแทบไม่อยากออกจากร้านทีเดียว
“ยังดูเซอๆไม่เปลี่ยนเลย ลมอะไรหอบมาคะเนี่ย ?” หญิงสาวเจ้าของร้านหยอก
“ผมไม่ได้เจอเพื่อนเก่าอย่างคุณนานมากแล้ว” ชายหนุ่มกล่าวพลางใช้นิ้วหมุนเน็คไทในมือ
“แค่นั้นเหรอคะ? ”
เธอถาม เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ผมมีเรื่องคุยกับคุณเยอะเลย”
“ถ้างั้นตอนนี้มาช่วยฉันในร้านก่อนแล้วกัน ไว้ปิดร้านแล้วค่อยคุยกันให้เต็มที่” พูดจบหญิงสาวก็หยิบลังใบใหญ่ส่งให้
“แม่ขาพี่ผู้ชายคนนั้นแปลกจัง เล่นตุ๊กตาด้วย” เด็กหญิงท่าทางซุกซนคนหนึ่งพูดยิ้มๆกับแม่
แม่ของเด็กยิ้มตอบ “พี่เขาอาจจะไม่ได้ซื้อไปเล่นเองเหมือนหนูก็ได้นะ”
“เอาละได้ของขวัญวันเกิดแล้วนะ” แม่ลูกคู่นั้นจูงมือกันออกไป พร้อมกับเสียงกระดิ่งที่ประตู ดังกรุ๋งกริ๋ง
“เสียงดังหน่อยนะ แต่ก็น่ารักดี” หญิงสาวพูดลอยๆแล้วหันมาทางชายหนุ่ม “นี่ๆกล่องนี้มันต้องไว้ตรงนี้ต่างหาก!”
“”””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
“ไม่ว่าอะไรใช่ไหมถ้าฉันจะคุยไปด้วยซ่อมตุ๊กตาไปด้วย” เธอถามพลางหยิบตุ๊กตาเก่าขาดตัวหนึ่งขึ้นมา “เจอมันอยู่แถวถังขยะน่ะ”
หญิงสาวซ่อมตุ๊กตาเก่าขาดที่เก็บมาอย่างชำนาญ มันไม่มีตา แขนก็หลุดหายไป
“ผมจะมาบอกคุณว่าได้งานสอนที่โรงเรียนในเมืองใกล้ๆนี้ คงจะได้เจอกันบ่อยขึ้น”
“โรงเรียนม.ปลาย? ชื่อนี่มัน..โรงเรียนที่พวกเราเรียนกันตอนเด็กๆนี่” หญิงสาวถามพลางแทงเข็มเย็บผ้าทีละเข็ม ละเข็มค่อยๆเติมชีวิตให้กับตุ๊กตา
“ทำให้นึกถึงอะไรขึ้นมารึเปล่าครับ?”
“นึกถึงคนที่มาเรียนสาย ชอบเหม่อลอย ทรงผมประหลาด” เธอพูดยิ้มๆ
“ผมนึกถึง หัวหน้าชั้นปี นักเรียนดีเด่น..” ชายหนุ่มกล่าว
“แบบนี้แหละถึงจะน่ารักดี..” หญิงสาวยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ตุ๊กตาหมี เจ้าตุ๊กตาเหมือนจะยิ้มตอบ
“ฉันไม่รู้ว่าสองคนนี้คบกันได้ยังไง เนอะเจ้าหมีคิดว่าไงหือ..” หญิงสาวพูดโดยแกล้งดัดเสียงหมี
หิมะด้านนอกยังคงโปรยปราย เหมือนปุยนุ่นขาวๆ แม้ว่าจะเป็นกลางคืนย่านการค้าแห่งนี้ก็ยังมีผู้คนเดิน ป้ายไฟหลากสีประชันความเด่นกันในยามราตรี จนกลบรัศมีดวงดาว ยามค่ำคืนนอกจากจะหมายถึงความสงบและเวลาแห่งการพักผ่อนแล้ว บางครั้งมันอาจหมายถึงอันตราย เพราะยามค่ำคืนคือความมืด โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ มักมีความมืดที่มองไม่เห็นมากกว่าที่ใดๆ เพราะสภาพสังคมในเมืองมักสับสนวุ่นวายจนผิดแปลก ส่งผลให้มีอาชญากรรม และเรื่องผิดปกติต่างๆเกิดขึ้น
ประตูเปิดออก ลมหนาวพัดเข้ามาในร้านระลอกใหญ่ หญิงสาวคนหนึ่งก้าวเข้ามาในร้านโดยที่พวกเขาไม่ได้สังเกต
หญิงสาวเจ้าของร้านสะดุ้ง เธอเงยหน้าขึ้นและพบว่าที่หน้าเคาเตอร์มีคนยืนอยู่ หญิงสาวแปลกหน้าร่างสูง ผมย้อมสีทองตัดสั้น หากมองจากด้านหลังอาจเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ชายได้
“ขอโทษที่รบกวนนะคะ” หญิงสาวผมสั้นกล่าวเสียงเย็น
“ร้านเราปิดแล้ว” หญิงสาวเจ้าของร้านรีบพูด
หญิงสาวผมสั้นแกล้งมองไปที่ป้าย “อย่าพึ่งรีบร้อนสิ ฉันมีธุระกับคุณต่างหากคุรเจ้าของร้าน”
“ฉันแค่อยากรู้ว่า เธอ-มี-ธุระ-อะไร ” หญิงสาวเจ้าของร้านตอบเสียงเรียบ
“พอดีมาทำงานน่ะ เลยแวะมาเยี่ยม” หญิงสาวผมสั้นกล่าวเสียงเนือยๆพลางกวาดตามองร้าน “อ้าวคุณมีแขกด้วยเหรอคะเนี่ย”
“เธอยังไม่ได้ตอบคำถามฉัน”
“ฉันก็มีคำถามให้คุณเหมือนกัน ” หญิงสาวผมสั้นหยิบกระดาษแผ่นแผ่นหนึ่งออกมายื่นให้เจ้าของร้าน “ฉันมาเพราะเรื่องนี้..เรื่องที่เกิดขึ้น ฉันต้องการคำตอบที่น่าพอใจ” หญิงสาวผมสั้นกล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
ประตูเปิดออกอีกครั้ง ชายร่างใหญ่สองคนเดินเข้ามาในร้านยืนคุมเชิงอยู่ด้านหลังหญิงสาวผมสั้น
ชายหนุ่มสบตากับหญิงสาวเจ้าของร้านทำท่าหารือแต่หญิงสาวเจ้าของร้านส่ายหน้า
“เรามีเวลาไม่มากครับหัวหน้า” ชายร่างใหญ่กล่าว
ประตูยังคงเปิดกว้าง อากาศหนาวเย็นข้างนอกเริ่มผนึกรวมกับอากาศอุ่นภายในเป็นเนื้อเดียว บรรยากาศที่เริ่มเย็นสงบนิ่ง ของเล่นทุกตัวในร้านหากมีชีวิตพวกมันอาจอยากลุกขึ้นมายืนข้างเจ้านายของพวกมัน เผื่อว่าจะช่วยคลายความหนักใจไปได้ หญิงสาวเจ้าของรับกระดาษมาดูหางตาเธอสั่นกระตุก เธออ่านจบแล้วฉีกมันเป็นชิ้นๆ
หญิงสาวผมสั้นเลิกคิ้ว พลางมองเจ้าของร้าน
“ฉันยืนยันคำตอบเดิม” หญิงสาวเจ้าของร้านเงยหน้าขึ้น แววตาเธอแน่วแน่
“ฉันนึกว่าคุณจะเลือกตัวเลือกที่ดีกว่านี้” หญิงสาวผมสั้นแกล้งถอนหายใจ “ฉันคงต้องกลับไปมือเปล่าใช่ไหมคะเนี่ย”
“ก็คงงั้นแหละ” หญิงสาวเจ้าของร้านพูดเยาะๆ
หญิงสาวผมสั้นยังคงรักษาสีหน้าไร้ความรู้สึกเอาไว้ได้ เธอโบกมือส่งสัญญาณให้ชายร่างใหญ่ทั้งสอง “ไปรอข้างนอก” เธอพูดเสียงสั้นห้วนเหมือนเสียงที่เจ้านายใช้สั่งสุนัข แล้วจึงหันหลังกลับ เดินไปที่ประตูแต่ละก้าวกระฉับกระเฉงราวกับนักกีฬา
“ฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจเรื่องนี้สักที” หญิงสาวผมสั้น “เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อน..มันเกิดขึ้นอีกแล้ว”
“เธอด้วยพ่อหนุ่ม” เธอพูดกับชายหนุ่ม “ฉันแนะนำว่าคุณควรอยู่ห่างๆ ผู้หญิงคนนี้ไว้”
ประตูปิดลง ปิดกั้นอากาศหนาวจากภายนอก
“พวกทวงหนี้?” ชายหนุ่มถาม
“ถ้าใช่ฉันจะรู้สึกดีกว่านี้มาก” หญิงสาวเจ้าของร้านตอบ
“”””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””’””””””
ชายหนุ่มขี่จักรยานไปตามถนน อากาศยามค่ำคืนเย็นยะเยียบกรีดแทงผิวเนื้อ ราวกับว่าหิมะบนท้องฟ้าเห็นผู้คนและสัตว์บนพื้นโลกเป็นผักปลา สองข้างเป็นมีไร่นา โรงงานขนาดใหญ่ผุดขึ้นกลางทุ่งกว้างเกษตรกรรม ดูราวกับสิวดื้อ ปล่องควันปล่อยไอน้ำสีขาวตัดกับฟ้าสีเทา ถนนสายหลักกว้างพอสำหรับรถจำนวนมาก แต่ในเมืองเล็กๆแห่งนี้จะมีรถมากแค่ไหนกันเชียว
ชายหนุ่มสั่นสะท้านเพราะทั้งความหนาวและเรื่องที่เกิดขึ้น โคโคโระไม่ยอมบอกอะไรเขาเลยหลังจากการปรากฏตัวของหญิงสาวแปลกหน้าคนนั้น และยังปฏิเสธที่จะให้ไปส่ง
“คุนิทาจิ” ป้ายขนาดใหญ่ตั้งอยู่ริมทาง
ต้นไม้สองข้างทางเป็นสีขาวเทา ไม่มีใบ กิ่งก้านแห้งเหี่ยวขึ้นตัดกันเหมือนไยแมงมุม ด้านล่างมีลำธารสายเล็กๆลมหนาวพัดมาทำให้มือของเขาที่กุมแฮนด์จักรยานชาด้านไร้ความรู้สึก แม้ว่าเมืองๆนี้ดูเผินๆจะเป็นเมืองใหม่ แต่ก็มีส่วนที่ทีประวัติยาวนานอยู่ด้วย เขาไม่ค่อยชอบผ่านไปแถวนั้น เพราะค่อนข้างเงียบ มีแต่ศาลเจ้าเต็มไปหมด เขานึกถึงตอนสมัยเรียนตอนที่ไปทัศนศึกษาและพลัดหลง รอบข้างมีแต่ต้นไม้แห้งสีขาว บนพื้นมีใบไม้แห้งกองสูง มองไกลๆจะเห็นปราสาทของขุนนางสมัยโบราณอยู่บนยอดเขา ถนนหนทางดูชัดเจน แต่ความจริงแล้วเพียงแค่ออกนอกทางไป ก็จะต้องเดินวนอยู่เป็นชั่วโมงๆ นี่เป็นความฉลาดของคนที่สร้างปราสาทนี้ เขาจำได้ว่าทุกๆก้าวที่เขาเดินจะมีเสียงกรอบแกรบ ราวกับว่ามีคนเดินตาม แต่พอหันไปแล้วก็ไม่พบใคร
กระดาษแผ่นนั้นมีอะไร ผู้หญิงปริศนาคนนั้นคือใคร มีแต่เรื่องให้คิดเต็มไปหมด
“สิบปี..สิบปี...”แล้วชายหนุ่มก็นึกอะไรบางอย่างออก มันเป็นช่วงที่เขาพบกับโคโคโระพอดีนี่!
ผลงานอื่นๆ ของ Cappucilla ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Cappucilla
ความคิดเห็น