NightmareDestiny - NightmareDestiny นิยาย NightmareDestiny : Dek-D.com - Writer

    NightmareDestiny

    ก็เป็นเรื่องเเรกนะครับ ที่เขียน อยากลองเขียนดูยังไงก็ติชมกันหน่อยนะคร้าบ

    ผู้เข้าชมรวม

    311

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    311

    ความคิดเห็น


    10

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  8 มี.ค. 53 / 21:26 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    จะเป็นเป็นอย่างไรเมื่อคุณได้ฝันถึงเรื่องเเปลกๆ ภาพเเปลกๆ เเละเรื่องราวเเปลกๆ เเล้วพอตื่นขึ้นมาฝั้นนั้นก็กลายเป็นจริง  "มิ้น" วัยรุ่นสาววัย 17 ปีต้องเตรียมตัวเข้ามหาลัย ต้องมีชะตากรรมที่เปลี่ยนไปเมื่อเธอได้ประสบกับเหตุการณเเปลกๆที่กล่าวมา มีเพียงเธอเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนชะตาของคนอื่นเเละโลกได้
    ..................................................................................................................................................................................
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ท่ามกลางกำเเพงจตุรัสสีขาวโพลน มองไปทางใหนก็เห็นเเต่ความว่างบนพื้นสีขาวที่เเม้เเต่ไรฝุ่นยังไม่มีเเม้นเเต่เงาให้เห็น มีเพียงสาวน้อยผมยาวดำขลับประเเผ่นหลังยืนตระหง่านอยู่กลางห้อง สวมอาภรสีขาวกลืนกับสีห้อง ดวงตาเป็นประกายสีฟ้า เเม้เธอมองไปรอบๆด้วยความฉงน พลางนึกคิดว่าที่นี่ที่ไหน
      .....................................................

      "ความฝัน" เสียงชายผู้หนึ่งดังมาจากด้านหลังของเธอ

      ชายปริศนาสวมผ้าคลุมสีดำปิดใบหน้ามิดยืนอยู่ห่างเธอเพียงไม่กี่ก้าว

      "ที่นี่คือความฝัน" เขาพูดต่อทันทีเธอหันมาด้วยความตื่นตระหนก

      "ค..คุณเป็นใคร?" หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงกล้าๆกลัวๆ

      "....." ชายปริศนาไม่ตอบคำถาม

      "ความฝันของเธอ" ชายปริศนาพูดพลางชี้นิ้วไปที่ตัวของหญิงสาว

      ทันทีที่เธอมองตาตามไปที่ชายคนนั้นชี้

      ชุดนอนกระโปรงสีขาวโพลนที่เธอไส่ตอนเเรก ในตอนนี้มันเต็มไปด้วยคราบเลือด เศษชิ้นส่วนมนุษย์ เเละห้องสีขาวโพลนที่เเม้เเต่เงายังไม่มี ตอนนี้มันเกลื่อนไปด้วยเศษซากร่างกายเเละอวัยวะมนุษย์ 
      จากสีขาวกลายเป็นสีเเดง
      พื้นห้องที่เคยใสสะอาด เต็มไปด้วยน้ำสีเเดงประดุจไวน์เเดงชั้นดีเเละซากศพ ส่งกลิ่นเหม็นคาวเเละเน่าเสียรัญจวนใจ

      "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!" เธอกรีดร้องหร้อมหลับตาปี๋ด้วยความกลัว
      ..............................................................................

      "เอามันออกไป!!!!!!!!!....ช่วยด้วย!!!!!!" 
             หญิงสาวร้องลั่นด้วยความกลัวพลางสะบัดมือไปมาจนมือไปตบโดนอะไรบางอย่างที่เเข็งๆ เเล้วก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมากระทบหัวจนหัวเธอเจ็บระบม

             เธอลืมตาขึ้นด้วยความหวาดหวั่นก็พบว่า สิ่งนั้นคือโคมไฟตั้งโต๊ะที่เธอตั้งไว้ข้างเตียง

      "ซี้ดดดดดด...อะไรกันเนี่ย..เจ็บ" หญิงสาวโอดครวญพลางเอามือลูบศรีษะ


      "โอยกี่โมงเเล้วเนี่..."   สิ้นเสียงที่เธอพูดนัยน์ตาที่เป็นประกายได้เบิกโพลงขึ้น
       
      "ว้าย!!!!!!...ตายแล้ว 7 โมงแล้ว"
              เธอที่รีบลุกออกจากเตียงทันทีที่เธอพูดจบพลางรีบทำภารกิจตอนเช้าให้เรียบร้อย แล้วจ้ำอ้าวออกจากบ้านทันที
       
      "มิ้น!!!ไม่ทานเข้าเช้าเหรอลูก"  เสียงแม่ที่มิ้นคุ้นเคยตามหลังมาติดๆทันที่เธอออกจากบ้าน
       
      "ไม่ค่ะแม่!!มันไม่ทันแล้ว!!"
       
      "ต...แต่ว่า"เธอพูดน้ำเสียงตะกุกตะกัก
       
      "ขอโทษนะคะ หนูไปล่ะนะ" เธอพูดพร้อมไส่เกียร์ 5 ออกจากบ้านไปโรงเรียน
       
      "เดี๋ยวลูก!!"   เธอตะโกนเรียกสุดเสียง แต่ไม่ทันลูกสาวของเธอได้ไปแล้ว(ด้วยความเร็ว 2.2 มัคต่อชั่วโมง)
       
      .
        
                 ทิ้งให้แม่ต้องกลับมานั่งบนโซฟาด้วยความเหงาปนเศร้านิดๆ หารู้ไม่ว่าสิ่งที่เธอกำลังจะพูดนั้นคือ
       
      "ลูกลืมกระเป๋าน่ะ"
       
      .
           ระหว่างทางที่มิ้นกำลังเดิน(วิ่งมากกว่ามั้ง- -)ไปโรงเรียน เพียงหางตาเท่านั้นที่เห็นชายไส่ผ้าคลุมไปแว้บนึง
           เธอหยุดแล้วหันกลับไปมองฟุตบาทที่เธอวิ่งผ่าน เห็นเพียงแต่ความว่างเปล่า
       
               ตาฝาดมั้งเธอหันหลังกลับพร้อมที่จะวิ่งไปโรงเรียนต่อ เธอก็เห็นป้าแก่ๆหนึ่งคนกำลังหาบของพะรุงพะรังเดินตรงมาทางนี้ ด้วยจิตอาสา(ไม่เชื่อ!!!)ของมิ้น 

                มิ้นจึงคิดที่จะเข้าไปช่วยพยุงของให้มาส่งที่ป้ายรถเมล์ใกล้ๆ แต่เธอก็ได้แต่คิด เพราะทันที่มองเห็นนาฬิกาข้อมือสุดเท่ที่เฃซื้อมาจากจตุจักรอันละ 199 บาท
                เธอจึงตัดสินใจไม่ช่วยป้าคนนั้นแล้ววิ่งจ้ำอ้าวไปโรงเรียนต่อ แค่ทันที่เธอได้ก้าวขาออกมาเพียงก้าวเดียว รถเมล์คันหนึ่งที่วิ่งเป็นประจำบนถนนสายนี้เป็นประจำ จนชินสายตาของเธอ 

                 ได้เสียหลักหักออกข้างทางไปชนฟุตบาทที่ป้าคนนั้นยืนอยู่ดัง
      ครืน!!! ใหญ่ และไถลเป็นทางยาวจนไปบดร่างของป้าที่เธอคิดจะช่วยเมื่อครู่นี้ 
                  จนร่างของป้าคนนั้นฉีกออกเป็นชิ้นๆ เลือดกระเซ็นเป็นสายไปทั่วบริเวณนั้น เครื่องในที่ป้าคนนั้นหอบอยู่ในถุงได้ปะปนกับไส้ของมนุษย์ที่ถูกฉีกเป็นซากศพ  

                   และในที่สุดรถเมล์ก็หยุดไถลห่างจากจุดที่เธอยืนอยู่เพียงสามฟุต  มิ้นได้แต่ยืนหลังแข็งเหลือแต่เพียงความกลัวเท่านั้นที่จับไปถึวขั้วหัวใจ เธอได้แต่มองพูดไม่ออกก้าวขาไม่ได้ ได้แต่ชายตามองดูซากแห่งความพินาศที่อยู่ตรงหน้า  

                   จนในที่สุดก็มีกลุ่มคนผู้หวังดีมาช่วยกู้สถานการณ์พลางดึงตัวเธอออกจากจุดเกิดเหตุ แล้วต่างคนก็ต่างหาผู้รอดชีวิตและผู้บาดเจ็บ พลางรีบโทรเรียกรถพยาบาล และตำรวจ 

                    ทุกสิ่งทุกอย่างเธอเห็นเหมือนผ่านไปเร็วมากจนเธอตามไม่ทันแต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับเหตุการณ์ที่ประสบเมื่อครู่ เธอได้แต่นิ่งไม่พูดไม่จากับหน่วยกู้ภัย มีเพียงแต่ความหนาวยะเยือกที่เธอสัมผัสแม้เพียงชั่วอึดใจเดียว นั่นก็คือ"
      ความตาย"
      ......................................................
      เวลาผ่านล่วงเลยไปจนถึงเที่ยง 
                    เธอได้แต่นั่งอยู่ในที่เกิดเหตุใกล้ คอยมองแต่ความชุลมุนวุ่นวายที่อยู่ข้างหน้า   ถึงแม้เธอจะอยู่ในเขตปลอดภัย เต่ความกลัวที่เธอมีก็ไม่ได้จางหายไปแม้แต่น้อย จนเธอรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากในกระเป๋าข้างกระโปง เธอล้วงเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาดู ว่าใครโทรมา

      "เเม่"

      "ฮัลโหลค่ะ..เเม่"

      "มิ้น!!ลูกอยู่ไหน"

      "คือ..หนูอยู่ตรงป้ายรถเมล์หน้าปากซอยนะค่ะ"

      "เเล้วทำไมลูกไม่ไปโรงเรียน..ฮึ!"

      "คือ.."

      "อะไรนะ.."

      "คือ...เเม่มาดูเองดีกว่าค่ะ..หนูอธิบายไม่ถูก"

      "อธิบายอะไรกันลูก...เเม่อยากรูว่าหนูทำอะไรอยู่"

      "เเม่มาเถอะค่ะ..หนูขอร้อง"

      "....."

      "ก็ได้..ลูกเดี๋ญวเเม่ไปหา"

      "ค่ะเเม่...." เเล้วมิ้นก็วางสายไป

      .............................................

      15 นาทีต่อมาที่มิ้นนั่งครุ่นคิดว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น คุณเเม่ของมิ้นก็ได้มาถึง เเต่เเม่ก็บอกว่า"ไม่ต้องพูดเเล้ว" ทันทีที่เห็นเหตุการณ์ พร้อมกับโอบกอดลูกสาวของตนทันที

      "เเม่ค่ะ..หนูกลัว" มิ้นพูดพลางน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา

      "ไม่เป็นไรลูก"เธอพูดพร้อมกับลูบหัวลูกตน

      "เเม่ค่ะ...หนู...."

      "ไม่เอา...อย่าพึ่งพูดเรื่องนี้..ไว้คุยกันวันหลัง"

      "เเต่..."
       
      "เเม่รู้เเล้ว...ระหว่างทางที่มา" เธอพูดพลางเเกะมือลูกสาวที่กอดอยู่ตรงสะเอวเเล้วเปลี่ยนมาเป็นกุมมือเเทน

      "มีคนบอกเเม่ระหว่างเดินมานี่น่ะ"

      "ใครหรอคะ"

      "อ๋อ..ก็..."

      "คุณผู้หญิงที่ยืนอยู่นั้นน่ะ!!!!!!"เสียงบุรุษกู้ภัยดังลั่นมาข้างหลังก่อนที่เเม่จะพูดจบ

      "หา?..เอ่อ..ค่ะ" เเม่หันไปพบหน้ากับบุรุษกู้ภัยที่กำลังวิ่งเหยาะๆมาทางนี้

      "คุณเป็นผู้ปกครองของเด็กคนนี้หรือเปล่าครับ" เขาพูดพลางปาดเหงื่อที่หน้าผาก

      "อ๋อ..ค่ะ"

      "'งั้น..ฝากพาไปเช็คร่างกายก่อนนะครับเพราะเธอไม่ยอมพูดอะไรกับผมซักคำเลยเเถมยังโวยลั่นด้วยเวลาผมขอตรวจร่างกายเธอนะครับ"

      "สงสัยเธอคงกำลังช๊อคนะค่ะ"

      "ยังไงก็พาไปเช็คร่างกายก่อนกลับบ้านนะครับ"

      "ค่ะ..ขอบคุณมากค่ะ"

      "ไม่เป็นไรครับ" เขาพูดพลางหันกลับไปดูเเลผู้บาดเจ็บต่อ

      "ไปกันเถอะลูก" 
            เเม่พูดพลางพยุงเธอเดินออกจากไปทิ้งไว้เเต่ความพินาศไว้ข้างหลัง เเต่ความตายยังคงโชยกลิ่นตามตัวเธอไปตลอดทางไม่ขาดสาย

      .......................................................................................................

      เวลา 3 ทุ่มเศษๆ 
             ท่ามกลางราตรีที่ส่องสว่างด้วยเเสงจันทร์สีนวลท้องฟ้าที่มืดมิดทอเเสงเป็นประกายด้วยเเสงดาว หิ่งห้อยเพียงไม่กี่ชีวิตลอยละล่องท่ามกลางหมู่พฤกษาอาบเเสงจันทร์ชวนจินตนาการ    


             ถึงเเม้บรรยากาศรอบๆบ้านรื่นรมย์ซักเท่าไรก็ไม่สามารถล้างกลิ่นคาวเลือดที่ติดมือของสาวน้อยคนนี้ได้

      "ก๊อกๆๆ" เสียงถีบ..เอ้ย!..เคาะประตูดังขึ้นเเต่ก็ไม่ทำให้มิ้นตอบรับเเต่ใดๆ
      "มิ้น!..ไม่กินข้าวเย็นเหรอลูก"

      "ไม่ค่ะ...." เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เเน่นิ่ง

      "งั้นเเม่วางไว้บนโต๊ะนะ..หิวเมื่อไหร่ก็ลงมากิน"

      "......"

                เสียงคนเดินลงบันไดไปเเสดงให้รู้ว่าเเม่ลงไปเเล้วเเต่ก็ไม่ทำให้มิ้นสนใจเเม้เเต่น้อย  สิ่งที่เธอครุ่นคิดนั้นทำให้เธอหวาดกลัวจนในที่สุดด้วยความเหนื่อบล้าของวันนี้  ทำให้เธอ....ผลอยหลับไป

      ...........................................................................................................

                 ลืมตาขึ้นอีกครั้ง สีหน้าที่ซีดเผือดเเต่ดวงตาที่เป็นประกายสีฟ้าปรากฏบนใบหน้าของมิ้นอีกครั้ง เมื่อเธอตื่นขึ้นอยู่ท่ามกลางจตุรัสกำเเพงสีขาวโพลนเฉกเช่นฝันครั้งล่าสุด  

                 เเต่ครั้งนี้มีเพียงหนึ่งที่คอยพร่ำบอกจากที่ไหนซักในห้องทำให้เธอเริ่มเสียสติคอยมองหาที่มาของเสียงเเต่ไม่มีวี่เเวว เสียงนั้นยังคงพร่ำบอกเธออย่างนั้น จนเธอรู้ถึงบางสิ่งอยู่ในมือข้างขาวของเธอ 

                 มิ้นคลายมือออกก็พบว่ามันเป็นตะปูด้ามยาวขนาดพอดีมือเเต่สิ่งที่ให้เธอกรีดร้องขึ้น ตะปูดอกนั้นฝังอยู่กลางฝ่ามือเธอเเละตะปูเล่นนั้นค่อยๆผุดออกมาจากฝ่ามือ 

                 เลือดสีเเดงฉานทะลักออกมาจากมืออาบไปทั่ว จนเปรอะชุดนอนกระโปรงยาวสีขาวเหมือนฝันเมื่อวันก่อน 
                  
                 จนในที่สุดตะปูเล่นนั้นก็ผลุดออกมาจากมือเธอจนได้ เลือดสีเเดงที่พุ่งกระฉูดดั่งสายยางฉีดน้ำ ยังคงกระเซ็นไม่ขาดสาย 
                  
                  เธอได้เเต่กรีดร้องจนเสียงขาดหายไปเเล้วความเจ็บปวดได้มาเเทนเสียงที่หายไปนั้น  เธอรู้สึกถึงบางสิ่งกำลังทิ่มเเทงเธอจากภายในลำคอเเล้วค่อยๆเคลื่อนขึ้นมาจนถึงโคนลิ้น 
                  
                   มันระคายมากจนเธอไอออกมายิ่งไอความเจ็บปวดก็ยิ่งมาก เธอจนเป็นเลือดเเทนที่จะกรีดร้อง เเละสิ่งที่กระเซ็นออกมาพร้อมเลือดจากปากของเธอคือ "ตะปู" 

                   น้ำตาเธอเอ่อล้นเป็นสายเลือด ความเจ็บปวดได้มาเยือนอีกระลอกนึงครั้งมันเเผ่ซ่านไปทั่วร่าง เลือดที่กระเซ็นออกมายิ่งไหลมากขึ้น มิ้นได้เเต่โอดครวญอย่างไร้เสียงเเละรู้สึกถึงความเเข็งเเละความเจ็บทั่วร่างกาย 

                  เธอสังเกตเห็นเเผลเล็กๆที่ปูดนูนขึ้นเเละค่อยๆใหญ่ขึ้นตามร่างกาย สิ่งที่ทำให้เธอมีเสียงที่จะกรีดร้องลั่นอีกครั้งคือ ในเเผลเล็กๆตามร่างกายเเละฝบหน้านั้นมีตะปูค่อยๆผุดออกมาทีละเล็กทีละน้อย 

                   เลือดที่อาบทั่วร่างกายจากปากเเผลเเละหนองที่ไหลย้อยจากรอบๆเเผลยิ่งทำให้เธอเจ็บเเสบเหมือนเอาเเอลกอฮอล์ราดเเผลสดๆ  น้ำตาที่เป็นเลือดเเละเลือดที่หลั่งรินจากร่างกายได้ไหลไปทั่วพื้นห้องสีขาวจนย้อมให้กลายเป็นสีเเดงชุ่มเลือด  
                    
                    ตะปูที่ผุดออกมาตามร่างกายในได้ผุดออกมาดอกเเล้วดอกเล่าไม่มีวันหมดสร้างความทรมานอยากตายสำหรับสาวน้อยผู้นี้เป็นอย่างมาก เเละในที่สุดทุกอย่างก็ดับวูบลง
      ...............................................................................................

                    ประกายเเสงสีทองส่องผ่านรูม่านในห้องนอนที่ปิดมิดชิด กระทบกับโคมไฟข้างเตียงเเวววับกระทบตาของหญิงสาวที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อตามร่างกายส่งผลทำให้ชุดนอนที่เบาบางเเนบเนื้อจนเห็นรูปทรงองเอวของหญิงสาววัย 17 ปี อย่างชัดเจน 

      "ฝันเเปลกๆอีกเเล้ว" เธอพูดพลางชันตัวขึ้นจากที่นอนเเล้วมองดูนาฬิกา

      " 6 โมงเองหรอ "เธอพูดพลางปาดน้ำตาออกข้างเเก้ม

                       มิ้นคิดที่จะนอนต่ออีกซักหน่อยตามนิสัย  เต่ก็ต้องมาฉุกคิดถึงเรื่องที่ฝันเมื่อกี๊ เลยทำให้เธอตาสว่างพอที่จะไปทำกิจกรรมต่างๆตอนเช้า  

                        ถึงเเม้ว่าจะไม่หวาดกลัวเท่าเมื่อวานเเต่วันนี้ก็ความกลัวก็ยังมากพอที่จะทำให้เธอไม่สุงสิงกับใครที่โรงเรียนได้ จนเธอไปถึโรงเรียนสมาธิที่เธอมีกับการเรียนได้หายไปอยู่ในความหวาดกลัวเเละกังขาของเรื่องที่เกิดในเมื่อวาน

         
      เสียงกริ่งดังขึ้นหมายถึงคาบเรียนคาบนี้หมดเเล้ว

      "มิ้น" เสียงเพื่อนสนิทคนหนึ่งของเธอทักขึ้นระหว่างไปเรียนคาบต่อไป

      "อ้าว..เอียร์มีไรหรอ"

      "วันนี้มิ้นมีไรป่าว..เห็นซึม"

      "อ๋อ...ไม่มีไรหรอก..ไปเรียนเถอะ"เธอพูดพลางเเต๊ะไหล่เพื่อนสนิท

                คาบต่อไปที่จะเรียนเป็นคาบการงานอาชีพ   อาจารย์ก็ไม่ว่างมาสอนอีกเช่นเคย ได้เเต่สั่งงานบนกระดานไว้ ก็ได้เเต่นั่งทำงานไปเเต่งานก็มีเเค่นิดเดียว เลยว่างตลอดคาบ 

                ในห้องการงานอาชีพก็รู้ๆกันอยู่ว่าจะมีเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับงานช่างอยู่มากมาย  เเต่มิ้นต้องมาสะดุ้งเฮือกทันที่เห็นวัสดุที่งานช่างจะขาดไม่ได้ นั่นก็คือ "ตะปู" 

      "โว้ย!!!....ว่างโว้ย" เสียงเเบ๊งค์ หัวโจกประจำห้องบ่นพลางบิดขี้เกียจไปทางซ้ายทีขวาที

      "มึงก็ทำงานที่'จารย์สั่งดิวะ"เสียงเพื่อนชายอีกคนท้วงขึ้นมาพลางทำสีหน้าไม่สบอารมณ์

      "ขี้เกียจว่ะ..สาด"เเบ๊งค์พูดโดยไม่มองหน้าคนท้วงเเต่หันไปจับอุปกรณ์งานช่างอื่นๆเล่น

      "เออ...มึงถึงได้ไม่เกรด 2 ไงวะ 5555+" 

      "อ้าวๆ...เดี๋ยวกูยิงไส้ไหลเลยนะมึง"เเบ๊งค์พูดพลางหยิบบางสิ่งจากชั้นวางเครื่องมือ

      "ยิงไรของมึงวะ?"เพื่อนเเบ๊งถามทันทีที่เเบ๊งพูดจบ

      "นี่ไง"เเบ็งค์พูดพลางเอาบางสิ่งที่ทำให้ให้มิ้นตาเบิกโพลงจ่อใส่เพื่อนอีกคน

                  สิ่งนั้นก็คือ"ปืนยิงตะปู" เเบ็งค์ทำท่าอยอกล้อเหมือนจะยิงไส่เพื่อนอีกคนเเต่กิริยาท่าทางนั้นทำให้มิ้นต้องปาดเหงื่อทันที  เเล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น 

                  เมื่อมีนักเรียนคนหนึ่งที่อยู่ในวัยคึกคะนองมาจุดประทัดเเล้ว ปาเข้ามาในห้องเรียน "ปัง!!!!!" เสียง...ถึงเเม้จะได้ยินกันบ่อยๆเเต่มันก็ยังทำให้ใครบางคนตกใจได้  

                 นักเรียนในห้องสะดุ้งกับเสียงประทัดกันทุกคนโดยเฉพาะเเบ๊งค์ที่ชอบเก๊กอยู่ตลอดเวลายังร้อง"ว้าย!!!"ออกมาสร้างความขบขันให้กับห้อง เเต่สิ่งที่ทำเพื่อนคนที่นั่งข้างมิ้นกรี๊ดออกมานั้น  

                 ถึงเเม้ว่ามิ้นจะอยู่หลังห้องเรียนเเต่การที่เเบ๊งค์สะดุ้งทำให้เขาเผลอกดยิงตะปูไป 1 ดอก...... 


                  .....เเละดอกนั้นทำให้ใครในห้องต่างต้องรีบส่งมิ้นเข้าโรงพยาบาลโดยด่วน เพราะตะปูดอกนั้นฝังเข้าไปในลำคอของเธอสุดลำ เลือดที่กระเซ็นเป็นสายดั่งสายยางฉีดน้ำ พุ่งไม่หยุดจนเพื่อนคนข้างๆหมดสติเป็นลมไปด้วยความกลัว 

      "มิ้น!!..."

      "มิ้น!!!!..อย่าเป็นไรไปนะ"

      "มิ้นทำใจดีๆไว้"

      "เฮ้ย!!!ใครก็ได้เรียก'จารย์ที"

      "มึงเรียกรถพยาบาลก่อนดิ..ไอ้สัด"

      "ล..ล..เลือดไหลไม่หยุดเลย"

      "หลีกทางให้อาจารย์หน่อย"

      เสียงเหล่านี้เป็นเสียงเธอได้ยินห่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นสีขาวโพลน

               ถึงเเม้ว่ามิ้นจะถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินทันเเต่นั่นก็ทำให้เธอได้ยินเสียงใครบางคนพูดกระซิบในหัวเธอ

      "ฉันบอกเธอเเล้วนะ"

      "ฉันช่วยเธอเเล้วนะ"

      "เธอไม่ฟังฉันเอง"

               สารพัดคำพูดที่เธอได้ยินล้วนเป็นเสียงที่เธอเคยได้ยินในความฝันทั้งนั้น   เธอได้เเต่ร้องไห้อยู่ในห้องสีขาวโพลนห้องนั้นคนเดียว

      ............................................................................................................

      จบเถอะ...เหนื่อย




      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×