คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : The Prince of Darkness
"เจ้าหญิงตัวน้อย?!" เจ้าหญิงตัวน้อยย้อนเสียงสูงด้วยใบหน้าที่พลันบึ้งตึงก่อนจะรวบรวมแรงขยับดิ้นรนอีกครั้ง ขาเรียวพยายามจะถีบคนรงหน้าให้ถอยห่าง หากแต่ร่างสูงที่ทาทาบลงมาจนแนบชิดก็ทำให้เขาชะงักค้าง หยุดทุกการเคลื่อนไหวลงในทันที
"ทำไม...ไม่ชอบหรอครับ" ชายแปลกหน้าย้อนถามด้วยคำถามที่ฟังดูสองแง่สองง่ามพลางเลื่อนปืนลงมาประชิดแนบอยู่ข้างชายโครง จงใจลากผ่านยอดอกใต้เสื้อเชิ้ร์ตเนื้อดีราวกับอยากจะระบายแก้มเนียนด้วยสีแดงปลั่งของเลือด...ซึ่งเขาก็สร้างสรรค์ผลงานได้อย่างงดงามจนน่าหลงใหล
"ไอ้บ้า!...อย่ามาเล่นลิ้นกับ...อุ๊บ!" คำพูดร้ายๆถูกทำให้หยุดชะงักด้วยริมฝีปากร้อนของคนที่ถูกต่อว่าต่อขานราวกับทนไม่ได้ที่จะเห็นปากแดงๆคู่นั้นขยับพ่นถ้อยคำหยาบคายใส่เขาอีกต่อไป
"อื้ออ!" ทงเฮร้องครางอื้ออึงอยู่ในลำคอพลางพยายามจะผลักร่างสูงของคนตรงหน้าให้ออกห่าง ริมฝีปากบางเม้มแน่น ป้องกันไม่ให้ถูกรุกรานเข้ามาภายใน แต่มือที่กำอยู่รอบลำคอก็บังคับให้เขาเผยอริมฝีปากอ้าออกมาได้อย่างง่ายดายด้วยการบีบบังคับที่รุนแรง ลิ้นร้อนกวาดกระหวัดเขาไปในโพรงปากแสนหวานอย่างจาบจ้วง ควานหาความหอมหวานจากคนที่บริสุทธิ์เกินไปกับเรื่องแบบนี้อย่างไมรู้จักพอ...ลีทงเฮช่างหอมหวานจนน่าปรารถนาครอบครอง
ผลั่ก!
มือเรียวเล็กชกโครมเข้าให้กับใบหนาคมทันทีที่ถูกปล่อยออกมาให้เป็นอิสระ ใบหน้าหวานขึ้นสีก่ำเช่นเดียวกับริมฝีปากที่บวมช้ำ แต่ทันทีที่คนโดนชกตั้งตัวกลับขึ้นมายืนได้ตามเดิม...เขาก็ลั่นไกใส่คนลงมืออย่างไม่คิดลังเล
ปัง!
"อย่าคิดว่าจะชกผมได้อีกนะครับ" คิบอมว่าด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยและแววตาที่ไม่วูบไหวแม้สักนิด...เฝ้ามองร่างบางที่งอตัวกุมบาดแผลที่ชายโครงของตนเอาไว้ด้วยสายตาว่างเปล่าไร้สิ่งใดดั่งเช่นเคย ริมฝีปากบางบวมช้ำอ้าออกเพื่อสูดหายใจ ดวงตาสีน้ำตาลขยับเบิกกว้าง จ้องมองไปยังบาดแผลของตนอย่างไม่อยากจะเชื่อ มือเล็กทั้งสองข้างพยายามจะกดห้ามเลือดเอาไว้ หากแต่เลือดสีแดงเข้มที่ไหลซึมผ่านร่องนิ้วออกมาก่อนจะถูกชะล้างไปพร้อมกับสายฝนก็ทำให้เขารู้ว่ามันไม่เป็นผลอะไรมากนัก ทงเฮเอนหลังพิงกำแพงไว้อย่างหมดท่าพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองคนที่ผละตัวห่างออกไปด้วยสายตาเกลียดชัง
"ไอ้สารเลว..." เขาเค้นคำผรุสวาสออกมาอย่างยากเย็น...พยายามจะฝืนรั้งสติสัมปชัญญะของตัวเองเอาไว้ให้ถึงที่สุด
"คุณทงเฮครับ!" เสียงร้องเรียกของคนคุ้นเคยที่ดังขึ้นเรียกให้นัยน์ตาสีน้ำตาลขยับลอกแลกมองหาต้นเสียงในทันที ริมฝีปากบวมช้ำทำท่าจะเผยออ้าเพื่อขานรับ แต่ทว่าเสียงของเขาก็ถูกปิดกั้นไม่ให้เล็ดลอดออกมาด้วยวิธีการเดิมอันรุนแรง ทงเฮขยับตัวดิ้นรน ใช้มือข่วนคนที่บดจูบลงมาไม่เลือก แต่บาดแผลที่มีอยู่มากมายบนร่างกายก็ไม่อนุญาตให้เขาออกแรงได้มากนัก
คิบอมผละออกมาเมื่อรู้สึกได้ว่าร่างเล็กนิ่งไป แต่ดวงตาอันแข็งกร้าวที่จ้องหน้าเขาอยู่ก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปขยี้ริมฝีปากแสนหวานคู่นั้นด้วยเรียวปากของตนอีกครั้งอย่างคนไม่รู้จักพอ...และครั้งนี้ทงเฮก็ช่างนิ่งเฉยจนเขาต้องรียถอยห่างออกมาก่อนที่อะไรๆจะไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้
"อย่าคิดว่าผมจะไม่กล้ายิงคุณอีกนะครับ"
"ก็ยิงให้ตายไปเลยสิไอ้สารเลว"
"คุณทงเฮครับ!!"
ปืนถูกยกขึ้นมาจ่อแนบอยู่ที่ข้างขมับ แต่เป้าหมายกลับส่งแววตาอันแสนท้าทายและถือดีกลับมาเป็นการตอยแทนแทนที่จะเป็นความหวาดกลัว ทงเฮอ้าปาก...ทำท่าจะเปล่งเสียงออกมา แต่ทว่าเลือดที่เสียไปมากเกินกว่าใครคนหนึ่งจะรับไหวก็ทำให้มันไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากลำคอของเขา เพราะไม่ถึงวินาที ร่างบอบบางที่เปียกโชกก็เอนล้มลงมาด้วยดวงตาปิดสนิท
คิบอมอ้าแขนรับร่างบางที่เอนล้มลงมาอย่างรู้หน้าที่ เขากอดกระชับคนตัวเล็กเอาไว้แนบตัวเพื่อไม่ให้ไหลลงไปนอนกองอยู่กับพื้น ลมหายใจรวยรินที่สัมผัสได้ที่ข้างซอกคอทำให้เขารู้ว่าชายหนุ่มร่างเล็ก(ที่ปากดีเป็นบ้า)ยังมีชีวิต...แต่เป็นชีวิตที่ใกล้หลุดลอยหายไปเต็มที ชายหนุ่มช้อนร่างของคนสลบไสลขึ้นแนบอก นัยน์ตาสีรัตติกาลก้มลงมองคนในอ้อมแขนด้วยแววตาเฉยชา...ว่างเปล่าไร้สิ่งใดก่อนจะก้าวเดินหายไปในความมืดและสายฝนอย่างเงียบงัน
................................................................
ยูชอนกำลังอยู่ในอารมณ์ก้ำกึ่งระหว่างอยากจะยกปืนขึ้นมายิงกบาลใครก็ได้ให้ดิ้นทุรนทุรายท่ามกลางกองเลือดกับอยากจะสบถออกมาดังๆและอาละวาดให้สาแก่ใจ...แต่เขากลับเลือกที่จะไม่ทำทั้งสองอย่าง คนของนายใหญ่มาถึงแล้ว และตอนนี้ก็ขาดเพียงแค่คนที่โทรไปตามพวกนั้นมาเพียงคนเดียวเท่านั้น ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำหลายต่อหลายคนต่างวิ่งวุ่นวายไปทั่วเพื่อหาคนที่หายไปจนเขาปวดหัว...มีเสียงปืนดังขึ้นเมื่อครู่ และมันก็ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเอาเสียเลยที่นายหนุ่มของเขาไม่ยอมขานตอบรับเสียงร้องเรียกหลังจากที่มันดังขึ้น
"บ้าเอ๊ย!" ยูชอนสบถพึมพำพลางหยิบมือถือของตนออกมาเพื่อกดหาคนที่หายไปอีกครั้งเป็นรอบที่ร้อย หากแต่สัญญาณที่ดังอยู่นานหลายนาทีโดยไม่มีทีท่าว่าจะมีคนรับก็ทำให้เขาต้องเก็บมันใส่กระเป๋าเอาไว้ตามเดิม
"เจออะไรบ้างมั้ย" เขาหันไปถามลูกน้องชั้นล่างคนหนึ่งที่เดินสวนมา
"เจอแต่ศพครับ...เป็นคนของโซเฮยอนทั้งนั้นเลย"
"หาต่อไป"
ชายหนุ่มคนนั้นรับคำอย่างว่าง่าย เขาโค้งคำนับอย่างนอบน้อมแล้วจึงวิ่งกลับไปทำงานต่อตามเดิม ปล่อยให้รุ่นพี่ของตนเดินไปเดินมากลางสายฝนตามลำพัง ยูชอนยกมือขึ้นกอดอกพลางขมวดคิ้วจ้องมองประตูบานหนึ่งที่ถูกพังเข้าไปจนแทบจะหลุดออกมาจากบานพับ ด้านในปรากฏรอยเลือดและน้ำเปื้อนอยู่เต็มพื้น....ถูกพามาอยู่ตรงนี้แล้วไปไหนต่อนะ
ผู้พิทักษ์คนเก่งถอนหายใจออกมาเบาๆพลางเช็ดหยดน้ำฝนออกจากดวงตา...มั่นใจอยู่ลึกๆว่าคืนนี้เจ้าชายแห่งรัตติกาลคงยอมก้าวออกมาจากปราสาทเพื่อลงมือเองเป็นแน่ ทุกอย่างถึงได้เงียบกริบและไร้ร่องรอยแบบนี้ ถ้าจางซึนกีมีเทวทูตแห่งความตายคอยจัดส่งความตายแล้วล่ะก็ โซเฮยอนก็มีเจ้าชายแห่งรัตติกาลคอยพิพากษาและมอบความตายให้แก่ผู้ที่สมควร...ไม่ใช่คนที่เล่นด้วยง่ายๆจริงๆ
..................................................................
ทงเฮจำไม่ได้ว่าตัวเองฝันเห็นอะไร...เขาเห็นเลือด...เห็นความมืด...แล้วก็ได้ยินเสียงปืน แต่ทันทีที่เขาลืมตาขึ้นมาและสามารถเห็นภาพโดยรอบได้ชัดตา เขาก็เลิกสนใจความฝันของตัวเองไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มชันตัวขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า บาดแผลมากมายบนลำตัวของเขาทำให้เขาต้องนิ่วหน้าและเผลอหลุดเสียงอุทานออกมาเบาๆ ทั้งแขนทั้งขาของเขากำลังปวดตุบๆเหมือนชิ้นส่วนเก่าๆที่ใกล้จะหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ
"ฟื้นแล้วนี่" เสียงทุ้มของคนที่คงนั่งเป็นหมอนหนุนหัวให้เขาเมื่อครู่เอ่ยทักขึ้นพลางเบือนสายตาไปมองคนที่เริ่มพยายามจะลุกขึ้นด้วยแววตาเรียบเฉยที่แฝงไปด้วยความเยาะหยันในความดื้อดึง คิบอมลุกขึ้นยืนก่อนจะหันไปผลักคนเจ็บให้เซล้มกลับลงไปนั่งบนขอบฟุตบาธตามเดิม อุโมงค์ใต้สะพานที่มืดสนิททำให้พวกเขาทั้งคู่มองเห็นสีหน้าของแต่ละฝ่ายได้ไม่ชัดนัก แต่คิบอมก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงกำลังมีสีหน้าถือดีแลัหยิ่งยโสอย่างที่เขาคุ้นตา
"ที่ไหน" คนเจ็บเค้นเสียงหวานผ่านลำคอออกมาอย่างยากลำบากพลางพยายามจะโอบกอดตัวเองเอาไว้ให้หายหนาว แต่ท่าทางแบบนั้นก็ไม่ได้ทำให้ผู้ที่ยืนเฝ้ามองอยู่รู้สึกเวทนาต่อความบอบบางนั้นแต่อย่างใด ดวงตาคมกดต่ำมองคนที่นั่งสั่นอยู่บนขอบฟุตบาธด้วยสายตาว่างเปล่า
"คุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอก"
"หึ" ทงเฮแค่นเสียงขึ้นจมูกเหมือนจะสมเพชกับความต่ำต้อยด้อยค่าของตนพลางเอนหน้าวางแก้มลงบนหัวเข่าที่ตั้งชันขึ้นมาเพื่อมอบความอบอุ่นให้แก่ตัวเอง
"ฉันไม่สำคัญมากพอที่จะรู้อะไรอยู่เสมอนั่นล่ะ" เสียงหวานเอ่ยออกมาเบาๆคล้ายอยากจะประชดประชัน ซึ่งทงเฮก็รู้ดีว่าคนที่เขาประชดประชันนั้นคือตัวของเขาเอง
คิบอมนิ่งเฉยกับถ้อยคำนั้น...ไม่อยากจะขุดตะกอนที่เขาปล่อยมันนอนนิ่งอยู่ในหัวใจให้ลอยกลับขึ้นมาทำให้หัวใจของเขาขุ่นมัว เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงเพื่อดูเวลาที่ล่วงเลยผ่านไป...30นาทีเข้าไปแล้ว มัวไปมุดหัวอยู่ที่ไหนนะ เขาไม่ต้องตอบคำถามนั้นให้เสียเวลาหรอก เพราะคำตอบก็รู้ๆกันอยู่แล้ว...เชวซึงฮยอนคงกำลังมุดหัวอยู่ระหว่างขาของใครสักคนนั่นล่ะ! คิบอมถอนหายใจออกมาเบาๆพลางเก็บเครื่องมือสื่อสารของตนใส่กระเป๋าตามเดิม
เสียงสายฝนที่ดังสะท้อนกลับไปกลับมาอยู่ระหว่างกำแพงงอุโมงค์อันมืดมิดเหมือนจะทำให้คนที่เลือดยังคงไหลรินกดดันมากกว่าเก่า ทงเฮครางออกมาเบาๆพลางขดตัวเข้าหากันมากขึ้น...รู้สึกเหมือนกำลังจะร้องไห้ออกมาอย่างคนอ่อนแอที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนรอความตาย...อิสระอยู่ตรงนั้น...แค่วิ่งออกไปตรงนั้น แต่ตอนนี้...แม้เพียงแรงหายใจ เขาก็ยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ
"นายต้องการอะไร" ทงเฮเอ่ยถามคำถามที่แม้แต่ตัวเองก็ยังรู้ว่าเป็นคำถามโง่ๆที่มีเพียงแค่คำตอบเดียวเสมอด้วยเสียงอันแผ่วเบาจนแทบจะถูกกลืนหายไปกับเสียงฝนที่สะท้อนก้องอยู่ในอุโมงค์ แต่คิบอมก็ยังคงได้ยิน เขาหันกลับมามองคนที่นั่งอยู่ต่ำกว่าด้วยแววตาที่ยังคงนิ่งเฉยไม่เปลี่ยน...ไม่แม้แต่จะวูบไหวทั้งๆที่หัวใจกำลังถูกทำให้ขุ่นมัวด้วยอดีตมากมายที่ลอยฟุ้งขึ้นมาจากส่วนที่ลึกที่สุด
"คุณคือลีทงเฮของจางซึนกี ผมคือคนของโซเฮยอน...คิดว่าผมต้องการอะไรล่ะครับ" ชายหนุ่มตอบคำถามด้วยการย้อนถาม ซึ่งผู้ถูกถามก็ทำได้เพียงแค่นิ่งเงียบและทอดสายตาที่พลันว่างเปล่าไปยังสายฝนที่ยังคงเทกระหน่ำตกอยู่ด้านนอกโดยไม่คิดสานต่อบทสนทนาใดๆให้ตัวเองเจ็บปวดอีกต่อไป
...........................................................
เชวซึงฮยอนสบถออกมาอย่างดุเดือดพลางบีบแตรดังลั่นเหมือนอยากจะไล่รถคันหน้าให้ขับออกไปให้พ้นหูพ้นตาเขาเสียที และเพราะการจราจรที่หยุดชะงักมาตั้งแต่ฝนตกก็ทำให้เจ้าของรถคันนั้นยกนิ้วขึ้นด่าคนอารมณ์ร้อนเป็นคำขอบคุณสำหรับเสียงแสบแก้วหูอันไร้เหตุผลเมื่อครู่ ซึงฮยอนแทบอยากจะหยิบปืนที่อยู่ในช่องเก็บของหน้ารถออกมายิงไอ้คนใจกล้าที่มาด่าเขาด้วยนิ้วกลางให้รู้แล้วรู้รอด แต่เมื่อคิดแล้วว่ามันคงไม่คุ้มกับการที่ต้องจ่ายเงินปิดปากตำรวจทั้งโรงพักเพื่อให้เรื่องเงียบ(แถมยังเสี่ยงกับการโดนพี่คิบอมด่าอีกต่างหาก) เขาก็เลยเลือกที่จะระบายอารมณ์กับเพื่อนที่แสนดีของเขาอย่างบุหรี่แทน
ชายหนุ่มสูดควันเข้าเต็มปอดพลางหันไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมากดหาคนที่กำลังรอเขาอยู่อีกครั้ง แต่เสียงของผู้หญิง(ที่เขาล่ะอยากรู้นักว่าจะสวยเหมือนเสียงรึเปล่า)ที่บอกเขากลับมาว่าหมายเลขที่เขาพยายามจะติดต่อนั้นอยู่ในจุดอับสัญญาณและไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ก็ทำให้เขาอยากจะเข้าไปบีบคอเล็กๆของคนพูดเสียให้หายหงุดหงิด....อย่าให้รู้ละกันว่ามันเป็นเสียงของใคร พ่อจะปล้ำเสียให้ลืมผัวเก่าเลย!
ซึงฮยอนสบถออกมาอีก ปล่อยให้รถไหลไปตามรถข้างหน้าเล็กน้อยแล้วก็ต้องเหยียบเบรคแช่เอาไว้ตามเดิมเพราะมันไม่สามารถขยับไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว เขาเลื่อนกระจกลงเล็กน้อยเพื่อให้ควันพิษที่ฟุ้งตลบอยู่ในรถได้ลอยออกไปข้างนอกบ้างก่อนที่เขาจะได้ตายเพราะมันจริงๆ ดวงตาคมดุทอดมองออกไปนอกรถที่พร่ามัวไปด้วยสายฝนอย่างเหม่อลอยอยู่ชั่วครู่ก่อนมันจะวกกลับมาที่ท่อนแขนซ้ายของตนที่มีรอยฟันเล็กๆฝั่งลึกอยู่ เขายิ้มออกมานิดเมื่อนึกถึงเจ้าของรอยฟันที่ป่านนี้ถ้าไม่นอนนิ่งเป็นตุ๊กตาก็คงร้องไห้จะเป็นจะตาย...ควอนจียงก็ทำเป็นอยู่เพียงแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้นล่ะ!
ซึงฮยอนแค่เสียงขึ้นจมูกพลางยกบุหรี่ขึ้นมาคาบค้างไว้ในปากเพื่อใช้สองมือจับพวงมาลับพารถเคลื่อนที่ผ่านสี่แยกที่ในที่สุดเลนของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวเสียที ริมฝีปากยังคงเหยียดยิ้มออกมาอย่างพึงใจเมื่อหวนกลับไปนึกถึงสัมผัสอันแสนนุ่มนวลของผิวกายของตุ๊กตาตัวสวยของเขา...หวังว่าพี่ยุนโฮคงไม่หลงแม่ตุ๊กตาไขลานเสียงหวานตัวนั้นจนโงหัวไม่ขึ้นหรอกนะ เพราะเขายังไม่อยากปล่อยตุ๊กตาตัวสวยของเขาไปน่ะสิ...ก็เขายังเล่นไม่เบื่อเลยนี่!
........................................................
"หายหัวไปไหนวะเนี่ย" คิบอมสบถพึมพำออกมาพลางเสยผมที่เปียกติดแนบอยู่กับผิวให้ออกไปพ้นหน้าผากด้วยท่าทางหงุดหงิด นัยน์ตาคมเหลือบมองคนที่นั่งนิ่งอยู่ในท่าเดิมมากว่าครึ่งชั่วโมงแล้วเล็กน้อย และเมื่อเห็นว่าไหล่บางยังคงขยับไหวตามจังหวะการหายใจ เขาก็ละสายตาออกไปมองสายฝนตามเดิม...อย่างน้อยก็ยังหายใจล่ะนะ
เงาตะคุ่มที่เขาเห็นอยู่ที่ปากทางเข้าอุโมงค์ทำให้เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยพร้อมกับเอื้อมมือไปกุมด้ามปืนที่เสียบอยู่ที่ขอบกางเกงด้านหลังอย่างระแวดระวัง ร่างสูงขยับตัวเล็กน้อยเข้ามาหลบในเงามืดเพื่อไม่ให้ตัวเองตกเป็นเป้าสายตาของคนแปลกหน้ามากนัก
"พี่คิบอม!" เสียงทุ้มห้าวอันคุ้นเคยทำให้เจ้าของชื่อยอมละมือออกมาจากด้ามปืนและก้าวออกมาให้เป็นที่สังเกตเห็นชัดๆ คนที่เขาโทรไปเรียกให้ออกมารีบวิ่งเหยาะเข้ามาด้านในก่อนจะหยุดยืนเช็ดน้ำออกจากตาอยู่ตรงหน้าเขา
"คนของจางซึนกีเดินกันให้ว่อนไปหมด ทำบ้าอะไรของพี่อยู่เนี่ย" คนที่มีศักดิ์เป็นเจ้านายคนหนึ่ง(แต่ดันโดนโทรเรียกใช้เสียเอง)โวยออกมาด้วยท่าทางหงุดหงิดระคนเป็นกังวล...แน่ล่ะ...ตอนแรกก็โกรธอยู่หรอก แต่พอเห็นคนของจางซึนกีเต็มถนนแถวนี้ไปทั่วเขาก็เริ่มเป็นกังวล ถึงเชวซึงฮยอนจะเป็นคนเสเพลไม่เอาไหนที่วันๆหนึ่งเข้าผับดื่มเหล้ามากกว่าไปมหา'ลัย แต่เขาก็รู้ความเป็นไปภายในพรรคดี และรู้ว่าสิ่งใดที่จะสร้างปัญหา ซึ่งแน่นอน....ชื่อของพรรคจางซึนกีอยู่รั้งอันดับแรกมาหลายปีแล้ว
"คุณซึงฮยอนจอดรถไว้ที่ไหนครับ" น้ำเสียงสุภาพบ่งบอกฐานะที่แตกต่างกันระหว่างคนทั้งสองคนเป็นอย่างดี แต่ทั้งคู่ก็สนิทกันมากพอที่จะเล่นหัวกันได้นั่นล่ะ
"หัวมุมตึกตรงนี้เอง...จะไปก็รีบไปเหอะว่ะ ฉันไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย"
คิบอมพยักหน้ารับรู้พลางเดินไปกระชากแขนของคนหลับใหลให้ลุกยืนขึ้นมาอย่างไม่เห็นใจแม้สักนิดว่าอีกฝ่ายจะยืนไหวหรือไม่
"เราจะไปแล้ว"
"ไปไหน"
"เงียบแล้วยืนดีๆ"
ใบหน้าหวานอันไร้สีเลือดแสดงความไม่พอใจออกมาทันทีที่ได้ยินคำสั่งอันห้วนกระด้างของคนชอบบังคับ ทงเฮพยายามจะทรงตัวยืนบนขาเพียงข้างเดียวด้วยความหยิ่งทระนง...จะไม่วอนขอความช่วยเหลือให้เป็นที่ดูถูก แต่คนเฝ้ามองก็รู้ดีว่าการยืนตรงๆมันคงเกินความสามารถของร่างบอบบางที่ถูกยิงเสียพรุนมากเกินไป
"ผมจะไม่อุ้มคุณหรอกนะครับ"
ถ้อยคำของคนที่สอดมือเข้ามาจับรั้งข้อศอกของเขาเอาไว้ก็ทำให้ทงเฮยิ่งไม่พอใจ เขาพยายามจะฝืนตัวออกมาจากการเกาะกุมอย่างดื้อดึง แต่แรงของเขาก็แทบจะไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่ากำลังถูกต่อต้าน ซึงฮยอนเลิกคิ้วมองคนที่คิบอมก้มลงไปดึงขึ้นมาจากความมืดด้วยสายตาแปลกใจเหมือนอยากจะถามว่าหมอนี่เป็นใครกัน....และคนอย่างเชวซึงฮยอนก็ไม่เคยหยุดเพียงแค่สายตา
"พี่ไปเอาใครที่ไหนมาเนี่ย"
"ลีทงเฮ"
และเพียงแค่ชื่อสั้นๆ มันก็สามารถเรียกรอยยิ้มให้ปรากฏขึ้นมาบนเรียวปากของคนสงสัยได้อย่างไม่ยากเย็น ซึงฮยอนแค่นเสียงขึ้นจมูกเป็นเชิงเยาะหยันก่อนจะหมุนตัวเดินนำออกไปยังรถของตนโดยมีอีกสองคนเดินตามไปเงียบๆ คิบอมยึดข้อศอกของคนตัวเล็กเอาไว้แน่นเพื่อให้คนเจ็บใช้มันเป็นหลักในการก้าวเดิน แต่เดินไปได้ยังไม่ถึงปากอุโมงค์เสียด้วยซ้ำ ร่างบางก็ดูเหมือนจะปล่อยให้เขาลากเดินไปโดยไม่แม้แต่จะก้าวขา
"ลีทงเฮ...เดิน"
เขาบีบจับข้อศอกของอีกฝ่ายแน่นขึ้นอย่างข่มขู่พลางกระชากตัวขึ้นมาให้ยืนอยู่บนปลายเท้าของตัวเองอีกครั้ง ทงเฮกัดฟันก้าวเดินต่อไป...ฝืนร่างกายที่กำลังกรีดร้องอย่างเจ็บปวดให้ขยับไปตามแรงดึงของคนตัวสูงที่ทำราวกับว่าเขายังปกติดีทุกอย่าง
"ใจร้ายว่ะพี่...เดี๋ยวก็ได้ตายหรอก" คนที่เหลือบกลับมามองว่าด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเยาะหยันก่อนจะก้าวออกไปอยู่ท่ามกลางสายฝนด้านนอก คนใจร้ายถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างหมดทางเลือกเพราะไอ้ที่ซึงฮยอนคนไม่ได้เรื่องพูดมานั้นก็จริงอยู่ เขาก้มลงช้อนตัวบางๆของคนเจ็บขึ้นมากอดกระชับไว้แนบอกแล้วจึงก้าวยาวๆออกไปปะทะกับสายฝนเพื่อตามคนเดินนำให้ทัน
ทงเฮครางพึมพำเมื่อหยดน้ำเย็นๆตกลงมาต้องผิวกาย เขาขยับกายแนบหน้าเข้าหาแผ่นอกกว้างของคนอุ้มราวกับอยากจะหาที่กำบังสายฝนที่ทำให้เลือดในกายของเขาเย็นเฉียบไปหมดไม่ให้สัมผัสต้องกาย...สติเริ่มเลือนรางลงทุกทีจนแทบจะแยกไม่ออกว่าสิ่งไหนคือความจริงและสิ่งไหนคือความฝัน
"หนาว..." คนที่เริ่มไม่ได้สติพึมพำออกมาเบาๆ ซึ่งคิบอมก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่ากระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น...และก็ยิ่งแน่นขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงความสั่นสะท้านของคนในอ้อมกอด เขาก้าวขึ้นเนินตามคนนำทางไปยังถนนสายหลักที่เต็มไปด้วยรถรา ซึงฮยอนเหลือบมองซ้ายขวาอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหมุนตัวเดินไปตามทางขอตนโดยมีอีกคนก้าวยาวๆตามไป
"ลีทงเฮ"
"...."
"ลีทงเฮ!"
"อะ...อือ" เสียงครางพึมพำแสนเบาของคนที่สลบไปชั่ววินาทีสั้นๆตอบเสียงร้องเรียกของเขากลับมา...มันช่างแผ่วเบาและอ่อนแรง แต่ก็ยังดีกว่าไร้คำตอบใดๆเลย คิบอมอยากจะปลอบใจตัวเองแบบนั้น
"ลืมตามองผม...ลีทงเฮ!"
ทงเฮไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรว่าทำไมไอ้หนุ่มแปลกหน้าท่าทางเย็นชาถึงชอบสั่งเขานัก แต่ถึงกระนั้นเขาก็พยายามฝืนลืมตาเอาไว้อย่างที่ถูกสั่ง...และเขาก็เห็นใบหน้าของชายแปลกหน้าเป็นเพียงโครงร่างอันเลือนรางผ่านม่านน้ำฝนที่ยังคงตกกระหน่ำลงมา เขากัดริมฝีปากกลั้นอาการหนาวสั่นพลางซุกกายเข้าหาไออุ่นมากขึ้น ซึ่งมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เพราะแม้ว่าร่างกายของอีกฝ่ายจะอุ่นจนน่าถวิลหามากขนาดไหน แต่ตัวของเขาก็เปียกเกินกว่าที่จะรู้สึกอุ่นเสียแล้ว
"ผมบอกให้ลืมตาไงลีทงเฮ!" คิบอมก้มลงตะคอกใส่ร่างบางในอ้อมแขนอีกครั้งเมื่อเปลือกตาสีน้ำนมกำลังจะปิดลง และเมื่อเห็นว่าคำสั่งของเขายังคงได้รับการถูกปฏิบัติตามอย่างฝืนทนจากคนบาดเจ็บ เขาก็หันไปตะโกนถามคนที่วิ่งนำอยู่ด้านหน้า
"อีกไกลรึเปล่า"
"นี่ไงๆ...ถึงแล้ว"
ซึงฮยอนวิ่งถลาไปเปิดประตูหลังให้คนที่อุ้มคนเจ็บอยู่มุดตัวเข้าไปด้านในก่อนจะผลักมันปิดและวิ่งไปนั่งประจำที่ด้านหลังพวงมาลัย ไม่นานเขาก็พารถออกมาจากที่จอดได้เป็นที่สำเร็จโดยไม่ลืมที่จะหรี่แอร์ลง
"วันนี้รถติดชิบหาย ดูไว้อย่าให้ตายนะเว้ย คันนี้เพิ่งถอยออกมาเมื่อวันก่อน ฉันยังไม่อยากให้มีคนตายในรถของฉัน" ซึงฮยอนว่าพลางเหลือบตาขึ้นมองกระจกมองหลังที่สะท้อนให้เห็นใบหน้าอันไร้สีเลือดของผู้โดยสารกิตติมาศักดิ์ด้วยสายตาไม่ไว้ใจในอาการเท่าไรนัก
คิบอมค่อยๆวางคนในอ้อมแขนไว้บนหน้าตักของตน จับใบหน้าที่สวยหวานยิ่งกว่าผู้หญิงให้เอนพิงไหล่กว้างของตัวเองเอาไว้...ทำให้ร่างบางซึมซับไออุ่นของเขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้โดยการกอดกระชับไว้แนบตัว แต่ลำตัวที่เย็นเฉียบและผิวกายที่ซีดขาวของคนในอ้อมแขนก็ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองทำอะไรได้ไม่ดีนัก...ถ้าอุณหภูมิลดต่ำลงอีกเพียงนิดเดียว ลีทงเฮอาจจะช๊อค ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทั้งเขาและเจ้าของรถยังไม่ต้องการให้เกิดขึ้นในตอนนี้
"ลีทงเฮ" เขาเอ่ยกระซิบเรียกเบาๆพลางปัดผมออกจากใบหน้าเจ้าของชื่ออย่างเบามือ นัยน์ตาสีดำจ้องมองร่างบอบบางของเจ้าของชื่อที่เขาเอ่ยเรียกด้วยสายตาที่ยังคงไว้ซึ่งความเย็นชาและเรียบเฉย คนในอ้อมกอดของเขาไอออกมาเบาๆพลางพลิกหน้าแนบแก้มเข้ากับไหล่ของเขา ปล่อยลมหายใจอุ่นๆให้รวยรินอยู่ใกล้ๆซอกคอจนเขาเป็นฝ่ายรู้สึกอุ่นขึ้นมาแทน
"หืมม?"
"ลืมตาขึ้นมา"
"ลืมแล้ว"
"ลืมตาขึ้นมามองผมเดี๋ยวนี้ลีทงเฮ...มองที่ผม"
นัยน์ตาสีน้ำตาลปรอยปรือขึ้นมาอย่างอ่อนแรง แต่กระนั้นมันก็ยังคงไว้ซึ่งแววแห่งความไม่พอใจ ร่างบางขยับตัวแล้วก็ต้องครางออกมาเบาๆทั้งๆที่ลำตัวแทบจะยังไม่ได้ขยับ
"เป็นอะไร"
"เจ็บ" ทงเฮยอมรับออกมาด้วยใบหน้าเหยเกที่คนฟังทำได้เพียงแค่โอบกอดเอาไว้เพื่อปลอบโยนเท่านั้น
"อีกไม่กี่นาทีก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว...ลืมตามองผมไว้"
รถเคลื่อนผ่านไปตามถนนท่ามกลางสายฝนอย่างรวดเร็วเท่าที่สภาพการจราจรจะอำนวยจนภาพข้างทางเป็นเพียงสีดำทึบทึมในสายตาของผู้เฝ้ามอง...สีเดียวกับดวงตาและเส้นผมของเขา เงาที่สะท้อนกลับออกมาจากกระจกที่ติดฟิล์มสีทึบเอาไว้ทำให้เขารู้ว่าตอนนี้ใบหน้าของเขาซีดขาวตัดกับเส้นผมมากขนาดไหน แต่ถึงจะซีดมากเท่าไร มันก็คงจะไม่ซีดไปกว่าคนในอ้อมแขนของเขาผู้ซึ่งมีผิวราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบเป็นแน่
เสียงครางพึมพำจากคนในอ้อมแขนเรียกสายตาของเขาให้ตวัดลงไปมองได้เล็กน้อย และดวงตาที่ปิดสนิทก็ทำให้เขาทำท่าจะอ้าปากสั่งให้ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แต่ทว่าเสียงพึมพำอันแผ่วเบาที่เขาได้ยินก็ทำให้ถ้อยคำที่เขากำลังจะเอ่ยออกมาชะงักค้างอยู่ในลำคอและเงี่ยหูฟังแทนที่
"พี่ชาย...ทงเฮหนาว...พี่ชาย"
ริมฝีปากหยักได้รูปของเจ้าชายคลี่ออกเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มบางเบาที่เขามองให้กับรัตติกาลอันมืดมิด ดวงตาที่ทอประกายอ่อนโยนขึ้นทำให้ความมืดแลดูสว่างไสวขึ้นมายิ่งกว่าอาศัยแสงจาดวงดาราบนผืนฟ้า...คิบอมมอบความอ่อนหวานทั้งหมดนั้นให้ทิวทัศน์ด้านนอกกระจกรถจนหมดสิ้น...พี่ชายอย่างนั้นหรอ...มันนานแล้วนะลีทงเฮ...นานมากเลยล่ะ
...........................................................
จำได้ว่ามีคนเม้นท้าให้ตาบอมยิงหมวย และตอนนี้ตาบอมก็ยิงไปจริงๆแล้วซะด้วย- -* นายเอกของเราก็เลยเจ็บปางตายไปตามระเบียบ(แต่เปนนายเอกที่นอกจากปากเปราะ(เพราะเธอสบถแทบจะตลอดทั้งตอนเลยทีเดียว- -*)แล้วยังอึดได้แบบสุดๆจิงๆนะเนี่ย) ตอนนี้ก็เปิดตัวตัวละครใหม่อีก1ตัวเนอะ มาอย่างเท่(รึเปล่า- -)กันเลยทีเดียวสำหรับเชวท๊อปสุดหล่อของเรา ยังคงคอนเซปโหด เถื่อน ดิบไว้อย่างเหนียวแน่นสำหรับนายคนนี้นะคะ- -*
ตอนต่อไป มาแง้มดูประวิตของหมวยซักหน่อยละกันนะจ้ะ^^
เจอกันอาทิตย์หน้าตามเดิมค่ะ^^
ความคิดเห็น