(ภาพเจ้าหญิงัมงกรเทียแมท)
ณ พระราชวังหรือปราสาทโรฮันเนสล่า
"เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่พวกเราได้ต้อนรับท่าน...เจ้าหญิงเทียแมทและเจ้าชายเทียการ์บุตรีและบุตรแห่งราชันย์มังกรไทฟอน"
เสียงของชายชราคนหนึ่งดังก้องขึ้น มันเป็นเสียงที่ทรงอำนาจและดูน่าเกรงขาม ทันทีที่ถ้อยคำของเขากล่าวขึ้นก็เกิดคลื่นบรรยากาศของพลังมหาศาลแผ่ไปทั่ว
แต่เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทต่อแขกผู้ทรงเกียร์ติเขาจึงระงับพลังไว้ให้พอเหมาะ
ชายชราคนนี้ก็คือองค์จักรพรรดิ์แห่งราชอาณาจักรจักรวรรดิ์โรฮันเนสล่า 'จักรพรรดิ์โรฮันที่ 13' ชายชราหนวดเครายาวแต่ไม่ดูรกรุงรังสีน้ำตาล
รูปร่างสูงพอดิบพอดีตามมาตราฐานของเผ่ามนุษย์ แต่กล้ามเนื้อของเขาผิดแผกไปกับชายชราในรุ่นราวคราวเดียวกัน
กล้ามเนื้อของเขาถึงจะมีรอยเหี่ยวย่นอยู่บ้าง แต่ก็เป็นร่างกายที่บึกบึนล่ำสั่นสามารถรับรู้ได้ แม้จะมีชุดเกราะเชื้อพระวงศ์ของจักรพรรดิ์สีทองแดงกับขอบทองและผ้าคลุมสีน้ำเงินปกปิดไว้ ก็พอเดาได้ว่ารูปร่างของพระองค์เป็นยังไง
"พวกเราเองก็ยินดีเช่นกันที่ท่านต้อนรับพวกข้าด้วยตัวท่านเอง ช่างถือว่าเป็นเกียรติยิ่งนัก"
เจ้าชายเทียการ์แห่งเผ่าพันธ์ุมังกรกล่าวเป็นตัวแทนการมาครั้งนี้ขึ้นมา โดยเจ้าหญิงมังกรเพียงแค่ผงกหัวเล็กน้อย ก่อนที่เจ้าชายมังกรเหมือนจะมองหาอะไรบางอย่าง ราชาโรฮันจึงกล่าวบอกขึ้น
"ตอนนี้ลูกสาวของข้าไม่อยู่ที่นี่หรอก น่าจะไปกับท่านผู้กล้าไนท์น่ะ"
เจ้าชายเทียการ์เอ่ยตอบเสียงแผ่วเบาลงเล็กน้อย เจ้าหญิงมังกรเมื่อเห็นว่ามันเสียเวลามากแล้วจึงกล่าวแทรกเข้าเรื่องทันที
"จักรพรรดิ์โรฮันที่พวกเรามาที่นี่เพื่อต้องการแจ้งเรื่องสำคัญเรื่องนึงให้ท่านได้รับรู้" เจ้าหญิงมังกรกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง รวมทั้งหน้าตาของเธอตอนนี้ก็ด้วย
จักรพรรดิ์โรฮันเลิกคิ้วถามขึ้น...
สเวนที่คิดในใจซึ่งเขาในตอนนี้ยืนอยู่ในตำแหน่งระดับของพวกนายพันในห้องโถงแห่งนี้ของจักรพรรดิ์โรฮัน ซึ่งตำแหน่งที่ใกล้ชิดกับบัลลังค์กษัตริย์หรือจักรพรรดิ์โรฮันมากที่สุดคือพวกตำแหน่งที่นั่งของผู้กล้า วานาดีส จอมพลและพวกพลเอก
ซึ่งตอนนี้มีแค่พลเอกสองคนที่นั่งอยู่ ณ ที่นี้ตอนนี้...
ส่วนทางด้านเซเบอร์ก็ยืนในแถวของอัศวินตั้งแถวยาวตรงข้างพรมสีแดงอยู่...
"เรื่องที่ตอนนี้ทางฝั่งเทพได้ผู้กล้าอีกคนไปน่ะค่ะ"
ทันทีที่เจ้าหญิงเทียแมทกล่าวขึ้น ทุกคนในห้องโถงบัลลังค์นี้ต่างเบิกตาโพลงกับคำพูดของเธอ แน่นอนรวมแม้แต่ตัวของสเวนหรือเดย์เองก็ตกใจป็นอย่างมาก
'ผู้กล้าอีกคนงั้นเหรอ?หรือว่าพวกเขาหมายถึง...'
"มันหมายความว่ายังไงกัน การอัญเชิญผู้กล้านั้นมีวงเวทย์มันจะแสดงผลแค่หนึ่งร้อยปีต่อการอัญเชิญหนึ่งคนนี่!แล้วจักรวรรดิ์ของพวกเราก็ทำการอัญเชิญท่านไนท์มาแค่เพียงคนเดียว แล้วผู้กล้าอีกคนมาจากไหนอีก!"
จักรพรรดิ์โรฮันเนสล่ากล่าวเสียงดังขึ้น เพราะตกใจกับเหตุการณ์และเรื่องราวที่เจ้าหญิงมังกรตนนี้ได้กล่าวออกมา
"เรื่องที่มาที่ไปตัวข้านั้นไปรู้หรอกนะคะ แต่ทว่าข้าได้เจอกับนางแล้วแล้วนางก็มีสัญลักษณ์การอัญเชิญจริงๆ เพราะฉะนั้นข้าขอยืนยันเลยว่านั่นคือผู้กล้าอีกคนหนึ่งจริงๆ"
เทียแมทกล่าวขึ้นพร้อมใช้นัยต์ตาสีทองคมกริบมองไปที่จักรพรรดิ์โรฮันด้วยสายตาจริงจัง ในขณะเดียวกันรุจเองก็เริ่มพอจะเดาออกแล้วว่าคนคนนั้นคือใคร
'นาง...เป็นเธอจริงๆใช่ไหมแล้วทำไมเธอถึงไปอยู่กับพวกเทพได้ละ?'
สเวนกล่าวถามกับตัวเองในใจ ตัวสีหน้าที่เป็นกังวลและเคร่งเครียด เซเบอร์ที่แอบมองตลอดอยู่ก็พอรู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับเขา
"ถ้าเป็นอย่างที่พวกท่านทั้งสองว่าจริงๆ...แล้วเหตุใดพวกท่านถึงมาบอกกับพวกเรา...
...เพราะการที่พวกเทพได้ตัวผู้กล้าไป มันก็เท่ากับว่า...
พวกเทพไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวอะไรในเผ่าพันธ์ุของพวกเราแล้วไม่ใช่เหรอ?
นี่มันก็เท่ากับว่าเป็นอันยกเลิกการเป็นพันธมิตรซึ่งกันและกัน แล้วด้วยเหตุผลอะไรพวกท่านที่อยู่ข้างเผ่าพันธ์ุเทพมาตลอดถึงได้มาบอกเรื่องนี้กับพวกเรา?"
จักรพรรดิ์โรฮันเนสล่ากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังและใบหน้าตึงเครียด เพราะประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ที่พวกเทพยอมเป็นพันธมิตรกับเผ่าพันธ์ุมนุษย์ที่จัดว่าอ่อนแอที่สุดในทุกเผ่านั้น
...ก็เพราะว่าพวกมันเกรงกลัวต่ออำนาจพลังของผู้กล้าที่เผ่ามนุษย์สามารถทำการอัญเชิญมาได้
หากแต่ว่าตอนนี้พวกมันเองก็มีผู้กล้าอยู่ฝั่งเดียวกับพวกมันด้วย เท่ากับว่าพวกมันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวอะไรในมนุษย์แล้วไม่ใช่รึไง แถมนี่อาจเป็นคราวแตกหักระหว่างเผ่าเทพและมนุษย์ก็ได้
เพราะการที่เผ่าเทพไม่ยอมบอกเรื่องผู้กล้าคนนี้กับทางพวกเขา นั่นย่อมแสดงว่าพวกเขาต้องการปิดเป็นความลับและซ่อนตัวผู้กล้าคนนั้นไว้
...จนกว่าผู้กล้าคนนั้นจะแข็งแกร่งพอที่จะกวาดล้างพวกเขาได้และยืนหยัดต่อสู้กับผู้กล้าไนท์ของทางฝั่งของพวกเขาได้
'มีบางอย่างลงมา!แย่แล้วจุดที่พลังนี่ลง...เดี่ยวนะพลังแบบนี้มัน'
ไม่ทันที่เจ้าหญิงเผ่าพันธ์ุมังกรจะกล่าวจบ เดย์หรือสเวนก็สัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่พุ่งมาที่นี่ด้วยความเร็วสูงแถมมันยังทรงพลังมากอีกด้วย แต่ทำไมเขากลับรู้สึกว่าพลังนี่มันรู้สึกคุ้นเคยแปลกๆ
แต่นี่ไม่ใช่เวลามาคิด พลังนี่มันเล็งมาที่จักรพรรดิ์และเจ้าหญิงมังกร ซึ่งพลังนี่มันแข็งแกร่งกว่าพวกเขา ถ้าพวกเขาโดนฆ่าตอนนี้สิ่งที่เขาทำมาก็จะสูญเปล่า...
แต่ว่าถ้าเขาออกมาป้องกัน มันก็เท่ากับว่าแผนที่ทำมาก็อาจเสี่ยงที่จะแตกเหมือนกัน แต่ยังไงก็ปล่อยให้สองคนนี้ตายไม่ได้อยู่ดีเพราะเขายังไม่รู้ถึงเรื่องสำคัญจากปากเจ้าหญิงมังกรไม่จบเลย จักรพรรดิ์โรฮันเองก็ปล่อยให้ตายไม่ได้เพราะเขารู้ที่อยู่ของอาวุธผู้กล้า
งั้นเขาคงต้องหาทางบอกว่า ตัวตนของเขาเป็นใครให้ได้ โดยไม่ให้จับได้ว่าเป็นพวกของจอมมารก็คงน่าจะพอละมั้ง...
แสงประกายสีฟ้าและสีขาวทองระเบิดกระจายออกมาใจกลางห้องโถง คลื่นกระแสของการปะทะพลังของทั้งสองพลังทำให้พวกทหารระดับนายพันลงไปรวมถึงเซเบอร์ต่างปลิวกระเด็นกระแทกกับผนังกำแพงของปราสาท
พลเอกทั้งสองถึงจะเคลื่อนไหวไม่ทันเท่ากับเขา แต่ทว่าก็มาบังหน้าจักรพรรดิ์ได้อย่างทันท่วงที ทางเจ้าชายมังกรเทียก้าร์ก็มาบังหน้าน้องสาวของตนเอาไว้
แต่สิ่งที่พวกเขาตกใจคือพลังมหาศาลที่พุ่งลงมาโจมตีพวกเขา กลับถูกชายคนหนึ่งหยุดลงได้อย่างง่ายดาย...จากพลังหมัดของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีพลังมหาศาล
ชายที่มาป้องกันพวกเขาสวมชุดเกราะสีดำทมิฬใหญ่โตและหน้ากากเหล็กอัศวินไร้หน้า ถ้าพวกเขาจำไม่ผิดจากชื่อเสียงของชายชุดเกราะคนนี้คือ...
'โชคดีที่ทำการสับเปลี่ยนร่างแยกกับร่างของเดเรนได้ทันการ แต่พลังของร่างแยกเรามันน้อยเกินไปสำหรับการโต้กลับพลังของคนคนนี้ อึ้ก...แข็งแกร่งขนาดนี้ขอดูหน้าหน่อยเถอะว่าเป็นใคร'
เดย์ในร่างแยกของเดเรนกัดฟันกล่าวในใจ ก่อนจะเหลือบขึ้นมองไปยังเจ้าของหมัดอันทรงพลังตรงหน้าที่ตอนนี้มีแสงประกายฟ้าจากการเสียดสีของดาบยักษ์ของเขากับหมัดของเธอ ทำให้แสงมันจ้าจนยากจะมองเห็น
แต่ทันทีที่เขามองเห็นใบหน้าของเธอ...
มันก็ทำให้เขาเบิกตาโพลง...
ปล.คอมเม้นเป็นกำลังใจในการแต่งตอนต่อไปนะคะ รีวิวให้ด้วยยย แชร์ด้วยยถ้าชอบกันอิๆ
ปล2. ภาพบนเจ้าหญิงเทียแมทค่ะ ภาพล่างฮายอน
พิษความรักล้วนๆ