ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Black N Blue (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #43 : Black N Blue❖The destroyer 'six warlords' 6

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 740
      123
      7 ก.พ. 63


    คำเตือน :: บางช่วงบางตอนมีความรุนแรง เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของตัวเกมแต่อย่างใด ฉากที่มีเนื้อหาเรท R จะไม่อัพลงเด็กดี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


    Song :: Skylar Grey - Love The Way You Lie


    EPISODE06

    Alternative Universe 04The destroyer 'six warlords'


    "ไอริ" เสียงเรียกนั้นช่างเหมือนอยู่ในที่ห่างไหล

    "..." ไอริไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่พลิกตัวหนีเท่านั้น

    "อย่างอนข้า" วงแขนที่อบอุ่นโอบกอดเธอไว้จากด้านหลังเมื่อนางขึ้นมานอนบนเตียงด้วย กลิ่นตัวที่หอมกรุ่นของนางราวกับเพิ่งอาบน้ำ

    "มีเรื่องที่ข้าต้องงอนท่านหรือ" เธอพึมพำ ซุกใบหน้าลงกับหมอนเพื่อหลบเลี่ยงริมฝีปากที่จุมพิตลงบนแก้ม

    นายหญิงคนนี้หายไปนานกว่าห้าวัน

    ห้าวัน...

    "ไอริ วันนี้เจ้าต้องลุกขึ้นจากเตียงแล้วออกจากห้องหน่อยนะ" นายหญิงกระซิบหวาน นางต้องการเกลี่ยกล่อมเธอ

    พ่อบ้านแจ้งให้นางทราบแล้วว่าเธออยู่ในห้องมาหลายวัน หลังจากตากฝนกลับบ้านมาเมื่อห้าวันก่อน เธอพบว่าตัวเองป่วยหนักมาก เนื้อตัวปวดเมื่อยไปหมด พยายามลุกทีไรคล้ายจะเป็นลมทุกครั้ง เลยขอพักผ่อนเงียบๆ ในห้องพลางคิดแผนว่าจะสวมรอยอยู่ที่นี่ยังไงต่อไปด้วย

    วิธีแรกที่เธอทำคือเรียกร้องความสนใจ เธอกินยาลดไข้ไปแค่สองในสิบส่วนที่พ่อบ้านนำมาให้ เพื่อให้อาการพวกนี้อยู่กับเธอต่อไป

    เหมือนธรรมชาติจะเป็นใจกับเธอมากด้วย เพราะฝนตกตลอดเวลาเลย ติดต่อกันหลายวันแล้ว

    หากอากาศดีขึ้น ร่างกายอาจพักฟื้นได้ดีขึ้นก็ได้

    "ข้าลุกไม่ไหว" อันนี้ไม่ใช่คำพูดล้อเล่น เพราะยังป่วยอยู่เลยลุกไม่ไหวจริงๆ

    "ทำไมยังป่วยอยู่ ร่างกายเจ้าไม่แข็งแรงรึเปล่า" นายหญิงเหมือนจะขยับขึ้นมาใกล้กว่าเดิมเพื่อวัดอุณหภูมิ ฝ่ามือของนางแตะไปทั่วเรือนร่างของเธออย่างเกินความจำเป็น

    "อือ..." ไอริครางอย่างรำคาญใจ สุดท้ายก็หลับตาลงเพราะรู้สึกหนักหัว

    ได้ยินนายหญิงพูดอะไรอีกนิดหน่อย แต่เธอจับใจความไม่ได้

    เธอปล่อยให้ตัวเองดำดิ่งสู่ความมืดในทันที...

    กว่าจะรู้สึกตัวอีกที ก็คล้ายจะเป็นตอนมืดค่ำเสียแล้ว เธอขยับร่างกายที่ค่อนข้างปวดของตัวเองแล้วเหวี่ยงขาออกจากเตียงเพื่อลุกขึ้นนั่ง ในนี้มืดสนิท แต่มีสิ่งหนึ่งวาววับอยู่ในสายตา

    ของชิ้นนั้น...เธอหยิบมันมาถือไว้

    มันคือต่างหูชิ้นหนึ่งที่ถูกทำขึ้นจากเวทมนตร์ เป็นของวิเศษที่สภาเวทมนตร์กับวิหารแห่งแสงทำขึ้นด้วยพลังเวทที่ผสมกัน

    ความสามารถพิเศษของมันคือกลบเกลื่อนร่องรอยเวทมนตร์ในตัวของมันเองเพื่อไม่ให้ใครจับได้

    ไอริสวมใส่มันไว้ที่หูข้างซ้ายแล้วลุกขึ้นยืน หลังได้หลับยาวอาการเหมือนทุเลาลง แต่ข้างนอกฝนยังตกอยู่ บรรยากาศค่อนข้างมืดครึ้ม

    เธอลงบันไดไปชั้นล่างเพื่อพบว่านายหญิงกำลังนั่งคุยกับท่านทาร่าและท่านมีน่า

    แต่ไม่นานนางก็รู้สึกตัวว่าโดนมอง นัยน์ตาสีฟ้าหันมองมาที่เธอ จ้องนิ่งอยู่แบบนั้นคล้ายรอคอยให้เธอเดินไปหา รู้สึกเหมือนว่าการมองแบบนั้นซุกซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้

    เมื่อนั่งลงเคียงข้างนายหญิง ความสนใจเล็กน้อยจากขุนพลอีกสองคนพุ่งมาที่เธอ

    "ดีขึ้นแล้วเหรอ" เป็นท่านมีน่าที่ถาม

    "ดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ" ไอริตอบพร้อมรอยยิ้ม

    "ยิ้มสวย" ท่านทาร่าที่นอนยาวอยู่บนโซฟาอีกตัวกล่าวขึ้น นัยน์ตาสะลึมสะลือมองมาทางนี้ จ้องนานจนเกือบผวา เป็นคนง่วงที่อันตรายจริงๆ "ว่าอยู่...ทำไมบัตเตอร์ฟลายชอบ"

    "คะ?" เธอขมวดคิ้วกับสิ่งที่ได้ยิน

    "ปากมากนักนะ" โซฟาของเธอกับนายหญิงมีหมอนสองใบ แต่นายหญิงหยิบมันขึ้นแล้วซัดใส่ท่านทาร่าไปแล้วหนึ่งใบ ส่วนอีกใบนางยื่นมาให้เธอกอดไว้

    "บัตเตอร์ฟลายมันรอเจ้าตื่นมาทั้งวันแล้ว" นี่คือเสียงของท่านมีน่า นางกระตุกยิ้มเล็กน้อย

    "แถมยังกระวนกระวายมากด้ว...ย" เสียงของท่านทาร่าขาดหายเมื่อนายหญิงกำมือเป็นกำปั้นแล้วทุบใส่อากาศ แต่มันกลับไปเจ็บที่คนนอนอยู่เสียอย่างนั้น

    "นายหญิง" ไอริปราม ไม่อยากให้นางทำร้ายร่างกายท่านทาร่า "อย่าทำแบบนั้นเลยเพคะ"

    ท่านทาร่าน่ารักจะตาย ดูหน้ามึนๆ ตอนง่วงนอนสิ แถมนางก็ดูง่วงนอนตลอดเวลาด้วย ไม่เหมือนนายหญิงที่มีสติก็ปล้ำ ไม่มีสติก็ปล้ำ

    นายหญิงมองเธอแล้วทุบใส่ท่านทาร่าอีกหนึ่งครั้งก่อนยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ

    "ไม่ทำแล้ว" ปากก็พูดได้สิ เมื่อกี้เพิ่งทำไปไม่ใช่เหรอ...

    ร่างกายเราสองคนเสียดสีกันเล็กน้อย ไม่ได้มากเกินไปจนโจ่งแจ้ง นายหญิงสอดมือเข้ามาโอบเอวเธอไว้ ลมหายใจของนางใกล้ขึ้นเมื่อนางเอี้ยวตัวมามอง

    "นี่อะไร" ปลายนิ้วนางสัมผัสต่างหูเธอ

    "ต่างหูเพคะ เครื่องประดับของข้าเอง"

    เธอเชี่ยวชาญมากพอจะไม่ตื่นตระหนกกับเรื่องเล็กน้อย

    "ทำขนาดนั้นไม่จูบกันไปเลย?" ท่านทาร่ากล่าวมาอีกประโยค นัยน์ตาสีแดงโลหิตของนางฉายแววบางอย่างที่ไอริรู้เท่าไม่ทัน เป็นแวว 'ความเจ้าเล่ห์ที่เลือดเย็น' เรียกแบบนี้น่าจะถูก

    ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้น่ารักอย่างที่หน้าตากับท่าทางแสดงออก

    "จะได้กันตรงนี้เลยก็ได้...รอชม" นางพูดมาอีกประโยค แถมประโยคนี้ก็...หากไม่ได้สนิทกันคงเรียกว่าเป็นการแซวที่แรงไปมากทีเดียว

    "แต่ข้าไม่ชม เชิญในห้องเถอะ" ท่านมีน่ากล่าวขัดด้วยรอยยิ้ม

    "นายหญิง" ไอริหันไปหานายหญิงเพื่อไม่ให้นางโมโหกับการกลั่นแกล้งของเพื่อนขุนพล "ข้าหิวแล้ว"

    "อืม..." นายหญิงยังคงพิจารณาต่างหูอยู่ ไม่รู้ว่านางติดใจอะไรกับมันกันแน่ มันทำให้เธอขนลุกวาบเพราะกลัวโดนจับได้ในทันที "ในห้องอาหารให้คนเตรียมอาหารไว้ให้แล้ว"

    "..." เธอทำท่าจะลุกแต่ถูกดึงไว้

    "ไปก่อนเลย" นายหญิงหันไปกล่าวกับสหายตัวเอง

    ได้ยินเสียงบ่นพึมพำแต่ก็ยอมลุกไปโดยดี ครั้งนี้ในห้องโถงมีแต่เราสองคน นายหญิงใช้มือประคองใบหน้าเธอแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าของนางในระยะใกล้ทำให้เธอคิดว่าบางครั้ง...นางก็เหมาะที่จะเป็นเสือผู้หญิงมาก ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ค่อยแสดงออกแล้วก็เถอะ

    "อาการดีขึ้นจริงหรือเปล่า" นางดูเป็นห่วงจริงๆ

    "ดีขึ้นจริงเพคะ" เธอใช้มือนุ่มนิ่มของตัวเองทาบทับบนมือนาง

    ระยะเวลาที่เราไม่ได้เจอกันทำให้เธอสังเกตเห็นอะไรได้หลายอย่างเลย ผิวเนียนนุ่มของนางมีบางจุดที่มีรอยคล้ำด้วย เหมือนคนตากแดดนาน ไม่แน่ใจว่าไปทำอะไรมากันแน่

    "แล้วทำไมท่านถึง...ดูเหนื่อยล้าจังเพคะ" เธอก็เป็นห่วงนายหญิงมากเหมือนกัน

    "ไม่มีอะไรหรอก" นางชะงักแล้วตอบปฏิเสธ แก้มอ่อนใสมีสีแดงเจือจาง นางหลบสายตาแล้วลุกขึ้นยืน "ไปเถอะ ถ้าปล่อยให้ทาร่ารอนานมันจะหลับคาโต๊ะอาหารเอา เดี๋ยวกร่อยหมด"

    ไอริพยักหน้า เธอกดอาการเวียนศีรษะไว้แล้วเดินตามนายหญิงเข้าไปในห้องอาหาร เห็นว่าท่านทั้งสามเอาพวกแชมเปญ ไวน์ แล้วก็เหล้าหลายยี่ห้อมากมาตั้งตระหง่านอยู่อีกแล้ว

    เธอขมวดคิ้วโดยไม่ได้ทักท้วง กินอาหารเงียบๆ วันนี้แม่ครัวทำหลายเมนูมาก ดูน่ากินทั้งนั้น เหมือนต้องการฉลองอะไรสักอย่าง แต่ไม่มีอะไรพูดอะไรเกี่ยวกับการฉลอง ระหว่างมื้ออาหารมีเพียงการพูดคุยของนายหญิงและสหายทั้งสองเท่านั้น

    เป็นเรื่องราวปกติน่ะ เธอไม่ได้อะไรจากการรับฟังมากหรอก

    นายหญิงกับเพื่อนระวังตัวดีมากเลยล่ะ

    "เอ้อ บัตเตอร์ฟลาย" ท่านทาร่าที่ตอนนี้คงกลายเป็นทั้งคนเมาและคนง่วงพูดขึ้นมา เสียงค่อนข้างเบาคล้ายคนไม่มีแรง แต่ดังมากพอให้ไอริได้ยิน "ไอริรู้ยังว่าวันนี้วันเกิดเจ้า"

    "..." นายหญิงไม่ได้ตอบอะไร นางแค่เบนสายตามามองครู่หนึ่งเท่านั้น

    ท่านทาร่ามองตามมาแล้วกล่าว

    "อย่าแอบฟังสิ"

    "..."

    "มันไม่ดีนะ เจ้ารู้เลยเนี่ย..."

    ไอริชะงักแล้วเริ่มทำตัวไม่ถูก ไม่แน่ใจว่าควรนั่งอยู่ตรงนี้ดีไหม

    "มันผิดที่เจ้าต่างหาก นางนั่งอยู่ก็ยังจะพูด บัตเตอร์ฟลายมันบอกว่าจะบอกเองไม่ใช่?" ท่านมีน่าหันไปกล่าวกับท่านทาร่า ส่วนคนที่ถูกตำหนิก็ทำหน้าเหมือนเข้าใจแล้วและเงียบไป

    "นายหญิง..." เมื่อได้โอกาสเธอหันไปหานายหญิงที่นั่งอยู่ข้างกาย "ไม่บอกข้าล่วงหน้าหน่อยหรือ ข้าเตรียมของขวัญให้ท่านไม่ทัน"

    "ไม่เป็นไรหรอก" นางเพียงแค่ระบายรอยยิ้มอ่อนโยน "ข้าไม่อยากได้อะไรมากกว่านี้แล้ว"

    นางจับมือเธอแล้วบีบเบาๆ เหมือนบอกให้รู้ว่าไม่มีสิ่งใดที่ดีไปกว่าการที่เธอยังอยู่ตรงนี้แล้ว มันทำให้เธอตัวชาไปเลย

    ในใจเธอภาวนาบางอย่าง อย่าคุ้นเคย อย่าไว้ใจ...ไม่เอาแบบนี้ เป็นการภาวนาที่ตรงข้ามกับทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งเคยคิดไว้

    นายหญิงน่ะเป็นผู้หญิงตัวสูง รูปร่างสมส่วน หน้าตาก็ดีมาก แถมบุคลิกโดยรวมดูเป็นคนพึ่งพาได้และน่าเชื่อถือ แถมอำนาจในมือล้นมากด้วย หากนางไม่บอกใครว่าเป็นขุนพล การหาใครไว้ข้างกายสักคนจะยากอะไร

    ไม่แน่นะ คนคนนั้นถึงแม้รู้ว่านางเป็นขุนพล อาจจะยอมอยู่เคียงข้างอยู่ดีด้วยซ้ำ

    "แต่ข้าก็อยากให้อะไรบางอย่างแก่ท่านอยู่ดี" ไอริกุมมือนางด้วยสีหน้ากังวล

    เปรี้ยง!

    เสียงฟ้าผ่าแทรกผ่านเข้ามา นอกหน้าต่างมีประกายฟ้าแลบด้วย

    "ไปนอนดีกว่า" ท่านทาร่าพึมพำขึ้นเมื่อเห็นอากาศภายนอก "ไปนอนด้วยกันไหม มีน่า"

    "ไม่ล่ะ ว่าจะไปห้องดนตรีเสียหน่อย" ลืมบอกไปว่าในบ้านนี้นอกจากห้องนอนแล้ว ยังมีอีกหลายห้องมากที่ไอริไม่ได้เข้าไปสำรวจบ่อยนัก ห้องดนตรีเป็นหนึ่งในนั้น

    ขุนพลทั้งสองแยกย้ายกันไป นายหญิงก็ลุกขึ้นยืนเหมือนกัน

    เพราะนางยืนอยู่ทางซ้ายมือและใกล้มาก การขยับของนางทำให้ชายเสื้อมาเกี่ยวโดนกับต่างหูของเธอเข้า

    ไอริชะงักเมื่อสัมผัสได้ถึงการร่วงหล่น เมื่อมองตามไปก็พบเพียงแค่ซากต่างหูที่นอนอยู่บนพื้น

    นายหญิงเป็นคนเก็บมันขึ้นมา

    "นี่ของสำคัญเจ้ารึเปล่า ดูเหมือนข้าจะทำมันพัง..." นางมีสีหน้าไม่สบายใจเท่าไหร่นัก แต่ภายในใจไอริเป็นยิ่งกว่านั้นเสียอีก เธอกระวนกระวายตั้งแต่เห็นต่างหูแตกสลายไป "ไว้ข้าชดใช้ให้ใหม่ โอเคไหม"

    "ได้เพคะ" เธอฝืนยิ้มทั้งที่ใบหน้าซีดเผือด แต่นายหญิงคงคิดว่าเธอเสียใจที่ต่างหูแตก นางดึงให้เธอลุกขึ้นแล้วกลับไปยังห้องโถง

    "เจ้านั่งอยู่ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวข้ามา" นางสั่งให้เธอนั่งลงบนโซฟาแล้วเดินออกไป

    ท่านอิลูเมียเคยบอกไอริไว้ว่า 'ต่างหูข้างนั้น หากเจ้าคิดว่าเจ้าจับตัวบัตเตอร์ฟลายไว้ได้ หรือต้องการความช่วยเหลือ แค่ทำให้มันแตกก็พอ' ทว่าเธอไม่ทราบเลยว่าหลังมันแตกไปแล้วอะไรจะเกิดขึ้น

    ภาวนาไม่ให้เกิดอะไรขึ้นก็แล้วกัน

    "ไอริ" นายหญิงกลับมาแล้ว นางมาพร้อมกับกล่องใบหนึ่งบนมือคู่นั้น

    "สิ่งนั้นคืออะไรหรือ" เธอถามอย่างสงสัย

    "ของขวัญที่ข้าอยากมอบให้เจ้า"

    "เดี๋ยวก่อน" เท่าที่จำได้ วันนี้มันวันเกิดนางไม่ใช่หรือ ไม่ใช่วันเกิดเธอเสียหน่อย แต่อย่างว่า...เธอเป็นใครจะไปขัดนายหญิง "อย่างน้อยให้ข้าได้สุขสันต์วันเกิดให้ท่านก่อนได้หรือไม่"

    นายหญิงพยักหน้าอย่างเงียบเชียบเพื่อบอกให้เธอพูดเลย

    "สุขสันต์วันเกิดเพคะ ข้าขอให้ท่านมีความสุขมากๆ" ไอริกล่าวคำอวยพรที่ไม่ได้วิเศษอะไร แต่มันสร้างรอยยิ้มแห่งความอบอุ่นบนใบหน้าที่เย็นชาได้ "ขอให้ท่านมีความสุขในทุกวันเลยนะเพคะ"

    "เจ้าก็เหมือนกัน" นายหญิงยื่นกล่องใบนั้นมาให้ "ลองเปิดดู"

    เมื่อไอริเปิดดู...เธอพบว่ามันคือชุดเดรสที่ดูแฟนซีมากสีแดงกับหน้ากากสีดำสนิท การตัดเย็บและการตกแต่งชุดดูไม่ธรรมดาเลย หรูหรามาก

    "ให้ข้าหรือเพคะ" ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยคิดว่าจะมีของแบบนี้เป็นของตัวเองหรอก

    บางครั้งไปออกงานกับแอสทริดก็ใส่แค่ชุดกระโปรงธรรมดาเอง

    "อืม" นางตอบรับด้วยการครางในลำคอ "สั่งตัดพิเศษ เพื่อเจ้าโดยเฉพาะ ไม่น่าจะมีตรงไหนที่หลวม"

    "ขอบคุณมากเพคะ" เธอหลุบสายตาลงมองความสวยของชุดอีกครั้ง อยากซึมซาบเอาไว้ "มันสวยมากเลย ข้าชอบมาก นายหญิงช่างมีเมตตาจริงๆ"

    "มีอีกเรื่องที่ข้าอยากจะกล่าวกับเจ้า" ประโยคที่จริงจังทำให้ไอริชะงักแล้วเลื่อนสายตาขึ้นมองนางที่ยืนอยู่ตรงหน้า

    "...คะ" เธอแอบกังวล

    "เจ้าอยากจะ...คบกับข้าไหม"

    ตึง!

    ประโยคของนายหญิงว่าช็อคแล้ว แต่มันมีเรื่องช็อคกว่านั้นเกิดขึ้น

    เสียง 'ตึง' เมื่อครู่คือเสียงบานประตูใหญ่ของคฤหาสน์ล้มลง...เผยให้เห็นท่านอิลูเมีย ท่านดาร์ซี่และแอสทริด

    "เจ้าคือ...บัตเตอร์ฟลายสินะ หากข้าได้ยินมาไม่ผิด" ท่านอิลูเมียกล่าว ใบหน้าใต้หน้ากากของนางไร้รอยยิ้ม

    "ไอริ มาหาข้า" แอสทริดเรียกเธอ ราชินีของเธอเรียกเธอ...

    ไอริกลืนก้อนบางอย่างที่จุกอยู่ในลำคอแล้วลุกขึ้นยืน มือวางกล่องของขวัญของนายหญิงลงบนโซฟาแล้วเดินไปหาแอสทริดโดยไม่ได้หันไปมองเจ้าของคฤหาสน์อีก

    "ไอริ..." นายหญิงเรียกเธอ

    ฝนยังตกอยู่ และเมื่อมันตกลงกระทบร่างกายของเธอ มันช่วยกลบซ่อนน้ำตาเธอไว้ด้วย

    ด้านหลังผู้นำทั้งสามมีกองทัพขนาดใหญ่อยู่

    "แอสทริด เรากลับกันเถอะ" ไอริดึงแขนของแอสทริดไว้เพื่อไม่ให้นางเข้าปะทะกับนายหญิง "ที่นี่ยังมี..."

    "ไม่เอา ถ้าเจ้าไม่อยากสู้ เจ้าก็ถอยไปซะ" แอสทริดเย็นชามาก นางไม่สนใจฟังที่เธอพูด

    ไอริกำลังจะบอกเรื่องขุนพลอีกสองคนที่อยู่ข้างในบ้านนายหญิง

    "เสียงอะไร ข้าจะหลับ" ไม่ทันขาดคำ ท่านทาร่าที่สวมหน้ากากโผล่ขึ้นที่หัวมุมบันได นัยน์ตาสีเลือดจ้องมองมาที่กองทัพของพวกเรา

    "ใช่ เสียงดังจนข้าเล่นดนตรีไม่ได้เลย" ส่วนท่านมีน่าเดินมาทางปีกซ้ายของคฤหาสน์ สวมหน้ากากแล้วเช่นกัน

    สวมหน้ากากก่อนโดยไม่จำเป็นต้องมาดูให้เห็นกับตาเลยเหรอว่าเกิดอะไรขึ้น...

    "ไม่ต้องยุ่ง" เป็นนายหญิงที่ยกมือห้ามทั้งสองไว้ นางมองตรงมาที่เธอ เหมือนกับว่ามีแค่เธอเท่านั้นที่อยู่ในสายตาของนาง

    นางเดินมาทางนี้ เดินมาหาเธอ

    "ยิงเลย ไม่ต้องไปสนใจ!" แอสทริดสั่งการ

    กระสุนปืนเวทมนตร์ถูกยิงออกจากปลายกระบอกปืนในทันที...

    มันทะลุผ่านลำตัว ไหล่ และขาของขุนพลลำดับที่หก แต่นางยังไม่หยุดเดิน นางยังเดินมาหาเธอด้วยใบหน้าเรียบเฉย

    "ไอริ ถอยหลังไป!!"

    คำพูดนั้นเป็นของใครไม่รู้ หูเธออื้อ ตาลายมาก จู่ๆ ร่างเธอก็โดนผลักให้ถอยไปข้างหลังเพื่อหลบหลังพวกทหาร

    นายหญิงยื่นมือมาหาเธอ นางกำลังเดินผ่านแอสทริดและโดนสกัดไว้ แอสทริดผลักจนร่างกายที่บอบช้ำและเต็มไปด้วยบาดแผลล้มลงบนพื้น การกระแทกอย่างรุนแรงทำให้แขนนางถลอกอย่างน่ากลัว

    "ไอริ...เจ้า..." นายหญิงที่ลุกขึ้นนั่งพึมพำอะไรบางอย่างที่ฟังไม่ได้ศัพท์ เมื่อพูดเสร็จนางก็นิ่งไป

    นางนั่งนิ่งและก้มหน้าอยู่แบบนั้นอย่างคนไร้ชีวิตโดยมีอิลูเมียเอาปืนจ่อหัวนางไว้

    ทำไมล่ะ

    ทำไมท่านถึงไม่โกรธข้าแล้วลุกขึ้นสู้ให้มันจบๆ ไป

    แค่เกลียดข้า แล้วฆ่าทุกคนที่นี่ทิ้งซะ

    เมื่อไอริเงยหน้าขึ้นจากการมองนายหญิง ก็ไม่เห็นท่านมีน่าและท่านทาร่าในสายตาอีกต่อไป


    บัตเตอร์ฟลายไม่เจ็บแผลเลย สิ่งที่เจ็บมันไม่ใช่ร่างกาย

    เธอมองไปที่ไอริ เห็นสายตาที่สั่นไหวของนาง ประโยคที่เธอพูดก่อนหน้านี้ว่า 'ไอริ ข้าเชื่อใจเจ้า' นางคงไม่ได้ยิน

    "เรามาเพื่อจับตัวเจ้า" นี่น่าจะเป็นเสียงของเจ้าโสโครกตัวไหนสักตัว แต่เธอไม่ได้สนใจ สายตาเธอจรดอยู่ที่ไอริคนเดียวเท่านั้น

    หากมันคือสิ่งที่นางต้องการ...ได้สิ

    บัตเตอร์ฟลายส่งยิ้มไปให้น้อง แล้วจำได้ว่าตัวเองโดนอะไรบางอย่างกระแทกอย่างแรงจนสลบไป

    แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับบัตเตอร์ฟลายตลอดสามวันหลังถูกจับตัวมาขังในคุกลับที่ไหนสักแห่ง ทำให้ความคิดของเธอเปลี่ยนไป การถูกซ้อมทั้งๆ ที่ร่างกายเจ็บอยู่แล้วบางครั้งมันก็เกินจะรับไหว เพียงเพราะเธอไม่เปิดเผยข้อมูลของขุนพลให้พวกมันรู้

    ตลอดสามวันที่ถูกทรมาน ข้าวปลาไม่ได้แตะ เธอไม่เห็นไอริมาเหยียบที่นี่หรือมาดูอาการเธอเลย

    "หึ" บัตเตอร์ฟลายส่งเสียงขณะเอนตัวพิงกำแพงอิฐเย็นเฉียบ ลมหายใจรวยรินทุกวินาทีเพราะอาการบาดเจ็บที่เล่นงานทั่วร่างกาย

    เป็นเธอเองที่โง่เง่าไปขอคบกับผู้หญิงที่ไม่เคยเห็นเธอในสายตา

    เลิกหลอกตัวเองได้แล้วบัตเตอร์ฟลาย


    "บัตเตอร์ฟลายเป็นอย่างไรบ้าง" เวเรสถาม มองไปยังมีน่าที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องประชุม ร่องรอยความรู้สึกบนใบหน้าของขุนพลลำดับที่สามไม่ดีนัก

    "อาการไม่ดี และยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ พวกมนุษย์ไม่สนใจรักษาบาดแผลให้บัตเตอร์ฟลาย ไม่ให้อาหาร และคุกนั่นก็ไม่ได้มีคนคุมด้วยซ้ำ แค่มีคนเฝ้ายามตรงทางเข้าออกทั้งสามทิศ" มีน่ารายงานสิ่งที่เกิดขึ้น

    "แล้วผู้หญิงที่อยู่กับบัตเตอร์ฟลายมาตลอดหลายวันไปไหน" เวเรสถามอีก เธอเอนตัวพิงบัลลังก์ระหว่างขบคิดหาทางจัดการไปด้วย

    "ข้าไม่ได้ติดตามการเคลื่อนไหวของนาง แต่เท่าที่สังเกตพระราชวัง ข้าไม่เห็นนางเลย" มีน่ากล่าว

    "อืม..."

    "เวเรส" เซฟีร่าที่นั่งอยู่ใกล้กันวางมือนุ่มลงบนแขนเธอ ความจริงจังที่อยู่บนใบหน้าคนรักทำให้เธอพยักหน้าเพื่อให้นางกล่าวสิ่งที่นางคิด เพื่อบอกให้นางรับรู้ว่าเธอจะรับฟัง "ไอริเป็นผู้นำของกลุ่มที่เรียกตนเองว่าข้ารับใช้แห่งมังกร นางมีถิ่นฐานอยู่ทางเหนือของเมืองหลวงอาณาจักรแพนเธีย ข้าว่านางโดนห้ามไม่ให้เข้าใกล้ที่คุมขังจากแอสทริดทุกกรณี เราต้องช่วยนางด้วย"

    "ช่วย?" เวเรสชะงัก ไม่นึกว่าเซฟีร่าจะเสนออะไรแบบนี้ "ทำไมพวกเราต้องทำแบบนั้น ตอบหน่อย"

    "เพราะนางกับบัตเตอร์ฟลายชอบพอกัน เจ้าคงไม่ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ใช่ไหม"

    เวเรสครุ่นคิด การช่วยเหลือไอริเพิ่มเติมไม่ได้เสียหายอะไรหรอก

    "เจ้าช่วยบอกประโยชน์จากการช่วยเหลือไอริให้พวกเรารับฟังหน่อยได้หรือไม่" ลิเลียน่าคลี่ยิ้ม นางกำลังคิดแบบเดียวกับที่เวเรสคิดอยู่เลย ว่าเราจะได้ประโยชน์อะไรกันแน่

    เซฟีร่าแอบมองลินดิส เวเรสที่สังเกตแฟนสาวอยู่ตลอดเห็นท่าทางแปลกๆ พวกนั้นแล้วมองตามไปยังลินดิสผู้ซึ่งกำลังเท้าคางมองมาที่เธอ

    "เพราะการช่วยเหลือไอริจะเป็นเหมือนการช่วยเหลือบัตเตอร์ฟลาย" เซฟีร่าอธิบาย "อย่างเช่นกรณีข้ากับเวเรสที่เคยเกิดขึ้นไปแล้ว เวเรสแทบควบคุมตัวเองไม่ได้ตอนข้าหายไป"

    "..." เวเรสไม่ได้กล่าวสิ่งใด ปล่อยให้คนรักพูดต่อให้จบ

    "เราต้องการไอริเพื่อควบคุมบัตเตอร์ฟลาย"

    "ถูกต้อง" ลินดิสกล่าว ดวงตาของนางเปล่งประกายความประทับใจออกมาอย่างปิดไม่มิด "เจ้าเริ่มพูดจาเข้าหูข้าขึ้นมากแล้วเซฟีร่า"

    "แล้วเราจะเอายังไงต่อ" มีน่ากล่าวถาม

    เวเรสถอนหายใจ เธอหยิบหน้ากากเวทมนตร์ต่างสีกันแล้วส่งมันไปให้กับขุนพลคนอื่นจนครบ เอายังไงต่อเหรอ? ไม่เห็นต้องถามคำถามไร้สาระแบบนั้นเลย

    "ไปช่วยบัตเตอร์ฟลาย ไปกันทั้งหมดนี่แหละ"

    "..." ทุกคนลุกขึ้น ยกเว้นทาร่า

    "มีน่า เจ้าปลุกทาร่าด้วย ส่วนลิเลียน่า เจ้าไปเปลี่ยนชุดซะ" เวเรสเบือนหน้าหนีจากชุดวาบหวิวแนบเนื้อที่ขุนพลลำดับที่ห้าใส่อยู่แล้วเดินออกจากห้องประชุมพร้อมกับเซฟีร่า มุ่งหน้าไปยังทางออกเขตแดนปีศาจแล้วรอให้คนอื่นมาสมทบ

    "เจ้ายินดีให้ข้าไปด้วยหรือ" เซฟีร่าถามเสียงอ่อนเมื่อเราอยู่ด้วยกันสองคน

    "อืม ข้าอยากให้เจ้าไปด้วยเสมอ" เธอยกมือขึ้นลูบศีรษะของนาง ที่เมื่อเกือบเดือนก่อนนางย้อมสีผมจนมันกลายเป็นสีผสมระหว่างฟ้ากับแดง "ที่สำคัญหากข้าบาดเจ็บ ใครจะรักษาแผลข้าเล่า"

    "เจ้าอยากให้ข้าไปรักษาแผลให้บัตเตอร์ฟลายใช่หรือไม่" นางถาม

    "ใช่" เธอตอบคำถามอย่างไม่ปิดบัง

    "เจ้าเป็นห่วงนางหรือ" หากเป็นผู้หญิงคนอื่น คำถามแบบนี้คือประโยคชี้เป็นชี้ตายกับคำตอบ แต่เซฟีร่าไม่ใช่คนงี่เง่าขนาดนั้น เวเรสเลยยินดีจะตอบ

    "ใช่"

    ในฐานะที่บัตเตอร์ฟลายเป็นขุนพลลำดับที่หก เวเรสยินดีเป็นห่วงให้เสมอ

    หลังขุนพลคนอื่นตามมาสมทบ เวเรสยื่นหน้ากากให้เซฟีร่าสวมใส่แล้วสวมหน้ากากของตัวเองด้วย

    "ข้าอนุญาตให้พวกเจ้าฆ่าใครก็ได้ที่อยากฆ่า ตามสบาย" เวเรสกล่าว เธอไม่ใช่แม่ของเธอ และเธอไม่มีวันออกคำสั่งแบบราชินีวีร่าแน่นอน ด้วยเหตุนั้นแล้ว...ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเมืองมนุษย์ในวันนี้ ขึ้นอยู่กับความพอใจส่วนตัวของเธอ

    การเดินทางทางอากาศมายังเมืองหลวงของอาณาจักรแพนเธียใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมง

    เวเรสลงจากหลังม้าเพกาซัสสีดำแล้วมองไปรอบๆ เห็นว่าพวกทหารของอาณาจักรเริ่มแตกตื่นกันแล้ว

    แต่หากสงสัยว่าเธอหาม้าเพกาซัสมาจากไหน คงให้ข้อมูลได้เพียงแค่ว่ามันเป็นเผ่าพันธุ์หนึ่งที่อาศัยอยู่ในเขตแดนปีศาจ เป็นเผ่าความมืด และมันสามารถพูดได้ ทว่าตอนนี้เธอมีคำสั่งไม่ให้มันพูด เนื่องจากม้าเพกาซัสมักพูดจาเพ้อเจ้อและถนัดในการสร้างความรำคาญ

    "มีน่ากับลิเลียน่า เจ้าไปพาตัวไอริออกมาจากรังของนาง" เวเรสสั่งการครั้งสุดท้าย

    "..." ขุนพลทั้งสองคนพยักหน้า

    "ทาร่า ลินดิส เซฟีร่า เจ้าตามข้ามา"

    ที่ไม่ส่งลินดิสกับทาร่าไปกับทางนั้น เพราะราชินีที่ดีจะไม่ปล่อยให้มันสมองกับคนที่แข็งแกร่งที่สุดห่างตัวแน่

    อีกอย่างคือคนแบบทาร่า นางต้องได้รับการจับตาดูเป็นพิเศษ

    คุกที่คุมขังบัตเตอร์ฟลายไว้ หากจำไม่ผิดก็ต้องอยู่ใต้พระราชวังหลังนี้

    ระหว่างทางเธอก็อดคิดถึงเหตุผลที่บัตเตอร์ฟลายได้เป็นขุนพลไม่ได้...

    ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนฉลาดมาตั้งแต่กำเนิด ในบางเรื่องอาจจะฉลาดกว่าลินดิสด้วยซ้ำ แต่นางไม่เคยคิดจะใช้สมองของนางอย่างจริงจังเพื่อผู้ใด หรือแม้แต่พรรคพวกของตัวเอง การต่อสู้ของนางหากเป็นการปะทะตัวต่อตัวนางมักชนะเสมอ

    รูปแบบการต่อสู้ของบัตเตอร์ฟลายมักไม่มีแบบแผนให้จับต้องได้ นางสามารถเคลื่อนไหวสอดคล้องกันได้ทั้งร่างกาย เพราะนางใช้สมองทั้งสองซีกได้พร้อมกันซ้ายขวา

    แต่บัตเตอร์ฟลายเป็นมนุษย์ที่ไม่มีการโจมตีรูปแบบหมู่ ทำให้นางได้รับลำดับที่หก

    ส่วนมีน่า รายนั้นก็เป็นมนุษย์ แต่ในกรณีของนางแตกต่างกันออกไป

    ทว่ามันไม่ใช่หน้าที่เวเรสเลยที่จะร่ายรายละเอียดความหลังขึ้นมาตอนนี้ เธอมองตรงไปข้างหน้า จ้องเขม็งไปยังดาร์ซี่ที่ยืนรอพวกเราอยู่ตรงสุดทางเดิน

    "ลินดิส พาเซฟีร่ากับทาร่าไป ตรงนี้ข้าจัดการมันเอง" เวเรสกางปีกไม่ได้เพราะอยู่ในที่แคบ เพราะฉะนั้นเธอจะใช้การต่อสู้มือเปล่าจัดการชายหนุ่มซะ

    "ระวังตัวด้วย" เซฟีร่ากล่าวแล้วเดินเลี่ยงไปอีกทาง

    ที่จริงการฆ่าดาร์ซี่ทิ้งแล้วไปต่อทางเดิมก็ได้ แต่ตอนนี้เวเรสเน้นเรื่องความรวดเร็ว การปะทะกันต้องใช้เวลาจำนวนมาก และร่างกายบัตเตอร์ฟลายไม่ได้เอื้ออำนวยต่อจำนวนเวลาขนาดนั้น


    กี่โมงกี่ยามแล้ว...

    ลำคอบัตเตอร์ฟลายแห้งไปหมด เธอขยับร่างกายไม่ได้ มันชาตั้งแต่หัวจรดเท้า เลือดหยุดไหลไปนานแล้ว แต่ว่าหัวยังโคลงเคลงอยู่ คล้ายว่าตัวเองกำลังปวดหัวหนักมาก

    ไม่รู้สึกอะไรเลย ความรู้สึกหายไปไหนหมด

    เธอลืมตาที่หนักอึ้งขึ้น หูได้ยินเสียงฝีเท้า คงเป็นการรีดเค้นเอาคำตอบ

    ทุกการรีดเค้น จุดจบของมันคือการซ้อมเธอเสมอ...

    บัตเตอร์ฟลายพ่นลมหายใจอีกครั้ง พยายามไม่คิดถึงสิ่งอื่นใดอีกนอกจากความตายที่จะได้พบ แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ในหัวของเธอ ในจุดที่มืดมิดที่สุด มันมีใครบางคนซ่อนอยู่

    "ท่าทางก็ดูสบายดีไม่ใช่เหรอ" เสียงอวดดีดังขึ้น บัตเตอร์ฟลายเอียงสายตาไปมอง

    เป็นลินดิสกับเซฟีร่าที่ถอดหน้ากากของตัวเองออก

    "มาช้า" เธอกล่าว แต่ภายในใจกลับโล่งอก

    "มาแล้ว" ลินดิสนั่งลงข้างเธอ ส่วนเซฟีร่านั่งลงอีกด้าน ยื่นมือออกมาเพื่อรักษาบาดแผล "ไม่ต้องเจ็บตัวแล้ว"

    "..."

    "ไม่มีอะไรต้องกลัว"

    เพิ่งเคยได้ยินคำพูดปลอบประโลมเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีของการรู้จักกัน แต่ยอมรับว่ามันทำให้เธอสงบลงมากพอสมควร

    การรักษาของเซฟีร่าดำเนินไปในความเงียบ แปลกใจเหมือนกันที่ครั้งนี้เวเรสไม่ได้มาคุม และเซฟีร่าคงรู้ว่าเธอสงสัยอะไร

    "เวเรสต่อสู้อยู่" นางกล่าวเบาๆ "นางเป็นคนออกคำสั่งให้มาช่วยเหลือเจ้า"

    เวเรสเหรอ

    "อือ" บัตเตอร์ฟลายครางรับ

    หลังการรักษาเสร็จสิ้น บัตเตอร์ฟลายลุกขึ้นยืนด้วยเรี่ยวแรงที่เริ่มกลับมา แผลทยอยสมานแล้ว แต่ไม่ใช่ทุกแผลที่โดนรักษา ยังไงเธอก็ต้องไปพบหมอที่ดินแดนปีศาจหลังกลับไป

    "นี่ดาบ เผื่ออยากสู้" ลินดิสยื่นดาบมาให้แล้วใส่หน้ากาก

    เธอรับดาบมาแล้วมองมันนิ่งงัน สุดท้ายก็พยักหน้าเพื่อบอกให้ทั้งสองนำทางออกไปจากที่นี่ เมื่อออกมาจากอาณาเขตคุกก็เจอพบเวเรสที่มุ่งหน้ามาทางนี้พอดี

    "เป็นไงบ้าง" เวเรสถาม

    เราสองคนสแกนร่างกายกันและกันหัวจรดเท้า

    เวเรสมีบาดแผลที่เกิดจากการโจมตีจากพลังเวทบนตัวเล็กน้อย

    ส่วนบัตเตอร์ฟลายโอเคขึ้นมากแล้ว

    "ไม่เป็นไร" เธอตอบ สุดท้ายก็ลดความเข้มของเสียงลงมากกว่าครึ่งเมื่อพูดคำต่อมา "...ขอบใจ"

    เวเรสชะงักแล้วยกมือขึ้นตบไหล่ของเธอเบาๆ "เรื่องเล็ก ไม่ต้องคิดมาก"

    แม้จะเจ็บแปรบทันทีที่ไหล่โดนกระทบ แต่เธอกล้ำกลืนมันไว้แล้วเดินต่อไป

    "คนอื่นไปไหน ถ้าลินดิสยอมออกมา...แสดงว่าก็ต้องมากันหมดไม่ใช่เหรอ" บัตเตอร์ฟลายถามต่อ

    "มีน่ากับลิเลียน่าไป...อื้อ!" เสียงของเซฟีร่าชะงักเมื่อนางโดนเวเรสยกมือขึ้นปิดปาก

    "ไป?" เธอทำสีหน้างุนงงให้กับความแปลกที่เกิดขึ้น

    "มีน่ากับลิเลียน่าจัดการทหารส่วนอื่นอยู่ ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวพวกนางก็กลับไปเจอเราที่ดินแดนปีศาจเอง" ลินดิสกล่าวตอบ บัตเตอร์ฟลายเลยหมดความสงสัย

    เพราะไม่คิดจะสู้กับใคร เธอโยนดาบธรรมดาที่ลินดิสมอบให้ทิ้งไปแล้วเดินต่อ

    "ดาร์ซี่ตายแล้วเหรอ" ลินดิสหันไปถามเวเรส

    "ยัง มันหนีไปได้" เวเรสตอบแล้วขบเขี้ยวอย่างหงุดหงิด "มันใช้พลังเวทมิติอะไรสักอย่างของมันในการหลบหนี ไม่มีทางเลยที่ข้าจะไล่ตามมันไปในที่แห่งนั้นได้"

    "เรื่องนั้นไว้ค่อยว่ากัน เราทำภารกิจสำเร็จ บัตเตอร์ฟลายปลอดภัยและร่างกายครบสามสิบสอง เราต้องกลับแล้ว" ลินดิสลูบหัวม้าเพกาซัสของนางแล้วขึ้นคร่อมมัน

    เวเรสกับเซฟีร่าเดินไปที่ม้าตัวเอง บัตเตอร์ฟลายเลยเดินไปยังตัวที่ว่างอยู่

    เธอทิ้งเมืองหลวงแพนเธียไว้ข้างหลังโดยไม่หันกลับไปมองความวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้นอีก

    "แล้วเกิดไรขึ้นที่นี่" เธอถามขึ้นเมื่อเรามาถึงหุบเขาแห่งความเงียบ ที่ตั้งคฤหาสน์ของเวเรส และพบว่าคฤหาสน์ของเธอถูกโยกย้ายมาตั้งเคียงข้างกัน แถมประตูก็ถูกซ่อมแล้วเรียบร้อย

    พวกม้าบินกลับไปยังดินแดนปีศาจ คนอื่นๆ เดินเข้ามาในคฤหาสน์ของเธอ

    เป็นครั้งแรกเลยที่ขุนพลคนอื่นได้เข้ามาที่นี่ นอกเหนือมีน่าและทาร่า

    "นี่บ้านของเจ้า มีเงิน เอกสาร และของจำเป็นสำหรับเจ้าเยอะ หากไม่นำมันมาเรื่องของพวกเราจะยิ่งรั่วไหล" เวเรสเป็นคนกล่าวตอบ

    บัตเตอร์ฟลายทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน ได้ยินเสียงเวเรสสั่งการอะไรใครอีกนิดหน่อยเกี่ยวกับเรื่องหมอที่จะถูกนำตัวมาดูแลเธอ

    สายตาเหลือบไปเห็นกล่องของขวัญที่เธอมอบให้ไอริตั้งตระหง่านอยู่ที่เดิม

    "เวเรส ที่สุดทางเดินขวามือมีห้องเก็บไวน์ ถ้าอยากกินก็ไปหยิบ ระหว่างทางฝากเอาอันนี้ไปทิ้งด้วย" เธอยื่นกล่องของขวัญไปให้กับนางแล้วหลับตาลง

    ไม่ถึงสิบนาทีเวเรสก็กลับมาพร้อมกับไวน์สามขวด ล้วนแล้วแต่เป็นไวน์ที่มียี่ห้อและถูกหมักนานกว่าร้อยปีขึ้นไปทั้งสิ้น

    บัตเตอร์ฟลายคำนวนความแพงของมันในใจแล้วเงยหน้าขึ้นมองเวเรสที่ตอนนี้ยิ้มแฉ่ง

    กวนตีน...

    เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่บัตเตอร์ฟลายมักจะโดนกวนตีนจากขุนพลด้วยกัน

    แต่ครั้งนี้จะปล่อยไปแล้วกัน

    "แก้วอยู่ที่ครัว" เธอเอ่ยอย่างระเหี่ยใจ คล้อยหลังเวเรสไปจึงสังเกตมองเซฟีร่ากับลินดิสที่นั่งอยู่บนโซฟาคนละตัว เป็นบรรยากาศที่ไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย

    "นี่" เวเรสยื่นแก้วที่เพิ่งไปหยิบมาให้ ก่อนวางแก้วลงหน้าลินดิสกับเซฟีร่าด้วย

    เซฟีร่าเป็นคนรินเหล้าให้ทุกคน นางทำให้เธอนึกถึงไอริ

    "เวเรส" หลังดื่มด่ำกับการจิบไวน์แก้วแรกไป ใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของลินดิสก็หันเหไปทางเวเรส "ทาร่าหายตัวไป"

    "นางไม่ได้อยู่กับเจ้าเหรอ" เวเรสขมวดคิ้ว ส่วนลินดิสส่ายหน้า ไม่นานนักคนที่เป็นราชินีของพวกเราอยู่ตอนนี้ก็มีสีหน้าซีดเผือด "เวร..."

    "เดี๋ยวนางก็กลับมา ข้าเชื่อ" บัตเตอร์ฟลายรินไวน์อีกแก้วให้ตัวเอง

    เพราะทุกครั้งที่ทาร่าไปที่ไหน ไม่ว่าจะหาเลือดกินหรือไปเดินเล่น นางมักจะกลับไปนอนที่วังของท่านวีร่าเสมอ

    ไม่นานนักเพราะเริ่มเมาได้กรึ่มๆ แม้แต่ลินดิสก็เมา ทุกคนที่นี่ก็ลืมเรื่องทาร่าไป เซฟีร่าที่เมาน้อยสุดเอ่ยประเด็นใหม่ที่บัตเตอร์ฟลายไม่ได้อยากตอบเลยขึ้นมา

    "บัตเตอร์ฟลาย เจ้าคิดกับไอริยังไงเหรอ"

    เธอพิจารณาคำถาม สุดท้ายตัดสินใจตอบไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

    "ตอนนี้ไม่ได้คิดอะไรเป็นพิเศษ"

    "..."

    "ผู้หญิงคนนั้นไร้หัวใจ" เธอหวนนึกไปถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอกับไอริทำร่วมกัน "นางเหยียบย่ำความรู้สึกข้า หักหลัง..."

    "..."

    "ไม่ลังเลในการทำสิ่งใด ไม่ไขว้เขว่" เธอหวนนึกไปถึงตอนที่ไอริเดินไปหาแอสทริดโดยไม่สนใจการเรียกหาของเธอ "เป็นคนที่ดีมาก..."

    "บัตเตอร์ฟลาย..." เซฟีร่าเรียกเธอ ราวกับนางรู้สึกเสียใจที่ถามคำถามนี้ขึ้นมา

    "เป็นคนดีมากจริงๆ" แต่บัตเตอร์ฟลายไม่ได้หยุดพูด น้ำตาของเธอไหลอย่างไม่รู้สาเหตุ "นางน่ารักมากยามทำอาหารให้ข้ากิน ใจดีมากที่ห้ามไม่ให้ข้าลงโทษพ่อบ้านจากการเลือกซื้อเสื้อห่วยๆ เรียบร้อยและวางตัวเหมาะสม ข้าไม่รู้ว่าจะหาผู้หญิงแบบนี้ได้ที่ไหนอีก"

    "..."

    "แต่..."

    แอด

    บัตเตอร์ฟลายชะงักแล้วพูดต่อไม่จบประโยค เธอหันมองไปยังหน้าประตูแล้วพบว่าไอริยืนอยู่ตรงนั้น ข้างหลังเป็นมีน่าและลิเลียน่า

    "นายหญิง" เสียงของไอริสั่นยามที่นางเรียกเธอ

    แต่เธอลุกขึ้นแล้วหันหลังให้ก่อนที่จะได้มองใบหน้าของนางได้เต็มสายตา

    "ไสหัวไปซะ" เธอกล่าวอย่างเย็นชาแล้วเดินขึ้นห้องนอน ไม่สนใจอีกว่าด้านล่างนั่นใครจะเป็นยังไง เธอแค่ล้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลอยู่แบบนั้น

    ส่วนประโยคสุดท้ายที่ไม่ได้พูดไป 'แต่ข้าจะไม่เอาตัวเองไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงประเภทนี้อีก' นี่คือใจความของมัน...





    - Butterfly -
    6th Warlord
    Cast By -


    - Airi -
    Leader of Dragon clan
    Cast By -


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×