ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Black N Blue (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #38 : Black N Blue❖The destroyer 'six warlords' 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.33K
      132
      7 ก.พ. 63

    คำเตือน :: บางช่วงบางตอนมีความรุนแรง เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของตัวเกมแต่อย่างใด ฉากที่มีเนื้อหาเรท R จะไม่อัพลงเด็กดี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


    Song :: Jacob Lee - Demons


    EPISODE01

    Alternative Universe 04The destroyer 'six warlords'


    เซฟีร่ายืนมองหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังหัวเราะร่วนอย่างร่าเริงอยู่ในกลุ่มคน เธอพิจารณาเส้นผมสีบลอนด์ ความอ่อนเยาว์ และร่างกายที่ยังนุ่มนิ่มราวกับไม่เคยผ่านมือใครมาก่อนอย่างเสน่หา มุมปากแอบยกยิ้มขึ้นเมื่อในหัวกำลังวางแผน คิดวิธีที่จะสามารถทำให้หญิงสาวคนนั้นตกเป็นของเธอ

    นางมีนามว่าลอเรียล เป็นทูตสวรรค์หกปีกตนแรกที่เกิดขึ้นในรอบพันปี มีตำแหน่งเป็นแม่ทัพใหญ่และผู้ปกป้องสวนสวรรค์อีเดน หากนับจากปีที่นางเกิดนั้น...อายุของนางยังไม่ถึงสามสิบปีมนุษย์เลยด้วยซ้ำ

    เธอกอดอกอยู่ในมุมมืดของห้องโถงขนาดใหญ่ ไม่ขยับเขยื้อนตัว รอคอย ไม่นานนักลอเรียลก็เดินแหวกคนเหล่านั้นเข้ามาหาเธอ ทำให้เธอสามารถใช้สายตาสำรวจชุดที่นางสวมใส่อยู่ได้ กระโปรงยาวพริ้วสีขาวซึ่งที่ตรงเสื้อเป็นสายเดี่ยว ผิวขาวมีน้ำมีนวลทำให้เธอแทบเก็บอารมณ์ตัวเองไม่อยู่

    "ท่านเซฟีร่ามายืนทำอันใดอยู่ตรงนี้หรือเพคะ" เสียงหวานดังขึ้นเมื่อเจ้าของร่างกายที่เธอปรารถนาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ใบหน้าใสกับดวงตาสีทองจ้องเธอตาแทบไม่กระพริบ "ไม่ไปร่วมงานกับคนอื่นหรือ เราเพิ่งเอาชนะขุนพลคนที่เจ็ดของวีร่าลงได้เลยนะเพคะ"

    "ข้าอยากคิดอะไรเงียบๆ คนเดียวมากกว่า แต่ก็ไม่รังเกียจหากเจ้าอยากอยู่คุยกับข้าสักครู่" เซฟีร่าไม่มีทางปล่อยให้เหยื่อของตนหลุดลอย ในเมื่อโอกาสอยู่ตรงหน้าแล้ว ไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่คว้าไว้

    "ได้เพคะ" นางเลื่อนตัวมาพิงผนังด้านซ้ายเธอ ใกล้ๆ กันจนร่างกายเราสัมผัสกันเล็กน้อย "ท่านคิดสิ่งใดอยู่หรือ"

    เซฟีร่าไม่ได้ตอบในทันที เธอจัดการความคิดของตัวเองแล้วตัดเรื่องความน่ารักกับร่างกายลอเรียลออกจากหัว มันก็เหลือแค่เรื่องขุนพลของวีร่าที่เราเอาชนะมาได้ มันมีนามว่าโอเมน และอำนาจมันสูงเสียจนต้องผนึกกำลังกันหลายฝ่ายกว่าจะโค่นมันลงได้ แต่วีร่าที่เป็นราชินีของนรกคนล่าสุดมีขุนพลอยู่อีกหกคน

    เริ่มแรกนั้นพวกเราทั้งหมด สภาเวทมนตร์ วิหารแห่งแสง ดินแดนแห่งป่า และพวกมนุษย์บางกลุ่มผนึกกำลังกันเพื่อทำสงครามกับปีศาจจากนรกที่มารุกรานดินแดนเบื้องบน กินเวลาสี่ปีแล้ว และเราเพิ่งฆ่าขุนพลคนที่เจ็ดลงได้จากสิบคน หมายถึงว่า เวลาที่เราเสียไปนั้นเราฆ่าขุนพลของพวกมันไปได้แค่สี่คน ในขณะที่คนของเราตายไปนับหมื่น

    "ไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องไม่สำคัญ" เธอบอกปัดลอเรียลเพราะไม่อยากให้เด็กสาวคิดมาก "ว่าแต่ว่าวันนี้พระจันทร์เต็มดวงด้วยนะ ถ้าสนใจ...เจ้าอยากไปดูมันกับข้าไหม"

    นี่เป็นแผนหว่านล้อมของเธอ เธอทราบดีว่าไม่มีใครสามารถปฏิเสธรูปร่างหน้าตาของเธอได้ ลอเรียลก็รวมอยู่ในหมู่คนพวกนั้นเช่นเดียวกัน

    ลอเรียลครุ่นคิดด้วยสีหน้าจริงจังอย่างน่ารัก ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอเตรียมตอบ แต่กลับมีใครบางคนเข้ามาขัดขวาง เป็นดาร์ซี่ ชายหนุ่มผู้นำสภาเวทมนตร์คู่กับเธอ และเพราะเหตุการณ์ออกมาในรูปแบบนี้ เธอยืดตัวขึ้นแล้วจุมพิตลงบนแก้มสากของชายหนุ่มตัวสูงเล็กน้อย เป็นการประทับริมฝีปากที่ไม่แนบแน่น แค่หลอกคนอื่นว่าเราเป็นคู่รักที่รักใคร่กันมากเท่านั้น

    "มีอะไรเหรอ ดาร์ซี่" เซฟีร่ากล่าวถาม วางมือทั้งสองลงบนไหล่กว้างของชายหนุ่ม คล้ายๆ จะเป็นการโอบคอ แต่ก็ไม่ใช่

    "แค่มาดูว่าเจ้าทำอะไรอยู่" หากให้เทียบกับเธอ ดาร์ซี่คงแสดงละครเก่งกว่า เขามองเธอด้วยสายตารักใคร่ มือใหญ่เอื้อมขึ้นกุมแก้มของเธอ ความร้อนผ่าวถ่ายทอดมาเมื่อผิวกายสัมผัสกัน "ได้ยินมาว่าเจ้าบาดเจ็บจากการต่อสู้ล่าสุด แผลของเจ้าหายแล้วหรือ"

    เซฟีร่าพยักหน้า เธอเลื่อนมือขึ้นแตะไหล่ซ้ายของตนเอง ยังจำภาพและความเจ็บปวดที่แส้ของโอเมนฟาดลงมาเต็มแรงได้ มันแทบไม่มีร่องรอยอะไรเหลือรอยแล้ว เธอใช้เวทมนตร์รักษามันไปแล้ว

    เพราะเธอยืนยันว่าปกติทุกประการ ชายหนุ่มเบนสายตาไปมองลอเรียลแล้วโค้งคำนับอย่างมีมารยาท

    "ลอเรียล ดีใจจริงๆ ที่ครั้งนี้เจ้ายกทัพมาด้วยตนเอง" ดาร์ซี่กล่าว เซฟีร่าพยักหน้าเห็นด้วย

    วิหารแห่งแสงมีคนอยู่หลายจำพวก และพวกนั้นไม่เคยปล่อยให้ลอเรียลนำทัพออกมาเอง ส่วนมากมักจะเป็นทูเลน ซีเนียล กับอิลูเมียเสียมากกว่า อาจเป็นห่วงกลัวว่าเด็กสาวทูตสวรรค์อาจได้รับบาดเจ็บร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต แต่เซฟีร่าทราบดีว่าเรื่องนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นภายใต้การดูแลของเธอ

    "เป็นเกียรติมากกว่าที่ได้ร่วมรบเคียงข้างท่านทั้งสองเพคะ" ลอเรียลยิ้มแย้ม

    "เช่นนั้นก็ฉลองให้เต็มที่เถิด ข้าจะแวะไปดูคนอื่นเสียหน่อย เซฟีร่า เจ้าก็อย่าหักโหมให้มากเข้าใจหรือไม่" ดาร์ซี่วางมือบนศีรษะของเธอ มือเขาแทบจะใหญ่กว่าอยู่แล้วด้วยซ้ำ เขาผละออกไปคุยกับคนอื่นอย่างที่เขากล่าวไว้ ทำให้ตอนนี้เหลือแค่เธอกับลอเรียลตามเดิม

    "ตกลงว่าเจ้าสนใจไปดูพระจันทร์กับข้าไหม" เซฟีร่าเตือนความจำเด็กสาว

    "ได้เพคะ" ลอเรียลพยักหน้า "ข้าไม่อยากกลับไปวิหารแห่งแสงเร็วนัก ท่านอิลูเมียมักทำท่าทางเย็นชาใส่ข้าตลอดเลย"

    "อิลูเมียเหรอ" เซฟีร่าขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ "ไว้ข้าไปคุยกับนางให้แล้วกันว่าอย่าใจร้ายกับเจ้ามากนัก"

    "ท่านใจดีที่สุดเลย" เด็กสาวยิ้มร่า แอบมองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องโถงอย่างกังวลด้วย "ตอนนี้ข้าต้องกลับอีเดนก่อน ท่านอยากดูพระจันทร์ตอนไหน ที่ไหนหรือเพคะ ข้าจะได้กลับมาทัน"

    "ห้าทุ่ม ที่ห้องข้า" เธอโปรยยิ้มมีเสน่ห์ออกไป ลอเรียลนิ่งไปนิดหน่อย แต่เธอทราบว่ามันไม่ใช่ปัญหา

    "ได้เพคะ" เด็กสาวทูตสวรรค์ยิ้มรับแล้วรีบเร่งออกไปจากงานเลี้ยง

    เซฟีร่าเห็นว่าแผนการของเธอสำเร็จไปแล้ว ที่เหลือก็แค่หว่านล้อมให้ลอเรียลทอดกายให้เธอเท่านั้น

    เธอปลีกตัวออกจากงานเลี้ยงอย่างเนียบเนียนจนไม่มีใครสังเกตเห็น ขึ้นบันไดไปชั้นบนสุดของตึกสภาเวทมนตร์เพื่อกลับห้องของตนเอง อยากไปพักผ่อนก่อนกลางคืนจะมาถึง

    แต่เธอเห็นความเปลี่ยนแปลงของห้องก่อนที่จะก้าวเท้าเข้าไปเสียอีก หน้าต่างระเบียงที่เปิดอ้า ผ้าม่านปลิวไสวไปตามแรงลม เธอกวาดสายตามองไปทั่วห้องทันทีเพื่อหาตัวการแต่ก็ไม่เจอใคร เมื่อวางใจขึ้นจึงเดินเข้าไปภายในแล้วปิดประตูลง

    "มาแล้วเหรอ" เสียงเย็นเยียบไม่คุ้นหูดังขึ้น สะท้อนก้องไปมา เซฟีร่ายังคงความสงบไว้

    "เจ้าเป็น..." เธอกำลังจะถามว่า 'เจ้าเป็นใคร' แต่เสียงกลับไม่ออกจากลำคอเมื่อแผ่นหลังสัมผัสถึงอะไรบางอย่าง ความคมของดาบเล่มนั้นแทงเข้าที่แผ่นหลังของเธอจนทะลุผ่านหน้าท้องไป เลือดสีแดงสดไหลลงกระทบพื้นห้องจนกลายเป็นวงใหญ่ ความมืดเข้าปกคลุมทันทีที่เธอปล่อยให้ร่างกายล้มลงโดยไร้แรงพยุงอีกต่อไป


    ตุบ!

    เสียงของอะไรบางอย่างกระแทกพื้นเสียดแทงเข้ามาในหู เซฟีร่าปรือตาขึ้นมองภาพรอบด้าน คงไม่เจ็บมากขนาดนี้หากอะไรบางอย่างที่ว่าไม่ใช่ร่างกายเธอ

    พื้นหินอ่อนเย็นเยียบ เธอกลั้นความเจ็บปวดไว้เมื่อรู้สึกรวดร้าวขึ้นมาตรงหน้าท้อง ตอนนี้ขยับร่างกายไม่ได้เลยเพราะถูกมัดไว้ด้วยเชือกอะไรสักอย่างที่มีออร่าสีแดงทะมึนปกคลุมอยู่รอบๆ เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนสะดุดกับปลายเท้าของคนคนนึงที่นั่งมองเธออยู่ในมุมที่สูงกว่า

    เซฟีร่าเงยหน้า สิ่งที่อยู่ในสายตาตอนนี้คือใบหน้าคมดุร้ายของหญิงสาวคนหนึ่ง เส้นผมสีแดงเลือดหมูถูกปล่อยสยายเคล้าแก้มและลำคอ นัยน์ตาสีดำสนิทเย็นชา นางมองอย่างดูแคลนและรังเกียจ เสื้อผ้าที่นางใส่เปื้อนเลือดและดูสกปรก ในมือเรียวถือโซ่เส้นยาวอยู่ ไม่ทราบว่าเธอสับสนเกินกว่าจะคิดอะไรออกรึเปล่าถึงเปล่งเสียงออกไปไม่ได้เลย แม้แต่ตนเองคิดอะไรอยู่ในหัว ก็ไม่ทราบด้วยซ้ำ

    "เซฟีร่า ผู้นำของสภาเวทมนตร์" นางนั่งไขว่ห้างแล้วประสานมือลงบนตัก "เป็นความจำเป็นของข้าที่ต้องลักพาตัวคนเช่นเจ้ามา"

    "เจ้า...เป็นใคร" ทุกคำที่เธอพูดออกมาแลกด้วยความเจ็บปวด

    "ข้ามีนามว่าเวเรส ขุนพลคนที่สี่ของราชินีวีร่า" เวเรสแนะนำตัวอย่างเย่อหยิ่ง "และเพื่อสนองความโง่เขลาของเจ้าว่าเหตุใดเจ้าถึงมาลงเอยในสถานที่แห่งนี้กับข้า...ข้าจะสนองมันให้ด้วยการอธิบาย"

    "..." คำพูดของนางบ่งบอกชัดเจนว่าเซฟีร่าอยู่ที่ไหนก็ไม่ทราบได้ในตอนนี้

    "ตอนนี้เจ้ามีอำนาจมากเกินไป ศูนย์รวมใจของพวกคนโสโครกเหล่านั้นอยู่ที่เจ้า เพราะเจ้าวางแผนทุกอย่างอย่างรอบคอบและใช้มันสนองตัณหาของเจ้าเอง ดาร์ซี่ ผู้นำสภาเวทมนตร์ยอมเล่นตามแผนของเจ้าในการแสดงว่าเป็นคู่รักกับเจ้าเพราะมีจิตใจเสน่หาในตัวเจ้า ราชินีอิลูเมียจากวิหารแห่งแสงกับราชินีอันนาจากดินแดนแห่งป่าก็ตกหลุมพลางกลายเป็นชู้รักเพราะหลงใหลในตัวเจ้า ไล่ไปยันเจ้าหญิงแอสทริด กับหัวหน้าเผ่าพันธุ์มังกรอย่างไอริ พวกนางยอมผนึกกำลังกัน ต่อสู้ต่อต้านเราชาวนรก ก็เพราะเจ้า"

    "แล้วเหตุใด...ถึง...อยากหยุดข้า...ตอนนี้" เซฟีร่าฝืนพูด เธอไม่ปฏิเสธ มันเป็นความจริงทั้งหมด

    "เพราะข้าจะไม่ยืนดูอยู่เฉยๆ และปล่อยให้ลอเรียลตกไปเป็นของเจ้าอีกคน จนเจ้าสามารถรวบรวมกองกำลังทูตสวรรค์มาช่วยเจ้าได้"

    เซฟีร่าอยากจะหัวเราะออกมาให้ดังๆ หากไม่นับเรื่องดาบที่แทงทะลุตัวเธอไป ก็รู้สึกดีจริงๆ ที่มีใครบางคนเข้าถึงแผนการของเธอได้ลึกซึ้งขนาดนี้

    เธอส่งยิ้มไปให้เวเรส

    "น่ารังเกียจจริงๆ" นางพึมพำ มองรอยยิ้มของเธอด้วยสายตาที่นิ่งสงบ

    ทั้งชีวิต...ไม่เคยมีใครสักคนที่พูดคำว่า 'น่ารังเกียจ' ใส่เซฟีร่า

    นางลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วมาดึงให้เธอลุกขึ้นจากพื้น ความไม่อ่อนโยนประเคนใส่ไม่ยั้งมือ เชือกถูกดึงออกจากตัวเธอ มันขูดผิวของเธอจนเป็นรอยแดงให้เห็นเด่นชัด

    เมื่อเป็นอิสระ สิ่งแรกที่เธอทำคือการสำรวจแผลของตนเอง พบว่าแผลที่โดนดาบแทงสมานแล้ว จึงเงยหน้ามองเวเรสที่กอดอกมองเธออยู่ทุกการกระทำ นางคงเป็นคนรักษาบาดแผลให้ แต่ถามว่าบาดแผลนี้ยังทิ้งความเจ็บปวดไว้ให้เธอได้รู้สึกไหม ตอบได้เลยว่าเต็มเปี่ยม เจ็บมากๆ ทุกการขยับตัว

    "รักษาตัวเองได้ก็ทำไป" นางเอ่ยอย่างเย็นชา ไม่มีน้ำใจแม้แต่สักนิด สงสัยน้ำใจเดียวที่นางมอบให้คือไม่ส่งเธอไปหาความตายในตอนนั้น

    เซฟีร่าพยายามอย่างมากที่จะใช้พลังเวทรักษาตนเอง แต่ยิ่งพยายามก็ยิ่งไม่มีสมาธิ ความเจ็บปวดกลายเป็นความร้อนที่ลนอยู่ในสมองของเธอจนทำสิ่งใดไม่ได้เลย

    เธอจับเสาของเตียงไว้เพื่อพยุงร่างกาย ที่นี่คือห้องนอนไม่ผิดแน่ เป็นห้องนอนโทนมืดแบบที่เธอไม่มีวันคิดจะตกแต่งห้องแบบนี้ด้วยซ้ำ

    "ที่นี่ที่ไหน" เซฟีร่าเผยอปากถามออกไป กำลังเก็บข้อมูลเพื่อวิเคราะห์และหาทางหลบหนี

    "คฤหาสน์ของข้า ที่ที่เจ้าจะไม่มีวันย่างเท้าออกไปได้อีกหลังเข้ามาแล้ว" เวเรสกระซิบ นางมายืนอยู่ใกล้เธอเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ถึงจะไม่ได้ใกล้มากขนาดที่คิดลึกซึ้งได้ แต่ความรุ่มร้อนในคำพูดนั้นก็ยังส่งผ่านเข้ามาถึงเธอ

    เวเรส ขุนพลคนที่สี่ของวีร่า...พวกเราไม่เคยเจอหน้ากันเลยสักครั้ง เพราะวีร่ามักจะส่งขุนพลขึ้นมาสู้รบเป็นรายคน เริ่มจากคนที่สิบไล่ลงมา แต่พวกนั้นเพิ่มปริมาณความแข็งแกร่งและความโหดร้ายขึ้นตามลำดับและตำแหน่งที่มี

    เซฟีร่าอยากรู้เกี่ยวกับเวเรสจริงๆ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม เพราะฉะนั้นแล้วเธอจะใช้สิ่งที่เธอมีตั้งแต่กำเนิดเป็นอาวุธในการจัดการกับนาง

    "เหรอ" เธอตอบรับคำพูดของเวเรสอย่างไม่ยี่หร่ะ ขณะเดียวกันก็สาวเท้าเข้าไปใกล้นางอีกสองก้าว "เจ้าบ้านที่ดีมีเสื้อผ้าให้ข้าเปลี่ยนไหม"

    "..." นางไม่ก้าวถอยหลัง แค่หลุบสายตาลงมองเธอที่ตัวเล็กกว่าอย่างประเมิน

    ถ้าให้เดาจากส่วนสูงประมาณนั้น...จากความใกล้ชิดที่เซฟีร่าจงใจให้เกิดขึ้น นางมองลงมาต้องเห็นเนินอกของเธอที่โผล่จากชุดแบบพอดีตัวที่ใส่อยู่นี่แน่ๆ เธอบิดยิ้ม รอคอยอย่างอดทนเพื่อรอการตอบรับของเวเรส

    ผลตอบรับคือไม่มีการตอบรับอะไรเลย

    "มี" นางพยักหน้าแล้วขยับถอยห่างอย่างแนบเนียนไปเปิดตู้เสื้อผ้า ในนั้นมีเสื้อผ้าหลายขนาดและเยอะมากด้วย มันคงมีชุดที่เธอสามารถใส่ได้อยู่ห้าหกชุด แต่เธอไม่ได้กังวลเรื่องชุดที่ใส่สักหน่อย

    "เลือกให้ข้าหน่อยสิ" เซฟีร่าเอ่ย ก่อนพูดเสริมเมื่อเห็นสายตาแปลกๆ ของเวเรส "ข้าขยับตัวลำบาก"

    เวเรสใช้เวลาสองนาทีในการหาชุดมาหาเธอ เป็นกระโปรงฟู่ฟองสีแดง เหมือนชุดที่เธอเคยเห็นแอสทริดใส่ผ่านๆ เป็นชุดที่ดูอลังการเกินการใส่เล่นไปมากนัก แต่เมื่อมองดีๆ ในตู้นั้นมีแต่ชุดแนวนี้

    "ออกไปจากห้องสิ ข้าจะเปลี่ยนเสื้อผ้า" เซฟีร่ากล่าวหลังจากรับชุดมา แต่ก็แอบเหลือบมองไปที่ระเบียงห้องที่ปิดสนิทโดยมีม่านบังอยู่เช่นกัน จงใจให้เวเรสไม่กล้าที่จะทิ้งให้เธออยู่คนเดียว และแผนของเธอสำเร็จ

    ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นขุนพลลำดับสี่ของราชินีนรกภูมิไม่ขยับตัว นางยืนอยู่ด้านหลังเธอไปประมาณห้าก้าว เซฟีร่าทำตามแผนการขั้นต่อไปด้วยการปลดชุดของตนเองออก ยังดีที่มันไม่ใช่ชุดกระโปรง และเป็นผ้าคนละชิ้นกัน เธอจึงสามารถถอดท่อนบนออกได้ก่อน สยายเส้นผมที่แผ่นหลังของตนเอง รู้สึกเลยว่าเวเรสจ้องนิ่งจนแทบไม่กระพริบตา เธอจึงเบนเสี้ยวหน้าไปมอง

    "อย่าทำสีหน้าเหมือนลูกหมาที่เจ้าของไม่สนใจสิ เวเรส" ครั้งนี้เป็นเธอบ้างที่กระซิบออกมาอย่างเย็นชา

    "ไม่เหมือน" นางเถียงกลับมาในความเงียบ ไม่ดังมาก...แต่ใกล้มาก

    ปลายนิ้วร้อนแตะลงแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเธอ

    "เป็นผู้หญิงที่เกเรจริงๆ...เซฟีร่า" เสียงนั่นเรียบเฉยและมีแนวโน้มไปทางกำลังประนามการกระทำ

    เซฟีร่าขยับร่างกายจากสัมผัสที่เกิดขึ้นเพราะปลายนิ้วเรียวของเวเรสแล้วบิดยิ้ม

    "คงต้องขอให้ถอยออกไป เวเรส" นี่คือกลอุบายแบบหนึ่งในการหว่านเสน่ห์...

    เธอเคยทำแบบนี้กับทุกคนที่เธอเคยพบเจอ ปล่อยให้คนเหล่านั้นได้สัมผัสผิวกายเนียนนุ่มเพียงเล็กน้อยแล้วผละตัวออกให้ห่างที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

    ผลลัพธ์มีอยู่สองแบบ

    หนึ่งคือ คนคนนั้นจะตกอยู่ในห้วงทรมานและต้องการเธอมากขึ้นไปอีก

    สองคือ คนคนนั้นจะไม่คิดอะไรเลยเพราะไม่ตกหลุมพลางตั้งแต่แรก

    ทั้งชีวิตเซฟีร่า ไม่เคยมีคนประเภทที่สองเกิดขึ้นมาก่อน

    นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เธอมีเส้นสายในการขอกำลังพลมาร่วมรบเยอะ ก็จริงอยู่ที่ตอนหว่านเสน่ห์ออกไป เธอไม่ได้คิดถึงความเป็นไปได้ที่จะมีพันธมิตรโดยใช้วิธีนี้ แต่กลับกลายเป็นว่าอิลูเมีย ราชินีของวิหารแห่งแสงตกหลุมพลางอย่างแรงจนทำให้เธอสามารถมันวิธีนี้ไปใช้กับคนอื่นได้

    "ไม่ต้องขอ" เวเรสหันหลังเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ "ไม่ได้อยากจะอยู่ใกล้"

    สายตาคู่นั้นจ้องเธออย่างเงียบงันหลังคำพูดนั้นจบลง

    เป็นการจ้องที่ทำให้รู้สึกร้อนวูบวาบจากภายใน

    "ไม่ได้อยากอยู่ใกล้ แต่จ้องขนาดนั้น...แน่ใจเหรอเพคะ ท่านขุนพล" เซฟีร่าอมยิ้มขณะถอดชุดท่อนล่างออก หากเวเรสยืนยันว่าเธอน่ารังเกียจขนาดนั้นและไม่อยากเข้าใกล้ เธอก็ไม่มีเหตุผลจะต้องเกรงใจนางอีก รีบเปลี่ยนจากชุดเลอะเลือดเป็นเสื้อผ้าที่สะอาดคงสำคัญกว่า

    "มองของสวยงาม ไม่ได้หมายความว่าต้องการจะแตะต้องมัน" เสียงหวานกล่าว

    "ข้าต้องดีใจหรือไม่ที่อย่างน้อยเจ้าก็เห็นข้าเป็น 'ของสวยงาม' ที่เจ้าไม่กล้าแตะต้อง"

    "อย่าปากดีให้มันมาก อย่าลืมว่าเจ้าเป็นนักโทษอยู่ในที่ของข้า" เวเรสย้ำเตือนความจริงข้อหนึ่งให้เธอ ส่วนเธอแอบเบ้หน้าอย่างหมั่นไส้ ก็เพราะรู้แบบนั้นไงถึงพยายามหว่านเสน่ห์ใส่เจ้าของคฤหาสน์อยู่

    มีเหตุผลแค่ข้อเดียวที่ทำให้เซฟีร่ามั่นใจในการเคลื่อนไหวที่อุกอาจของเวเรส

    เหตุผลข้อนั้นคือ การที่เวเรสไม่ฆ่าเธอทิ้งซะในตอนที่มีโอกาส

    มันทำให้เธอตีความความเป็นไปได้ที่จะใช้มัดใจนางออกมาเป็นตัวเลข และตัวเลขนั้นคือ 75%

    ใช่...เธออยากจะรู้เหมือนกันว่าเปอร์เซ็นต์ที่มากโขขนาดนั้นจะโผล่ขึ้นมาเมื่อไหร่กันนะ

    หลังเปลือยกายเพียงข้างหลังไปให้เวเรสได้เห็น เธอแต่งตัวจนเสร็จโดยไร้ซึ่งความประหม่า

    "ข้าอยากเดินดูคฤหาสน์ของเจ้า" เซฟีร่าเอ่ย

    นี่คือคำขอที่ไม่ใช่การอ้อนวอน หากเวเรสตอบรับมันก็ดี แต่หากปฏิเสธมันไม่ถึงขั้นจะต้องคิดอะไรมากขนาดนั้น เธอแค่อยากลองเดินสำรวจดูว่าที่นี่มีทางเข้าและทางออกกี่ทาง แม้ว่าถึงจะรู้ไปมันยังติดอยู่อย่างหนึ่งคือ เธอไม่ทราบว่าที่ตั้งของคฤหาสน์หลังนี้คือที่ไหนกันแน่

    "เช่นนั้นก็ย่อมได้" แต่อีกนัยน์หนึ่ง หากนางตอบรับ แสดงให้เห็นว่านางมั่นใจมากว่าเธอไม่สามารถหนีออกไปจากที่นี่ได้ ไม่ว่าจะกรณีใดๆ ก็ตาม

    เวเรสเป็นคนเปิดประตู ส่วนเซฟีร่าก้าวตามหลังไปอย่างมั่นคง

    อาการปวดที่แผลไม่เป็นอุปสรรคอีกต่อไป เพราะเธอใช้เวทกดอาการเจ็บปวดเอาไว้แล้วตอนที่แต่งตัวเมื่อครู่ ตอนนั้นแอบพิจารณาแผลด้วย เธอพบว่าหน้าท้องของตัวเองมีริ้วเส้นเลือดมากมายที่เรืองรองแสงสีแดงออกมา คงเป็นพลังของเวเรสนั้นแหละ แต่จัดอยู่ในหมวดหมู่พลังมืด

    ไม่ค่อยสบายใจหากใช้พลังนางในการยึดแผลให้สมาน แต่เธอยังไม่แข็งแรงพอจะรักษาตัวเองได้...

    เวเรสก้าวเท้ายาวมากและไม่รีรอ เพียงไม่นานนางก็หายไปจากสายตาเมื่อร่างโปร่งเลี้ยวผ่านทางแยกไป

    เซฟีร่าเดินตามไปอย่างไม่เร่งรีบเพราะต้องการเก็บรายละเอียดทุกอย่างไว้ เมื่อเดินเลี้ยวในจุดเดียวกันกับเวเรสก็เกือบหลุดเสียงแห่งความตกใจออกไป นางใช้หางตาแห่งความพิโรธมองเธอ

    "เจ้าเดินช้า" เวเรสปล่อยมือที่กอดอกลงข้างตัว โซ่เส้นยาวที่นางเคยถือไว้กำลังหมุนรอบตัวนางอยู่

    "ข้าเจ็บแผล" เธอพยายามไม่วิตกกังวล ริมฝีปากระบายรอยยิ้มขอความเห็นใจไปให้นาง

    "ไม่ใช่ข้ออ้าง ข้าเจ็บแผลยังไม่สำออยเท่าเจ้า" นางช่างเย็นชาจริงๆ

    แต่...นางเพิ่งพูดว่านางเจ็บแผลเหรอ

    "เจ้าเจ็บแผลเหรอ"

    เซฟีร่าใช้สายตาสังเกตชุดที่เลอะเลือดของเวเรส ชุดที่เธอคิดว่ามันเลอะเลือดของเธอ

    เวเรสชะงักเล็กน้อยราวกับเพิ่งตระหนักได้ว่าเพิ่งพูดอะไรออกมา

    "ไม่ต้องสนใจ"

    ร่างที่สูงกว่าหันหลังให้แล้วเดินไกลออกไป

    เวเรสไม่มีทางสู้กับคนอื่นมาก่อนได้ ยกเว้นเสียว่า...นางจะเจอใครบางคนพอดีตอนที่เอาตัวเธอออกมาจากตึกสภาเวทมนตร์

    คราวนี้เซฟีร่าเดินตามเวเรสไปด้วยความเร็วที่พอๆ กัน อยากจะถามให้รู้ความให้ได้

    "เวเรส" เธอเรียกร่างโปร่งที่เดินอยู่ข้างหน้า นางไม่มีท่าทีว่าจะสนใจเธอเลยสักนิด "เวเรส!"

    ครั้งนี้เธอเรียกพร้อมดึงข้อมือเรียวเอาไว้ในจังหวะที่นางเปิดประตูห้องพอดี

    "อะไร" นางหันมากล่าวอย่างรำคาญใจ ในขณะที่เธอมองเข้าไปในห้องอาหารแล้วเบิกตากว้าง

    มีบุคคลอีกห้าคนที่นั่งอยู่ในห้องอาหาร เป็นคนที่เซฟีร่าไม่เคยพบเจอมาก่อน

    แต่ด้วยรังสีมารที่แผ่ออกมาจากร่างกายคนเหล่านั้น...

    ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะเจอเข้ากับหกขุนพลภายในเวลาวันเดียว

    "เดินเข้าไป" เธอที่ร่างกายแข็งทื่อโดนผลักให้เข้าไปภายในห้องอาหาร และเพราะเป็นการโดนผลักที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้น ทำให้เธอสะดุดปลายเท้าของตัวเองจนเกือบล้ม

    ที่ใช้คำว่า 'เกือบ' เพราะเวเรสก็ช้อนตัวเธอไว้ในอ้อมแขนในทันทีเช่นเดียวกัน

    "..." เซฟีร่าหันมองเสี้ยวหน้าที่มืดมนของเวเรสในระยะใกล้

    "โง่จริงๆ" นางกระซิบ... แล้วปล่อยให้เธอเป็นอิสระ "เข้าไปนั่งที่เก้าอี้ตัวที่ว่าง ตรงไหนก็ได้ที่พอใจ"

    เซฟีร่ารู้สึกได้ว่าทุกสายตาในห้องกำลังจดจ้องอยู่ที่เธอ หากไม่นับหกขุนพล นี่ที่มีแม่บ้านด้วย นับว่าเป็นเรื่องน่าประหลาดใจอีกอย่างหนึ่งเลย

    หลังจากเลือกเก้าอี้ได้ เวเรสนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเธอโดยไม่ได้คิดอะไร

    ความกดดันที่กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกปกคลุมรอบตัวเธอ เธอที่ไม่แน่ใจว่าควรทำตัวยังไงเลยเอนตัวเข้าหาเวเรส แม้จำต้องเบียดหน้าอกกับแขนของอีกฝ่ายก็ไม่สน ตอนนี้แค่ขอที่พักพิงบางอย่างที่สบายใจได้ก็พอแล้ว

    "เจ้าจะไม่แนะนำคนพวกนี้ให้ข้ารู้จักเหรอ" เธอเอ่ยถามข้างใบหูนาง

    "จะแนะนำหรือไม่...มันขึ้นอยู่กับว่าเจ้าควรรู้จักพวกนางหรือเปล่า" เวเรสกอดอกแล้วตอบเธอด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้ดัง แต่ก็ไม่ได้เบา ประโยคนี้ได้ยินกันทั้งห้องแน่ๆ

    "แล้วเจ้าคิดว่าข้าควรรึเปล่า" เซฟีร่าเบียดตัวเข้าหานางอีกเล็กน้อย แค่ให้มากพอจะสร้างไออุ่นขึ้นระหว่างร่างกายเรา

    "เรื่องนั้น ข้าไม่ใช่คนที่จะตอบคำถามเจ้าหรอก"

    ฉับพลันนั้น มีหญิงสาวคนหนึ่งลุกขึ้นยืน นางมีเส้นผมสีดำสนิทกับนัยน์ตาสีม่วงอะเมทิสต์ ดูน่าหลงใหลมาก รอยยิ้มกับความเป็นมิตรถูกหยิบยื่นให้เมื่อนางยื่นมือมาแตะแก้มของเธออย่างแผ่วเบา

    "ข้ามีนามว่ามีน่า ขุนพลคนที่สามขององค์ราชินีวีร่า"

    ตะ ตัวสูงมากเลย...

    เซฟีร่าผละออกจากเวเรสมานั่งตัวตรง ผู้หญิงคนนี้สูงประมาณร้อยเจ็ดสิบปลายๆ นางยื่นแขนข้ามโต๊ะที่กว้างพอประมาณมาเพื่อจับแก้มเธอ

    "ข้ามีนามว่าบัตเตอร์ฟลาย ขุนพลคนที่หกขององค์ราชินีวีร่า" หญิงสาวอีกคนหนึ่งที่ยืนมองวิวผ่านผ้าม่านที่แง้มออกเล็กน้อยกล่าวขึ้นมาเสียดื้อๆ นางมีเส้นผมสีน้ำเงินเข้มกับนัยน์ตาสีฟ้า ใบหน้าคมหันเสี้ยวหน้าที่เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ยกขึ้นตรงมุมปากมามองเธอ

    นางมีเสน่ห์บางอย่างแบบที่เซฟีร่ามี นางรู้ว่าจะใช้เสน่ห์ของตัวนางยังไง

    เพราะแบบนั้น...เซฟีร่ายกยิ้มกลับไปอย่างเยือกเย็น

    อย่างไรก็ตาม เรื่องเสน่ห์คือเรื่องเดียวที่เธอจะไม่ยอมแพ้ใครเด็ดขาด

    คนที่เหลือไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาอีก คงเป็นอย่างที่เวเรสว่า นางไม่ใช่คนที่จะสามารถตัดสินได้ว่าจะแนะนำคนเหล่านี้ให้เธอรู้จักหรือไม่ มันขึ้นอยู่กับตัวคนเหล่านี้ว่าอยากแนะนำตัวเองให้เธอรู้จักรึเปล่า

    "ว่าแต่ว่า ตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอเวเรส ว่าจะไม่ทำอะไรที่เสี่ยงเปิดเผยตัว" ขุนพลคนที่หกเดินกลับมานั่งร่วมโต๊ะ

    "จะให้ข้าทำเช่นไร ก็แค่แม่นี่โดนทำร้าย...ยังมีคนรู้ไวราวกับตามดมกลิ่นนางตลอดเวลา หากไม่ให้ข้าสู้และใช้พลังพาออกมา ข้าจะตายก่อนเวลาเอา" เวเรสเล่าในส่วนที่เซฟีร่าต้องการจะทราบก่อนหน้านี้ออกมาอย่างง่ายดายให้พันธมิตรของนางฟัง "อย่างไรก็ตาม แค่ข้าคลี่คลายสถานการณ์ได้เท่านั้นก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง"

    เซฟีร่ากล้ำกลืนคำถามที่ว่า พันธมิตรของเธอมีใครบาดเจ็บหรือไม่ เอาไว้ในลำคอ

    มันไม่ควรเป็นคำถามที่โพล่งขึ้นมาท่ามกลางขุนพลทั้งหก

    หากอยู่กับเวเรสสองคนแล้ว นางอาจตอบคำถามของเธอก็ได้

    แต่อะไรบางอย่างในคำพูดเวเรสก่อนหน้านี้ทำให้เซฟีร่าได้เข้าใจว่า...ขุนพลลำดับที่สี่ หากนางได้เข้าร่วมการต่อสู้แล้วจะไม่มีอะไรหยุดนางได้อีก จนกว่านางจะพอใจกับจำนวนเลือดและกระดูกที่ถูกเผาไหม้ไป

    นอกเหนือจากนั้น เธอได้รับทราบอีกอย่างว่าการลักพาตัวเธอในครั้งนี้เป็นเรื่องที่รับทราบโดยทั่วกัน

    เป็นเรื่องที่ได้รับคำสั่งโดยตรงจากใครสักคนที่มีอำนาจมากพอ...

    อาจไม่ใช่ราชินีปีศาจวีร่า แต่เป็นใครสักคนในกลุ่มนี้

    เซฟีร่ากวาดสายตามองไปรอบๆ พลันไปสะดุดกับเด็กสาวคนหนึ่ง นางนั่งกอดอก สายตาจ้องมองมาที่ขุนพลคนที่เหลือ ท่าทางนิ่งสงบจนน่าตกใจ ราวกับใบหน้านั้นถูกแช่เคลือบด้วยน้ำแข็ง

    อะไรบางอย่างในสายตาคู่นั้นทำให้เธอตัดสินใจเบือนหน้าหนี

    "พอใจในผลงานหรือเปล่า ลำดับที่หนึ่ง" หญิงสาวผมขาวที่ยังไม่ได้แนะนำตัวกับเธอเบนสายตาไปที่เด็กสาวผมขาวที่ยังไม่ได้แนะนำตัวเช่นกัน

    แต่ที่แน่ๆ เซฟีร่าได้รับทราบแล้วว่าเด็กสาวที่ดูอ่อนเยาว์ที่สุดคนนั้น คือขุนพลลำดับที่หนึ่งที่มีอำนาจมากที่สุดในหมู่คนพวกนี้

    "พอใช้ได้" น้ำเสียงที่เปล่งออกมาช่างดูไร้วิญญาณและหนาวเหน็บ

    "หึ" เวเรสส่งเสียงขบขำในลำคอขณะก้มหน้าลง

    บรรยากาศพวกนี้มันคืออะไรกันแน่

    เซฟีร่านั่งอึดอัดอยู่ได้ไม่นาน ทุกคนก็แยกย้ายโดยที่ต่างคนยังไม่ได้ทานอะไรเลย และทันทีที่เหลือแค่เราสองคน เวเรสก็เปลี่ยนที่นั่งไปนั่งตรงข้ามเธอแล้วสั่งให้แม่บ้านนำอาหารมาเสิร์ฟในทันที

    เสี้ยวหนึ่ง เธออดคิดไม่ได้ว่าเวเรสจงใจไม่ให้แม่บ้านเสิร์ฟอาหารในตอนที่ห้าขุนพลที่เหลืออยู่ เพราะไม่อยากร่วมโต๊ะกับคนเหล่านั้น

    แต่อีกเสี้ยวหนึ่ง กลับคิดว่าเวเรสไม่น่าจะอคติพวกพ้องตัวเอง เลยปัดความไร้สาระให้ออกจากหัวไป

    ระหว่างทานอาหาร มีบ้างที่ดวงตาของเราสองคนสบกันโดยบังเอิญ

    บางครั้ง...มีบ้างที่ช้อนของเราจะเผลอกระทบกัน

    เป็นบางครั้งที่ทำให้ระวังตัวมากขึ้น เพราะไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีกหลายๆ ครั้ง

    "เจ้าอยากนอนห้องเดิมหรืออยากให้ข้าย้ายห้องให้" กลายเป็นว่าเวเรสก็ไม่ได้พาเธอเดินชมคฤหาสน์แห่งนี้ ทันทีที่ทานอาหารที่นางบอกว่าเป็นอาหารค่ำเสร็จ นางก็สั่งให้เธอกลับห้องในทันที

    "ห้องเดิมก็ได้ ข้าไม่เรื่องมากหรอก" เธอหมายความตามนั้น

    "ดี"

    เราเดินเข้ามาในห้องนอนด้วยกัน เซฟีร่าเอื้อมมือผ่านร่างกายของเวเรสไปผลักประตูให้ปิดลงแล้วดึงข้อมือของขุนพลลำดับที่สี่ไปนั่งบนเตียงนอนของเธอ

    เธอนั่งลงบนตักของเวเรส ในขณะที่นางมองการกระทำนี้ด้วยสายตาขยะแขยงโดยไม่ได้ขัดขืน

    "ถอดเสื้อออก ให้ข้าดูแผลหน่อย"

    เวเรสนิ่ง

    เพราะคิดว่านางไม่ทำตามที่เธอบอกแน่ เธอจึงจัดการถอดเสื้อให้นางเองอย่างยากลำบาก เพราะนางไม่ได้ช่วยอำนวยความสะดวกเลย แถมออกจะขัดขืนนิดๆ ด้วยซ้ำ

    แต่ถามว่าทำไมแค่นิดเดียว เซฟีร่าได้คำตอบเมื่อได้เห็นรอยแผลและเลือดที่แห้งกรังของเวเรส

    มันยังไม่ได้ถูกรักษา...ในขณะที่นางทำแผลให้เธอ

    นัยน์ตาสีดำหยิ่งผยองสบตากับเธอ คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อย ราวกับกำลังท้าทายว่าเธอจะตีความเรื่องพวกนี้ยังไง

    เซฟีร่าจึงเปรยออกไป...

    "เจ้าห่วยแตกเรื่องการรักษาและมีพลังเวทด้านการรักษาน้อย เจ้าเลยใช้มันช่วยชีวิตข้าแทนที่จะให้รักษาบาดแผลที่เจ็บหนักไม่แพ้กันของตัวเอง"

    "ตีความเก่งดี" ไม่แน่ใจนักว่านางชมจริงหรือแค่ประชดประชันเท่านั้น

    แต่นั่นไม่สำคัญหรอก

    ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับตอนใช้สมาธิรักษาบาดแผลอีกแล้ว

    เซฟีร่าโน้มตัวลงไป และเพราะเราแนบชิดกันมาก...เธอจึงรู้สึกได้ถึงลมหายใจกรุ่นร้อนที่เป่ารินรดศีรษะของเธอ

    พลังแห่งสายน้ำสีฟ้าใสไหลเวียนอยู่บนฝ่ามือของเธอ เธอปล่อยให้พลังแห่งความอ่อนโยนสมานและยึดติดบาลแผลร้ายแรงของนางเข้าด้วยกัน

    "ช่างเป็นผู้หญิงที่ไม่มีความน่าเห็นใจเลยจริงๆ เวเรส" เธอกระซิบ

    เธอรักษาบาดแผลให้เวเรส ตอบแทนที่นางรักษาบาดแผลให้เธอ

    แสงสีฟ้าเรืองรองแล่นประกายอยู่บนหน้าท้องของนาง ในขณะที่หน้าท้องเธอก็เย็นเฉียบไปด้วยแสงสีแดง

    เราสบตากันในระยะประชิด ชั่วครู่หนึ่ง...เธอไม่แน่ใจว่าควรหว่านเสน่ห์นางต่อยังไง

    หรือไม่มันก็ไม่จำเป็นแล้วในตอนนี้

    เซฟีร่ากดจูบสั้นๆ ลงไปริมฝีปากกึ่งนิ่มกึ่งแข็งของเวเรส ประคองใบหน้าของนางให้แนบชิดด้วยมือทั้งสอง

    หลังผละออกจากกัน เวเรสกระซิบออกมาด้วยคำพูดที่รุ่มร้อน

    "ถ้าจะหลับนอนกัน เจ้าต้องยอมรับให้ได้ก่อนว่าข้าไม่ได้ทำเพราะความรักหรือเสน่ห์หา เจ้าอาจจะเจ็บตัวก็ได้ รับได้รึเปล่า เซฟีร่า"

    เซฟีร่าระบายรอยยิ้มลุ่มลึกขึ้นบนริมฝีปาก นั่นไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องกลัวเลย

    "ได้สิ"

    หากเวเรสรังเกียจผู้หญิงแบบเธอ คงเหมือนที่เธอเองก็ไม่ได้อยากจะอยู่ใกล้ผู้หญิงแบบเวเรสนัก

    แต่เพราะไม่อยากอยู่ใกล้ ครั้งนี้เลยเป็นครั้งแรก...

    ที่เซฟีร่าจะได้ลิ้มลองผู้หญิงประเภทนี้ด้วยตัวของเธอเอง





    - Sephera -
    Leader of Magic Council
    Cast By -

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×