ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Black N Blue (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #39 : Black N Blue❖The destroyer 'six warlords' 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 890
      111
      8 ก.พ. 63

    คำเตือน :: บางช่วงบางตอนมีความรุนแรง เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของตัวเกมแต่อย่างใด ฉากที่มีเนื้อหาเรท R จะไม่อัพลงเด็กดี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


    Song :: EPIC POP | ''Let Me Out'' by Hidden Citizens 


    EPISODE02

    Alternative Universe 04The destroyer 'six warlords'


    บ้าชะมัด...

    เมื่อคืนเซฟีร่าได้หลับตอนเกือบรุ่งสาง เธอตื่นตอนสายในวันต่อมาด้วยความเพลีย เพื่อพบว่าเวเรสไม่ได้อยู่บนเตียงแล้ว แต่เธอไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่เพราะมัวแต่เบนความสนใจลงมองหน้าท้องของตัวเองที่มีรอยเลือดแห้งกรังอยู่เต็มและยังมีเลือดสดๆ ไหลปริ่มอยู่เล็กน้อย

    เพราะเธอสะกดอาการเจ็บปวดจากบาดแผลเอาไว้ ทำให้เธอไม่ทราบเลยว่าเมื่อคืนเรารุนแรงกันถึงขั้นที่ว่ามันทำให้แผลของเธอฉีกและอักเสบ

    ถึงเซฟีร่าจะใช้คำว่า 'รุนแรง' จำกัดความการกระทำของเวเรส แต่มันไม่ได้รุนแรงอย่างที่ว่า แค่เธอไม่สามารถหาคำตรงกลางมาอธิบายได้เท่านั้น เอาเป็นว่า...การหลับนอนกับนางที่เป็นศัตรู ให้ความรู้สึกแปลกใหม่กว่าผู้อื่นอยู่มากมายนัก และเพราะมันเป็นความแปลกใหม่ที่เธอชอบ เธอเลยไม่เอาความกับการทำให้แผลเก่ามันฉีกแบบนี้

    เซฟีร่าลุกขึ้นด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่าหลังจากทำแผลให้ตัวเองเสร็จ พลังเวทในการรักษาฟื้นตัวขึ้นมามากแล้ว อาจจะมากพอจะรักษาตัวเองได้โดยไม่ต้องใช้พลังของเวเรสพยุงอาการอีกแล้ว

    แต่...เธอกลับไม่ทำ เธอปล่อยให้พลังของเวเรสอยู่รักษาอาการเธอต่อไปแบบนั้น

    นางเป็นคนทำร้ายเธอ นี่คือสิ่งที่นางต้องรับผิดชอบ

    เซฟีร่าอยากอาบน้ำชำระร่างกายเสียหน่อย แต่เธอไม่ทราบว่าห้องอาบน้ำตั้งอยู่ที่ไหนของคฤหาสน์หลังนี้ เธอเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วสุ่มหยิบชุดกระโปรงสีฟ้ามาไว้ในอ้อมแขน ก่อนที่สายตาจะพลันเหลือบไปเห็นผ้าเช็ดตัวสีขาวสะอาดผืนเล็ก เธอเลยหยิบมันมาสวม พบว่าเพราะขนาดหน้าอกทำให้ผ้าที่ผืนเล็กแล้วดูเล็กกว่าเดิมไปอีก แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยปกปิดอะไรได้บ้าง

    เธอเปิดประตูห้อง มองซ้ายมองขวาจนมั่นใจว่าไม่มีใครถึงเดินออกมา เพราะเมื่อวานเดินเลี้ยวซ้ายไปทางห้องอาหาร ครั้งนี้เธอจึงตัดสินใจเดินเลี้ยวขวาเพื่อตามหาห้องอาบน้ำ

    เป็นคฤหาสน์ที่ทางเดินยาวมากและไม่ค่อยมีห้องให้เข้าไปสำรวจมากนัก เธอเดินไปเรื่อยๆ สังเกตเห็นประตูห้องหนึ่งที่ถูกเปิดอยู่ เมื่อเดินไปใกล้ๆ ก็ได้ยินเสียงคนกำลังคุยกัน เป็นเวเรสที่กำลังสนทนากับใครบางคน เธอจึงแอบฟังการพูดคุยนั้น

    "ข้าจะยกทัพขึ้นไปทักทายศัตรูของเราเสียหน่อย"

    เสียงที่เธอไม่คุ้นเคยดังขึ้น แต่เธอเคยฟังเสียงนี้มาแล้ว เธอจำได้

    "เหรอ วันไหน" เวเรสตอบรับอย่างเรียบเฉย

    "อีกสามวันต่อจากนี้ พวกมนุษย์เหล่านั้นจะต้องถูกกำราบเสียหน่อย ชดใช้ให้กับพันธมิตรขุนพลของเราที่ตายจากไป"

    "บัตเตอร์ฟลาย เจ้าจะบันดาลโทสะอย่างไรก็ได้ใส่มนุษย์โสโครกเล่านั้น แต่จงจำไว้อย่างว่าสงครามครั้งนี้จะอยู่นอกเหนือคำสั่งและการบัญชาการจากท่านองค์ราชินี เพราะฉะนั้นแล้วเจ้าต้องควบคุมความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นให้น้อยที่สุดด้วย" เวเรสแนะนำด้วยคำพูดที่ไม่มีวี่แววของความเห็นใจ ราวกับนางแค่พูดเพื่อเตือนสติโดยหวังว่าสหายจะไม่ตายก่อนเวลาเท่านั้น

    เพราะเวเรสกล่าวชื่อคนที่นางเสวนาด้วยออกมา ทำให้ทราบว่าขุนพลคนนั้นคือบัตเตอร์ฟลาย

    เซฟีร่าเรียงลำดับในใจ มันถึงคราวของขุนพลลำดับที่หกอย่างบัตเตอร์ฟลายแล้วจริงๆ ที่พวกเราจำต้องต่อกรด้วย

    "แต่ว่า..." บัตเตอร์ฟลายกำลังพูดอะไรสักอย่างต่อ แต่กลับเงียบหายไป

    "เดี๋ยวข้ามา เจ้ารออยู่ที่นี่แหละ" เวเรสกล่าว

    เซฟีร่าขนลุกเกรียว ราวกับกำลังโดนเพ่งเล็งอย่างรุนแรงอยู่

    หมับ!

    ปลายคางของเธอถูกคว้าเอาไว้ด้วยน้ำมือของหญิงสาวที่มีผมสีแดงกับดวงตาดำร้ายกาจ

    "มาเดินแก้ผ้าอยู่แถวนี้ เจ้าไม่มียางอายหรือไง" นางสำรวจร่างกายเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนเหลือบมองไปยังในห้องที่มีบัตเตอร์ฟลายรออยู่

    "เวเรส...ข้าเจ็บ" เซฟีร่ากล่าวแค่นั้น เธอรอดูปฏิกิริยาของเวเรส

    คนที่บีบปลายคางของเธอไว้มองเธออย่างพิจารณาอีกครั้งแล้วปล่อยมือ

    "หาอะไรอยู่" นางถามโดยไม่สบตาและไม่มองร่างกายของเธออีก ดูรำคาญเต็มทน เธอเลยถอยหลังไปหลายก้าว ตั้งใจจะกลับไปตั้งหลักที่ห้องนอนของตัวเอง หากทำตัวแปลกๆ ไปนางต้องเอาเรื่องแน่ที่เธอบังเอิญมาดักฟังแบบนี้ "บอกข้ามาว่าเจ้าหาอะไรอยู่ เซฟีร่า"

    ที่คอของเวเรสมีรอยเล็บและรอยจูบของเธออยู่ เธอเห็นมันได้ชัดจากมุมนี้

    "ห้องอาบน้ำ" เซฟีร่าตอบคำถาม

    นางชะงักไปเสี้ยววินาทีหนึ่ง ก่อนตอบกลับอย่างราบเรียบ

    "ไม่มีหรอก"

    "หมายความว่ายังไงที่ไม่มี"

    "ที่นี่ไม่มีห้องอาบน้ำ แต่ที่ข้างหลังคฤหาสน์มีบ่อน้ำอยู่ หากเจ้าอยากอาบเจ้าต้องไปที่ตรงนั้น" นางปิดประตูห้องที่มีบัตเตอร์ฟลายอยู่ข้างในแล้วพยักหน้าให้เดินตามไป

    ความอยากอาบน้ำมีมากกว่าความกลัวทุกอย่างในตัวขุนพลเหล่านี้ เซฟีร่าเดินตามไป พยายามไม่มองหรือสบตาใครทั้งนั้นเมื่อเดินผ่านสาวใช้

    ครั้งนี้เดินสำรวจคฤหาสน์ได้เยอะกว่าเมื่อวานเพราะเราต้องลงไปชั้นล่างกัน ที่นี่ตกแต่งด้วยโทนสีดำและแดงน่าขนลุก แต่กลับสวยงามด้วยเครื่องประดับที่ดูมีรสนิยมอย่างดีหลายชิ้น

    จนกระทั่งมาถึงข้างหลังคฤหาสน์ เซฟีร่าพบเจอบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่ถูกดูแลรักษาอย่างดี ไร้ตะไคร่น้ำเกาะตามขอบหิน ไม่มีหินก้อนใหญ่ๆ หากไม่สังเกตเลยก็แทบจะไม่มีคราบสีดำสกปรกเลยด้วยซ้ำ ราวกับนี่เป็นสถานที่ที่ถูกรักษาไว้อย่างดีมากกว่าที่อื่นๆ

    เมื่อเงยหน้ามองวิวรอบด้าน เซฟีร่าตระหนักได้ว่าทำไม เธอตระหนักได้ว่าที่นี่คือที่ไหน

    ที่นี่ตั้งอยู่บนภูเขาแห่งความเงียบ สาเหตุที่ตั้งชื่อแบบนั้นคือภูเขาลูกนี้ตั้งอยู่ตรงกลางเขตแดนของอาณาจักรปีศาจและอาณาจักรแห่งแสงกับเมืองมนุษย์ ที่นี่คือที่ที่ปีศาจและมนุษย์ไม่กล้าแม้เดินเข้ามาเหยียบ เพราะพวกเขารู้ว่าหากเลยภูเขาไป อีกฝากฝั่งหนึ่งคือศัตรูเท่านั้นที่รอปลิดชีพอยู่

    จากที่นี่...เซฟีร่ามองลงไปแล้วเห็นป่าที่แสนสวยงามของฝั่งมนุษย์ได้ชัดเจน

    "วิวสวย เจ้าว่าไหม" เวเรสวางมือลงบนไหล่เธอจากด้านหลัง สัมผัสเช่นนั้นให้ความรู้สึกกึ่งโอบกอดกึ่งพยุงกายเธอไว้ "ข้าชอบที่จะเห็นการใช้ชีวิตของสัตว์และมนุษย์พวกนั้นจากที่นี่ เพราะท้ายที่สุดแล้วจะเป็นพวกเราที่ชนะและได้เหยียบย่ำสิ่งเหล่านั้นทิ้งซะ"

    เซฟีร่าเหลือบมองเสี้ยวหน้าดุร้ายของนางแล้วตัดสินใจสงบปากสงบคำไว้

    จากการวิเคราะห์บุคลิกของเวเรสมาได้สักระยะ

    นางเป็นคนไม่ฟังใครที่คลั่งเลือดเอามากๆ

    เธอไม่ทราบเหมือนกันว่าเหตุใดเวเรสถึงยอมทำภารกิจลักพาตัวเธอ เหตุผลใดที่ขุนพลคนที่หนึ่งถึงสั่งการเรื่องนั้นมายังเวเรสโดยตรง ทั้งๆ ที่นางเป็นคนไม่ฟังใครเอาเสียเลย

    เมื่อคืนเธอเห็นแล้วว่าขุนพลบางคนไม่สนทนากับเวเรสเลย ไม่ใช่ว่าไม่อยาก แต่อาจจะเป็น 'ไม่กล้า' ก็ได้เช่นกัน

    ตั้งแต่สู้รบกับขุนพลมา เซฟีร่าไม่เคยเลยที่จะอยากรู้ภูมิหลังความเป็นมา แต่นางเป็นคนแรกที่ทำให้เธออยากจะทราบทั้งหมดว่าตกลงแล้วนางเป็นคนยังไงกันแน่ แล้วเหตุใดถึงมาเป็นขุนพลของวีร่า

    "มาอาบน้ำก็ถอดเสื้อผ้าออกแล้วลงไปในน้ำซะ" เวเรสกระซิบข้างใบหูเธอ

    หัวใจกระตุกวูบจังหวะเดียวกับที่ผ้าขนหนูผืนเล็กบนตัวถูกมือเรียวดึงออกไป

    ร่างกายเธอเปลือยเปล่าภายใต้สายตาคู่นั้นอีกครั้ง

    เซฟีร่าเผลอกลั้นหายใจ สุดท้ายก็ค่อยๆ คลี่ริมฝีปากออกเป็นรอยยิ้ม จงใจหันเสี้ยวหน้าไปเพื่อให้นางได้สังเกตเห็นรอยยิ้มของเธอ

    "จะอยู่เฝ้าข้าเหรอ เวเรส" ถ้อยคำเล่านั้นแฝงความยั่วยวนไว้อย่างเหมาะสม

    การเกิดเป็นสุภาพสตรีในตระกูลชั้นสูงที่มีหน้าตาสะสวยและกิริยามารยาทที่ดี มีความพิเศษและข้อเสียของมันอยู่เช่นกัน เธอทราบวิธีที่จะปรนนิบัติคู่ชีวิตให้ดี รวมถึงวิธีผูกกายผูกใจให้อยู่ด้วยกัน

    เพราะการเกิดเป็นสุภาพสตรีในตระกูลชั้นสูง การแต่งงานเพียงครั้งเดียวสำคัญมาก ถึงแม้เธอจะทิ้งเรื่องราวเหล่านั้นไว้เบื้องหลังแล้ว แต่การหยิบข้อดีของมันมาใช้ไม่ได้เสียหายอะไร

    "อยากให้ข้าถูหลังให้เจ้าไหม" เธอยิ้มกว้างจนดวงตาเปล่งประกาย

    "..." เวเรสหันหลังเดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์หลังงาม

    "เดี๋ยวสิ" ใช่ เซฟีร่าทำในสิ่งที่เธอไม่ควรทำอย่างมาก เธอกอดนางไว้จากด้านหลังแล้ววางปลายคางลงบนไหล่สมส่วนในระยะที่ใกล้ชิดกับใบหน้านางมาก "ธุระของเจ้าไว้ค่อยคุยต่อก็ได้ไม่ใช่หรือ ใช้เวลากับข้าหน่อย...คงไม่ใช่เรื่องที่ยากนัก ใช่ไหม"

    "ไม่เกี่ยวกับยากหรือไม่ยาก" เวเรสเปิดปากในที่สุด นางพูดอย่างมั่นคงโดยไม่เหลียวแลมามอง "แต่เจ้าคิดผิดอยู่อย่างนึง ธุระของข้ารอไม่ได้"

    พูดจบนางก็นิ่งไปสักพัก เซฟีร่าถอยมาจากร่างกายเวเรสแล้วเพราะเห็นว่ารั้งไปก็ยาก แต่เวเรสยังไม่ขยับไปไหนเลย

    จนกระทั่งนางหันมากางผ้าขนหนูผืนน้อยแล้วคลุมให้เธอ เป็นจังหวะเดียวกับที่ใบหูเธอได้ยินเสียงพูด

    "จะอาบน้ำกันเหรอ น่าสนดีนี่" เป็นบัตเตอร์ฟลายที่โผล่มาขัดจังหวะเรา

    นัยน์ตาของผู้มาใหม่สำรวจร่างกายเธอขึ้นลงแล้วมองเวเรส

    สายตานั้นทำให้เธอขนลุกวาบไปทั้งร่างกาย

    ราวกับมันมีความหมายบางอย่างในการมอง อะไรสักอย่างที่เธอยังไม่รู้และเวเรสไม่ได้ปริปากเล่า

    "ลงไปในน้ำ" เวเรสก้มลงมากระซิบ ส่วนเซฟีร่าทำตามอย่างว่าง่ายโดยการลงไปในบ่อน้ำที่มีความอุ่นอยู่เล็กน้อยทั้งผ้าขนหนู เธอพบว่ามันสบายและชวนผ่อนคลายมากในบ่อน้ำนี้

    ขุนพลลำดับที่สี่และขุนพลลำดับที่หกมองหน้ากันเล็กน้อย ต่างคนต่างถอดเสื้อผ้าของตนไว้ริมบ่อแล้วลงมาแช่น้ำกับเธอ

    เซฟีร่าหน้าแดงระเรื่อเพราะไม่เคยมีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นมาก่อนในชีวิต

    บัตเตอร์ฟลายมีร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ดูแข็งแรงไปหมด ผิวของนางเรียบเนียนมาก ไร้ซึ่งร่องรอยตำหนิ นางพาดแขนข้างหนึ่งขึ้นตรงริมบ่อขณะหันเสี้ยวหน้ามองไปยังป่าของฝั่งมนุษย์ ใบหน้าเสี้ยวด้านข้างนางดูนิ่งสงบกว่าเวเรส และดูเลือดเย็นกว่าในบางมุม

    เวเรสเคยเปลือยกายต่อหน้าเธอมาแล้ว แต่ตอนนั้นแสงภายในห้องไม่มากพอจะทำให้เธอสำรวจนางได้ทุกซอกทุกมุม นางมีผิวที่มีตำหนิในหลายจุด มีทั้งรอยสักและรอยแผลเก่าเล็กๆ ในบางส่วนของร่างกายท่อนบน แต่มันไม่ได้มากจนทำให้นางดูไร้ราคา รอยสักอสรพิษสีแดงของนางเจิดจ้าท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ ที่ส่องลงมากระทบ อสรพิษตัวนั้นม้วนพันรอบลำคอของเจ้าของอย่างแน่นิ่ง

    เซฟีร่าหายใจไม่ทั่วท้อง ราวกับขุนพลทั้งสองกำลังแย่งอากาศใจ ทั้งๆ ที่สิ่งที่สองคนนี้ทำคือการนั่งนิ่งๆ เหมือนกำลังคุมเชิงกันและกันเท่านั้น

    บัตเตอร์ฟลายนั่งอยู่ตรงข้ามเธอ ส่วนเวเรสนั่งเฉียงไปทางขวามือของเธอ ใกล้กับเธอเล็กน้อย

    ในช่วงเวลาที่น่าอึดอัดของเราสามคน ในที่สุดก็มีคนขยับตัว

    คนคนนั้นคือเวเรส

    นางขยับเข้ามาใกล้เธอแล้วใช้วงแขนกักไม่ให้เธอหนี ใบหน้าสวยเหลือร้ายโน้มเข้ามาใกล้แล้วพูดเบาๆ ให้ได้ยินแค่สองคน ทำให้หัวใจเซฟีร่ากระตุกวูบอย่างรุนแรงหนึ่งครั้งในคำพูดกับท่าทางของนาง

    "จะถูหลังให้ข้าไม่ใช่เหรอ...เซฟีร่า"

    "..." ราวกับเป็นใบ้ไปชั่วครู่เมื่อนัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมาในระยะใกล้

    "หรือจะไม่ทำแล้ว?" การเคลื่อนตัวมาบดบังของนางทำให้เธอไม่เห็นว่าบัตเตอร์ฟลายมองเราอยู่รึเปล่า

    "ทำเพคะ" เซฟีร่าตอบรับอย่างนุ่มนวลด้วยประโยคที่นุ่มนิ่มกว่าที่เคยพูดมาทั้งวัน

    "ดี" น้ำเสียงอ่อนระทวยตอบรับ นางหันหลังให้เธอแล้วยกมือขึ้นกอดอก จากมุมที่นางนั่งตอนนี้การหันแบบนี้จะเป็นการเผชิญหน้ากับบัตเตอร์ฟลายอย่างพอดิบพอดี

    เซฟีร่าไม่ได้สนใจว่านางกับบัตเตอร์ฟลายจะเล่นปะทะทางสายตาอะไรกัน ใช้ปลายนิ้วสางเส้นผมสีแดงเลือดหมูที่เปียกน้ำออกไปให้พ้นแผ่นหลัง จนเผยให้เห็นถึงแผ่นหลังขาวที่มีรอยแผลเป็น เป็นรอยมีดกรีดยาวและลึกลงไปประมาณหนึ่งเซน

    เธอไม่ตั้งคำถามกับรอยแผลพวกนี้ เพราะมันกลับกลมกลืนกับร่างกายนางจนดูเผินๆ แทบไม่มีอะไรสะดุดตาเลย

    มือไล้สำรวจแผ่นหลังนั้นสลับกับถูทำความสะอาดอย่างแผ่วเบา ตอนที่ปัดมือผ่านไหล่ของนางนั้นก็พบว่ามันเกร็งและแข็งมาก ทำให้ตัดสินใจนวดไหล่ให้นางไปด้วย

    ศาสตร์แห่งการรักษา เซฟีร่าเรียนมามากพอจะปรนนิบัตินางได้ทุกอย่างจริงๆ


    เวเรสยกมือขึ้นกอดอก สบตากับนัยน์ตาขุ่นเคืองของบัตเตอร์ฟลายจากตรงนี้ บดบังให้เซฟีร่าอยู่นอกสายตาของพันธมิตรเธอ

    'พันธมิตร' เจอหน้ากันเกือบทุกวัน แต่ยังไม่นับว่าเป็นสหาย ไม่ได้สนิทใจกันขนาดนั้น

    และพันธมิตรคนนี้...จ้องจะเอาเซฟีร่าไปเป็นของตัวเอง

    จริงๆ ภารกิจที่ขุนพลคนที่หนึ่งให้คือการไปลักพาตัวเซฟีร่ามาเพื่อให้เป็น 'เครื่องสนองความใคร่' ที่ไม่ว่าใครก็ใช้ได้ ขุนพลคนไหนต้องการก็แค่มาเอาตัวไป เพราะข่าวฉาวโฉ่และความสวยงามของนาง

    ในสายตาคนอื่น เซฟีร่าเป็นแค่ของชิ้นนึง และของชิ้นนั้นก็เป็นสาธารณะเสียด้วย

    แต่ในสายตาเวเรส เธอมองเซฟีร่าเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่โลภมากด้านร่างกาย และร่างกายนั้นนางก็ใช้มันเพื่อความพอใจส่วนตัวเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องที่ผู้อื่นจะไปยัดเยียดว่าร่างกายนางเหมาะกับการทำอะไร

    เธอรักษาสิทธิความชอบธรรมในการใช้ร่างกายของนางไว้ โดยการบอกว่ากับคนอื่นว่านางคือของส่วนตัว เป็นคนส่วนตัว เป็นนายหญิงของคฤหาสน์หลังนี้

    ใช่ เธอบอกไว้ แต่ก็ยังไม่วายมีคนไม่ยอมฟัง เพราะบัตเตอร์ฟลายรู้ดีเกินกว่าจะเชื่อคำพูดของเธอ

    เธอเลยแสดงให้บัตเตอร์ฟลายเห็นถึงการเอาอกเอาใจของเซฟีร่าที่มีต่อเธอ...จะได้จบเรื่อง

    เวเรสผ่อนคลายขึ้น ฝ่ามือนุ่มนิ่มกำลังนวดแผ่นหลังของเธอ ความรู้สึกดีที่เกิดขึ้นทำให้เธอไม่สนใจบัตเตอร์ฟลายอีกต่อไป พลางนึกไปถึงความจริงอีกข้อหนึ่ง

    ความจริงที่ว่าไม่มีใครทำอะไรเธอได้ เพราะราชินีวีร่าไม่มีทางปล่อยให้ใครหน้าไหนมาขัดขาเธอ

    ไม่มีแม่ดีๆ ที่ไหนจะปล่อยให้ใครมากวนใจลูกสาวหรอก

    เพราะแบบนั้นเธอถึงได้มีคฤหาสน์ของตัวเองอยู่ที่นี่ และใช้สิทธิอันชอบธรรมโกงคนอื่นและเก็บเซฟีร่าให้อยู่กับเธอได้

    บัตเตอร์ฟลายยกยิ้มมุมปากที่เบาบางจนแทบมองไม่เห็นขึ้นมา

    ส่วนเวเรสยกยิ้มเจือจางกลับไป

    การที่เธอเก็บเซฟีร่าไว้ ปกป้องนางขนาดนี้ แน่นอนว่าย่อมมีข้อเสียบางอย่างอยู่เช่นกัน

    "ไม่นึกว่าเจ้าจะยอมให้ใครสัมผัสร่างกายยกเว้นมีดกับคมดาบ" นางเล่นงานเธอในที่สุด เพราะเวเรสไม่เคยเป็นคนประเภทที่ยอมให้ใครมาก่อน ตอนนี้เซฟีร่ากลายเป็นจุดที่เล่นงานได้ของเธอ

    "เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง อย่างน้อยอาวุธก็ไม่ได้นุ่มนิ่มอย่างมือนาง" เธอแกล้งบัตเตอร์ฟลายเล่น

    บัตเตอร์ฟลายมีราคะที่สูงกว่าผู้อื่น หากให้เทียบกันในหมู่ขุนพลแล้ว นางเป็นคนเดียวที่...สมสู่บ่อยกว่าผู้อื่น เพราะฉะนั้นการที่นางแตะต้องเซฟีร่าไม่ได้อาจทำให้นางอึดอัดใจเสียหน่อย

    แต่สำหรับเวเรส เรื่องเมื่อคืนระหว่างเธอและเซฟีร่าไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ เซฟีร่าเป็นผู้หญิงคนที่สองที่เธอยอมให้แตะต้อง และคนแรกนั้นคือตัวเธอเอง

    เรื่องรอยอาวุธบนตัวของเธอก็ไม่ได้เป็นเพราะเธอไม่เก่ง หรือสู้แพ้ หรืออะไรทั้งนั้น มันแค่เกิดขึ้นเพราะเธอชอบที่จะมีรอยแผลบนร่างกาย

    มันเกิดขึ้นได้เพราะเธออนุญาตให้มันเกิดขึ้นเท่านั้น

    "แล้วเจ้าจะกลับไปได้รึยังล่ะ" เวลาที่ไม่จำเป็นต้องไว้หน้า เวเรสก็ไม่เคยลังเลที่จะทำ

    ขุนพลสู้กันเองได้หากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งท้า แต่ว่า...เวเรสไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวใคร เธอใช้เวลาทั้งชีวิตตั้งแต่เป็นขุนพลมาศึกษาหาจุดอ่อนของขุนพลคนอื่นทั้งหมด เพื่อไม่ให้พวกมันมาลอบกัดเธอและท่านแม่ในภายหลัง

    ไม่ใช่ขุนพลทุกคนจะเป็นปีศาจเช่นเธอมาตั้งแต่ต้น บางคนก็เป็นเอลฟ์ บางคนก็เป็นมนุษย์

    "หากเจ้าบ้านไล่แล้ว ข้าคงไม่อาจอยู่ได้นานกว่านี้" บัตเตอร์ฟลายมีรอยยิ้มที่คลุมเครือด้วยอารมณ์และดวงตาที่เจือจางด้วยความโกรธ ทั้งหมดนั้นทำให้ใบหน้านางดูมีเสน่ห์อย่างประหลาด

    "เชิญ" เวเรสส่งท้ายอีกครั้ง

    บัตเตอร์ฟลายลุกจากบ่อน้ำ อวดเรือนร่างผอมเพรียวและผิวขาวใสอีกหนึ่งครั้งก่อนใส่เสื้อผ้าแล้วจากไป

    ทันทีที่พ้นสายตาของคนนอก เวเรสจับมือที่เล็กกว่าของเซฟีร่าเอาไว้แล้วดึงให้นางเซถลามาชิดใกล้ พลิกกายหันไปก่อนรวบร่างบอบบางมาไว้ในอ้อมแขน

    นางตกใจ แต่ไม่ขัดขืน

    นางไม่เคยขัดขืนเธอ ไม่แม้แต่จะคิด เธอทราบดี

    นางคิดว่านางสามารถใช้เธอเป็นสะพานในการออกไปจากที่แห่งนี้ได้

    ต่อจากนี้ไป...เวเรสจะใช้ประโยชน์จากความคิดนั้นของเซฟีร่า ทำให้นางยอมอยู่ใกล้เธอ เอาอกเอาใจเธอ อย่างน้อยถือซะว่าเป็นการตอบแทนที่เธอยอมปล่อยให้นางทำตามแผนไร้สาระนั่น

    เวเรสอยากสัมผัสความรู้สึกของการมีใครสักคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยอย่างจริงจังในคฤหาสน์หลังใหญ่บ้าง

    เธออยู่ที่นี่คนเดียวมาตลอด ตั้งแต่แยกตัวจากดินแดนปีศาจเมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว

    "เจ้า...ไม่สบายรึเปล่า เหตุใดถึงจ้องข้าเช่นนั้นกัน" สุ้มเสียงน่ารักหลุดออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มน่าโดนขยี้ เวเรสคิ้วกระตุกหนึ่งครั้งก่อนตระหนักได้ว่าคงจ้องนางน่าไปจนนางประหม่า

    "เปล่า" เวเรสปฏิเสธ เชยปลายคางนางให้เชิดขึ้นอีกเล็กน้อยเพื่อจะจูบ

    แต่เมื่อกลับชะงักเมื่อริมฝีปากตัวเองถูกจูบเสียก่อน เซฟีร่ายกมือขึ้นเกาะไหล่เธอไว้ในขณะที่เอนตัวมาใกล้จนร่างกายเราสัมผัสกันอย่างแนบชิด เวเรสเป็นคนที่ดูแข็งกระด้างไปทั้งตัว ทว่าความนุ่มนวลของคนตรงหน้าช่างแตกต่างกับเธอมาก

    เวเรสเป็นคนถอนจูบก่อน...

    เธอถอยออกมาเพื่อพิจารณาใบหน้างดงามของนางให้เต็มสายตา

    นี่คือครั้งแรกที่เธอยินยอมมองใบหน้านางโดยไม่รู้สึกรังเกียจ

    เซฟีร่าจูบเธออีกครั้ง คราวนี้ร้อนแรงกว่าเดิมและทำให้แม่ตัวดีเหนื่อยง่ายกว่าเดิมด้วย ดูจากระยะเวลาที่นางจูบและถอนจูบออกอย่างรวดเร็ว

    "เจ้าทำอะไรอยู่" เวเรสถาม เราหอบหายใจกันเล็กน้อย

    "ข้าแค่อยากจูบเจ้า ไม่ได้หรือ" นางตั้งคำถามกลับมา

    เธอพ่นลมหายใจ "หึ"

    เธอจะไม่ตั้งคำถามกับการกระทำของเซฟีร่าก็ได้ เพราะนางดูไม่ใช่คนประเภทที่อยากผูกพันทางกายกับผู้ใดสักเท่าไหร่

    เวเรสผละออกจากร่างกายที่สวยงามของนางแล้วขึ้นจากน้ำ

    "ขึ้นจากน้ำได้แล้ว หากเจ้าไม่อยากนอนซมเพราะพิษไข้"

    เธอเดินกลับเข้าไปในตัวคฤหาสน์เพื่อจะอ่านหนังสือบางเล่มต่อให้จบ แล้วค่อยไปพบท่านแม่วีร่าเสียหน่อย


    อะไรของนางกัน

    เซฟีร่ามองตามแผ่นหลังของเวเรสไปอย่างไม่เข้าใจ เมื่อครู่นางทำเหมือนอยากแตะต้องร่างกายเธอ แต่กลับผละออกไปอย่างรวดเร็วพอกัน ราวกับว่าสิ่งที่นางรู้สึกนั้นเป็นเรื่องหลอกลวง

    วินาทีที่ขึ้นจากบ่อน้ำ เธอตระหนักได้ว่านี่คือพื้นที่ของเธอ น้ำเหล่านี้เป็นพื้นที่ที่เมื่อครู่หากเธออยากจะโจมตีขุนพลทั้งสอง นางอาจพาความตายและจุดจบมาให้แก่สองคนนั้นได้ ทว่าเธอกลับไม่ได้นึกถึงมันเลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว

    เธอทราบดีว่าทำไม

    เพราะทราบดี...เธอเลยแต่งตัวแล้วหันหลังให้กลับแสงสว่างจากป่าอีกฟากแล้วเดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์

    ทันทีที่เข้าไปเธอเห็นว่าไม่มีคนรับใช้คนไหนของที่นี่สนใจเธอเลยสักคน ไม่แน่ว่าเธออาจจะมีสิทธิเดินเล่นรอบๆ ตัวบ้านสักครั้งก็ได้

    เวเรสหายไป ส่วนบัตเตอร์ฟลายน่าจะกลับไปแล้ว

    เซฟีร่ายกยิ้มอย่างนึกสนุก เธอเดินไปยังบริเวณหน้าบ้านที่เป็นโถงใหญ่ขนาดที่ค่อนข้างว่างเปล่าและถัดออกไปนั้นเป็นประตูที่สามารถนำไปสู่อีกด้านของภูเขาลูกนี้ได้

    เธอเดินเข้าไปใกล้ มือแตะลงบนลูกบิดประตู...

    "เจ้าคิดว่าเจ้าทำอะไรอยู่"

    เซฟีร่าสะดุ้งโหยงเมื่อมือเย็นๆ แตะลงบนแผ่นหลังของเธอ

    "ข้า..." เป็นอีกเหตุการณ์ที่โดนจับได้ เธอหันไปเผชิญหน้าเวเรสอย่างกระอักกระอ่วน

    "อยากออกไปข้างนอก?"

    "อยาก" เธอตอบรับอย่างเรียบง่าย ก่อนเติมความนุ่มนวลลงไปในประโยคหลังเห็นสายตาเย็นชาของนาง "...เพคะ"

    "ข้ากำลังจะออกไปข้างนอกพอดี" นางเปรยเสียงราบเรียบ ราวกับกำลังดูเชิงท่าทีของเธออยู่ "อยากมากับข้าหรืออยากอยู่ที่นี่ เลือกเอาสักทาง"

    "ข้าอยากไปด้วย"

    มีหรือที่เซฟีร่าจะปฏิเสธการออกไปเห็นความเคลื่อนไหวภายนอก

    เวเรสไม่ได้พูดอะไร นางเปิดประตูแล้วเดินนำออกไป

    "แล้วเราจะไปกันยังไงหรือ" เธอถามอย่างระงับความใคร่รู้ไม่ได้ แดนปีศาจเป็นสถานที่ที่เธอไม่เคยเข้าไป และไม่ควรเข้าไป แต่วันนี้เธอกำลังแหกกฎพวกนั้นทั้งหมด

    "เราเดิน" เดิน?

    เซฟีร่าหันมองเข้าไปในป่าลึกแล้วเห็นทางเดินหินอ่อนราบเรียบปรากฏเป็นแนวยาว

    "ปีศาจมีความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายดี" เธอกล่าว

    "พวกมนุษย์ไม่เดิน?" เวเรสถามกลับอย่างสงสัย

    "เดิน แต่ในเส้นทางระยะใกล้เท่านั้น เราพัฒนาไปใช้รถม้ากันหมดแล้ว เจ้าไม่เคยสังเกตเห็นหรือ"

    "อาจจะเคย แต่ไม่มีสิ่งใดที่ข้าควรใส่ใจกับมัน"

    ถามกลางความเงียบของป่า เราโต้ตอบกัน บางครั้งก็มีเสียงสัตว์ใหญ่ที่ดูดุร้ายแทรกเข้ามา แต่ไม่มีสัตว์ตัวไหนโผล่มาในระยะสายตาเลยภายในเส้นทางที่ตรงไปสู่แดนปีศาจนี้

    "แล้วเหตุใดเจ้าถึงพาข้ามาที่นี่หรือ" เซฟีร่าคิดว่าตัวเองกำลังถามคำถามที่ดูโง่เง่าออกไป แน่นอนอยู่แล้วว่าเวเรสต้องตอบกลับมาว่า 'เจ้าอยากมาเอง' แต่สิ่งที่เธอสงสัยมันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น สิ่งที่เธอสงสัยคือเหตุใดที่นางยอมปล่อยให้เธอตามนางมาถึงที่นี่กัน

    ใช่ และเหมือนนางรับทราบทุกความคิดในหัวเธอ

    นัยน์ตาสีดำสนิทเย็นชาปรายตามองอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันกลับไปมองทางเหมือนเดิม

    "เพราะว่า...ต่อให้เจ้าเข้าไปเห็นที่นั่น ต่อให้เจ้าได้พูดคุยกับใคร หรือพบเจอใคร มันก็ไม่ได้รับประกันว่าเจ้าจะมีชีวิตออกไปบอกต่อเรื่องราวเล่านั้นกับผู้อื่นได้"

    คำตอบที่ไร้หัวใจทำให้เธอเย็นวาบตั้งแต่หัวจรดเท้า จู่ๆ เรียวขาก็ก้าวไม่ออกขึ้นมาเสียดื้อๆ

    เธอ...คิดจะหันหลังกลับ

    เซฟีร่ากลัวความตาย เธอไม่มีทางเดินตรงเข้าไปหาสิ่งที่เธอกลัวแน่ๆ

    "เซฟีร่า" เวเรสหยุดแล้วหันมามองเธอ ร่างกายผอมในชุดเสื้อคลุมยาวถึงเข่าสีแดงเลือดเดินตรงกลับมาหาเธอ ปลายนิ้วที่เย็นเยียบไร้ชีวิตของนางแตะลงบนแก้มของเธอ

    "อย่า...แตะต้องข้า" เธอกลืนก้อนแข็งๆ ที่ทำให้เสียงสั่นเทาลงลำคอไป "ข้าต้องกลับไป เวเรส"

    ความอยากรู้อยากเห็นที่มีหดหาย เธอไม่พร้อมสำหรับเรื่องนี้

    "เหตุใดเจ้าถึง..." นางขมวดคิ้ว ส่วนเธอปัดปลายนิ้วที่สัมผัสกายเธออยู่ออกไปอย่างแรง เธอไม่สนแล้วว่าเธอตั้งใจหว่านเสน่ห์นางอยู่หรือไม่ แต่เธอสามารถทำมันได้อีกหากวันนี้เธอไม่ตาย "เซฟีร่า"

    เวเรสเรียกชื่อเธอ มันจุนเจือไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เธอไม่เข้าใจ

    "ข้าไม่อยากตาย" เธอรู้สึกได้ถึงความชุ่มชื้นที่ดวงตาของตัวเอง และมันไหลลงมาบนแก้ม...

    ก่อนกระทบกับฝ่ามือเวเรสที่ประคองใบหน้าของเธอไว้ด้วยมือแข็งแกร่งเหล่านั้น

    "ข้าไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะตายที่นั่น ข้าแค่กำลังหมายถึงว่าเจ้าไม่มีทางหายไปจากข้าได้"

    "..." ไม่มีทางหายไปจากนางได้เหรอ

    "ตราบใดที่เจ้าอยู่ในที่ที่เจ้าควรอยู่ ไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้อีก"

    "ข้าไม่...เข้าใจ" ความเปียกชื้นจากดวงตาทำให้การมองเห็นที่เคยดีพร่าเลือนไปมาก เธอคิดว่าเธอกำลังสบตากับเวเรส มองลึกเข้าไปในดวงตาที่ไม่สั่นไหวสักนิดเลยของนางอย่างพยายามหาคำตอบ แม้ทราบอยู่แล้วว่าคงไม่ได้สิ่งใดกลับมา

    "อยู่กับข้า แล้วเจ้าจะปลอดภัย"

    "..."

    "ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น...แค่จำคำนี้ไว้ก็พอ"

    เซฟีร่าแค่นหัวเราะ เธอยังจำได้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่ประโยคนี้จะหลุดออกมาจากปากนาง

    "นี่คือคำพูดของคนที่เอาดาบแทงตัวข้าจนทะลุจริงๆ หรือ?"

    "ข้าเพิ่งพูดไป หากเจ้าไม่ได้บ้าก็คงพอคิดเองได้"

    นางปากร้ายแบบไม่หยาบคาย ช่างดูดีและเข้ากับหน้าตาเสียจริงๆ

    "ก็ได้" เซฟีร่าสูดลมหายใจเข้าปอดลึกมาก เธอตัดสินใจสอดมือเข้าไปในวงแขนเวเรสแล้วกอดนางเอาไว้ราวกับเราเป็นคู่รักที่มีความสุขที่สุดในโลกแล้วกล่าว "เดินต่อเถอะ ข้าอยากไปพบศัตรูของข้าเสียหน่อย"

    "ข้าไง ศัตรูของเจ้า" นางเลิกคิ้วราวกับกำลังกวนประสาทเล็กๆ ทำเอาเซฟีร่าเงยหน้าขึ้นมองตาขวาง

    "ข้ายังไม่ฆ่าเจ้าก็ดีเท่าไหร่แล้ว อย่ามัวเสียเวลา รีบไปกันได้แล้ว" เธอรีบดึงนางให้เดินไปข้างหน้าต่อ แต่กลับโดนหยุดชะงักไว้อีกรอบ เมื่อร่างกายนางแข็งจนเธอไม่สามารถดึงได้

    เธอหันไปมองอย่างหงุดหงิดใจ พบสายตาแข็งกระด้างที่แฝงแววความนุ่มนวลไว้ของนาง

    "วันหลังอย่าร้องไห้ต่อหน้าข้าอีก" นางลูบหัวเธอราวกับเธอเป็นเด็กน้อย

    เซฟีร่าถอนหายใจแล้วพยักหน้าให้เวเรส ตอนนี้นางเป็นอะไรสักอย่างที่ไม่สามารถตีความได้อันดับหนึ่งของเธอ บทจะดีก็ดี อยากจะร้ายก็ร้าย เป็นปีศาจที่แง่มุมเยอะเสียจริง

    ไม่นานนักเราก็มาถึงปากทางเข้าดินแดนปีศาจ ปีศาจที่มีหัวเป็นสุนัขสองตัวโค้งคำนับทันทีที่เห็นเวเรส และพวกเขาไม่ถามเลยด้วยซ้ำว่าเธอเป็นใคร ทำไมถึงมากับเวเรส เดาว่านี่คือสิทธิบางอย่างของการเป็นขุนพลของราชินีปีศาจ

    "ท่านวีร่ารอท่านเวเรสอยู่ที่พระราชวังขอรับ" ปีศาจหัวสุนัขกล่าวอย่างนอบน้อม

    เซฟีร่าเดินผ่านประตูเขตแดนเข้ามาภายใน และพบว่าในนี้ไม่ได้แย่นัก เธอมองไปรอบๆ เห็นบ้านของปีศาจหลายเผ่าพันธ์ เห็นเด็กๆ วิ่งไล่จับ เห็นผีเสื้อสีม่วงเรืองแสงที่ไม่มีอยู่จริงในโลกอีกฟาก

    "ที่นี่เราไม่มีกลางวัน" เวเรสอธิบาย ส่วนเซฟีร่าเงยหน้ามองดวงจันทร์สีเลือดที่อยู่บนท้องฟ้า "และที่นี่ก็เหมือนกับสถานที่ของพวกเจ้า เรามีประชาชนให้ปกป้อง มีการดำรงชีวิต มีความเมตตาให้แก่กัน และดินแดนปีศาจก็ไม่ใช่นรกอย่างที่พวกเจ้าเข้าใจกัน ที่ตั้งของนรกนั้นอยู่ในที่อีกแห่ง ทว่าเป็นเรื่องจริงที่เรามีอำนาจเหนือมัน เรามีอำนาจที่จะควบคุมมัน ต่างจากพวกเจ้า"

    "แต่เจ้าไม่มีกลางวัน" เซฟีร่าตัดสินใจที่จะไม่ต่อความยาวสาวความยืดกับเวเรส และไม่คิดจะพูดถึงประเด็นสงครามระหว่างเราทั้งสองฝั่งแต่อย่างใด เพราะเกรงว่าการพูดในที่แห่งนี้ไม่เหมาะนัก

    "ถูก แต่ข้าชินกับกลางวันเสียยิ่งกว่าชิน" เวเรสแค่นยิ้มออกมา ผมสีแดงเลือดหมูของนางหม่นลงภายใต้ความมืด ทว่ามันกลับทำให้โครงหน้าสวยงามดูสง่าขึ้นเช่นเดียวกัน

    เซฟีร่าลอบยิ้มอย่างเรียบง่ายบนริมฝีปาก สายตาหันไปเห็นว่าเราเดินมาถึงพระราชวังที่ว่าแล้ว

    "เดี๋ยว" เธอรั้งแขนของเวเรสไว้แล้วมองนางอย่างกังวล "ข้าดูสวยไหม"

    "แล้วเจ้าต้องดูสวยไปเพื่ออะไรกัน มีใครที่เจ้าอยากให้ประทับใจหรือไง"

    นางเย็นชาผิดปกติตอนที่พูดประโยคนี้

    "ข้าแค่ชอบที่จะดูสวยงามตอนพบปะผู้คน แล้วเจ้าเป็นอะไรของเจ้า" เธอขมวดคิ้ว

    "เจ้าสวย แค่นี้ที่ข้าจะพูด" เวเรสเดินไปที่ประตูอาณาเขตวังโดยไม่รีรออีก เธอรีบเดินตามเข้าไปก่อนหลุดอุทานด้วยความประทับใจ สถานที่แห่งนี้สวยงามมาก เป็นพระราชวังที่ราวกับว่าหลุดออกมาจากในนิทานปรัมปรา

    "เจ้าประทับใจกับอะไรแบบนี้หรือ" นางถามแล้วเหลือบมองพระราชวังสลับกับเธอ

    "เจ้าไม่เข้าใจหรอก" เซฟีร่าไม่อยากตอบจึงปล่อยผ่านไป

    "ปากแข็ง" นางประนามอีกคำ

    "เหรอ เจ้าแน่ใจว่าแข็ง?" เซฟีร่าอมยิ้มในทันที

    "ไม่แข็ง"

    "..."

    "แค่เฉพาะตอนอยู่บนปากข้า"

    ร้าย ร้ายมาก...

    นางเดินนำไปอย่างไม่เหลียวแล ปล่อยเธอยืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนี้พักใหญ่ก่อนจะนึกได้ว่าควรตามไป

    ทันทีที่เข้าวังไป เธอเห็นบัลลังก์ในทันที และมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนนั้น ร่างที่สูงประมาณร้อยหกสิบห้าลุกขึ้นยืนแล้วตรงดิ่งมาคว้าเวเรสเข้าไปอยู่ในอ้อมอกทันที

    แม้ไม่เคยพบ จากการคาดเดาของเธอ หญิงสาวคนนี้คือราชินีวีร่าไม่ผิดแน่

    "เวเรส" คนเป็นราชินีหอมแก้มเวเรสทั้งซ้ายและขวา "แม่คิดถึงลูกมาก"

    เซฟีร่าที่กำลังสำรวจพระราชวังจากภายในเหลียวมองในทันที

    นี่เธอพลาดอะไรไป?

    ราชินีวีร่ากับเวเรสเป็นแม่ลูกกัน?

    เป็นข่าวใหม่ที่...ช่วยทำให้เธอประเมินและเข้าใจอะไรหลายอย่างได้ลงล็อคมากขึ้น

    "อื้ม ข้าก็คิดถึงท่าน" เวเรสเผยรอยยิ้มอ่อนโยนขึ้นบนริมฝีปากเป็นครั้งแรก

    หัวใจของเซฟีร่าเต้นแรงขึ้น...

    แต่กลับมาอยู่ในจังหวะปกติอย่างรวดเร็ว ไม่สิ ค่อนไปทางระทึกด้วยซ้ำเมื่อราชินีวีร่าหันความสนใจของนางมาที่เธอ

    "เจ้าพา...เซฟีร่ามาที่นี่?" นางรู้จักเธอ

    "ข้า..." เซฟีร่าประหม่า

    "นางไม่ใช่คนอื่นคนไกลอะไร ตอนนี้นางอยู่กับข้า ถามคนอื่นดูได้" เวเรสผายมือไปยังด้านหลังราชินีวีร่าที่มีขุนพลอีกห้าคนที่เหลือยืนอยู่ เซฟีร่าก็เพิ่งสังเกตเห็นคนเหล่านั้นเช่นกัน

    "เพคะ" เป็นบัตเตอร์ฟลายที่ตอบคำถามนั้นด้วยรอยยิ้ม

    "โอ้ ข้าเข้าใจแล้ว" ราชินีวีร่ายิ้มแย้ม นางเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอแล้วกุมมือเธอไว้ "เจ้าเป็นคนรักของลูกสาวข้าแล้วใช่หรือไม่"

    คำพูดนั้นทำให้ขุนพลทั้งหมดหันเหความสนใจมาที่เธอ แต่ไม่ใช่ความสนอกสนใจ

    ใช่ ในสายตาพวกนั้นมีแต่ความกดดันที่เคร่งเครียดและมึนตึง

    "ใช่เพคะ" นัยน์ตาของเซฟีร่าลุกวาวอย่างเงียบๆ เธอรอมาตลอดที่จะคว้าโอกาสแบบนี้เอาไว้ ในเมื่อเวเรสไม่มอบมันให้เธอ คงไม่ผิดอะไรที่เธอจะคว้าโอกาสนี้ที่ราชินีวีร่ายื่นให้

    "พวกเจ้า" เสียงราชินีร่างเล็กเย็นชาอย่างน่าขนลุก นัยน์ตาสีอะเมทิสต์ของนางลุกโชนไปด้วยไฟแห่งความมืดแบบที่ทำให้เซฟีร่าเสียวสันหลังวาบตอนที่นางพูดกับเหล่าขุนพล "รออะไรกันอยู่ รีบมาทำความเคารพและแนะนำตัวกับภรรยาลูกสาวข้าซะ"

    เซฟีร่าเหลือบมองเวเรสอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่านางจะบ้าบิ่นและแหกเรื่องไม่จริงที่เธอพูดขึ้นมา

    แต่เวเรสกลับยืนกอดอกนิ่ง ริมฝีปากบางยกยิ้มมุมปาก ในสายตาคู่นั้นท้าทายเมื่อมันสบตากับเธอ

    'ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะไปได้ไกลแค่ไหนกับเรื่องพวกนี้' มันหมายความว่าแบบนี้

    "ข้ามีนามว่าลินดิส ขุนพลลำดับที่หนึ่งแห่งราชินีวีร่า" เด็กสาวผมขาวโค้งให้เธอ ใบหน้าหวานแต่เย็นชาอย่างลุ่มลึก เพราะเส้นผมของนางปรกลงมา ทำให้เธอสังเกตใบหูที่ถูกเก็บซ่อนไว้

    "เอลฟ์?" เซฟีร่าเผลอส่งเสียงออกไปทันทีที่เห็น ทำให้ทุกสายตาหันมาจับจ้องเธอ

    ความเงียบเข้าปกคลุมในทันที

    "ข้าเป็นเอลฟ์เพคะ" ลินดิสมีสายตาแบบเวลามันจรดลงมองที่เธอ มันจะทำให้เธอรู้สึกต่ำต้อย "เป็นเอลฟ์ที่เป็นผู้ให้คำปรึกษาและหนึ่งในสภาสิบสองของราชินีอันนา"

    เลือดในกายเซฟีร่าราวกับหยุดนิ่งไป

    อันนาเป็นสหายและเป็นชู้รักของเธอ

    นางคือหนึ่งในผู้นำการรบของเรา

    แต่ตอนนี้ลินดิสกำลังเผยให้เธอรู้ว่า...นางอยู่เหนือกว่ามากขนาดไหน ที่เข้าใกล้อันนาได้โดยไม่ถูกสงสัย

    "ตั้งแต่...เมื่อไหร่กัน" เซฟีร่าถามออกไป

    ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่การป้องกันของเธอถูกทะลวงได้ง่ายดายขนาดนั้น

    "ตั้งแต่ข้าเกิด ข้าเป็นเอลฟ์" ลินดิสทำราวกับเธอกำลังถามคำถามโง่เง่า

    เธอกำหมัดแน่นอย่างโกรธเคือง

    เหตุใดพวกมันถึง...เหตุใดคนเหล่านี้ถึง...

    "ข้าคิดว่าเวเรสเลือกภรรยาได้น่าผิดหวังที่สุดเลย ท่านวีร่า" ลินดิสหันไปพูดกับราชินีปีศาจ นางหยิบหน้าไม้ที่คาดว่าน่าจะเป็นอาวุธของนางขึ้นมาแล้วบรรจุลูกดอกที่ไม่เหมือนกับลูกดอกธรรมดาลงไป "ท่านคิดว่าข้าควรจัดการกับนางหรือไม่"

    "..."

    "มองจากมุมใด นางก็เป็นความน่าผิดหวัง นางไม่ได้มาเยี่ยงพันธมิตร ต่อให้นางมีสัมพันธ์กับเวเรส ทว่าใจนางจมปรักและรักใคร่อยู่กับศัตรูเรา"

    "อืม..." ท่านวีร่าส่งเสียงขณะครุ่นคิด

    ลินดิสเผยยิ้มโหดร้ายขึ้น นัยน์ตาเฉียบคมราวกับเสียดแทงทุกอณูร่างกายเธอ ในขณะที่เธอขยับไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว ราวกับร่างกายถูกเวทมนตร์ตรึงเอาไว้อย่างแน่นหนา

    "วางหน้าไม้ลงซะ ลินดิส" เป็นเสียงของเวเรส มือนางวางบนไหล่ในขณะที่เดินอ้อมมาด้านหลังเธอ

    "เจ้าคิดว่าเจ้าพูดอะไรอยู่ เวเรส นางเป็นคนไม่รักดี แหกตาเจ้าดูเสีย..." ลินดิสชะงักโดยที่ยังพูดไม่จบประโยค

    "ข้าบอกให้วางหน้าไม้ลง" ความกดดันที่แรงกล้าทำให้ทุกคนในที่นี้ไม่กล้าขยับ ยกเว้นเซฟีร่า

    ความกดดันนี้แผ่ออกมาจากร่างกายเวเรส...ในยามที่นางสยายปีกออก

    ลินดิสลดหน้าไม้ลงในที่สุด

    น้ำตาของเซฟีร่าไหลลงกระทบกับพื้นจากความตายที่ได้เฉียดใกล้

    หมับ!

    เธอถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดของเวเรส ปีกสีแดงเลือดของนางปกคลุมเราสองคนเอาไว้ ห่อหุ้มให้เราอยู่ในที่ปลอดภัย ปลายคางเธอถูกเชยขึ้น

    "อย่าร้องไห้..." น้ำเสียงนางราบเรียบ ทว่าไม่มั่นคง "อย่าทำให้ข้าต้องรู้สึกว่าอยากจะฆ่าลินดิสทิ้งเพราะเจ้าร้องไห้ เซฟีร่า"





    - Sephera -
    Leader of Magic Council
    Cast By -

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×