ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Black N Blue (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #24 : Black N Blue❖Everything started from 'force' 23

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 998
      44
      9 ก.พ. 63

    คำเตือน :: บางช่วงบางตอนมีความรุนแรง เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของตัวเกมแต่อย่างใด ฉากที่มีเนื้อหาเรท R จะไม่อัพลงเด็กดี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


    Song :: ปาใส่หน้า - เอ๊ะ จิรากร


    EPISODE23

    Alternative Universe 01Everything started from 'force'


    หลังจากอารัมถูกสูบเรี่ยวแรงจากการจูบไปจนหมด เราสองคนก็ผละออกจากกันมาใช้ความคิดเงียบๆ อยู่คนละมุมห้องกัน เธอนั่งอยู่บนเตียงแล้วหันหน้ามองไปยังม่านที่ถูกแง้มให้เปิดออกเล็กน้อย ส่วนลิเลียน่านั่งอยู่ที่เก้าอี้นวมที่อยู่ตรงข้ามเตียง นางใช้สายตามองเธออยู่ตลอดเวลา

    จนเมื่อถึงเวลากลางคืน เธอกับลิเลียน่าแยกย้ายกันไปอาบน้ำ นางกลับไปอาบที่ห้องของนาง แต่อาบเสร็จก็กลับมาเคาะห้องเธอเพื่อขอนอนด้วยอยู่ดี

    "เล่าเรื่องเจสันให้น้องฟังหน่อย"

    เธอกระซิบระหว่างหวีผมยาวสลวยให้นางไปด้วย

    "เจสันเหรอ..." นางทวน แล้วก้มหน้าลงเล็กน้อยอย่างใช้ความคิด "เขาเป็นคนดี มีหน้ามีตาในสังคม สุภาพบุรุษ แต่ก็อารมณ์ร้อนไปมากในบางเรื่อง เขาเข้ามาทำความรู้จักพี่และขอเป็นคนรักของพี่ก่อน"

    อารัมมองเสี้ยวหน้าของลิเลียน่า

    นัยน์ตาของนางทอแววอ่อนโยนขึ้นมา นางดูมีความสุขดีกับบุรุษที่เธอไม่รู้จัก

    เธอฝืนระบายรอยยิ้มออกไป

    "ก็ดีแล้วเพคะ น้องกับท่านแม่จะได้ไม่เป็นห่วงมากนัก"

    "พี่คิดว่าหากกลับไป พี่ต้องรักเขาได้" คำพูดนั้นของลิเลียน่าทำให้ร่างกายเธอร้อนผ่าวอย่างไม่ทราบสาเหตุ ในหัวมีแต่ความคิดสงสัยว่าตกลงแล้วนางคิดเช่นไรกับเธอกันแน่ นางรักเธอ คิดไปเอง หรือกำลังสับสนอยู่

    "เพราะมันหมายความว่าพี่จะไม่กลับมาแล้วใช่หรือไม่" เธอถามเอาคำตอบตรงๆ

    "ใช่"

    "พี่จะทิ้งทุกอย่างที่นี่ไปหรือ น้อง ท่านแม่..." เธอยังพูดไม่ทันจบประโยค ลิเลียน่าก็หันเสี้ยวหน้าด้านข้างของตัวเองมามอง ความเย็นชาอย่างลุ่มลึกแฝงเร้นอยู่ในดวงตาสีฟ้าใส...สายตาของนางคือคำตอบของทุกอย่าง


    สามวันมาแล้วหลังจากวันนั้น อารัมกับลิเลียน่าห่างเหินกันมากกว่าเดิมเล็กน้อยเพราะท่านแม่ลอเรียลส่งทูเลนมาอยู่กับเราจริงๆ  และอาจส่งมาจับตาดูการกระทำของเราด้วย นางเลยไม่ค่อยเข้าใกล้เธอเท่าที่ควรนัก เวลานอนก็แยกกันนอนห้องใครห้องมัน แถมบางครั้งนางก็เลือกหายเงียบไปที่อื่นคนเดียวโดยไม่บอกใคร

    เธอทราบดีว่าหากนางจะเข้าใกล้เธอ มันต้องไม่มีใครอยู่ด้วย

    แต่มันไม่มีโอกาสนั้นเลย ถึงมีก็ไม่ถึงครึ่งชั่งโมงด้วยซ้ำ

    "ไปงานเลี้ยงวันเกิดมูราจกับพี่ไหม" ทูเลนถามเธอระหว่างที่เขากำลังนั่งมองเธอขัดอาวุธของตัวเองอยู่ริมลำธาร รอยยิ้มบนริมฝีปากของเขาบอกให้ทราบว่าเขาเชียร์เธอกับเพื่อนของเขาอยู่พอสมควร

    "หากพี่อยากให้ข้าไป ข้าไปได้" เธอตอบ หวนนึกถึงใบหน้ามูราจขึ้นมาแวบหนึ่ง

    ตั้งแต่ลิเลียน่าเข้ามาในชีวิตของเธอ เธอก็ไม่ได้สนใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ อีกเลย เพราะหากเธอสนใจมัน นอกจากเธอจะสนใจมูราจเธอก็ต้องสนใจลิเลียน่าด้วย

    ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยาก แต่ทุกอย่างมันซับซ้อนกว่านั้นมากนัก เรื่องของนางชวนให้ปวดใจเกินกว่าจะอยากนึกถึง

    "งั้นไปเตรียมตัวเถิด ใกล้ค่ำเต็มทนแล้ว"

    เขาเดินเข้ามาใกล้ เอื้อมมือมาผลักดันเธอให้ลุกขึ้นยืน

    "วันนี้หรือ" อารัมกระพริบตาอย่างมึนงง ทูเลนพยักหน้าเป็นการตอบ เขาเพิ่งชวนเมื่อครู่ แล้วก็มาบอกเธอว่ามันคือวันนี้อีก เธอคงคิดว่ามันเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน แต่ประโยคต่อมาทำให้เธอพยักหน้าเงียบๆ แล้วหันหลังเดินกลับไปในพระราชวังส่วนตัวในที่สุด

    คำพูดของเขา สิ่งที่เธอปฏิเสธไม่ได้

    "ข้าคิดว่าเขาบอกเจ้าไปตั้งแต่สองสัปดาห์ที่แล้วเสียอีก"

    ใช่ เธอลืมเอง...

    อารัมใช้เวลาอาบน้ำเพื่อกำจัดคราบเหงื่อไคลต่างๆ ออกไปจากร่างกาย เธอเข้าป่าไปล่าสัตว์มาสองสามตัวและได้สอนทูเลนให้ลองล่าแบบมนุษย์ดู ไม่ใช่ใช้เวทมนตร์เสียทุกอย่าง

    เมื่อเธอออกมาจากห้องน้ำ เธอพบลิเลียน่ากำลังนั่งรออยู่ นางแต่งตัวด้วยชุดสีแดงสวย ชุดกระโปรงยาวเปลือยแผ่นหลังขาวนวลเล็กน้อย

    "พี่จะไปงานวันเกิดมูราจด้วยหรือ" เธอถามระหว่างเดินไปเลือกชุดจากในตู้เสื้อผ้า เป็นชุดสีน้ำเงินเรียบๆ ไม่หวือหวาและหรูมากนักแล้วสวมใส่มันโดยมีนางนั่งหันหลังให้ตลอด ยังไม่มีเสียงตอบรับใดกลับมาจนกระทั่งเธอแต่งตัวเสร็จ

    "ใช่" นางกระซิบ เสียงดูอิดโรยแปลกประหลาด

    วันนี้ทั้งวันเธอก็เพิ่งเจอนางเหมือนกัน ไม่ทราบว่าหายไปไหนตั้งแต่เช้า

    "พี่หายไปไหนมา" เธอถามอย่างกังวลเมื่อถูกจับให้นั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกระจก นี่เหมือนเป็นโต๊ะที่เธอใช้แต่งหน้าโดยเครื่องสำอางเล็กๆ น้อยๆ แบบมนุษย์ แต่ลิเลียน่าก็หยิบสิ่งที่นางพกมาจากอีกโลกแล้วแต่งแต้มบนใบหน้าของเธอบางๆ

    "สนใจด้วยหรือ" นางย้อนถามกลับมา

    "สนสิ" เธอยืนยันตอนที่นางเลื่อนปลายนิ้วมาสัมผัสที่ริมฝีปาก

    บางสิ่งทาทับลงบนนั้น สีแดงเข้มข้นจนดูน่ากลัว ทำให้โทนอารมณ์บนใบหน้าของเธอเปลี่ยน ราวกับเธอกลายเป็นคนร้ายกาจและเย็นชา

    "ไม่ต้องรู้" แต่คนไม่มีผู้ใดเย็นชาได้เท่านางตอนนี้อีกแล้ว เธอกำมือแน่นแล้วเงยหน้าขึ้นมองนางที่วางมือลงบนไหล่เธอจากด้านหลังเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เธอลุกขึ้นยืนแล้วเป็นฝ่ายจับร่างกายของนางก่อนบ้าง มือที่กำมือนางอยู่กำแน่นจนเจ็บ แต่ไม่มีเสียงบ่นใดๆ ออกมาเลย

    "เพราะอันใด" อารัมพยายามหาสาเหตุของความเปลี่ยนแปลงของนาง

    นางไม่ได้ตอบคำถามในทันที ดวงตาว่างเปล่า

    นิ้วเรียวเชิดปลายคางเธอให้ขึ้นสูง

    "ต้องห้าม" คำคำเดียวที่นางพูดออกมา ก่อนริมฝีปากอวบอิ่มจะจรดลง ดูดกลืนเสียงจากลำคอของเธอทั้งหมด เธอควรดันนางออกก่อนลิปสติกที่ทาไปเลอะ หรือควรห้ามนางว่าอย่าเพิ่งทำสิ่งที่ไม่ควรทำตอนนี้

    แต่เธอห้ามอะไรได้ เธอก็ทำสิ่งเรียกว่า 'ไม่ควร' เหมือนกัน

    เธอยกวงแขนขึ้นโอบล้อมรอบคอของนางไว้


    "ทำไมพี่น้องคู่นี้ดูเย็นชากันจัง" ทูเลนพูดระหว่างที่เราสามคนกำลังเดินเข้าไปในงานด้วยกัน ที่นี่ฉลองกันยิ่งใหญ่จนเธอแทบไม่เชื่อสายตา แต่มูราจก็เป็นองค์รัชทายาทคนเดียวที่มี หากทำสิ่งใดคงต้องทำให้สมพระเกียรติกระมัง

    "ก็ปกติเพคะ" เธอเป็นฝ่ายตอบแล้วส่งยิ้มหวานให้เขา

    เมื่อเข้ามาถึงมูราจที่ยืนคุยอยู่กับญาติผู้ใหญ่ก็เดินมาหาเราทันที เขายิ้มให้เธอมาแต่ไกล และเขาคือเหตุผลที่ลิเลียน่าเดินผละไปทางอื่น

    มูราจทักทายทูเลนอยู่สองสามคำแล้วหันมาคุยกับเธอ

    "ดีใจที่เจ้ามาอารัม ข้ากำลังรอเจ้าอยู่ดีพอดี" เขายิ้มตามประสาคนอารมณ์ดี แต่ภายในนั้นก็มีความเอียงอายและไม่มั่นใจแฝงซ่อนอยู่อย่างแนบเนียน "เราแยกไปคุยกันอย่างส่วนตัวก่อนได้หรือไม่ ข้ามีเรื่องอยากพูด"

    อารัมมองตามสายตามูราจที่หันไปทางทูเลน

    พวกเขาทราบกันอยู่แล้ว

    "ก็...ได้" เธอมองหาลิเลียน่าระหว่างตอบ แค่อยากให้ใครสักคนไปเป็นเพื่อน แต่เธอหาไม่เจอ

    มูราจดึงเธอให้ออกมายืนอยู่บริเวณสวนขนาดเล็กหน้าพระราชวังเขา ข้างนอกนี่ค่อนข้างเงียบสงบทีเดียวเพราะอากาศเริ่มเย็นแล้ว

    ชายหนุ่มร่างสมส่วนสูดลมหายใจลึก

    "เจ้าคิดว่าเราสองคนลองมาคบหากันดีหรือไม่" เขาหลุดประโยคนั้นออกมาอย่างตื่นเต้น ส่วนเธอนิ่งเฉย หากเป็นเมื่อก่อนเธออาจดีใจจนหน้าแดงก่ำไปหมดแล้วแน่ๆ

    เธอไม่ได้ตอบอะไรกลับไป สมองประมวลผลคำตอบ

    "หากเจ้าไม่ตอบ ข้าถือว่าเจ้าตกลง อารัม" เขากระซิบแล้วโน้มใบหน้าลงมา รั้งรออยู่สักพักแต่เธอก็ไม่ผลักเขา เพราะตกใจอยู่กับคำพูดนั้นมาก่อน คิดเองเออเองแบบไม่ถามเธอเลย ทูเลนคงพูดให้เขาคิดเยอะแน่

    ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว ถึงมูราจจะแนบริมฝีปากที่สตรีทั้งหลายอยากจูบลงมาบนส่วนเดียวกันกับเธอ แต่รสจูบของเขาช่างจืดชืดสิ้นดี

    ไกลออกไป ลิเลียน่ามองน้องสาวของเธอจูบกับชายหนุ่มที่นางชอบอย่างเงียบสงบ

    แม้ในใจจะปวดร้าวจนอยากหนีไปให้ไกล แต่เพราะยืนอยู่ต่อหน้าท่านแม่ เธอเลยไม่สามารถแสดงอะไรผ่านสีหน้าไปได้เลย

    ท่านแม่ลอเรียล นางกำลังคุมเธออยู่

    "เกินไปไหม" เธอกล่าวถามนางด้วยน้ำเสียงที่สุมความไม่พอใจไว้ข้างใน "ท่านแม่ทราบดีว่าข้ารักน้อง เลยพยายามจับคู่น้องกับผู้อื่นอย่างนั้นหรือ"

    "คนที่นางชอบ" ท่านแม่ลอเรียลยืนอยู่ในมุมมืด นางสวมชุดนอนสีขาวสบายๆ ที่บางมาก แต่คงมีเวทมนตร์ทำให้ไม่สามารถมองทะลุเข้าไปถึงภายในอยู่กระมัง นางถึงกล้ามาทั้งชุดแบบนี้ ไม่แน่อาจแอบหนีท่านแม่อันนามา

    เธอไม่ได้เจ็บปวดที่นางชอบมูราจ มันเจ็บปวดที่เห็นว่าอารัมไม่ขัดขืน

    น้องสาวเธอถึงชอบใครไปก็ไม่ได้ปล่อยตัวปล่อยกายง่ายๆ

    นางหวงเนื้อหวงตัวมาก...มีเพียงเธอคนเดียวที่ชอบทำตัวถือดีโดยการจูบหรือสัมผัสร่างกายของนางก่อน ถึงนางไม่ได้ชอบ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืน

    เท่านั้นก็มากพอแล้วสำหรับเธอ

    "ที่จริงท่านแม่ควรวางใจตั้งนานแล้ว ตลอดสองสามวันมานี่ข้าไม่ได้เข้าใกล้นาง" เธอกระซิบตอบ สะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ภายในแล้วหันมามองท่านแม่ลอเรียลแทน

    "แต่นางก็อยู่ในสายตาของเจ้าตลอด" นางดักอย่างรู้ทัน

    "เช่นนั้นท่านยิ่งต้องวางใจ" แต่ทำไมไม่รู้... "เพราะไม่ว่าข้าจะมองนางจากมุมไหน นางก็ไม่รู้ตัวเลย"

    "..."

    น้ำตาเธอก็ยังไหลอยู่ดี...

    "คน 'นอกสายตา' มักใช้ชีวิตกันเยี่ยงนี้"

    "เจ้ารักน้องมากแค่ไหน" ท่านแม่ถามกลับมาด้วยน้ำเสียงโทนเป็นห่วงเล็กน้อย แต่เธอไม่สนใจ พิจารณาคำถามนั้นแล้วย้อนนึกกลับไปยังอดีตของตัวเอง

    วันเกิดอายุสิบเจ็ดปี วันแรกที่ได้เจอกับอารัม เธอกลับมายังโลกนี้เนื่องจากท่านไวโอเล็ตขอร้อง นางบอกว่าเธอมีน้องสาว และน้องก็อยากรู้จักเธอ เธอก็แค่ไปตามคำขอ เอาจริงคือเธอไม่ได้สนใจด้วยซ้ำเกี่ยวกับเรื่องน้องสาว

    แต่เมื่อลิเลียน่าไปถึงโอลิมปัส ได้เห็นอารัมที่เป็นเพียงแค่เด็กสาวตัวเล็กและดูซุกซน ใบหน้าสว่างไสวเปล่งประกายด้วยรอยยิ้ม ชั่วพริบตานั้น ความมืดที่เกาะกินจิตใจของเธอพลันสลายหายไป หัวใจที่ไม่เคยเต้นให้กับผู้ใดกระสับกระส่ายเป็นครั้งแรก แม้จะทราบว่าอารัมคือน้องสาว แต่เธอห้ามใจตัวเองไม่ได้

    เธอตระหนักในวินาทีนั้นเองว่าเธอเกิดมาเพื่อใคร

    นางคือคนที่ทำให้เธออยากมีชีวิตอยู่ต่อไป คือคนที่แค่นึกถึงเธอก็มีกำลังใจเพื่อต่อสู้ในวันพรุ่งนี้ คือคนที่เธออยากดูแล และเธอจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป ตราบเท่าที่นางยังอยู่

    สำหรับเธอแล้ว อารัมมีค่ามากกว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้

    "มากจนท่านคาดไม่ถึง" เธอตอบแล้วปาดน้ำตาออกไปลวกๆ ร้องไห้เป็นเด็กขี้แยไม่เหมาะกับเธอเลย "มากเท่าที่ท่านแม่ทั้งสองรักกัน"

    "..."

    "ข้าทราบเรื่องที่ท่านพยายามปกปิดข้ากับอารัมมาตลอดแล้ว" เธอเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นท่านแม่ไม่ตอบ ใบหน้าสวยดุดันขึ้นเมื่อเธอพูดถึง 'ความลับ' ของนาง ที่เธอได้ยินมาจากเฮล เพราะเธอไปขลุกอยู่กับเฮลบ่อยในช่วงที่ผ่านมา

    "..." ท่านแม่เป็นคนฉลาดและร้ายลึก นางแค่รอฟังคำพูดของเธอเงียบๆ โดยไม่โต้ตอบ ไม่มีการโวยวายว่าเธอรู้มาจากใคร ไม่มีอะไรสักอย่างนอกจากสีหน้า

    "ข้าทราบดีว่าทำไมท่านถึงต้องปิดบังเรา และมันก็ถึงเวลาที่ข้าจะปฏิเสธสิ่งที่ท่านทำได้แล้ว ท่านแม่" ลิเลียน่ากำมือแน่นขณะมองไปยังอารัมแล้วเบนมามองท่านแม่อีกรอบ "ข้าจะไม่ยอมทนเป็นคนดีที่เชื่อฟังคำพูดของท่าน ข้าทนเห็นน้องไปกับมัน หรือใครที่ไม่ใช่ข้าไม่ได้อีกต่อไปแล้ว"

    'มัน' หมายถึงมูราจ

    "เจ้าจะสู้กับข้าหรือลิเลียน่า" ท่านแม่ลอเรียลกระซิบเสียงเย็นชา

    "ใช่" เธอตอบรับเสียงมั่นคง "วิธีเดียวที่ท่านแม่สามารถหยุดข้าได้คือการฆ่าข้าซะ"

    "ข้าไม่ได้ช่วยเจ้าจากความตายเพื่อฆ่าเจ้าอีกรอบ แต่หากเจ้าต้องการแบบนั้นย่อมได้เช่นกัน" ท่านแม่เดินออกมาจากมุมมืดด้วยรูปลักษณ์ที่แปรเปลี่ยนไป

    ร่างเทพของนางยังดูสวยสง่าจนแทบไม่มีใครเทียบติด

    ลิเลียน่าสูดลมหายใจลึก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอลองกลับร่างที่แท้จริง เธอมีสามร่าง

    ร่างเทพที่ได้มาจากท่านแม่ลอเรียล มีพลังอำนาจสูงมาก

    ร่างมนุษย์จิ้งจอก กับร่างจิ้งจอก

    พลังเก่าของเธอก่อนตาย

    เธอทราบเรื่องราวที่แท้จริงในอดีตของตนเองแล้ว และเธอจะสะสางเรื่องราวในอดีตไปพร้อมๆ กับแหวกอนาคตให้ตัวเอง

    ร่างที่เธอเลือกคือร่างมนุษย์จิ้งจอก

    ตอนที่อยู่กับเฮล เธอขอให้นางฝึกสอนเธอต่อสู้ด้วยร่างนี้ ถึงเธอจะลองพลังของร่างเทพไปแล้ว แต่เธอก็ยังอยากอยู่ในร่างที่แท้จริงของตัวเองมากกว่า และใช่ว่าการเกิดเป็นลูกของท่านแม่ลอเรียลจะไม่เพิ่มระดับพลังร่างจิ้งจอกของเธอเลย แน่นอนว่าเพิ่ม

    แต่มันสามารถเพิ่มจนสู้กับนางในร่างเทพได้ไหมนั้น ยังต้องหาคำตอบ

    หางทั้งเก้าของเธอปลิวสะบัดไปตามแรงลมเบาๆ

    เกิดผลตอบรับทันทีที่เทพพลังสูงสองคนปรากฎร่างที่แท้จริงออกมาพร้อมกัน

    อารัมหันมามองทางนี้ทันที นางย่นคิ้วเล็กน้อย ก่อนเบิกตาโพลงขึ้นเมื่อเห็นว่าสถานการณ์รอบตัวเธอกับท่านแม่มาคุมากขนาดไหน นางผลักมูราจที่จับแขนนางอยู่ออก แล้วหันปลายเท้าเตรียมวิ่งเข้ามาห้าม

    ท่านแม่ลอเรียลยกมือขึ้นแล้วปล่อยให้เชือกเวทมนตร์รัดร่างกายของอารัมไว้จนนางทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น

    มูราจทำท่าจะวิ่งเข้ามาประคอง เธอเลยถลึงตามองชายหนุ่มแล้วทำแบบเดียวกันกับท่านแม่ลอเรียล คือการใช้เชือกเวทมนตร์รัดร่างของมันตั้งแต่หัวจรดเท้า

    เหลือทูเลนอีกคนที่ยังไม่ออกมาจากพระราชวัง อาจเกี้ยวสาวอยู่ก็เป็นได้

    "หยุดเลย" เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นระหว่างที่ลิเลียน่ากับท่านแม่ลอเรียลกำลังฆ่ากันตายทางสายตา หญิงสาวสูงศักดิ์คนหนึ่งเดินออกมาจากช่องว่างของอากาศแล้วแทรกกลางระหว่างเราด้วยสีหน้าเหมือนกำลังรำคาญเต็มทน

    "องค์ราชินี"

    "พระองค์..."

    เสียงเรียกคือเสียงของท่านแม่ลอเรียล เสียงสองคือเสียงของเธอ สตรีที่เราสองคนเรียกอยู่คือ 'องค์ราชินีอิลูเมีย' นางคือต้นกำเนิดของพวกเรา

    ในโลกมนุษย์ที่เธอไปอยู่ องค์ราชินีควรมีศักดิ์เป็นยายของเธอ แต่นางยังสวยมากอยู่เลย คงไม่เหมาะเท่าไหร่นักหากเอาธรรมเนียมมนุษย์จากโลกอื่นมาใช้กับเทพ

    "หยุดทำเรื่องไร้สาระอย่างการสู้กันทีเถิด" นางสูดลมหายใจลึก นัยน์ตาสีฟ้าใสของนางมองเราด้วยความขุ่นเคือง อันที่จริงเราสามคนก็มีดวงตาสีเดียวกันหมด "เจ้าทั้งสองต่างก็เป็นแม่ลูกกัน และเรื่องเช่นนี้ก็ไม่ได้ผิดที่ใครไปมากกว่าใคร"

    "..." ลิเลียน่ากับท่านแม่มองหน้ากัน

    "แต่หากให้ข้าต้องกล่าว ก็คงผิดที่ความหัวดื้อของเจ้าคนแรก ลอเรียล แล้วก็มาที่ความหัวดื้อของลิเลียน่า" องค์ราชินีกำลังบ่นเราสองคน และเธอก็ฉวยโอกาสนั้นในการใช้ความเร็วของจิ้งจอกเก้าหางพุ่งไปหาอารัม ความเร็วแบบที่ใช้ตาในร่างเทพมองก็ยังมองยาก

    "ลิเลียน่า!" ท่านแม่ลอเรียลตะคอกอย่างฉุนเฉียวเมื่อเธอแตะมือลงบนแขนของอารัม สายตาของน้องสั่นระริกเหมือนกำลังหวาดกลัว

    "ยังพูดไม่ทันขาดคำ..." เสียงองค์ราชินีดังตามมา

    "ปล่อยน้องเดี๋ยวนี้" ท่านแม่ลอเรียลเป็นคนก้าวมาข้างหน้าแล้วยืนคำขาดด้วยสีหน้าจริงจัง แต่เธอยิ่งกระชับร่างของอารัมยิ่งขึ้นจนกลายเป็นกอดเมื่อน้องทำสีหน้าเจ็บปวด "หากไม่อยากให้น้องเจ็บก็ปล่อย"

    "ลอเรียล!" เสียงท่านแม่อันนาดังขึ้นพร้อมกับองค์ราชินี

    สภาพท่านแม่อันนายังหอบอยู่เลย คงรีบมาก

    ท่านแม่ลอเรียลไม่ได้ฟัง นางยังยกมือขึ้นแล้วค่อยๆ บีบมือตัวเองเข้า เพื่อทำให้เชือกที่ตัวอารัมรัดจนแทบหายใจไม่ออก

    "ทำเลยสิ" ลิเลียน่าเห็นแก่ตัวและไม่เคยกลัวเกรง "อยากเสียลูกสาวพร้อมกันสองคนก็ทำเลย"

    เธอเลิกคิ้วอย่างท้าทาย

    ท่านแม่ลอเรียลหรี่ตาลงและยังไม่ได้ลดมือลง แต่ท่านแม่อันนาก็ขยับไปใกล้แล้วรวบตัวคนรักของตนเองไปไว้ในอ้อมกอด จัดการล็อคแขนทั้งสองข้างให้ไม่สามารถใช้การได้จนกว่าจะปล่อย เป็นวิธีจัดการที่ดูราวกับรับมือมาแล้วหลายครั้ง

    ลิเลียน่าพึงพอใจ เธอกระซิบคำพูดออกไป

    "ผืนดินเอ๋ย จงเปิดทางเข้าสู่นิลฟ์ไฮม์"

    ก่อนดึงอารัมให้ลงไปสู่ความมืดมิดด้วยกัน

    เฮลดูแปลกใจที่เห็นเราสองคนมาโผล่หน้าบัลลังก์ของนาง แต่เธอไม่มีเวลาอธิบายอันใดกับนางมากนัก สายตาของอารัมเกรี้ยวกราดเล็กน้อยเมื่อเห็นศัตรู

    "ขอยืมห้องเดิม" เธอกล่าวแล้วอุ้มน้องสาวผ่านไปยังส่วนห้องนอน

    หากจะหนีจากท่านแม่ลอเรียล แค่นรกมันไม่พอ

    เมื่อสามารถเข้ามาในห้องนอนได้ เธอวาดสัญลักษณ์โบราณสำหรับเปิดทางผ่านไปยังอีกโลกหนึ่งลงบนผนังอย่างเชื่องช้า

    หลังจากผ่านเข้ามาในห้องนอนส่วนตัวของตนเองในอีกโลกได้ ลิเลียน่าโยนอารัมไว้บนเตียงแล้วจัดการปิดทางเข้าเพื่อไม่ให้ใครสามารถตามมาได้ในระยะหนึ่ง ถึงท่านแม่จะไปจี้คอถามท่านไวโอเล็ต ยังไงก็ไม่ใช่ตอนกลางคืนแน่

    "ลิเลียน่า พี่หนีมาแบบนี้ พี่คิดบ้างไหมว่าท่านแม่จะรู้สึกอย่างไร" อารัมสับสน มีแต่การกล่าวโทษในสายตาหล่อน

    หลังจากทางผ่านหายไป เธอหันไปมองนาง

    "แล้วน้องล่ะ"

    "..."

    "เคยแคร์บ้างไหมว่าพี่รู้สึกยังไง"

    "..."

    "ไม่เคยใช่ไหม? งั้นก็อยู่เงียบๆ ไป" เธอเดินไปยังประตูห้องแล้วเตรียมเปิดออกไปเพื่อไปหาอะไรกินในครัว แต่เสียงของอารัมก็หยุดเธอไว้

    "เคยสิ...แต่ท่านไม่รู้เอง"

    "เหรอ" เธอพิจารณาแล้วตอบกลับ ตอนแรกกะจะปล่อยอารัมให้โดนมัดไปเช่นนั้นก่อน เมื่ออยู่นอกเหนืออำนาจเขตพลังของท่านแม่ลอเรียล เชือกเส้นนั้นก็กลายเป็นแค่เชือกธรรมดา แต่เมื่อนางยอมพูดในสิ่งที่มีแนวโน้มว่าเป็นสิ่งที่เธออยากฟัง เธอก็เลยเดินกลับไปแล้วปล่อยนางให้เป็นอิสระ

    "อืม..." นางครางตอบรับขณะขยับกายนั่งอย่างสำรวม

    "ไม่พูดต่อแล้ว?" เธอเลิกคิ้ว

    "ข้าแค่อยากให้ท่านพี่ทราบว่าข้าก็คิด แต่ข้าไม่อยากบอก" นางกำลังอาย

    พูดกันตามตรง เมื่อมาอยู่โลกนี้เธอไม่ค่อยชินกับภาษาโบราณนัก

    "ไม่ต้องอาย มีอะไรก็พูดมา พี่อยากฟัง" กลับกันลิเลียน่าก็เริ่มใช้ภาษาที่ทันสมัยมากขึ้น เธอประคองแก้มนิ่มไว้ในมือ น้องสาวของเธอดูน่าถนุถนอมมากจริงๆ

    ตำแหน่งของอารัมที่ท่านแม่มอบให้นี่มันคืออะไรนะ? เจ้าแห่งป่า? แห่งสรรพสัตว์อะไรพวกนั้นเหรอ

    อารัมไม่เหมือนท่านแม่อันนา มองเพียงแวบเดียวก็ทราบแล้ว ถึงจะมีคล้ายบ้างเพราะเป็นแม่ลูกกัน แต่เชื้อคงไม่แรงเท่าที่เธอเหมือนกับท่านแม่ลอเรียล

    นางดูเป็นนกน้อยในกรงทองมากกว่าจะต้องรับตำแหน่งเป็นเจ้าชีวิตใครต่อใคร

    "ก็...ข้ากลับไปย้อนนึกถึงความรู้สึกของตัวเองมา" นางตะกุกตะกัก ก้มหน้าลงเล็กน้อย ส่วนเธอยังมองนางอยู่เพื่อให้นางทราบว่าเธอกำลังตั้งใจฟัง "ไม่ใช่ว่าข้า...ไม่ใช่ว่า..."

    นางคงกลัวที่จะพูดมันออกมา อารัมกัดริมฝีปากจนเลือดซิบ

    ลิเลียน่าคิดว่าตัวเองควรทำอะไรสักอย่างถึงเอื้อมมือไปเชยปลายคางของนางขึ้นให้สบตาเธอ ประทับจูบสั้นๆ ลงไปหนึ่งครั้งเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ก่อนดึงนางมาพิงตัวเธอแล้วสอดมือกอดเอวบางไว้

    "รู้สึกเหมือนพี่ไหม" เธอถาม เป็นคำถามที่เดิมพันทุกสิ่ง

    หากอารัมตอบว่า 'ใช่' เธอจะไม่ยอมแพ้ แต่หากน้องบอกว่า 'ไม่' เธอจะปล่อยให้น้องกลับไปใช้ชีวิตของตัวเองโดยไม่มีเธอ และเธอจะถือว่าสิ่งที่ท่านแม่ลอเรียลตั้งใจทำมานานประสบความสำเร็จ

    "น้องคิดว่าแบบนั้น" อารัมตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงกว่าเดิม ราวกับนางรู้สึกสงบในอ้อมกอดของเธอ

    ลิเลียน่าดีใจที่มันเป็นแบบนั้น เธอจูบลงบนแก้มของน้องอย่างแผ่วเบา

    "พี่อยากให้น้องทราบเกี่ยวกับสิ่งที่ท่านแม่ลอเรียลพยายามปิดบังจากเรา เพราะมันไม่มีเหตุผลที่พี่จะปิดบังมันจากน้องอีก" เธอกุมมือนางและลูบไล้ไปพลาง "เฮลเล่าให้พี่ฟังถึงสาเหตุที่โลกใบนั้นต้องยกเลิกพันธสัญญาโบราณเกี่ยวกับคู่รัก เพราะว่าท่านแม่ลอเรียลขอให้ท่านนิกซ์กับท่านเฮเมร่าทำ"

    "ท่านนิกซ์กับท่านเฮเมร่า?" อารัมย่นคิ้ว

    "บรรพบุรุษของเรา เรื่องมันยาว พี่เองก็จำได้ไม่หมดหรอก แต่เจ้าทราบเพียงแค่นางทั้งสองคนเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มการสร้างพันธสัญญานี้ขึ้นมาเท่านั้น และพวกนางก็ไม่อยู่แล้ว"

    "แล้วเหตุใดจึงยกเลิกเสียอย่างนั้นเล่า"

    "เพราะเรา"

    "เราเหรอ..." อารัมชะงักอย่างเห็นได้ชัด นางแปลกใจกับเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ตอนแรกเธอก็แปลกใจเหมือนกัน จนกระทั่งปะติดปะต่อเรื่องได้

    "เพราะเราเกิดมาคู่กันไง" เธอสูดลมหายใจลึก เรื่องนี้มันเหลือเชื่อจนเธอก็ตกใจเหมือนกัน "พี่เคยเป็นจิ้งจอกเก้าหางที่มีนามว่า คิวบิโนะโยโกะ มาก่อนที่จะกลายมาเป็นลิเลียน่าเช่นตอนนี้ แต่พี่ในตอนนั้นที่เจ็บปวดใกล้ตายหลีกหนีสงครามโดยได้รับความช่วยเหลือจากท่านแม่อันนาที่เป็นสหาย"

    "..." อารัมบีบมือเธอแน่นกว่าเดิม

    "ท่านแม่ลอเรียลไม่ได้อยากท้องพี่เลย" เธอกระซิบย้ำกับนาง เพื่อบอกให้นางรู้ว่าทำไมเธอกับท่านแม่ถึงเข้ากันไม่ค่อยได้นัก "แต่ท่านแม่ก็ยอมช่วยแลกกับการที่ท่านแม่อันนายอมท้องน้องเหมือนกัน"

    "..."

    "แต่ในตอนนั้นท่านแม่ทั้งสองมีพันธสัญญาเลือดอยู่ พันธสัญญาที่ผูกชีวิตคนทั้งสองเอาไว้ด้วยกัน และพี่เองก็ไม่แน่ใจว่ามันเกิดผิดพลาดอะไรขึ้น ไม่มีใครสักคนทราบ ว่าทำไมเมื่อเราทั้งคู่คลอดออกมา เราถึงมีพันธสัญญาด้ายแดงเกี่ยวกันอยู่"

    ใช่ มันคือเหตุผลเดียวกับที่องค์ราชินีอิลูเมียบอกว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะท่านแม่ลอเรียลหัวดื้อก่อน เพราะองค์ราชินีเตือนท่านแม่แล้วว่า 'อย่าท้องพร้อมกัน เพราะไม่ทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้น' แต่ท่านแม่ไม่สนใจ

    "ท่านแม่ไม่ยอมรับเรื่องนี้ใช่ไหม" อารัมกระซิบถามเสียงแผ่ว "เพราะแบบนั้นพันธสัญญาทั้งหมดที่เกี่ยวกับคู่รักถึงสลายหายไป"

    "เดาถูกแล้ว เพราะพันธสัญญาของเราไม่สามารถยกเลิกได้ มันเกิดขึ้นแบบแปลกๆ เลยมีการใช้วิธียกเลิกแบบแปลกๆ เมื่อพันธสัญญาทั้งหมดถูกทำลาย ท่านแม่ส่งพี่ไปให้ท่านไวโอเล็ตเลี้ยงเพื่อไม่ให้เราอยู่ใกล้กัน" ลิเลียน่าเล่า "เพื่อไม่ให้เราสามารถมีโอกาสตกหลุมรักกันได้"

    "แล้วทำไมเราถึงยัง...ทำไมความรู้สึกของเราถึงเป็นแบบนี้" อารัมผละออกจากตัวเธอแล้วหันกลับมา นางเผลอใช้มือขย้ำคอเสื้อเธอโดยไม่รู้ตัวด้วยความสับสน

    "พันธสัญญาด้ายแดงแค่ช่วยบ่งบอกว่าคนรักของเราคือผู้ใด อารัม"

    "..."

    "มันไม่ได้ 'กำหนด' ความรู้สึกของเรา"

    "..."

    "ถึงเราจะอยู่ในพันธสัญญา แต่จิตใจคนเราหากหมดรักก็คือหมดรัก ไม่มีสิ่งใดที่สามารถช่วยเยียวยาความสัมพันธ์นั้นได้" เธออธิบาย หากให้เปรียบเทียบกับโลกนี้เธอคงเปรียบพันธสัญญาด้ายแดงว่าเป็นการแต่งงานของมนุษย์ "แต่รู้ไหม ไม่ว่าระหว่างเราจะเกิดขึ้นเพราะสิ่งใด มันก็ไม่ได้เปลี่ยนความหมาย"

    "น้องทราบว่าพี่หมายความว่าเช่นไร ไม่จำเป็นต้องพูดหรอก" อารัมมีสีหน้าที่ดูดีขึ้นเมื่อเข้าใจเรื่องทั้งหมด แต่ภายในก็คง...ช็อคไปอีกสักพัก

    "พี่ไม่ยอมแพ้เรื่องของเรา ไม่ใช่ตอนนี้ น้องทราบใช่ไหม" เธอกระซิบ

    "แต่ข้า..." จู่ๆ นางก็มีสีหน้าแย่ลง "ไม่อยากเห็นท่านพี่กับท่านแม่ทะเลาะกัน ดั่งคำพูดขององค์ราชินีอิลูเมียที่ว่าพวกท่านเหมือนกันมาก ต้องมีใครสักคนเป็นฝ่ายยอม"

    "พี่ไม่มีวันยอม" ลิเลียน่าขยับใบหน้าเข้าไปใกล้อารัม อยากจูบริมฝีปากสีชมพูอ่อนให้มากเท่าที่ใจปรารถนา "หากน้องยืนยันว่ารักพี่ พี่จะไม่ยอมแพ้ สำหรับพี่...ไม่มีสิ่งใดที่พรากเราออกจากกันได้นอกจากความตาย"

    "ท่านรู้ใช่หรือไม่ ถึงเราจะเกิดมาคู่กันจริง...เช่นไรการทำแบบนี้ก็ยังถือเป็นสิ่งผิด" อารัมปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอย่างเจ็บปวด แต่นางไม่ได้ขัดขวางการกระทำของเธอ นางพร้อมที่จะแบกรับความผิดบาปนี้ไปพร้อมกับเธอ...

    "รู้สิ พี่รู้ทุกอย่าง"

    เราจูบกันอย่างแตกสลาย...ถูกทำลายย่อยยับด้วยความจริง แต่เราก็ยังรักกัน

    แต่อุปสรรคมันไม่จบอยู่แค่ตรงนี้ ตราบใดที่ท่านแม่ไม่ยอมรับ...

    ลิเลียน่าผละริมฝีปากออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนเหลือบไปมองเมื่อสัมผัสได้ว่ามีคนยืนอยู่เบื้องหลัง

    "อย่าโวยวายอันใดเด็ดขาด" เธอกระซิบบอกอารัม ตอนที่จูบเมื่อครู่เธอจงใจบีบข้อมือของน้องจนเป็นรอยเพื่อให้ท่านแม่คิดว่าเธอเป็นฝ่ายบังคับขืนใจน้องเอง ท่านแม่จะได้ไม่หันไปเพ่งเล็งจนน้องไม่มีเวลาส่วนตัวในชีวิต

    ผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหลังมีอยู่สามคน

    ท่านแม่ลอเรียลในร่างปีศาจ ข้างกันคือท่านน้าลินดิส เธอเดาว่านางคือคนที่แกะสัญลักษณ์โบราณบนผนังที่ยังไม่เลือนหายไป หากท่านแม่ลอเรียลฉลาด ท่านน้าก็คืออัจฉริยะ

    ส่วนที่ยืนอยู่หลังทั้งสองคือทานาโทส

    "ลินดิส จับไว้" ท่านแม่ลอเรียลออกคำสั่ง ลิเลียน่าไม่ได้ขัดขืนแม้แต่นิดเดียวตอนที่เชือกสองเส้นถูกยิงมาตวัดพันร่างกายท่อนบนและล่างจนจุก ส่วนที่เจ็บที่สุดคือมีดที่ถูกยิงมาซ้ำจนปักเข้าที่กลางหลังเพื่อยืนยันว่าเธอจะสิ้นฤทธิ์จริงๆ

    อารัมเบิกตากว้าง แต่เธอกดนางให้สงบผ่านทางสายตา

    "ทานาโทส ไปลากมา" หากให้พูดแล้วลิเลียน่าก็ยังเป็นสตรีคนหนึ่ง เธอถูกหิ้วปึกไปง่ายมากด้วยแรงของผู้ชายร่างสูงใหญ่อย่างผู้คุมวิญญาณ

    ท่านน้าลินดิสเดินไปประคองอารัมให้ลุกขึ้นจากเตียง

    ก่อนที่ท่านแม่จะออกคำสั่งสุดท้าย

    "เอาไปขังไว้"









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×