ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ระบบวีรชนข้ามโลกนินจา

    ลำดับตอนที่ #76 : ภาค 12 นินจาองครักษ์ ตอนที่ 32

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.04K
      551
      22 มี.ค. 63

    บนน่านฟ้าของหมู่บ้านนินจาคุโมะได้มีเงาร่างหนึ่งกำลังใช้สายตาจ้องมองสำรวจหมู่บ้านเบื้องล่างของตน

        

        เรนยะในร่างตาแก่โอโนกินั่นเอง

        

        ชัยภูมิของหมู่บ้านคุโมะนั้นอยู่สูงจากพื้นดินจนเห็นก้อนเมฆสีขาวและด้วยความกดอากาศที่ตำ่แบบนี้จึงทำให้นินจาของหมู่บ้านคุโมะนั้นมีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่านินจาหมู่บ้านอื่นๆ

        

        “คนเยอะใช้ได้แบบนี้ค่อยคุ้มค่าเหนื่อยที่ไปจ๊ะเอ๋กับเจ้าบ้าโทบิหน่อยเรนยะพยักหน้าอย่างพึงพอใจเพราะในสายตาของเรนยะนั้นผู้คนด้านล่างกำลังจะกลายเป็นตั๋วกาชาให้กับเขาในไม่ช้า

        

        แต่ยังไงซะเรนยะก็ต้องยั้งมือเอาไว้บ้างเพราะถ้าขืนฆ่าล้างหมู่บ้านไปโลกนินจามันจะเสียสมดุลเอาได้

        

        อีกทั้งที่เรนยะมาที่นี่ในร่างของตาแก่โอโนกินั้นจุดประสงค์ก็เพื่อทำให้หมู่บ้านคุโมะกับหมู่บ้านอิวะตีกันเองโดยใช้ร่างของตาแก่โอโนกิโจมตีหมู่บ้านคุโมะ

        

        ด้วยนิสัยอารมณ์ร้อนของไรคาเงะเรนยะมั่นใจ 100% เลยว่าไรคาเงะต้องไปเอาคืนตาแก่โอโนกิแน่ๆ

        

        และในระหว่างที่ทั้งสองหมู่บ้านหันมากัดกันเองนั้นเรนยะก็จะใช้โอกาสนี้เข้าไปขโมยม้วนคำภีร์ที่ใช้บันทึกคาถาลับของทั้งสองหมู่บ้านซะเลย

        

        . . . เพราะไหนๆก็มาถึงที่แล้วก็ขอรับไปด้วยเลยก็แล้วกัน

        

        “เจอแล้ว หึ หึ หึในตอนนี้สายตาของเรนยะนั้นกำลังจับจ้องที่หอคอยสูงแห่งหนึ่งซึ่งห้องชั้นบนสุดของหอคอยแห่งนี้มีร่างของไรคาเงะกำลังก้มหน้าก้มตาจัดเอกสารอยู่เลย

        

        “คาถาธุลี แยกพิภพบรรพกาล !!!” เปิดก่อนได้เปรียบดังนั้นเรนยะจึงทำการจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบให้โดยการยัดคาถาธุลียิงไปที่หอคอยของไรคาเงะทันที

        

        ในสายตาของคนในหมู่บ้านคุโมะพวกเขาได้เห็นบล็อกสี่เหลี่ยมใสๆขนาดใหญ่ครอบคลุมหอคอยชั้นล่างสุดก่อนที่บล็อกสี่เหลี่ยมนั้นจะเปล่งแสงสีขาวแสบตา

        

        วิ้ง !!!

        

        และหลังจากปรากฎการณ์นี้เกิดขึ้นฉากต่อมาภายในหมู่บ้านก็ได้เข้าสู่ความวุ่นวายในทันที

        

        เพราะฐานของหอคอยที่ถูกครอบคลุมด้วยบล็อกสี่เหลี่ยมใสๆเมื่อครู่ได้สลายหายไปไม่มีเหลือทำให้หอคอยค่อยๆถล่มลงมาเนื่องจากฐานของหอคอยหายไป

        

        คาถาธุลีแยกพิภพบรรพกาลนั้นสามารถใช้ได้หลากรูปแบบไม่ว่าจะยิงออกมาตรงๆหรือกำหนดพื้นที่ก็ใช้ได้ตามชอบและยิ่งคาถานี้ตกมาอยู่ในมือของเรนยะที่มีพลังฟื้นฟูจักระที่เกือบเทียบเท่าสัตว์หาง

        

        . . . บอกเลยว่างานนี้บันเทิง

        

        “โห ~ ที่หอคอยชั้นล่างคงจะเป็นห้องของพวกนินจาหน่วยลับของหมู่บ้านสินะได้ตั๋วมาเพียบเลยเราเรนยะยิ้มอย่างอารมณ์ดีเพราะเท่านี้มันก็คุ้มค่าแล้วสำหรับเขา

        

        ที่เหลือเรนยะก็แค่ใช้ร่างของตาแก่โอโนกิกวนบาทาไรคาเงะเยอะๆเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

        

        ต้องบอกว่าเป็นโชคดีของหมู่บ้านคุโมะแล้วจริงๆที่การยิงคาถาธุลีเพียงครั้งเดียวของเรนยะนั้นได้แจกตั๋วแก่เรนยะจนพอใจไม่งั้นถึงจะไม่อยากทำแต่เรนยะก็คงจะต้องยิงใส่ที่ใจกลางหมู่บ้านที่ผู้คนชุกชุมละนะ

        

        “ใครมันบังอาจลอบกัดไรคาเงะคนนี้ไสหัวออกมาซะ !!!” ไรคาเงะได้กระโดดออกมาจากซากปรักหักพังของหอหอยก่อนที่จะตะโกนถามอย่างมีน้ำโห

        

        “ท่านไรคาเงะด้านบนครับ !!!” นินจาตรวจจับคุโมะได้ร้องบอกทำให้ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองบนฟ้าอย่างมิได้นัดหมาย

        

        เรนยะในร่างของตาแก่โอโนกิค่อยๆบินลดความสูงลงมาแสดงตัวให้ชาวคุโมะได้เห็นเต็มๆตา

        

        “นี่มันหมายความว่ายังไงซึจิคาเงะ !!!” ไรคาเงะถามซึจิคาเงะด้วยสีหน้ามืดครึ้มที่ใครๆก็ดูออกว่าอยากจะฆ่าคนเต็มแก่

        

        “เจ้าเด็กน้อยไรคาเงะที่ข้ามาวันนี้ก็เพื่อมาเตือนเจ้าว่าอย่าได้คิดสอดมือมายุ่งกับโคโนฮะเด็ดขาดเสียงของโอโนกิเอ่ยยื่นคำขาด

        

        “คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้าเสนอหน้ามาอวดดีในหมู่บ้านคุโมะของฉันเจ้าแก่โอโนกิ !” คำพูดของไรคาเงะสื่อว่าเขาและหมู่บ้านคุโมะไม่มีทางรามือจากโคโนฮะแน่เพราะโอกาสแย่งชิงทรัพยากรจากโคโนฮะที่อยู่ในช่วงอ่อนแอแบบนี้ใช่ว่าจะมีบ่อยๆ

        

        “หากไม่เชื่อฟังเราละก็หลังจากเสร็จศึกกับโคโนฮะแล้วหมู่บ้านคุโมะงาคุเระจะเป็นรายต่อไปที่จะพินาศถัดจากโคโนฮะสุดท้ายคำพูดของเรนยะในร่างโอโนกิก็ได้ทำให้เส้นความอดทนของไรคาเงะขาดลงในที่สุด

        

        “วันนี้อย่าคิดว่าจะกลับไปได้ง่ายๆนะตาแก่คราวนี้แหละฉันจะได้คิดบัญชีหนี้แค้นที่ที่พวกแกอิวะฆ่าพ่อของฉันซึจิคาเงะ !!!” ร่างของไรคาเงะได้ถูกปกคลุมด้วยวิชาอาภรณ์สายฟ้าทำให้พละกำลังความเร็วรวมถึงประสาทการตอบโต้ได้ถูกยกระดับขึ้นด้วยกระแสไฟฟ้าที่ไหลอยู่ในร่าง

        

        ไรคาเงะได้กระโดดขึ้นมาอยู่เหนือหัวของเรนยะด้วยความเร็วที่สายตาของคนธรรมดามองตามไม่ทันก่อนที่จะใช้ท่าเตะตอกส้นใส่

        

        “กิโยติน ดรอป !!!” 

        

        “หึ เร็วดีนี่แต่ในสายตาของเรนยะที่เห็นอนาคตได้ต่อให้เร็วแค่ไหนเขาก็สามารถรับมือได้

        

        เรนยะได้ลอยเอี่ยวตัวหลบในท่ามือไขว้หลังแบบสบายๆ

        

        ตูม !!!

        

        ท่าเตะตอกส้นของไรคาเงะได้เจาะพื้นด้านล่างจนสร้างความเสียหายให้แก่หมู่บ้านของตัวเองชนิดที่ว่าเละเทะจนเรนยะไม่จำเป็นจะต้องลงมือถล่มให้เหนื่อย

        

        “ตาข้าบ้างสิเรนยะได้กระกบฝ่ามือสร้างคาถาแยกพิภพบรรพกาลเป็นก้อนลูกบาศก์ครอบคลุมตรงจุดที่ไรคาเงะยืนอยู่

        

        “อย่าได้ฝันตาแก่ !” ไรคาเงะได้ใช้ความเร็วของตัวเองหลบออกมาจากก้อนลูกบาศก์ธุลี

        

        วิ้ง !!!

        

        “หน๊อย !” ไรคาเงะที่หลบคาถาธุลีออกมานั้นได้กัดฟันอย่างเจ็บใจเพราะตรงจุดที่เขาหลบออกมานั้นมันเป็นร้านเหล้าโปรดของเขาเลยและตอนนี้มันก็ได้หายไปไม่เหลือแม้แต่ฝุ่นแล้วด้วย

        

        “คาถาพายุลำแสงวงแหวน !” เสียงใช้คาถาได้ดังขึ้นจากด้านหลังเรียกความสนใจจากเรนยะให้หันไปดูเล็กน้อย

        

        . . . นินจาเองก็ยิงบีมได้สินะ

        

        ลำแสงเลเซอร์สีขาวจำนวนมากได้พุ่งโจมตีใส่เรนยะที่กำลังลอยอยู่บนฟ้าจากทางด้านหลัง

        

        “คาถาน่าสนใจดีนี่เจ้าหนูเรนยะที่เห็นว่ามีคนใช้วิชานินจาแปลกๆลอบโจมตีตนก็ทำการบินเพิ่มระดับความสูงเพื่อหลบหลีกลำแสงเลเซอร์

        

        “บอส !!!” คนที่ใช้คาถาพายุไม่ใช่ใครที่ไหนดารุยชายที่เป็นมือขวาของไรคาเงะนั่นเอง



        

        (ดารุยมือขวาของไรคาเงะ)

        

        “มาแล้วเรอะดารุยแล้วเจ้าบีน้องชายของฉันมันหายหัวไปไหนในสถานการณ์แบบนี้กัน !” 

        

        “เอ่อ บอสเอาไปอ่านเองเถอะครับแต่แทนที่ดารุยจะตอบคำถามของไรคาเงะเขากลับนำกระดาษที่พับครึ่งออกมามอบให้แก่ไรคาเงะเสียอย่างนั้น

        

        ไรคาเงะได้คว้ากระดาษจากมือดารุยมากางออกดูก็พบว่ามันมีตัวหนังสือเขียนเอาไว้และนี่ก็เป็นลายมือของบีน้องชายของเขาไม่ผิดแน่โดยสิ่งที่เขียนเอาไว้ในกระดาษนั้นมีใจความว่า

        

        “โย่วๆ ถึงจะกระทันหันไปหน่อยนะ brother แต่ผมน่ะ เย้ ! ต้องออกไปหาแรงบันดาลใจร้องแร็พเพื่อมาจัดคอนเสิร์ตในหมู่บ้านพรุ่งนี้น่ะนะ ไอ้บ้านั่น ไอ้บ้านี่ ว่าแล้วก็ขอตัวไปคิดเนื้อร้องที่ป่านอกหมู่บ้านก่อนนะ brother “

        

                                                                     By . B

        

        “เจ้าน้องบ้านี่ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ดันหายหัวไปทำเรื่องไร้สาระซะได้ !!!” ทันทีที่อ่านจบไรคาเงะก็ได้ฉีกกระดาษทิ้งด้วยความโมโห

        

        ส่วนปฏิกิริยาของไรคาเงะนั้นดารุยคาดไว้อยู่แล้วว่าต้องโกรธ

        

        “แบบนี้นี่เอง 8 หางคิลเลอร์บีไม่อยู่ในหมู่บ้านสินะตอนนี้เรนยะที่ได้ยินเสียงโวยวายของไรคาเงะก็พอจะเดาเนื้อความในจดหมายได้ไม่ยาก

        

        . . . เอาเถอะตัวปัญหาอย่าง 8 หางไม่อยู่ก็ดีแล้วละนะ

        

        หลังการอ่านจดหมายจบลงเรนยะกับไรคาเงะก็เริ่มปะทะกันอีกครั้งโดยคราวนี้มีดารุยที่เป็นมือขวาผสมโรงด้วย

        

        การต่อสู้ดำเนินต่อไปอย่างยาวนานจนพวกนินจาในหมู่บ้านคุโมะก็เริ่มรวมตัวกันโจมตีเรนยะด้วยคาถานินจาเพื่อช่วยสนับสนุนไรคาเงะของพวกเขาอีกแรง

        

        ซึ่งในระหว่างที่รับมือกับไรคาเงะและนินจาในหมู่บ้านเรนยะก็จะหาโอกาสใช้คาถาดินกับคาถาธุลีฆ่านินจาคุโมะเพื่อรับตั๋วเป็นบางครั้ง

        

        อีกทั้งคาถานินจาไหนที่เรนยะถูกใจเขาก็จะใช้ตาแห่งดวงจิตคัดลอกนำไปฝึกทีหลังอีกด้วย

        

        “เท่านี้คงเพียงพอแล้วละนะเรนยะที่หนำใจแล้วก็ได้หันไปยิงคาถาธุลีใส่ให้ไรคาเงะหลบเล่นอีกครั้งก่อนที่จะยั่วยุไรคาเงะส่งท้ายว่า

        

        “เจ้าหนูไรคาเงะหวังว่าบทเรียนครั้งนี้เจ้าจะจำขึ้นใจนะอย่าได้สอดมือมายุ่งกับโคโนฮะเด็ดขาดจำเอาไว้ว่าเสร็จเรนยะก็ได้ใช้ความเร็วในการบินเต็มที่บินหายไปจากสายตาของไรคาเงะและเหล่านินจาคุโมะทุกคน

        

        “น่ารังเกียจ !!!”

        

        “แน่จริงอย่าหนีสิฟะ !!!”

        

        “ฆ่าพวกอิวะ !!!”

        

        “นี่คือสงคราม !!!”

        

        เสียงแห่งความแค้นได้ดังกึกก้องไปทั่วทั้งหมู่บ้านคุโมะและไรคาเงะเองก็ไม่อยู่เฉยกับคำร้องขอของคนในหมู่บ้านเพราะตัวเขาเองก็โกรธแค้นซึจิคาเงะโอโนกิไม่แพ้คนอื่นๆ

        

        “มาบุยระดมกองทัพพวกเราจะเอาคืนพวกอิวะกันเดี๋ยวนี้เลย !!!” นาทีนี้ไรคาเงะเดือดจนใครก็ห้ามไม่อยู่อีกแล้ว

        

        “ค่ะท่านไรคาเงะมาบุยเลขาของไรคาเงะได้ตอบรับไรคาเงะก่อนที่จะไปจัดการแจ้งระดมกองทัพนินจาคุโมะภายในหมู่บ้าน

        

        ถึงมาบุยจะสังเกตเห็นว่าตัวของซึจิคาเงะจะดูแปลกๆเพราะเธอสัมผัสได้ว่าซึจิคาเงะนั้นมีปริมาณจักระน้อยกว่าท่านไรคาเงะซึ่งในความคิดของเธอนั้นมันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ซึจิคาเงะรุ่นที่ 3 จะมีระดับจักระแค่โจนินขั้นสูงแบบนี้

        

        อีกทั้งการกระทำของซึจิคาเงะเองก็ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่มีอย่างที่ไหนกำลังจะทำสงครามกับโคโนฮะอยู่แล้วแท้ๆแต่กลับมาสร้างศัตรูกับทางคุโมะแบบนี้ซะได้

        

        แต่ว่าคาถาธุลีที่เป็นขีดจำกัดสายเลือดคัดสรรก็มีเพียงแค่ซึจิคาเงะรุ่นที่ 3 เท่านั้นที่สามารถใช้ได้ฉะนั้นซึจิคาเงะที่โจมตีหมู่บ้านเมื่อสักครู่ย่อมไม่ใช่ตัวปลอมแน่

        

        สุดท้ายมาบุยก็ได้ส่ายหัวขจัดความสงสัยก่อนที่เธอจะไปจัดการระดมทัพตามที่ท่านไรคาเงะสั่งเพราะถึงเธออยากจะเอ่ยให้ท่านไรคาเงะใจเย็นลงก่อนก็ตามแต่พอเธอเห็นความโกรธของคนในหมู่บ้านกับของท่านไรคาเงะแล้วเธอก็ทำได้เพียงแค่ตามน้ำไปเท่านั้น

        

        “ดารุยนายไปจัดระเบียบและรับมือกับความเสียหายในหมู่บ้านเดี๋ยวฉันจะออกไปลากคอเจ้าบีกลับมาก่อนไรคาเงะได้ออกคำสั่งก่อนที่เขาจะออกไปตามตัวน้องชายของเขากลับมาเพื่อเป็นกำลังรบอีกแรง

        

        “ครับบอสดารุยรับคำก่อนที่จะเริ่มจัดการภายในหมู่บ้านที่พังเสียหาย

        

        . . . ถึงความเสียหายภายในหมู่บ้านส่วนมากจะเกิดจากน้ำมือของไรคาเงะเองซะมากกว่าก็เถอะ

        

        “แผนการสำเร็จโดยที่ไม่มีใครรู้ตัวเรนยะได้ใช้การปกปิดตัวตนเดินตามหลังมาบุยไปติดๆ

        

        เนื่องจากการระดมกองทัพนั้นจะต้องมีตราประทับประจำตำแหน่งของบุคคลที่ได้ชื่อว่าคาเงะของแต่ละหมู่บ้านซึ่งจะได้รับมาจากไดเมียวของแต่ละแคว้นซึ่งตราประจำตำแหน่งที่ว่านี้นับว่ามีความสำคัญพอๆกับวิชานินจาลับของหมู่บ้านนินจาเลยทีเดียว

        

        ดังนั้นถ้าเรนยะแอบตามเลขาอย่างมาบุยไปละก็เขาจะได้ไม่ต้องเสียเวลาหาคำภีร์ที่ใช้บันทึกคาถานินจาของหมู่บ้านคุโมะให้เสียเวลาเลยเพราะของสำคัญอย่างตราประจำตำแหน่งนั้นมักจะเก็บรวมกับคำภีร์คาถานินจาของหมู่บ้านที่เป็นเป้าหมายของเขาอยู่แล้ว

        

        มาบุยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังมีมหาโจรกำลังแอบตามหลังเธอไปติดๆแถมเธอยังเป็นคนนำทางให้โจรคนนี้เองเสียด้วย

        

        เรนยะได้เดินตามมาบุยไปจนสุดท้ายก็ได้เจอกับห้องลับใต้ดินที่ใช้เก็บสิ่งของล้ำค่าของหมู่บ้านคุโมะ

        

        และสิ่งที่เรนยะหมายตาเอาไว้มันก็อยู่ที่นี่จริงๆเพราะเขาเจอคำภีร์ที่บันทึกคาถานินจาของหมู่บ้านคุโมะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

        

        ซึ่งหลังจากที่มาบุยหยิบตราของท่านไรคาเงะจากไปแล้วเรนยะก็ได้ปรากฎตัวและเอื้อมมือหยิบคำภีร์คาถานินจาของหมู่บ้านคุโมะไปเก็บเอาไว้ในมิติคลังสมบัติอย่างสบายใจเฉิบ

        

        “อืม ~ เอานี่ด้วยก็แล้วกันเรนยะได้หยิบพวกของมีค่ารวมถึงเงินทุนของหมู่บ้านคุโมะที่อยู่ในห้องลับนี้ออกมาเก็บในมิติคลังสมบัติด้วย

        

        แต่ก็ดูเหมือนว่าเรนยะนั้นจะหยิบเพลินไปหน่อยเพราะพอรู้ตัวอีกทีเรนยะก็พบว่าภายในห้องลับนี้ไม่เหลืออะไรให้เขาหยิบอีกแล้ว

        

        . . . งานนี้เรนยะเล่น Loot All กันเลยทีเดียว

        

        ถ้ามาบุยนำตรามาเก็บเธอคงตกใจอย่างมากแน่ๆที่สมบัติทุกอย่างภายในห้องลับแห่งนี้หายไปทั้งหมด

        

        สุดท้ายเรนยะก็จากไปโดยทิ้งเงินเอาไว้นิดหน่อยเพราะเรนยะเองก็ไม่ใช่คนโหดร้ายอะไรขนาดนั้น

        

        ทิ้งไว้ให้ 1 เรียวน่ะนะ

        

        1 วันหลังจากนั้นข่าวที่ทำให้โลกนินจาต้องสั่นสะเทือนก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้งเพราะจู่ๆไรคาเงะรุ่นที่ 4 ของหมู่บ้านคุโมะก็ประกาศเปิดสงครามกับซึจิคาเงะรุ่นที่ 3 แห่งหมู่บ้านอิวะเสียอย่างนั้น

        

        แถมไรคาเงะยังบุกโจมตีแบบฉับพลันจนโอโนกิไม่ทันได้ตั้งตัวอีกด้วยจึงทำให้นินจาอิวะของตาแก่โอโนกิบาดเจ็บล้มตายไปเป็นจำนวนมาก

        

        ถึงโอโนกิจะไม่รู้ว่าทำไมไรคาเงะถึงเลือกทำสงครามกับอิวะแทนที่จะเป็นโคโนฮะก็ตามแต่ยังไงซะเขาก็ต้องทำการตอบโต้ไรคาเงะอยู่ดี

        

        และแน่นอนว่าสงครามย่อมต้องการสนามรบดังนั้นหวยจึงไปตกอยู่ที่แคว้นโอโตะของโอโรจิมารุเรียกได้ว่าอยู่ดีๆโอโรจิมารุก็ถูกทั้งสองหมู่บ้านใหญ่ใช้บ้านของตัวเองเป็นสนามรบซะอย่างนั้น

        

        ซึ่งพอเรนยะรู้แบบนั้นก็ถึงกับเผลอหัวเราะสะใจออกมาเลยทีเดียวแบบนี้ค่อยบรรเทาความแค้นเรื่องที่เจ้างูบ้านั่นบังอาจมากัดคอฝากอักขระสาบไว้กับเขาหน่อย

        

        แน่นอนว่าในระหว่างที่อิวะกำลังรับมือกับคุโมะที่แคว้นโอโตะนั้นเรนยะก็ได้ใช้การลบตัวตนลอบเข้าไปยกเค้าห้องที่เก็บคำภีร์คาถานินจาของอิวะก่อนที่จะทำการ Loot All แบบที่เคยทำกับคุโมะเมื่อวันก่อน

        

        “คาถาแยกร่างแบ่งภาคของซึจิคาเงะรุ่นที่ 2 ก็มีบันทึกเอาด้วยสินะเนี่ยเรนยะกำลังแกว่งขานั่งอ่านคำภีร์นินจาของหมู่บ้านอิวะบนหน้าผาสูงแห่งหนึ่งในแคว้นโอโตะอย่างอารมณ์ดี

        

        คาถาแบ่งภาพเป็นคาถาแยกร่างเฉพาะตัวของซึจิคาเงะรุ่นที่ 2 มู ที่แตกต่างกับคาถาแยกร่างทั่วไปตรงที่แยกออกได้เพียงร่างเดียวโดยคาถานี้ผู้ใช้ไม่จำเป็นจะต้องผสานอินก็สามารถแบ่งร่างของตัวเองออกมาได้ถึงร่างที่แยกออกมาจะมีความแข็งแกร่งเพียง 70% ของร่างต้นก็ตามที

        

        แต่ร่างแยกที่แยกออกมานั้นก็เป็นตัวจริงด้วยเช่นกันเรียกได้ว่ามีสองชีวิตได้เลยละเพราะต่อให้ร่างใดร่างหนึ่งถูกฆ่าตายไปอีกร่างที่แยกออกมาก็จะกลายเป็นร่างหลักแทนทันทีถึงจะต้องเสียเวลาพักฟื้นเพื่อให้พลังกลับมาสักหน่อยก็เถอะแต่นี่ก็นับเป็นคาถาระดับ A ที่ใช้สนับสนุนและช่วยชีวิตในยามวิกฤติได้อย่างดีเชียวละ

        

        ส่วนคาถาอาภรณ์สายฟ้าของไรคาเงะนั้นเรนยะไม่ได้สนใจมากนักเพราะเขามีคาถามิติอย่างข่ายเทพอัสนีอยู่แล้วเรื่องความเร็วคาถาอาภรณ์สายฟ้ายังด้อยกว่าอยู่ดีแต่การใช้จักระสายฟ้าเพื่อกระตุ้นความแข็งแกร่งของร่างกายนั้นเรนยะก็สนใจแนวคิดนี้อยู่บ้างนิดหน่อย

        

        “เอาเถอะแค่ฝึกขั้นแรกของอาภรณ์สายฟ้าเพื่อกระตุ้นประสาทการตอบโต้ก็คงเพียงพอสำหรับเราแล้วละนะเอาตรงๆเรนยะไม่อยากหัวตั้งฟูเพราะถูกสายฟ้าก็เท่านั้นแหละ

        

        เรนยะได้โยนคำภีร์นินจาเข้าไปเก็บในมิติคลังสมบัติเพื่อกลับไปฝึกทีหลังเพราะในแคว้นโอโตะตอนนี้นินจาอิวะกับนินจาคุโมะได้เริ่มทำสงครามกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

        

        “ออกมาได้แล้วพวกคุณน่ะเรนยะเอ่ยขึ้นทั้งๆที่กำลังนั่งมองสงครามที่กำลังเกิดขึ้นด้วยน้ำมือของตัวเอง

        

        สิ้นคำเอ่ยของเรนยะนินจาหน่ยวลับของโคโนฮะทั้ง 20 คนก็ได้แสดงตัวออกมาคุกเข่าเบื้องหลังของเรนยะ

        

        การที่หน่วยลับมีท่าทีนอบน้อมต่อเรนยะแบบนี้เนื่องจากว่าเป็นคำสั้งของปู่รุ่น 3 เพราะไม่ว่าจะเป็นคลังสมบัติและของวิเศษที่ไม่มีที่สิ้นสุดหรือแม้กระทั่งการสร้างคาถาพฤกษาแสงที่พัฒนาจากคาถาไม้ดั้งเดิมให้เป็นคาถาขีดจำกัดสายเลือดคัดสรรสุดร้ายกาจยังไม่รวมกับกองกำลังรอบตัวของเรนยะที่พวกหน่วยลับลือกันปากต่อปากว่าร้ายกาจพอๆกันกับโฮคาเงะรุ่นหนึ่งกับรุ่นที่สองในเหตุการณ์ที่โอโรจิมารุบุกโจมตีโคโนฮะอีก (เหล่า Servant นั่นแหละ)

        

        . . . รู้ขนาดนี้ก็ไม่แปลกละนะที่พวกหน่วยลับจะคารพเด็กอายุ 14 อย่างเรนยะแบบนี้

        

        แต่เดิมหน้าที่ของหน่วยลับทีมนี้ก็คือสืบหาต้นสายปลายเหตุที่จู่ๆทั้งสองหมู่บ้านอย่างอิวะกับคุโมะที่กำลังจะทำสงครามกับทางโคโนฮะนั้นหันมาตีกันเองแบบนี้

        

        “ปู่รุ่น 3 ส่งคุณมาเองเลยหรือเนี่ยงั้นคุณช่วยกลับไปบอกปู่รุ่น 3 กับท่านรุ่น 5 ให้ทีนะว่าผมจัดการปัญหาให้เรียบร้อยแล้วที่เหลือก็แล้วแต่พวกท่านตัดสินใจเถอะถึงจะสวมหน้ากากหน่วยลับก็ตามแต่เรนยะก็มองออกว่าหัวหน้าหน่วยลับรุ่นปัจจุบันที่กำลังคุกเข่าอยู่ด้านหลังเขาคือ เท็นโซ ยามาโตะ เด็กกำพร้าที่ถูกโอโรจิมารุทำการทดลองโดยการฝังเซลล์ของโฮคาเงะรุ่นแรก



        

        (ยามาโตะรุ่นน้องผู้น่ารักของคาคาชิ)

        

        ถึงในอดีตจะถูกดันโซจับไปฝึกล้างสมองเพื่อใช้เป็นเครื่องมือก็ตามแต่หลังจากได้พบกับคาคาชิยามาโตะก็ได้ถูกปู่รุ่น 3 ดึงตัวมาเข้าร่วมกับหน่วยลับที่ขึ้นตรงกับโฮคาเงะแทนหน่วยรากของดันโซและอยู่ในฐานะรุ่นน้องของคาคาชิที่เป็นหัวหน้าหน่วยลับในช่วงเวลานั้น

        

        ทำให้ในปัจจุบันยามาโตะนั้นได้ขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยลับแทนคาคาชิที่ลาออกไปเป็นอาจารย์ให้แก่ทีม 7 ของพวกนารูโตะ

        

        ซึ่งหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเรนยะดวงตาภายใต้หน้ากากของพวกหน่วยลับทุกคนก็สั่นไหวด้วยความตกใจโดยเฉพาะตัวของยามาโตะ

        

        “ท่านเรนยะนี่ . .” ยามาโตะที่เป็นหัวหน้าทีมได้ถามเพื่อยืนยันอีกครั้งว่าสิ่งที่พวกเขาได้ยินเมื่อสักครู่เป็นความจริง

        

        เรนยะหันมายิ้มให้พวกยามาโตะอย่างลึกลับก่อนที่จะหันไปมองสงครามเบื้องล่างและพูดขึ้นว่า

        

        “Let Them Fight”



        

        (ลงจ้า)



        

        สรุปคือคาคาชิเก็บยามาโตะได้นั่นแหละ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×