คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #76 : ภาค 12 นินจาองครักษ์ ตอนที่ 32
บนน่านฟ้าของหมู่บ้านนินจาคุโมะได้มีเงาร่างหนึ่งกำลังใช้สายตาจ้องมองสำรวจหมู่บ้านเบื้องล่างของตน
เรนยะในร่างตาแก่โอโนกินั่นเอง
ชัยภูมิของหมู่บ้านคุโมะนั้นอยู่สูงจากพื้นดินจนเห็นก้อนเมฆสีขาวและด้วยความกดอากาศที่ตำ่แบบนี้จึงทำให้นินจาของหมู่บ้านคุโมะนั้นมีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่านินจาหมู่บ้านอื่นๆ
“คนเยอะใช้ได้แบบนี้ค่อยคุ้มค่าเหนื่อยที่ไปจ๊ะเอ๋กับเจ้าบ้าโทบิหน่อย” เรนยะพยักหน้าอย่างพึงพอใจเพราะในสายตาของเรนยะนั้นผู้คนด้านล่างกำลังจะกลายเป็นตั๋วกาชาให้กับเขาในไม่ช้า
แต่ยังไงซะเรนยะก็ต้องยั้งมือเอาไว้บ้างเพราะถ้าขืนฆ่าล้างหมู่บ้านไปโลกนินจามันจะเสียสมดุลเอาได้
อีกทั้งที่เรนยะมาที่นี่ในร่างของตาแก่โอโนกินั้นจุดประสงค์ก็เพื่อทำให้หมู่บ้านคุโมะกับหมู่บ้านอิวะตีกันเองโดยใช้ร่างของตาแก่โอโนกิโจมตีหมู่บ้านคุโมะ
ด้วยนิสัยอารมณ์ร้อนของไรคาเงะเรนยะมั่นใจ 100% เลยว่าไรคาเงะต้องไปเอาคืนตาแก่โอโนกิแน่ๆ
และในระหว่างที่ทั้งสองหมู่บ้านหันมากัดกันเองนั้นเรนยะก็จะใช้โอกาสนี้เข้าไปขโมยม้วนคำภีร์ที่ใช้บันทึกคาถาลับของทั้งสองหมู่บ้านซะเลย
. . . เพราะไหนๆก็มาถึงที่แล้วก็ขอรับไปด้วยเลยก็แล้วกัน
“เจอแล้ว หึ หึ หึ” ในตอนนี้สายตาของเรนยะนั้นกำลังจับจ้องที่หอคอยสูงแห่งหนึ่งซึ่งห้องชั้นบนสุดของหอคอยแห่งนี้มีร่างของไรคาเงะกำลังก้มหน้าก้มตาจัดเอกสารอยู่เลย
“คาถาธุลี แยกพิภพบรรพกาล !!!” เปิดก่อนได้เปรียบดังนั้นเรนยะจึงทำการจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบให้โดยการยัดคาถาธุลียิงไปที่หอคอยของไรคาเงะทันที
ในสายตาของคนในหมู่บ้านคุโมะพวกเขาได้เห็นบล็อกสี่เหลี่ยมใสๆขนาดใหญ่ครอบคลุมหอคอยชั้นล่างสุดก่อนที่บล็อกสี่เหลี่ยมนั้นจะเปล่งแสงสีขาวแสบตา
วิ้ง !!!
และหลังจากปรากฎการณ์นี้เกิดขึ้นฉากต่อมาภายในหมู่บ้านก็ได้เข้าสู่ความวุ่นวายในทันที
เพราะฐานของหอคอยที่ถูกครอบคลุมด้วยบล็อกสี่เหลี่ยมใสๆเมื่อครู่ได้สลายหายไปไม่มีเหลือทำให้หอคอยค่อยๆถล่มลงมาเนื่องจากฐานของหอคอยหายไป
คาถาธุลีแยกพิภพบรรพกาลนั้นสามารถใช้ได้หลากรูปแบบไม่ว่าจะยิงออกมาตรงๆหรือกำหนดพื้นที่ก็ใช้ได้ตามชอบและยิ่งคาถานี้ตกมาอยู่ในมือของเรนยะที่มีพลังฟื้นฟูจักระที่เกือบเทียบเท่าสัตว์หาง
. . . บอกเลยว่างานนี้บันเทิง
“โห ~ ที่หอคอยชั้นล่างคงจะเป็นห้องของพวกนินจาหน่วยลับของหมู่บ้านสินะได้ตั๋วมาเพียบเลยเรา” เรนยะยิ้มอย่างอารมณ์ดีเพราะเท่านี้มันก็คุ้มค่าแล้วสำหรับเขา
ที่เหลือเรนยะก็แค่ใช้ร่างของตาแก่โอโนกิกวนบาทาไรคาเงะเยอะๆเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
ต้องบอกว่าเป็นโชคดีของหมู่บ้านคุโมะแล้วจริงๆที่การยิงคาถาธุลีเพียงครั้งเดียวของเรนยะนั้นได้แจกตั๋วแก่เรนยะจนพอใจไม่งั้นถึงจะไม่อยากทำแต่เรนยะก็คงจะต้องยิงใส่ที่ใจกลางหมู่บ้านที่ผู้คนชุกชุมละนะ
“ใครมันบังอาจลอบกัดไรคาเงะคนนี้ไสหัวออกมาซะ !!!” ไรคาเงะได้กระโดดออกมาจากซากปรักหักพังของหอหอยก่อนที่จะตะโกนถามอย่างมีน้ำโห
“ท่านไรคาเงะด้านบนครับ !!!” นินจาตรวจจับคุโมะได้ร้องบอกทำให้ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองบนฟ้าอย่างมิได้นัดหมาย
เรนยะในร่างของตาแก่โอโนกิค่อยๆบินลดความสูงลงมาแสดงตัวให้ชาวคุโมะได้เห็นเต็มๆตา
“นี่มันหมายความว่ายังไงซึจิคาเงะ !!!” ไรคาเงะถามซึจิคาเงะด้วยสีหน้ามืดครึ้มที่ใครๆก็ดูออกว่าอยากจะฆ่าคนเต็มแก่
“เจ้าเด็กน้อยไรคาเงะที่ข้ามาวันนี้ก็เพื่อมาเตือนเจ้าว่าอย่าได้คิดสอดมือมายุ่งกับโคโนฮะเด็ดขาด” เสียงของโอโนกิเอ่ยยื่นคำขาด
“คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้าเสนอหน้ามาอวดดีในหมู่บ้านคุโมะของฉันเจ้าแก่โอโนกิ !” คำพูดของไรคาเงะสื่อว่าเขาและหมู่บ้านคุโมะไม่มีทางรามือจากโคโนฮะแน่เพราะโอกาสแย่งชิงทรัพยากรจากโคโนฮะที่อยู่ในช่วงอ่อนแอแบบนี้ใช่ว่าจะมีบ่อยๆ
“หากไม่เชื่อฟังเราละก็หลังจากเสร็จศึกกับโคโนฮะแล้วหมู่บ้านคุโมะงาคุเระจะเป็นรายต่อไปที่จะพินาศถัดจากโคโนฮะ” สุดท้ายคำพูดของเรนยะในร่างโอโนกิก็ได้ทำให้เส้นความอดทนของไรคาเงะขาดลงในที่สุด
“วันนี้อย่าคิดว่าจะกลับไปได้ง่ายๆนะตาแก่คราวนี้แหละฉันจะได้คิดบัญชีหนี้แค้นที่ที่พวกแกอิวะฆ่าพ่อของฉันซึจิคาเงะ !!!” ร่างของไรคาเงะได้ถูกปกคลุมด้วยวิชาอาภรณ์สายฟ้าทำให้พละกำลังความเร็วรวมถึงประสาทการตอบโต้ได้ถูกยกระดับขึ้นด้วยกระแสไฟฟ้าที่ไหลอยู่ในร่าง
ไรคาเงะได้กระโดดขึ้นมาอยู่เหนือหัวของเรนยะด้วยความเร็วที่สายตาของคนธรรมดามองตามไม่ทันก่อนที่จะใช้ท่าเตะตอกส้นใส่
“กิโยติน ดรอป !!!”
“หึ เร็วดีนี่” แต่ในสายตาของเรนยะที่เห็นอนาคตได้ต่อให้เร็วแค่ไหนเขาก็สามารถรับมือได้
เรนยะได้ลอยเอี่ยวตัวหลบในท่ามือไขว้หลังแบบสบายๆ
ตูม !!!
ท่าเตะตอกส้นของไรคาเงะได้เจาะพื้นด้านล่างจนสร้างความเสียหายให้แก่หมู่บ้านของตัวเองชนิดที่ว่าเละเทะจนเรนยะไม่จำเป็นจะต้องลงมือถล่มให้เหนื่อย
“ตาข้าบ้างสิ” เรนยะได้กระกบฝ่ามือสร้างคาถาแยกพิภพบรรพกาลเป็นก้อนลูกบาศก์ครอบคลุมตรงจุดที่ไรคาเงะยืนอยู่
“อย่าได้ฝันตาแก่ !” ไรคาเงะได้ใช้ความเร็วของตัวเองหลบออกมาจากก้อนลูกบาศก์ธุลี
วิ้ง !!!
“หน๊อย !” ไรคาเงะที่หลบคาถาธุลีออกมานั้นได้กัดฟันอย่างเจ็บใจเพราะตรงจุดที่เขาหลบออกมานั้นมันเป็นร้านเหล้าโปรดของเขาเลยและตอนนี้มันก็ได้หายไปไม่เหลือแม้แต่ฝุ่นแล้วด้วย
“คาถาพายุลำแสงวงแหวน !” เสียงใช้คาถาได้ดังขึ้นจากด้านหลังเรียกความสนใจจากเรนยะให้หันไปดูเล็กน้อย
. . . นินจาเองก็ยิงบีมได้สินะ
ลำแสงเลเซอร์สีขาวจำนวนมากได้พุ่งโจมตีใส่เรนยะที่กำลังลอยอยู่บนฟ้าจากทางด้านหลัง
“คาถาน่าสนใจดีนี่เจ้าหนู” เรนยะที่เห็นว่ามีคนใช้วิชานินจาแปลกๆลอบโจมตีตนก็ทำการบินเพิ่มระดับความสูงเพื่อหลบหลีกลำแสงเลเซอร์
“บอส !!!” คนที่ใช้คาถาพายุไม่ใช่ใครที่ไหนดารุยชายที่เป็นมือขวาของไรคาเงะนั่นเอง
(ดารุยมือขวาของไรคาเงะ)
“มาแล้วเรอะดารุยแล้วเจ้าบีน้องชายของฉันมันหายหัวไปไหนในสถานการณ์แบบนี้กัน !”
“เอ่อ บอสเอาไปอ่านเองเถอะครับ” แต่แทนที่ดารุยจะตอบคำถามของไรคาเงะเขากลับนำกระดาษที่พับครึ่งออกมามอบให้แก่ไรคาเงะเสียอย่างนั้น
ไรคาเงะได้คว้ากระดาษจากมือดารุยมากางออกดูก็พบว่ามันมีตัวหนังสือเขียนเอาไว้และนี่ก็เป็นลายมือของบีน้องชายของเขาไม่ผิดแน่โดยสิ่งที่เขียนเอาไว้ในกระดาษนั้นมีใจความว่า
“โย่วๆ ถึงจะกระทันหันไปหน่อยนะ brother แต่ผมน่ะ เย้ ! ต้องออกไปหาแรงบันดาลใจร้องแร็พเพื่อมาจัดคอนเสิร์ตในหมู่บ้านพรุ่งนี้น่ะนะ ไอ้บ้านั่น ไอ้บ้านี่ ว่าแล้วก็ขอตัวไปคิดเนื้อร้องที่ป่านอกหมู่บ้านก่อนนะ brother “
By . B
“เจ้าน้องบ้านี่ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ดันหายหัวไปทำเรื่องไร้สาระซะได้ !!!” ทันทีที่อ่านจบไรคาเงะก็ได้ฉีกกระดาษทิ้งด้วยความโมโห
ส่วนปฏิกิริยาของไรคาเงะนั้นดารุยคาดไว้อยู่แล้วว่าต้องโกรธ
“แบบนี้นี่เอง 8 หางคิลเลอร์บีไม่อยู่ในหมู่บ้านสินะตอนนี้” เรนยะที่ได้ยินเสียงโวยวายของไรคาเงะก็พอจะเดาเนื้อความในจดหมายได้ไม่ยาก
. . . เอาเถอะตัวปัญหาอย่าง 8 หางไม่อยู่ก็ดีแล้วละนะ
หลังการอ่านจดหมายจบลงเรนยะกับไรคาเงะก็เริ่มปะทะกันอีกครั้งโดยคราวนี้มีดารุยที่เป็นมือขวาผสมโรงด้วย
การต่อสู้ดำเนินต่อไปอย่างยาวนานจนพวกนินจาในหมู่บ้านคุโมะก็เริ่มรวมตัวกันโจมตีเรนยะด้วยคาถานินจาเพื่อช่วยสนับสนุนไรคาเงะของพวกเขาอีกแรง
ซึ่งในระหว่างที่รับมือกับไรคาเงะและนินจาในหมู่บ้านเรนยะก็จะหาโอกาสใช้คาถาดินกับคาถาธุลีฆ่านินจาคุโมะเพื่อรับตั๋วเป็นบางครั้ง
อีกทั้งคาถานินจาไหนที่เรนยะถูกใจเขาก็จะใช้ตาแห่งดวงจิตคัดลอกนำไปฝึกทีหลังอีกด้วย
“เท่านี้คงเพียงพอแล้วละนะ” เรนยะที่หนำใจแล้วก็ได้หันไปยิงคาถาธุลีใส่ให้ไรคาเงะหลบเล่นอีกครั้งก่อนที่จะยั่วยุไรคาเงะส่งท้ายว่า
“เจ้าหนูไรคาเงะหวังว่าบทเรียนครั้งนี้เจ้าจะจำขึ้นใจนะอย่าได้สอดมือมายุ่งกับโคโนฮะเด็ดขาดจำเอาไว้” ว่าเสร็จเรนยะก็ได้ใช้ความเร็วในการบินเต็มที่บินหายไปจากสายตาของไรคาเงะและเหล่านินจาคุโมะทุกคน
“น่ารังเกียจ !!!”
“แน่จริงอย่าหนีสิฟะ !!!”
“ฆ่าพวกอิวะ !!!”
“นี่คือสงคราม !!!”
เสียงแห่งความแค้นได้ดังกึกก้องไปทั่วทั้งหมู่บ้านคุโมะและไรคาเงะเองก็ไม่อยู่เฉยกับคำร้องขอของคนในหมู่บ้านเพราะตัวเขาเองก็โกรธแค้นซึจิคาเงะโอโนกิไม่แพ้คนอื่นๆ
“มาบุยระดมกองทัพพวกเราจะเอาคืนพวกอิวะกันเดี๋ยวนี้เลย !!!” นาทีนี้ไรคาเงะเดือดจนใครก็ห้ามไม่อยู่อีกแล้ว
“ค่ะท่านไรคาเงะ” มาบุยเลขาของไรคาเงะได้ตอบรับไรคาเงะก่อนที่จะไปจัดการแจ้งระดมกองทัพนินจาคุโมะภายในหมู่บ้าน
ถึงมาบุยจะสังเกตเห็นว่าตัวของซึจิคาเงะจะดูแปลกๆเพราะเธอสัมผัสได้ว่าซึจิคาเงะนั้นมีปริมาณจักระน้อยกว่าท่านไรคาเงะซึ่งในความคิดของเธอนั้นมันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ซึจิคาเงะรุ่นที่ 3 จะมีระดับจักระแค่โจนินขั้นสูงแบบนี้
อีกทั้งการกระทำของซึจิคาเงะเองก็ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่มีอย่างที่ไหนกำลังจะทำสงครามกับโคโนฮะอยู่แล้วแท้ๆแต่กลับมาสร้างศัตรูกับทางคุโมะแบบนี้ซะได้
แต่ว่าคาถาธุลีที่เป็นขีดจำกัดสายเลือดคัดสรรก็มีเพียงแค่ซึจิคาเงะรุ่นที่ 3 เท่านั้นที่สามารถใช้ได้ฉะนั้นซึจิคาเงะที่โจมตีหมู่บ้านเมื่อสักครู่ย่อมไม่ใช่ตัวปลอมแน่
สุดท้ายมาบุยก็ได้ส่ายหัวขจัดความสงสัยก่อนที่เธอจะไปจัดการระดมทัพตามที่ท่านไรคาเงะสั่งเพราะถึงเธออยากจะเอ่ยให้ท่านไรคาเงะใจเย็นลงก่อนก็ตามแต่พอเธอเห็นความโกรธของคนในหมู่บ้านกับของท่านไรคาเงะแล้วเธอก็ทำได้เพียงแค่ตามน้ำไปเท่านั้น
“ดารุยนายไปจัดระเบียบและรับมือกับความเสียหายในหมู่บ้านเดี๋ยวฉันจะออกไปลากคอเจ้าบีกลับมาก่อน” ไรคาเงะได้ออกคำสั่งก่อนที่เขาจะออกไปตามตัวน้องชายของเขากลับมาเพื่อเป็นกำลังรบอีกแรง
“ครับบอส” ดารุยรับคำก่อนที่จะเริ่มจัดการภายในหมู่บ้านที่พังเสียหาย
. . . ถึงความเสียหายภายในหมู่บ้านส่วนมากจะเกิดจากน้ำมือของไรคาเงะเองซะมากกว่าก็เถอะ
“แผนการสำเร็จ” โดยที่ไม่มีใครรู้ตัวเรนยะได้ใช้การปกปิดตัวตนเดินตามหลังมาบุยไปติดๆ
เนื่องจากการระดมกองทัพนั้นจะต้องมีตราประทับประจำตำแหน่งของบุคคลที่ได้ชื่อว่าคาเงะของแต่ละหมู่บ้านซึ่งจะได้รับมาจากไดเมียวของแต่ละแคว้นซึ่งตราประจำตำแหน่งที่ว่านี้นับว่ามีความสำคัญพอๆกับวิชานินจาลับของหมู่บ้านนินจาเลยทีเดียว
ดังนั้นถ้าเรนยะแอบตามเลขาอย่างมาบุยไปละก็เขาจะได้ไม่ต้องเสียเวลาหาคำภีร์ที่ใช้บันทึกคาถานินจาของหมู่บ้านคุโมะให้เสียเวลาเลยเพราะของสำคัญอย่างตราประจำตำแหน่งนั้นมักจะเก็บรวมกับคำภีร์คาถานินจาของหมู่บ้านที่เป็นเป้าหมายของเขาอยู่แล้ว
มาบุยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังมีมหาโจรกำลังแอบตามหลังเธอไปติดๆแถมเธอยังเป็นคนนำทางให้โจรคนนี้เองเสียด้วย
เรนยะได้เดินตามมาบุยไปจนสุดท้ายก็ได้เจอกับห้องลับใต้ดินที่ใช้เก็บสิ่งของล้ำค่าของหมู่บ้านคุโมะ
และสิ่งที่เรนยะหมายตาเอาไว้มันก็อยู่ที่นี่จริงๆเพราะเขาเจอคำภีร์ที่บันทึกคาถานินจาของหมู่บ้านคุโมะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งหลังจากที่มาบุยหยิบตราของท่านไรคาเงะจากไปแล้วเรนยะก็ได้ปรากฎตัวและเอื้อมมือหยิบคำภีร์คาถานินจาของหมู่บ้านคุโมะไปเก็บเอาไว้ในมิติคลังสมบัติอย่างสบายใจเฉิบ
“อืม ~ เอานี่ด้วยก็แล้วกัน” เรนยะได้หยิบพวกของมีค่ารวมถึงเงินทุนของหมู่บ้านคุโมะที่อยู่ในห้องลับนี้ออกมาเก็บในมิติคลังสมบัติด้วย
แต่ก็ดูเหมือนว่าเรนยะนั้นจะหยิบเพลินไปหน่อยเพราะพอรู้ตัวอีกทีเรนยะก็พบว่าภายในห้องลับนี้ไม่เหลืออะไรให้เขาหยิบอีกแล้ว
. . . งานนี้เรนยะเล่น Loot All กันเลยทีเดียว
ถ้ามาบุยนำตรามาเก็บเธอคงตกใจอย่างมากแน่ๆที่สมบัติทุกอย่างภายในห้องลับแห่งนี้หายไปทั้งหมด
สุดท้ายเรนยะก็จากไปโดยทิ้งเงินเอาไว้นิดหน่อยเพราะเรนยะเองก็ไม่ใช่คนโหดร้ายอะไรขนาดนั้น
ทิ้งไว้ให้ 1 เรียวน่ะนะ
1 วันหลังจากนั้นข่าวที่ทำให้โลกนินจาต้องสั่นสะเทือนก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้งเพราะจู่ๆไรคาเงะรุ่นที่ 4 ของหมู่บ้านคุโมะก็ประกาศเปิดสงครามกับซึจิคาเงะรุ่นที่ 3 แห่งหมู่บ้านอิวะเสียอย่างนั้น
แถมไรคาเงะยังบุกโจมตีแบบฉับพลันจนโอโนกิไม่ทันได้ตั้งตัวอีกด้วยจึงทำให้นินจาอิวะของตาแก่โอโนกิบาดเจ็บล้มตายไปเป็นจำนวนมาก
ถึงโอโนกิจะไม่รู้ว่าทำไมไรคาเงะถึงเลือกทำสงครามกับอิวะแทนที่จะเป็นโคโนฮะก็ตามแต่ยังไงซะเขาก็ต้องทำการตอบโต้ไรคาเงะอยู่ดี
และแน่นอนว่าสงครามย่อมต้องการสนามรบดังนั้นหวยจึงไปตกอยู่ที่แคว้นโอโตะของโอโรจิมารุเรียกได้ว่าอยู่ดีๆโอโรจิมารุก็ถูกทั้งสองหมู่บ้านใหญ่ใช้บ้านของตัวเองเป็นสนามรบซะอย่างนั้น
ซึ่งพอเรนยะรู้แบบนั้นก็ถึงกับเผลอหัวเราะสะใจออกมาเลยทีเดียวแบบนี้ค่อยบรรเทาความแค้นเรื่องที่เจ้างูบ้านั่นบังอาจมากัดคอฝากอักขระสาบไว้กับเขาหน่อย
แน่นอนว่าในระหว่างที่อิวะกำลังรับมือกับคุโมะที่แคว้นโอโตะนั้นเรนยะก็ได้ใช้การลบตัวตนลอบเข้าไปยกเค้าห้องที่เก็บคำภีร์คาถานินจาของอิวะก่อนที่จะทำการ Loot All แบบที่เคยทำกับคุโมะเมื่อวันก่อน
“คาถาแยกร่างแบ่งภาคของซึจิคาเงะรุ่นที่ 2 ก็มีบันทึกเอาด้วยสินะเนี่ย” เรนยะกำลังแกว่งขานั่งอ่านคำภีร์นินจาของหมู่บ้านอิวะบนหน้าผาสูงแห่งหนึ่งในแคว้นโอโตะอย่างอารมณ์ดี
คาถาแบ่งภาพเป็นคาถาแยกร่างเฉพาะตัวของซึจิคาเงะรุ่นที่ 2 มู ที่แตกต่างกับคาถาแยกร่างทั่วไปตรงที่แยกออกได้เพียงร่างเดียวโดยคาถานี้ผู้ใช้ไม่จำเป็นจะต้องผสานอินก็สามารถแบ่งร่างของตัวเองออกมาได้ถึงร่างที่แยกออกมาจะมีความแข็งแกร่งเพียง 70% ของร่างต้นก็ตามที
แต่ร่างแยกที่แยกออกมานั้นก็เป็นตัวจริงด้วยเช่นกันเรียกได้ว่ามีสองชีวิตได้เลยละเพราะต่อให้ร่างใดร่างหนึ่งถูกฆ่าตายไปอีกร่างที่แยกออกมาก็จะกลายเป็นร่างหลักแทนทันทีถึงจะต้องเสียเวลาพักฟื้นเพื่อให้พลังกลับมาสักหน่อยก็เถอะแต่นี่ก็นับเป็นคาถาระดับ A ที่ใช้สนับสนุนและช่วยชีวิตในยามวิกฤติได้อย่างดีเชียวละ
ส่วนคาถาอาภรณ์สายฟ้าของไรคาเงะนั้นเรนยะไม่ได้สนใจมากนักเพราะเขามีคาถามิติอย่างข่ายเทพอัสนีอยู่แล้วเรื่องความเร็วคาถาอาภรณ์สายฟ้ายังด้อยกว่าอยู่ดีแต่การใช้จักระสายฟ้าเพื่อกระตุ้นความแข็งแกร่งของร่างกายนั้นเรนยะก็สนใจแนวคิดนี้อยู่บ้างนิดหน่อย
“เอาเถอะแค่ฝึกขั้นแรกของอาภรณ์สายฟ้าเพื่อกระตุ้นประสาทการตอบโต้ก็คงเพียงพอสำหรับเราแล้วละนะ” เอาตรงๆเรนยะไม่อยากหัวตั้งฟูเพราะถูกสายฟ้าก็เท่านั้นแหละ
เรนยะได้โยนคำภีร์นินจาเข้าไปเก็บในมิติคลังสมบัติเพื่อกลับไปฝึกทีหลังเพราะในแคว้นโอโตะตอนนี้นินจาอิวะกับนินจาคุโมะได้เริ่มทำสงครามกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ออกมาได้แล้วพวกคุณน่ะ” เรนยะเอ่ยขึ้นทั้งๆที่กำลังนั่งมองสงครามที่กำลังเกิดขึ้นด้วยน้ำมือของตัวเอง
สิ้นคำเอ่ยของเรนยะนินจาหน่ยวลับของโคโนฮะทั้ง 20 คนก็ได้แสดงตัวออกมาคุกเข่าเบื้องหลังของเรนยะ
การที่หน่วยลับมีท่าทีนอบน้อมต่อเรนยะแบบนี้เนื่องจากว่าเป็นคำสั้งของปู่รุ่น 3 เพราะไม่ว่าจะเป็นคลังสมบัติและของวิเศษที่ไม่มีที่สิ้นสุดหรือแม้กระทั่งการสร้างคาถาพฤกษาแสงที่พัฒนาจากคาถาไม้ดั้งเดิมให้เป็นคาถาขีดจำกัดสายเลือดคัดสรรสุดร้ายกาจยังไม่รวมกับกองกำลังรอบตัวของเรนยะที่พวกหน่วยลับลือกันปากต่อปากว่าร้ายกาจพอๆกันกับโฮคาเงะรุ่นหนึ่งกับรุ่นที่สองในเหตุการณ์ที่โอโรจิมารุบุกโจมตีโคโนฮะอีก (เหล่า Servant นั่นแหละ)
. . . รู้ขนาดนี้ก็ไม่แปลกละนะที่พวกหน่วยลับจะคารพเด็กอายุ 14 อย่างเรนยะแบบนี้
แต่เดิมหน้าที่ของหน่วยลับทีมนี้ก็คือสืบหาต้นสายปลายเหตุที่จู่ๆทั้งสองหมู่บ้านอย่างอิวะกับคุโมะที่กำลังจะทำสงครามกับทางโคโนฮะนั้นหันมาตีกันเองแบบนี้
“ปู่รุ่น 3 ส่งคุณมาเองเลยหรือเนี่ยงั้นคุณช่วยกลับไปบอกปู่รุ่น 3 กับท่านรุ่น 5 ให้ทีนะว่าผมจัดการปัญหาให้เรียบร้อยแล้วที่เหลือก็แล้วแต่พวกท่านตัดสินใจเถอะ” ถึงจะสวมหน้ากากหน่วยลับก็ตามแต่เรนยะก็มองออกว่าหัวหน้าหน่วยลับรุ่นปัจจุบันที่กำลังคุกเข่าอยู่ด้านหลังเขาคือ เท็นโซ ยามาโตะ เด็กกำพร้าที่ถูกโอโรจิมารุทำการทดลองโดยการฝังเซลล์ของโฮคาเงะรุ่นแรก
(ยามาโตะรุ่นน้องผู้น่ารักของคาคาชิ)
ถึงในอดีตจะถูกดันโซจับไปฝึกล้างสมองเพื่อใช้เป็นเครื่องมือก็ตามแต่หลังจากได้พบกับคาคาชิยามาโตะก็ได้ถูกปู่รุ่น 3 ดึงตัวมาเข้าร่วมกับหน่วยลับที่ขึ้นตรงกับโฮคาเงะแทนหน่วยรากของดันโซและอยู่ในฐานะรุ่นน้องของคาคาชิที่เป็นหัวหน้าหน่วยลับในช่วงเวลานั้น
ทำให้ในปัจจุบันยามาโตะนั้นได้ขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยลับแทนคาคาชิที่ลาออกไปเป็นอาจารย์ให้แก่ทีม 7 ของพวกนารูโตะ
ซึ่งหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเรนยะดวงตาภายใต้หน้ากากของพวกหน่วยลับทุกคนก็สั่นไหวด้วยความตกใจโดยเฉพาะตัวของยามาโตะ
“ท่านเรนยะนี่ . .” ยามาโตะที่เป็นหัวหน้าทีมได้ถามเพื่อยืนยันอีกครั้งว่าสิ่งที่พวกเขาได้ยินเมื่อสักครู่เป็นความจริง
เรนยะหันมายิ้มให้พวกยามาโตะอย่างลึกลับก่อนที่จะหันไปมองสงครามเบื้องล่างและพูดขึ้นว่า
“Let Them Fight”
(ลงจ้า)
สรุปคือคาคาชิเก็บยามาโตะได้นั่นแหละ
ความคิดเห็น