คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #75 : ภาค 12 นินจาองครักษ์ ตอนที่ 31
หลังสิ้นเสียงปืนร่างของโทบิก็แน่นิ่งในสภาพที่ถูกตรึงด้วยโซ่เอนคิดู
. . . บอกเลยว่าสภาพศพทีมงานต้องขอทำการเซ็นเซอร์จริงๆเพราะเลือดนี่ท่วมเชียว
ถึงตอนแรกเรนยะจะแคลงใจว่าโทบินั้นตายจริงแน่หรือเปล่าก็ตามแต่พอเขาได้ยินเสียงแจกตั๋วจากระบบเท่านั้นแหละเรนยะก็ทิ้งความสงสัยนั้นไปในทันที
ถ้าระบบแจกตั๋วให้แบบนี้ยังไงก็ตายจริง 100%
“โห ~ ฆ่าหมอนี่ได้ตั๋วตั้ง 6 ใบเชียวแฮะ” เรนยะถึงกับยิ้มแก้มปริทันทีที่เห็นของรางวัล
ถึงอีกฝ่ายจะฆ่ายากไปสักหน่อยก็เถอะแต่ของรางวัลก็คุ้มฆ่าแหละนะ
ถ้ารวมกับตั๋ว 4 ใบที่ได้มาจากนินจาสายลับอิวะสองคนก่อนหน้าก็เท่ากับว่าตอนนี้เรนยะนั้นมีตั๋วอยู่ 10 ใบเลยทีเดียว
“โอ๊ะ ! จริงสิยังมีนินจาขาขาดอีกคนนี่นะรีบไปดีกว่าเรา” และแล้วเรนยะก็ได้ทำการเก็บโซ่เอนคิดูเข้าคลังสมบัติปล่อยให้ศพของโทบิที่ถูกเซ็นเซอร์ล่วงลงมากองกับพื้นก่อนที่เขาจะมุ่งไปรับตั๋วที่เหลือด้วยข่ายเทพอัสนี
แต่หลังจากที่เรนยะจากไปแล้วบรรยากาศรอบบริเวณที่โทบินอนสิ้นใจนั้นก็ได้เกิดความผันผวนขึ้นก่อนที่ศพเลือดท่วมของโทบิจะค่อยๆจางหายไปราวกับว่าเป็นภาพความฝันก่อนที่จะปรากฏร่างของโทบิในสภาพสมบูรณ์ไร้บาดแผลกำลังนั่งหอบอยู่อย่างไม่น่าเชื่อ
“ดีนะที่เราระวังตัวเอาไว้ก่อน” โทบิได้ถอดหน้ากากที่ชำรุดออกเผยให้เห็นดวงตาข้างซ้ายที่กลายเป็นสีขาวซีดไร้ประกาย
วิชาเนรตต้องห้ามของตระกูลอุจิวะเทพบิดรอิซานางิ !!!
คาถาที่จะเปลี่ยนแปลงสภาพเสียเปรียบของผู้ใช้คาถาไม่ว่าจะอาการบาดเจ็บหรือความตายให้กลายเป็นภาพความฝันรวมไปถึงสร้ามความได้เปรียบของตัวเองให้กลายเป็นความจริงได้
นับว่าเป็นสุดยอดวิชาเนตรที่ใช้กับตัวเองแต่แน่นอนขึ้นชื่อว่าคาถาต้องห้ามย่อมต้อมมีความเสี่ยง
ซึ่งความเสี่ยงที่ว่านั้นก็คือดวงเนตรที่ใช้วิชาเทพบิดรอิซานางินั้นจะต้องสูญเสียแสงสว่างและมืดบอดไปนั่นเอง
และดวงเนตรที่มืดบอดนั้นจะไม่สามารถใช้ได้อีกต้องทำการเปลี่ยนถ่ายดวงตาใหม่เท่านั้น
โดยก่อนที่โทบิจะมาท้าไฝว้กับเรนยะนั้นเขาก็ได้ทำการปลูกถ่ายดวงตาที่เขารวบรวมมาจากเหตุการณ์คืนที่อิทาจินั้นทำการกวาดล้างตระกูลอุจิวะ
สรุปก็คือตัวโทบินั้นได้ทำการโกงความตายด้วยวิชาเนตรเทพบิดรอิซานางินั่นเอง
เดิมทีการที่ตัวโทบิโดนมัดด้วยโซ่เอนคิดูของเรนยะนั้นย่อมไม่สามารถใช้วิชาเนตรเทพบิดรอิซานางิได้แน่นอนแต่เนตรวงแหวนนั้นก็ยังมีลูกเล่นอีกอย่างนั่นก็คือการฝังคาถาเอาไว้ในดวงเนตรซึ่งวิธีนี้อุจิวะอิทาจิก็เคยใช้ในต้นฉบับมาก่อน
มันเหมือนกับการตั้งเวลาเอาให้วิชาเนตรทำงานเมื่อถึงเวลาที่ต้องการและด้วยวิธีดังกล่าวจึงส่งผลให้อิซานางิของโทบินั้นทำงานหลังจากที่เรนยะคลายโซ่เอนคิดูนั่นเอง
“โซ่ของเจ้าเด็กนั่นสามารถผนึกความสามารถของเนตรกระจกเงาหมื่นบุบผาของเราได้แบบนี้เล่นด้วยยากซะแล้วสิ” โทบินั่งย่อยข้อมูลความสามารถของเรนยะจนสรุปได้ว่าความสามารถของอีกฝ่ายนั้นร้ายกาจจนเกินไป
แต่ก็ใช่ว่าจะไร้หนทางต่อกรด้วยถ้าเป็นเพนทั้ง 6 วิถีของนางาโตะอาจจะมีโอกาสชนะเรนยะก็เป็นได้
สำหรับโทบินั้นนางาโตะก็เป็นแค่หมากตัวหนึ่งในการคืนชีพอุจิวะมาดาระเท่านั้น
และตอนนี้ตัวนางาโตะกับโคนันเองก็เริ่มระแวงในตัวของเขาแล้วด้วยในอนาคตก็คงจะไม่พ้นแตกหักกัน
ฉะนั้นยิ่งนางาโตะกับเรนยะนั้นสู้กันจนตายไปทั้งคู่เลยก็ยิ่งดีเพราะมันจะช่วยเบาแรงเขาไปได้เยอะในการนำเนตรสังสาระกลับคืนมาจากนางาโตะ
. . . แบบนั้นมันจะส่งผลดีต่อแผนการอ่านจันทรานิรันดร์ของเขาด้วย
“เอาเถอะจนกว่าการรวบรวมสัตว์หางจะเริ่มยังไม่จำเป็นต้องรีบก็ได้” ถึงเขาจะฆ่าเรนยะไม่สำเร็จก็ตามแต่ยังไงซะเรนยะก็คงคิดว่าตัวเขาคงตายไปแล้วจากนี้ไปตัวเขาก็คงเคลื่อนไหวได้สะดวกยิ่งขึ้น
โทบินั่งพักเหนื่อยอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะใช้คามุยหายตัวไป
อีกด้านหนึ่ง
ในตอนนี้เรนยะกำลังเดินตามรอยเลือดไปอย่างอารมณ์ดี
แต่ถ้าเขารู้ว่าการใช้อิซานางิของโทบินั้นยังคงทำให้ได้ตั๋วจากระบบละก็มีหวังเรนยะคงใช้โซ่เอนคิดูลากตัวโทบิไปขังเอาไว้ในบ้านของตัวเองเพื่อทำการฟามตั๋วเป็นแน่
. . . ยิ่งช่วงนี้ Master อย่างเรนยะนั้นกำลังกระหายตั๋วสุดๆอยู่ด้วย (ไรท์ก็ด้วยแหละ)
“โอ๊ะ ! เจอแล้วๆแหม~ ขนาดขาขาดแบบนั้นยังฝืนเจ็บคลานมาจนเกือบจะพ้นชายแดนเลยแฮะหมอนี่” เรนยะถึงกับยอมใจพวกนินจาจริงๆไม่รู้จะทรหดไปถึงไหน
“คงไม่คิดว่าผมจะลืมคุณหรอกนะ” เรนยะเอียงคอถามแบบน่ารักฉบับเด็กๆ
“บ้าจริง !” สายลับขาขาดสุดอนาถที่เห็นเรนยะเดินมาทางตนนั้นทำได้เพียงกัดฟันอย่างเจ็บใจเท่านั้น
“ไม่ต้องกลัวหรอกครับผมก็แค่อยากจะถามอะไรคุณสักหน่อยน่ะ” เรนยะพูดคุยอย่างเป็นมิตร
โดยขึ้นชื่อว่าสายลับย่อมต้องปากแข็งเป็นธรรมดาพอหมอนี่ได้ยินเรนยะพูดว่าอยากจะถามอะไรบางอย่างเท่านั้นแหละหมอนี่ก็เล่นปิดปากเงียบทันที
ถ้าเป็นก่อนที่เรนยะจะเพิ่มความสามารถให้แก่ตาแห่งดวงจิตของตัวเองปากแข็งแบบหมอนี่คงโดนจับมัดแล้วเอาลูกทุเรียนฟาดใส่จุดยุทธศาสตร์เหมือนตัวประกอบก่อนหน้า
. . . แต่ตอนนี้มันต่างกัน
“เอาเถอะไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูดก็ได้” เรนยะได้ก้มตัวลงไปจับศีรษะของอีกฝ่ายก่อนที่จะเปิดตาแห่งดวงจิตเพื่อเข้าสู่ห้วงความทรงจำของสายลับอิวะคนนี้
โดยสิ่งที่เรนยะทำนั้นเป็นการประยุกต์ตาแห่งดวงจิตผสมผสานเข้ากับแนวคิดของวิชาแทรกจิตที่ตระกูลยามานากะใช้สอบสวนความทรงจำของศัตรู
วิธีนี้นับว่าเร็วกว่าการใช้ตาแห่งดวงจิตมองจิตใจของอีกฝ่ายโดยตรงแถมยังอ่านความทรงจำของคนที่ต้องการได้อีกด้วยหนำซ้ำการอ่านความทรงจำด้วยวิธีนี้นั้นยังไม่จำกัดอยู่เพียงแค่สิ่งมีชีวิตเท่านั้นไม่ว่าจะเป็นสิ่งของชิ้นไหนก็ตามขอแค่เรนยะสัมผัสก็สามารถรับรู้อดีตและความเป็นมาของมันได้
เฝนับเป็นความสามารถที่ดีเชียวละ
แต่วิธีนี้ก็มีทั้งข้อดีและก็ข้อเสีย
โดยข้อดีก็คือเรนยะจะสามารถรู้เห็นความทรงจำรวมถึงความคิดของสิ่งที่สัมผัสได้ทุกอย่างส่วนข้อเสียนั่นก็คือในระหว่างที่เรนยะสัมผัสเพื่ออ่านความทรงจำนั้นตัวเรนยะจะอยู่ในสภาพที่ไร้การป้องกันเพราะเรนยะจะต้องใช้เวลาในการจัดเรียงข้อมูลความทรงจำที่ได้รับมาประมาณ 1 ถึง 2 นาทีเลยทีเดียว
หลังดูความทรงจำเสร็จเรนยะก็ได้ทำการรับตั๋วจากอีกฝ่ายทันทีแบบไม่ทรมาน 2 ใบก่อนที่จะกำจัดร่องรอยทิ้ง
เท่านี้เรนยะก็มีตั๋ว 12 ใบแล้ว !!!
เรนยะนี่ยิ้มแก้มปริเลยทีเดียว
“ฮู้ว ~ เย็นไว้ก่อนๆ” ถึงอยากเสี่ยงดวงมากสักแค่ไหนแต่ตอนนี้เรนยะยังมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องไปทำต่อฉะนั้นกาชาต้องเอาไว้ทีหลังก่อน
“แปลงร่าง !!!” ควันสีขาวจากการใช้คาถาพื้นฐานจากโรงเรียนนินจาเข้าปกคลุมร่างของเรนยะ
และเมื่อม่านควันจางหายเรนยะก็ได้กลายเป็นตาแก่ซึจิคาเงะโอโนกิไปแล้ว
“ฮะ ฮะ เหมือนตาแก่โอโนกิเป๊ะๆเลยคาถาแปลงร่างของเรายังไม่ขึ้นสนิมแฮะ ~” และไม่ใช่แค่ร่างกายของเรนยะเท่านั้นที่กลายเป็นโอโนกิแม้กระทั่งเสียงตอนพูดเองก็เป็นเสียงของตาแก่โอโนกิด้วยเช่นกัน
เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้วเรนยะในร่างของซึจิคาเงะรุ่นที่ 3 ก็ได้บินไปยังทิศทางของแคว้นสายฟ้าโดยเป้าหมายของเรนยะนั้นก็คือ
. . . หมู่บ้านคุโมะงาคุเระ
(ลงจ้า)
X จังเริ่มฝึกลูกศิษย์แล้วสินะ
เตะก้น Saber !!!
ฆ่า Saber ให้หมด !!!
ความคิดเห็น