ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    PLAYING WITH FIRE ♡ #เฉิงจัส #หนงคุน IdolProducer

    ลำดับตอนที่ #5 : PLAYING WITH FIRE : 4 (REWRITE)

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.ค. 61









     

     

    ช่ายสวี่คุนไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งแต่ที่ยังต้องทำตัวเหมือนทุกอย่างมันโอเคก็เพราะจะได้ซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ข้างใน พยายามที่จะไม่นึกถึงวันเวลาเก่าๆที่ไม่มีวันหวนคืนมาได้อีก ใครจะไปรู้ว่าภายใต้ดวงตาแข็งกร้าวก็เคยร้องไห้ฟูมฟายเพราะความรักไม่ต่างจากมนุษย์ ทุกคนมองว่าเขาเป็นคนไม่สนใจอะไรมองดูเหมือนเก่งเสียเต็มประดา

     

    แต่ใครจะรู้กันว่าข้างในแตกสลายไม่มีชิ้นดี

     

    แอลกอฮอล์มากมายถูกส่งเข้าปากไม่หยุด ภาพของฟ่านเฉิงเฉิงกับใครอีกคนฉายขึ้นในหัวเหมือนม้วนเทปที่ไม่มีปุ่มกดหยุด สวี่คุณซบหน้าลงกับแขนปล่อยให้ความเศร้ากัดกินเพื่อที่ได้เข้มแข็งกว่านี้ เฉยชากว่านี้ ไม่ต้องมีความรู้สึกเลยยิ่งดี

     

    สติสัมปชัญญะเริ่มขาดหายดวงตาสีเข้มฉ่ำหวานจากฤทธิ์ของน้ำเมา ร่างกายเคลื่อนไหวไปตามเสียงเพลงและสัมผัสจากคนแปลกหน้า เมาจนไม่มีแรงแม้แต่จะปัดป้อง

     

    “ทำไมถึงได้ทำตัวแบบนี้กันนะ” เสียงคุ้นหูบ่นอยู่ข้างๆก่อนร่างทั้งร่างจะถูกอุ้มขึ้นแนบอก ดวงตาสีเข้มที่ปกติจะดูไม่มีพิษไม่มีภัย แต่ตอนนี้มันกลายเป็นสีฟ้าจ้องมองทุกคนที่กำลังมองมาเหมือนว่าพร้อมจะฉีกให้เป็นชิ้นๆหากใครเข้าใกล้

     

    สัมผัสอบอุ่นทำให้แวมไพร์หนุ่มเขยิบเข้าหาอ้อมอก ดวงตาที่ปิดสนิทเปิดออกเพื่อมองหน้าของคนที่กล้าเข้ามายุ่งกับเขา สวี่คุนจะกัดให้จมเขี้ยวจะดูดเลือดให้หมดตัว ถึงคิดแบบนั้นก็เถอะพอรู้ว่าเป็นใครได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายแบบเมาๆจนไปถึงรถ

    ไม่รู้ว่าจุดจบสำหรับคืนนี้จะเป็นที่ไหน รถเคลื่อนไปข้างหน้าไม่เร็วแต่ไม่ช้าตามถนนในยามค่ำคืน จิตใจของแต่ละคนคาดเดาไม่ได้ว่าคิดอะไรอยู่ รถคันหรูจอดลงที่ลานจอดรถในคอนโดสูงตระหง่านที่สวี่คุนคุ้นดีเพราะมันคือที่ซุกหัวนอนของเขานอกจากคฤหาสน์นั่น

     

    ร่างถูกอุ้มขึ้นอีกครั้งก่อนจะพาเข้าไปในลิฟต์ไม่กี่อึดใจแวมไพร์หนุ่มก็อยู่บนเตียงในห้องนอนของตัวเอง

     

    “พี่ไม่ควรไปอยู่ในสถานที่แบบนั้นคนเดียวรู้ไหมครับ” น้ำเสียงที่ปกติจะค่อยๆพูดวันนี้ฟังดูดุดันนิดๆบวกกับสายตาที่เหมือนจะตำหนิเขาถูกส่งมา

     

    สวี่คุนหลบสายตาเหมือนเด็กทำผิดทั้งที่ปกติเป็นตัวเขาเองที่อยู่เหนือคนเด็กกว่า เสียงถอนหายใจยาวดังขึ้นพร้อมกับอีกฝ่ายที่เดินเข้ามา ผ้าเย็นๆถูกเช็ดลงบนใบหน้าและลำคอเบามือ ไม่มีเสียงพูดใดๆจากคนที่กำลังทำยกเว้นเสียแต่ใบหน้าเรียบนิ่ง

     

    “นายไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมฉันต้องไป นายไม่มีวันเข้าใจลี่หนง” สวี่คุนพูดพลางมองหน้าเจ้าของชื่อที่ถอนหายใจอีกรอบ

    “ผมว่าพี่ต่างหากที่ไม่เข้าใจ ต่อให้พี่เมาให้ตายตื่นมาพี่ก็ยังรักเขาทำยังไงพี่ก็ยังรักเขา ” ลมหายใจของลี่หนงติดขัด “เหมือนที่ไม่ว่าจะทำยังไงผมก็ยังรักพี่”

     

    ทั้งห้องเงียบสนิทดวงตาสองคู่สบกันเหมือนต้องการถ่ายทอดความรู้สึก เฉินลี่หนงชินแล้วถ้าจะถูกหลบสายตาก่อนพร้อมกับความเงียบ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาบอกรักอีกฝ่าย ไม่มีอะไรสำหรับทั้งคู่ที่เป็นครั้งแรกในคืนนี้

     

    “ผมกลับก่อนนะครับ” ลี่หนงลุกขึ้นเต็มความสูงมองแวมไพร์ที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงก่อนจะหันหลังเพื่อที่จะกลับบ้านของตัวเอง

     

    หมับ!

     

    แรงกอดรัดจากด้านหลังทำให้อนาคตจ่าฝูงต้องถอนหายใจแกะแขนเรียวออกจากเอว หันไปมองแวมไพร์ที่ปกติเย่อหยิ่งและเย็นชาแต่ตอนนี้ ช่ายสวี่คุนไม่ต่างอะไรจากลูกแมวตัวเล็กๆช้อนสายตามองเขาอย่างออดอ้อน

     

    “อยู่กับพี่นะพี่ไม่อยากอยู่คนเดียว” คำข้อร้องจากปากแวมไพร์ที่แสนเย่อหยิ่งฟังกี่ครั้งก็ทำให้อนาคตจ่าฝูงอย่างเขาใจอ่อนทุกที

    “ครับ ผมจะอยู่กับพี่ทั้งคืน”

     

    ร่างสองร่างบดเบียดเข้าหากันเหมือนมีแรงดึงดูด เสื้อยืดตัวเก่งของลี่หนงขาดเพราะฝีมือของคนแก่กว่าที่นั่งคร่อมอยู่บนตัก นิ้วเรียวยาวลากไปตามแผ่นหลังให้อีกฝ่ายสะดุ้งเล่นๆ

     

    หมาป่าหนุ่มพลิกตัวให้สวี่คุนนอนราบกับพื้นเตียง จ้องใบหน้าดูดีกับดวงตาที่สะท้อนใบหน้าของเขาอยู่ในนั้น เคลื่อนใบหน้าลงต่ำกดจูบลงบนหน้าผาก ข้างแก้ม กดจูบลงบนริมฝีปากสีซีดจูบย้ำๆแล้วสอดลิ้นเข้าไปสำรวจก่อนจะโดนเขี้ยวแหลมๆในแวมไพร์จอมยั่วขบกัดจนเลือดออก

     

    ผละออกมาจากริมฝีปากลี่หนงก็เคลื่อนกายลงไปเรื่อยๆ ขบเม้มลำคอขาวซีดจนเป็นรอยช้ำ ทุกอย่างเกิดขึ้นเหมือนหลายๆครั้งที่เคยผ่านมา กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันจนตายไปข้าง ยิ่งเวลาถูกโอบรัดด้วยบางสิ่งที่ร้อนที่สุดในตัวของช่ายสวี่คุน ร้อนเหมือนจะละลายเขาให้ได้

    กายใหญ่ถาโถมเข้าหาร่างขาวซีดที่ปัดป่ายมือไปตามแผ่นหลัง ส่งเสียงครางออกมาอย่างไม่คิดจะเก็บ ฝั่งฝันแห่งความสุขสมที่ได้รับแม้สุดท้ายมันจะกลายเป็นความขมขื่นในยามเช้า แต่ทั้งคู่ก็พร้อมจะน้อมรับมันเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

     

    อย่างที่บอกมันไม่มีอะไรที่เป็นครั้งแรกสำหรับทั้งคู่

     

    แขนใหญ่โอบกอดแวมไพร์ที่ตัวเล็กกว่าไม่มากไว้ในอ้อมกอด กดจูบลงบนหน้าผากมน ดวงตาฉ่ำปรือมองเคลื่อนขึ้นไปกดจูบที่ใต้คางของหมาป่า

     

    “ขอบคุณนะ” สวี่คุนบอกเสียงแผ่วก่อนเปลือกตาจะค่อยๆปิดจนสนิท

    ลี่หนงยกยิ้มมุมปากลูบกลุ่มผมสีอ่อนเบาๆ “ฝันดีครับพี่”

     

     

    จัสตินมองต้นคอของเพื่อนที่ตอนนี้ยกให้เป็นเพื่อนสนิทมีแต่รอยช้ำแม้มันจะถูกปิดด้วยปกเสื้อแต่ก็ยังหนีไม่พ้นสายตาของเขา เหมือนจะมองมากไปจนอนาคตจ่าฝูงถึงได้หันมามองพลางเลิกคิ้วเชิงเป็นคำถามว่ามีอะไรไหม

     

    “คอนาย” จัสตินกระซิบเสียงเบา

     

    ลี่หนงหัวเราะยกนิ้วชี้แตะลงบนริมฝีปากพลางโยกหัวเขาไปมาด้วยมืออีกข้างถึงจะโดนปัดออกแบบไร้เยื้อใย

     

    คาบสุดท้ายของวันนี้เลิกตอนบ่ายสองครึ่ง จัสตินบิดซ้ายทีขวาทีตอนที่ลุกขึ้นเก็บอุปกรณ์การเรียนเล็กๆน้อยๆ ส่วนหนังสือเดี๋ยวค่อยถือไปใส่ไว้ในล็อกเกอร์

     

    “วันนี้นายต้องไปมหาลัยของคุณชายเฉิงใช่ไหม” คำถามที่ทำให้จัสตินแปลกใจก่อนมันจะถูกเฉลยในประโยคถัดมา

    “คุณชายส่งข้อความมาบอกตั้งแต่เที่ยง ดูเขาโคตรห่วงนายเลยนะ”

    จัสตินเบะปากใส่ลี่หนงที่มองมาอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วหันไปสนใจกับของบนโต๊ะเรียนอีกครั้ง หนังสือถูกรวบขึ้นในอ้อมแขน

    “นายบอกมาก่อนเถอะว่าไปฟัดกับใครมาถึงได้ช้ำขนาดนี้”

     

    ความอยากรู้อยากเห็นของจัสตินทำให้ลี่หนงหลุดขำ เขายักไหล่แล้วเดินนำออกจากห้องไปก่อนเหมือนทุกครั้ง

     

    หลังจากเก็บของเรียบร้อยทั้งคู่ก็เดินมาที่รถ ไม่ใช่รถหรูราคาแพงแต่เป็นมอเตอร์ไซต์คันใหญ่สีดำแดง จัสตินมองรถสลับกับหน้าเจ้าของรถ ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เชื่อว่าคนตรงหน้าจะขี่อะไรแบบนี้ ในสายตาเขาเฉินลี่หนงโคตรจะไม่มีความเป็นจ่าฝูง

     

    “ต้องอุ้มขึ้นไหมคุณชายฮวง” ลี่หนงพูดติดตลก

    “ขอบใจแต่ไม่ต้องดีกว่า” จัสตินตอบแล้วเหยียบบนที่รองเพื่อคร่อมรถคันใหญ่ หมวกกันน็อกทำให้รู้สึกอึดอัดแต่มันจะปลอดภัยนั่นคือคำพูดของเฉินลี่หนง

    เขาถึงได้บอกหมอนี่ไม่มีคุณสมบัติจ่าฝูงสักนิด

     

    จัสตินอยากขอกลืนคำพูดที่ว่าเฉินลี่หนงไม่มีคุณสมบัติจ่าฝูง ไม่รู้ตอนนี้ตัวเองเผลอทำหน้าแบบไหนใส่เพื่อนตัวสูงเจ้าตัวถึงได้หัวเราะลั่น หมวกถูกคว้าออกไปจากมือแขวนไว้ที่หัวรถ

     

    “พูดจริงหรอ”

    “หรือจะให้ฉันไปเรียกพี่สวี่คุนมายืนยันว่าเขาทำรึเปล่า”

     

    จัสตินส่ายหน้าใครจะกล้ากัน แค่นึกถึงดวงตาดุๆกับความเจ็บในวันนั้นก็ขนลุกหน่อยๆแล้ว จัสตินเดินตามลี่หนงไปในอาคารขนาดใหญ่ที่อีกฝ่ายแนะนำว่าเป็นตึกเรียนของคุณชายตระกูลฟ่าน ความหรูหราของมันไม่ได้ทำให้แปลกใจสักนิด แต่ยังไงมันก็ไม่เคยทำให้ชินได้เลยสักที

     

    ลิฟต์แก้วเคลื่อนขึ้นไปบนตึกสูงก่อนจะหยุดที่ชั้นเก้า ลี่หนงจับมือให้เจ้าลูกหมาป่าที่กำลังชะเง้อดูวิวเดินตามออกมา เสียงฝีเท้าของทั้งคู่ดังก้องไปทั่วเพราะชั้นนี้เงียบสนิทเหมือนไม่มีใครอยู่ ถ้าจัสตินมาคนเดียวเขาคงกลัวว่าจะมีตัวอะไรโผล่ออกมา

     

    ประตูบานใหญ่เปิดออกมาก่อนที่ลี่หนงจะเอื้อมไปดึงมัน ผู้ชายสองคนเดินออกมามองลี่หนงก่อนจะปรายตามองเขา รอยยิ้มในแบบที่จัสตินไม่ชอบปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทั้งคู่

     

    “หมาตัวนี้มาฉันไม่สงสัย แต่หมาอีกตัวมาทำไมอันนี้อยากรู้จัง” มือชี้ที่ลี่หนงก่อนจะชี้มาทางเขา

    และเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่จัสตินได้เห็นนัยน์ตาสีฟ้าของเฉินลี่หนง ไม่ใช่หมาป่าทุกตัวจะมีสีตาแบบนี้ มันสามารถทำให้แยกได้เลยว่าตัวไหนคือตระกูลจ่าฝูง

    “ไม่เอาน่าไอ้หนู ที่นี่ไม่ได้มีลูกน้องหมาคอยต้อนรับนะนายก็รู้”

     

    ร่างของจัสตินปลิวไปตามแรงกระชาก ผู้ชายตรงหน้ายิ้มเยาะแล้วออกแรงบีบข้อมือจนเจ็บไปหมด สีหน้าเจ็บปวดของเพื่อนสนิทยิ่งทำให้ลี่หนงฉุนหนัก ไม่บ่อยนักที่จะเป็นแบบนี้กลางที่สาธารณะที่ไม่ใช่ในป่า

     

    “มีอะไรกัน”

     

    เสียงเอ่ยทักทำให้เหตุการณ์ทั้งหมดสงบลง จัสตินใช้โอกาสนั้นบิดข้อมือออกจากมือใหญ่แล้วถอยออกมาหลบหลังลี่หนง ดวงตากลมจ้องมองคนมาใหม่ที่จ้องมองเขาอยู่เหมือนกันก่อนมันจะเปลี่ยนไปตวัดตามองผู้ชายที่จัสตินไม่รู้จัก

     

    “ก็มีหมามาป้วนเปี้ยนแถวนี้เลยทักทายหน่อย” น้ำเสียงนั่นติดเย้ยหยันตอนที่มองผ่านลี่หนงไปที่ลูกหมาป่าตัวจ้อย

    “มานี่จัสติน” เสียงเรียกทำให้จัสตินลังเลแต่สุดท้ายก็โดนดันเข้าไปหาร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับใครไม่รู้ที่เพิ่งมาใหม่

    “เจ้าลูกหมาตัวนี้เป็นคนของฉัน ถ้าอยากรู้ว่าฉันหวงขนาดไหนมันมากพอที่จะทำให้พวกนายนอนจมกองเลือดเน่าๆของตัวเองได้ภายในไม่กี่วิ” ฟ่านเฉิงเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่มันแฝงไปด้วยความน่ากลัว

    “มันแค่ลูกหมาคุณชายอย่างนายจะไปสนใจทำไมกัน หรือว่าลีลามันดีถึงได้ปกป้องพวกต่างเผ่าพันธุ์โดยเฉพาะลูกหมะ

     

    ร่างทั้งร่างของผู้ชายคนนั้นลอยไปปะทะกับกำแพงจนเสียงดัง กลิ่นเลือดแตะจมูกเมื่อมันไหล่ออกมาจากหัวอีกฝ่ายจนเปียกชุ่มไปหมด

     

    “นายไม่จำเป็นต้องใส่ใจที่ฉันเป็นต้นตระกูลเพราะที่ฉันทำนายไม่ใช่ในฐานะต้นตระกูล แต่ที่ฉันทำแบบนี้จำใส่หัวไว้เลยเพราะปากสวะๆของนายกำลังดูถูกลูกหมาของฉัน”

     

    วันนี้มีอะไรให้ตกใจไม่รู้กี่เรื่องทั้งเรื่องของเฉินลี่หนงกับช่ายสวี่คุน หรือจะเป็นฟ่านเฉิงเฉิงตอนโมโหที่ไม่เคยมาก่อนเลยในชีวิต ความแข็งแกร่งของแวมไพร์ต้นตระกูลมันดูน่ากลัวเมื่อได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง จัสตินแอบลูบแขนตัวเองไม่อยากจะคิดว่าถ้าฟ่านเฉิงเฉิงไม่ได้เอ็นดูเขา ไม่แน่เขาอาจจะตายไปตั้งแต่ต่อยแวมไพร์ตรงหน้าครั้งแรกแล้วก็ได้

     

    “ขอโทษด้วยนะลูกหมา” มือใหญ่เอื้อมมาลูบหัวของจัสตินด้วยสีหน้ารู้สึกผิด

    และการกระทำทั้งหมดทำให้คนในห้องนี้สนใจจนมองมาที่เขาเป็นตาเดียว

    “ตกลงว่านี่คือคนที่นายเลือกจริงดิ่”

     

    ปู่ฝานแวมไพร์ตัวสูงมองด้วยสายตาตะลึงๆ แล้วสุดท้ายจัสตินฮวงก็ถูกแนะนำกับเพื่อนของฟ่านเฉิงเฉิงในฐานะลูกหมาที่มีเลือดของแวมไพร์ไหลเวียนอยู่ในร่างด้วย ไม่มีใครทำหน้ารังเกียจมีแต่เข้าหาจนต้องหลบหลังคนแก่กว่าที่ยืนหัวเราะ

     

    “กลัวหรอ” เฉิงเฉิงหันกลับมาถาม

    “อื้อ”

    “ไม่ต้องกลัวนะฉันอยู่นี่แล้ว”

     

    ปู่ฝาน ลี่หนง และคนอื่นๆได้แต่มองตาไม่กะพริบกับสิ่งที่ต้นตระกูลแสดงออก จำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่พวกเขาเห็นฟ่านเฉิงเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางอ่อนโยนแบบเมื่อกี้นั่นมันนานเท่าไหร่แล้ว บางคนก็ไม่เคยเห็นยิ่งกลายเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อจนต้องขยี้ตาดูซ้ำๆกับภาพตรงหน้า

     

    “เป็นแค่ลูกหมายังอ่อนโยนขนาดนี้ เลื่อนเป็นเมียเมื่อไหร่แม่งไม่อยากคิด” ปูฝ่านพึมพำกับทุกคนเบาๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

    tbc.

     

     

     

     

     

    หมาข้าใครอย่าแตะ หึ!

    คู่หนงคุนนำไปก่อนแล้วนะคะ 1 แต้ม ยังไม่ขอมีฉาก จริงๆมันซับซ้อนค่ะสองคนนี้

    ก็อารมณ์เคะราชินีกับเมะหมาอ่ะ หมาที่จัสตินยังมองว่าแบบนี่หรอจ่าฝูง

    แต่อย่าให้คุณน้องเขาดุค่ะ ร่างหมาบอกเลยว่าไม่อ่อนโยน ไม่ต่างจากคุณชายนะคะ

    ยังไงก็ฝากให้กำลังใจด้วยนะคะ ทุกคอมเม้นท์เป็นกำลังใจที่ดีมากๆ ใครชอบเรื่องนี้

    อยากอ่านเยอะๆไวๆก็ช่วยให้กำลังใจด้วยน้า ขอบคุณมากค่ะ

     

    #เล่นกับไฟเฉิงจัส

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×