คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : PLAYING WITH FIRE : 4 (REWRITE)
ช่ายสวี่คุนไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งแต่ที่ยังต้องทำตัวเหมือนทุกอย่างมันโอเคก็เพราะจะได้ซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ข้างใน
พยายามที่จะไม่นึกถึงวันเวลาเก่าๆที่ไม่มีวันหวนคืนมาได้อีก
ใครจะไปรู้ว่าภายใต้ดวงตาแข็งกร้าวก็เคยร้องไห้ฟูมฟายเพราะความรักไม่ต่างจากมนุษย์
ทุกคนมองว่าเขาเป็นคนไม่สนใจอะไรมองดูเหมือนเก่งเสียเต็มประดา
แต่ใครจะรู้กันว่าข้างในแตกสลายไม่มีชิ้นดี…
แอลกอฮอล์มากมายถูกส่งเข้าปากไม่หยุด
ภาพของฟ่านเฉิงเฉิงกับใครอีกคนฉายขึ้นในหัวเหมือนม้วนเทปที่ไม่มีปุ่มกดหยุด
สวี่คุณซบหน้าลงกับแขนปล่อยให้ความเศร้ากัดกินเพื่อที่ได้เข้มแข็งกว่านี้
เฉยชากว่านี้ ไม่ต้องมีความรู้สึกเลยยิ่งดี
สติสัมปชัญญะเริ่มขาดหายดวงตาสีเข้มฉ่ำหวานจากฤทธิ์ของน้ำเมา
ร่างกายเคลื่อนไหวไปตามเสียงเพลงและสัมผัสจากคนแปลกหน้า
เมาจนไม่มีแรงแม้แต่จะปัดป้อง
“ทำไมถึงได้ทำตัวแบบนี้กันนะ”
เสียงคุ้นหูบ่นอยู่ข้างๆก่อนร่างทั้งร่างจะถูกอุ้มขึ้นแนบอก
ดวงตาสีเข้มที่ปกติจะดูไม่มีพิษไม่มีภัย แต่ตอนนี้มันกลายเป็นสีฟ้าจ้องมองทุกคนที่กำลังมองมาเหมือนว่าพร้อมจะฉีกให้เป็นชิ้นๆหากใครเข้าใกล้
สัมผัสอบอุ่นทำให้แวมไพร์หนุ่มเขยิบเข้าหาอ้อมอก
ดวงตาที่ปิดสนิทเปิดออกเพื่อมองหน้าของคนที่กล้าเข้ามายุ่งกับเขา
สวี่คุนจะกัดให้จมเขี้ยวจะดูดเลือดให้หมดตัว
ถึงคิดแบบนั้นก็เถอะพอรู้ว่าเป็นใครได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายแบบเมาๆจนไปถึงรถ
ไม่รู้ว่าจุดจบสำหรับคืนนี้จะเป็นที่ไหน
รถเคลื่อนไปข้างหน้าไม่เร็วแต่ไม่ช้าตามถนนในยามค่ำคืน จิตใจของแต่ละคนคาดเดาไม่ได้ว่าคิดอะไรอยู่
รถคันหรูจอดลงที่ลานจอดรถในคอนโดสูงตระหง่านที่สวี่คุนคุ้นดีเพราะมันคือที่ซุกหัวนอนของเขานอกจากคฤหาสน์นั่น
ร่างถูกอุ้มขึ้นอีกครั้งก่อนจะพาเข้าไปในลิฟต์ไม่กี่อึดใจแวมไพร์หนุ่มก็อยู่บนเตียงในห้องนอนของตัวเอง
“พี่ไม่ควรไปอยู่ในสถานที่แบบนั้นคนเดียวรู้ไหมครับ”
น้ำเสียงที่ปกติจะค่อยๆพูดวันนี้ฟังดูดุดันนิดๆบวกกับสายตาที่เหมือนจะตำหนิเขาถูกส่งมา
สวี่คุนหลบสายตาเหมือนเด็กทำผิดทั้งที่ปกติเป็นตัวเขาเองที่อยู่เหนือคนเด็กกว่า
เสียงถอนหายใจยาวดังขึ้นพร้อมกับอีกฝ่ายที่เดินเข้ามา ผ้าเย็นๆถูกเช็ดลงบนใบหน้าและลำคอเบามือ
ไม่มีเสียงพูดใดๆจากคนที่กำลังทำยกเว้นเสียแต่ใบหน้าเรียบนิ่ง
“นายไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมฉันต้องไป
นายไม่มีวันเข้าใจลี่หนง” สวี่คุนพูดพลางมองหน้าเจ้าของชื่อที่ถอนหายใจอีกรอบ
“ผมว่าพี่ต่างหากที่ไม่เข้าใจ
ต่อให้พี่เมาให้ตายตื่นมาพี่ก็ยังรักเขาทำยังไงพี่ก็ยังรักเขา— ” ลมหายใจของลี่หนงติดขัด “เหมือนที่ไม่ว่าจะทำยังไงผมก็ยังรักพี่”
ทั้งห้องเงียบสนิทดวงตาสองคู่สบกันเหมือนต้องการถ่ายทอดความรู้สึก
เฉินลี่หนงชินแล้วถ้าจะถูกหลบสายตาก่อนพร้อมกับความเงียบ
ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาบอกรักอีกฝ่าย ไม่มีอะไรสำหรับทั้งคู่ที่เป็นครั้งแรกในคืนนี้
“ผมกลับก่อนนะครับ”
ลี่หนงลุกขึ้นเต็มความสูงมองแวมไพร์ที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงก่อนจะหันหลังเพื่อที่จะกลับบ้านของตัวเอง
หมับ!
แรงกอดรัดจากด้านหลังทำให้อนาคตจ่าฝูงต้องถอนหายใจแกะแขนเรียวออกจากเอว
หันไปมองแวมไพร์ที่ปกติเย่อหยิ่งและเย็นชาแต่ตอนนี้
ช่ายสวี่คุนไม่ต่างอะไรจากลูกแมวตัวเล็กๆช้อนสายตามองเขาอย่างออดอ้อน
“อยู่กับพี่นะพี่ไม่อยากอยู่คนเดียว”
คำข้อร้องจากปากแวมไพร์ที่แสนเย่อหยิ่งฟังกี่ครั้งก็ทำให้อนาคตจ่าฝูงอย่างเขาใจอ่อนทุกที
“ครับ
ผมจะอยู่กับพี่ทั้งคืน”
ร่างสองร่างบดเบียดเข้าหากันเหมือนมีแรงดึงดูด
เสื้อยืดตัวเก่งของลี่หนงขาดเพราะฝีมือของคนแก่กว่าที่นั่งคร่อมอยู่บนตัก นิ้วเรียวยาวลากไปตามแผ่นหลังให้อีกฝ่ายสะดุ้งเล่นๆ
หมาป่าหนุ่มพลิกตัวให้สวี่คุนนอนราบกับพื้นเตียง
จ้องใบหน้าดูดีกับดวงตาที่สะท้อนใบหน้าของเขาอยู่ในนั้น
เคลื่อนใบหน้าลงต่ำกดจูบลงบนหน้าผาก ข้างแก้ม
กดจูบลงบนริมฝีปากสีซีดจูบย้ำๆแล้วสอดลิ้นเข้าไปสำรวจก่อนจะโดนเขี้ยวแหลมๆในแวมไพร์จอมยั่วขบกัดจนเลือดออก
ผละออกมาจากริมฝีปากลี่หนงก็เคลื่อนกายลงไปเรื่อยๆ
ขบเม้มลำคอขาวซีดจนเป็นรอยช้ำ ทุกอย่างเกิดขึ้นเหมือนหลายๆครั้งที่เคยผ่านมา
กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันจนตายไปข้าง
ยิ่งเวลาถูกโอบรัดด้วยบางสิ่งที่ร้อนที่สุดในตัวของช่ายสวี่คุน
ร้อนเหมือนจะละลายเขาให้ได้
กายใหญ่ถาโถมเข้าหาร่างขาวซีดที่ปัดป่ายมือไปตามแผ่นหลัง
ส่งเสียงครางออกมาอย่างไม่คิดจะเก็บ ฝั่งฝันแห่งความสุขสมที่ได้รับแม้สุดท้ายมันจะกลายเป็นความขมขื่นในยามเช้า
แต่ทั้งคู่ก็พร้อมจะน้อมรับมันเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
อย่างที่บอกมันไม่มีอะไรที่เป็นครั้งแรกสำหรับทั้งคู่
แขนใหญ่โอบกอดแวมไพร์ที่ตัวเล็กกว่าไม่มากไว้ในอ้อมกอด
กดจูบลงบนหน้าผากมน ดวงตาฉ่ำปรือมองเคลื่อนขึ้นไปกดจูบที่ใต้คางของหมาป่า
“ขอบคุณนะ”
สวี่คุนบอกเสียงแผ่วก่อนเปลือกตาจะค่อยๆปิดจนสนิท
ลี่หนงยกยิ้มมุมปากลูบกลุ่มผมสีอ่อนเบาๆ
“ฝันดีครับพี่”
…
จัสตินมองต้นคอของเพื่อนที่ตอนนี้ยกให้เป็นเพื่อนสนิทมีแต่รอยช้ำแม้มันจะถูกปิดด้วยปกเสื้อแต่ก็ยังหนีไม่พ้นสายตาของเขา
เหมือนจะมองมากไปจนอนาคตจ่าฝูงถึงได้หันมามองพลางเลิกคิ้วเชิงเป็นคำถามว่ามีอะไรไหม
“คอนาย” จัสตินกระซิบเสียงเบา
ลี่หนงหัวเราะยกนิ้วชี้แตะลงบนริมฝีปากพลางโยกหัวเขาไปมาด้วยมืออีกข้างถึงจะโดนปัดออกแบบไร้เยื้อใย
คาบสุดท้ายของวันนี้เลิกตอนบ่ายสองครึ่ง
จัสตินบิดซ้ายทีขวาทีตอนที่ลุกขึ้นเก็บอุปกรณ์การเรียนเล็กๆน้อยๆ
ส่วนหนังสือเดี๋ยวค่อยถือไปใส่ไว้ในล็อกเกอร์
“วันนี้นายต้องไปมหา’ลัยของคุณชายเฉิงใช่ไหม” คำถามที่ทำให้จัสตินแปลกใจก่อนมันจะถูกเฉลยในประโยคถัดมา
“คุณชายส่งข้อความมาบอกตั้งแต่เที่ยง
ดูเขาโคตรห่วงนายเลยนะ”
จัสตินเบะปากใส่ลี่หนงที่มองมาอย่างเจ้าเล่ห์
แล้วหันไปสนใจกับของบนโต๊ะเรียนอีกครั้ง หนังสือถูกรวบขึ้นในอ้อมแขน
“นายบอกมาก่อนเถอะว่าไปฟัดกับใครมาถึงได้ช้ำขนาดนี้”
ความอยากรู้อยากเห็นของจัสตินทำให้ลี่หนงหลุดขำ
เขายักไหล่แล้วเดินนำออกจากห้องไปก่อนเหมือนทุกครั้ง
หลังจากเก็บของเรียบร้อยทั้งคู่ก็เดินมาที่รถ
ไม่ใช่รถหรูราคาแพงแต่เป็นมอเตอร์ไซต์คันใหญ่สีดำแดง
จัสตินมองรถสลับกับหน้าเจ้าของรถ ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เชื่อว่าคนตรงหน้าจะขี่อะไรแบบนี้
ในสายตาเขาเฉินลี่หนงโคตรจะไม่มีความเป็นจ่าฝูง
“ต้องอุ้มขึ้นไหมคุณชายฮวง”
ลี่หนงพูดติดตลก
“ขอบใจแต่ไม่ต้องดีกว่า”
จัสตินตอบแล้วเหยียบบนที่รองเพื่อคร่อมรถคันใหญ่ หมวกกันน็อกทำให้รู้สึกอึดอัดแต่มันจะปลอดภัยนั่นคือคำพูดของเฉินลี่หนง
เขาถึงได้บอกหมอนี่ไม่มีคุณสมบัติจ่าฝูงสักนิด
จัสตินอยากขอกลืนคำพูดที่ว่าเฉินลี่หนงไม่มีคุณสมบัติจ่าฝูง
ไม่รู้ตอนนี้ตัวเองเผลอทำหน้าแบบไหนใส่เพื่อนตัวสูงเจ้าตัวถึงได้หัวเราะลั่น
หมวกถูกคว้าออกไปจากมือแขวนไว้ที่หัวรถ
“พูดจริงหรอ”
“หรือจะให้ฉันไปเรียกพี่สวี่คุนมายืนยันว่าเขาทำรึเปล่า”
จัสตินส่ายหน้าใครจะกล้ากัน
แค่นึกถึงดวงตาดุๆกับความเจ็บในวันนั้นก็ขนลุกหน่อยๆแล้ว
จัสตินเดินตามลี่หนงไปในอาคารขนาดใหญ่ที่อีกฝ่ายแนะนำว่าเป็นตึกเรียนของคุณชายตระกูลฟ่าน
ความหรูหราของมันไม่ได้ทำให้แปลกใจสักนิด แต่ยังไงมันก็ไม่เคยทำให้ชินได้เลยสักที
ลิฟต์แก้วเคลื่อนขึ้นไปบนตึกสูงก่อนจะหยุดที่ชั้นเก้า
ลี่หนงจับมือให้เจ้าลูกหมาป่าที่กำลังชะเง้อดูวิวเดินตามออกมา เสียงฝีเท้าของทั้งคู่ดังก้องไปทั่วเพราะชั้นนี้เงียบสนิทเหมือนไม่มีใครอยู่
ถ้าจัสตินมาคนเดียวเขาคงกลัวว่าจะมีตัวอะไรโผล่ออกมา
ประตูบานใหญ่เปิดออกมาก่อนที่ลี่หนงจะเอื้อมไปดึงมัน
ผู้ชายสองคนเดินออกมามองลี่หนงก่อนจะปรายตามองเขา
รอยยิ้มในแบบที่จัสตินไม่ชอบปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทั้งคู่
“หมาตัวนี้มาฉันไม่สงสัย
แต่หมาอีกตัวมาทำไมอันนี้อยากรู้จัง” มือชี้ที่ลี่หนงก่อนจะชี้มาทางเขา
และเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่จัสตินได้เห็นนัยน์ตาสีฟ้าของเฉินลี่หนง
ไม่ใช่หมาป่าทุกตัวจะมีสีตาแบบนี้
มันสามารถทำให้แยกได้เลยว่าตัวไหนคือตระกูลจ่าฝูง
“ไม่เอาน่าไอ้หนู
ที่นี่ไม่ได้มีลูกน้องหมาคอยต้อนรับนะนายก็รู้”
ร่างของจัสตินปลิวไปตามแรงกระชาก
ผู้ชายตรงหน้ายิ้มเยาะแล้วออกแรงบีบข้อมือจนเจ็บไปหมด
สีหน้าเจ็บปวดของเพื่อนสนิทยิ่งทำให้ลี่หนงฉุนหนัก
ไม่บ่อยนักที่จะเป็นแบบนี้กลางที่สาธารณะที่ไม่ใช่ในป่า
“มีอะไรกัน”
เสียงเอ่ยทักทำให้เหตุการณ์ทั้งหมดสงบลง
จัสตินใช้โอกาสนั้นบิดข้อมือออกจากมือใหญ่แล้วถอยออกมาหลบหลังลี่หนง
ดวงตากลมจ้องมองคนมาใหม่ที่จ้องมองเขาอยู่เหมือนกันก่อนมันจะเปลี่ยนไปตวัดตามองผู้ชายที่จัสตินไม่รู้จัก
“ก็มีหมามาป้วนเปี้ยนแถวนี้เลยทักทายหน่อย”
น้ำเสียงนั่นติดเย้ยหยันตอนที่มองผ่านลี่หนงไปที่ลูกหมาป่าตัวจ้อย
“มานี่จัสติน”
เสียงเรียกทำให้จัสตินลังเลแต่สุดท้ายก็โดนดันเข้าไปหาร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับใครไม่รู้ที่เพิ่งมาใหม่
“เจ้าลูกหมาตัวนี้เป็นคนของฉัน
ถ้าอยากรู้ว่าฉันหวงขนาดไหนมันมากพอที่จะทำให้พวกนายนอนจมกองเลือดเน่าๆของตัวเองได้ภายในไม่กี่วิ”
ฟ่านเฉิงเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่มันแฝงไปด้วยความน่ากลัว
“มันแค่ลูกหมาคุณชายอย่างนายจะไปสนใจทำไมกัน
หรือว่าลีลามันดีถึงได้ปกป้องพวกต่างเผ่าพันธุ์โดยเฉพาะลูกหมะ—”
ร่างทั้งร่างของผู้ชายคนนั้นลอยไปปะทะกับกำแพงจนเสียงดัง
กลิ่นเลือดแตะจมูกเมื่อมันไหล่ออกมาจากหัวอีกฝ่ายจนเปียกชุ่มไปหมด
“นายไม่จำเป็นต้องใส่ใจที่ฉันเป็นต้นตระกูลเพราะที่ฉันทำนายไม่ใช่ในฐานะต้นตระกูล
แต่ที่ฉันทำแบบนี้จำใส่หัวไว้เลยเพราะปากสวะๆของนายกำลังดูถูกลูกหมาของฉัน”
วันนี้มีอะไรให้ตกใจไม่รู้กี่เรื่องทั้งเรื่องของเฉินลี่หนงกับช่ายสวี่คุน
หรือจะเป็นฟ่านเฉิงเฉิงตอนโมโหที่ไม่เคยมาก่อนเลยในชีวิต
ความแข็งแกร่งของแวมไพร์ต้นตระกูลมันดูน่ากลัวเมื่อได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง
จัสตินแอบลูบแขนตัวเองไม่อยากจะคิดว่าถ้าฟ่านเฉิงเฉิงไม่ได้เอ็นดูเขา
ไม่แน่เขาอาจจะตายไปตั้งแต่ต่อยแวมไพร์ตรงหน้าครั้งแรกแล้วก็ได้
“ขอโทษด้วยนะลูกหมา”
มือใหญ่เอื้อมมาลูบหัวของจัสตินด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
และการกระทำทั้งหมดทำให้คนในห้องนี้สนใจจนมองมาที่เขาเป็นตาเดียว
“ตกลงว่านี่คือคนที่นายเลือกจริงดิ่”
ปู่ฝานแวมไพร์ตัวสูงมองด้วยสายตาตะลึงๆ
แล้วสุดท้ายจัสตินฮวงก็ถูกแนะนำกับเพื่อนของฟ่านเฉิงเฉิงในฐานะลูกหมาที่มีเลือดของแวมไพร์ไหลเวียนอยู่ในร่างด้วย
ไม่มีใครทำหน้ารังเกียจมีแต่เข้าหาจนต้องหลบหลังคนแก่กว่าที่ยืนหัวเราะ
“กลัวหรอ”
เฉิงเฉิงหันกลับมาถาม
“อื้อ”
“ไม่ต้องกลัวนะฉันอยู่นี่แล้ว”
ปู่ฝาน ลี่หนง
และคนอื่นๆได้แต่มองตาไม่กะพริบกับสิ่งที่ต้นตระกูลแสดงออก
จำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่พวกเขาเห็นฟ่านเฉิงเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางอ่อนโยนแบบเมื่อกี้นั่นมันนานเท่าไหร่แล้ว
บางคนก็ไม่เคยเห็นยิ่งกลายเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อจนต้องขยี้ตาดูซ้ำๆกับภาพตรงหน้า
“เป็นแค่ลูกหมายังอ่อนโยนขนาดนี้
เลื่อนเป็นเมียเมื่อไหร่แม่งไม่อยากคิด” ปูฝ่านพึมพำกับทุกคนเบาๆ
tbc.
หมาข้าใครอย่าแตะ … หึ!
คู่หนงคุนนำไปก่อนแล้วนะคะ 1 แต้ม ยังไม่ขอมีฉาก… จริงๆมันซับซ้อนค่ะสองคนนี้
ก็อารมณ์เคะราชินีกับเมะหมาอ่ะ
หมาที่จัสตินยังมองว่าแบบ…นี่หรอจ่าฝูง
แต่อย่าให้คุณน้องเขาดุค่ะ
ร่างหมาบอกเลยว่าไม่อ่อนโยน ไม่ต่างจากคุณชายนะคะ
ยังไงก็ฝากให้กำลังใจด้วยนะคะ
ทุกคอมเม้นท์เป็นกำลังใจที่ดีมากๆ ใครชอบเรื่องนี้
อยากอ่านเยอะๆไวๆก็ช่วยให้กำลังใจด้วยน้า
ขอบคุณมากค่ะ
#เล่นกับไฟเฉิงจัส
ความคิดเห็น