คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : PLAYING WITH FIRE : 12 (REWRITE)
จัสตินฮวงมองท้องฟ้าที่ไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา
เบื้องหน้าเป็นแค่ป่าที่ยังไม่ได้ถูกแทนที่ด้วยตึกสูงใหญ่เหมือนที่อื่นๆในจีน มันเป็นอีกเหตุผลว่าทำไมจัสตินชอบหนีความวุ่นวายขึ้นมาอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียน
เพราะมันเป็นสถานที่เดียวในโรงเรียนที่ไร้ผู้คนและมีความสงบจนทำให้มีเวลาคิดเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้น
สีฟ้าครามกับแดดอ่อนๆทำให้ต้องยิ้มออกมา
เพราะยังมีความเป็นเลือดผสมระหว่างแวมไพร์กับหมาป่าถึงได้ชอบออกมาเจอแดดบ้าง
ถ้าเป็นแค่แวมไพร์อย่างเดียวคงไม่ชอบเจอแดดเท่าไหร่ มันไม่ได้เผาจนผิวไหม้เหมือนในหนังแต่ทว่ามันทำให้ผิวขาวซีดแดงเถือกจากการถูกแดดเลียมากกว่าสิ่งมีชีวิตใดๆในโลก
ฟ่านเฉิงเฉิงชอบอยู่ในที่มืดๆประจำจนบางครั้งจัสตินก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าลากต้นตระกูลไปไหนมาไหนตอนกลางวันที่แดดร้อนจนแทบจะละลายทุกอย่างได้
อีกฝ่ายจะผิวแดงขนาดไหนแอบอมยิ้มกับภาพต้นตระกูลตัวแดงในหัว
แกร่ก..
เสียงเปิดประตูเรียกให้จัสตินหันไปมองตามสัญชาตญาณ
และใครบางคนที่จัสตินไม่ชอบขี้หน้าเท่าไหร่ก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่ดูยังไงก็ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย
“ว่าไงคนของต้นตระกูล
มายืนทำอะไรตรงนี้คนเดียว”
“ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องบอกนาย”
จัสตินตอบก่อนจะเดินหนีเพราะไม่อยากจะต้องมาต่อปากต่อคำกับคนที่เขาไม่ชอบขี้หน้า
“แล้วเรื่องพ่อนายฉันควรจะต้องบอกนายไหมนะ”
จัสตินหันขวับดวงตากลมจ้องมองหน้าของหลัวเจิ้ง
ดวงตาของอีกฝ่ายดูจริงจังและมันบอกว่าไม่ได้พูดเล่นเลยสักนิด
“พ่อของฟ่านเฉิงเฉิงเป็นคนสั่งให้ไปฆ่าพ่อนาย”
สายลมเย็นพัดผ่านตัวไปแต่จัสตินยังยืนนิ่งอยู่กับที่
มือเรียวกำเข้าหากันอย่างโกรธแค้นยิ่งได้เห็นรอยยิ้มของหลัวเจิ้งก็ยิ่งแค้น
“นายฆ่าพ่อฉัน!” จัสตินตะคอกสุดเสียง
“จุ๊ๆ
ไม่ใช่ฉันคนอื่นต่างหาก ฉันก็แค่มองพ่อนายตายอย่างทรมานก็เท่านั้น”
จัสตินพุ่งเข้าหาหลัวเจิ้งออกแรงผลักอีกฝ่ายจนกระเด็นชนกำแพง
หูเล็กๆโผล่ขึ้นมาพร้อมเขี้ยวแหลม
ใบหน้าน่ารักตอนนี้มีแต่ความโกรธแค้นจนพร้อมจะฉีกแวมไพร์ตรงหน้าเป็นชิ้นๆ หลัวเจิ้งพุ่งเข้าหาจัสตินบ้าง
ปล่อยหมัดเข้าที่ท้องจนจัสตินตัวขดงอแต่ก็ยังลุกขึ้นมาสู้กับแวมไพร์ที่ประสบการณ์การต่อสู้เยอะกว่า
พลั่ก!
“คิดว่าจะสู้ได้หรอพวกหมายังไม่หย่านม”
พูดจบก็ฟาดมือลงบนแก้มใสจนมันขึ้นรอยแดงเถือก
“ก็ยังดีกว่าพวกแวมไพร์อย่างนาย
พวกชั่ว เลว!” จัสตินถ่มน้ำลายผสมเลือดในปากทิ้ง
หมัดหนักๆต่อยเข้าที่ใบหน้าของหลัวเจิ้งจนหัน
ความโกรธครอบงำจนจัสตินไม่อาจหักห้ามไฟที่กำลังปะทุอยู่ในใจได้
หลัวเจิ้งมองหมาป่าครึ่งแวมไพร์ด้วยความโมโห
เขาหยิบมีดเงินออกมาจากกระเป๋ากางเกงมันมีไว้ฆ่าแวมไพร์ ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นแวมไพร์แม้จะไม่ได้เต็มตัวการฆ่าด้วยสิ่งๆนี้ก็คงจะช่วยให้อีกฝ่ายทรมานช้าๆจนกว่าจะตาย
“ตายซะเถอะ!”
แวมไพร์หนุ่มพุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็วแต่ร่างของอีกฝ่ายกลับลอยออกไปติดกำแพงเหล็กอย่างแรงก่อนจะร่วงลงกับพื้น
ฟ่านเฉิงเฉิงปรากฏตัวขึ้นด้วยสีหน้าขึงขัง
ดวงตาดุดันตวัดมองเจ้าลูกหมาของตัวเองก่อนจะเลยไปยังหลัวเจิ้งที่ค่อยๆลุกขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มมุมปาก
เวลาไม่ถึงเสี้ยววินาทีตอนนี้ต้นตระกูลยืนบีบต้นคอของหลัวเจิ้งด้วยอารมณ์โกรธ
“โกรธหรอที่ฉันมาบอกความจริงกับคนของนาย
ในเมื่อนายก็รู้ว่าพ่อนายเป็นคนสั่งฆ่าพ่อของมัน”
หลัวเจิ้งหัวเราะไม่หยุดเมื่อพูดจบ
ต้นตระกูลออกแรงบีบจนคนที่กำลังหัวเราะต้องหยุด
แรงมหาศาลแทบทำให้ขาดใจตายถ้าเฉินลี่หนงไม่โผล่เข้ามาห้าม หลัวเจิ้งใช้เวลานั้นหนีออกไป
“ไม่คุ้มหรอกคุณชาย”
ลี่หนงเดินเข้ามาแตะที่ไหล่แล้วมองเพื่อนสนิทที่ยืนตัวสั่นเทา
“แต่มันสมควรตาย
คนอย่างหลัวเจิ้งมันสมควรตายไปจากโลกใบนี้”
“เหมือนพ่อนายไง! พ่อนายก็สมควรตายเหมือนกันฟ่านเฉิงเฉิง!”
…
จัสตินไม่ได้กลับมาที่คฤหาสน์หรือแม้แต่คอนโด
เขาร้อนรนก่อนจะเบาใจเมื่อเฉินลี่หนงโทรมาบอกว่าเจ้าลูกหมาอยู่ที่คอนโดของตัวเอง ใบหน้าหล่อเหลามองท้องฟ้าในยามค่ำคืนเขาปล่อยให้สายลมเย็นพัดพาควันจากบุหรี่ราคาแพงปลิวลอยไปก่อนมันจะเลือนหายไปในอากาศราวกับไม่เคยมีตัวตน
ฟ่านเฉิงเฉิงเกลียดที่ตัวเองมองเห็นอนาคตเพราะมันทำให้เขาขลาดกลัวเกินกว่าจะทำอะไรได้
ยิ่งจัสตินเป็นแบบนี้ก็ยิ่งทำให้เขากลัวเหลือเกิน ถ้าจะต้องห่างกันและโดนเกลียดตลอดไปแค่คิดก็เจ็บแปลบที่อกทั้งที่ไร้หัวใจ
หัวใจของเขาไม่ได้เต้นแวมไพร์ทุกตนเป็นแบบนั้น แต่เขาเจ็บจริงๆ
การเป็นต้นตระกูลทำให้ฟ่านเฉิงเฉิงไม่มีเพื่อนมาตั้งแต่เด็กๆ
บิดามักบอกว่าคนเหล่านั้นไม่เหมาะสมที่จะเป็นเพื่อนของเขา
ช่องว่างในใจของชายหนุ่มมากจนบางครั้งมันทำให้เขาดำดิ่ง
ยังดีที่ยังมีพี่สาวแต่ก็นั่นแหละบิดาจับทั้งคู่แยกกัน
สร้างกำแพงขึ้นมารอบตัวของฟ่านเฉิงเฉิงกว่าจะรู้ตัวเขาก็ถูกขังอยู่ในกำแพงนั้นมองคนมากมาย
การได้รู้จักช่ายสวี่คุนเป็นเรื่องดีอีกฝ่ายค่อยๆกะเทาะกำแพงทีละนิดจนมันพังลงในที่สุด
ความรักแรกและเพื่อนสนิทมันทำให้เฉิงเฉิงคิดเสมอว่าช่องว่างในใจที่มีอยู่มันเล็กลงไปจนเกือบไม่มีเหลือ
แล้วบิดาก็ก่อมันขึ้นอีกครั้ง
พาคนที่อยู่ในกำแพงเดียวกันไปจากเขาและก่อมันขึ้นมาใหม่
ความโดดเดี่ยวยังคงกัดกินถึงแม้จะมีเพื่อนสนิท
ยังดีที่ข้างนอกกำแพงเขามีคนที่พอไว้ใจได้บ้าง อย่างน้องก็ฟ่านปิงปิง
ไม่ก็ปู่ฝานหรือเฉินลี่หนง
ในวันที่สวี่คุนออกไปจากชีวิตจากสถานะที่เป็นอยู่เขาคิดว่าทุกอย่างจบ
จนกระทั่งได้พบจัสติน
แรงบีบที่ไหล่ทำให้ต้นตระกูลที่กำลังตกอยู่ในความคิดหันไปมอง
พี่สาวคนสวยลูบแผ่นหลังของน้องชายช้าๆอย่างปลอบประโลม
“ไม่เป็นไรนะเฉิงเฉิงพี่อยู่นี่”
ใครๆก็มักจะบอกว่าต้นตระกูลอย่างฟ่านเฉิงเฉิงคงไม่เคยเสียน้ำตาให้ใคร
แวมไพร์ที่ใครๆก็ต่างหวาดกลัวกับอิทธิพลมากมายของครอบครัว
ใครกันจะทำให้แวมไพร์หนุ่มมาดขรึมร้องไห้ได้
และใครคนนั้น…
ก็เป็นเพียงแค่ลูกครึ่งหมาป่ากับแวมไพร์
เป็นแค่สิ่งมีชีวิตเล็กๆ
แต่กลับมีอิทธิพลต่อหัวใจของฟ่านเฉิงเฉิงเหลือเกิน
tbc.
ขอโทษที่มาช้ามากเดือนนี้วิจัยเร่งมากค่ะ
เสร็จแล้วก็มีงานอื่นต่อ
ยังไงก็อย่าเพิ่งลืมเรื่องนี้นะคะ
แล้วก็เป็นกำลังใจให้คุณต้นตระกูลด้วยน้า
ฝากเชียร์เฉิงเฉิงกับจัสตินด้วยค่ะ
ขอบคุณค่ะ
#เล่นกับไฟเฉิงจัส
ความคิดเห็น