คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER:1(รีไรท์)
“ย้ายก้นเน่าๆ ของเธอออกไปจากตักของฉันเดี๋ยวนี้”น้ำเสียงโหดปนรำคาญแผดใส่หูของหญิงสาวแต่งหน้าจัดนุ่งน้อยห่มน้อยที่ดูก็รู้ว่ามีอาชีพบริการประเภทใด แม่สาวแป้งหนาหน้าเจื่อนไปนิดเมื่อลูกค้าวีไอพีรูปหล่อท่าทางมีฐานะปฎิเสธเธอที่เดินเข้ามาหาอย่างไม่ไว้หน้า แต่มีหรือที่สาวสวยเบอร์หนึ่งของเบอร์โทรศัพท์ยอดฮิตอย่างเธอจะยอมเสียหน้า เธอรีบปรับสีหน้าและแววตาให้ยั่วยวนมากกว่าเดิม มือบางลูบไล้บริเวณแผงอกแบนราบหวังปลุกอารมณ์ของชายหนุ่มโดยไม่รู้ชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเองเลยสักนิด
“ไก่อ่อนหรือจ๊ะพ่อหนุ่ม คิกคิก ไม่ต้องกลัวนะเดี๋ยวนูน่าจะสอนให้”สาวสวยเรียกแทนตัวเองว่านูน่าหัวเราะคิกคักพลางใช้มือลูบไล้แก้มป่องๆ ของชายหนุ่มด้วยท่าทีเชิญชวนจนน่ารังเกียจ อกเต่งตึงเบียดกระแซะจนแนบชิดกับอกหนาที่แบนราบของคิบอม
“กูบอกไม่รู้เรื่องหรือไงอีแก่ รูเน่าๆ อย่างมึงกูเสียบไม่ลงหรอก ถุย กูเกลียดผู้หญิงขายตัวอย่างมึงโว้ย ชัดมั้ย”คิบอมผลักหญิงสาวลงไปกองกับพื้นและด่าด้วยเสียงดังลั่นอย่างโมโห สีหน้าแสดงอาการรังเกียจอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะจบด้วยการเขี้ยงแก้วเหล้าลงที่ข้างตัวของหญิงสาวจนเศษแก้วกระเด็นไปบาดที่ใบหนาสวยเป็นทางยาว
“โว้ย อีหอก”คิบอมยกเท้าจะเตะซ้ำจนเพื่อนๆ ต้องกรูกันเข้ามาจับตัวไว้และร้องห้ามเพราะกลัวว่าคิบอมจะตกเป็นข่าวฆ่าสาวไซด์ไลน์ตายคาผับหรูกลางเมือง
“พอแล้วโว้ยคิบอม เดี๋ยวก็เป็นข่าวหรอกมึง”เพื่อนร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาเข้ามากระชากตัวคิบอมให้ออกห่างจากสาวสวยที่นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นจนน่ารำคาญและปรามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเพราะคิมคิบอมไม่ใช่แค่ลูกคนร่ำคนรวยธรรมดาแต่เป็นถึงหลานชายแท้ๆ หรือลูกบุญธรรมของหัวหน้าพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลที่เก่าแก่ที่สุดของเกาหลีใต้
“ฮึกๆ หน้าฉัน ไอ้บ้า”สาวสวยทรงโตคนเดิมหันไปด่าคิบอมอย่างโกรธแค้นเมื่อใบหน้าที่ใช้เป็นอุปกรณ์หากินของเธอโดนเศษแก้วบาดเอา
“อ้าว อีนี่...”คิบอมจะกระโจนเข้าไปใส่อีกรอบเพราะโมโหที่ถูกผู้หญิงชั้นต่ำด่าเอา เขาเป็นถึงลูกชายของหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่แต่กลับถูกผู้หญิงขายบริการผ่านมือถือด่าว่า ไอ้บ้า
“ไอ้คิบอม มึงอยากตกเป็นข่าวอีกใช่ไหม ทำอะไรคิดถึงหน้าพ่อมึงมั้งดิ”เพื่อนสุดหล่อคนเดิมหรือคิมคังอินร้องเตือนอย่างเป็นห่วงในความวู่วามและเป็นน้ำมันติดไฟง่ายของเพื่อนสนิท
“ห่วงทำห่าอะไร เขายังไม่เคยห่วงกูเลย
แม่งเอ้ย พวกมึงลากอีนี่ไปพ้นๆ หน้ากูเลยนะ ไม่งั้นกูเอาปืนเป่าหัวมันจริงๆ ด้วย”คิบอมหันไปสั่งใส่เพื่อนๆ ที่มาด้วยกันอย่างวางอำนาจ ทุกคนทำหน้าเอือมๆ ที่โดนสั่งราวกับเป็นลูกน้องแต่ก็จำต้องทำตามเพราะไม่อยากขัดใจลูกคนใหญ่คนโต
“ไอ้คังอิน มึงก็รู้ว่ากูโครตเกลียดผู้หญิงเลยแล้วมึงจะจัดให้กูทำไมว่ะ ถ้าเป็นไอ้ฮันคยองคงจะเตรียมเคะหวานๆ มาให้กูแล้ว ถุย ผู้หญิงเวลาร้องแม่งแสบแก้วหูแถมยังดัดจริตอีกต่างหาก บอกกูให้เอาเบาๆ แต่ตัวเองก็กระแทกไม่ยั้ง...”คิบอมบ่นกระปอดกระแปดเมื่อไม่ถูกใจจนคังอินแอบทำหน้าเซ็ง เขาได้แต่มองเพื่อนผู้เอาแต่ใจและคิดว่าตัวเองเป็นใหญ่อย่างเอือมระอาและเหนื่อยหน่ายใจ คบกันมาตั้งหลายปีและสนิทสนมกันก็จริงอยู่แต่คังอินไม่รู้ว่าสำหรับคิบอมแล้วเขาเป็นเพื่อนหรือขี้ข้ากันแน่เพราะคิบอมชอบสั่งเขาและวางอำนาจใส่
“มึงโทรหาไอ้ฮันคยองดิ ถามว่าจะมาหรือไม่มา ถ้าเบี้ยวอีกกูจะเผาผับมันทิ้งซะแล้วก็ไปจับน้องชายหน้าหวานของมันมาทำเมียซะเลย”คิบอมพูดทีเล่นทีจริงและออกคำสั่งใส่คังอินอีกรอบก่อนจะเบือนหน้ามองไปรอบๆ เผื่อจะเจอของถูกใจแต่ก็พบกับของที่เขาเกลียดและขยะแขยงอย่างผู้หญิง
“คราวหน้ากูจะไปเที่ยวผับเกย์”คิบอมถอนใจเซ็งๆ และมีเพียงเหล้าเท่านั้นที่ช่วยฆ่าเวลาให้เขาได้ คนอื่นๆ อาจไม่รู้และไม่เข้าใจว่าทำไมคิบอมถึงเกลียดผู้หญิงนักจะมีก็แต่คิบอมเท่านั้นที่รู้ว่าทำไม
“นายท่าน ขอร้องเถอะครับ โฮ ผมสัญญาว่าจะไม่พลาดอีกแล้ว ขอโอกาสผมสักครั้งเถอะครับ นายท่าน”เสียงร้องอ้อนวอนขอชีวิตอย่างน่าเวทนาจากชายหนุ่มวัยกลางคนซึ่งถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวนขนาดใหญ่ร้องอ้อนวอนทั้งน้ำตาที่นองหน้าไม่สมกับเป็นชายชาตรีเลยสักนิด ชายวัยกลางคนอิ้นไปดิ้นมาเหมือนกับวัวที่กำลังจะโดนเชือดปากก็ร้องขอชีวิตอย่างน่ารำคาญ ฮันคยองมองชายตรงหน้าด้วยแววตาเลือดเย็นและสงบนิ่งอย่างประหลาด ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าเขากำลังรู้สึกหรือนึกคิดสิ่งใดอยู่นอกจากตัวของเขาเอง
“ในโลกของมาเฟีย สองสิ่งที่ไม่มีคือคำว่าพลาดและโอกาสครั้งที่สอง ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าถ้ามันไม่ตายแกก็ต้องตาย ยังไงซะ เรื่องนี้ก็ต้องมีคนตาย”ฮันคยองบอกอย่างใจเย็น เขาเดินไปหยิบดาบสีเงินที่วางอยู่ออกมาจากฝักด้วยท่าทีสุขุมและเย็นชา ปลายดาบสะท้อนกับแสงไฟกลางห้องจนเกิดประกายวูบวาบสะท้อนเข้าดวงตา
“อ๊าคคค ไม่นะครับนายท่าน ขอร้อง ไว้ชีวิตผมด้วย ผมต้องหาเลี้ยงครอบครัวของผม ถ้าไม่มีผมพวกเขาจะอยู่ยังไง ขอร้อง”ชายคนนั้นร้องโวยวายและดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากโซ่ตรวนหนาแม้จะรู้ดีว่าไม่มีทางแต่นี่ก็เป็นการดิ้นรนครั้งสุดท้ายของชีวิต
“แกไม่อยากตายเพราะมีครอบครัวสินะ หึหึ ไม่ต้องห่วง ฉันจะส่งพวกมันไปอยู่กับแกในนรก...ตามไปดูแลกันในนรกยังไงล่ะ”ฮันคยองพูดอย่างใจเย็นขณะที่ย่างเท้าเข้าไปใกล้เหยื่อของเขาเรื่อยๆ ชายคนดังกล่าวร่ำไห้เสียงดังอย่างไม่อายและดิ้นหนีจนล้มลงไปพร้อมเก้าอี้ เขาพยายามกระเสือกกระสนตัวเองไปที่ประตู
“อ๊าคคค”เขาร้องเสียงหลงเมื่อถูกมีดดาบแทงลงที่ข้อเท้า ชายคนดังกล่าวถึงกับร้องไม่ออกและเหลือกตามองหน้าฮันคยองอีกครั้ง ฮันคยองไม่พูดอะไรนอกจากแสยะยิ้มและนั้นเป็นรอยยิ้มสุดท้ายที่ชายคนนี้ได้เห็นบนโลกใบนี้
“คนที่พลาดจะต้องตาย”ฮันคยองบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแต่แฝงไปด้วยความเยือกเย็น เขากดปลายดาบลงที่หนาอกตรงตำแหน่งหัวใจของชายคนนั้นแต่ไม่ได้กดลงไปลึกนักเขาปล่อยให้ชายผู้นั้นดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดก่อนจะดึงมีดออกมาพร้อมกับเลือดสีแดงฉานที่พุ่งปรี๊ดออกมา
“ไปเอาอดัมกับอีฟออกมา”ฮันคยองหันไปสั่งลูกน้องด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม แววตานึกสนุกเมื่อจะได้เห็นการแสดงล่าเนื้อสดๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น
“โฮกกกก”เพียงชั่วพริบตาเสือลายพลาดกลอนขนาดใหญ่มหึมาก็ออกมาพร้อมกับคำรามเสียงดังลั่นราวกับโมโหที่ไปคนปลุกมันตอนนอนหลับ
“เต็มที่เลยนะอดัม อีฟ”ฮันคยองเดินไปลูบหัวเสือโคร่งตัวใหญ่และบอกกับมันด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เสือดุร้ายดูสงบลงผิดปกติเมื่อฮันคยองเดินเข้าไปใกล้ นี่ไงล่ะที่เขาบอกว่า...ฮันคยองน่ากลัวกว่าเสือเพราะแม้แต่เสือยังกลัวเขา
“อ๊าคคคค”ชายคนดังกล่าวร้องลั่นอย่างหวาดกลัวแต่ก็ไม่มีประโยชน์เมื่อเสือร้ายคืบคลานเข้ามาใกล้และล้อมเขาเอาไว้ราวคือเหยื่ออันโอชะ ฮันคยองและลูกน้องเดินออกไปข้างนอกและปล่อยให้อดัมและอีฟของเขาจัดการกับอาหารดิ้นได้ให้แล้วเสร็จ
+++++++++++++++++++++++++++ส่วนนี้ถูกตัดออก++++++++++++++++++++++++
“แหม วันนี้ลงมานั่งรอที่โต๊ะเลยนะครับ คุณลีฮยอกแจ”เสียงหวานใสเอ่ยทักคนร่างบางด้วยน้ำเสียงสดใสแต่สำหรับคนที่โดนทักแล้วกลับมองว่ามันเสแสร้งและดูเหมือนเย้ยหยันอยู่ในที ทงเฮอมยิ้มมุมปากเมื่อเห็นฮยอกแจเอาแต่นิ่งเงียบและก้มหน้ากินข้าวต้มโดยไม่พูดอะไรแต่นั้นไม่ได้ทำให้ทงเฮพอใจกับปฎิกิริยาของคนหน้าหวานตรงหน้านักเพราะทงเฮตั้งใจที่จะยั่วโมโหให้ฮยอกแจลุกขึ้นมาฉะกับเขาเสียมากกว่า
“ผมขอนั่งตรงนี้นะครับ”ทงเฮเลื่อนเก้าอี้ตัวข้างๆ ฮยอกแจและนั่งลงโดยไม่สนว่าฮยอกแจจะยินดีหรือไม่ ฮยอกแจได้แต่ข่มใจเอาไว้ไม่โต้ตอบคนที่พยายามยั่วตนให้โมโหเพราะไม่อยากให้มันเป็นเรื่องราวใหญ่โต ทงเฮเหลือบมองใบหน้าสงบนิ่งของฮยอกแจด้วยแววตาเย้ยหยันปนสะใจเล็กๆ เมื่อคืนนี้ฮยอกแจคงจะได้เห็นอะไรดีๆ ระหว่างเขากับชีวอนจนเต็มสองหูและสองตาเลยสินะ ตอนนี้นั่งนิ่งอยู่ได้ทั้งๆ ที่เขาพยายามยั่วโมโหเต็มที่แล้วเชียว...อย่างงี้มันก็ไม่สนุกน่ะสิ
“ฉันพึ่งรู้นะว่ามันสนุก...นายถึงเข้าไปหานายใหญ่บ่อยๆ ใช่ไหม”ทงเฮใช้ช้อนคนข้าวต้มในถ้วยไปมาและเอ่ยถามฮยอกแจยิ้มๆ ด้วยน้ำเสียงกวนประสาทและสิ้นคำของทงเฮ ฮยอกแจถึงกับวางช้อนข้าวต้มอย่างแรงจนน้ำกระเด็นไปถูกตัวทงเฮเล็กน้อย ใบหน้าหวานหันมาจ้องคนที่มีใบหน้าสวยหวานไม่แพ้ตนอย่างโมโหและโกรธจัด
“แกยุ่งกับเขาทำไม ทงเฮ แกก็รู้ว่าฉันไปถึงไหนๆ กับเขาแล้ว แกอยากให้ฉันเกลียดแกมากกว่าเดิมใช่ไหม”ฮยอกแจกระชากแขนทงเฮขึ้นมาบีบไว้แน่นจนมันขึ้นรอยช้ำ ทงเฮได้แต่ส่งยิ้มเยือกเย็นกลับไปให้และสบตากับฮยอกแจอย่างไม่เกรงกลัว
“ใช่ ฉันอยากให้แกเกลียดฉันให้มากๆ เกลียดให้มากเหมือนที่ฉันเกลียดแกไง...แกมันคนหลอกลวง ฉันปล่อยให้แกเดินหายใจร่วมบ้านกับฉันได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว อย่าว่ากันเลยนะ ฮยอกแจ...แกกับฉันใช้ผู้ชายคนเดียวกันแล้วนะ ที่รัก”ทงเฮยกยิ้มที่มุมปากนิดๆ สายตาบ่งบอกถึงความรังเกียจและโกรธแค้นฮยอกแจอย่างรุนแรงแม้ว่าลึกๆ แล้วมันจะเจ็บปวดมากกว่าก็ตาม ฮยอกแจกัดฟันแน่นและพยายามนับเลขในใจเพื่อไม่ให้มือเผลอไปตวัดใส่ใบหน้าหวานของทงเฮเข้า ในขณะที่ทงเฮยังคงลอยหน้าลอยตายั่วโทสะของฮยอกแจด้วยใบหน้ากวนประสาท
“ลีทงเฮ”ในที่สุดความอดกลั้นก็มาถึงจุดระเบิดเพราะฮยอกแจเองก็ไม่ใช่คนที่มีความอดทนต่อสิ่งยั่วยุมากนัก มือบางปล่อยแขนของทงเฮและเปลี่ยนมาบีบที่คางสวยแทนด้วยพละกำลังที่สามารถทำให้คางของทงเฮหักได้เลยทีเดียว
“ถ้าแกคิดจะสู้กับฉันด้วยมือเปล่าก็เอาสิ ฮยอกแจ”ทงเฮพูดอย่างท้าทายและอวดดีเพราะเขามั่นใจฝีมือการต่อสู้ในระยะประชิดตัวด้วยมือเปล่าของตน ถ้าจะสู้กันด้วยวิธีนี้ฮยอกแจไม่มีทางชนะเขาแน่เพราะฮยอกแจถูกฝึกให้เชี่ยวชาญในการใช้ปืน ยาพิษ และลอบฆ่าส่วนเขาถูกฝึกให้เชี่ยวชาญในการใช้เชือก มือเปล่าและการสังหารคนในระยะประชิดแต่ถ้าเปลี่ยนมาใช้ปืน ร้อยทั้งร้อยเขาไม่มีทางสู้ฮยอกแจได้แน่
“แกมั่นใจเหลือเกินนะทงเฮ แกมั่นใจแล้วเคยเอาชนะฉันได้รึเปล่าล่ะ...ยอมรับเถอะว่าแกน่ะแพ้ฉันทุกอย่างนั้นเหละ”ฮยอกแจยิ้มอย่างเลือดเย็นและลงน้ำหนักมือที่คางสวยๆ ของทงเฮ ในขณะที่ทงเฮนิ่งอึ้งและไม่ยอมตอบโต้ แว้บเดียวเท่านั้นที่ฮยอกแจได้เห็นสีหน้าอันเจ็บปวดของทงเฮ แววตาที่มองเขาเต็มไปด้วยความรักและความผูกพันก่อนมันจะแปรเปลี่ยนเป็นความแข็งกร้าวและดุดัน
“ฉันจะฆ่าแก”ทงเฮตวาดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังก้องอย่างเจ็บแค้นก่อนมือบางจะคว้ามือฮยอกแจและบิดมันออกจากคางของตน พริบตาเดียวเท่านั้นทงเฮสะบัดมือลงที่ใบหน้าหวานของฮยอกแจอย่างแรง
เพียะ เสียงดังสนั่นจากมือที่กระทบกับเนื้อ ฮยอกแจหน้าสะบัดไปอีกทางพร้อมด้วยเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก ทงเฮแสยะยิ้มอย่างเป็นต่อและพุ่งเข้าใส่ฮยอกแจที่ตั้งหลักช้าไปนิด
“หยุดนะ”ก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลายไปมากกว่านี้ น้ำเสียงทรงอำนาจและน่าเกรงขามก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน ทงเฮจำต้องชะงักและสะบัดหน้าไปอีกทางด้วยสีหน้าเจ็บใจที่ทำได้แค่ตบฮยอกแจไปทีเดียวทั้งๆ ที่เขากะจะพุ่งมีดเสียบท้องฮยอกแจเลยแท้ๆ ส่วนฮยอกแจก็ได้แต่ก้มหน้าและไม่วายเหลือบมองทงเฮอย่างอาฆาต
“ฉันอุตส่าห์เลี้ยงให้เหมือนคน แต่กลับทำตัวเฉียดคำว่าหมาเข้าไปทุกที มีกันแค่สองคนแทนที่จะรักกันแต่กลับกัดกันเองซะได้...”นายใหญ่หรือเชวชีวอนด่ากราดอย่างหงุดหงิด เขาแค่ลงมาที่โต๊ะอาหารเช้าช้าแค่ไม่กี่นาที คนในปกครองของเขาก็ลงมือฟาดกันเละซะแล้ว ชีวอนได้แต่มองหน้าทงเฮสลับกับฮยอกแจอย่างโมโห เขาถอนหายใจออกมาแรงๆ อย่างสะกดกลั้นและพยายามข่มอารมณ์ให้เป็นปกติที่สุดก่อนจะเรียกทงเฮด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“ทงเฮ...”สิ้นเสียงชีวอน ฮยอกแจก็หันขวับไปมองทงเฮแทบจะทันทีส่วนทงเฮก็ได้แต่นึกลำพองใจและตวัดหางตามามองฮยอกแจที่จ้องตนอยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้าเย้ยหยันสะใจ
“เขาเรียกฉัน...”ทงเฮขยับปากบอกฮยอกแจและชี้นิ้วมาที่ตัวเอง ไม่มีเลยสักครั้งที่ชีวอนจะมองเห็นหรือเรียกชื่อทงเฮก่อนฮยอกแจ แต่หลังจากเมื่อคืนนี้ที่เขาได้เข้าไปหาและตอบสนองชีวอนแบบเดียวกับที่ฮยอกแจเคยทำ ชีวอนก็เรียกชื่อเขาเป็นคนแรกในเช้านี้...แล้วแบบนี้จะไม่ให้สะใจได้ยังไงในเมื่อคนโปรดของชีวอนกำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว
“มารับซองนี่ไปสิ”ชีวอนยื่นซองกระดาษสีดำให้ทงเฮและยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก ทงเฮก้มหน้าเดินไปหาชีวอนและยื่นมือไปรับด้วยท่าทีสำรวมแต่แววตากลับจ้องชีวอนแทบจะกลืนกิน ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันน้อยๆ เป็นการสื่อความหมายให้แก่คนร่างสูงที่มองตนด้วยแววตาสงบนิ่งแต่มันแฝงไปด้วยความหื่นกระหายในแบบของผู้ล่า ฮยอกแจได้แต่กัดกรามแน่นกับภาพตรงหน้า ทั้งเจ็บใจทั้งแค้นใจแม้จะรู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้สึกอะไรทั้งนั้น...คำว่าไม่มีสิทธิ์ยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บ ราชันย์ที่ไร้หัวใจกับทาสรับใช้ที่มีความรักจะมอบให้ คนนึงไม่ต้องการแต่อีกคนกลับอยากที่จะให้...นี่ล่ะมั้งคำจำกัดความของชีวอนและฮยอกแจ
“เหยื่อรายใหม่หรือครับ งานยากนะครับเนี่ย หล่อแบบนี้ผมจะฆ่าได้เหรอ”ทงเฮมองรูปถ่ายในมือแล้วหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีพร้อมด้วยถ้อยคำทีเล่นทีจริง เขามองรูปของชายที่อายุน่าจะไล่เลี่ยกับเขาด้วยแววตาเลือดเย็น ถึงจะหล่อมากกว่านี้ก็ต้องฆ่า น่าเสียดายที่เกาหลีกำลังจะสูญเสียผู้ชายหน้าตาดีไปอีกคน
“มีเวลาให้เล่นด้วยอยู่นะทงเฮ ก่อนที่จะฆ่าต้องสืบเรื่องในพรรคที่ตาของเจ้าหมอนี่เป็นหัวหน้าอยู่แล้วหลังจากที่ได้ข้อมูลมาจนครบแล้วก็จัดการมันซะ...ทั้งครอบครัว”ชีวอนบอกอย่างสุขุมและอมยิ้มเจ้าเล่ห์นิดๆ ก่อนที่ดวงตาของทงเฮกับชีวอนจะสบกันด้วยความตั้งใจ เนิ่นนานอยู่อย่างนั้นราวกับจะใช้สายตาสื่อสารกันแต่ก็เป็นการสื่อสารกันในเรื่องอย่างว่าเสียมากกว่า ไร้ซึ่งความผูกพันและรักใคร่ใดๆ ทั้งสิ้น
เพลี้ยง
ฮยอกแจตั้งใจปัดแจกันที่อยู่ใกล้ๆ ให้หล่นลงกับพื้นด้วยโทสะและอารมณ์หึงหวงที่แล่นอยู่ในจิตใจ ทั้งสองจำต้องหันมามองต้นเหตุของเสียง ทงเฮเบ้ปากนิดๆ กับการทำลายข้าวของเรียกร้องความสนใจของฮยอกแจส่วนชีวอนก็ได้แต่ขมวดคิ้วเป็นปมและมองด้วยสายตาว่างเปล่า
“ฮยอกแจตามฉันไปที่ห้องทำงาน”ชีวอนเอ่ยกับฮยอกแจด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบยิ่งกว่าเขาหมุนตัวหันหลังและเดินขึ้นบันไดไปทันที ฮยอกแจจึงเดินตามหลังชีวอนไปห่างๆ แต่ก็ไม่วายหันมาจ้องหน้าทงเฮที่ยืนผิวปากอย่างอารมณ์ดี
“ระวังตัวไว้นะทงเฮ อย่าหันหลังให้ฉันก็แล้วกัน”ฮยอกแจกัดฟันพูดกับทงเฮด้วยความแค้นใจ ทงเฮเข้าใจความหมายดีแต่ก็เชิดหน้าใส่ฮยอกแจและเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี ฮยอกแจมองตามแทบเหลียวหลัง ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าทงเฮจะทำกับเขาขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เราเคยรักกันดีแท้ๆ สิ่งที่ทงเฮทำก็เหมือนแทงข้างหลังเขาเพราะ เขารักชีวอนแบบคนหนุ่มสาวไม่ใช่รักแบบผู้มีพระคุณ
ฮยอกแจผลักประตูไม้บานใหญ่ที่คุ้นเคยและค่อยๆ ก้าวเข้าไปในห้องทำงานของชีวอนด้วยความรู้สึกที่ต่างไปจากครั้งก่อนๆ ไม่มีความดีใจ ตื่นเต้นอย่างที่ผ่านมาแต่มันมีแต่ความเสียใจ ผิดหวังและโกรธนิดๆ แม้ว่าชีวอนจะเคยบอกไว้ว่าให้พยายามทำตัวว่างเปล่าและไร้ความรู้สึก
ฮยอกแจมาหยุดยืนที่หน้าโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ของชีวอนและก้มหน้าลงต่ำมองที่พื้นโต๊ะไม้สีน้ำตาลซึ่งถูกขัดจนขึ้นเงา
“เงยหน้าขึ้นสิ”ชีวอนบอกคนหน้าหวานที่ยืนก้มหน้าท่าทางสงบนิ่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนด้วยน้ำเสียงนิ่ง แววตาสีนิลจ้องคนตรงหน้าอย่างแปลกใจที่วันนี้ฮยอกแจดูซึมเศร้าไม่สดชื่นเหมือนทุกครั้ง ฮยอกแจหลับตาลงเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับชีวอนตรงๆ แววตาคู่นั้นกำลังดึงดูดให้เขาอยากเข้าไปใกล้อีกแล้วทุกครั้งที่ได้สบตากับชีวอน เขาไม่เคยควบคุมความต้องการของตัวเองได้เลย
“เจ็บรึเปล่า”ชีวอนมองไปที่แผลของฮยอกแจและลุกเดินเข้าไปใกล้ ฮยอกแจไม่ตอบอะไรนอกจากก้มหน้าลงอีกครั้งหนึ่งจนมือหนาต้องจับตัวคนร่างบางให้หันมาเผชิญหน้ากับตนและเชยคางมนขึ้นให้สบตากับตัวเองตรงๆ แม้จะไม่ค่อยรู้สึกต่ออะไรมากนักแต่ชีวอนก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กๆ ที่เด็กในปกครองของเขาทำท่าเมินเฉยใส่
“กำลังรู้สึกยังไง”ชีวอนถามขึ้นอีกครั้งและจ้องหน้าฮยอกแจอย่างคาดคั้น เขาไม่ชอบเดาความรู้สึกของใครจึงชอบที่จะถามออกไปตรงๆ มากกว่าเพราะความรู้สึกที่ชาวบ้านเรียกกันว่า รัก โกรธ ไม่พอใจ คิดถึง หรืออะไรแบบนั้นเขาไม่ค่อยเข้าใจมันเท่าใดนักเพราะเขาเป็นคนที่มีความรู้สึกที่ไม่หลากหลายเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ และฮยอกแจดูจะมีความรู้สึกที่หลากหลายมากกว่าใครทั้งหมดในบ้านหลังนี้ บางทีเขาควรที่จะเรียนรู้มันจากฮยอกแจรึเปล่า
ฮยอกแจไม่ตอบอะไรกลับไปเพราะมัวแต่ติดอยู่ในวังวนของดวงตาคมเข้ม ชีวอนเห็นสายตาของฮยอกแจก็เข้าใจในทันทีแต่เขายังไม่ต้องการมันตอนนี้จึงส่งยิ้มเย็นที่มุมปากกลับไปเท่านั้น
“ได้เวลาทวงคืนแล้วนะฮยอกแจ ความยุติธรรมของนายน่ะ...สะสางมันให้เรียบร้อยสิ”ชีวอนบอกด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบและแฝงไปด้วยความเหี้ยมเกรียม มือหนาประคองใบหน้าหวานและใช้นิ้วหัวแม่มือกดแผลที่มุมปากของฮยอกแจแต่ความเจ็บปวดเพราะบาดแผลที่ถูกกดทับนั้นไม่ได้สะเทือนต่อฮยอกแจเท่าใดนักเพราะเขากำลังนึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดกับพ่อและแม่สุดที่รักของเขา เพราะตระกูลของพวกมันที่ทำให้ฮยอกแจมีอดีตที่เลวร้ายเช่นนี้...ถึงเวลาชำระแค้นแล้วสินะ
“ฉันจะส่งตัวนายเข้าไปในฐานะหลานชายของนางบำเรอที่ไอ้ฮันซุกมันเลี้ยงไว้...ใช้โอกาสของนายให้เต็มที่ยิ่งมันพินาศเท่าไหร่นายก็ชนะมากเท่านั้น สุดท้ายก็ฆ่ามันทั้งครอบครัวเหมือนที่มันทำกับนาย”ชีวอนเบียดตัวเข้าไปชิดฮยอกแจมากขึ้นและกระซิบอย่างแผ่วเบาแต่แฝงไปด้วยอำนาจ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของฮยอกแจสงบนิ่งและเงยขึ้นสบกับดวงตาสีนิลของชีวอน
“ผมไม่พลาดแน่”ฮยอกแจตอบกลับด้วยความมั่นใจและเยือกเย็น เขาตั้งใจฝึกฝนมาตลอดสิบปีเพื่อวันนี้ ฝึกมาเพื่อฆ่าพวกมัน ไอ้ฮันซุก...ชื่อที่เขาจำได้มาจนถึงทุกวันนี้
“ฉันรู้ดีว่านายไม่เคยพลาดและนายก็ไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังด้วย ฮยอกแจ”ชีวอนหัวเราะในลำคอเบาๆ แล้วเบียดกายให้แนบชิดกับฮยอกแจมากขึ้น หน้าขาของฮยอกแจเสียดสีกับเจ้าป่าน้อยของชีวอนที่กำลังพองโตและจะคำรามออกมา ฮยอกแจยกมือขึ้นทาบอกแกร่งที่ผ่านการออกกำลังกายมามากจนสวยงามได้ขนาดนี้ มือบางเล่นปูไต่ไปเรื่อยกับอกของชีวอนพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ ที่ส่งให้คนร่างสูง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเช่นเดียวกับสีผมสบกับดวงตาคมสีนิลที่เป็นดั่งมนต์ตราน่าหลงใหลที่สะกดฮยอกแจให้เคลิบเคลิ้มและหลงใหลจนถอนตัวไม่ขึ้น ความโหยหาและต้องการคุกกรุ่นอยู่ในกายของฮยอกแจจนยากจะต้านทาน มือบางปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตสีน้ำตาลออกสองเม็ดเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยรำไร ชีวอนเบียดกายให้ชิดกับฮยอกแจ มือหนาจับที่สะโพกมนและบีบเค้นมันเบาๆ
“แต่อย่าไปนานนักนะเพราะฉันคงเหงา”ชีวอนกระซิบที่ข้างหูฮยอกแจด้วยน้ำเสียงแหบพร่าและใช้ปากหนาขบที่หูฮยอกแจเบาๆ ก่อนจะแทะเล็มที่ติ่งหูของฮยอกแจจนเจ้าตัวเคลิบเคลิ้มแต่ชีวอนปล่อยให้ฮยอกแจเคลิ้มเพียงไม่นาน ร่างสูงก็เหวี่ยงร่างบางไปกระแทกกับประตู
ผลั่ก ฮยอกแจนิ่วหน้าเล็กน้อยด้วยความจุกและเพียงชั่วพริบตาชีวอนก็ตามมาขนาบร่างบางเอาไว้ มือหนาเชยคางเรียวให้เงยหน้าขึ้นสบตากับตน ฮยอกแจยิ้มออกมาเมื่อเห็นแววตาของสิงโตร้ายที่กำลังเผยโฉมออกมาทีละนิด ความต้องการของชีวอนรุนแรงจนคนปกติยากที่จะรับได้แต่นั่นคือสิ่งที่ฮยอกแจต้องการ ยิ่งเขารุนแรงราวกับพายุคลั่งมากเท่าไหร่ ฮยอกแจก็รู้สึกอิ่มเอมมากเท่านั้น
“ผมคงต้องไปนาน เต็มที่เลยนะครับนายใหญ่”ฮยอกแจกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นๆ พร้อมรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก ชีวอนมองฮยอกแจอย่างหื่นกระหายเพียงพริบตาเดียว ปากหนาก็ครอบครองริมฝีปากบางไม่ให้พูดได้อีก ชีวอนกดจูบและส่งลิ้นดุนดันเข้าไปในปากของฮยอกแจราวกับจะกวาดต้อนทุกอย่างที่อยู่ในนั้นออกมาไร้ซึ่งความอ่อนโยนและนุ่มนวลมีเพียงความกักขฬะและร้อนแรงแบบที่ฮยอกแจต้องการ
+++++++++++++++ตัดออก++++++++++++++++
“ทุเรศจริงๆเลย ถ้าฉันรู้ว่าคนที่จะมาดูตัวเป็นเธอ ฉันไม่เสียเวลามาหรอก ชิ”ซองมินตบโต๊ะเสียงดังด้วยความไม่พอใจ ดวงตากลมโตจ้องหน้าหญิงสาวน่าตาจิ้มลิ้มตรงหน้าอย่างดูแคลน คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันและไล่สายตามองหญิงสาวตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เธอน่ะชื่อซันนี่ใช่ไหม...นี่ แม่ซันนี่ ระหว่างเธอกับฉันใครน่ารักกว่ากัน”ซองมินเชิดหน้าถามด้วยน้ำเสียงเหวี่ยงๆ แต่ก็แอบสะใจนิดๆ ที่เห็นสีหน้าของยัยตุ๊กตาหน้าเดียวเริ่มเจื่อนลงเรื่อยๆ ซันนี่ถึงกับกลืนน้ำลายไม่ลงเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี ถ้าบอกว่าเธอน่ารักกว่า ซองมินก็ต้องไม่พอใจและพาลต่อว่าเธอตามประสาคนเอาแต่ใจตัวเองแต่ถ้าตอบว่าซองมินน่ารักกว่าเธอมันก็ดูเสียหน้าชอบกล ในเมื่อเธอเป็นผู้หญิงแล้วผู้ชายจะมาน่ารักกว่าได้ยังไงกัน
“ตอบมาเร็วๆ สิ...ฉันกับเธอใครน่ารักกว่ากัน”ซองมินถามซ้ำอีกรอบด้วยความหงุดหงิดและยิ่งจิกตาใส่ซันนี่มากกว่าเดิม ซันนี่แอบถอนใจอย่างอึดอัดนิดๆ ตอนแรกก็ดีใจอยู่หรอกที่คนมาดูตัวเธอในวันนี้เป็นรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยที่เธอแอบปลื้มความน่ารักแม้จะได้ยินเกียรติศักดิ์ร่ำลือถึงความเอาแต่ใจและวีนเหวี่ยงมาบ้าง
“พี่...พี่ซองมินน่ารักกว่าค่ะ”ในที่สุดซันนี่ก็ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน ซองมินได้ยินเช่นนั้นก็เชิ่ดหน้ายิ้มอย่างภูมิใจและอดไม่ได้ที่จะหยิบกระจกเล็กๆ สีชมพูที่พกติดตัวไว้มาส่อง ของมันแน่อยู่แล้วล่ะ ใครๆ ก็บอกว่าฉันน่ารักเหมือนนางฟ้าตัวน้อยๆ แล้วผู้ชายน่ารักอย่างฉันจะแพ้ผู้หญิงหน้าตาอย่างเธอได้ยังไง
ซองมินเก็บกระจกแล้วตีหน้าขรึมตามเดิม เขามองซันนี่ด้วยหางตาราวกับไม่อยากที่จะเห็นอีกก่อนจะลุกขึ้นและกอดอกเชิดๆ
“ฉันไม่แต่งงานกับผู้หญิงที่น่ารักน้อยกว่าฉันหรอกนะ อย่าเจอกันอีกเลย”ซองมินกระแทกเสียงใส่ตรงประโยคสุดท้ายและเดินไปโดยไม่ปล่อยให้ซันนี่ได้กล่าวลาเลยสักนิด ซันนี่ได้แต่นั่งก้มหน้าด้วยอารมณ์อยากจะบ้าตาย...ไม่นึกว่าซองมินจะมีนิสัยเลวร้ายขัดกับหน้าตาได้ขนาดนี้ ทั้งหยิ่ง ทั้งจองหอง และเอาแต่ใจตัวเอง
ซองมินเดินหน้าตูมออกมาจากร้านเมื่อนึกถึงใบหน้าเหี้ยมโหดของพี่ชาย ไม่สิ ผู้ชายที่เขาต้องเรียกว่าพี่ต่างหาก...ฮันคยองชอบจับเขาไปดูตัวกับคนนู้นคนนี้เหมือนเขาเป็นตุ๊กตาและทุกอย่างก็เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจเลวๆ ทั้งนั้น ไม่มีใครเลยที่คิดจะจริงใจกับเขาและเขาไม่มีทางแต่งงานกับคนที่พี่ชายหาให้หรอกนะ
แต่ซองมินก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับได้แป๊ปเดียว ร่างเล็กที่ค่อนข้างอวบอัดรีบวิ่งไปหาผู้ชายใส่สูทสวมแว่นดำที่ยืนพิงรถคันหรูด้วยความร่าเริงและลืมเรื่องราวหงุดหงิดใจก่อนหน้านี้ไปจนหมดสิ้น
“หวัดดีฮะคุณโจว”ซองมินโบกมือทักทายคนหล่ออย่างอารมณ์ดี ใบหน้าน่ารักส่งยิ้มกว้างจนเห็นไรฟันพร้อมกับสายตาระยิบระยับแต่คนหล่อตรงหน้ากลับวางสีหน้าเฉยชาและนิ่งสนิท
“ครับ คุณหนู”โจวคยูฮยอนตอบรับร่างอวบด้วยน้ำเสียงทุ่มต่ำและแทบจะไม่ได้ขยับปาก ก่อนจะบริการคุณหนูลีซองมินด้วยการเปิดประตูรถให้ร่างอวบขึ้นไปนั่ง
ซองมินหุบยิ้มแทบไม่ทันและก้าวขึ้นรถไปด้วยสีหน้าหงุดหงิดและขัดใจเล็กน้อย เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง...โจวคยูฮยอนหรือบอดี้การ์ดและคนขับรถส่วนตัวของเขามักจะตอบกลับมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยและพูดอยู่ประโยคเดียวคือ ครับคุณหนู
หลังจากนั้นคยูฮยอนก็จะไม่ปริปากพูดอะไรออกมาอีกเลยทั้งวัน ซองมินมองด้านหลังของคนที่ขึ้นมานั่งประจำตำแหน่งของตัวเองด้วยความหงุดหงิดปนน้อยใจ คยูฮยอนใช้เวลาอยู่กับเขามากกว่าคนในครอบครัวเสียอีกแต่แทนที่จะสนิทสนมกันซองมินกลับรู้สึกว่าคยูฮยอนค่อยๆ ห่างเขาออกไปเรื่อยๆ ยิ่งนานวันช่องว่างระหว่างคุณหนูลีกับบอดี้การ์ดโจวก็มากขึ้นๆ จนซองมินอดไม่ได้ที่จะน้อยใจ ซองมินมักเป็นคนที่หยิบยื่นไมตรีให้แก่คยูฮยอนก่อนเสมอแต่คยูฮยอนกลับไม่สนใจและมองข้ามมันไป ....... นี่เขาใส่อารมณ์กับคนขับรถของตัวเองมากเกินไปรึเปล่านะ คุณหนูตระกลูลีผู้ยิ่งใหญ่อย่างเขาจำต้องมานั่งเอาใจคนขับรถของตัวเองด้วยงั้นหรือ
“น่าเบื่อจังเลยนะครับคุณโจว วันนี้ผมมาดูตัวกับผู้หญิงหน้าตาธรรมดาๆ คนนึง...คุณโจวรู้ไหมฮะว่าผมน่ารักกว่าเธอคนนั้นอีกนะครับ”ซองมินพูดกลั้วหัวเราะเพื่อให้บรรยากาศรอบตัวผ่อนคลายลง เขาไม่ชอบนั่งเงียบไปตลอดทางหรอกนะและทุกวันเขาก็จะมีเรื่องมาเล่าให้คยูฮยอนฟังไม่ซ้ำกันเลย บางวันหงุดหงิด บางวันเสียใจ บางวันมีความสุข เขาก็จะเก็บเรื่องราวของตัวเองในแต่ละวันมาเล่าให้คยูฮยอนฟังและแม้แต่ความลับที่ไม่มีใครรู้ เขาก็ยังไว้ใจที่จะบอกมันกับคยูฮยอนเพราะรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ๆ กับคนขับรถแสนเฉยชาคนนี้
“ผมน่ารักกว่าผู้หญิงคนนั้นอีกนะครับคุณโจว”ซองมินเน้นคำว่าน่ารักกว่าผู้หญิงและยื่นหน้าไปตรงกลางระหว่างเบาะอย่างจงใจและค่อนข้างเปิดเผย แก้มของเขาแทบจะแนบชิดกับแก้มของคยูฮยอนและห่างกันเพียงไม่กี่เซนติเมตร ซองมินค่อยๆ หันไปหน้าไปหาคยูฮยอน สายตาจับจ้องอยู่ที่สันจมูกไล่ลงมาที่ริมฝีปากด้านล่างเหมือนมีมนต์สะกดอะไรบางอย่างที่บอกให้ซองมินขยับหน้าไปใกล้ให้มากขึ้นๆ ซองมินค่อยๆ ยื่นหน้าไปหาคยูฮยอนอย่างตั้งใจในขณะที่บอดี้การ์ดหนุ่มยังคงมองตรงไปข้างหน้าและแทบจะไม่รู้สึกว่ามีคนกำลังคิดที่จะช่วงชิงริมฝีปากของตน
เอี๊ยดดดดดด
“โอ้ย”คยูฮยอนเบรกรถตัวโก่งจนซองมินหัวทิ่มไปข้างหน้า คยูฮยอนเหลือบตามองนิดๆ แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา ซองมินถึงกับร้องโอดโอ้ยเมื่อหัวไปโขกกับกระจกรถด้านหน้า
“ไฟแดงครับคุณหนู”คยูฮยอนยังบอกด้วยอาการนิ่งเฉยและคำว่าขอโทษที่สมควรจะพูดมันออกมากลับไม่มีและไม่คิดที่จะเอ่ยมันกับคนที่มีศักดิ์เป็นเจ้านาย ซองมินไม่ว่าอะไรแต่หันกลับมามองคยูฮยอนตาขวางๆ
“คุณหนูกลับไปนั่งที่เถอะครับ”คยูฮยอนสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบและนั่นก็ยิ่งทำให้ซองมินไม่พอใจแต่ก็จำยอมผลุบหัวลงไปและทิ้งตัวกับเบาะหลังรถ ซองมินมองด้านหลังของคยูฮยอนอย่างใช้ความคิดและต้องการที่จะเอาชนะ....ที่ซองมินไม่ยอมมองใครและไม่ตอบตกลงคนที่ฮันคยองหามาให้เลยสักคนเพราะใครกันล่ะถ้าไม่ใช่เพราะโจวคยูฮยอนคนนี้
‘ผมไม่มองใครเลยก็เพราะคุณนั้นเหละ คุณโจว’
และถึงแม้ว่าโจวคยูฮยอนจะรับรู้หรือไม่ก็ตามว่าได้ขโมยหัวใจคุณหนูขี้วีนคนนี้ไปแล้ว ลีซองมินก็จะทำให้คยูฮยอนรับผิดชอบมันให้ได้ ต่อไปนี้จะไม่ใช่แค่ซองมินที่แอบมองคยูฮยอนด้วยสายตาแบบนี้แต่คยูฮยอนต้องหันกลับมามองเขาด้วยความรักและลุ่หลงมากกว่าสองเท่า...ฉันจะรุกนายแล้วนะ โจวคยูฮยอน
ซองมินอมยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ดวงตากลมโตมองคยูฮยอนจากด้านหลังอย่างครุ่นคิด ต่อไปเขาจะไปนั่งมองคยูฮยอนจากเบาะข้างๆไม่ใช่นั่งมองอยู่ที่เบาะด้านหลังแบบนี้
อยากอ่านเอ็นซีและส่วนที่ถูกตัดไปก็เม้นและทิ้งเมลล์ไว้ค่ะ จะแก้ปัญหาโดนแบนด้วยวิธีนี้ก่อน ถ้ามีวิธีที่ดีกว่านี้ก็จะเปลี่ยนค่ะ
เรื่องนี้ กระต่ายยั่วนี่หว่า 55
ความคิดเห็น