คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5 วงล้อมของคาร์
“หืม เสียงยังดังลั่นอยู่เลยนะ”ฟ้าใสเอ่ยความเห็นออกมาหลังจากฤทธิ์ของชาสูตรลับ หมดฤทธิ์ไปแล้ว
“อืม พวกเอลฟ์ก็แตกตื่นกันมากซะด้วย”ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆตอบเห็นด้วย เขากำลังจ้องมองเหล่าอสูรเอลฟ์ที่วิ่งขนของวุ่น เหมือนกำลังจะหนีอะไรบางอย่าง
2 หนุ่มสาวยังคงสนทนากันต่อไปเรื่อยๆ แบบไม่สนใจเสียงที่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่ง
“เฮ้ย ไอ้หมอนั่น”ชิออนอุทานลั่น เมื่อเห็นเฟตพาใครบางคน ที่เขาทราบกิตติมศักดิ์จากแฟนตนเองดีว่า เกลียดผู้ชายเข้าไส้
ฟ้าใสได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองตามสายตาของแฟนหนุ่มที่จ้องมองไปด้านล่างด้วยสายตาตื่นตกใจ
หญิงสาวเมื่อเห็นภาพเหมือนที่แฟนหนุ่มเห็นก็อ้าปากค้างแบบไม่เชื่อสายตา
เฟตนั้นอุ้มหญิงสาวผมทองไว้ในอ้อมแขน ส่วนหญิงสาวในอ้อมแขนก็ไม่มีทีทาโกรธหรือโวยวายอะไร เธอทำแค่เพียงซบหน้าลงกับหน้าอกของชายหนุ่มที่กำลังไล่ตามเอลฟ์เพื่อให้เป็นตัวนำทางกันหลงป่า
แต่เขาไม่รู้ตัวเลยว่า ตนเองทำให้เหล่าเอลฟ์ที่หนีรอดมาแล้ว ต้องเตรียมตัวรับศึกหนัก ในกรณีที่หัวหน้ากองอัศวินแห่งความมืดมาถึง
“หืม”เฟตได้ยินเสียงที่คุ้นเคยก็เงยหน้ามอง แล้วเขาก็ต้องแปลกใจที่เห็นเจ้านายกับแฟนเจ้านาย กำลังยืนอ้าปากค้างกันอยู่ ด้วยความสงสัยชายหนุ่มจึงอดร้องถามไม่ได้ว่า
“ไปทำอะไรบนรังนกนั่นน่ะ จะเป็นหนอนให้ลูกนกเหรอ”
คำถามนี้ทำให้เหล่าเอลฟ์หันมามองตาขวาง เพราะการดูถูกบ้านเรือนพวกเขา เท่ากับการดูถูกป่า แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาจะเอาเรื่องกัน พวกเอลฟ์จึงเลิกความคิดที่จะด่า หันไปช่วยกันขนของเตรียมหนีแทน
“อุ๊ฟ ฮ่าฮ่าฮ่า ถามโง่ๆแบบนี้ เพื่อนฉันจริงๆด้วย แม้ผมจะขาวเปลี่ยนไป แต่ความโง่เหมือนเดิม”ชายหนุ่มที่ถูกถามหัวเราะลั่นกับความซื่อของเพื่อนตัวเอง ที่กำลังจะหาทางขึ้นมาหาเขา แต่ติดที่ว่าทางเดินขึ้นเป็นทางเล็ก ไม่เหมาะที่จะพาหญิงสาวในอ้อมแขนไปด้วย เพื่อนของเขาจึงส่ายหน้าอย่างเสียดายแรง
แต่ในพริบตาต่อมา แฟนของเขาก็อุทานด้วยความตกใจ ชายหนุ่มจึงหันไปมองด้วย ซึ่งเขาก็แปลกใจเช่นกัน ที่เห็นเพื่อนตนเองโผล่มาอยู่ข้างบนแล้ว ทั้งๆที่เมื่อกี๊ยังเห็นอยู่ข้างล่างอยู่เลย
เฟตเมื่อขึ้นมาถึงแล้ว ก็วางหญิงในอ้อมแขนลงกับที่นั่ง ที่ทำมาจากกิ่งไม้
เทียร่าเมื่อถูกปล่อยก็ผงะจากตัวของเฟตทันที ทิ้งให้เฟตงงกับท่าทีของหญิงสาวคนนี้
ตอนแรกเฟตนึกว่าจะลุกขึ้นมาฟันเขาเลยเสียอีก แต่เมื่อเห็นเทียร่ายังคงนั่งกอดตัวเองแบบสั่นๆอยู่ถึงกับหันไปมองหาตัวช่วย
ตัวช่วยของเขาดูเหมือนจะเข้าใจอาการของเพื่อนดี เธอเดินเข้าไปใกล้เพื่อนสาว แล้วค่อยเอื้อมมือไปแตะที่ไหล่เป็นเชิงให้กำลังใจ ซึ่งต่อมาเธอก็ส่งสายตามายังชิออนกับเฟต เหมือนกับจะเป็นการไล่ให้ออกไปก่อน
ชายหนุ่มทั้ง 2 รู้ตัวดี จึงออกไปจากรังนก เอ๊ย บ้านเอลฟ์บนต้นไม้อย่างว่าง่าย หลังจากลงมาแล้ว 2 ชายหนุ่มก็คุยกันฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ
“อะไรนะ ไปทัวร์นรกมาเหรอ เฮ้ย จริงดิ เป็นไงมั่ง สาวสวยมั้ย”ชิออนรีบถามเมื่อได้ยินข่าวว่าเพื่อนตนเองพึ่งตายมาแบบสดๆร้อนๆ
“ตอนลืมตาที่แรก เจออยู่คนหนึ่ง คงจะสวยล่ะมั้งไม่เห็นหน้า เห็นแต่มือที่เรียวงามแบบนางแบบ แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ครั้งหน้าผมไม่ไปอีกแล้วแน่ๆ ที่บ้าๆแบบนั้น”เฟตกล่าวอย่างไร้เยื่อใย เหมือนกับเป็นความหลังฝังใจที่ไม่น่าจำซะเท่าไหร่
เพื่อนของเขาเองก็ฉลาดพอที่จะไม่รื้อความหลังของเพื่อน จึงตบบ่าเบาๆแล้วเหล่ไปทางผมของเพื่อนที่พึ่งรู้สึกว่าแปลกไปมาก
เฟตเห็นชิออนมองเช่นนั้นก็รู้ว่าสงสัย แต่เขาติดสัญญากับ ‘หมอนั่น’ ไว้ ซึ่งไม่อาจจะบอกอะไรออกไปได้มาก จึงเอ่ยเกริ่นๆเสียงเรียบเหมือนเดิม
“มันคือตัวแทนสัญญาน่ะ ต่อจากนี้ผมจะเป็นฝ่ายมาร จนกว่าจะ.. อุ๊บ”
ตอบยังไม่ทันจบ เฟตก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา จึงเงียบเสียงไปโดยพลัน เมื่อนึกได้ว่าสิ่งที่ตนเผลอพูดไปก็เป็นหนึ่งใน ‘ข้อตกลงระหว่างเรา’ เหมือนกัน
“อืม เรื่องนั้นค่อยว่ากันทีหลัง ตอนนี้โจทนายมาแล้ว”โชคดีที่ชิออนไม่ได้สนใจในคำบอกกล่าวครั้งหลังๆของเฟตจึงไม่ได้สังเกตพฤติกรรมเมื่อชั่วครู่
แต่สิ่งที่อยู่ข้างหลังกลับเรียกความสนใจได้มากกว่า 2 สาวค่อยๆเดินลงมาจากบ้านเอลฟ์ด้วยท่าทางเย็นชา
เฟตจ้องมองหญิงสาวผมทองตาไม่กระพริบ เมื่อเห็นเธอท่าทางแข็งแรงขึ้นต่างกับเมื่อสักครู่ ส่วนฟ้าใสก็เหล่มองชิออนเป็นเชิงเรียกไปหา
ชิออนรู้งานดี จึงรีบผละตัวไป ทิ้งให้เฟตกับเทียร่ายืนมองหน้ากันไปมา
แต่ผลสุดท้าย เหมือนเทียร่าจะมีความอดทนที่ต่ำกว่า (มาก) จึงพูดว่าเฟตเสียงแข็ง
“เรื่องของเรา ต้องเคลียร์เดี๋ยวนี้”ว่าจบก็ชักอาวุธประจำตัวออกมา โดยไม่ให้เฟตได้ตั้งตัว เธอพุ่งเข้าหาชายหนุ่มด้วยความโกรธ
ในตอนแรกเฟตหลับตาเหมือนจะไม่โต้ตอบอะไร เพราะเขาต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้ แต่เมื่อร่างกายนึกได้ว่าโลกหลังความตายและเจ้าของที่นั่นเป็นอย่างไร ก็ตอบสนองต่อความต้องการส่วนลึกในจิตใจไปโดยไม่รู้ตัว
กระบี่ของเทียร่า (คือแข็งแบบดาบ แต่เรียวบางแบบกระบี่ ขอเรียกกระบี่นะครับ) พุ่งเข้าหาหัวใจของเฟตอย่างแม่นยำ
แต่ร่างกายของเป้าหมายตรงหน้ากลับขยับวูบ แล้วยื่นมือมาจับข้อมือเธอบิดอย่างเบาๆ เวลาเพียงชั่วพริบตาพร้อมกับแรงบวกของทั้ง 2 ทำให้กระบี่ของเทียร่าหลุดออกจากมืออย่างง่ายดาย ส่วนตัวเจ้าของอาวุธก็ถูกชายหนุ่มล็อกเอาไว้ด้วยท่ามือไพล่หลัง
แม้จะไม่รู้ว่าชายหนุ่มใช้เทคนิคเท้าหรือเปล่า แต่เมื่อร่างกายของหญิงสาวถูกแตะต้อง เธอก็ถึงกับอ่อนแรงเหมือนคนไร้กระดูก
เฟตเหมือนจะรู้ว่าความผิดปกตินั้นเกิดขึ้นอีกแล้ว ก็รีบปล่อยตัวแล้วถอยไปยืนอยู่ห่างๆ
“นะนะ นาย ไหนบอกว่าจะยอมให้ฉันฆ่าไง”เทียร่าถามเสียงสั่น ขณะลุกขึ้นยืนอย่างอ่อนแรง
“ผมยังตายในตอนนี้ไม่ได้ ช่วยทบต้นทบดอกผมทีหลังได้มั้ย”เฟตกล่าวเสียงเศร้า ปกติเขาเป็นคนไม่ผิดสัญญากับใคร แต่เมื่อร่างกายเขาโต้ตอบไปเองก็ช่วยอะไรไม่ได้ ถึงจะเรียกว่าข้ออ้างมากกว่าก็ตาม
เทียร่าได้ยินดังนั้นก็เตรียมจะต่อว่า แต่
วูบ ตูม ! เสียงระเบิดดังลั่นหลังจากได้ยินเสียงลมตัดอากาศ พร้อมกับต้นไม้ใหญ่นับสิบค่อยๆ ล้มลงแล้วล้อมเป็นวงกลมเหมือนกับจะป้องกันไม่ให้ใครหนีรอดออกไปจากวงล้อมนี้ได้
ทั้งเฟตและเทียร่าที่อยู่ใจกลางวงล้อมนี้ หันไปมองทางต้นตอเสียงอย่างตกใจ เพราะเมื่อสักรู่พวกเขามุ่งแต่สู้กันจนไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง
“ตามทันจนได้สินะ เจ้ามนุษย์”คาร์ หัวหน้ากองอัศวินแห่งความมืดกล่าวเสียงเย็นชา หลังจากใช้ท่าดาบทำลายทางหนีของเฟตจนหมด
ส่วนชายหนุ่มที่เป็นเป้าหมายก็ถอนหายใจ นี่ถ้าเขาไม่ติดว่าจำทางออกจากหมู่บ้านนี้ไปไม่ได้ ป่านนี้คงหนีไปจนเจ้านี่ตามตัวไม่ได้แล้ว
“เฮ้ย เป็นอะไรกันหรือเปล่า”เสียงคำถามดังลั่นมาจากอีกฟากของต้นไม้ เฟตจึงโล่งใจไปได้เปราะนึงที่เจ้านายตนเองไม่ถูกทำร้ายไปก่อนหน้าตนเอง
เฟตอยากจะตอบว่าไม่เป็นอะไร แต่ติดที่ผู้ตามล่าของเขากำลังเพ็งมองอยู่ ก็เลยตัดสินใจเก็บสมาธิคอยระวังศัตรูดีกว่า
คาร์เห็นเป้าหมายเพ็งมองมา ก็แสระยิ้มให้อย่างเย็นชาแล้วเอ่ยเสียงเย็นชาเหมือนกับท่าทาง
“ถ้าฆ่านายได้ เป้าหมายของข้าก็จะเสร็จสิ้นซินะ”
“เหรอ เหอะๆ ต่างกันเลยนะเนี่ย”เฟตกล่าวโต้ตอบเล็กน้อย พยายามจะทำตัวไม่ให้เครียด ทั้งๆที่จริงๆกำลังรู้สึกลำบากใจกับเสียงระบบที่ไม่ยอมบอกว่าเลเวลของชายคนนี้คือเท่าไหร่
เขาพึ่งจะไปรู้กับคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ยมทูต’ ว่า การที่ระบบไม่รายงานสถานะของศัตรู แสดงให้เห็นว่าศัตรูนั้นแข็งแกร่งกว่า ไม่สมควรที่จะไปยุ่ง
แม้จะรู้ข้อมูลนี้แล้ว แต่ตอนนี้เขาก็ไม่สามารถหนีรอดออกไปจากสถานการณ์นี้ได้ เพราะตอนนี้เขาถูกล้อมไว้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
กองกำลังอัศวินแห่งความมืดนับสิบ ยืนคุมอยู่บนต้นไม้ที่ขวางทางหนีทีไล่ การจะฝ่าออกไปตรงๆกับศัตรูที่ไม่รู้ความแข็งแกร่ง ช่างเป็นเรื่องที่โง่เขรา ฉะนั้นเขาในตอนนี้ ทำได้แค่เพียงรอเวลาเท่านั้น
“มังกรที่แกคิดจะให้เป็นคู่ปรับข้า ดูเหมือนจะไม่ได้ดั่งหวังเลยนะ”คาร์เอ่ยเย้ยหยัน ขนาดมังกรที่สำหรับมนุษย์แล้วคืออสูรชั้นสูง ยังไม่ใช่คู่มือของเขา แล้วนับประสาอะไรกับมนุษย์ธรรมดาอย่างคนตรงหน้าเล่า มีหรือจะต่อกรเขาได้
“ก็ไม่ได้หวังอยู่แล้ว เห็นมาตั้งแต่ในโลกนู่นแล้ว ว่ามันไม่ใช่คู่มือของนาย”เฟตเอ่ยจบก็หันไปมองคนข้างตัว ที่เหงื่อซึมออกมาจากหน้าผาก
เทียร่ามีความรู้สึกเครียดเช่นเดียวกับเฟต ขนาดเธอมีเลเวลมากกว่ายังไม่ได้ยินเสียงระบบรายงานความแข็งแกร่งของกองกำลังอัศวินแห่งความมืดเลย นับประสาอะไรกับคนที่พึ่งหัดเล่นอย่างเฟต ที่จะไปต่อกรกับคู่มือที่มีความสามารถต่างกันเกินไป
แต่เมื่อเธอเห็นชายหนุ่มมองมาแล้วยิ้มให้ก็ถึงกับอึ้งอย่างไม่เข้าใจ ว่าทำไมคนๆนี้ถึงไม่มีท่าทีหวาดกลัวอะไรเลย
ทว่า เธอกลับไม่รู้เลยว่า การที่ตนได้เห็นรอยยิ้มเฟตในตอนนี้นั้น เป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวไม่ต่างกันกับสถานการณ์ในตอนนี้เลย รอยยิ้มของเฟต เรียกได้เลยว่า ต่อให้เอารถมางัดหรือน้ำมากรอก มันก็ไม่มีทางโผล่ออกมา ถ้าไม่ใช่เรื่องที่ชอบที่สุดจริงๆ
“ต้องขอล่วงเกินอีกแล้วนะครับ”ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่มขณะเดินมาจนหยุดอยู่ข้างหน้าของหญิงสาว ที่กำลังมือสั่นเทาเมื่อถูกผู้ชายมาอยู่ใกล้ในระยะประชิด
“นะ นะ นายจะทำอะไรน่ะ”เทียร่าพยายามจะถามให้เสียงฟังดูแข็ง แต่เสียงที่ออกมากลับตะกุกตะกัก
เฟตเห็นท่าทางของหญิงสาวก็ยิ้มเล็กน้อย แล้วเอื้อมมือไปล้วงที่อกเสื้อแล้วดึงสร้อยคอสีทอง ที่หมดแสงไปแล้วออกมา แต่สร้อยคอต้องสาปในตอนนี้ต่างกับตอนแรกอย่างเห็นได้ชัด สภาพดูไร้ซึ่งพลังโดยสิ้นเชิง แต่เฟตก็ไม่ได้ใส่ใจ เขาแค่เก็บมันมาเพื่อไว้แขวนกับจี้คริสตัลสีแดงต่างหาก
“ยังดีนะเนี่ย ที่นายยังเหลือร่างกายไว้ให้ฉันได้ใช้เก็บของ”ชายหนุ่มพึมพำกับสร้อยตัวเองที่ตนถือหลักว่าเป็นไปโดยปริยาย แล้วหันมามองหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง
“ปลดปล่อยอสูรของข้า จงออกมาจาเนีย”เฟตกล่าวจบ จี้สีแดงก็ส่องแสงสีขาวออกมา แล้วแสงนั้นค่อยๆสว่างขึ้น จนปรากฏร่างของหญิงสาวคนหนึ่ง
“ตามรับสั่งค่ะ เจ้านายของเรา”หญิงสาวที่มีนามว่าจาเนียกล่าวเสียงใสแบบไม่สนใจเหล่าอัศวินแห่งความมืดนับ 10 ที่เห็นเป้าหมายของตนเอง
“พาเธอออกไปให้เร็วที่สุด หลังจากนั้นผมจะให้คุณกลับมาอยู่กับผม”เฟตกล่าวออกมาดังๆ หวังที่จะให้คนอื่นๆได้ยิน เขาต้องการให้พวกอัศวินเลิกให้ความสนใจกับอสูรของเขา ซึ่งดูเหมือนผลจะเป็นที่น่าพอใจ เมื่อพวกอัศวินแห่งความมืดหันมาจ้องเฟตเป็นเป้าหมายหลักแทน เพราะถ้าตัวเจ้านายอสูรยังอยู่ ยังไงลูกน้อยก็ไม่มีวันตาย
“ค่ะ เจ้านาย”จาเนียตอบคำแล้วพาตัวเทียร่าออกไป ด้วยท่าเท้าที่เป็นท่าเฉพาะประจำสายพันธุ์ ทำให้ภายในพริบตา เธอกับเทียร่าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
คาร์มองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความแปลกใจ ถ้าก่อนหน้านี้ เฟตจะหนีได้ตลอด เพราะเขายังมีท่าเท้าของอสูรประจำตัวอยู่ ในกรณีที่อสูรเจ้าของท่านั้น ยังคงถูกผนึกอยู่กับร่างกายผู้เป็นนาย แต่เมื่ออสูรเจ้าของท่าพิเศษนั้นหายไปแล้ว เฟตก็ไม่มีทางที่จะรอดออกไปได้เลย
แต่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ากลับไม่มีท่าทีเดือนร้อนใจเลย ทั้งๆที่ทางหนีรอดสุดท้ายของมัน ได้หายไปแล้ว
“เอาล่ะ มาเริ่มกันเลยดีกว่า”เฟตว่าจบก็กวักมือเรียกคาร์ให้เข้ามา
เมื่อถูกยั่วโดยไม่ดูความเป็นจริง คาร์ถึงกับคำรามลั่นแบบไม่พอใจ
“ตอนแรกกะจะฟันแขน ขาทิ้ง แล้วค่อยไปไล่ฆ่าเอลฟ์ตัวนั้น แต่เมื่อแกอยากจะตายนัก ก็จัดให้”
สิ้นคำบอก เฟตกลับพุ่งตัวเข้าไปหาแทน ทำให้คาร์เสียจังหวะเล็กน้อย แต่ก็ไม่เสียกระบวนท่ามาก คาร์ฟาดฟันดาบได้รวดเร็ว ต่างกับขนาดของมัน ทำให้เฟตถึงกับทึ้งในใจ ที่คนๆนี้มีพละกำลังมหาศาลขนาดนี้
‘ผู้เล่นเฟตได้เรียนรู้ทักษะการหลบอาวุธ สำเร็จขั้นเริ่มฝึกฝนค่ะ’
เพียงหลบการโจมตีตรงๆเพียงครั้งเดียว ระบบก็รายงานค่าความสามารถเพิ่มเติมเลย เฟตเลยรู้ได้ว่า ชายหนุ่มตรงหน้ามีเลเวลที่ต่างกับตนเป็นอย่างมาก
การเรียนรู้ทักษะ ส่วนใหญ่จะเรียนได้ก็ต่อเมื่อ เจอศัตรูที่มีความแข็งแกร่งมากกว่า แล้วตัวผู้เล่นเองก็ต้องมีสายอาชีพที่เหมาะกับรูปแบบการต่อสู้ของตัวเอง เมื่อผู้เล่นต่อสู้กับศัตรูมากๆ ระบบก็จะคำนวณความเคยชินของร่างกายผู้เล่น แล้วแจ้งออกมาว่าร่างกายเริ่มชำนาญแค่ไหน
ส่วนทักษะแบบที่เฟตได้รับ คือทักษะแบบติดตัว (Passive Skill) ที่จะแสดงผลออกมาตลอด โดยไม่พึ่งค่าพลัง SP (พลังพิเศษ)
“ต้องอย่างนี้สิ”เฟตยิ้มแย้มเมื่อได้ยินเสียงระบบรายงานความสามารถที่เพิ่มขึ้น สมกับเป็นความสามารถของทักษะติดตัวพิเศษของมหาเทพจริงๆ
จากนั้น 1 มนุษย์กับ 1 อัศวินแห่งความมืดก็ต่อสู้กันต่อไปเรื่อยๆ เหล่าทหารอัศวินแห่งความมืด แค่มองดูอยู่ ก็รู้ว่าเจ้านายตัวเองกำลังหยอกกับไก่ไม่เอาจริง จึงพากันอมยิ้มเหี้ยม เหมือนกำลังดูไก่หยอกหมา
แต่เมื่อมองย้อนกลับไปทางเฟต พวกอัศวินก็ต้องแปลกใจ ที่เห็นชายหนุ่มยิ้มแย้มอย่างยินดี ทั้งๆที่คนทั่วไปแค่มองก็รู้แล้วว่า คนตรงหน้ายังไม่ได้เอาจริงเลย
การต่อสู้แบบไก่หยอกหมายังคงดำเนินต่อไปอีกหลายสิบนาที จนกระทั่ง
“เหนื่อยแล้วรึ เจ้ามนุษย์”คาร์เอ่ยถามเมื่อเฟตกระโดดถอยไปยืนหอบ ส่วนตัวเขายังคงยืนมือไพล่หลังถือดาบใหญ่มือเดียว
“เออ คงงั้นล่ะ”เฟตตอบแบบหอบๆ เขาทดสอบคาร์มามากแล้ว ตอนนี้ตาคาร์ทอสอบเขาบ้างแล้ว
เป็นจริงดั่งเฟตคิด เมื่อคาร์เดินเข้ามาหาเขาช้าๆ พร้อมกับกวัดแกว่งดาบใหญ่ด้วยมือข้างเดียวเหมือนไม่หนัก
ทันทีที่คาร์เงื้อดาบเตรียมฟัน เฟตก็พุ่งตัวหลบไปอีกด้าน แล้ววิ่งมุ่งไปยืนติดต้นไม้ใหญ่ที่ตันทางไว้
คาร์เห็นศัตรูวิ่งหนีก็ยิ้มแล้วหยอกกลับด้วยการใช้ท่ารังสีดาบฟาดฟันไป หวังให้เฟตกระโดดหลบอีกครั้ง
แต่เฟตกลับไม่กระโดดหลบ ชายหนุ่มเพียงเบี่ยงตัวให้พ้นจากรังสีดาบสีม่วง รังสีดาบเฉียดต้นขาของเฟตไป ทำให้ชายหนุ่มถึงกัดฟันกรอด เพราะไม่นึกว่าแค่ลมก็ยังคมแบบตัวดาบ
ตูม! เสียงระเบิดดังลั่นพร้อมกับทางหนีที่เฟตต้องการ เมื่อสบโอกาสเฟตก็วิ่งออกไปทันที ทิ้งให้คาร์หันไปมองหน้าลูกน้องที่กำลังส่ายหน้ากับท่าทางของเฟต การหนีสำหรับพวกเขาถือว่าเป็นเรื่องที่หน้าอายเป็นอย่างมาก แต่ชายหนุ่มที่หนีนั้นกลับวิ่งอย่างเดียว โดยไม่สนใจที่จะหันมาคุยกับคาร์เลย
กองกำลังอัศวินแห่งความมืดกระโดดขึ้นเหยียบกับต้นไม้สูง แล้วใช้สกิลเฉพาะตัวลอยตัวติดตามเฟตไป ถ้าพูดกันจริงๆพวกเขาสามารถเข้าประชิดตัวเฟตได้ก่อนคาร์ แต่ติดที่คาร์ตั้งเป้าจะเก็บแล้ว พวกตนจึงปล่อยให้คาร์ได้จัดการด้วยตัวเอง
ส่วนเฟตยังคงวิ่งต่อไปเรื่อยๆ แม้ว่าทิศทางที่ตนมุ่งไปนั้นจะพาเขากลับไปหามังกรต้องสาปก็ตาม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอีก เพราะทางนี้เป็นทางๆเดียวที่เขาจำทางได้
จนกระทั่ง เฟตมาถึงจุดป่าที่โล่งเตียน เป็นหลุมเป็นบ่อ ชายหนุ่มจึงเดาว่า สถานที่นี้คือสถานที่สุดท้ายที่คาร์กับมังกรต้องสาปสู้กัน ซึ่งก็จริงดั่งคาด เพราะที่กลางพื้นที่โล่งนั้นก็มีซากมังกรตัวหนึ่งนอนอยู่ เฟตไม่รอช้ารีบวิ่งไปที่มังกรต้องสาปทันที
เฟตยังไม่ทันที่จะถึงเป้าหมาย พวกอัศวินแห่งความมืดที่ตามมาก็มาถึงที่ป่าด้านหลังแล้ว
“เจ้าอยากมีเพื่อนตายงั้นเหรอ”คาร์เอ่ยถามขณะเดินจากความมืดมา ส่วนเฟตก็ไม่สนใจ เขาเพียงวิ่งไปดูสภาพของมังกรต้องสาปที่จวนเจียนจะสิ้นลม
คาร์เห็นเฟตก้มลงแตะจมูกมังกรต้องสาปก็ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ แค่เห็นสภาพปีกขาด แขน ขา หางขาด ก็น่าจะรู้แล้วว่า มังกรต้องสาปกำลังจะตาย ไม่เห็นจะต้องเช็คสภาพเลย
“นายนี่ เก่งจริงๆนะ”เฟคเอ่ยเสียงเย็นชา การฆ่าผู้อื่นโดยให้เขาค่อยๆทรมาน ถือเป็นวิธีที่ตนเกลียดที่สุด
“ก็แน่อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นข้าจะถูกสั่งให้มาป้องกันเหล่าดาร์กเอลฟ์เฝ้าประตูมิติ จากเจ้ามังกรตัวนี้หรือ”
“แค่ความเก่งน่ะ ยังไม่พอหรอก นายต้องมีความเป็นคนด้วย”เฟตตะคอกกลับอย่างไม่พอใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้านี่หรือ ต้องมีความเป็นมนุษย์ ข้าคือบุตรแห่งความมืดนะ ไม่ใช่มนุษย์อ่อนแอแบบพวกแก”คาร์หัวเลาะลั่น เมื่อได้ยินคำพูดที่ชวนหัว ต่างกับเฟตที่โกรธเสียจนพลังปะทุออกมาเอง
พลังจิตสีใสกระจายตัวออกจากรอบๆตัวเฟต คาร์เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเหี้ยม เพราะเท่าที่สังเกตความรุนแรงแล้ว พลังนี้ค่อนข้างจะอ่อนแอ เขาจึงไม่มีท่าทีกังวลต่อความโกรธที่เฟตแสดงออกมา
ฟุบ ! เสียงเท้าหยุดแบบฉับพลันที่ด้านหลังของคาร์ ทำให้คาร์ต้องรีบยกดาบป้องกันเผื่อเหตุฉุกเฉิน
กลับกลายเป็นว่า เฟตนั่นเองที่มาหยุดอยู่ที่ด้านหลัง ห่างกับคาร์ไม่ถึง 2 เมตร
“นี่แก มีท่านี้ได้ยังไง”คาร์เอ่ยถาม ปกติท่าเท้านี้จะเป็นของเผ่าพันธุ์เอลฟ์เฉพาะสายวัลคิวรี่ ส่วนที่เฟตมีใช้ในตอนแรกนั้นเขาไม่แปลกใจเพราะน่าจะเป็นท่าที่ยืมมาจากอสูรของตน แต่ในตอนนี้อสูรของเฟตยังไม่กลับมา ทำไมเฟตถึงมีท่านี้ได้
“เป็นความสามารถที่ฉันได้มา แกอย่ารู้เลย”เฟตว่าจบก็ต่อยหมัดตรงเข้าสู่จุดบอดของคาร์ ซึ่งก็คือช่วงหัวไหล่
กร๊อบ! เสียงกระดูกดังลั่น ทำให้คาร์กระโดดถอยหลังหนีออกมาเป็นครั้งแรก แต่เมื่อคร์กระโดดออกมาแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะเสียงกระดูกหักนั่น ไม่ได้เกิดขึ้นกับเขา แต่เกิดขึ้นกับคนที่ทำร้ายเขาต่างหาก
“หมัดเมื่อกี๊เป็นเพียงหมัดทักทาย ต่อไปนี้ของจริงแล้ว”คนที่ข้อมือหักกลับไปว่าคนที่ตนต่อย ทำให้คาร์ถึงกับงง ไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่รู้ตัวเลยหรือ ว่ามือของตนหัก ไม่ใช่ไหล่ของเขา
เฟตยังคงพุ่งตัวเข้าหาคาร์ต่อไป ซึ่งทุกๆครั้งที่ออกอาวุธ จะเป็นเฟตที่บาดเจ็บ ต่างกับคาร์ ที่ตัวเต็มไปด้วยเลือดของศัตรู ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรเลย
ชายหนุ่มยังคงออกอาวุธเรื่อยๆ แม้คาร์จะพยายามถอยห่างอย่างไร เฟตก็ไม่ยอม เขายังคงใช้ท่าเท้าล้อมหน้าล้อมหลัง ทำให้คาร์ต้องหยุดยืนอยู่กับที่
คาร์จึงออกอาวุธพยายามที่จะสวนกลับ แต่กลับกลายเป็นว่า เฟตมีความเร็วเหนือกว่า ด้วยท่าเท้าพิเศษทำให้เฟตรอดพ้นจากการโจมตีของคาร์เสมอ
จริงๆแล้วคาร์สามารถหนีออกจากจุดนั้นได้ง่ายๆ ขอเพียงเขาดึงพลังเข้าใส่ดาบแล้วกระจายไปรอบตัวเหมือนทีแรก เฟตก็จะถูกพลังแห่งความมืดกัดกินจิตใจ จนตายไปเอง
แต่เมื่อเขาลองทำจริงๆ กลับกลายเป็นว่า เฟตใช้สกิลขโมย ซึ่งผลของมันไม่ใช่การขโมยดาบออกไป ผลของมันทำได้แค่เพียงทำให้ดาบยักษ์ที่คาร์ยึดแน่นอยู่ ขยับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ถึงจะขยับแค่นิดเดียว แต่ผลของมันก็ช่างได้ผลเกินคาด เพราะทันทีที่พลังวิ่งเข้าหาอาวุธไม่สม่ำเสมอ สกิลที่ถูกเรียกใช้ออกมาก็ไม่บังเกิดผล เนื่องจากขาดความเสถียรของพลังไป
คาร์จึงปล่อยให้เฟตโจมตีตัวเองไปเรื่อยๆ จนกว่าชายหนุ่มจะเสียเลือด แล้วตายไปเอง
ซึ่งดูเหมือน ความต้องการของคาร์จะมาถึงแล้ว เมื่อข้อนิ้วสุดท้ายของเฟตหักไปพร้อมกับดาบที่เขายกขึ้นมากัน เห็นเช่นนั้นคาร์ก็ว่าออกมา
“แกนี่ บ้าดีเดือดดีนะ ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง”
“งั้นเหรอ”เฟตตอบรับแล้วกระโดดถอยห่างไปหยุดข้างๆมังกรต้องสาป แต่ขาของเฟตกลับไม่รับน้ำหนัก เพียงแค่เท้าแตะพื้น เฟตก็ล้มตัวลงไปทันที โชคดีที่มีมือใครบางคนมาโอบอุ้มเฟตไว้ ทำให้ชายหนุ่มเหล่มองอย่างสงสัย
“โย่ ทำอะไรของนายน่ะ”ชายหนุ่มผมน้ำตาลหน้าตาคุ้นเคยถามอย่างสงสัย ส่วนที่ด้านหลังของเขาก็มีเอลฟ์สาวคนหนึ่งยืนทำหน้าเป็นกังวลใจกับสภาพของเจ้านาย
“หึหึ บ้าเลือดมั้งครับ”แม้จะว่าอย่างนั้น แต่สายตาของเฟตกลับมองไปที่คาร์อย่างมีความหวัง
คาร์เมื่อเห็นเป้าหมายของตนกลับมา ก็เตรียมที่จะเข้าสังหาร ทว่า
ฟุบ! เสียงของมีคมแหวกอากาศมา พร้อมกับเศษผ้าที่ลอยเหนือพื้น ในตอนแรก เฟตนึกว่าผ้าขี้ริ้ว แต่เมื่อเห็นเคียวหัวกะโหลกก็โพลงออกมาอย่างยินดี ที่เห็นเป้าหมายแล้ว
“มาช้าจังนะ”
“นายวางพื้นที่ช้าเอง”บุคคลที่อยู่ภายใต้เศษผ้าสวนกลับทันควัน ตนอยู่ที่นี้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ไม่อาจจะออกมาได้ ถ้าพื้นที่ยังไม่พร้อมกับการปรากฏตัว
“ยมทูตรึ เจ้ามีธุระอะไร”คาร์ขมวดคิ้วถาม ส่วนผู้ที่ถูกเรียกว่ายมทูตกลับไม่ให้ความสนใจ เขาเพียงปรายตามองไปที่มังกรต้องสาปกับเฟต ซึ่งตอนนี้อยู่ในสถานะเจียนตาย
ยมทูตลอยมาใกล้ๆเฟต แต่ติดที่บุคคลผู้หนึ่ง ซึ่งเดินออกมาขวางอย่างรู้ความหมายดี
“ผู้ชายคนนี้เป็นของเรา เขาจะต้องไม่ตายต่อหน้าเราอีกเป็นอันขาด”ว่าจบเอลฟ์สาวก็วาดมือเหมือนเตรียมจะชักดาบออกจากฝัก จากนั้นแสงสว่างก็ค่อยๆปรากฏขึ้นจากที่มือเอลฟ์สาวลามไล่ไปจนถึงช่วงขา
เมื่อแสงล่ามจนปรากฏเป็นรูปร่างคล้ายดาบแล้ว จาเนียก็ดึงจุดที่ดูคล้ายกับด้ามอาวุธ แล้วสิ่งที่ตามมาก็คือดาบสีขาวแทงลายสีแดงยาว ซึ่งดูแล้วเข้ากันแบบแปลกๆ
“โห งั้นก็เอาสิ” ‘ยมทูต’กล่าวเสียงเย็นชา แต่เอลฟ์สาวยังไม่ทันได้ทำตามคำเชิญชวน ช่วงเอวของตนก็ถูกรวบไว้ด้วยน้ำมือใครซะก่อน
“เจ้านาย!”จาเนียอุทานอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นเฟตกอดเอวตนเองไว้
“อย่าพึ่งมีเรื่อง ต่อจากนี้เขาจะเป็นไม้ตายของเรา...”ว่าไม่ทันจบ ชายหนุ่มก็กะอักเลือดออกมา แล้วล้มลงนอนกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง ชิออนเห็นท่าไม่ดีก็รีบคว้ากระเป๋าเลือดออกมา แล้วเปิดขวดเลือดกรอกปากเพื่อนตัวเองที่นอนพังพาบทันที
การจะอัญเชิญอสูรระดับสูงจากต่างโลก มายังโลกมนุษย์ได้ ผู้ที่อัญเชิญจะต้องเป็นผู้ที่ทำสัญญากับอสูรนั้นๆ
ซึ่งเฟตเองก็ได้รับภารกิจจากผู้ที่ ‘อ้าง’ตนว่าเป็นถึงผู้ดูแลพื้นที่นั้นทั้งหมด ทำให้เฟตสามารถอัญเชิญลูกน้องของคนๆนั้นได้หนึ่งครั้ง ซึ่งตามข้อที่ตกลงก็คือ ‘ยมทูต’
เมื่อผู้อัญเชิญอสูร จะอัญเชิญ ‘ยมทูต’ ผู้อัญเชิญต้องผ่านขั้นตอนที่ยุ่งยากเล็กน้อยนอกเหนือจากการทำสัญญา นั่นก็คือการเตรียมพื้นที่ให้เต็มไปด้วยความตาย เพื่อให้ในบริเวณนั้นมีแหล่งพลังงานที่เพียงพอต่อการปรากฏตัวของยมทูต
ในตอนแรกเฟตกะจะให้พวกเอลฟ์เป็นตัวตายตัวแทนที่ว่า เพราะเห็นพวกเอลฟ์กำลังจะเจอมังกรต้องสาปกิน แต่เมื่อพวกเอลฟ์หนีหายไป เลยกลายเป็นว่า เขาต้องหาเป้าหมายใหม่ ซึ่งนั่นก็คือ มังกรต้องสาป
เฟตรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า มังกรต้องสาปไม่ใช่คู่มือของหัวหน้ากองกำลังอัศวินแห่งความมืด คาร์ แต่เขาคิดที่จะใช้ความตายของมังกรต้องสาปให้เป็นประโยชน์ จึงปล่อยให้คาร์สังหารมังกรต้องสาป
แต่กลับกลายเป็นว่า ผลไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่ เพราะพลังแห่งความตายที่เฟตคาดเดาว่า น่าจะเพียงพอต่อการปรากฏตัวของ ‘ยมทูตพิเศษ’ กลับไม่เป็นดั่งหวัง เนื่องจากคาร์ไม่ได้สังหารมังกรต้องสาปอย่างที่หวังไว้ หรือไม่ก็ไอของคนที่จะตายยังไม่เพียงพอ
ชายหนุ่มจึงต้องเอาตัวเองร่วมการอัญเชิญนี้ ด้วยการทำให้ตัวเองบาดเจ็บเจียนตาย ในพื้นที่ที่มังกรต้องสาปอยู่ แล้วผลลับก็ได้อย่างที่หวัง ยมทูตปรากฏตัวออกมาได้
เมื่อยมทูตปรากฏตัวออกมาได้ จากนี้ก็จะเป็นหน้าที่ของยมทูตตนนี้ ตามที่ได้ตกลงกับ ‘จ้าวนรก’ ไว้
คาร์เห็นเฟตกำลังพักฟื้นพลังก็รีบดึงพลังเตรียมใช้สกิลรังสีดาบจู่โจม เพื่อตัดทอนกำลังฝ่ายตรงข้าม แต่ทันทีที่รังสีดาบหลุดออกไปจากตัวดาบ ที่ด้านหน้าก็ปรากฏเศษผ้าที่ยกเคียวมาผ่ากลางรังสีดาบ จนท่าดาบเขานั้นสูญหายไปกับความว่างเปล่า
“ยมทูตมีธุระอะไรที่นี่”คาร์เอ่ยกับเจ้าของเคียวเสียงเครียด เท่าที่ดูยมทูตตนนี้ค่อนข้างแข็งแกร่งมากกว่ายมทูตทั่วๆไปที่เขาเคยพบ
“ข้าไม่จำเป็นต้องตอบเจ้า เขาจะเป็นผู้ตอบ”ยมทูตตอบ แต่เสียงที่ดังออกมากลับเย็นยะเยือก จนทำให้ชิออนขนลุกซู่
เหล่าอัศวินแห่งความมืดเมื่อเห็นจำนวนศัตรูของผู้เป็นหัวหน้าเพิ่มขึ้น ก็เตรียมตัวจะดาหน้าเข้ามาช่วยเหลือ แต่ติดที่เหล่าเอลฟ์เริ่มปรากฏตัว แล้วเตรียมจะเข้ารุมทำการแก้แค้น จากการสูญเสียป่าที่รักไป
แต่เหล่าเอลฟ์ก็ไม่ได้ลงมือทันที พวกเขาถูกหัวหน้าชั่วคราวอย่างพวกฟ้าใสช่วยกำกับอีกทีหนึ่ง
การที่เหล่าเอลฟ์ปรากฏตัวนี้ เฟตได้รู้ทีหลังว่า เป็นเพราะเอลฟ์จาเนียของเขาเป็นผู้เกลี่ยกล่อมมา จึงเกิดความร่วมมือร่วมใจกันขึ้น ส่วนพวกฟ้าใสนั้น ถูกจาเนียไหว้วานมาอีกที เพราะการให้มนุษย์ที่มีสติปัญญามากกว่ามาเป็นผู้บัญชาการคงจะดีกว่าปล่อยให้เหล่าเอลฟ์ที่มีโทสะเป็นผู้ควบคุมกันเอง
เหล่าเอลฟ์นับพันต่างปรากฏตัวออกมาให้เห็นเรื่อยๆ เหมือนเป็นการล้อมรอบป่าโล่งนี้ไว้
กองทัพเหล่าอัศวินแห่งความมืดเห็นดังนั้นก็คำรามลั่นแล้วบุกโจมตีเข้าหาเอลฟ์ที่อยู่ใกล้ที่สุด ซึ่งวินาทีต่อมาหญิงสาวผมทองก็โผล่มาปรากฏตัวด้านหน้าแล้วรุกไล่กลับไปด้วยท่าดาบ จนทัพอัศวินต้องถอยกลับไปเล็กน้อย
แต่เหล่าอัศวินยังไม่ทันได้ทำอะไรเพิ่มเติม พวกเขาก็ถูกเหล่าเอลฟ์ใช้ธนูยิงจนต้องใช้พลังของตนป้องกันจนเกิดเป็นม่านพลังล้อมรอบไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกธนูมาปักเป็นตัวเม่น
ทัพอัศวินแห่งความมืดตั้งหลักได้สักพักก็เตรียมจะลุยอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะติดกับดักของคนบางคนเข้าเต็มๆ เพราะหลังจากลูกธนูดอกสุดท้ายกระทบม่านพลังจนกระเด็นไปปักดิน หญิงสาวผมสีฟ้าผู้เป็นนักเวทระดับสูงหนึ่งเดียว
คลื่นพลังเวทสีฟ้ากระจายตัวออกเป็นวงกว้าง แล้วตีวงล้อม ล้อมรอบจุดที่อัศวินแห่งความมืดกระจุกตัวกันอยู่
“มหาเวทวารี โปรดช่วยกักขังเหล่าทรชนผู้เป็นอริแห่งผู้ทำสัญญาแห่งท่าน”ฟ้าใสกล่าวจบ พลังเวทสีฟ้าก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นน้ำแข็ง แล้วเข้าล้อมรอบเหล่าอัศวินแห่งความมืดจนไม่อาจขยับไปไหนได้
แม้จะถูกขังไว้แต่ก็ไม่ได้ตายเลย กองกำลังอัศวินแห่งความมืดจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากรวมกลุ่มกันอยู่เฉยๆ ซึ่งดูเหมือนนี่จะเป็นสิ่งที่เหล่าเอลฟ์และพวกฟ้าใสต้องการ ถ้ากองกำลังอัศวินไม่เคลื่อนไหว พวกตนก็จะไม่เคลื่อนไหวตามไปด้วย
“เอาล่ะ ได้เวลาแล้วมั้ง”ชิออนเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นแผลของเฟตหายดี
ชิออนเดินนำหน้าออกมากะว่าตนจะดูเท่ที่สุด แล้วเมื่อเขาเห็นว่ามีเอลฟ์สาวมองมาก็โบกมือเหมือนนางแบบรักเด็ก
เมื่อชิออนเดินไปหยุดห่างกับคาร์ 10 เมตร ก็หันไปมองคนข้างตัว แต่ทว่า คนข้างตัวที่เขานึกว่าจะมาช่วย กลับไม่ได้มาด้วย เพื่อนของเขาดันวิ่งเข้าไปหามังกรต้องสาปที่นอนกระเพื่อมหน้าอกเหมือนกับกำลังจะสิ้นลมหายใจ
“เฮ้ยๆ ทำอะไรอยู่ พวกเราต้องสู้โชว์พาวเวอร์แล้วนะโว้ย”ชิออนตระโกนบอกเพื่อนตัวเอง ที่ยังพยายามยัดน้ำยาเพิ่มเลือดให้กับมังกรต้องสาปที่ดวงตาจวนเจียนที่จะปิดอยู่แล้ว
“แกต้องกินนะ ถ้าแกไม่กิน แกได้ตายจริงๆแน่”เฟตกล่าวกับมังกรต้องสาปอย่างร้อนใจ แม้เขาจะหลอกใช้มังกรตัวนี้ให้เป็นตัวตายตัวแทนในการเรียกยมทูต แต่เมื่อมีคนใกล้จะตาย เขาไม่อาจจะนิ่งดูดายปล่อยให้ตายได้เลย
มังกรต้องสาปได้ยินดังนั้นก็ค่อยๆเปิดเปลือกตาแล้วใช้ดวงตาสีแดงสด จ้องมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า สายตาของมันเต็มไปด้วยความแปลกใจ ทุกยุคทุกสมัยมา ยังไม่เคยมีมนุษย์คนไหนเลย จะบ้าหรือใจกล้า ถึงขนาดเอาน้ำยาเพิ่มเลือดสำหรับมนุษย์มาให้มันดื่ม
‘หมดเวลาของข้าแล้วล่ะ’เป็นครั้งแรกที่มังกรโต้ตอบกับคนอื่น แต่เสียงนั้นกลับดังในหัวของเฟตคนเดียว ชายหนุ่มจึงทำหน้าเหลอหลา เพราะไม่นึกว่ามังกรจะพูดได้
มังกรต้องสาบหลับตาลงอีกครั้ง พร้อมกับร่างกายที่ค่อยๆสลายกลายเป็นไอสีดำ ควันสีดำนั้นค่อยๆแตกตัวจนเหมือนกับพายุฝุ่นที่มองเห็นได้ชัดเจน ซึ่งเฟตก็มองด้วยความสนใจ ตอนที่ตายเขาก็คงมีสภาพแบบนี้
แต่วินาทีต่อ เฟตก็ต้องอุทานอย่างเจ็บปวด เมื่อไอควันสีดำพุ่งเข้าหาเฟต แล้วเล็ดรอดเข้าไปในร่างกายเฟตตาม หู ตา จมูก ปาก ที่เป็นรูทวานเปิดอยู่ ชายหนุ่มกุมหัวอย่างเจ็บปวดทรมาน เพราะไอพลังสีดำที่เข้าไปในตัวเขานั้น ช่างร้อนราวกับไฟและให้ความรู้สึกที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก
“เจ้านาย”จาเนียอุทานลั่น เมื่อเห็นเจ้านายตัวเองคุกเข่ากอดตัวเองด้วยความเจ็บปวด ต่างกับ 2 อสูรแห่งฝ่ายมาร ที่ทำหน้าตาตกใจกับภาพที่เห็น
“พิธีฝากวิญญาณ”หัวหน้ากองกำลังอัศวินแห่งความมืด กับยมทูตอุทานพร้อมกัน
พิธีฝากวิญญาณคือ การฝากวิญญาณของตนให้กับผู้อื่น ผู้ที่ตาย จะไม่ได้ไปทั้งนรกหรือสวรรค์ แต่ดวงวิญญาณจะติดอยู่กับผู้ที่ตนฝากวิญญาณไว้ ซึ่งคนที่รับฝาก ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่คนฝากไว้ใจเป็นอย่างมาก
เพราะวิธีฝากวิญญาณ ก็เหมือนกับการปฏิญาณตนเป็นข้ารับใช้ดีๆนี่เอง
‘ผู้เล่นเฟตถูกคำสาปค่ะ จะไม่สามารถอัญเชิญมังกรแห่งความมืดได้ในตอนกลางวันค่ะ’หลังจากควันสายสุดท้ายเข้าไปในหูเฟตหมด ระบบก็รายงานออกมา
มังกรต้องสาป ในอดีตได้ถูกคำสาปจากบุคคลผู้หนึ่ง ซึ่งคำสาปนั้นก็คือการไม่สามารถใช้พลังแห่งความมืดได้ในตอนกลางวัน ทำให้มังกรต้องสาป ต้องออกล่าได้แต่ตอนกลางคืนเท่านั้น
ส่วนเฟตผู้ที่ได้รับมังกรต้องสาปโดยไม่ยินยอมนั้น เขาถูกคำสาปต่อจากมังกรต้องสาปผู้สูญเสียร่างไป ซึ่งคำสาปนั้นยังคงส่งผลต่อมังกรต้องสาปอยู่ดี แสดงให้เห็นว่าผู้ที่สาปนั้นมีพลังอำนาจมากขนาดไหน
เลือดของเฟตค่อยๆลดลงอย่างรวดเร็ว ตามอาการบาดเจ็บภายในของเฟตที่ถูกพลังของมังกรต้องสาปทำร้ายจนกระอักเลือดออกมาเป็นว่าเล่น จนกระทั่งเลือดของเฟตไปหยุดอยู่ที่ 1 จากนั้นเฟตก็ค่อยๆล้มลงไปนอนอีกครั้ง
ยมทูตกับคาร์ที่มองเห็นวิญญาณ รู้ได้ทันทีว่าเฟตกำลังจะตาย และวิญญาณกำลังจะหลุดลอยออกจากร่าง
ไอพลังสีขาวค่อยๆไหลออกมาจากบนหัวของเฟต ซึ่งไอนั้นก็คือพลังวิญญาณนั่นเอง
แต่ทว่า มือของเฟตที่ซีดจนเกือบขาวนั้น กลับยื่นไปจับกุมที่ดวงวิญญาณเอาไว้ เหมือนจะไม่ยอมปล่อยให้ตนเองตาย
‘ผู้เล่นเฟต ติดสถานะวิญญาณแค้นค่ะ ทุกค่าสถานะจะคูณ 2 เท่าจากปกติค่ะ’เสียงของระบบดังเข้าหูของเฟต ตามปกติผู้ที่มีความเคียนแค้นชิงชังจนตายไปนั้น จะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพื่อแก้แค้น ถ้าแก้แค้นไม่ได้ บุคคลผู้นั้นจะต้องรับผลกรรมหนักกว่าเดิม 3 เท่า ในกรณีที่สังหารผู้ที่ตนแค้นไม่ได้
แต่ในกรณีจะเกิดเป็นอันเดธชั้นต่ำนี้ได้ก็ต่อเมื่อ ผู้ที่ทำให้ตนแค้นมีความแข็งแกร่งมากกว่า ในกรณีที่ผู้ที่สังหารมีเลเวลน้อยกว่า ผลของสกิลติดตัวของผู้เล่นฝ่ายอันเดธจะไม่แสดงผล
ชายหนุ่มผมขาวลุกขึ้นมาคล้ายหุ่นเชิดที่ไร้สติปัญญา แม้ชิออนจะเป็นเพื่อนกันมานาน ก็ยังรู้ว่า สภาพของเฟตในตอนนี้ไม่ปกติเป็นอย่างมาก ซึ่งก็จริงดั่งคาด เมื่อเฟตเผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมให้เห็นเป็นครั้งแรก
คาร์กับยมทูตไม่ได้ดูสึกหวาดกลัวกับสภาพของเฟตเลย ถ้าพูดกันตามจริง คนที่แค้นจนกลับมาเกิดในร่างอันเดธนั้น มีสภาพไม่ต่างกับคนที่โกรธจนไร้สติเลย เนื่องจากผู้ที่เกิดในร่างอันเดธ ส่วนใหญ่จะมุ่งแต่แก้แค้น จนไม่ได้ดูความเป็นจริงแต่อย่างใด
แต่สิ่งที่ทำให้ทั้ง 2 แปลกใจที่สุดก็คือ เฟตไม่ได้เป็นเผ่ามารจริงๆ การที่กลับมาเกิดในร่างอันเดธนั้น ไม่น่าจะเป็นไปได้ นอกเสียจากว่า จะมีผู้บงการ
‘เหมือนจะรู้กันแล้วแหะ ฮ่าฮ่าฮ่า’เสียงหัวเราะของชายหนุ่มดังที่หูของยมทูต ทำให้ยมทูตเข้าใจเรื่องราวได้ทั้งหมด
‘การที่ท่านฮาเดสสาปจนผมชายหนุ่มคนนี้เป็นสีขาว คงจะเผื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้สินะ’ยมทูตถามกลับไปด้วยพลังแห่งความตาย ซึ่งเสียงนี้จะส่งตรงเข้าสู่หัวผู้สนทนาได้โดยตรง แต่ถ้าใช้กับมนุษย์ ผลลับที่ได้ อาจจะไม่ใช่แบบนี้ มนุษย์อาจจะทนทรมานต่อเสียงนี้ไม่ได้ จนอาจฆ่าตัวตายไปเลย
สายความตายมีความสะดวกที่สุดก็คือการสื่อสารกับคนที่เป็นผู้ใช้ความตายด้วยกัน แต่การจะใช้สกิลติดตัวนี้ได้ พื้นที่นั้นต้องมีความตายเกิดขึ้นเสียก่อน หรือเพื่อใช้ในกรณีเกิดการฆ่ากันตายนั่นเอง
‘จะจริงหรือเปล่านะ ฮ่าฮ่า’เสียงของเจ้านรกฮาเดส ยังคงตอบกลับมาแบบทีเล่นทีจริง ยมทูตได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจ กับผู้เป็นนายโดยตรง
“เฮ้ย เป็นอะไรหรือเปล่า”เสียงของชิออนร้องถาม ทำให้ยมทูตหันไปมอง ซึ่งเขาก็พบว่า เป็นชิออนที่เดินถอยออกห่างแต่ปากกลับร้องถามชายหนุ่มผมขาวที่ยังคงแสระยิ้มอยู่
ชายหนุ่มที่ถูกถามเหมือนถูกไฟดูด จนกระตุกไปหนึ่งวูบ แล้วจากนั้นก็สะบัดหัวหันไปมองเพื่อนของตนด้วยแววตาที่แดงฉาน
“ก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้น แต่ร่างกายในตอนนี้รู้สึกเบาอย่างบอกไม่ถูกเลยแหะ”เสียงที่ตอบกลับของเฟต ทำให้ทุกๆคนที่อยู่ในที่นั้นตกตะลึง เพราะทุกๆคนรู้ตรงกันว่า ผู้ที่เกิดในฐานะอันเดธ จะไม่มีสติแบบมนุษย์ จะเหมือนสัตว์ป่ามากกว่า
เมื่อตอบจบ เฟตก็หันไปมองคาร์ด้วยแววตาสีแดง ในตอนแรกเขาก็ไม่มีสติจริงๆนั่นล่ะ แต่เมื่อได้ยินเสียงผู้เป็นเจ้านายร้องทัก สติเขาก็กลับมาทันที
“เจ้านาย”เสียงของอสูรประจำตัวดังขึ้นที่ด้านหลัง ทำให้เฟตหันไปมองอย่างเลี่ยงไม่ได้
เมื่อชายหนุ่มได้เห็นท่าทางของอสูรตัวเองก็กระพริบตาปริบๆ เพราะเธอยกดาบสูงเหมือนกำลังจะแทงเขา หรือพูดจริงๆก็คือแทงมาแล้ว แต่คมดาบมันหยุดห่างจากร่างกายเขาไปไม่ถึง 3 เซนก็เท่านั้น
“ว่าไงครับ จาเนีย”เฟตถามขณะใช้มือเบี่ยงดาบที่จี้อกออก ถ้าให้คุยขณะมีดาบจี้ เขาคงไม่กล้า เพราะมันดูน่าหวาดเสียวเหลือเกิน
“ทำไมเจ้านายถึงมีสติได้”จาเนียถามขณะมือสั่นๆ เหมือนจิตใจกำลังสับสน
เฟตมองแววตาก็รู้ได้เลยว่า เธอกำลังตัดสินใจกำลังจะทำสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับเธอ ถ้าเขามองไม่ผิด นั่นก็คือการจะฆ่าเขานั่นเอง
“สงสัย คงจะเป็นเพราะการตายแบบหลอกๆก็ได้มั้ง”แม้ปากจะพูดอย่างนั้น แต่ตอนที่เขาตายเมื่อกี๊ก็เจ็บจริงนั่นล่ะ
นี่เป็นข้อตกลงระหว่างเขากับฮาเดส เฟตจะต้องทำการอัญเชิญยมทูตไปยังโลกมนุษย์ให้ได้ โดยแลกกับเฟตจะต้องกลับไปยังจุดที่พึ่งตาย เพื่อให้เฟตได้แก้ไขสิ่งที่ถูกสร้อยคอต้องสาปหรือสร้อยคอบรรพกาลฝากฝังไว้
ฮาเดสจึงเผื่อกรณีที่เฟตแลกวิญญาณเพื่ออัญเชิญยมทูตด้วย นั่นก็คือ การเปลี่ยนเฟตให้กลายเป็นเผ่ามารชั้นกลางชั่วคราว ซึ่งดูได้จากสีผมที่เปลี่ยนไปเป็นสีขาว ผลที่ได้ เฟตกลับมาเกิดเป็นอันเดธชั้นต่ำอีกครั้ง แต่ฮาเดสเองก็นึกไม่ถึงว่าเฟตจะมีสติได้ เขาเพียงแค่หาอะไรเล่นสนุกๆเท่านั้นเอง
เมื่อได้ยินเฟตตอบดังนั้น ทุกคนต่างขมวดคิ้ว เพราะไม่เข้าใจในความหมาย
เฟตเองก็ไม่ได้คิดจะอธิบายให้ใครได้เข้าใจกับความคิดของตัวเอง เขาแค่เคยได้ยินจาก ‘คนบางคน’ หรือก็คือฮาเดส เกี่ยวกับการเกิดเป็นอันเดธชั้นต่ำชั่วคราว ซึ่งก่อนจะออกมา ฮาเดสก็บอกไว้แล้วว่า เขาสามารถเป็นได้ ถ้าทำตามเงื่อนไขได้ เพราะตอนนี้เขาถูกทำให้กลายเป็นอันเดธชั้นกลางแล้ว แต่ผลนี้ก็ใช้ได้แค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เพราะการเปลี่ยนแปลงของเผ่าพันธุ์นี้เป็นแบบชั่วคราวตามข้อตกลง
“หืม ยืมดาบหน่อยได้มั้ยครับ คุณจาเนีย”เฟตหันมาเอ่ยกับเอลฟ์ตัวเอง เขาเป็นคนที่ไม่มีอาวุธ จึงต้องหาอาวุธที่น่าจะแข็งแกร่งพอจะต่อกรกับดาบยักษ์ของคาร์ได้ ซึ่งเท่าที่ดูอาวุธของเอลฟ์สาวน่าจะแข็งแกร่งใช้ได้
จาเนียเมื่อได้ยินดังนั้นถึงกับมือสั่นอย่างสับสน เธอไม่อยากให้เจ้านายต้องตายไปด้วยสภาพแค้นเคืองใคร จึงหมายที่สังหารเฟตเสียก่อนที่เขาจะรู้ตัว แต่เมื่อมาเห็นเฟตมีสติในร่างของอสูรชั้นกลางอันเดธก็ถึงกับสับสนจนทำอะไรไม่ถูก
“ค่ะ”จาเนียยื่นดาบให้อย่างง่ายดาย เธอตัดสินใจแล้วว่า ต่อให้เฟตเป็นตัวอะไร เธอก็จะยินยอมติดตามรับใช้ตลอดไป เพราะคนที่ปลดปล่อยเธอมาจากการคุมขังที่ยาวนานก็คือเขา ต่อให้เขาหลงไปในทางที่ผิด เธอก็จะยินยอมช่วยเหลือเขาทุกอย่าง
เฟตจับดาบของเอลฟ์สาว แล้วดึงออกมาจากมือเอลฟ์สาวเบาๆ สักพักเขาก็หันไปมองคาร์ด้วยสายตานิ่งเรียบเหมือนจิตใจเขาสงบลงมาก
“เจ้านาย เตรียมตัวด้วยนะ ผมคงมีเรื่องให้ช่วยอีกเยอะ กว่าภารกิจจริงๆของผมจะจบลง”เฟตกล่าวโดยไม่หันไปมองหน้าชิออน
“เออ ทำอะไรก็ทำเถอะ ฉันไม่เคยห้ามอะไรแกอยู่แล้วนี่”ชิออนกล่าวเมื่อเดินมาหยุดเคียงข้างเพื่อนตนเอง
เมื่อมีคนคอยระวังหลังให้ เฟตก็โล่งใจไปเยอะ ชายหนุ่มพุ่งตัวเข้าหาคาร์ด้วยความเร็วสูง ไม่ต่างกับความเร็วตอนที่จาเนียใช้
ชิออนแม้จะดูบ้าๆบอๆ แต่เฟตไว้ใจในฝีมือดาบของเจ้านายตนเองมาก แม้แต่เขาเองก็ไม่มั่นใจว่าถ้าดวลดาบกันจริงๆ เขากับชิออนใครจะเป็นผู้ที่ชนะกันแน่ๆ เพราะหนึ่งคือผู้ที่เรียนมาโดยตรง กับหนึ่งคือผู้ที่ฝึกแบบงูๆปลาๆตามประสบการณ์จริง
เปรี้ยง! เสียงดาบที่แข็งแกร่งของวัลคิวรี่ดังลั่น พร้อมกับร่างกายของคาร์ที่กระเด็นไปไกล
ในสภาพอันเดธของเฟต ชายหนุ่มจะมีพลังทุกอย่างเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม 2 เท่าตัว
เมื่อเห็นศัตรูกระเด็นไปไกล เฟตก็เรียกทักษะเรียกใช้ของท่าเท้าอีกครั้ง แต่การเรียกใช้ของเฟตช่างแปลกประหลาด หรือจะเรียกว่าชำนาญมากก็ได้ เพราะชายหนุ่มไม่ได้พูดออกมา เขาทำแค่เพียงการดึงพลังเข้าสู่เท้าแล้วดีดตัวตามลำดับภาพในสมอง ซึ่งผลที่ได้ก็คือ ศัตรูไม่สามารถรู้ได้เลยว่า เฟตใช้ท่าเท้าตอนไหน
ในขณะที่เฟตรุกไล่คาร์ด้วยอาวุธในมือ สมองเขาก็คำนวณภาพการต่อสู้ไปด้วย แล้วอีกอย่างนึงเขาเผลอนึกถึงคำสอนของพวกเทียร่า ที่ช่วยสอนการใช้พลังให้เขา เลยทำให้เขาในตอนนี้ก้าวหน้าไปมาก
คาร์เห็นชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มก็ถึงกับทำหน้าเคร่งเครียด ตามปกติชายหนุ่มคนนี้จะไม่เปลี่ยนท่าทางของสีหน้าเลย ต่อให้เขารุกไล่จนจะจนตรอกขนาดไหน แสดงว่าชายหนุ่มคนนี้ต้องมีแผนอะไรแน่ๆเลย
ซึ่งดูเหมือนความคิดของคาร์จะเป็นจริงดั่งคาด เมื่อเฟตสลับตัวกับชิออน ให้ชิออนเข้าโจมตีคาร์
แม้ชิออนจะมีเลเวลและกำลังที่ต่างกับคาร์มาก แต่เมื่อเขาได้รับการชี้เป้าจากเฟตแล้ว เรื่องทั้งหมดนั้นก็ไกลตัว
ฉับ! เสียงคมดาบตัดผ่านบริเวณหัวไหล่ พร้อมกับเลือดของคาร์ที่ไหล่ออกมาเพียงเล็กน้อย แต่แค่นนั้นก็ทำให้คาร์โกรธได้แล้ว ตั้งแต่สู้มาเขายังไม่เคยเสียเลือดเลย
“เยี่ยม”เฟตร้องชมอย่างยินดีแล้วสลับตัวเข้าไปแทนที่ชิออน เพื่อกันดาบที่คาร์ฟันลงมาหาชิออน
เคร้ง! เสียงดาบของคาร์ถูกหยุด ซึ่งชิออนก็ใช้จังหวะนี้โจมตีที่แผลของเกราะ ที่เฟตทำไว้ให้ทันที ตลอดการต่อสู้ที่ผ่านมา เฟตมุ่งทำลายเกราะของคาร์ตลอด จนชุดของคาร์ในตอนนี้พรุนอย่างเห็นได้ชัด ถ้าถูกโจมตีอย่างเฉียบคมล่ะก็ มันไม่อาจต้านทานได้อีกแน่ๆ
ฉับ ฉับ! เสียงดาบของชิออนฟันเนื้อดังขึ้น ทำให้คาร์ถึงกับระเบิดโทสะออกมา ด้วยการปลดปล่อยพลังออกมารอบๆตัว แต่ดูเหมือนว่าศัตรูจะรู้ตัวก่อน เมื่อเฟตหิ้วชิออนถอยห่างไปให้พ้นระยะระเบิดพลัง
“เฮ้อ แย่จริงๆแหะ”เมื่อมาหยุดห่างกับคาร์มาก ชิออนก็หันมาบ่นกับเฟตที่กำลังหันมาสำรวจอาวุธของเจ้านาย ที่มีรอยบิ่นอย่างเห็นได้ชัด
“อาวุธใช้ไม่ได้สินะครับ”
“อืม ตามนั้นล่ะ ของเพียงระดับหนึ่งคราส G มันจะไปสู้กับไอ้ตัวที่ระบบไม่รายงานเลเวลได้ไงล่ะ”แม้ชิออนจะตอบเช่นนั้นแต่มุมปากกลับยิ้มเหมือนเดิม เพราะค่าพลังในการใช้ดาบของเขาพัฒนาขึ้นเรื่อยๆแล้ว
“งั้นเอาอาวุธศัตรูมาใช้ก็คงไม่เลวสินะ”เฟตเอ่ยจบก็โผล่ไปประชิดตัวคาร์ แล้วหมุดตัวฟันใส่แผลที่หัวไหล่อย่างรวดเร็ว แต่คนที่เป็นถึงหัวหน้ากองกำลังอัศวินมีหรือจะเสียท่าง่ายๆ คาร์ยกดาบมากันได้อย่างทันท่วงที
เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เสียงอาวุธปะทะกันพร้อมกับร่างของคาร์ที่กระเด็นไปเล็กน้อย ส่วนเฟตก็หยุดอยู่กับที่แล้วมองอาวุธที่ตัวเองยืมมา เมื่อพบว่าลวดลายของดาบ ส่วนที่เป็นสีแดงดูแปลกๆไปมาก แล้วดูเหมือนกำลังเหวี่ยงของอาวุธจะเพิ่มมากขึ้นด้วย
‘เอ๊ะ อะไรฟะ’เฟตสงสัย เมื่อเห็นข้างใต้ของด้ามดาบมีอะไรบางอย่างโผล่ออกมา ชายหนุ่มก็ไม่รอช้า ใช้มืออีกข้างดันจนมันหลุดออกไป
เมื่อเฟตดันจนของสิ่งนั้นลอยออกมาแล้ว เขาก็พบว่าลายสีแดงที่เขามองเห็นทีแรกนั้น จริงๆแล้วเป็นดาบอีกเล่มที่ซ้อนทับกับดาบสีขาวอยู่ เมื่อมันหลุดจากดาบสีขาวมา ช่วงท้ายของมันก็บานออก จนกลายเป็นด้ามจับอีกด้าม
ซึ่งเฟตก็ไม่รอช้า รีบยื่นมือที่ว่างไปจับด้ามดาบนั้น แล้วหมุดดาบทั้ง 2 เล่ม ในท่าที่ถนัดแล้วบุกเข้าไปหาคาร์อีกครั้ง
เฟตใช้ดาบทั้ง 2 ได้อย่างคล้องแคล้วทำให้คาร์ต้องรีบวกดาบป้องกันอย่างรวดเร็ว เขาไม่นึกว่าศัตรูจะเก่งขนาดนี้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะประมาทใครบางคนไป เพราะพึ่งจะรู้ตัวว่ามีใครบางคนมาดักรอยู่ที่ด้านหลังแล้ว
“ย้ากกกก”ชิออนคำรามแล้วฟันดาบในท่าชักดาบ แรงส่งของดาบกับแรงถอยของคาร์ ทำให้ฉับเดียว ถึงกับมองเห็นกระดูกของคาร์เลยทีเดียว
“หึหึ”เฟตหัวเราะในจมูก แล้วจากนั้นก็ใช้วิชาขโมย แย่งดาบยักษ์จากมือของคาร์ทันที
ดาบของคาร์ถูกดึงออกมาได้อย่างง่ายดาย เพราะหัวไหล่ข้างที่ถือดาบถูกฟันจนเส้นประสาทหลุดไปแล้ว ทำให้ไม่มีแรงยึดดาบอีกต่อไป ส่วนมืออีกข้างก็สารวนอยู่กับการป้องกันดาบของเฟตที่ยังคงทำงานตลอดเวลา
“เอาไปเลยครับ”เฟตเอ่ยขณะเหวี่ยงดาบเข้าหาชิออน ที่กระโดดหลบอย่างรวดเร็ว
“จะบ้าเหรอ ฉันไม่ได้บ้าพลังขนาดนั้นนะเฟ้ย”ชิออนตะโกนว่าเสียงเครียด ถ้าให้เขารอรับตรงๆ คงจะมีสภาพไม่ต่างกับพื้นดิน ที่ยุบเป็นหลุมหลังจากถูกดาบแทงใส่แน่ๆ
ชิออนเห็นเฟตยังรุกไล่คาร์อย่างสนุกอยู่ก็ส่ายหน้าแล้วเดินเข้าไปหาดาบของคาร์ และยื่นมือไปแตะด้ามดาบสีดำสนิท
เฟตเหล่มาเห็นเจ้านายตัวเองกำลังยึดอาวุธของศัตรูก็ยิ้มแล้วหันมารุกไล่คาร์อีกครั้ง ส่วนคาร์ก็ทำใบหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด นอกจากจะเสียอาวุธไปแล้ว เขายังเสียท่ามากขนาดนี้อีก
เฟตหมุดตัวฟาดสันของดาบใส่คาร์ จนชายร่างยักษ์กระเด็นไปไกล ซึ่งเฟตก็ไม่รอช้ารีบตามไปซ้ำทันที แต่เสียงร้องของชิออนกลับดังลั่นเสียก่อน
“อ้ากกกกก”
ความคิดเห็น