คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : ตอนที่ 26 สงครามกลางเมืองเริ่มต้น หน่วยซัพพอร์ต
หลังจากข้ามตึกมาหลายหลังคาเรือนแล้ว เฟตก็มองกลับหลังไป เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตามมาก็ถอนหายใจเล็กน้อย หลังเห็นว่าตนเสียเวลาไปมากแล้วก็รีบวิ่งข้ามตึกต่างๆไปอย่างรวดเร็ว โชคดีที่ตึกข้างทางส่วนใหญ่จะเป็นตึกพวกร้านค้า ที่มีลักษณะคล้ายๆ กัน ทำให้เฟตสามารถใช้หลังคาพวกนี้เป็นถนนสาธารณะส่วนบุคคลได้
เมื่อกระโดดมาจนเกือบจะถึงประตูเข้าออกกำแพงเมือง ที่ด้านล่าง เฟตสังเกตเห็นผู้เล่นยืนตั้งด่านแบบที่เห็นที่กลางจัตุรัส เท่าที่สังเกตจากจำนวนคนเขาพบว่ามีไม่ต่ำกว่า หนึ่งพันคนเลย
หลังจากสังเกตข้างล่าง เฟตหันมาสังเกตข้างบนต่อ เมื่อเห็นว่าบนกำแพงเมืองก็มีผู้เล่นอยู่หลายสิบคน ผู้เล่นพวกนี้คงรับหน้าที่เป็นผู้สังเกตการณ์มุมสูงแน่ เมื่อเฟตเห็นว่าหลังจากพวกเขามองไปด้านนอกเมือง ก็มักจะก้มลงเขียนอะไรส่งออกไป ส่วนคนข้างล่างก็เปิดระบบขึ้นมาอ่านแล้วพยักหน้ารับทราบ
“ฝากหน่อยนะครับ”เฟตหันมาบอกกับอาธีน่าขณะวางเธอไว้กับมุมตึก แสงไฟข้างบนนี้ยังไม่สว่างเท่าข้างล่างจริงๆ
หลังจากอาธีน่าพยักหน้าให้ ชายหนุ่มก็เริ่มคิดว่าตนจะเอายังไงดี ถ้าใช้มีดสั้นเข้าปิดปากคงจะไม่ทันการ เพราะคนบนนั้นค่อนข้างเยอะ ส่วนจะใช้กลเบา MP5 แสงจากกระบอกปืนก็เป็นตัวบ่งบอกว่า ‘ตูอยู่นี่ รีบมาฆ่าซะซิ’ ดังนั้น ควรหาปืนที่เก็บได้ทั้งเสียงและแสง
‘เอางี้ก็ได้นี่หว่า’ก่อนที่เฟตจะเอาปืนเปลี่ยน เขาก็นึกขึ้นได้ว่ามีวิธีทำให้เอาตัวรอดอยู่
“ทำอะไรน่ะคะ”อาธีน่ากระซิบถาม เมื่อเห็นเฟตกิน (อม) ปากกระบอกปืน
“หือ”เฟตเงยหน้าขึ้นมามองแต่ปากยังไม่ละออกจากลำกล้อง หลังจากสูดลมอีก 2 - 3 ครั้ง เขาก็เอาเศษผ้าที่กระชากออกมาพันเอาไว้
“ลดออกซิเจน (Oxygen) ในลำกล้องน่ะครับ เศษดินปืนที่ออกมาอาจจะทำปฏิกิริยากับก๊าซออกซิเจนจนเกิดแสง แม้ลำกล้องเก็บเสียงจะช่วยเก็บก๊าซและเขม่า แต่โดยรวมแล้วมันก็ยังมีผลตามมาเรื่องปฏิกิริยาก๊าซอยู่ดี ผมจึงต้องเพิ่มก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปน่ะครับ”นี่เป็นวิธีการลดแสงในแบบของเฟต การที่ปืนจะมีแสงได้ก็ต่อเมื่อมันทำงานจนถึงหลักเท่านั้น
“ออกซิเจน พลังธรรมชาติน่ะเหรอ”อาธีน่ารับคำอย่างมึนงง ระบบการทำงานของปืนกับดินปืนเธอยังไม่เข้าใจ แม้จะเรียกต่างกันแต่ความเข้าใจไม่น่าจะต่างกันสักเท่าไหร่ รับฟังไว้ก็ดีเหมือนกัน
หลังพันผ้าเข้ากับลำกล้องปืนแล้ว เฟตก็พรางตัวไปกับความมืด เพื่อพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่มองได้ทั่วถึง หลังจากพบจุดที่สามารถสังหารได้ครบแล้ว ชายหนุ่มเริ่มไล่จากยิงจากคนที่ใกล้ที่สุดไปจนถึงคนที่ไกลที่สุด แม้เสียงปืนจะดังอยู่บ้างแต่มันก็เบาเสียจนไม่มีใครนึกถึง เนื่องจากเกมประเภทนี้ อาวุธที่เรียกว่าปืนยังไม่แพร่หลาย
กริ๊ก!! เฟตเปลี่ยนแม๊กกาซีนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จัดการสอยเก็บไล่ที่ละคนๆจนคนที่อยู่บนกำแพงเมืองใต้เกลี้ยง
หลังเห็นว่าพื้นที่ว่างแล้ว ชายหนุ่มก็รีบปีนกำแพงที่อยู่ใกล้ๆ เมื่อขึ้นมาถึง เฟตก็มองออกไปข้างนอกทันที
‘ยังพอมองเห็นบ้างแหะ ดวงจันทร์ใช้ได้เลย’ชายหนุ่มคิดแบบนั้นจริงๆ แสงจันทร์ช่วยส่องแสงจนทำให้เขามองเห็นสภาพนอกเมืองได้พอสมควร นอกจากจะได้แสงจันทร์ช่วยแล้ว เฟตยังมองเห็นแสงไฟสีแดงๆลอยอยู่เหนือหัวกลุ่มผู้เล่นที่อยู่ด้านนอกด้วย
‘นั่นเป็นเวทไฟง่ายๆน่ะ เอาไว้ส่องทางตอนกลางคืน สายเวทส่วนใหญ่ใช้ได้ทั้งนั้น’อนาตาเซียอธิบายให้ฟัง
แต่เฟตกลับไม่ได้สนใจถึงสิ่งนั้น แม้จะไม่มีแสงเขาไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ชายหนุ่มสะพายกลเบาไว้ที่ด้านหลัง จากนั้นก็ใช้สกิลเรียกอาวุธออกมา โดยสิ่งที่ออกมาก็คือ M110 SA SS ยังดีที่กระบอกนี้มี Silencer (ลำกล้องเก็บเสียง) ที่ชายหนุ่มทำเอง เฟตจึงไม่ต้องคิดมากเรื่องเสียงที่มันจะดังออกมารบกวนใคร
(เห็นเรียกร้อง จึงจัดภาพประกอบมาให้ครับ เอาไว้ศึกษานะครับ)
ชายหนุ่มตั้งปืนประทับเล็งออกไปที่ภายนอกเมือง กล้อง IRNV (Infa-Red Night Vision) ที่ถอดมาจากปืนอีกกระบอกช่วยได้มากพอดูเลย หลังจากใช้เวลาจูนสายตากับสโคปสไนเปอร์สักพัก มือชายหนุ่มก็ดึงคันสไลด์เพื่อนำกระสุนเข้ารังเพลิง
ด้านนอกเมือง
หลังจากกองทัพหมาป่าเข้าร่วมศึก พวกแฟร์ที่มีจำนวนคนแค่ 3000 คนก็ต้องรับมือหนักขึ้น เมื่อถูกตีหน้าตีหลัง ผู้เล่นกับหมาป่าธรรมดาแม้ตามปกติจะเอามาเทียบกันไม่ได้ เพราะผู้เล่นแข็งแกร่งกว่า แต่ในยามที่พวกมันมากันเป็นโขยงและมีความสามัคคีกันอย่างดีเยี่ยม การเปรียบเทียบจึงคนละเรื่อง
ผู้เล่นเริ่มเสียเปรียบไปเรื่อย เนื่องจากพวกเขายังไม่เข้าขากันเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะรนและทำอะไรไม่ค่อยจะถูก บวกกับแสงอาทิตย์หมดลงไปแล้วด้วย ทำให้พลาดท่าหมาป่ากันบ่อย เมื่อมีคนพลาดท่า หมาป่าจะรีบเข้ามาลากแล้วไปรุมยำกลางวง แม้เพื่อนจะเข้าไปช่วยก็ไม่ทันเสียแล้ว
“ดูหน้าหลังให้ดี เกาะกลุ่มกันไว้”จิมร้องสั่งลูกน้อง จากนั้นก็หันไปใช้สกิลขวานยักษ์ระเบิดพลังจนหมาป่าที่อยู่ในรัศมีเละเป็นโจ๊กไปเลย
“พวกมันเล็งช่องว่าง พวกสายเวทหรือธนูมาอยู่ด้านหลังให้สายจู่โจมป้องกันซะ”ศรสายฟ้าหลงทิศเองก็บัญชาการลูกน้องได้เช่นกัน แต่ดูเหมือนคำสั่งกับความจริงจะไปกันได้ไม่ดีสักเท่าไหร่ เพราะคนเหล่านี้ก็เหมือนกับผู้คนต่างบ้านต่างถิ่น ที่มีความคิดและความสามารถที่ต่างกัน คำสั่งที่ออกมาจึงดูเหมือนกับคำสั่งที่ไม่น่าปฏิบัติตาม บวกกับแสงไฟที่มี ส่องสว่างไม่ทั่วทุกพื้นที่ จึงทำให้ไม่กลัวและไม่ทำตามคำสั่ง นี่ซินะไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำสังข์
‘ไม่ได้สั่งสอนเรื่องการทำตามคำสั่งเลยหรือไงกันนะ’เทียร่าที่ปรายตามามองคิดอย่างเซ็งจิต ผู้เล่นพวกนี้เสียท่าเพราะความหยิ่งนี่แหละ ถ้าทำตามคำสั่งของหัวหน้ากิลด์ การพลาดท่าอาจจะใช้เวลามากกว่านี้ก็ได้
“ยังมีหน้าไปห่วงคนอื่นอีกรึ”ชายตรงหน้าเทียร่าคำรามั่น แล้วฟันดาบเข้าใส่
“.......”เทียร่าไม่ตอบคำ เธอเอี้ยวตัวหลบ จากนั้นก็วกดาบเรเปียร์ (Rapier) แทงเข้าเต็มสีข้าง เมื่อเห็นว่าเป้าหมายกระตุกไปเพราะดาบ หญิงสาวรีบหมุนตัวใช้เท้าเตะคนที่กินดาบ (?) เธอออกไป เพื่อนำดาบมาป้องกันผู้เล่นหนุ่มอีกคนที่กำลังฟันดาบเข้ามาหา
“สาวน้อย เหนื่อยแล้วหรือไง ทำไมถึงฟันเพื่อนฉันไม่ตายเลยล่ะ”ชายหนุ่มที่กำลังปะดาบเอ่ยถามยิ้มๆ ในตอนแรกๆ เทียร่าสามารถสังหารพวกเขาได้ในดาบเดียว มันเป็นการโจมตีที่ไร้เสียงและรวดเร็วจนน่ากลัวมาก แต่ตอนนี้พวกเขาสามารถตามความเร็วนั้นได้ทัน ทำให้รอดจากดาบอันมีความเร็วที่น่าตื่นตระหนกของหญิงสาวไปโดยปริยาย
“…”หญิงสาวยังคงไม่ตอบโต้ เธอกระโดดกลับหลังไปเล็กน้อย เมื่อมายืนได้มั่นคงก็มองรอบๆตัวด้วยสายตาว่างเปล่า แม้ซากศพกว่าร้อยนี้จะเกิดขึ้นจากฝีมือเธอก็ตาม
“คงจะเหนื่อยแล้วซินะ”
“พร่ามมากจังนะนาย น่ารำคาญจริงๆ เลิกหอนได้แล้ว”เทียร่าตวาดว่า เสียงและท่าทางของเธอแข็งกร้าว ทั้งๆที่ภายในเหนื่อยจนไม่อยากจะเดินแล้ว
เทียร่ารับบทหนักที่สุดตั้งแต่ถูกล้อม เธอต้องทำหน้าที่ซัพพอร์ตผู้เล่นที่เสียท่า และต้องมาคอยรับหน้าผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามส่วนใหญ่เอาไว้ จึงไม่แปลกอะไรที่ร่างกายจะส่งเสียงออดอ้อนร้องขอให้เลิกสู้ได้แล้ว
แต่ศักดิศรีค้ำคอเอาไว้ ทำให้หญิงสาวสู้มาตลอด แม้ร่างกายจะเริ่มส่งเรื่องฟ้องต่อสมองเพื่อที่จะให้ปิดการทำงานของร่างกายแล้วก็ตาม
“เธอนี่นะ แค่คนๆเดียว แต่กลับสามารถสังหารเพื่อนฉันได้เยอะแยะขนาดนี้ สมชื่อหนึ่งในเสาหลักค้ำกิลด์ 4 เทพีจริงๆ ว่าแต่ ถ้าถูกฉันฆ่านี่ ฉันจะได้เป็นหนึ่งในนั้นเปล่าอ่ะ”ชายคนเดิมหัวเราะร่วน เขาพอจะรู้จากการปะทะดาบครั้งล่าสุดแล้วว่าพลังจิตของฝ่ายตรงข้ามหมดแล้ว
ก่อนที่หญิงสาวจะตอบคำ เธอมองเห็นอะไรบางอย่างจึงยิ้มที่มุมปากแล้วหันมายิ้มให้กับชายตรงหน้าอย่างเย็นชา
“ได้ซิ แต่ได้เป็นหนึ่งในผู้ที่ต้องไปทัวร์นรกนะ”เอ่ยจบ เทียร่าก็พุ่งตัวเข้าหาชายตรงหน้าด้วยความเร็วสูง เธอแทงดาบเรเปียร์ที่บางชะลูดด้วยความเร็วสูง แต่ครั้งนี้เธอไม่ต้องมาคอยช่วยเหลือใครอีกแล้ว ความเร็วในการออกอาวุธจึงมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว เพียง 9 ดาบ ชายตรงหน้าก็ถูกดาบเรเปียร์เสียบเข้าที่ใจกลางหัวใจ อาวุธประเภทนี้ส่วนใหญ่เน้นจุดตายทั้งนั้น ในยามที่เธอไม่มีสมาธิ มักจะโจมตีพลาดเป้าที่หวังเสมอ
“ก่อนจะพูดอวดดีอะไร หัดมองรอบตัวซะบ้างนะ”เทียร่ากล่าวอย่างเย็นชา พร้อมกับใช้เท้ายันร่างของชายหนุ่มที่กินดาบเธอออกไป หลังจากร่างชายคนนี้ล้มลง เธอก็มองรอบด้านด้วยความมึนงง เมื่อเห็นผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามทยอยตายลง อย่างไม่รู้ตัว
“หืม พวกนั้น มาอีกแล้วแหะ”เทียร่าหันไปเห็นด่านที่ตั้งอยู่ส่งผู้เล่นออกมาอีกแล้ว เธอจึงใช้เวทสายฟ้าที่ตนมีมาเสริมความไวให้ตัวเอง จากนั้นเริ่มร่ายสกิลดาบที่ต้องใช้เวลาเล็กน้อย เมื่อพร้อมหญิงสาวก็ระเบิดพลังออกไปจนเห็นเป็นเพียงเส้นสายฟ้าสีขาวที่มุ่งเข้าหากลุ่มผู้เล่นตรงๆ สีฟ้าขาวที่เกิดขึ้นถือเป็นต้นกำเนิดของพลังเวทสายนี้
หลังจากสายฟ้าฟาดเข้ากลางวงผู้เล่นกลุ่มนั้น หญิงสาวรีบเข้าไปติดตามผลงานด้วยการไล่แทงเก็บผู้เล่นทีละคนสองคนอย่างโหดเหี้ยมที่สุด เวทที่เธอใช้เมื่อสักครู่เป็นเพียงเวททำให้ติดสตั๊นมึนงงชั่วคราวนั้น สิ่งที่สำคัญจริงๆก็คือการไล่เก็บต่างหาก
ในขณะที่ไล่สังหารอยู่ เทียร่าก็มองไปเห็นผู้เล่นส่งกองกำลังเสริมมาอีก 1 กลุ่ม ก่อนที่หญิงสาวจะได้ใช้เวทสายฟ้าใส่ เธอก็เห็นแสงอะไรบางอย่างที่บนหัวคนพวกนั้น หลังจากนั้นไม่ถึง 1 วินาที กลุ่มผู้เล่นที่กำลังวิ่งออกมาเหมือนกับนักกีฬาลงสนามก็กระจายไปกันคนละทิศละทางด้วยแรงระเบิดสีแดง ที่ถือเป็นพลุฉลองความสยองอะไรสักอย่าง
“ฮึบ!!!”เสียงร้องเหมือนกับคนออกกำลังอะไรสักอย่าง ทำให้เทียร่าหันไปมองที่ต้นเสียง เธอก็พบกับชายหนุ่มผู้สุดแสนจะคุ้นตา แม้กระทั่งสิ่งที่อยู่ในมือเธอก็ยังคุ้นว่าเคยเห็นในกองทัพที่ไหนสักแห่งเขาใช้กัน
“นาย”เทียร่าชี้นิ้วไปทางเฟตที่พึ่งลงมาถึง ส่วนชายที่ถูกชี้ก็มองย้อนกลับไปข้างบน เมื่อตะกี้โชคดีมากเลยที่เขาลงมาก่อน ไม่งั้นมีหวังถูกผู้เล่นที่พึ่งขึ้นมาตรวจเช็คคนหายสังหารคาที่แน่
“อ่ะ ไม่ได้เจอกันซะนานเลยนะครับ ว่าแต่ ชุดเซ็กซี่ดีนะ”เฟตทักยิ้มๆ ขณะใช้สายตามองไปยังชุดของเทียร่า ที่มีรอยขาดจากการปะทะกับอาวุธ ส่วนเกราะที่หญิงสาวใส่ยังมีรอยบิ่นที่เกิดจากการเอาไปปะทะกับดาบเลย
เพียบพริบตาเดียวที่เฟตทักผิด ชายหนุ่มก็รู้ได้ถึงภัยอันตรายที่พร้อมจะสังหารเขาได้ ทำให้เฟตต้องยกปืนขึ้นมากันดาบเรเปียร์ที่จี้อยู่ตรงหน้าอกของเขา
“วะวะ ว่าอีกทีซิ”เทียร่าถามด้วยใบหน้าที่แดงฉานเหมือนลูกตำลึงสุก เฟตไม่รู้ว่ามันเป็นข้อไหน ระหว่างโกรธมาก โกรธน้อย หรือโกรธจริงๆ แต่ก็ขออย่าให้เป็นข้อแรกเลย
“หมายถึง ผมเป็นห่วงน่ะครับ ที่ร่างกายมีรอยแผลมากขนาดนั้น”รอบนี้เฟตพูดตามที่อนาตาเซียบอก มังกรสาวจำเป็นที่ต้องบอกถึงการพูดที่ไม่ทำให้คนอื่นเข้าใจความหมายผิด
เทียร่ามองหน้าเฟตสักพักก็เหล่ไปมองปืนที่ชายหนุ่มสะพายอยู่ ถ้าเธอมองไม่ผิด นั่นเป็นปืนที่มีใช้ในหน่วยพิเศษเท่านั้นนี่นา
“อ้อ ผมได้อาชีพแล้วน่ะ”ชายหนุ่มยิ้มตอบอย่างภูมิใจที่สุด และแล้ว เกมที่เขาเบื่อ ก็ไม่ทำให้ต้องเบื่ออีกต่อไป เมื่อมันมีสิ่งที่เขาชอบให้ได้ใช้สอย หญิงสาวพยักหน้าเล็กน้อยแล้วถอนดาบออกไป โชคของเฟตยังดีอยู่มากที่เธอพลังหมดก่อน มิเช่นนั้นมีหวังปืนของเฟตได้หักกลางเพราะแรงเสียบแทงของดาบเธอเป็นแน่
‘ผู้เล่นเฟตสังหารผู้เล่นได่จำนวนทั้งสิ้น 119 คนค่ะ เฉลี่ยเลเวลแล้ว ผู้เล่นเฟตได้รับค่าประสบการณ์ เลเวลพื้นฐานจาก 20 เลื่อนระดับเป็น 34 ค่ะ’
‘เอลฟ์จาเนียได้รับการปลดระดับ 1 ขั้นค่ะ’
“เลเวลอัพด้วยแหะ”เฟตพึมพำ ตอนที่อยู่ในเมืองเขาสังหารคนไปตั้งเยอะตั้งแยะไม่เห็นจะได้ยินอะไรสักแอะ พอคราวนี้ดันมาอัพให้ซะงั้น
ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นเพราะภายในเมืองมีเวทระดับสูงของร็อคอยู่ ทำให้ค่าประสบการณ์ที่ดึงออกมาจากไอพลังวิญญาณของผู้เล่น ไม่สามารถแบ่งได้ตามระดับปกติ
“เรื่องนั้นไว้ที่หลังเถอะ”เทียร่าส่ายหน้าแล้วหันไปมองอีกทางหนึ่ง เพราะสิ่งที่ตามมากำลังจะทำให้พวกเธอไม่ได้คุยกันอีก ใช่แล้ว พวกผู้เล่นที่ตั้งด่านส่งกองกำลังออกมาจัดการพวกเขาน่ะซิ
“คุณเหนื่อยแล้วไม่ใช่เหรอ ผมขอนะ”เฟตหันมายิ้มกล่าว มือขวาถือปืนกลเบา มือซ้ายถืออาวุธลับ เมื่อพร้อม ชายหนุ่มก็เริ่มเปิดศึกโดยไม่หวังได้ยินเสียงระฆัง
เทียร่ายืนมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าด้วยความอึ้งปนงง เธอไม่รู้ว่าทำไมเฟตถึงมีอาวุธเหล่านี้ได้ และที่สำคัญ ทำไมอาวุธนี้ถึงเป็นอันตรายขนาดผู้เล่นที่เธอเดาว่ามีระดับต่ำกว่าเธอไม่มากยังพลาดท่าให้กับอาวุธที่เธอเคยปรามาสว่าไร้ค่า แต่แท้จริงแล้วใครจะรู้ว่า ของพวกนี้ยังมีจุดอ่อน ที่เรียกว่าความดันของก๊าซอยู่
‘ร่างกายนายร้อนไปแล้วนะ’อนาตาเซียร้องบอก เธอรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายชายหนุ่มได้ดีกว่าที่เฟตรู้เองเสียอีก
“ร้อนได้ไงครับ”เฟตย้อนถามขณะเลื่อนแม๊กกาซีนมาช่อง 2
‘ความร้อนจากปืน ร่างกายนายดูดเข้ามา ไม่รู้เลยเหรอ’
“ไม่เห็นจะรู้เลย อ้อ ผมลืมดึงไอ้นี่มาซินะ”ว่าแล้วชายหนุ่มก็เรียกดาบประหลาดที่ทำหน้าที่ระบายความร้อนมาอีกครั้ง ในตอนแรกเฟตยังสัมผัสถึงความร้อนที่อนาตาเซียว่าไม่ได้ แต่เมื่อผ่านการยิงติดต่อกันมาหลายร้อยนัด เขาจึงรู้ว่าปืนนี้ร้อนแล้วนะ ควรระบายความร้อนไปด่วน
หลังจากอาวุธออกมา ชายหนุ่มก็พบว่าความร้อนที่ปืนหายไปจริงๆ แม้จะไม่รู้ว่าระบบการทำงานของปืนสัมพันธ์กับดาบยังไง แต่ขอแค่ผลมันดีเขาก็พอใจแล้ว
‘อืม ดาบพวกนั้นมีหน้าที่ไม่ต่างกับจมูกซินะ’หลังเห็นว่าไอความร้อนของตัวเฟตถูกระบายไปกับช่องของดาบ อนาตาเซียก็พอเข้าใจแล้วว่าระบบการทำงานของเฟต ปืน และดาบ มันทำงานกันยังไง
เริ่มต้นมานั้น ปืนที่ใช้จนมีความร้อนสูง ร่างกายเฟตจะดูดกลืนมันเข้ามาอย่างไม่รู้ตัว ถ้าเป็นผู้เล่นทั่วไป คงจะโยนปืนที่มีความร้อนนี้ทิ้งไปแล้ว แต่เฟตกลับดูดเข้ามาได้เรื่อยๆ จนกระทั่งร่างกายดูดไม่ไหว จนปืนที่ถืออยู่ร้อนแทน ในกรณีที่เฟตไม่เลิกใช้ปืนกระบอกนั้นๆ เขาจะพบว่าลำกล้องปนร้อนมากจนน่ากลัวว่าจะระเบิด ส่วนร่างกายของเขาจะอัดแน่นไปด้วยความร้อน และระบายออกมาเป็นเหงื่อแทน
แต่พอเฟตเรียกดาบประหลาดออกมา อนาตาเซียก็พบว่าไอความร้อนที่สะสมในร่างถูกดูดออกไปด้วยดาบทั้ง 3 จากนั้น เฟตจะใช้ปืนได้เหมือนมันไม่มีความร้อน ซึ่งแท้จริงแล้วร่างกายเฟตระบายออกไปได้ทันจนทำให้ไม่รู้สึกถึงความร้อนต่างหาก แต่เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ อนาตาเซียก็เริ่มคิดไม่ออก ว่ามันเป็นไปได้ยังไงที่เฟตไม่รู้ถึงความร้อนพวกนี้ ขนาดเธอที่อยู่ในร่างยังสัมผัสได้เลยว่า ร่างกายชายหนุ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนน่ากลัวว่าเลือดในร่างจะสุก
หลังจากควาญหาในร่างของเฟตจนทั่วแล้ว อนาตาเซียก็พบเจอถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะร่างกายของเฟตทนความร้อนได้เหมือนกับนักเวทย์สายอัคคีนั่นเอง ซึ่งสกิลนี้ถ้าเธอจำไม่ผิด เฟตได้มาตอนที่สู้โดยใช้แผนหนึ่งแลกล้านในป่า แต่ทว่า ไหนเฟตบอกว่าลบสกิลทิ้งไปแล้วไง
‘หรือว่า’อนาตาเซียเอะใจได้แค่นั้น เมื่อเธอรู้สึกได้ว่าเฟตกำลังเข้าตาจน เนื่องจากชายหนุ่มทำการเรียกกระสุนปืนขนาด 9*19 หรือก็คือ แม๊กกาซีนของ MP5 นั่นเอง แต่สิ่งที่ออกมากลับเป็นกระสุนของปืนลับในมือขวา หรือก็คือลูกระเบิดแบบยิงขนาด 40 มม. ออกมาแทน
“อ่ะ”เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่เฟตเรียกกระสุนออกมาพลาด ทำให้ชายหนุ่มต้องอุทานอย่างแปลกใจ คาดว่าเป็นเพราะเขามีสมาธิไม่พอเป็นแน่ จึงเรียกกระสุนออกมาผิดๆถูกๆแบบนี้
เมื่อเฟตพลาด ผู้เล่นที่ไม่พลาดตามก็รีบตามติดเฟตทันที เนื่องจากพวกเขารู้ว่าอาวุธที่เฟตใช้เป็นอาวุธที่ต้องใช้ระยะ และมีท่าทางการใช้ที่ต้องถูกหลัก ดังนั้นการประชิดตัวเข้าไว้จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เฟตเองจะได้ใช้ระเบิดไม่ได้ด้วย
“อ้าว!!”ซึ่งดูเหมือนจะเป็นอย่างที่ผู้เล่นพวกนั้นคาดไว้จริงๆ เมื่อถูกประชิดตัวแบบนี้ เฟตไม่สามารถใช้ปืนได้ตามสะดวก แถมปืน M79 ก็ยังไม่เหมาะที่จะใช้ด้วย เพราะอาจเป็นเขาเองก็ได้ที่จะแหลกไปกับแรงระเบิด
แม้จะอยู่ในช่วงคับขัน แต่สติปัญญาของเฟตกลับไม่คับขันตาม เมื่อถูกประชิดตัวก็เปลี่ยนให้เป็นอาวุธที่เหมาะแก่ระยะประชิด
คิดเช่นนั้นเฟตก็เปลี่ยนอาวุธมาหวังจะเป็นมีดสั้น แต่ทว่า สิ่งที่ออกมากลับทำให้เฟตต้องขมวดคิ้ว เพราะมันกลับเป็นสไนขนาดเขื่องที่ไม่เหมาะแก่การสู้ในระยะประชิดเลยซักนิด
“ทำไมล่ะเนี่ย ไหงเรียกช้างกลับเป็นตั๊กแตนแบบนี้เล่า”เฟตอุทาน ขณะวาดปืนขึ้นมาป้องกันดาบที่แทงตรงเข้ามา โชคยังเป็นของเฟตจริงๆ เมื่อดาบเล่มนั้นเกี่ยวกับขาปืนซะก่อน มิเช่นนั้นร่างกายของเขานั่นแหละที่จะขาดกลางเอาได้
‘เพราะพลังในร่างนายไม่เสถียรพอในตอนเรียกอาวุธหรือใช้ทักษะน่ะซิ’หลังจับจุดอยู่นานอนาตาเซียก็พอเข้าใจการทำงานของพลังเฟตบ้างแล้ว แม้จะดูเหมือนไร้เทียมทาน แต่หลักการใช้จริงๆมันไม่ได้ต่างอะไรกับอาวุธทั่วไปเลย นอกจากสมาธิในการใช้แล้ว การดึงพลังก็ต้องเสถียรในขณะเรียกไปด้วย การที่เฟตสู้ไปเรียกอาวุธไป จึงทำให้ร่างกายเกิดการสับสนทำงานผิดพลาดได้
“ซวยแล้วไง”เฟตอุทานเมื่อเห็นนักดาบคนที่ 3 – 4 วิ่งตรงมาจากด้านหลัง ส่วนด้านหน้าก็มีอีกเพียบ เขาในคราวนี้คงได้ตายคาสกิลเท้าหมู่แหง
แต่ดูเหมือนเฟตจะลืมไปแล้วว่าเขาไม่ได้สู้คนเดียว ข้างหลังของเขายังมีคนคอยดูอยู่ ทันทีที่เฟตพลาดท่า เทียร่าที่พร้อมสู้เสมอรีบใช้สกิลเวทกับตัวเอง พร้อมกับแทงดาบเข้าใส่คนที่หวังหัวชายหนุ่มผมไฮไลน์
“อ่ะ”เฟตอุทานเมื่อเห็นดาบเล่มนั้นเกือบจะโดนหัวเขาไปด้วย
เทียร่าไม่สนใจ เธอใช้จังหวะที่ได้ไล่สังหารผู้เล่นที่อยู่โดยรอบๆตัวเฟต
“อ่ะ เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน!!”เฟตอุทานเมื่อทุกดาบของคุณหนูเทียร่าเล่นเสียบแทงแบบเฉียดๆ เขาทั้งสิ้น อ่ะ ไม่ซิ ถ้าไม่หลบเขานั่นแหละที่จะตาย
“ชิ รอดไปซะได้”หลังจากสังหารคนที่อยู่รอบๆตัวเฟตไปหมด หญิงสาวก็พึมพำพร้อมกับหันไปมองผู้เล่นที่วิ่งหนีกลับกลุ่มไป
“เฮ้อ รอดได้ซิดี”กลับเป็นเฟตที่สวนคำพูดหญิงสาว เขาหอบจนตัวโยนเลย การหลบอาวุธของเทียร่าถือว่ายากมาก แต่ถ้าไม่ถือปืนที่มีความหนักกว่า 12 กิโล เขาคงจะหลบได้ดูดีกว่านี้
“แค่นี้ก็หอบซะแล้ว”เทียร่าปรายตามาพูดขณะยิ้มที่มุมปากซึ่งเฟตไม่เห็น
ก่อนที่เฟตจะได้พูดอะไร เฟตก็ปรายตาไปเห็น 2 สาว กระโดดลงมาพอดี
“อ้าว หายเหนื่อยแล้วเหรอครับ”เฟตหันไปทักริเรียน่าที่ส่งสายตาไปหาเทียร่า ส่วนอาธีน่าที่มาด้วยกลับเป็นฝ่ายพยักหน้ารับคำแทน ร่างกายของริเรียน่าฟื้นตัวได้เร็วสมกับเผ่าพันธุ์และเลเวลมาก
“แล้วนายล่ะ เมื่อกี้พลาดท่ามากเลยนี่”ริเรียน่าพูดโดยไม่หันมามอง ทำให้เฟตต้องเป็นฝ่ายหันไปมองแทน
‘บรรยากาศทำไมแปลกพิกลแหะ แต่ก็นะ’
“อืม ผมยังไม่เก่งพอน่ะครับ”ชายหนุ่มสั่นศีรษะตอบเล็กน้อย ระบบการต่อสู้ของเขายังไม่เสถียรเท่าไหร่เลย
“ฉันขอชีวิตที่นายติดค้างฉันคืน”อยู่ๆเทียร่าก็รี่ตรงมาพูดทวงกับเฟต ทำให้ชายหนุ่มทำหน้าเหลอมองไปทาง 2 สาวที่เหลือ
“เอ่อ ชีวิต ชีวิต อ้อ ที่ผมเคยบอกว่าจะให้ 1 ชีวิตน่ะเหรอครับ เวลานี้คงไม่เหมาะมั้งครับ”เฟตตอบเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในป่าเอลฟ์ได้
“หรือนายจะผิดคำสัญญา”เทียร่ามองเฟตด้วยสายตาเย็นชา จนชายหนุ่มรู้สึกขนลุกกับสายตาแปลกๆนี้
“เอ่อ ไม่ผิดก็ได้ครับ”หลังคิดว่าถ้าตายตอนนี้การได้ไปเจอหน้าฮาเดสอีกครั้ง จากออฟไลน์ไปหนึ่งที เหตุการณ์น่าจะดีขึ้น ไอ้หมอนั่นคงไม่ลากไปเที่ยวนรกชั้นไหนต่อไหนอีกเป็นแน่
“เชิญครับ”ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับวางปืนไว้ข้างลำตัว เขานั่งคุกเข่าลงต่อหน้าเทียร่าคล้ายกับอัศวินที่กำลังปฏิญาณตนให้กับเจ้าหญิงที่สูงศักดิ์ สายตาที่ยอมรับและศิโรราบ นั่นทำให้เทียร่ากลั้นใจอยู่พักหนึ่งแล้วเงื้อมมือขึ้นคล้ายจะลงมือ แต่ก่อนที่ดาบจะได้สะบัดลง บนหัวของเฟตก็มีอะไรวาดผ่านข้ามไปคล้ายกับต้องการขัดขวางเสียก่อน
“ฉันคงยอมให้เธอสังหารหมอนี่ไม่ได้หรอก”ริเรียน่าผู้ที่ขวางการลงดาบของเทียร่ากล่าว เธอมีเหตุผลในการตามเฟตอยู่จะยอมให้ใครมาสังหารง่ายๆได้ยังไง
“นี่เธอ”เทียร่าอุทานขณะจ้องมองสายตาของริเรียน่าที่แข็งกร้าวไม่ยอมคนเหมือนกับตน
เฟตมองสองสาวที่อยู่ข้างๆด้วยความมึนงง คนหนึ่งก็ต้องการจะสังหารตามสัญญา ส่วนอีกคนก็เข้ามาขัดขวางซะงั้น มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย หลังเห็นว่าไม่รู้เรื่องแน่ก็หันไปมองอาธีน่าที่ยิ้มแย้มให้ไม่บอกอะไรเหมือนเดิม ทำให้เฟตต้องค้นหาความจริงด้วยตัวเอง ถ้าเขาอยากที่จะหาจริงๆล่ะก็นะ
“ดูเหมือนพวกเราจะกลายเป็นตัวประกอบฉาก คอยสร้างบรรยากาศให้คู่รักเขานะ”พวกจิมที่สู้กับหมาป่าอยู่หันมากล่าวกับพวกเดียวกันเสียงเศร้า
“ก็ยังดีกว่าพวกนั้นล่ะนะ”ศรสายฟ้าหลงทิศชี้นิ้วไปยังกลุ่มผู้เล่นที่ตั้งด่าน ซึ่งคนพวกนั้นมองซ้ายทีขวาทีเหมือนไม่รู้จะเอายังไง แต่จะเข้าขัดขวางกลางพวกเฟตที่กำลังจ้องตากันอยู่ที่ด้านหน้าตนก็ไม่ดี ดังนั้นจึงยืนดูคล้ายกับดูละครฉากหนึ่ง นี่ยังดีที่ไม่ซื้อป๊อปคอนมากินดูแก้เหงาด้วยนะเนี่ย
“แต่ข้ายอมไม่ได้หรอกนะที่จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปน่ะ”จิมคำรามลั่น เขาเป็นถึงกิลด์ปกครองเมืองสายการรบ การจะมามองดูคนอื่นชุบมือเปิดไปมันเป็นเรื่องที่เสียหน้ามาก ดังนั้น เขาไม่ควรที่จะปล่อยให้เป็นไปแบบนี้
“แล้วจะทำอะไรกันได้ พวกเราก็แค่ผู้เล่นที่มีความสามารถนิดหน่อย ไม่ใช่พระนางเขานี่”ศรสายฟ้าหลงทิศพูดแกมประชดที่ตนถูกพวกเฟตเมิน
“ข้าไม่ได้กระจอกแบบนั้น ข้าเป็นถึงสมาชิกหนึ่งในสมาคมดรากอนคิง ดังนั้น ข้ายังมีไม้ตายอยู่บ้าง”ว่าแล้วก็ปล่อยพลังออกมาจนพื้นที่รอบตัวเป็นสีขาว หลังจากพลังเวทกระจายตัวจนได้วงรอบ มันก็รวมตัวอีกครั้งกลับมาเป็นประตูมิติที่เชื่อมต่อกับดินแดนอสูร
“มังกรงั้นเหรอ”ศรสายฟ้าพึมพำเมื่อเห็นประตูถูกเปิดออกมาพร้อมกับมือมังกรขนาดยักษ์
“มังกร”เสียงอุทานกันอื้ออึงทันที เมื่อเห็นมังกรตัวเขื่องโผล่หน้าออกมาโชว์ตัวที่แคดวอคล์สนามรบนอกเมือง เป็นที่รู้ๆกันอยู่แล้วว่า มังกรเป็นอสูรที่ระดับสูง อ่ะ ไม่ซิ มันหายากยิ่งระดับเสียอีก เนื่องจากเป็นอสูรที่ค่อนข้างชื่อดัง จึงจำเป็นต้องเก็บเนื้อเก็บตัวกันหน่อย
พวกเฟตเองก็ได้ยิน จึงหันมามองตามต้นเสียง ทันทีที่เฟตเห็นมังกรขนาดยักษ์ก็โอ้ปากด้วยความตกใจ เนื่องจากขนาดตัวนี้มันเท่ากับอนาตาเซียในร่างมังกรต้องสาปเลย แต่ต่างกันตรงที่อนาตาเซียดูมีสง่าราศี และมีความสวยงามน่าหลงใหลมากกว่า
‘ขอบใจ’เสียงเขินๆของอนาตาเซียดังที่หัว ทำให้ชายหนุ่มนึกออกมาได้ว่า ถ้าเขาคิดอะไรอนาตาเซียก็สามารถรับรู้ได้หมด เนื่องจากเธอเป็นส่วนหนึ่งในจิตใจ จึงไม่แปลกที่เธอจะรู้ ส่วนมะตะกี้เขาก็จิ้นไปซะเยอะเลย จึงรู้สึกเขินตามมังกรสาวไปบ้างแล้ว
“มีดี แต่ไม่เอาออกมาโชว์ หึ ต้องรอให้โชว์เทพก่อนซินะ”เทียร่าหัวเราะในจมูกอย่างไม่ชอบใจ ถ้ามีดีถึงขนาดนี้ ไม่รู้ทำไมถึงไม่เอาออกมาใช้แต่แรก เธอจึงคาดเดาว่า จิมต้องการเก็บงำฝีมือเพื่อประการศึกที่ยิ่งใหญ่กว่านี้
ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่เทียร่าคิดจริงๆ เมื่ออยู่ๆ มังกรขนาดเขื่องตัวสีแดงเมี่ยม กระพือปีกที่ข้างหลังพุ่งตัวมาที่ประตูเข้าออกเมืองที่พวกเธออยู่อย่างรวดเร็ว ทำให้กลุ่มของเธอต้องยกเรื่องคราวนี้ไว้เคลียทีหลัง ตอนนี้ต้องเอาตัวให้รอดจากมังกรขนาดเท่า 18 ล้อให้ได้เสียก่อน
ตูม!!! มังกรยักษ์นั่นกระแทกตัวเข้ากลางด่านผู้เล่น จนผู้เล่นพวกนั้นแตกกระจายไปคนละทิศละทาง เฟตที่มองอยู่ถึงกับตีมืออย่างยินดี ถ้าทำแบบนี้แต่แรกเขาคงไม่เหนื่อยขนาดนี้ ไม่ซิ เทียร่าก็คงไม่ต้องเหนื่อยซะขนาดนั้น
“เฮ!!!”เสียงเฮโรตามมาทันทีหลังจากด่านแตก จากนั้นผู้เล่นที่อยู่นอกเมืองก็ยกพลขึ้นบก ไม่ซิ ยกพลเข้าเมืองเพื่อมาเหยียบย้ำผู้เล่นที่นอนกระจุยกระจายเพราะแรงชนอันมหาศาลของมังกรยักษ์ เฟตเข้าใจความรู้สึกของพวกที่โดนชนดี ขนาดเขาที่ตกลงจากเหวเมื่อตอนนั้นยังนอนจุกตั้งนาน แต่ที่คนพวกนี้เป็นแรงชนแบบตรงๆ การจะฟื้นตัวให้สามารถสู้ได้คงต้องใช้เวลาสักหน่อยล่ะมั้ง
“หึ ทีเรื่องเอาหน้าอย่างงี้มาสามัคคีกันเชียว”เทียร่าพึมพำอีกครั้ง เฟตที่ได้ยินหันไปมองหน้าเธอเล็กน้อย เขารู้สึกได้ว่าเธอบ่นเก่งขึ้นมาก คาดว่าน่าจะเป็นเพราะอากาศโกรธเขามากส่วนหนึ่ง และอาการเฮิร์ทที่ยังฆ่าเขาไม่ได้อีกส่วนหนึ่งเป็นแน่
หลังจากกลุ่มของพวกจิมเข้าเมืองไปจนหมด พวกศรสายฟ้าหลงทิศจึงประกาศขึ้นบ้าง
“พวกเราเอาบ้างซิ”ว่าแล้วเหล่าลูกน้องก็เรียกอสูรส่วนตัวออกมา ซึ่งสิ่งที่ออกมาก็คือสุนัขขนาดเท่ากับสุนัขทั่วไป แต่ต่างกันที่ว่า คนพวกนี้มีทุกคน ทำให้จำนวนมีมากกว่าของจิมที่มีมังกรเป็นตัวชนเพียงตัวเดียว
หลังจากสุนัขออกมาจนครบ คนพวกนี้ก็สั่งการให้อสูรของตนเข้าสู้กับพวกหมาป่า เมื่อสุนัขที่มีระดับเท่ากับเจ้านายเข้าต่อกรกับสุนัขป่าที่มีเลเวลจำกัดเพียง 7 ผลที่ออกมาก็คือพวกเขาเหล่านี้เป็นผู้ชนะไปโดยปริยาย แม้จะเสียกำลังพลมากกว่าที่คิดก็เถอะ
“ทิวเมสเซียน (Teumessian)”เฟตได้ยิน 3 สาวอุทานพร้อมกันจึงหันไปมองตามบ้าง
“ก็ สุนัขธรรมดาๆนี่นา รู้ได้ไงว่าแปลกกว่าปกติหว่า”เฟตพึมพำเมื่อมองไปทางไหนก็เห็นแต่อสูรตัวสีดำปนขาววิ่งพล่านไปหมด ไม่ว่าจะมองเท่าไหร่ก็หาไม่เห็นว่าอสูรตัวไหนที่ถูกพูดถึง
‘ตัวขนสีแดง ที่หัวหน้ากิลด์นั่นขี่อยู่ไงล่ะ’อนาตาเซียบอก เธอพอจะรู้จักอสูรตัวนี้อยู่บ้าง
“ไอ้ตัวนั้นน่ะเหรอ”เฟตชี้นิ้วไปที่สุนัขขนาดเท่ากับวัว ซึ่งตอนนี้มีศรสายฟ้าหลงทิศขึ้นขี่อยู่
‘ตัวนั้นแหละ นั่นเป็นลูกของไทฟอนกับอีคิสน่าน่ะ ถ้าฉันเดาไม่ผิด น่าจะเป็นลูกผสมหลายเผ่าพันธุ์อยู่’
“พูดเป็นเรื่องตลกเนอะ เป็นลูกของคนนู้นคนนี้ แต่กลับมีของคนอื่นมาผสมด้วย”เฟตหัวเราะกับคำกล่าวของอนาตาเซีย
“รู้ได้ไงอ่ะ ว่านั่นเป็นลูกผสม”2 สาวหันมาถาม ทำให้เฟตชะงักค้างเล็กน้อย
“ใช่ค่ะ ปกติไม่ค่อยจะมีใครรู้จักมัน เนื่องจากมันชอบหนีหายไป แต่การที่มันกลับมาแบบนี้ยิ่งทำให้เราแปลกใจนะคะเนี่ย”อาธีน่ากล่าวเสริมเล็กน้อย ประมาณว่าเรื่เองที่เฟตได้ยินไม่ใช่เรื่องตลกอย่างที่คิด
“อ้อ ครับ เอาเถอะๆ เข้าเมืองกันบ้างดีกว่า”เฟตพยายามตัดบท ขณะมองไปยังสุนัขตัวนั้นด้วยความสนใจ ถ้าเทียบกับขนาดแล้ว มันมีขนาดไม่เห็นจะต่างอะไรกับบอสหมาป่าที่ถูกเทียร่าสังหารเลย
‘มันมีความสามารถในการหนีเป็นเลิศน่ะซิ มันจึงมีชื่อเสียงที่พอให้จดจำพอสมควร แต่ครั้งล่าสุดที่ได้ยิน เห็นว่าถูกซูสเตะโด่งขึ้นฟ้าให้ไปเป็นดาวแล้วนี่นา’อนาตาเซียทั้งบอกทั้งสงสัย ทำให้เฟตสงสัยตามไปด้วย
“เรื่องนั้นไว้ก่อนเถอะครับ ว่าแต่ตรงนู้น มันอะไรน่ะ”เฟตถามขณะชี้นิ้วไปยังความมืดที่อยู่ห่างออกไป เมื่อตะกี้ตอนที่จะเข้าเมืองเขาใช้สโคปปืนเล็งไปรอบด้าน ดีที่ปืนขนาดใหญ่ของเขามีกล้องอินฟาเรดผสานกับกล้องส่องทางไกลของปืน จึงพอมองเห็นสิ่งปกติที่อยู่ห่างไกลไปได้
อาธีน่ากับริเรียน่ามองเห็นในความมืดได้ด้วยดวงตาของเผ่าพันธุ์ จึงหันมามองหน้าเฟตเล็กน้อย เทพสาวจึงเปิดปากบอก
“นั่นเป็นอสูรโกเลมไงคะ”
“ก็พอรู้แล้วครับ ผมอยากรู้ว่ามันมาได้ไงมากกว่า”
“ไม่เห็นจะแปลกนี่นา การที่อสูรจะออกห่างจากเขตแดนมันเป็นเรื่องปกติ พวกอสูรมีระบบอะไรไม่ต่างกับผู้เล่นหรอกนะ แต่ต้องดูก่อนว่าอสูรนั้นๆมีสติปัญญาแค่ไหน ถ้ามีมากจนฉลาดเกินไป ก็จะเหมือนกับมนุษย์ที่โลภอยากได้พื้นที่ใหม่จนไล่พื้นที่อสูรเก่าไปหมด”ริเรียน่าอธิบายเต็มที่แบบผู้รู้ ทำให้เฟตต้องพยักหน้าด้วยความเชื่อ แม้จะฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่หญิงสาวผู้นี้ก็เป็นถึงผู้บริหารของบริษัทเกมนี้นี่นา
“จะยืนคุยกันอีกนานมั้ยเนี่ย”เทียร่าหันมาถามสายตาจับจ้องไปที่เฟต ทำให้ชายหนุ่มที่เป็นหัวขบวน 2 สาวต้องพยักหน้าให้ว่าเสร็จแล้วจ๊ะ
“ขอเวลาให้เขาได้พักสักหน่อยได้มั้ยคะ”อาธีน่ากลับเป็นฝ่ายที่พูดแทรกขึ้น ทำให้เทียร่าหันมามอง จากนั้นก็หันไปมองเฟตที่หน้านิ่งเป็นปกติแต่เหงื่อนั้นออกมากจนเห็นได้ชัด
เทียร่าเข้าใจทันทีว่าเฟตถึงขีดจำกัดแล้ว แม้จะไม่รู้ว่าชายผู้นี้สู้มามากแค่ไหน แต่แค่ตอนหลบดาบของเธอ หญิงสาวก็คาดเดาไว้แล้วว่า น่าจะเหลือพลังไม่มากเท่าไหร่นัก
“งั้นก็หาที่พักที่ดีกว่านี้ไม่ได้หรือไงกันล่ะ ข้างนอกมันหนาวนี่นา”
“ข้างในเมืองจะดีเหรอครับ สภาพแบบนั้น”เฟตแทรกขณะชี้นิ้วไปภายในเมือง ที่มีมังกรตัวใหญ่เดินไล่กระทืบผู้เล่นซ้ายๆขวาๆอยู่ ถ้าพวกเขาเข้าไปมีหวังได้เป็นแบบผู้เล่นพวกนั้นแน่
“อืม”เทียน่าพยักหน้าเห็นด้วย เมื่อมีคนเห็นด้วย เฟตที่เหนื่อยปานจะขาดใจก็รีบเดินไปนั่งหลบอยู่ข้างกำแพงเมือง
อาธีน่าที่ถือหลักตามเฟตไว้ก่อนดีที่สุดจึงเดินตามไปนั่งด้วยแต่เว้นระยะห่างให้ดูดี ส่วนริเรียน่าที่ได้เฟตช่วยเหลือ และเธอเองก็มีหน้าที่ต้องคุ้มกันไม่ให้เฟตตายไปก่อนเวลาอันควรจึงเข้าไปนั่งด้วยกับเฟต แต่ก็เว้นระยะเช่นกัน
ทว่า เทียร่านั้นมาแปลก เมื่ออยู่ๆเธอก็เดินมานั่งข้างๆ เฟตพร้อมกับเบือนหน้าหนี ถ้าชายหนุ่มมองไม่ผิดจะเห็นใบหูที่แดงเถือกของหญิงสาว
“แน่ใจนะครับว่าหนาว ดูแล้วไม่น่าจะใช่เลยเนอะ”เฟตกล่าวยิ้มๆ ทำให้เทียร่าหันขวับมามอง แค่นั้นก็ทำให้เฟตต้องหุบปากเงียบไปโดยปริยาย เมื่อเจ้าแม่เขาแรงจริง
เฟตหันความสนใจมาที่อสูรที่อยู่ข้างนอกต่อ ศรสายฟ้าหลงทิศร้องสั่งบัญชาการลูกน้องอย่างมีพาวเวอร์มาก การที่เขาขี่อสูรที่มีตัวใหญ่กว่าลูกน้องก็ช่วยให้ดูน่าเกรงขามดีเช่นกัน ถ้าไม่ติดที่อสูรตัวนั้นหันมามองกลุ่มของเขามากกว่าที่จะหันไปในทิศทางเดียวกันกับเจ้านาย เฟตคงจะปรบมือให้แล้วกับการปราศรัยของศรสายฟ้าหลงทิศ
หลังจากลูกกิลด์เตรียมพร้อมแล้ว ศรสายฟ้าหลงทิศก็สั่งลูกน้องเข้าเมืองทันที แต่ก่อนที่จะเข้าไปก็หันมามองพวกเฟตเล็กน้อยเป็นเชิงสนใจ แต่สักพักก็ควบสุนัขหายเข้าไปในประตูเมือง โดยมีลูกน้องวิ่งตามเข้าไปเป็นพรวน ส่วนอสูรสุนัขที่ถูกเรียกออกมาก็รับหน้าที่เป็นฝ่ายคุ้มกันหลัง เพื่อให้เจ้านายได้เข้าเมืองไปกันจนหมดก่อน
เฟตเห็นเช่นนั้นก็ต้องเปลี่ยนใจเข้าไปพักในเมืองแทนแล้ว ถ้าเขามองเหตุการณ์ไม่ผิด ดูเหมือนพวกศรสายฟ้าคิดที่จะปิดประตูเมือง เพื่อที่จะตัดปัญหากับสุนัขป่าที่มีจำนวนมาก และกำลังจะมาเสริมอีกหลายกองร้อย
3 สาวเองก็รู้อย่างที่เฟตรู้ พวกเธอจึงเดินนำเข้าไปก่อนเสียอีก หลังจากเข้าเมืองกันหมดแล้ว พวกสุนัขที่เป็นอสูรส่วนตัวก็ถูกสั่งให้ถอนกำลัง โดยมีผู้เล่นฝ่ายธนูช่วยป้องกันไม่ให้สุนัขป่าตามติดเข้ามาได้ แต่ดูเหมือนสุนัขฝ่ายนั้นจะมีเยอะกว่าที่คิด จึงทำให้มีเล็ดรอดมาถึงหน้าประตูเมืองอยู่บ้าง
ขวับ ตูม!!! เฟตโยนระเบิดที่คล้องอยู่กับเสื้อกั๊กออกไปอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก
ระเบิดที่เกิดขึ้นส่งผลให้หมาป่าหายวับไปในพริบตา ส่วนกองกำลังเสริมคาดว่าต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะมาถึง ซึ่งนั่นอาจไม่ทันการณ์ เนื่องจากตอนนี้ประตูเมืองทางด้านทิศเหนือกำลังปิดตัวลงแล้ว จากนี้จะเริ่มแผนการปิดประตูตีหนูกันแล้ว
“ขนาดเหนื่อยอย่างนั้น ยังมีเขี้ยวเล็บอยู่อีกนะ”เทียร่าหันมาแขวะ ทำให้เฟตต้องหัวเราะแห้งๆ เขาทำอะไรก็ดูเหมือนจะขัดใจหญิงสาวผมทองผู้นี้ไปหมดเลยแหะ
“เรียกว่าความสามารถพิเศษก็แล้วกันนะครับ”ชายหนุ่มพยายามพูดให้ดูเข้าใจง่าย ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้น อาชีพของเขาไม่ได้เน้นไปที่อะไรบางอย่าง แต่มันเน้นที่ความหลากหลายต่างหาก ถ้าปืนกลมือสู้ไม่ได้ ก็ใช้ปืนกลหนัก แต่ถ้าปืนกลหนักไม่ได้ ก็ต้องใช้ปืนใหญ่กันล่ะ ส่วนตอนนี้เขาที่ไม่สามารถใช้อะไรสู้ได้อีก จากร่างกายที่ยังเหนื่อยอยู่ ดังนั้น การใช้ระเบิดมือที่มีการใช้แบบง่ายๆ สบายๆ แต่จัดหนักก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะมันแค่ดึงพลังเขาออกไปในการสร้าง
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฟตก็ถึงกับถอนหายใจส่ายหัว เนื่องจากความเหนื่อยและพลังก็ช่างแปลกแยกกันจริงๆ เขารู้สึกได้ว่าพลังยังพอเหลืออยู่ แต่ร่างกายกลับไม่เอื้ออำนวยเสียเท่าไหร่ จนทำให้ไม่สามารถสู้ได้อีก นอกจากต้องพักร่างกายให้คลายความเมื่อยล้าไปก่อนเท่านั้น ทำให้เฟตต้องถอนหายใจที่เกมนี้เหมือนชีวิตจริงอย่างที่พูดไว้จริงๆ ด้วย
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”เฟตกล่าวขอตัวกับ 3 สาว ขณะเดินหาที่พักแบบเงียบๆ แต่เมื่อมองไปทางไหนก็เห็นแต่คนสู้กันหรือไม่ก็ซากศพ เฟตก็ถึงกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า สงครามมีแต่ทำให้จิตตกจริงๆ
แต่ความอ่อนแอไม่ใช่สิ่งที่ดีในสงคราม ชายหนุ่มจึงยังเข้มแข็งได้อยู่ จากนั้นด้วยความพยายามที่จะพักให้ได้ ทำให้เฟตสามารถหาที่นอนที่สุดยอดแสนจะอ่อนนุ่มและเพอร์เฟ็กได้ นั่นก็คือ กำแพงเมือง
เมื่อมาถึงเฟตก็ล้มตัวลงนอนพร้อมกับหันหน้าไปในเมืองเพื่อดูว่าเหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อไป ดูเหมือนภาพการต่อสู้จะคล้ายกับคนที่นอนดูทีวีขณะหลับ เฟตนอนดูมากๆก็ถึงกับหลับไปเลยทั้งๆแบบนั้น
3 สาวที่เดินตามขึ้นมา เมื่อเห็นเฟตนอนหลับไปทั้งๆแบบนั้นก็ถึงกับอึ้ง ด้วยความคิดไม่ถึงว่าภายในเหตุการณ์ชวนกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก เฟตจะยังสบายใจได้แบบนี้ แต่ถ้าเทียบกับนิสัยที่ไม่สนใจอะไรแล้ว ก็ไม่เห็นจะแปลกอะไรซินะ
หลังคิดได้คล้ายๆกัน 3 สาวก็นั่งลงมองดูเหตุการณ์ในเมือง แต่ไม่ได้คุยอะไรกันเลย เนื่องจากภาพที่เห็นไม่เหมาะแก่การจิ้นกันสักนิด
อย่างที่ความคิดของเฟตได้เปรียบเปรยเอาไว้ สงครามไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมา นอกจากจะทำให้จิตใจของคนที่พบเห็นตกต่ำลง แล้วยิ่งเฟตที่เป็นคนทำให้มีคนตายเยอะด้วยแล้ว เป็นเขานั่นแหละที่รู้สึกเจ็บปวดกับภาพที่เห็นมากที่สุด แต่ด้วยหน้ากากที่เย็นชา แม้จะเจ็บจนอยากหลั่งน้ำตาให้กับความตายอันน่าเวทนา เฟตก็ต้องเก็บมันเอาไว้ ถ้าคนที่สังหารผู้อื่นเอาแต่โทษตัวเองถึงสิ่งที่ทำลงไป โดยไม่ยอมเดินหน้าต่อ ความตายเหล่านั้นจะสูญเปล่าและไร้ค่าขึ้นมาทันที
“ใช่ห้องนี้เปล่าหว่า”ชิออนที่เดินเล่นภายในปราสาทเจ้าเมืองพึมพำขณะเปิดห้องแล้วห้องเล่าแล้วยังไม่พบเจอสิ่งที่เขาต้องหา
“เฮ้ย เดินมานานแล้วนะโว้ย เมื่อไหร่จะถึงซะทีฟะ”ซาตานที่ตามติดเป็นตังเมร้องถาม
“ถึงก็ถึงแล้วไง แต่ยังทำอะไรไม่ได้นี่ซิ”ว่าจบก็เดินหาต่อไป ส่วนมือก็สะบัดดาบคาตานะสังหารผู้เล่นเฝ้าเมืองที่คิดจะเข้ามาขัดขวาง
“เก่งมากเลยแหะ เรื่องดาบนี่ยกให้เลย แต่ทำไมเรื่องหมัดถึงห่วยแตกขนาดนั้น”
“ร่างกายผมไม่เหมาะกับของพวกนั้นนี่ มีแต่ของนี้ที่ผมเกิดมาเพื่อมัน”ชิออนกล่าวขณะมองดูดาบดำ แต่เท้ายังคงสาวก้าวเดินไม่หยุด
“โอ้ เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ซินะ ฮ่าฮ่า เข้าใจๆ ว่าแต่ แกจะพาวนอะไรนักหนาวะ ฉันจำได้ว่าแกพาวนมาเป็นรอบที่ 5 แล้วนะ”ซาตานชี้นิ้วไปยังอีกทางหนึ่ง ซึ่งชิออนยิ้มแห้งๆ ให้ จากนั้นก็เดินไปตามทางที่ซาตานว่า โดยคราวนี้เขาพบเจอสภาพห้องรอบข้างที่แปลกออกไปมาก
“อ้า เจอแล้ว”หลังจากเปิดห้องที่ใหญ่ซึ่งอยู่ลึกที่สุดในชั้นนี้แล้ว ชิออนก็พึมพำออกมา ทำให้ซาตานต้องยิ้มเหมือนคนที่อยากเจออะไรสนุกๆเต็มแก่แล้ว
หน้าบัลลังก์เจ้าเมือง หลังจากชิออนเจอสมบัติของเจ้าเมือง ณ ห้องสุดท้าย เขาก็เดินกลับมาที่จุดนี้พร้อมกับซาตานอีกครั้ง
“เอาจริงเหรอคะ”สมบัติ (?) สาวกล่าวถาม ในขณะที่ชิออนพยักหน้าหงึกหงักประมาณว่าเอาจริงแน่นอน
“ในนามแห่งบุตรตรีผู้ปกครองเมือง ข้าขออัญเชิญเทพผู้ปกครองเมืองแห่งนี้ ได้โปรดลงมาให้ความช่วยเหลือ แก่ข้าและพวกพ้องด้วยเถิด”สมบัติสาวสวดมนอ้อนวอนต่อสิ่งศักดิสิทธิ์ประจำเมือง ซึ่งพื้นที่ที่จะสามารถสวดอ้อนวอนได้ก็มีแต่เฉพาะจุดที่มีค่าพลังวิญญาณบริสุทธิ์สูง เช่นปราสาทเมือง โบสถ์ โรงเรียน หรืออะไรก็ตามที่ ณ จุดนั้นๆไม่ค่อยมีผู้เล่นไปฆ่ากันตายจนทำให้เสื่อมเสียค่าความบริสุทธิ์ของพื้นที่ไปเสียก่อน
หลังจากสวดอ้อนวอนได้ไม่นาน ที่ด้านหน้าของหญิงสาวก็มีหน้าจอแบบ 3 มิติที่ค่อนข้างจะล้ำยุคแบบสุดๆโผล่ขึ้นมา แต่ทว่า สมบัติสาวไม่สามารถใช้งานสิ่งนี้ได้ จึงจำเป็นต้องเลื่อนมาให้ชิออน ซึ่งรู้อยู่แล้วว่า ของพวกนี้ใช้ได้ก็ต่อเมื่อมีผู้เล่นร่วมด้วยเท่านั้น
“เลือกใครดีหว่า แต่ลำคนไม่ค่อยจะว่าง แถมคุณสมบัติก็ไม่ตรงตามต้องการอีกแหะ”ชิออนพึมพำขณะเลื่อนใบหน้าเทพลงเลื่อยๆ จนกระทั่งมาเห็นใบหน้าของอาธีน่า ซึ่งขึ้นค่าสถานะว่าติดธุระไม่รับงาน
“รู้อยู่แล้วเหรอ”ชิออนหันไปถามซาตานที่ยิ้มเหมือนกำลังจะเจอเรื่องสนุก
“ประมาณนั้น”
“ช่างเถอะๆ จะเป็นใครมาจากไหนก็ช่าง แต่ว่าตอนนี้เลือกคนไหนดีล่ะ ที่มีคุณสมบัติเข้าสุดๆก็มีแต่ไอ้คนนี้แหละมั้ง”ชิออนว่าจบก็เลื่อนมาที่ใบหน้าของชายคนหนึ่ง ที่ขึ้นค่าสถานะว่าว่างยาว จะอัญเชิญไปไหนก็ไปเลยไป แถมค่าพลังศักดิสิทธิ์ในการอัญเชิญก็ต่ำกว่าที่จะอัญเชิญอาธีน่าเสียอีก
“คนนี้ก็ได้แหะ”ชิออนตัดสินใจเลือกไปที่ชายผมทองที่ตนเห็น
‘โอ้ เอาเจ้าแอรีสมาจริงๆด้วย สนุกล่ะซิงานนี้’ซาตานหัวเราะในลำคอย่างชอบใจ เมื่อเห็นชิออนเลือกที่จะเอาเทพสงครามแอรีส ซึ่งถือว่าเป็นตัวป่วนที่สุดประจำสวรรค์แล้วก็ว่าได้ แล้วถ้าไอ้เทพผู้บ้าสงครามมาเจอกับเทพสงครามอย่างอาธีน่า ผลลับที่ออกมาคงสนุกเวอร์น่าดูเลยล่ะ เมื่อคิดได้ดังนั้นซาตานก็หัวเราะดังลั่นมากกว่าเดิม จนชิออนยังต้องหันมามองอย่างแปลกใจ แต่เมื่อเห็นว่าวงแหวนเวทเคลื่อนย้ายกำลังปรากฏขึ้น ก็รีบหันไปมองประตูที่กำลังโผล่ขึ้นมา หลังประตูปรากฏจนเห็นเป็นรูปเป็นร่างแล้วมันก็ถูกเปิดออกมาพร้อมกับชายผมทองใบหน้าเย่อหยิ่ง ซึ่งมีคนตามมาด้วยเป็นพรวนเลย
“เอาล่ะพวกเรา แสดงความสามารถถึงเผ่าพันธุ์อันแข็งแกร่งให้เหล่ามนุษย์ผู้อ่อนแอได้เห็นหน่อยซิ”ชายผมทองหรือแอรีสเทพสงครามที่ชิออนเลือกป่าวประกาศกับทีมทหารเทพของตนเองทันที
“ทำไมผมรู้สึกเหม็นหน้าไอ้หมอนี่แปลกๆวะครับ”ชิออนหันไปกระซิบกับซาตาน ซึ่งชายร่างใหญ่หัวเราะในลำคอไม่ตอบคำ นอกจากจ้องหน้าแอรีสเฉยๆ ทันทีที่เทพหนุ่มหันมาเห็นก็มีอาการตกใจเล็กน้อย ประมาณว่าคิดไม่ถึงว่าจะเจอชายคนนี้ที่นี่
“ท่านแอรีส”เหล่าทหารเทพที่มาด้วยเรียกเบาๆ เมื่อเห็นเทพหนุ่มมีอาการค้างตอนที่เห็นหน้าซาตาน
“อ่ะๆ ข้าไม่ได้เป็นคนที่เขาอัญเชิญมาให้แกกำจัดนะ อย่ามามีเรื่องดีกว่า ไม่งั้นเมืองนี้ได้หายก่อนที่ภารกิจแกจะเสร็จสิ้นเสียอีก”ซาตานเอ่ย เมื่อเห็นแอรีสดึงอาวุธเทพของมันออกมา
“ไอ้พวกมาร”แอรีสกัดฟันกรอดเหมือนไม่พอใจเป็นอย่างมาก พลังของมันระเบิดกระจายออกไปจากร่างของเทพหนุ่ม เหล่าผู้เล่นเทพต่างถอยไปกันจนติดประตูที่ตนพึ่งโผล่มา แล้วหันไปมองหน้ากันประมาณว่าถอยกลับตอนนี้จะทันมั่ยเนี่ย
ชิออนที่มองอยู่เองยังรู้สึกถึงพลังอันกล้าแกร่งของแอรีส พลังระดับนี้ไม่ใช่พลังที่เขาจะต่อกรด้วยได้เลย แต่ทว่า เขากลับรู้สึกว่ามันมีขีดจำกัดแบบแปลกๆ แม้จะไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่ร่างกายก็ฟ้องไปแล้วว่าอย่าไปกลัวมัน
“เสียดายจริงๆ ที่พลังโกรธของพวกเทพข้าไม่สามารถดูดกลืนได้ ไม่งั้นล่ะก็ หึหึ แกตายไปนานแล้วแอรีส”ซาตานหัวเราะในลำคอจากนั้นก็เดินออกไปจากห้องโถงท้องพระโรงแห่งนี้ ส่วนชิออนเองก็รู้สึกรังเกียจเทพผู้นี้อยู่แล้ว จึงเดินตามออกไปพร้อมกับสมบัติแห่งเจ้าเมือง ซึ่งก็คือลูกสาวของเจ้าเมืองนั่นแหละ
“ชิ ไอ้จอมมารแห่งโทสะ”แอรีสคำรามไม่ชอบใจ แต่เมื่อเห็นว่าโมโหไปความโกรธก็ไม่หาย จึงหันมาสั่งงานทหารเทพผู้ติดตามอย่างรวดเร็ซ
“ภารกิจแก้มือในครั้งนี้ก็ง่ายแสนง่าย สังหารพวกมารให้หมดซะ”แอรีสสั่งการที่ค่อนข้างจะขัดกับหลักการที่ถูกอัญเชิญมาพอสมควร การอัญเชิญแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าให้มาสู้เสมอไป อาจจะเป็นการอัญเชิญมาเพื่อให้มาเป็นไม้กันหมาก็ได้ แต่คนที่แอนตี้เผ่ามารจนคนทั้งโลกรู้อย่างแอรีสกลับไม่สนใจ ขอแค่สังหารมารได้ก็พอใจแล้ว
“ครับ/ค่ะ”เหล่าผู้เล่นทหารเทพที่เคยทำงานผิดพลาดครั้งหนึ่งแล้วขานรับโดยพร้อมเพรียงกัน จากนั้นก็เดินหายไปจากท้องพระโรงทิ้งให้แอรีสขึ้นนั่งแท่นเป็นเจ้าเมืองโดยไม่สนเลยว่าสมควรหรือไม่สมควร เพราะถือหลักว่าตนองเองเป็นเทพ การจะไปไหนมาไหนควรได้รับการต้อนรับอย่างถึงที่สุด
‘เทพตัวอันตรายมาแล้ว’เสียงอนาตาเซียแว่วเข้าหูเฟตมา ทำให้ชายหนุ่มที่ได้พักไปหลายชั่วโมงลืมตาตื่นขึ้นมาดูรอบข้าง ซึ่งเขาก็พบว่าข้างหน้าของตนมี 3 สาวนั่งไขว่ห้างกับกำแพงเมืองอยู่
“อะไรคือเทพอันตรายครับ”เฟตพึมพำถามตัวเอง (?) ขณะบีบร่างกายที่กำลังรู้สึกปวดร้าวแบบแปลกๆ
‘นายถามคนที่อยู่ข้างหน้าเถอะ พลังรุนแรงขนาดนี้ใครๆก็รู้ทั้งนั้นแหละ’อนาตาเซีย โบ้ยให้คนอื่นหน้าตาเฉย
“ใครมาเหรอครับ ทำไมหน้าเครียดกันขนาดนั้น”เฟตทำตามที่ถูกแนะนำมา โดยคราวนี้ อาธีน่าหันมาอธิบายเองยิ้มๆ
“ญาติของเราลงมาจากสวรรค์ค่ะ ถ้าเราคาดไม่ผิด น่าจะเป็นการอัญเชิญโดยความสามารถพิเศษของเจ้าเมือง”
“เขาแสบมากเลยเหรอ”ชายหนุ่มรู้ถึงบรรยากาศที่อึมครึ้ม จึงถามโดยไม่ยั้งคิด
“อืม แสบใช้ได้เลยล่ะ แสบกว่าท่านซาตานเสียอีก”ริเรียน่าตอบออกมาโดยไม่มองมาที่เฟต แต่กลับมองเข้าไปในเมืองแทน
“เป็นคนที่ต่อต้านเผ่ามารแบบสุดๆ แถมยังหัวรุนแรงมากๆด้วย”แม้จะไม่ได้เป็นถึงเผ่าชั้นสูง แต่เทียร่าเองยังรู้ถึงชื่อเสียและกิติศักดิ์ของเทพที่มีนามเลื่องชื่อก้องโลกว่าแอรีส
“รุนแรงที่ว่านี่ ขนาดไหนเหรอครับ”เป็นคำถามที่ฟังดูเรื่อยเปื่อยมาก แต่เฟตก็ยังถามออกมาได้
“ก็ ขนาดนั้นไงคะ”อาธีน่าตอบแล้วชี้มือไปยังปราสาทประจำเมือง ที่ถ้าเฟตมองไม่ผิดจะเห็นยอดปราสาทหายไปด้วยพลังสีทองที่พุ่งสูงทะลุเป้าหายไปเลย
“…..”ชายหนุ่มจ้องมองปราสาทเมืองสักพักก็หันมามองที่ถนนเส้นหลักของเมืองต่อ เขาเห็นเหล่าผู้เล่นยังคงไล่ต่อสู้กันอยู่อย่างสนุกสนาน (?) ขนาดคนที่วิ่งหนีโดยร้องขอความช่วยเหลือไปด้วยยังตายไปทั้งน้ำตาที่หัวเราะอย่างมีความสุขเลย
“อ้าว แล้วมังกรไปไหนแล้วล่ะ”เฟตถามขึ้นเมื่อมองไม่เห็นมังกรตัวเขื่อง ที่ก่อนนอนเขาจำได้ว่ายังเห็นตัวไหวๆ อยู่เลย ถึงแม้จะวิ่งเข้าไปลึกแล้วเขายังมองเห็น ด้วยขนาดตัวที่บิ๊กเบิ้มขนาดนั้นถ้าไม่เห็นก็บ้าแล้ว
“อาจจะเป็นทางนั้นก็ได้มั้งคะ”อาธีน่าชี้นิ้วไปที่ทิศทางหนึ่ง ที่เฟตมองเห็นแล้วว่าน่าจะเป็นซากมังกรขนาดยักษ์ ซึ่งตอนนี้เหลือแต่เพียงซากไว้เป็นอนุสรสถานแห่งบ้านทรายทอง (?)
“ทำไมถึงตายได้ล่ะนั้น”แค่เห็นอนุสรแห่งความทรงจำเฟตก็รู้ได้ทันทีว่านั่นคือศพ
“เพราะในโลกนี้ ผู้ที่แข็งแกร่งกว่ายังมีอีกเยอะยังไงคะ”อาธีน่าหันมาตอบตาเป็นประกาย ทำให้เฟตถึงกับขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย
ความคิดเห็น