ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Proxy War Online (สงครามแห่งอำนาจ)

    ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 14 การประชุมเสร็จสิ้น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12.75K
      49
      14 ก.ย. 56

    แม้เหล่าแกนนำจะคิดแบบนั้นแต่ก็ไม่มีใครกล้ายืนบอกหรือค้านอะไร จึงนั่งนิ่งๆจำใจให้เฟตได้เริ่มประชุมต่อไปแม้จะค้านอยู่ในใจก็ตาม

    การประชุมครั้งนี้ใช้เวลารวมแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น มันเป็นการประชุมที่เงียบสงบและให้ความร่วมมือกันดีในสายตาเฟต แต่สำหรับแกนนำคนอื่นที่ร่วมประชุมกลับไม่คิดเหมือนกัน พวกเขามองว่ามันเป็นการประชุมที่สุดแสนจะทรมานเสียมากกว่า

    แค่เริ่มประชุมได้ไม่นาน แกนนำที่มีเลเวลน้อยที่สุดก็สลบจนต้องถูกหามออกไป แต่เฟตกลับไม่สนใจเขายังคงปล่อยพลังตลอดการประชุมไปเรื่อยๆ แม้จะมีผู้เล่นหลายคนรักเพื่อนตามไปเฝ้ากันถึงห้องพยาบาลอีกหลายคนก็ตาม

    พวกแกนนำต่างเป็นผู้เล่นที่ยังไม่เก่งมาก เลเวลที่มากที่สุดในตอนนี้ก็แค่เลเวล 30 นอกนั้นก็มีแค่ตำแหน่งเล็กๆน้อยๆ ซึ่งไม่มีใครทนไอพลังแห่งความตายที่เฟตปล่อยออกมาได้ แล้วยิ่งเห็นตัวอย่างที่เป็นลมโดนหามออกไปพวกเขาจึงต้องยอมเฟตไปหมด เพื่อให้เวลาในการประชุมลดลงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เฟตถามหรือเสนออะไรก็ต้องเห็นด้วยเพื่อไม่ให้เวลามันยืดออกไป

    เนื่องจากไอพลังแห่งความตายถือเป็นพลังที่มีระดับสูง เหนือชั้นกว่าพลังของผู้เล่นทั่วไปหลายเกรดนัก พวกผู้เล่นที่ถือว่าเป็นมือใหม่แบบพวกเขาก็ไม่ควรที่จะสู้กับพลังนี้ตรงๆ ส่วนผู้ที่มีพลังนี้ก็ไม่ควรนำมันมาข่มขู่คนอื่นเช่นกัน มิเช่นนั้นจะโดนข้อหารังแกเด็ก

    แต่เฟตเป็นประเภทไม่สนใจใครอยู่แล้ว เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนให้ความร่วมมือดีถ้าเขาปล่อยพลังนี้ออกมา ก็จัดหนักปล่อยมันตลอดชั่วโมงการประชุม โดยมีมังกรต้องสาปร่วมอธิบายว่า ถ้าเขาปล่อยในห้องปิดโดยที่พลังไม่รั่วไหลออกไปหรือมีใครสู้ เขาจะไม่เสียพลังมากเท่าไหร่นัก

    ซึ่งก็เป็นจริงดั่งว่า ตลอดเวลาที่เฟตปล่อยพลังไว้แบบนี้เขาไม่รู้สึกล้าเท่าไหร่ พอดูที่หน้าต่างระบบก็พบว่าลดลงไปเพียง 20 DEP จาก 600 DEP หน่วย (Death Energy Point = พลังแห่งความตาย

    ขอบคุณทุกๆคนมากนะครับที่ให้ความร่วมมือ แหม ไม่นึกว่าการประชุมจะง่ายขนาดนี้เฟตกล่าวปิดประชุมหลังจากถก ปัญหากันเสร็จ

    ทันทีที่เฟตบอกว่าจบการประชุม แกนนำที่ยังพอประคองตัวเองไหวก็เดินออกช้าๆไม่รีบร้อนอะไร แต่พวกที่เกือบจะเป็นลมต่างพากันวิ่งหนีจนประตูห้องประชุมที่เฟตว่าใหญ่มากได้ใช้งานจริงๆเสียที

    เอ่อ ผมขอคุยกับเจ้าเมืองหน่อยได้มั้ยครับเฟตหันไปคุยกับเจ้าเมืองที่เขาแต่งตั้งขึ้นมา ซึ่งตอนนี้กำลังจะเดินออกจากห้องตามแกนนำคนอื่นๆออกไป ถ้าเป็นในเวลาปกติพวกแกนนำคงจะค้านในเรื่องการแต่งตั้งคนผู้นี้เป็นเจ้าเมือง แต่ในเวลาที่เฟตกุมชีวิตพวกเขาอยู่ เหล่าแกนนำจึงเห็นด้วยไปหมดจนไม่สนแล้วว่าจะเป็นใคร

    มีอะไรหรือคะเจ้าเมืองคนปัจจุบัน หรือแม่ทัพใหญ่ที่เฟตเคยช่วยไว้ถามเฟตด้วยเสียงสั่นๆ เธอเองก็ทนไม่ค่อยจะไหวเหมือนกัน แต่ที่รอดมาได้ก็คงเป็นเพราะประสบการณ์ชีวิตที่โชกโชนของเธอ

    เมื่อเห็นว่าคนอื่นๆออกไปกันหมดแล้ว เฟตก็ดูดพลังแห่งความตายของตนเข้าร่างไป ทำให้บรรยากาศที่น่าอึดอัดกลับมาเป็นปกติ

    เจ้าเมืองคนใหม่เลยคุยกับเฟตได้เป็นปกติ

     

    หลังจากคุยกับเจ้าเมืองคนใหม่เสร็จ เฟตก็เปิดประตูบานใหญ่ของห้องประชุมออกมา

    ทำไมนายออกมาช้ากว่าใครเลยล่ะชิออนที่นั่งรออยู่ที่หน้าห้องประชุมร้องถาม ส่วนคนที่ถูกถามก็หันไปทางต้นเสียงแล้วพยายามหรี่ตามอง

    ผมช่วยเจ้าเมืองคนใหม่ร่างกฎหมายใหม่น่ะครับ กฎของคุณยังมีช่องว่างและโหว่มากไปหน่อย

    นายมองเห็นแล้วเหรอชิออนไม่สนใจเรื่องมีสาระ เขาเห็นเฟตลืมตาแล้วก็เลยถามอย่างสงสัย

    นิดหน่อยครับ แต่เห็นในระยะสั้นๆ ไกลกว่า 5 เมตรจะไม่เห็นเฟตพยักหน้า จากนั้นก็เรียกข้อมูลแล้วหันไปให้ชิออนอ่านดู

    ผู้เล่นเฟตตคิดสถานะคำสาปค่ะ

    ความสามารถพิเศษของสายมหาเทพแสดงผลร่วมกับความสามารถพิเศษของสายจอมมาร ทำให้ผู้เล่นเฟตเรียนรู้ที่จะต้านทานคำสาปในระดับหนึ่งค่ะ

    ผู้เล่นเฟตสามารถทนคำสาปกายาต้องแสงได้ ผู้เล่นเฟตสามารถมองเห็นได้สูงสุด 5 เมตร เวลาอยู่กลางแสงสว่างค่ะ

    ผู้เล่นเฟตได้รับทักษะต้านทานคำสาปเป็นทักษะติดตัวค่ะ (อาชีพพ่อมดทักษะนี้ผู้เล่นเฟตจะต้านทานคำสาปทุกชนิดได้ หนึ่งระดับจาก 12 ระดับ ผู้เล่นเฟตสามารถฝึกฝนทักษะจนกว่าจะเต็มขั้นได้ค่ะ

    นี่คือข้อความทั้งหมดที่เฟตเปิดให้ชิออนอ่าน แต่แค่นั้นชิออนก็มองหน้าเพื่อนตัวเองด้วยความอิจฉาแล้ว

    ถ้าตอนนี้ฉันกลับไปรับภารกิจลับแบบนาย ฉันจะได้ไอ้ความสามารถ 2 อย่างนี้เปล่าอ่ะ อยากได้จังชิออนกระโดดเกาะแขนเฟตแล้วอ้อนเหมือนแมวอ้อนเจ้านาย

    มันถ่ายโอนให้กันได้ที่ไหนล่ะครับ มันไม่ใช่เงินนะจะได้เข้าธนาคารก็จัดการโอนให้กันได้ง่ายๆเฟตตอบขณะกระเถิบถอยห่างหลังจากรู้สึกขนลุกยังไงไม่รู้เมื่อถูกเพื่อนตัวเองเกาะแถมยังส่งสายตาซึ้งๆมาอีก

    เชอะ ก็ได้ฟะชิออนกล่าวแบบงอนๆ จากนั้นก็ทิ้งเฟตไว้หน้าตาเฉย โดยตัวเขานั้นมุ่งหน้าออกจากปราสาทเจ้าเมืองเพื่อไปช็อปปิ้งแก้เซ็ง

    ชักจะเหมือนคุณนายเข้าไปทุกทีๆแล้วสิเฟตนึกเมื่อเห็นท่าทางของเจ้านายตัวเองที่ชักจะเหมือนแม่ของเขาขึ้นไปทุกทีๆ ไม่ใช่แค่นิสัยแต่ท่าทางก็ชักจะเบี่ยงเบนไปทางผู้หญิงเสียแล้ว

    ไปเที่ยวกันมั้ยครับ จาเนียหลังจากตัดเรื่องไร้สาระของเจ้านายออกไปได้ เฟตก็หันไปถามจาเนีย ซึ่งตลอดเวลาเธอยืนมองเขาอยู่เงียบๆที่ข้างๆชิออนเท่านั้น

    แต่เจ้านายจะไม่เป็นอะไรเหรอคะเอลฟ์สาวถามอย่างสงสัย แม้เธอจะได้อ่านที่เฟตเปิดให้ดู แต่ในความคิดของเธอก็ยังเสี่ยงเกินไปอยู่ดี

    ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ถ้าผมไม่ได้พักนี่สิ จะได้เป็นเฟตตอบแล้วบิดตัวซ้ายขวาๆอย่างเมื่อยล้า โดยไม่สนใจคำตอบ เฟตก็เดินเข้าไปจับมือจาเนียอย่างถือวิสาสะและพาเดินออกไปจากปราสาทของเมืองเพื่อท่องเที่ยว

    ตอนที่เฟตเดินออกมาเจอกับแสงแดดยามบ่ายครั้งแรก เขาแทบจะกระโดดกลับไปใต้ร่มเหมือนเดิม เพราะอาการตอนที่โดยแสงกับตอนไม่โดนต่างกันค่อนข้างมาก ตอนที่อยู่ในร่มอากาศรอบตัวจะเย็นมาก แต่พอร่างกายถูกแสงเพียงนิดเดียว ความเย็นนั้นก็หายไปกลายเป็นความร้อนเหมือนอยู่ในเตาอบแทน

    แต่เมื่อร่างกายปรับความพร้อมได้แล้ว เฟตก็เดินจูงมือพาจาเนียท่องเที่ยวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อตัวเอง ทั้งๆที่เหงื่อไหลโทรมกายจนเหมือนกับคนพึ่งอาบน้ำมาสดๆร้อนๆ

    จาเนียรู้อาการของเฟตดีผ่านมือที่จับอยู่กับเฟต ตอนแรกเธอกะจะพาเฟตหลบเข้าร่มแล้ว แต่เมื่อเฟตหันมาอธิบายเธอก็จำใจเดินต่อไป

    ผมกำลังพัฒนาทักษะต้านคำสาปน่ะครับ การจะพัฒนาได้ ผมต้องอดทนกับความเจ็บปวดหรือของพวกนี้ให้มากๆ ทักษะของผมถึงจะแสดงผลนี่เป็นสิ่งที่เฟตบอก เขาค้นพบความจริงข้อนี้ในตอนที่กำลังประชุม เขาฝืนลืมตาทั้งๆที่มองไม่เห็น จนกระทั่งน้ำตาไหลออกมาเพราะทนแสงไม่ไหว ระบบจึงประกาศว่าเขาสามารถต้านทานคำสาปได้ในระดับนึง

    เดินกลางเมืองสำหรับจาเนียแล้ว เหมือนกับเดินเล่นกับเจ้านายเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร แต่สำหรับเฟตที่ร่างกายมีไอระอุกลับคิดไม่เหมือนกัน เขามองของหรือคนที่อยู่รอบข้างเป็นต้นกระบอกเพชร เท้าที่เขาเดินอยู่ก็ไม่ใช่เดินบนทางเดินเท้าปูหิน แต่เป็นทะเลทรายที่กำลังเดือดด้วยอุณหภูมิกว่าร้อยองศา

    จนในที่สุด เฟตก็ทนความร้อนไม่ไหว เกือบจะล้มไปทั้งๆที่มือจับกับจาเนียอยู่ แต่ในทันทีที่เฟตล้ม เงาขนาดใหญ่ก็ทาบลงบนร่างของเฟตเสียก่อน

    อ่ะจาเนียอุทานเมื่อเห็นมังกรต้องสาปบินอยู่เหนือร่างของเฟตเหมือนกับจะเป็นร่มเงาให้

    แกนี่ ทำอะไรฝืนตัวจริงๆ ถ้าเรียกข้ากลับเข้าร่างไปก็สบายแล้วแท้ๆเป็นมังกรต้องสาปที่ส่งจิตเข้าหาเจ้านายโดยตรง ส่วนคนที่ถูกว่า กลับไม่สนใจคำแนะนำ เขายันตัวลุกขึ้นเตรียมที่จะเดินหน้าต่อไป ก็อย่างที่บอก ชีวิตมีไว้พุ่งชน ต่อให้เจอกับคนก็ชนแมร้งเข้าไป

    จาเนียทนเห็นสภาพย่ำแย่ของเฟตไม่ได้ เธอจึงรั้งเฟตด้วยการกอดไม่ให้ขยับร่างกายได้อีก

    เฟตที่โดนจู่โจมจากจาเนียเป็นครั้งแรกถึงกับอึ้งพูดอะไรไม่ออก เขาไม่นึกเลยว่าจาเนียจะร้อนแรงถึงขนาดนี้

    อืมมังกรต้องสาปพยักหน้าอย่างพึงพอใจที่จาเนียช่วยหยุดคนหัวรั้นแบบเฟต มันเองก็ไม่ได้เห็นด้วยที่เฟตจะพัฒนาทักษะด้วยการทำแบบนี้ จากนั้นมันก็สลายร่างและวิญญาณตัวเองเข้าไปในร่างเฟต เพื่อให้คำสาปหายไป

    มังกรต้องสาปเข้าร่าง ทำให้คำสาปแสดงผลกับผู้ต้องสาปที่แท้จริงค่ะ

    ผู้เล่นเฟตหายจากสถานะติดคำสาปค่ะ

    ทักษะต้านทานคำสาปเพิ่มจากระดับ 1 เป็น 2 ค่ะ

    เฟตได้ยินดังนั้นก็ลองทดสอบความร้อนของตัวเอง ซึ่งดูเหมือนจะไม่ร้อนมาเท่าไหร่แล้ว หรือพูดง่ายๆก็คืออุณหภูมิกลับมาเป็นปกตินั่นเอง

    เอ่อ จาเนีย ปล่อยได้แล้ว มั้งครับหลังจากรอหลายนาทีแล้วจาเนียไม่ยอมปล่อย เฟตก็เลยกระแอ่มเอ่ยออกมา เขาไม่ได้เขินที่จาเนียกอด แต่เขินที่ผู้เล่นที่เดินผ่านไปมาหยุดมองเหมือนกับเป็นของแปลกกลางเมืองต่างหาก

    เจ้านายจะไม่ดึงดันอีกใช่มั้ยคะจาเนียถามแต่ยังไม่ยอมปล่อย เฟตเลยตอบสั้นๆเพื่อให้หญิงสาวปล่อยเขาเสียที

    ครับเมื่อได้รับคำตอบจาเนียจึงยอมปล่อย แต่เมื่อเธอผละออกมาจากตัวเฟตแล้วมาเจอกับสายตาผู้คน หน้าก็แดงเหมือนกับลูกมะเขือเทศ

    อาการหน้าแดงของจาเนียทำให้เฟตยิ้มขึ้นมาได้ ก็เธอเล่นทำตัวเธอเอง เขาจะช่วยอะไรได้ จนกระทั่งหูของเขาได้ยินเสียงนินทาที่ไม่เข้าหูสักเท่าไหร่

    แหม กอดคนอื่นกลางวันแสกๆ ไม่อายฟ้าดินเลยเนอะ ผู้หญิงอะไรหน้าหนาชะมัด

    น่าเสียดายความสวยนะ ไม่น่าบ้าผู้ชายเลยเป็นเสียงที่ดังแว่วๆเข้ามา ไม่ใช่เฟตที่ได้ยินจาเนียเองก็ได้ยินด้วย เธอจึงก้มหน้ามองพื้นไม่อยากสบตากับใคร จนเมื่อเธอเห็นมือมือหนึ่งเอื้อมมาหาแล้วรวบเธอเข้าไปกอดบ้าง

    เจ้านายเป็นเฟตนั่นเอง เขาไม่อยากให้หญิงสาวโดนนินทา จึงใช้ตัวเองเป็นโล่ให้โดนนินทาไปด้วย

    ผมไม่จูบเลย ก็ดีแล้วนะครับเฟตกล่าวยิ้มๆกับจาเนีย แต่พลังที่ปะทุออกมารอบตัวทำให้คนรอบข้างถอยห่างกันอย่างรวดเร็ว เพราะพลังที่เฟตปล่อยออกมาเป็นพลังที่น่ากลัวสำหรับผู้เล่นมือใหม่

    ดูเหมือนการกระทำของเฟตจะลบข้อหาของจาเนียได้สมปรารถนา แต่เฟตเองก็ได้ศัตรูเพิ่มมาโดยไม่รู้เดียงสา

    การปล่อยพลังแบบเต็มที่กลางเมืองโดยไม่สนใจใคร ก็เหมือนกับการหาเรื่องกับผู้เล่นอื่นนั่นเอง

    ผู้เล่นหลายๆคนที่ไม่รู้จักพลังแห่งความตายต่างอยากลองของ ด้วยการจัดกลุ่มเตรียมจะลุยกับเฟตที่ยังคงเนียนกอดจาเนียอยู่เหมือนเดิม

    เฮ้ย ให้คนได้ใช้เวลาหวานกันก่อนได้มั้ยครับเฟตที่เห็นผู้เล่นอื่นกำลังจะโจมตีเข้ามาก็ตะคอกว่าออกไป เขากำลังเคลิ้มเลย ดันจะมาชวนต่อยตีซะได้

    คำพูดของเฟตทำให้ผู้เล่นรอบข้างสะดุ้ง เพราะไม่นึกว่าชายคนนี้จะไม่สนใจใครอื่น นอกจากแฟนตัวเอง (จาเนียโดนเหมาเป็นแฟนเฟตไปเรียบร้อยเพราะเหตุการณ์นี้)

    เออ ก็ไม่ได้จะว่าหรอก แต่ช่วยไปหวานกันที่โรงแรมหรือที่มันมิดชิดกว่านี้ได้ป่ะกลับเป็นชิออนที่ตอบแทนคำถามของเฟต เขามาถึงตั้งนาน เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดดี และก็เข้าใจความคิดเฟตดีด้วย ว่าเฟตเป็นประเภทไม่สนใจใครอื่น นอกจากตัวเองและงาน

    อ้าว แล้วไปหิ้วใครมาล่ะครับนั่นเฟตย้อนถามกลับเมื่อมองข้ามผมของจาเนียไปเห็นชิออนยืนอยู่กับหญิงสาว 3 คน ซึ่งพวกเธอดูเหมือนจะตกตะลึงอะไรสักอย่างอยู่

    ปากนายนี่ หัดคิดก่อนพูดจะดีมากเลยนะ เออๆ ช่างเถอะ พอดีพวกฉันจะไปเก็บเลเวลกันน่ะ สนใจไปด้วยกันมั้ยชิออนพูดแบบเซ็งๆ แต่เมื่อได้ยินคำตอบของเฟตก็อ้าปากค้างเพราะนึกไม่ถึง

    ก็ได้ครับน่าจะสนุกดีกว่าแกล้งคนในเมืองเล่น แล้วจะไปไหนล่ะ

     

    ป่ามืดมิด (สมญานามที่ผู้เล่นตั้งให้ทางตอนใต้ของเมืองแบดนิว

    ที่นี้ได้ชื่อนี้มา ก็เป็นเพราะต้นไม้ที่รกทึบจนมองไม่เห็นแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมาค่ะเหนิงจี้ สาวทางเหนือเพื่อนใหม่ชิออนอธิบายขณะที่คนอื่นๆเดินตามเงียบๆไม่ได้สนทนาอะไรกันสักคำ

    ซึ่งบรรยากาศภายในป่านี้ก็เป็นจริงดั่งคำที่เหนิงจี้อธิบาย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เหมือนกับบรรยากาศตอนเย็นขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า

    ปกติการเก็บเลเวลในป่านี้ จะพึ่งนักเวทเป็นหลักค่ะ แต่ทีมของพวกเราเล่นสายจิตแทนสายเวททั้งนั้น คงจะพาเวลได้ไม่มากนะคะหญิงสาวอีกคนที่อยู่ข้างชิออนอธิบายเสริม

    ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่พวกน้องๆมาช่วยผมเก็บเลเวลนี่ ผมก็ดีใจเหลือล้นแล้วครับชิออนตอบแล้วยิ้มหวานให้ 3 สาว นี่ถ้าเขาไม่ไปหม้อเอาไว้ก่อนคงจะอดกินแน่นอน

    บรรยากาศเย็นสบายดีนะครับเป็นเสียงชายหนุ่มที่ดังด้านหลังชิออน ทำให้ชิออนต้องปรายตาไปมองอย่างเซ็งๆ

    คิดว่ามาปิกนิกหรือไงฟะนั่น เตรียมเสื่อเตรียมหมอนมาพร้อมเลยชิออนบ่นเมื่อเห็นเฟตหิ้ว ตะกร้าไม้กับเสื่อที่หาซื้อตามข้างทางได้มาด้วย

    เฟตได้ยินแต่ขี้เกียจตอบ เขายังคงพาจาเนียเดินชมนกชมไม้ต่อไป ซึ่งดูเหมือน จาเนียจะชอบป่ามากกว่าในเมือง  เมื่อเฟตเห็นเธอยิ้มตลอดตั้งแต่เข้าป่ามา

    ไม่รู้ว่าผู้นำทางของชิออนพาเดินมานานเท่าไหร่ แต่เมื่อเฟตรู้สึกตัวอีกที บรรยากาศรอบๆด้านก็เปลี่ยนไปแล้ว

    อสูรหัวกะโหลก เลเวล 22 ค่ะ

    เมื่อเฟตมองไปด้านหน้าก็เห็นกองทัพอสูรหัวกะโหลกยืนอยู่กันเป็นกลุ่มๆ

    ตั้งปาร์ตี้กันเลยมั้งคะหญิงสาว 1 ใน 3 ถามชิออนที่กำลังพิจารณาอสูรหัวกะโหลกอยู่

    ก็ได้จ๊ะ แต่ชวนหมอนั่นมาด้วยนะชิออนยิ้มตอบแล้วชี้ไปทางเฟต แม้ตอนแรกพวกเธอจะหันไปมองหน้ากันเหมือนไม่แน่ใจ แต่เมื่อชิออนยืนยันว่าหมอนี่พึ่งพาได้ ก็เลยส่งคำชวนปาร์ตี้ไปให้

    ข้อความของระบบปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของเฟตว่ามีคนเชิญร่วมปาร์ตี้ ซึ่งเฟตก็ตอบตกลงอย่างไม่ลังเลเมื่อเห็นว่ามันเป็นคำเชิญจากชิออนด้วย

    หลังจากเฟตตอบรับคำรวมปาร์ตี้เขาก็หาทำเลเงียบๆที่ห่างไกลจากผู้เล่นคนอื่นๆซึ่งเก็บเลเวลอยู่ในบริเวณนั้น เพื่อปูเสื่อและวางตะกร้าปิกนิก จากนั้นก็ลงไปนอนดิ้นเหมือนหนอนชาเขียวอยู่บนเสื่อท่ามกลางสายตาของปาร์ตี้ใหม่ที่อ้าปากหวออย่างไม่อยากจะเชื่อว่าเฟตจะทำตัวแบบนี้ในขณะที่คนอื่นๆหน้าดำคล่ำเครียดกัน

    นายทำอะไรฟะชิออนกระซิบถามเสียงเครียด แม้ตอนแรกเขาจะยิ้มแย้มตลอด แต่ตอนนี้เขาทนไม่ไหวแล้ว เมื่อเห็นเพื่อนชิลๆมากจนเกินดีไป

    เจ้านายยังไม่ได้กินข้าวเลยค่ะ ตั้งแต่เมื่อวานเป็นจาเนียที่ตอบ เธอรู้ดีเพราะได้ยินเสียงท้องของเฟตคำรามเบาๆตั้งแต่เข้าป่านี้มา

    เฟตได้ยินที่จาเนียอธิบายก็หันไปมองเธอเล็กน้อย เขาอุตส่าห์ไม่บอกแล้วเนียนไปซื้อของเตรียมมากินเงียบๆแล้วแท้ๆ จากนั้นก็หันมามองชิออนแล้วยิ้มแห้งๆให้แก้เขิน

    “…”ชิออนพูดอะไรไม่ออก เขาพึ่งจะรู้นี่ล่ะ ว่าเพื่อนยังไม่ได้กินอะไรเลย ต่างกับเขาที่หนีไปกินอะไรต่อมิอะไรมาแทบจะเหมาร้านอยู่แล้ว

    โอเคๆ พักให้เสร็จก่อน แล้วไปช่วยกันด้วยล่ะชิออนกล่าวเช่นนั้นแล้วก็เดินไปหากลุ่มสาวๆ จากนั้นก็ไปไล่เก็บเลเวลกับอสูรหัวกะโหลก

    อสูรหัวกะโหลกเป็นอสูรที่ช่วยเก็บเลเวลง่ายที่สุดในป่านี้ เนื่องจากอสูรอื่นๆหาค่อนข้างยาก (อ้อและต้องรอให้เป็นตอนกลางคืนซะส่วนใหญ่ อสูรพวกนี้จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในช่วงไม่มีอะไรจะกิน (?)

    แต่พวกมันก็มีสิ่งที่น่ากลัวเหมือนกัน นั่นก็คือมันมีชุดเกราะกับดาบเก่าขึ้นสนิม ที่สามารถจู่โจมและป้องกันตัวได้ในระดับหนึ่ง

    เมื่อเริ่มเก็บเลเวล 3 สาวที่บอกว่าเป็นสายจู่โจมก็บุกเข้าไปก่อนเป็นการโชว์ให้ชิออนดู

    เหนิงจี้สาวมั่นที่เฟตได้ยินชื่อแบบผ่านๆ เธอใช้หอกยาวเป็นอาวุธประจำกาย ซึ่งเธอรับบทเป็นหัวหอกเข้าจู่โจมอสูรพวกนั้น ความสามารถของเธอถือว่าสูงพอสมควร เมื่อการจู่โจมทีแรกสามารถล้มอสูรได้ 1 ตัว ตามมาด้วยเพื่อนร่วมทีม ที่แยกย้ายกันจู่โจมอสูรหัวกะโหลกที่ยังไม่ทันตั้งตัว

    ใช้เวลา 1 นาที 3 สาวสามารถล้มอสูรหัวกะโหลกได้ถึง 3 ตัว ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี สำหรับผู้เล่นที่มีเลเวลแค่ 15

    ด้วยความไม่อยากน้อยหน้าสาวๆ ชิออนจึงกระโดดเข้าไปร่วมผสมวงต่อสู้ด้วยโดยไม่รอให้ 3 สาวเลิกสาธิต ทันทีที่ชิออนจู่โจมใส่อสูรหัวกะโหลกตัวหนึ่ง อสูรตัวนั้นก็ป่นเป็นกระดูกภายใน 2 ดาบ ซึ่งตัวอื่นๆชิออนก็ใช้การจู่โจมไม่เกิน 5 ดาบเท่านั้น

    หลังจากเก็บอสูรหัวกะโหลกได้กว่า 20 ตัว ชิออนก็ยืนหอบแฮก ข้าง 3 สาว ที่จ้องมองเขาเหมือนตัวประหลาด

    ผมแปลกเหรอชิออนถามแล้วชี้มือมาทางตัวเอง

    ปะปะเปล่าค่ะ แต่แค่สงสัย ว่าคุณชิออนเลเวลแค่ 17 จริงหรือเปล่า ทำไมถึงโจมตีพวกมันจนตายได้ เพียงไม่กี่ครั้งแบบนั้นหญิงสาวคนหนึ่งถาม ซึ่งชิออนก็อธิบายถึงอาวุธที่ตนเองใช้

    อาวุธของผมเป็นอาวุธของสายมารน่ะ เกรดของมันจึงสูงกว่าเกราะของอสูรพวกนั้นมากจนทำให้การโจมตีเพียงครั้งเดียวก็สามารถทำลายเกราะได้แล้ว

    อาวุธที่มีเกรดหรือระดับมากกว่าเกราะ จะสามารถทำลายเกราะของศัตรูได้

    เช่นชิออนในตอนนี้ ดาบของเขามีระดับที่ 10 ซึ่งถือเป็นอาวุธชั้นมาร (สูงสุดต่างกับของอสูรหัวกะโหลกที่ใช้เกราะเกรดต่ำมาก จึงไม่สามารถทนการโจมตีของอาวุธชั้นสูงได้

    เมื่อได้ยินชิออนอธิบายดังนั้น สาวๆก็ล้อมวงคุยถึงที่มาอาวุธ ชิออนที่ไม่สามารถปิดบังความจริงกับสาวๆได้ (หน้าหม้อนั่นล่ะเลยอธิบายถึงที่มาที่ไปของอาวุธนี้ให้สาวๆฟัง แต่เว้นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเฟตไปทั้งหมด

    เอ๋ อาวุธนี้ลอยมาหาเหรอคะหญิงสาวที่มีนามว่าเหนิงจี้ถามแบบไม่เชื่อ แต่สายตาที่จริงจังของชิออนทำให้เธอไม่ถามต่อ

    ไปเก็บเลเวลกันต่อเถอะครับ ถ้ามัวแต่คุยเดี๋ยวมันค่ำก่อนนะเมื่อเห็นว่าเวลาเย็นมากแล้ว ชิออนก็เอ่ยเตือน

    หลังจากได้รับคำเตือน 3 สาว กับ 1 หนุ่มก็แยกกันไปโจมตีอสูรหัวกะโหลกที่รอเป็นเหยื่อเก็บเลเวลอยู่

    ในขณะที่การเก็บเลเวลกำลังดำเนินไปด้วยดี และเลเวลของ 3 สาวกำลังอัพไปถึง 16 เสียงดินขับระเบิดที่ดังติดต่อกันทำให้การเก็บเลเวลต้องชะงักลงอย่างฉับพลันเพราะความตกใจ

    อืม ไม่ตายแหะเฟตตัวต้นเสียงบ่นขณะสลัดโม่ปืนออกช้าๆไม่รีบร้อน ต่างกับ 3 สาวที่จ้องมองมาอย่างสนใจ พวกเธอไม่เคยคิดว่าจะได้พบอาวุธประเภทนี้มาก่อนเลย

    อาวุธของแกมีพลังทำลายล้างค่อนข้างน้อย แต่ทะลวงได้ลึก มันเอามาใช้กับพวกไม่มีร่างเนื้อได้หรอกมังกรต้องสาปบอกผ่านกระแสจิตมา ซึ่งเฟตก็พอรู้อยู่แล้วจึงไม่ได้เถียงอะไรไป

    ศาสตราแห่งความมืดเฟตลองเรียกอาวุธออกมาด้วยจิตเหมือนกับที่มังกรต้องสาปทำ ซึ่งมันก็ออกมาจริงๆ แต่ออกมาแบบไม่มีลิมิต

    ดาบสีดำนับสิบๆเล่มลอยวนอยู่ข้างๆผู้ที่เรียกมันออกมา ส่วนเฟตที่เป็นคนเรียกก็รู้สึกได้ถึงอาการเหนื่อยของตัวเอง

    แกแค่คิดเอาแต่ว่าเรียกอาวุธออกมา โดยไม่มีความคิดที่จะจำกัดจำนวนมัน อาวุธก็จะออกมาโดยดึงพลังของแกทั้งหมดนั่นล่ะ หัดมีความคิดที่อ่อนโยนกว่านี้หน่อยได้มั้ยมังกรต้องสาปสอนแบบผู้รู้ มันใช้พลังรูปแบบนี้มาบ่อยกว่าเฟตประสบการณ์จึงต่างกัน

    ไม่รู้ว่าเฟตฟังสิ่งที่มังกรต้องสาปอธิบายหรือไม่ เขายื่นมือไปจับดาบสีดำ 2 เล่มที่มีลักษณะคล้ายกันมาเทียบกันหน้าตาเฉย

    ทำไมอันซ้ายมันดูเบาบาง แต่อันขวามันดูแข็งแกร่งกว่าเยอะล่ะ แล้วอีกอย่าง ทำไมมันเหมือนกันยังกะแกะแบบนี้เฟตถามตัวเอง (?) อย่างสงสัย เพราะดาบเล่มอื่นๆเองก็ดูเบาบางเหมือนกับดาบในมือซ้าย

    เพราะแกกลืนกินดาบจริงมาแค่เล่มเดียว เล่มที่เหลือมันแค่จดจำลักษณะของดาบเล่มนี้และลอกเลียนแบบเท่านั้น ก็เหมือนกับข้านี่ล่ะ จำได้แต่ร่างจริงแต่ไม่มีร่าง มันก็มีแต่พลังที่ไร้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงตัวเขาเอง (?) ช่วยตอบคำถามกลับมา

    แต่เฟตไม่ได้รอคำตอบ เขาเป็นประเภทปฏิบัติแล้วถึงค่อยรู้ เฟตคว้าดาบในมือทั้ง 2 เล่มกระโดดเข้าไปฉะกับอสูรกะโหลกเสียแล้ว การโจมตีของดาบเลียนแบบ 1 เล่ม สามารถทำลายอสูรหัวกะโหลกได้หนึ่งตัวเลยทีเดียว

    เฮ้อ สู้แบบนี้นี่ เปลืองดาบและพลังที่สร้างชะมัด ต้องหาอาวุธมาดูดเพิ่มจะดีมั้ยน้าเฟตบ่นพึมพำ หลังจากปาดาบที่สร้างจากพลังจิตกว่า 20 เล่มใส่อสูรหัวกะโหลกตัวอื่นๆจนหมด

    เมื่อบ่นได้ที่แล้ว ก็หันไปมองดาบในมือชิออน กระบี่กับดาบในมือ 2 สาว และหอกในมือของเหนิงจี้

    น่าจะเวิร์คแฮะถ้าดูดอาวุธพวกนั้นมาด้วยเฟตพูดเล่นแต่สายตากลับจริงจังจนชิออนรู้สึกหนาวสันหลัง

    ฉันไม่รู้ว่านายจะทำอะไรนะเฟต แต่อาวุธของฉันมีแค่อย่างเดียว ฉะนั้น จะทำอะไรก็ปรึกษากันก่อนแม้จะไม่รู้ว่าเฟตจะทำอะไร แต่ชิออนก็ชิงกล่าวเสียก่อน เมื่อเห็นว่าเฟตจ้องอาวุธในมือตนเขม็งแบบนั้น

    “…”เฟตไม่ตอบคำ เขาหันหลังแล้วกระโจนไปตีอสูรหัวกะโหลกตัวอื่นๆต่อเพื่อทำให้จิตใจสงบ

    เวลาผ่านไปเกือบ 30 นาที แดดที่ส่องลอดใบไม้ลงมาก็เริ่มจางหายไป บ่งบอกถึงเวลายามค่ำ สมควรที่จะกลับกันได้แล้ว

    ผู้เล่นที่เก็บเวลอยู่ไกลๆจากกลุ่มเฟตต่างแยกย้ายกันกลับเมือง เพราะตอนกลางคืนป่านี้ค่อนข้างอันตรายมา ซึ่งใครที่อยู่เมืองแบดนิวมานานจะพอรู้

    กลุ่ม 3 สาวกำลังจะเตือนเฟตที่บ้าคลั่งถืออาวุธไล่ฟันอสูรหัวกะโหลกที่กำลังวิ่งหนี วงแหวนเวทสีดำก็กระจายตัวเต็มเขตอาศัยของอสูรหัวกะโหลกเสียก่อน

    เฟตหยุดมือและยืนมองด้วยความสงสัย ต่างกับ 3 สาวที่หน้าซีด เพราะนี่คือรางร้ายของพวกเธอแล้ว สงสัยพวกเธอจะได้เป็นสักขีพยานความตายของตัวเองเป็นแน่ (?)

    ราชาอสูรหัวกะโหลก กราด่อน ปรากฏตัวตามเงื่อนไขค่ะเสียงของระบบดังลั่นพร้อมกับมีอสูรหัวกะโหลกตัวหนึ่งโผล่จากเศษซากกระดูกของอสูรลูกน้องตัวเอง

    อสูรตัวนี้โผล่ขึ้นมาพร้อมกับบัลลังก์สีดำสนิท ในมือถือดาบและโล่อันใหญ่ บนตัวเต็มไปด้วยชุดเกราะที่มีสง่าราศีต่างกับลูกน้องแทบจะเรียกว่าฟ้ากับเหว ส่วนที่ศีรษะก็มีมงกุฎสีทองประดับอยู่

    พวกมนุษย์เอ๋ย พวกเจ้าช่างกล้ามากที่มาสังหารลูกน้อง-”มันพูดไม่ทันจบ ก็สังเกตเห็นชายในผ้าคลุมคนหนึ่ง ที่จ้องมองตนด้วยดวงตาสีแดงฉาน และกำลังแสระยิ้มอยู่

    นี่แหละ เจอแล้วถ้าเป็นคนอื่นๆการเจอราชาอสูรก็เหมือนกับเจอยมทูตมาเก็บวิญญาณ แต่สำหรับเฟตที่กำลังหาของมาเพิ่มให้ตัวเอง การเจอกับราชาเหมือนกับการเจอสมบัติที่หายไปนาน

    หึหึ สมบัติ สมบัติของผมเฟตบ่นพึมพำแล้วเดินไปหากราด่อนแบบไม่หวาดกลัว

     

    เอ่อ เพื่อนผมดาร์กไปแล้ว ขอให้ทุกท่านอย่ามองนะครับชิออนหันมาพูดประกาศให้ทีมงานตัวเองทราบ ถ้าเพื่อนเขาเข้าสู่ด้านมืดของตัวเองเมื่อไหร่ จะน่ากลัวมาก มากเสียจนเขาไม่อยากนับว่าเป็นเพื่อน

    จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงที่ร้องโหยหวนของกราด่อน แต่ชิออนทำหูทวนลมไม่ได้ยินนอกจากนอนเล่นแทนที่ของเฟตแล้วนอนหลับไปแบบชิลๆฆ่าเวลารอให้เพื่อนได้ทำตามความปรารถนา

    กราด่อนเหตุที่มันได้ตำแหน่งราชานั้น เป็นเพราะมันมีชุดเกราะและอาวุธที่มีระดับสูงกว่าลูกน้องตนเองหลายเท่าตัว ซึ่งของพวกนี้ช่วยให้มันแข็งแกร่งขึ้นกว่าผู้เล่นเลเวลเท่าๆกันได้มากมายหลายประการ

    เกราะและอาวุธที่กราก่อนใช้ไม่ใช่ระดับที่ผู้เล่นที่มีแต่อาวุธธรรมดาๆจะสู้ได้ เนื่องจากระดับต่างชั้นกันเกินไป

    เฟตที่รุกไล่กราด่อนนั้น เขาไม่ได้เน้นสังหาร จึงไม่ได้คิดมากในข้อนี้ หรือต่อให้คิดก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเขาเน้นแต่ขโมยของต่างหาก

    แต่ติดที่ของพวกนี้กราด่อนยึดมั่นไว้แน่น ทำให้เฟตต้องใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ของพวกนั้นมา เขาจึงทำการถอดถอนกระดูกข้อต่อต่างๆของกราด่อนออกจนหมด

    แม้กราด่อนจะใส่เกราะระดับสูงมาก แต่ตัวมันก็ยังเป็นเพียงอสูรหัวกะโหลกที่มองเห็นกระดูกอย่างชัดเจน เฟตจึงใช้ทักษะหัวขโมยของตัวเอง ขโมยกระดูกไหปาร้า กระดูกเชิงกร้าน กระดูกต่างๆที่เป็นจุดหลักๆของร่างกายมนุษย์ออกมาทั้งหมด

    อ้ากกก!!!”กราด่อนร้องด้วยความโหยหวน มันมีเลือดที่สูงกว่าลูกน้องก็จริง แต่ความเจ็บปวดก็ได้รับเท่ากัน การที่เฟตถอดกระดูกข้อต่อมันออกไป ถือเป็นการตอกย้ำความเจ็บปวดให้มัน

    แกมัน ไม่ใช่มนุษย์ราชาหัวกะโหลกแค่นเสียงกล่าวกับชายหนุ่มตาสีแดงฉานซึ่งตอนนี้ยืนมองสภาพมันด้วยท่าทางเฉยชา

    เฟตที่โดนกล่าวหาว่าไม่ใช่มนุษย์ไม่สนใจคำด่าทอใดๆ เขาเดินวนรอบๆตัวกราด่อนอย่างรวดเร็วเพื่อหาจุดถอนสลักชุดเกราะ จากนั้นก็ใช้ทักษะหัวขโมยลักเอาของจากราชาหัวกะโหลกมาทีละชิ้นๆ

    เมื่อถอดของออกจากตัวกราด่อนหมดเฟตก็มองบัลลังก์ที่กราด่อนนั่งอยู่ เมื่อเห็นว่ามันน่าจะใช้ได้เฟตก็จัดการถีบส่งกราด่อนลงไปเหมือนเป็นฝุ่นผงที่ไร้ค่า จากนั้นก็จัดการส่งไอพลังแห่งความตายของตนเองดูดกลืนของพวกนี้เข้าตัวมา

    ผู้เล่นหญิงสาวที่ร่วมปาร์ตี้กับเฟตด้วย เหมือนจะทนแรงกดดันไม่ไหว ต่างพากันหนีกลับเมืองไปหมด ทิ้งให้ชิออนกับจาเนียนั่งมองเฟตอยู่กัน 2 คน

    เมื่อเห็นบรรยากาศเงียบสงบจนเกินไป ชิออนก็ตัดสินใจเล่านิทานออกมาแทนการชมการถลุงสมบัติ (?) ของเฟต

    กาลครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว มีเด็กชายคนหนึ่ง อาศัยอยู่กับแม่ 2 ต่อสองเมื่อเริ่มเล่า จาเนียก็หันมาฟังอย่างสนใจทันที ทำให้ชิออนยิ้มกริ่มและตัดสินใจเล่าต่อ

    ครอบครัวของเด็กคนนี้ค่อนข้างยากจนอย่างสุดซึ้ง ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตนมีกินปะทังชีวิตไปวันๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง แม่ของเด็กคนนั้นก็ตายลงไปเพราะโรคส่วนตัวที่ไม่มีเงินรักษาชิออนหยุดเล่าและยกน้ำขึ้นดื่มเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปทางเฟตอย่างเลื่อนลอยเหมือนกับกำลังนึกหาคำพูดที่เล่าแล้วฟังดูดี

    ตั้งแต่นั้นมา เด็กคนนั้นก็สูญเสียตุ่มรับรู้ถึงบุคคลภายนอกหรือจะพูดว่าเพราะเสียแม่ไปทำให้เด็กคนนั้นกลายเป็นคนที่เบื่อโลกก็ได้ ..... เด็กคนนั้นเปลี่ยนนิสัยจากคนอารมณ์ดีกลายเป็นไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นนอกจากตัวและงานที่จะทำให้เขามีเงินขึ้นมาได้ แต่เขาก็ยังมีสิ่งติดตัวจากอดีตอยู่บ้าง ซึ่งนั่นก็คือความ กตัญญู รู้คุณผู้มีพระคุณ ถึงบางครั้งจะรู้พระคุณจนไม่สนใจอะไรมากไปก็เถอะชิออนเล่าถึงตอนนี้ก็หันไปมองจาเนีย ซึ่งเธอก็ฟังอย่างสนอกสนใจเป็นอย่างมาก ทำให้ชิออนอมยิ้มเล็กน้อย

    นิทานเรื่องนี้ไม่ไม่ถึงตอนจบหรอกนะ มันยังดำเนินเรื่องของมันอยู่ แล้วก็ไม่แน่อาจจะเกิดเป็นตำนานขึ้นมาก็ได้ชิออนพูดทีเล่นที่จริง

    น่าสงสารเด็กคนนั้นแย่เลยนะคะ ที่ต้องเสียแม่เพียงคนเดียวไปจาเนียกล่าวด้วยเสียงที่ซึมเศร้า

    นั่นสินะครับ ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสารจริงๆเป็นเฟตที่กล่าวออกมาพร้อมกับหลั่งน้ำตาด้วยความซาบซึ้งกับนิทานของชิออน เมื่อเห็นว่าจาเนียมีน้ำตาซึมก็หยิบทิชชู่ให้เอลฟ์สาวแล้วก็ซับน้ำตาของตัวเองด้วย

    เอ่อ นายกลับมาตอนไหนอ่ะเฟตชิออนถามเสียงสั่นๆ ส่วนเฟตก็ลุกขึ้นและย้อนถอยหลังไป เพื่อย้อนเวลาให้ดู

    หลังจากผ่านพิธีลอกคราบคนอื่นเสร็จแล้ว เฟตก็เดินกลับมาที่กลุ่มพร้อมกับรอยยิ้มบางๆบนใบหน้า อ้า!ช่างสุขใจจริงๆที่สมบัติวิ่งเข้ามาหาแบบนี้

    ชิออนเห็นเช่นนั้นก็เหงื่ออกกับนิสัยตลกร้ายของเพื่อน จากนั้นจึงเอ่ยถามตามน้ำเพื่อนไป

    ไม่ได้ฆ่าอสูรตัวนั้นหรอกเหรอชิออน เมื่อมองกลับหลังเฟตไปเห็นกราด่อนนอนหมดเนื้อหมดตัวเหลือแต่โครงกระดูกเปลือยเปล่าที่กองสุมกันเป็นขยะ

    ผมไม่ได้จะเก็บเลเวลจากเขานี่ครับ ผมต้องการแค่ของเฟตตอบแบบชิลๆแล้วนั่งลงที่เสื่อของตัวเอง โดยมีจาเนียนั่งมองส่งน้ำยาฟื้นพลังและน้ำเปล่าแก้กะหายให้อย่างงงๆกับนิสัยของเจ้านายตัวเอง ที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย

    อืม แค่ต้องการของจนไม่สนใจใครแม้กระทั่งความตายของตัวเอง ด้านมืดแกนี่ น่ากลัวชะมัดเลยเฟตเอ๋ยชิออนเถียงในใจแต่ขี้เกียจพูดออกมาแล้วอีกอย่างก็ไม่อยากพูดเพื่อให้เฟตรื้อฟื้นเรื่องในอดีตเสียด้วย

    อ้าว แล้วคนอื่นๆล่ะครับเมื่อดื่มน้ำเสร็จเฟตก็หันมาถามชิออน

    พวกเธอทนเห็นคนบ้าต่อยตีกับราชาอสูรไม่ได้น่ะ เลยพากันหนีกลับเมืองไปหมดแล้วชิออนตอบแล้วล้มตัวลงนอนเพื่อไม่ให้เฟตถามถึงเรื่องนิทานเมื่อตะกี้

    “….ไม่ได้บ้าซะหน่อย แค่คนหาของเจอก็เท่านั้นเองเฟตตอบแบบไม่ดูตัวเอง

    ชิออนไม่สนใจคำตอบของเฟต เขานอนหลับไปทั้งๆอย่างนั้น บรรยากาศในป่ามืดมิดนี้เหมาะแก่การนอนหลับจริงๆ ถ้าไม่มีเสียงอสูรอันเดธร้องโหยหวนมาเป็นระยะๆล่ะก็

    เฟตเห็นเจ้านายตัวเองนอน ก็ล้มตัวนอนบ้าง ทันทีที่หัวแตะกับเสื่อเฟตก็ทำท่าจะหลับทันที แต่เมื่อเห็นจาเนียนั่งจ้องตนตาแป๋วอยู่ก็เลยตัดสินใจยังไม่หลับ

    ไม่นอนเหรอครับจาเนีย หัวค่ำแล้วนะ

    มืดขนาดนี้ เจ้านายไม่กลัวกันเหรอคะจาเนียถามกลับ เธอรู้สึกแปลกใจกับพฤติกรรมของเฟตและชิออนมากๆ ผู้เล่นปกติทั่วไปคงไม่มีใครกล้ามานอนกลางป่าท่ามกลางเหล่าอสูรอันเดธแบบนี้

    ความมืดคือเพื่อนที่ดีครับเฟตหลับตาลงนอนอย่างสบายใจ

    นิทานเมื่อตะกี้ ทำไมมันดูคุ้นๆเหมือนกับว่าจะเป็นชีวิตของแกจังเนอะเป็นมังกรต้องสาปร้องถาม ตอนที่ชิออนเริ่มเล่า หูเฟตก็ได้ยินเสียงแล้ว

     เฟตขี้เกียจตอบคำถามแต่เมื่อนึกถึงอะไรได้ ก็เรียกมันออกมา ออกมามังกรต้องสาป

    สิ้นเสียงของเฟต ร่างของเฟตก็กระตุกเล็กน้อย จากนั้นเฟตก็รู้สึกอ่อนแรงเกือบยกมือไม่ขึ้น

    จากนั้นที่ด้านหน้าของเฟตก็มีไอพลังสีขาวลอยอยู่ และค่อยๆปรากฏเป็นร่างมังกรต้องสาปขนาดมินิสูงไม่เกิน 2 เมตร

    ฝืนเรียกข้าออกมา ทั้งๆที่ไม่มีพลังพอที่จะสร้างร่างข้าได้ แกนี่ บ้าดีเดือดจริงๆมังกรต้องสาปสนทนาด้วยเสียงเป็นครั้งแรก มันก็อยากจะพูดถึงนิทานเมื่อกี้อยู่ แต่เฟตกลับจำอะไรมากไม่ได้จึงขี้เกียจพูดถึง

    คุณเองก็คงจะทรมานกับการถูกคุมขังเหมือนกับที่จาเนียเคยเป็น ผมเลยปล่อยออกมาให้ดูโลกภายนอกเล่นไงครับเฟตตอบแบบอ่อนแรง เขาลืมไปเลยว่าการอัญเชิญมังกรต้องสาปต้องใช้พลังแห่งความตายเป็นหลัก แต่เมื่อตะกี๊เขาใช้พลังแห่งความตายในการสร้างอาวุธแห่งความมืดและเอาไปกินของๆกราด่อนซะหมดถังพลังแล้ว

    ส่วนพลังหลักของตัวเองก็ใช้ไปกับการกระโดดหลบไปมาเพื่อลอกคราบกระดูกกราด่อนซะจนหมด ทำให้กลายเป็นเขาเองที่ต้องสละวิญญาณส่วนหนึ่งเพื่อให้มังกรต้องสาปปรากฏร่าง

    มังกรต้องสาปและจาเนียได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ใจหนึ่งก็ดีใจที่มีเจ้านายเป็นคนเห็นอกเห็นใจอสูรตัวเอง แต่อีกใจก็เป็นห่วงว่าสักวันหนึ่งเฟตจะมุทะลุจนตายไปแบบสิ้นคิดแบบนี้

    มนุษย์นะมนุษย์ กล้าดียังไงมาเอาของๆข้าไปกราด่อนที่พลังเลือดสูงจนร่างกายกลับมาประกอบกันเองได้อีก ลุกขึ้นมายืนคำรามคนเดียวอย่างโมโห เฟตไม่ได้มุ่งสังหารมันแต่ลอกคราบมันซะมากกว่า ขนาดบัลลังก์ที่มันนั่งอยู่ยังถีบหัวมันออกมาอย่างไม่มีค่าเลย

    เฟตได้ยินเสียงกราด่อนก็ขยับกายเล็กน้อย แต่ร่างที่ถูกดูดเสี่ยววิญญาณและพลังออกไปของเขากลับไม่ตอบสนอง มันนอนนิ่งเหมือนรอเวลาตาย

    2 อสูรของเฟตมองสภาพของเฟตก็รู้ได้ทันที ว่าเฟตไม่มีกำลังหรือแรงแล้ว จึงหันมาสบตากันเหมือนรู้ความคิดกันและกัน จากนั้นก็มองไปทางกราด่อนที่กำลังเดินมาทางนี้

    เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ ที่ข้าจะได้ร่วมมือกับอสูรกึ่งเทพแบบเจ้า

    เป็นครั้งแรกของจาเนียเช่นกันค่ะ ที่จะได้ร่วมสู้กับมังกรแห่งความมืดเช่นคุณ

    เมื่อคำตอบของฝ่ายเดียวกันฟังดูดี 2 อสูรก็หันมาตีมือกันเบา (?) จากนั้นจาเนียก็ขยับมือกับบรรยากาศที่เบื้องหน้าหยิบเอาดาบสีขาวลายแดงของตนออกมา

    ส่วนมังกรต้องสาปก็สยายปีกและกางกรงเล็บ ปกติมันจะใช้พลังในการจู่โจมมากกว่า แต่ด้วยร่างที่ไร้พลังแบบนี้คงต้องใช้การจู่โจมทางกายภาพเสียแล้ว

    เฮือกกราด่อนที่ไม่นึกว่าจะได้เจอกับอสูรต่างเขตถึงกับกลืนน้ำลายเอือก จากนั้นก็เป็นเวลาแห่งความทรมานของมันที่จะต้องรับมือกับอสูรเอลฟ์ที่ใช้พลังแสงซึ่งถือว่าเป็นศัตรูที่ไม่ควรปะมือ กับมังกรแห่งความมืดที่มีพลังถึงขนาดเทพยังต้องกลัว

    เฟตที่นอนนิ่งๆอยู่กับเสื่อเหล่มองอสูรของตัวเองที่ต่อสู้กับกราด่อน พวกเขาสามารถรุกกราด่อนจนราชาหัวกะโหลกต้องถอยห่างแทบไม่ทัน

    กราด่อนที่มีดีตรงอุปกรณ์เครื่องป้องกันและอาวุธ ในยามที่ไม่มีของเหล่านั้นจึงไม่ใช่คู่มือ 2 อสูรที่ผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน

    แต่อีกด้านหนึ่งกราด่อนก็แอบหวาดๆอยู่ด้วยจึงไม่ได้ต่อสู้แบบเต็มที่ แล้วอีกอย่างกระดูกมันก็เปราะเกินกว่าจะปะทะตรงๆกับอสูรตัวอื่นๆ

    เมื่อเห็นว่าอสูรตนเองได้เปรียบกราด่อนเป็นอย่างมาก เฟตก็หลับตาลงแล้วนอนหลับไปอย่างมีความสุข

     

    เฮ้ย เฟตเป็นเสียงชิออนร้องเรียก ทำให้เฟตต้องฝืนตื่นขึ้นมา

    เมื่อลืมตาขึ้นมาเขาก็พบว่ารอบๆตัวมีแสงสว่างจากกองไฟที่ใครก่อขึ้นก็ไม่รู้

    มีอะไรครับเฟตถามทั้งๆที่นอนอยู่เหมือนเดิม กำลังเขายังไม่กลับมาเลย

    เอ่อ อสูรของนายอ่ะชิออนชี้นิ้วไปที่ตัวของเฟต ทำให้เฟตต้องสำรวจตัวเอง แล้วก็พบว่าแขนทั้ง 2 ข้างรู้สึกหนักเหมือนมีคนหนุน เมื่อเลิกผ้าคลุมของตัวเอง ก็พบว่าจาเนียนอนหนุนอยู่ฝั่งซ้าย และใครอีกคนนอนอยู่ที่ฝั่งขวา

    ชิออนชี้มือที่สั่นเทามาทางหญิงสาวคนที่เฟตไม่รู้จัก ส่วนเฟตก็ขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย

    ใครวะเฟตคิดจากนั้นก็หลับตาลงเพื่อทบทวนตัวเอง แต่เมื่อคิดยังไงก็คิดไม่ออก ก็นอนต่อไปทั้งๆอย่างนั้น

    เฮ้ย หัดมีความสนใจในสิ่งรอบข้างมั่งสิวะชิออนเห็นเฟตนอนหลับต่อไปแบบไม่สนใจใครก็ทนไม่ไหวเอ็ดออกมา

    เฟตลืมตาขึ้นมามองชิออนอีกครั้งแล้วขมวดคิ้วดุ ซึ่งชิออนก็เงียบเสียงลงโดยพลัน เมื่อไหร่ที่เฟตขมวดคิ้วก็แสดงว่าเฟตไม่รู้เหมือนกัน ฉะนั้นจงอย่าถาม

    เมื่อชิออนเงียบเสียงลงได้ เฟตก็นอนหลับต่อไปแบบมีความสุขอีกครั้ง เขาไม่สนใจสิ่งรอบข้างอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างหญิงสาวผมดำที่มีหางซึ่งนอนหนุนแขนขวาเขาอยู่เธอดูมีความสุขมากเขาก็อย่าไปกวนสิ ต่อให้เธอนอนเปลือยใช้ผ้าคลุมเขาเป็นผ้าห่มก็ตาม

    ผู้หญิงเปลือย!! ดูเหมือนเฟตจะค้นพบความจริงในข้อนี้ จึงลืมตาโพล่งอย่างตกใจ ทำไมข้างๆเขาถึงมีผู้หญิงเปลือยกายมานอนหนุนแขนได้ล่ะ

    ความรู้สึกช้าจริงๆนะเอ็งชิออนกุมขมับ ถ้าเฟตเป็นคนช่างสังเกตคนรอบตัวสักหน่อย ตุ่มการรับรู้ความรู้สึกคงจะทำงานได้ดีกว่านี้

    เมื่อลืมตามาได้ เฟตก็สังเกตคนที่นอนหนุนแขนขวาดีๆ ผู้หญิงคนนี้มีผมสีดำยาว ยาวมากจนคลุมตัวเธอได้มิด ถ้าเฟตตาไม่ดีคงจะมองไม่เห็นว่าเธอเปลือย ส่วนที่ต้นขาของหญิงสาวก็มีอะไรบางอย่างยาวนอนราบไปกับพื้นลักษณะดูเหมือนงู (?) แต่เฟตมั่นใจว่ามันน่าจะเป็นหาง เพราะมันมีเงี่ยงแหลมอยู่ตรงปลายหัวไกลๆนั้น

    ดูเหมือนหญิงสาวคนนี้จะรับรู้ว่าหมอน (?) ที่ตนหนุนตื่นแล้ว จึงผงกหัวขึ้นมามอง

    เมื่อเฟตเห็นหน้าตาหญิงสาวก็อึ้งโดยฉับพลันลืมคำถามที่จะถามไปจนหมดสิ้น เพราะเธอเป็นคนที่สวยมาก ดวงตาที่แหลมคม คิวบาง ริมฝีปากที่อวบอิ่มจนน่ามอบจูบที่สง่างามให้ ช่างดูเข้ากับเรือนผมสีดำเหลือเกิน ดูเหมือนหญิงสาวจะสนใจอาการของเฟต จึงกล่าวออกมาด้วยเสียงที่หวานใสเหมือนกับใบหน้า

    ขออีก 5 องศานะว่าจบก็ซุกตัวลงนอนที่เดิม แถมยังกอดเฟตซะจนกระดูกแทบจะลั่น เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่า ผู้หญิงสมัยนี้นิยมเล่นกล้าม

    เฟตที่จุกจากแรงกอดของหญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เขาทำเพียงปล่อยให้หญิงสาวผมดำคนนี้นอนต่อไปเพราะเท่าที่รู้สึกได้จากประสบการณ์ชีวิตที่โชกเลือดของตัวเอง เธอไม่มีความคิดด้านลบต่อเขาเลยสักนิด แถมยังเป็นเขาเองที่ได้กำไรจากการถูกผู้หญิงกอด

     เมื่อมองโลกในแง่ดีได้แล้ว ก็หันไปมองชิออนที่จ้องมาด้วยสายตาอิจฉา จนเฟตอยากจะถามว่ารู้มั้ยว่าเสียงกระดูกที่บรรเลงเป็นเพลงโอเปร่ามันไม่ได้น่าอิจฉาอะไรเลย

    ปล่อยเธอไปก่อนเสียงของเฟตออกมาเบามากจนชิออนไม่ได้ยิน แต่ชิออนก็พอจะอ่านปากได้บ้างจึงพยักหน้าให้ทั้งๆที่ตาร้อนดุจไฟ

    ผ่านไป 30 นาที หญิงสาวผมดำก็ยังไม่มีท่าทีจะปล่อย เฟตจึงขยับหัวมองบรรยากาศโดยรอบ ก็พบว่ายังมืดสนิทและบรรยากาศเย็นยะเยือกอยู่เหมือนเดิม

    ผ่านไป 1 ชั่วโมง หญิงสาวผมดำก็ยังไม่ตื่น เฟตจึงขยับกายคลายความเมื่อยล้าแล้วหันไปมองชิออนที่ทำใจได้แล้ว ไปล้มตัวนอนอยู่ห่างๆ

    ผ่านไปอีก 2 ชั่วโมง เธอก็ยังไม่ตื่น เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรให้ทำนอกจากเฝ้าคนหลับ เฟตจึงเนียนหลับตามเอาหัวซุกกับหญิงสาวผมดำไปด้วย

     

    อีกหลายชั่วโมงต่อจากนั้น

    เอ่อ เจ้านายเมื่อเฟตได้ยินเสียงกระแอ่มเบาๆของจาเนียก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง

    ลืมตาขึ้นมาคราวนี้เฟตรู้สึกว่าตัวเองมีกำลังมากขึ้น ส่วนบรรยากาศรอบๆตัวก็ร้อนขึ้นเช่นกัน เมื่อมองทะลุยอดไม้ไปก็เห็นแสงของดวงอาทิตย์อยู่ เฟตจึงทราบว่าเผลอหลับจนถึงเช้า 

    มีอะไรเหรอครับ จาเนียเฟตผงกหัวขึ้นถามจาเนียที่นั่งอยู่ข้างๆ ส่วนชิออนนั้นไปไหนแล้วไม่รู้

    คือว่า....จาเนียว่าจบก็ชี้นิ้วไปรอบๆทิศทาง พอเฟตมองตามไปก็พบว่ามีผู้เล่นมาเก็บเลเวลกันแล้ว แถมยังชี้นิ้วชี้ไม้มาทางนี้ด้วยเสียอีก

    เฟตกระพริบตาแบบงงๆแล้วทบทวนมาเกิดอะไรขึ้น เมื่อนึกเรื่องเมื่อตอนกลางดึกออกก็ขยับตัวจะลุกนั่ง แต่ติดที่มีร่างๆหนึ่งกดทับไว้เหมือนไม่ให้ลุก

    อ้าวเฟตอุทาน เมื่อเห็นหญิงสาวผมดำยังนอนอยู่เหมือนเดิม แต่เปลี่ยนมานอนบนตัวเขาแทน

    อืม อุ่นขึ้นเยอะแล้วแหะหญิงสาวผมดำพึมพำแล้วลุกขึ้นนั่งบนตัวของเฟต แต่สภาพที่เปลือยเปล่า แม้จะมีผมสีดำยาวปิดบังไว้จากด้านหลังก็ตาม ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์พิจารณ์อย่างหนักจากเหล่าเกมเมอร์มุง

    หญิงสาวผมดำดูจะไม่สนใจเสียงนินทา เธอทำตาเหมือนสะลืมสะลือ และมองหน้าเฟตอย่างงงๆ แต่เธอช่างเป็นคนที่มีนิสัยเหมือนเฟตจริงๆ เมื่อเธอล้มตัวลงนอนต่อแบบไม่สนใจสายตาชาวบ้าน

    เอ่อ จะสบายไปหรือเปล่าครับเฟตพึมพำแล้วเตรียมจะหลับต่อ เขาเป็นประเภทไม่สนใจใครอยู่แล้ว ถ้าง่วงก็นอน ถ้าอิ่มนอนก็ตื่น ชีวิตเขาเป็นคนง่ายๆ

    แต่ไม่ใช่สิเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าหญิงสาวคนนี้ยังเปลือยอยู่ เฟตก็ลุกขึ้นนั่งโดยมีหญิงสาวผมดำติดอยู่ในอ้อมแขนด้วย

    อะไรของแกเนี่ย ข้ากำลังเพิ่มอุณหภูมิให้ตัวเองเลยหญิงสาวผมดำขมวดคิ้วดุ แต่ก็ยังไม่สนใจอะไรเหมือนเดิม

    คุณโป๊อยู่นะครับเฟตตอบแล้วเอาตัวเธอซุกไว้ใต้ผ้าคลุม เพื่อไม่ให้ภาพอุจาดตา

    แต่ดูเหมือนเขาจะคุ้นเคยกับลักษณะการพูดของหญิงสาวคนนี้ชอบกล จึงเลิกผ้าแง้มดูเธอให้เต็มๆตาอีกครั้ง

    ชัดเลย หางและเขานั่นเฟตอุทานเมื่อเห็นของทั้ง 2 สิ่ง ซึ่งเขาเคยเห็นว่ามังกรต้องสาปเองก็มี

    หญิงสาวผมดำดูเหมือนจะรำคาญหรือยังไงก็ไม่ทราบ เธอกัดแขนของเฟตเข้าเต็มๆและดูดเลือดของเขาเพื่อมาเพิ่มอุณหภูมิให้ตัวเองหน้าตาเฉย

    อืม อุ่นขึ้นมาหน่อยเมื่อร่างกายปรับตัวได้แล้ว หญิงสาวผมดำก็ลงจากอ้อมแขนเฟตมายืนเอง

    ทำไมคุณถึงมีหางและเขาแบบมังกรต้องสาปล่ะครับเฟตถามแบบสงสัย เขาไม่สนใจอาการบาดเจ็บหรือการที่หญิงสาวคนนี้ดูดเลือดของเขา เขาสนใจแค่ว่าทำไมเธอถึงมีสิ่งเหล่านี้อยู่กับตัว

    ดูเหมือนแกจะจำข้าไม่ได้นะ ก็ข้านี่ล่ะมังกรต้องสาปตัวนั้นหญิงสาวผมดำกล่าวแล้วสะบัดตัวด้วยความเมื่อยล้า จากนั้นก็สยายปีกมังกรสีดำและสะบัดหางสีดำโชว์

    อุ๊กเฟตกุมหน้าและนั่งลงทันทีเมื่อเห็นท่าทางนั้น ด้วยความตกใจจาเนียจึงรีบเข้าไปประคอง เธอพอรู้เรื่องอยู่แล้วจึงไม่ได้ตกใจอะไรมาก แค่อยากจะร้องเตือนว่ามีผู้เล่นมาแล้วก็เท่านั้นเอง

    เซ็กซี่มากเฟตแอบยกนิ้วโป้งให้หญิงสาวผมดำหรือมังกรต้องสาปในร่างมนุษย์

    คงจะคิดว่าเซ็กซี่ซินะชิออนที่พึ่งกลับมาจากการเก็บเลเวลกับอสูรโครงกระดูกเอ่ยรู้ทันความคิดของเพื่อนตนเอง

    เมื่อโดนรู้ทันเฟตก็ลุกขึ้นยืนและถอดผ้าคลุมของตนออกโยนให้หญิงสาวผมดำ ซึ่งเธอก็รับไปดูอย่างงงๆ

    ผมไม่มั่นใจว่าใส่เป็นหรือเปล่า แต่ขอให้ช่วยๆกันล่ะครับไม่งั้นผมไม่มีสมาธิแน่ๆ นี่คือสิ่งสุดท้ายแต่เฟตไม่ได้บอกออกไปด้วย

    แต่เขาก็ลืมดูตัวเองไปด้วย เพราะผมของเขายังเป็นสีขาวอยู่เลย ซึ่งชิออนต้องโยนผ้าเก่าๆเพื่อให้เฟตปิดบังผมตัวเองด้วยอีกแรง เขาพอรู้ว่าที่เฟตคลุมหัวมันมีสาเหตุอยู่

    เฟตเองก็ยินดีที่จะปิดบังใบหน้าและหัวอยู่แล้ว จึงรับผ้านั้นมาและคลุมหัวอย่างรวดเร็ว ต่อไปนี้ไอ้ใบหน้าเจ้าปัญหาก็คงไม่ออกมาดูโลกอีกแล้วสินะ (เอ่อ)

     

     

    แล้ว หลังจากไล่ต้อนกราด่อนได้ เขาก็มอบทักษะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ให้เป็นสิ่งตอบแทน อย่างนั้นเหรอครับเฟตถามหลังจากได้ยินมังกรต้องสาปอธิบายว่าเมื่อคืนนี้เธอเอาชนะกราด่อนได้อย่างง่ายดาย มันจึงมอบสกิลให้เป็นข้อแลกเปลี่ยนในการไว้ชีวิตมัน

    อืม ก็อย่างนั้นล่ะ มันมีความสามารถในการปลอมตัวเพื่อให้เข้ากับมนุษย์ จากนั้นก็จะยึดอำนาจเหล่านั้นมา เพื่อเพิ่มอำนาจให้ราชาแบบมัน

    แต่พอดีข้าเป็นมังกร พอใช้ความสามารถของมันผลก็เลยออกมาแบบครึ่งๆกลางๆแบบนี้มังกรต้องสาปในร่างหญิงสาวตอบ ขณะจะเลิกผ้าคลุมออกด้วยความรำคาญ ปกติตัวมันเคยใส่เสื้อผ้าที่ไหนกัน

    อย่าครับเฟตกุมมือที่กำลังจะเลิกผ้านั้นไว้ไม่ยอมปล่อย เขาไม่อาจให้เธอถอนผ้าคลุมชิ้นนี้ออกได้ แม้เขาจะติดนิสัยไม่สนใจอะไรนอกจากตัวเองและก็งาน แต่ความเป็นสุภาพบุรุษนี่ล่ะที่ยังพอสั่งการความเป็นชายเขาอยู่

    เชอะมังกรต้องสาปไม่อาจขัดคำสั่งของเจ้านายตัวเองได้ จึงแค่นเสียงอย่างเซ็งๆ ทำให้เฟตลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่อย่างน้อยเธอก็เชื่อเขาบ้าง

    เฮ้ยเฟต จากนี้ไปกลับเมืองเริ่มต้นกันเถอะชิออนที่พึ่งไปคุยธุระกับระบบมาร้องบอกแบบไกลๆ

    ทำไมล่ะครับ เมืองนี้น่าเบื่อขนาดนั้นเลยเหรอด้วยรู้นิสัยขี้เบื่อชิออนดีจึงร้องถามย้อนกลับไป

    ในตอนแรกชิออนมีท่าทีหนักใจที่จะบอกความจริง เพราะเห็นว่ามีสาวสวยอยู่ในกลุ่มด้วยถึง 2 คน แต่เมื่อเขาเห็น 2 สาวนั่งเกาะติดข้างเฟตก็ถอนหายใจที่ตนได้กินแห้ว จึงตอบคำตอบจริงๆออกมา

    ฟ้าใสมาที่เมืองเริ่มต้นอีกครั้งน่ะ เธอให้ฉันกลับไปหาที่เมืองนั้น

    จะให้ผมไปด้วยเหรอเฟตชี้นิ้วมาทางตัวเอง ถ้าไปหาแฟนไม่เห็นจะต้องให้เขาไปด้วยเลย

    อืม ไปเป็นเพื่อนกันหน่อยดิ ฉันยังไม่มีเพื่อนร่วมทีมในเกมเลยชิออนตอบ จากนั้นก็หันไปเก็บของเตรียมจะกลับเมือง

    ทีนี้ปัญหาทั้งหมดก็ตกมาที่เฟต เพราะเขามีห่วงผูกคอถึง 2 ห่วงแล้ว

    ไปกันมั้ยครับ เมืองเริ่มต้นน่ะเฟตจำเป็นต้องถามความเห็นของคนใกล้ตัวบ้าง เพื่อไม่ให้ดูเป็นเผด็จการจนเกินไป

    เจ้านายไปไหน จาเนียไปด้วยค่ะเอลฟ์สาวยิ้มตอบ

    ข้ากับแก มีวิญญาณดวงเดียวกันแล้ว ห่างกันมากไม่ได้หรอก ไม่อย่างนั้นไม่ใครก็ใคร คงจะหมดแรงไปเสียก่อนมังกรต้องสาปตอบหน้าบึ้งตึง จากนั้นก็กระโดดเกาะเฟตเหมือนเดิม

    มังกรคืองูประเภทหนึ่ง หรืองูใหญ่นั่นเอง สัตว์จำพวกงูไม่ว่าจะเล็กจะใหญ่ ต่างเป็นสัตว์เลือดเย็นทั้งนั้น เธอจึงต้องหาความร้อนมาเพิ่มอุณหภูมิให้ตัวเอง ซึ่งเฟตก็เคยจำได้ว่ามังกรต้องสาปเคยบอกไว้ว่ามันคืองูใหญ่ประเภทหนึ่งจึงไม่ได้ว่าอะไรเรื่องที่จะเกาะเขาเพื่อเพิ่มอุณหภูมิให้ตัวเอง

    แต่ผู้เล่นที่อยู่โดยรอบกลับไม่คิดเช่นนั้น แม้พวกเขาจะเคยเห็นคนหน้าหนาชวนกันมาเล่นเกมเพื่อเดทกันอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยที่จะเห็นใครหน้าหนาถึงขนาดกอดกันกลมตลอดแบบนี้ แม้หญิงสาวผมดำคนนี้จะสวยและมีเขามีหางแปลกๆก็ตาม

     

    ขณะเดินทางกลับเข้าเมืองแบดนิว เพื่อไปต่อยังเมืองเริ่มต้น

    ตอนนี้เป็นตอนกลางวันไม่ใช่เหรอครับ ทำไมคุณถึงไม่เป็นอะไรล่ะเฟตถามคนที่ตนอุ้มอยู่ในอ้อมแขน ตอนแรกเขาก็ให้มังกรต้องสาปเกาะอยู่หรอก แต่มันทำให้เขาเดินยากจึงต้องอุ้มขึ้นมาเพื่อความสะดวกในการเดินทางของตัวเขาเอง

    อ้อคำสาปน่ะเหรอ มันไม่มีผลกับข้าแล้วล่ะ ไอ้เจ้ากระดูกอาหารหมาเคลื่อนที่ยินดีที่จะเอาคำสาบของข้าไปหญิงสาวผมดำตอบแบบนั้น แต่จาเนียที่เดินตามอยู่ข้างๆกลับส่ายหัวปฏิเสธในใจ เพราะเธอจำได้ว่ามังกรต้องสาปยัดเยียดคำสาปกลับคืนไปเพื่อเป็นของตอบแทนในการแลกกับสกิลเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์

    แม้จะโดนยัดเยียด แต่กราด่อนเองก็ออกมาเจอแสงสว่างตรงๆมากไม่ได้อยู่แล้ว มันจึงยอมรับคำสาปของมังกรต้องสาปเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนที่จะช่วยให้มันมีชีวิตรอดต่อไป

    อ้อ แย่จัง งั้นผมก็พัฒนาทักษะต้านคำสาปไม่ได้แล้วน่ะสิเฟตตอบแบบเสียดาย จากนั้นก็มองคนในอ้อมแขนด้วยสายตาคาดเดาไม่ได้

    คุณมีชื่อที่ดีกว่ามังกรต้องสาปมั้ยเมื่อถูกถามเช่นนี้ มังกรต้องสาปก็นิ่งเงียบไปสักพักและตอบออกมาแบบไม่เข้าใจ

    ก็พอมี ถามทำไม

    เป็นผู้หญิงควรจะมีชื่อเรียกที่ไพเราะกว่ามังกรต้องสาปไงครับ โดยเฉพาะคนสวยอย่างคุณ แม้จะดุมากก็ตามเฟตตอบแบบฟังดูดี แต่เขาก็ถูกหญิงสาวผมดำกัดเข้าอีกหนึ่งคำ เพราะมาหาว่าตนดุ ทำให้เฟตลอบตบมือในใจที่มังกรต้องสาปไม่อยู่ในร่างมังกรไม่อย่างนั้นแขนเขาคงจะกลายเป็นอาหารเคี้ยวเล่นของเธอแล้วแน่ๆ

    ข้าชื่อ อนาตาเซีย นั่นคือชื่อก่อนที่ข้าจะตายมังกรต้องสาปหรืออนาตาเซียตอบหน้าบึ้ง ซึ่งเฟตก็พยักหน้าให้กับชื่อนั้น ต่อไปนี้เขาก็คงจะไม่มีปัญหาเรื่องความจำชื่อของกิ้งกือต้องสาปแล้วล่ะนะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×