คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #34 : ตอนที่ 34 ความเปลี่ยนแปลงของระบบเมืองเริ่มต้น
หลังจากระบบของเกมส่งเฟตมาถึงห้องออฟไลน์เก่า ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นมานั่งด้วยสภาพงงๆ นี่จะส่งเขามาดีๆมั่งไม่ได้หรือไงกันนะ
“อืม แล้วเราจะมาทำอะไรดีละเนี่ย”เฟตพึมพำขณะนั่งลงที่ข้างเตียง เขาพบว่าตัวเองออนไลน์เข้ามาเจอตอนกลางคืนพอดีเลย
“เรื่องนั้นว่ากันทีหลัง พาอสูรเที่ยวกินฟรีมีสุขดีกว่า”ชายหนุ่มอ้างจบก็ปลดอสูรทั้งหมดของตนออกมา โดยไรน่ากับอนาตาเซียใช้พลังสายความตายของชายหนุ่มในการสร้างร่าง ส่วนจาเนียนั้นสามารถออกมาได้ด้วยความสามารถปกติ เนื่องจากเธอเป็นอสูรติดตามที่มีร่างเนื้อ
“เอ๋”3 สาว อุทานพร้อมกัน แม้พวกเธอจะอยู่ในสภาพจำศีลในตอนที่เฟตออฟไลน์ แต่ด้วยสัญชาตญาณจึงรู้ว่าวันนี้ชายหนุ่มมาเร็วผิดปกติ
“ไปเที่ยวกันครับ เราได้สิทธิ์กินฟรี”ชายหนุ่มยิ้มบอกถึงความคิดที่แท้จริง ทำให้ 3 สาวเอียงคอฉงนจ้องมองหน้าชายหนุ่ม แต่เมื่อพวกเธอนึกถึงเหตุการณ์ตอนจากลาครั้งล่าสุดก็พากันหน้าแดง จะมีก็แต่อนาตาเซียที่ทำซึนจ้องมองชายหนุ่มตรงๆ
“จะว่าไป ผมสงสัยในสิ่งที่พวกคุณพูดก่อนจะจากกันแฮะ”เฟตพึ่งนึกออก จึงถามออกมา แค่นั้นยังไม่พอ ยังมีหน้าไปจับไหล่อนาตาเซียแล้วจับให้นั่งลง
“นายจะทำอะไรน่ะ”อนาตาเซียร้องเสียงหลง แค่เฟตนึกถึงเหตุการณ์ตอนล่าสุดออก เธอก็อายพออยู่แล้ว แต่นี่ดันมาย้อนภาพเดจาวูเหตุการณ์ให้ดูจึงยิ่งอายเข้าไปใหญ่
เฟตไม่ได้ตอบ เพราะเขากำลังปลดเสื้อของหญิงสาวออกด้วยความสนใจในสิ่งที่เห็นตอนล่าสุด ทว่า คนที่โดนถอดกลับไม่ได้คิดตามที่ผู้ชายคิด เธอดันเห็นแต่ว่าเฟตกำลังถอดเสื้อผ้าเธอออกด้วยความหื่นกามจึงใช้ฟันอันแหลมคมของตัวเองกัดเข้าที่ต้นคอของเจ้านายสุดหื่นของตนเอง จนเลือดไหลออกมา
“อ่ะ”เฟตอุทานที่ถูกกัด เขาจึงจ้องมองอนาตาเซียด้วยความแปลกใจ ต่างกับหญิงสาวที่เสมองไปทางอื่น
“อ่อนโยนให้กันมั่งไม่ได้เหรอ ครั้งแรกของฉันแท้ๆนะ”ยิ่งพูดเฟตก็ยิ่งมึน เขายังเคยเปลี่ยนชุดให้เธออยู่เลย การจะแก้ผ้าอะไรเนี่ย มันครั้งแรกที่ไหน
กึก!!! เสียงเหมือนการปลดล็อคอะไรสักอย่าง พอชายหนุ่มหันไปมอง ก็เห็นว่าไรน่ากับจาเนียกำลังปลดผ้าออก จนมองเห็นเนินอกขาวอวบอิ่มได้รูปของพวกเธอ จริงๆภาพนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ชวนหื่นมากสำหรับเฟต แต่เขากำลังงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น จึงมองเหตุการณ์ตรงหน้าไม่ออก
“ยะ อย่าเอาแต่จ้องแบบนั้นซิคะ พวกเราอายนะ”จาเนียหน้าแดงกล่าว เธอนึกว่าเฟตต้องการต่ออีกยกจึงกลับมา
“ใช่ค่ะเจ้านาย ครั้งแรกของพวกเรา เบาๆด้วยนะคะ”ไรน่ายิ่งแล้วใหญ่ เธอนอนบนเตียงรอเลยด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นการกระทำของไรน่า เฟตก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดได้ทันที จึงแสระยิ้มที่มุมปาก พร้อมกับส่งใบหน้าสุดหื่นออกมาโชว์จนสามสาวตัวสั่นเหมือนลูกนกตัวเล็กๆ
“แสดงว่าชุดไม่ค่อยเวิร์ค งั้นไปซื้อชุดใหม่กัน”
“ตกลงก็คือ ว่างงาน ไม่มีอะไรทำจัด จึงเข้ามาเล่นเกม แบบนี้ใช่มะ”อนาตาเซียจับจุดแล้วพูดออกมา เฟตจึงพยักหน้ายิ้มแห้งๆให้กับคำกล่าวของหญิงสาว
“เฮ้อ แล้วก็ไม่บอกกันตั้งแต่แรกนะคะ”ไรน่าบ่นงึมงำ ต่างกับชายหนุ่มเจ้านายของพวกเธอที่หัวเราะแห้งๆออกมา
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะเจ้านาย ว่างๆก็เข้ามาได้เสมอค่ะ จาเนียรออยู่แล้ว”เอลฟ์สาวที่เกาะอยู่ข้างๆกล่าวเสียงเบาข้างหู เฟตที่ได้ยินถึงกับขนลุกซู่ แล้วเหล่ไปมองจาเนีย
“นี่ จะทำอะไรก็เกรงใจคนรอบข้างบ้าง นี่ๆไม่ใช่ในห้องนะ”อนาตาเซียรีบแห้ว เมื่อเห็นเฟตใช้สายตาเข้าใจยากมองไปทางจาเนีย
คำทักของอนาตาเซีย ทำให้เฟตต้องหยุดความคิดชมเชยหญิงสาวไว้ในใจ แล้วมองไปรอบๆตัว ตอนนี้พวกเขาออกมานั่งกินข้าวที่นอกโรงแรมแล้ว ไอ้การจะมาทำอะไรประเจิดประเจ้อมันไม่ใช่เรื่องดีเลย แต่ทว่า เขาเป็นคนที่ไม่แคร์ใครอื่นอยู่แล้ว จึงรวบตัวเอลฟ์สาวเข้ามากอดด้วยความหมันเขี้ยว
“อ้าวคุณเฟต มากินข้าวด้วยเหมือนกันเหรอครับ”เสียงที่ดังทักขัดจังหวะ ส่งผลให้เฟตขมวดคิ้วมุ่นแล้วหันไปมอง
“อ้าว พี่อิส ไหงมาที่นี่ได้ครับ”ชายหนุ่มย้อนถาม เมื่อเจ้าของเสียงที่ค้านเขาดันเป็นคนที่เคยช่วยเขาสร้างอาชีพ ส่วนผู้ที่ถูกถามก็มองซ้ายมองขวาเล็กน้อย นี่นั่งอยู่ข้างทางแบบนี้ ไม่เห็นน่ะซิที่จะแปลก แต่ช่างมันเถอะ ชายคนนี้เป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว การมานั่งกอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่ข้างถนนโดยมีคนผ่านไปผ่านมาเยอะก็ช่างมันเถอะ
“พอดีผมกำลังจะมาหาข้าวกินเหมือนกันน่ะ ช่วงนี้งานยุ่งจนทำอะไรไม่ทันเลย”อิสกล่าวแล้วขออนุญาตนั่งด้วย
ปุบ!!! ทันทีที่อิสนั่งลง อนาตาเซียกับไรน่าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเฟตก็โผไปนั่งติดกับชายหนุ่มซึ่งนั่งคู่อยู่กับจาเนีย ส่งผลให้คนที่พึ่งนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเฟตเกาหัวด้วยความมึนงง นี่เขาน่ารังเกียจขนาดนี้เลยหรือเนี่ย
“งานที่ว่าหนักๆ ใช่พวกผู้เล่นหรือพนักงานที่เดินสวนทางกันเข้าๆออกๆหรือเปล่าน่ะครับ”เจ้าของโต๊ะถามสิ่งที่ได้ยิน ตอนที่เขาออกจากโรงแรมมาเห็นคนเดินกันวุ่นวายจริงๆ ทั้งๆที่ตอนกลางคืนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีคนสัญจรไปมา ดูอย่างเวลานี้ซิ เขาว่ามันดึกมากจนไม่ต้องสนใจใครแล้วน๊า ดันมาเจอพี่อิสทักจนหมดอารมณ์เสียอีก
“ก็ประมาณนั้นล่ะครับ พอดีตอนนี้ระบบของเมืองกำลังปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ปัจจุบันของเมืองน่ะ”อิสกล่าวพร้อมกับเรียกพนักงานมาเก็บรายการอาหารไป
“ระบบของเมืองที่เปลี่ยนเหรอ ใช่ที่ว่าคุณชิออนขึ้นเป็นเจ้าเมืองหรือเปล่า”
“ถูกต้องครับ ปกติแล้ว เมืองเริ่มต้นจะมีก็แต่เจ้าเมืองที่เป็นเจ้าเมือง อย่างมากที่สุดก็มีผู้เล่นเป็นทหารเอก ทว่า เมืองนี้กลับแปลกมากครับ ที่มีผู้เล่นเป็นเจ้าเมือง”
“แล้วส่งผลยังไงเหรอครับ”เฟตถามอีกครั้งโดยมือเขานั้นไม่หยุดที่จะป้อนข้าว 3 สาว ตามที่ถูกขอมา พวกเธอไม่ชอบฟังเรื่องวุ่นวาย จึงเอาแต่อ้อนให้เฟตป้อนไอ้นั่นนี่นู่นให้ ทั้งๆที่เมื่อตะกี้ทำซึนไม่ชอบแท้ๆเลย
“มีทั้งดีและร้ายมั้งครับ ผลดีก็คงเป็น เมืองนี้เดินตามครรลองที่ควรจะเป็น การแบ่งแยกสายพันธุ์เทพมารจะไม่มีอีกนั่นคือในกรณีที่เจ้าเมืองดี ซึ่งในจุดนี้ก็มีข้อเสียรวมอยู่ ถ้าเจ้าเมืองไม่ดี ก็อาจจะทำให้เมืองล่มไปเลยก็ได้ครับ”อิสกล่าวจบก็ถอนหายใจด้วยความอิจฉา เมื่อเห็นเฟตป้อนข้าวให้กับจาเนียตามที่ถูกรีเควสมา เขาจึงเสริมออกมา“แต่ตรงนี้คงไม่ต้องเป็นห่วงแล้วล่ะมั้งครับ เพราะรู้สึกว่าคุณชิออนจะปรับให้การดูแลปกครองเมือง เป็นไป 3 ระบบ นั่นก็คือ ทางเจ้าเมือง ทางเกม ที่เป็นจีเอ็ม และทางการเงิน จากสมาคมพ่อค้า”
เฟตได้ยินถึงระบบการปกครองก็ถึงกับเกาหัว นี่มันระบบเดียวกับรัฐบาลเลยนี่หว่า แต่ต่างกันที่ระบบของเกมเป็นระบบการศึกษาเท่านั้น
“อ้อ ข้อเสียข้อนี้ไม่ใช่จากระบบนะครับ แต่จะเป็นจากผู้เล่น นั่นก็คือ เมื่อมีผู้เล่นปกครอง พวกผู้เล่นระดับสูงจากเมืองอื่นๆ ก็อาจจะเข้ามาวุ่นวายได้”อิสอธิบายเพิ่มขณะเอาแผนที่เมืองแบบ 3 มิติให้ดู “เมืองนี้เท่าที่คุณเฟตเห็น คงจะรู้แล้วซินะครับ ว่ามันมีขนาดกว้างใหญ่มากขนาดไหน นอกจากจะใหญ่โตจนรองรับผู้เล่นนับแสนได้แล้ว ในตอนนี้มันยังขยายอาณาเขตของเมืองเพื่อรองรับอะไรต่างๆเพิ่มมากขึ้นอีกครั้ง”อิสกล่าวจบก็ชี้ไปที่แผนที่ ที่ถูกปรับขยายให้เป็นแบบมุมสูง ซึ่งสิ่งที่อิสชี้นั่นก็คือเมืองทิศตะวันออกที่กำลังขยายเขตจนเกือบจะข้ามลำธารนอกเมืองไปแล้ว
“ส่วนทางท่าเรือก็ต้องสร้างการป้องกันเพิ่มขึ้น ตามคำสั่งของเจ้าเมือง ในกรณีที่เกิดสงครามทางน้ำเราจะได้ไม่เสียเปรียบ นี่ยังดีที่ว่าเมืองทางทิศเหนือและทิศใต้ของเราเป็นพันธมิตรอยู่แล้ว จึงเสริมการป้องกันแค่ไม่กี่ด้านก็พอแล้ว”อิสกล่าวจบก็เปลี่ยนแผนที่ โดยเป็นภาพท่าเรือที่กำลังมีการก่อสร้างป้อมปราการอะไรบางอย่าง แถมยังมีเรือแปลกๆจอดเสริมเข้ามาด้วย
“แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะมีแต่สงครามหรอกนะครับ พวกพนักงานที่ถูกเสริมเข้ามา ส่วนใหญ่เป็นพวกฝ่ายบันเทิงมาจัดสร้างรอรับธุรกิจที่กำลังเติมโตน่ะ”อิสอธิบายปิดท้าย
เฟตที่พึ่งป้อนข้าวไรน่าเสร็จหันมากระพริบตามองปริบๆ นี่ถ้าเขาบอกว่าลืมฟังไปตั้งแต่ท่อน 2 นี่ จะโกรธเขามั้ยเนี่ย แต่เพื่อความเนียน จึงพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจแบบแจ่มแจ้ง
“เอาเถอะ ตอนนี้เสร็จแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”เฟตกล่าวขอตัวเมื่อพวกพนักงานเอาอาหารมาเสริฟ อิสที่สั่งข้าวเผื่อถึงกับอ้าปากค้าง
“แล้วมะ”อิสกำลังจะถามว่าไม่กินอีกเหรอ แต่ช้าไปแล้ว เมื่ออสูรของเฟตบอกว่าอิ่ม ชายหนุ่มก็พากันเดินลิ่วหนีหายไปเลย ซึ่งก่อนจะไปก็ไม่ลืมถามหาสิทธิ์กินฟรีของตัวเอง ทำให้ทางร้านส่งใบ VIP. กินฟรีตลอดทางไปให้
คล้อยหลังเฟตหายไป อิสที่นั่งอยู่ก็มองอาหารที่อยู่บนโต๊ะด้วยความเซ็ง นี่มันเลี้ยงได้ทั้งซอยเลยนะเนี่ย แต่ไม่เป็นไร หมาแถมนี้เยอะ เดี๋ยวค่อยให้ตอนกินเสร็จก็ได้
เมื่อหนีจากเหตุการณ์สอนทฤษฎีมาได้ เฟตก็พาอสูรตัวเองเลาะซ้ายแลขวาอยู่เรื่อยๆ ซึ่งตลอดทางก็มีแต่คนจ้องมองมาด้วยความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาสวยงามอ่อนหวาน ความแปลกที่พวกเธอมีหางไม่เหมือนมนุษย์ และที่สำคัญ คือชายหนุ่มชุดสูทที่ถือสิทธิ์เป็นเจ้าของตัวเองแบบเต็มที่ มือนั้นโอบควบ 3 สาวไว้หมด จนเหมือเปรต
“นี่นายไม่สนใจอะไรเกินไปมั้ยเนี่ย”อนาตาเซียพึมพำขณะมองดูมือของชายหนุ่มที่เกาะเธอไว้แบบเหนียวแน่นสุดๆ
“สงสัยจะเหงามั้งคะ”ไรน่าที่อยู่ถัดจากอนาตาเซียโดยเธอนั้นถูกเฟตรวบไว้ให้เดินชิดๆตัวเองกระซิบบอก
เฟตที่หูดีทำเมินในสิ่งที่ 2 สาวกำลังเผาขนเขา โดยความสนใจนั้นจับจ้องไปที่จาเนียคนเดียว เพราะจาเนียเป็นอสูรของเขาเพียงคนเดียวที่นิ่งมาก ไม่กระโตกกระตาก แม้จะโดนเขากอดยังตัวอ่อนให้ด้วยความเต็มใจเลย -.-
“แล้วจะไปไหนกันต่อดี”เมื่อเดินมาจนเกือบจะทั่วเมืองแล้ว เฟตก็เลยถามในสิ่งที่เขาไม่รู้ สิ้นคำถาม 3 อสูรหันขวับมามองทันที
“นี่นาย พาเดินโดยไม่รู้เลยเหรอ ว่าตัวเองจะไปไหน”อนาตาเซียถามเสียงเข้ม
“เอ่อ ก็กะว่าจะพาไปหาของฟรี แต่แค่ของกินแล้ว ผมก็ไม่รู้แล้วอ่ะ ว่าอะไรจะน่าสนใจอีก”ชายหนุ่มกล่าวเสียงอ่อย เรื่องของตัวเองน่ะง่ายมาก แต่จะให้ไปบริการคนอื่นครบทุกๆคน คงเป็นเรื่องยาก
“เอาตามที่นายเคยทำมาซิ”อนาตาเซียสวนกลับทันควัน
“ใช่ค่ะ สิ่งที่เจ้านายเคยทำให้หญิงสาวคนอื่น พวกเราก็อยากได้เหมือนกันนะคะ”ไรน่าเสริม พวกเธอเคยเห็นความคิดนี้จากจิตใจของเฟตตอนที่มองผู้หญิง ในตอนแรกพวกเธอคิดว่าไม่น่าสนใจเท่าไหร่ แต่ในเวลานี้สมควรที่ต้องนำมาใช้แล้ว
“เอาจริงเหรอครับ”ชายหนุ่มถามเพื่อความมั่นใจ เอลฟ์สาวที่รู้ว่าสิ่งนี้อาจเป็นการฝืนใจชายหนุ่มก็เลยเสริมออกมาว่า
“แล้วแต่ความสะดวกของเจ้านายเลยค่ะ สิ่งที่ท่านทำท่านคิด พวกเราน้อมรับเสมอค่ะ”คำกล่าวของจาเนียทำให้เฟตกระพริบตาด้วยความซึ้ง อยู่มาตั้งนานก็พึ่งเคยเจอผู้หญิงอย่างพวกเธอนี่แหละ ที่สนองตัณหาเขาจริงๆ
“งั้นไม่เกรงใจแล้วนะครับ”ชายหนุ่มว่าจบก็คุกเข่าลง โดยไม่สนใจพวกผู้เล่นที่พึ่งเที่ยวกลางคืนออกมา
“เชิญคุณหนูทุกท่าน ตามกระผมมาเถอะครับ จากนี้ไป ผมจะสนองความต้องการของพวกคุณเองครับ”นี่คือคำพูดที่เฟตชอบใช้ในตอนที่ทำงาน แน่นอน มันเป็นคำพูดที่ชวนสยองในกรณีที่คนอื่นมาได้ยิน แต่สำหรับคนที่ถูกใช้สรรพนามแบบนี้ บวกกับมีใจให้ด้วยแล้ว ก็ถึงกับเขินจนทำตัวไม่ถูก
แน่นอน ไอ้คนเริ่มก็ไม่สนใจแล้วเช่นกัน ทันทีที่เข้าโหมดพ่อบ้านแสนดี เขาก็จัดการหิ้ว 3 สาว ติดมือ แล้วพาไปสนองตัณหาแบบที่วัยรุ่นหญิงทั่วๆ ไปชอบทำกัน
7 ชั่วโมงผ่านไป เวลาในเมืองเริ่มต้นก็ก้าวเข้าสู่ ช่วงสายพอดี
“แฮ่กๆๆ”3 สาวที่ถูกเฟตลากไปสนองตัณหาแบบลูกผู้หญิงพากันมานั่งพักหอบด้วยความเหนื่อย ต่างกับตัวต้นเหตุที่ตอนนี้กำลังเปิดโปรแกรมดูว่าจะพาไปเที่ยวไหนต่อดี
“เจ้านายคะ พอเถอะค่ะ”จาเนียบอกเบาๆ ที่เฟตพาเที่ยวก็สนุกอยู่หรอก แต่พวกเธอใช่วัยรุ่นแบบทั่วๆไป จึงรู้สึกว่า สิ่งที่วัยรุ่นทั่วไปชอบ มันเข้ากับพวกเธอไม่ได้ หรือนี่พวกเธอแก่เกินไปแล้วนะ
“ครับ”เฟตเองก็รู้สึกได้ว่า 3 สาว ไม่ชอบแบบที่วัยรุ่นทั่วไปชอบ จึงน้อมรับอย่างว่าง่าย พร้อมกับนั่งลงกับม้านั่งยาวที่มีอยู่ทั่วไปในบริเวณทางเดินเข้าออกเมือง ตอนนี้ผู้คนในเมืองเริ่มออกมากันเยอะมากแล้ว มีทั้งการจับจ่ายซื้อของไปใช้สอย หรือซื้อยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่จะนำไปใช้เก็บเลเวล การเดินทางในตอนนี้จึงอึดอัดมากสำหรับเฟต การได้พักก็ถือเป็นเรื่องที่สบายสมองดีเหมือนกัน
“เอาแบบที่เจ้านายชอบเถอะค่ะ”จาเนียเสริมอีกครั้งเบาๆ ทำให้เฟตผงกหัวขึ้นมานั่งแล้วจ้องมอง 3 สาว ที่นั่งพักด้วยสายตาเป็นประกาย
“ไม่เอาแบบหื่น”อนาตาเซียรีบจำกัดวงการพักลง
“ไม่เอาแบบสู้ด้วยค่ะ”ไรน่ารีบเสริม
เมื่อโดนห้ามซะขนาดนี้เฟตก็ถึงกับถอนหายใจ นี่เล่นซะเขาไม่มีทางเลือกเลยนะเนี่ย
“งั้นไป.....”ชายหนุ่มว่าจบก็เดินนำทันที
ตอนนี้นอกเมืองเริ่มต้น ฝั่งตะวันออกกำลังถูกสร้างเสริมด้วยทีมงานมีคุณภาพร ที่ถูกสั่งให้มาขยายอาณาเขตเมือง ซึ่งการขยายอาณาเขตไม่ยุ่งยากเท่าไหร่ เพราะแค่ใช้สูรที่มีกำลังมากๆอย่างคิงคอง ก็เพียงพอที่จะช่วยกันขนย้ายวัสดุอุปกรณ์ได้แล้ว
ส่วนจะเสร็จตอนไหน ก็ต้องดูความพร้อมของเจ้าหน้าที่อีกทีหนึ่ง
“บรรยากาศดีมากเลยแหะ”เฟตที่หิ้วตะกร้าปิกนิกพึมพำออกมาเบาๆ ตอนนี้เขาเดินตัดเขตก่อสร้างมาหน้าตาเฉย โดยมี 3 อสูรสาวเดินตามมาด้วยติดๆ
“อืม”3 สาวพยักหน้าให้ ไอเดียมาเที่ยวกินลมของเฟตก็ไม่เลวเหมือนกัน ชีวิตแบบนี้มันไม่วุ่นวายดีด้วย
หลังจากพาอสูรตนเองเดินมาได้ไม่ไกล ชายหนุ่มก็จัดการหาหลักแหล่งที่น่าพักที่สุด นั่นก็คือริมธารใกล้ต้นไม้ใหญ่ ที่มองไปก็เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ ถึงจะมีผู้เล่นใหม่หลายคนวิ่งผ่านป่าเพื่อเก็บเลเวล แต่ก็ถือว่าเป็นตัวประกอบของป่าชนิดหนึ่งก็แล้วกัน
“นี่ซิ ความสุข”อนาตาเซียกับไรน่าหันไปยิ้มให้กันพร้อมกับนั่งลงบนเสื่อที่เฟตพึ่งปูเสร็จ เมื่อ 2 สาวนั่งพักแล้ว ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายก็ถือโอกาสพักบ้าง โดยนั่งลงที่มุมเสื่อ
จาเนียที่ตามมาเห็นเจ้านายนั่งห่างแบบนั้นก็ดึงให้กลับมานั่งรวมกลุ่มกัน ทำให้ชายหนุ่มไม่อาจปฏิเสธได้
“บรรยากาศดีมากเลยนะครับ”เฟตยิ้มกล่าว
“ใช่ค่ะ บรรยากาศน่ะดีมากเลย”ไรน่ายิ้มตอบพร้อมกับสะบัดหางคู่ของตนไปมา บ่งบอกได้ถึงว่าอารมณ์เธอดีจริงๆ
“หึ ก็งั้นๆแหละ”อนาตาเซียเชิดคางกล่าว แต่หางของเธอกลับม้วนไปเกาะที่มือของเฟต แสดงให้เห็นถึงว่าเธอเองก็ชอบเหมือนกัน แต่ไม่กล้าพูด
“ค่ะ”จาเนียตอบสั้นๆตามแบบฉบับของเธอ บรรยากาศดีไม่เท่าไหร่ แต่การได้อยู่กับเจ้านายของเธอต่างหาก คือสิ่งที่ทำให้มีความสุขที่สุด สิ่งมีชีวิตในโลกนี้ล้วนแต่ต้องการความสุขทางใจมากกว่าทางกายทั้งนั้น
เมื่อบรรยากาศรอบตัวเงียบสงบ ชายหนุ่มผู้ชื่นชอบชีวิตที่เรียบง่ายก็เอนหัวลงนอนกับตักของจาเนีย ซึ่งอนุญาตเพียงแค่เขา มือขวาของชายหนุ่มก็รวบหางคู่ของไรน่ามากอด ส่วนตัวก็ถูกเส้นผมสีดำยาวของอนาตาเซียปกคลุม เป็นเซ็ทที่ครบครันจริงๆ
“นอนเถอะค่ะ เจ้านาย”จาเนียขับกล่อมชายหนุ่มเบาๆ เธอรู้ว่าเฟตเป็นคนชอบความสงบ และชอบอยู่กับคนข้างตัว จึงเดาได้ไม่ยากว่าเวลานี้จิตใจของชายหนุ่มสงบสุขเพียงแค่ไหน
เมื่อถูกขับกล่อมแบบนี้ เฟตก็ถึงกับเคลิ้มหลับ ทำตัวเชื่องเหมือนแมวที่ถูกลูบคาง
3 อสูรสาวที่มองอยู่ต่างรู้สึกแปลกใจที่เฟตทำตัวปลอดโปล่งและปล่อยวางได้ถึงเพียงนี้ ตอนที่เจอกันแรกๆ พวกเธอคิดได้ตรงกันว่า ชายหนุ่มคนนี้เป็นคนจริงจัง ทำทุกอย่างด้วยความจริงใจ หนักแน่น และโหดร้ายต่อสิ่งที่มาทำร้ายความเชื่อมั่น รวมไปถึงหน้าตาที่บึ้งตึงอมทุกข์ตลอดเวลา ซึ่งขัดกับนิสัยโดยส่วนตัวตลอด ชีวิตจริงๆของชายคนนี้เป็นยังไงกันแน่นะ
อีกเฟตกำลังพักผ่อน แต่อีกด้านหนึ่งกำลังทำงานอย่างหนัก นั่นก็คือ พวกทีมงานก่อสร้างที่กำลังขยายเขตปกครองของเมือง การทำงานไม่มีปัญหา แต่มันมีปัญหาอยู่ที่คนไม่ให้ทำ
“เขตของข้า พวกเจ้ากล้าดียังไงถึงมาไล่ที่แบบนี้”บุรุษในร่างน้ำสีฟ้าร้องว่าอย่างไม่พอใจ ทีมงานก่อสร้างต่างหันไปมองหน้ากัน แม้จะส่งผู้เล่นระดับกลางไปแล้ว ก็ยังถูกโจมตีจนหนีกลับมาแทบไม่ทัน บุรุษตนนี้น่ากลัว!!!
“มันเป็นนโยบายของทางเมือง แกหนีไปซะ”หัวหน้าทีมก่อสร้างร้องว่า แต่นั่นก็ทำให้บุรุษในร่างน้ำร่างกระตุก พร้อมกับโจมตีเข้าใส่แบบกะเอาตาย
“ถ้าข้าไม่ยอม อย่าหวังว่าจะข้ามแดนข้ามาได้”บุรุษในร่างน้ำคำรามพร้อมกับไล่โจมตีผู้เล่นก่อนด้วยความบ้าคลั่ง กลุ่มผู้เล่นที่รับหน้าที่มาเป็นหน่วยช่วยทะลวงต่างพากันตายหมด เนื่องจากบุคคลผู้นี้มีตำแหน่งเป็นถึงราชา
ราชาสไลน์ แม้ร่างของเขาจะมีเลเวลไม่สูงมากตามที่กำหนดไว้ในเมืองเริ่มต้น แต่ฝีมือนั่นถือว่าอยู่ในระดับน้องจอมมาร ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้หรือความผลิกแผลงล้วนแต่อยู่ในระดับสูงทั้งนั้น
“เอายังไงดีครับ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเราเดินหน้างานไม่ได้แน่เลย”ทีมก่อสร้างหันไปปรึกษากับทีมรับเหมา (พ่อค้า)
“ส่งข่าวออกไป ถ้ามีผู้เล่นคนไหนไล่ราชาสไลม์ไปได้ ทางสมาคมพ่อค้าจะมอบของสมนาคุณตามค่างานเอง”ทีมรับเหมาเอารางวัลมารอทันที เขาเองก็สู้ไม่ได้ เพราะเน้นเก็บเงินมากกว่าเน้นต่อสู้ การจะเข้าต่อกรกับราชามันเหมือนความฝันยังไงไม่รู้
“ครับผม”ทีมก่อสร้างรับคำแล้วกระจายข่าวตามที่สมาคมพ่อค้าต้องการ พูดกันตามหลักแล้ว คนในเกมล้วนทำทุกอย่างโดยหวังค่าตอบแทนทั้งนั้น ใครบ้างล่ะที่สู้เสี่ยงตายโดยไม่หวังอะไรเลย
หลังข่าวเรื่องเงินเรื่องทองหลุดออกมาประกาศที่ใจกลางเมือง ผู้เล่นนับพันนับหมื่นต่างเกณฑ์กันออกมา เพื่อหวังจะได้รางวัล พวกเขารู้กันดีว่าถ้าสมาคมพ่อค้าประกาศแบบนี้ ของรางวัลต้องยิ่งใหญ่จริงๆแน่
แต่ทว่า ความเป็นจริงกลับโหดร้ายยิ่งนัก เมื่อราชาสไลม์เรียกทหารสไลม์ที่มีฝีมือไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้เล่นระดับแม่ทัพออกมาช่วยแก้ขัด แม้คนๆเดียวจะเก่ง แต่ถ้าถูกรุมจากสกิลหมาหมู่ อย่าหวังเลยว่าจะรอดกลับบ้านไปกอดเมียรักได้
“ตรงนี้มันอะไรกันน่ะคะ”เมร่าราชิมีมือใหม่ของเมืองถามไถ่พวกทหารด้วยความมึนงง ไอ้เสียงผู้เล่นร้องพร้อมกับเฮโลมาที่นี่ ทำให้เธอถึงกับสงสัยจนต้องออกมาดู
“พอดีการก่อสร้างต้องชะงักเพราะมีเจ้าที่ไม่เห็นด้วยน่ะครับ”ทีมก่อสร้างรีบรายงาน
เมร่ามองพวกผู้เล่นจำนวนมากทีหักหาญเข้าต่อกรกับราชาสไลน์ จนพากันตายไปหลายร้อยคน อสูรที่มีตำแหน่งเป็นถึงราชาไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นมือใหม่จะต่อกรด้วยได้เลย
“แล้วจะเอายังไงดีล่ะคะ เขาไม่ใช่คนที่จะต่อกรด้วยเลยนะคะ”เมร่าเริ่มไม่แน่ใจว่าจะก่อสร้างกันต่อไปได้แล้ว
คำถามของเมร่าทำให้ทีมพัฒนาเมืองพากันเงียบพูดอะไรไม่ออก เวลานี้มันตันทางจนมองอะไรไม่เห็นจริงๆ จนกระทั่งปรายตาไปเห็นใครบางคน ที่นั่งอยู่ห่างจาจุดนี้ไปไม่ไกล
“วุ่นวายอะไรกันเนี่ย”เฟตที่เปลี่ยนตัวเองมาเป็นหมอนให้ 3 สาวเริ่มบ่น
“ก็เห็นๆกันอยู่ไม่ใช่เหรอคะ ว่ามีการขยายพื้นที่”ไรน่าที่หนุนตักขวากล่าว
“ส่วนเจ้าที่ก็แรง ไม่ยอมย้ายง่ายๆ”อนาตาเซียตักซ้ายเสริม
“เลยต้องส่งผู้เล่นเข้าจัดการไงคะ”จาเนียที่อยู่ตรงกลางสรุป
“เอ่อ อันนั้นผมรู้ครับ ก็เห็นๆอยู่ แต่ที่ถามก็คือ ทำไมไม่จัดการที่ตัวต้นเหตุนั้น”ชายหนุ่มชี้นิ้วไปที่ราชาสไลม์ ซึ่งบัญชาการรบอยู่กองหลัง จากการต่อต้านธรรมดาๆ กลายเป็นสงครามย่อยไปซะแล้ว
“จะเข้าไปจัดการได้ยังไงล่ะคะ ในเมื่อทหารสไลม์เก่งพอๆกับแม่ทัพของมนุษย์”จาเนียชี้ไปที่สไลม์ในร่างมนุษย์ ซึ่งเปลี่ยนชิ้นส่วนร่างกายตัวเองให้กลายเป็นอาวุธแล้วนำมาต่อกรกับอาวุธของพวกผู้เล่นได้อย่างสูสี
“งั้นให้ผมช่วยไกลๆก็ได้มั้งครับ”เฟตเสนอตัวเอง ไรน่าไม่อยากให้เขาสู้ งั้นเขาก็ไม่สู้ (วงใน) แต่จะให้การสนับสนุนแทน
เมื่อเฟตว่าอย่างนี้ 3 สาวก็ไม่อาจขัดใจได้ เพราะอย่างไรเสียชายหนุ่มก็เป็นถึงเจ้านาย แล้วอีกอย่าง พวกเธอก็ตามใจเฟตอยู่แล้วด้วย จะทำอะไรพวกเธอสนับสนุนเสมอ
หลัง 3 สาว ไม่ค้าน ชายหนุ่มก็ควานหาอาวุธปืนในช่องเก็บ แต่ไม่ว่าจะควานหายังไงก็ไม่เจอ จึงขมวดคิ้วมุ่น
“อาวุธของนายถูกฉันควบคุมหมดแล้ว จะเรียกใช้ได้ ต้องเรียกผ่านฉันเท่านั้น”อนาตาเซียที่อมภูมิอยู่นานกล่าวออกมาท่ามกลางความมึนงงของชายหนุ่ม
“อ้าว แล้วจะให้ผมเรียกใช้ยังไงล่ะ”เฟตเกาหัวถาม ตอนแรกแค่จิตนาการณ์หาก็ได้แล้ว แต่ในครั้งนี้ไม่ว่าจะทำยังไงมันก็ไม่ยอมตอบสนองความต้องการของเขาเลย มันเหมือนกับว่ามันไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป
“แหม อย่าทำหน้าเหมือนจะร้องแบบนั้นซิ แค่ฉันคอยช่วยนายควบคุม ไม่ได้หมายความว่ายึกมาเป็นของตัวเองซะหน่อย”อนาตาเซียกล่าวจบ ที่ข้างหลังของเฟตก็มีดาบ 9 เล่มโผล่ออกมา มันเป็นดาบดูดความร้อนนั่นเอง
“เอาออกมาทำไมน่ะครับ”ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย แม้จะแปลกใจที่อนาตาเซียสามารถเรียกออกมาได้เหมือนกับที่เขาเรียก แต่มันสำคัญที่ว่า เอาออกมาแล้วจะใช้สู้ยังไงดีกว่า
“ก็แบบนี้ไง”อนาตาเซียดีดนิ้วเล็กน้อย ดาบ 1 เล่มก็เหวี่ยงเข้ามาในมือเฟต พร้อมกันนั้นก็แปลงสยามยืดขยายเป็นเหล็กยาวสีดำ ที่เริ่มมีส่วนเว้าส่วนโค้งจนแปรสภาพเป็นปืนสไนเปอร์ขนาดใหญ่ ซึ่งมังกรสาวก็เสริมต่อว่า“ตามปกตินายจะใช้สมาธิควบคุมอาวุธได้ แต่นั่นยังไม่ละเอียดพอ นายมักจะทำให้อาวุธเคลื่อนที่พร้อมกันเสมอ ซึ่งถือเป็นการเคลื่อนที่อันเปล่าประโยชน์ แต่เมื่อได้ฉันมาช่วยควบคุม การต่อสู้ของนายทุกย่างก้าวจะไม่มีคำว่าเสียเปล่า”
คำอธิบายนั้นเข้าหูบ้างไม่เข้าบ้าง เพราะตอนนี้เฟตกำลังตรวจเช็คปืนก่อนใช้งานจริง ปืนกระบอกนี้มีลักษณะเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ต่างกันที่ความรู้สึก
“เอานี่ กระสุน”อนาตาเซียยื่นแม็กกาซีนขนาดใหญ่ของปืนให้ ซึ่งชายหนุ่มก็รับมาแล้วเสียบเข้าซองแม็กกาซีนทันที
ชายหนุ่มจัดการปรับกล้องเล็งพร้อมกับดึงคันรั้งกระสุน ส่งลูกกระสุนปืนขนาดมหึมาเข้าสู่รังเพลิง เมื่อปืนพร้อม คนพร้อม ชายหนุ่มที่นั่งโดยมีอสูรตนเองร่ายล้อมก็ลั่นไกทันที
“หนึ่งนัด หนึ่งชีวิต”เปรี้ยง!!!!
ด้านที่เกิดสงครามชิงดินแดน
พวกผู้เล่นต่างถูกทหารสไลม์ไล่สังหารจนหนีกันแทบไม่ทัน อสูรสไลม์ชั้นทหารพวกนี้มีระดับที่ค่อนข้างสูง พวกผู้เล่นที่จุบกลุ่มหรือลุยเดียวมาเพื่อหวังรางวัลจึงไม่อาจต่อกรได้ การจะสู้กับอสูรชั้นสูงพวกนี้ได้นั้น พวกเขาต้องพร้อมยิ่งกว่านี้
ดูอย่างผู้เล่นหญิงกลุ่มนี้ที่ถูกเพื่อนลากมาซิ ตอนแรกก็บอกกันแค่ว่าอสูรสไลม์ ซึ่งใครๆก็คิดว่าจัดการง่าย ก็เลยพากันมาหวังจะล่ารางวัล พอเอาจริง ดันถูกสังหารซะยกกลุ่มเหลือแต่เพียงสาวน้อยนักเวทร่างเล็กที่เอาไม้เท้าอาวุธประจำตัวยกขึ้นมากันศีรษะ เพื่อป้องกันการโจมตีของอสูร
ตูม!!! เสียงเหมือนอะไรถูกทะลวงแต่นักเวทหญิงกลับยังคงนั่งค้างในท่าเดิมด้วยความหวาดกลัว การตายในเกมนี้ ถือเป็นอะไรที่โหดมาก ถ้าถูกโจมตีจนตายภายในครั้งเดียวก็ดีไป แต่ถ้าถูกตอดเล็กตอดน้อย ได้ทรมานไปจนตายแน่
“คุณไม่เป็นอะไรนะครับ”เสียงเรียกพร้อมกับมือมาสะกิด ทำให้นักเวทสาวสะดุ้งเฮือก แต่เมื่อเงยหน้ามาพบว่าเป็นผู้เล่นก็ทำหน้างง
“ขอบคุณที่ช่วยนะคะ”หญิงสาวเข้าใจว่าชายคนนี้มาช่วยจึงรีบกล่าวขอบคุณ
“เอ่อ ขอบคุณผิดคนแล้วมั้งครับ”ผู้เล่นหนุ่มเกาหัวเขินๆ
“เอ๋ แล้วไม่ใช่คุณที่เหรอคะ ที่มาช่วยฉันไว้”หญิงสาวย้อนถาม ซึ่งผู้เล่นหนุ่มก็พยักหน้าให้ พร้อมกับชี้นิ้วไปที่ทหารสไลม์ตัวอื่นๆ ที่ถูกอะไรบางอย่างทะลวงบริเวณหัวจนทำให้ร่างสลายไป เหลือแต่เพียงก้อนเมือกเล็กๆ ที่เป็นร่างต้นกำเนิด
ปัง!! เสียงขับดินปืนที่ดังแว่วๆมา ทำให้หญิงสาวพยายามมองหาต้นเสียง แต่ไม่ว่าจะมองหายังไงก็ไม่เห็นจึงเลิกล้มการค้นหา โดยหันไปให้ความสนใจกับราชาสไลม์ที่ทำหน้าปั้นยากแทน
“มนุษย์ประหลาดนั่น”ราชาสไลม์พึมพำ เขาอยากจะไปจัดการเฟตที่อยู่ห่างออกไปใจจะขาด แต่การทำเช่นนั้นจะเป็นการล้ำดินแดนมนุษย์มากเกินไป แถมถ้าเขาหายไปเมื่อไหร่ ดินแดนแห่งนี้ก็ต้องถูกมนุษย์ยึดครอง จนทำให้อสูรสไลม์ระดับต่ำเกิดไม่ได้แน่
สิ่งที่เขาทำได้ก็มีแค่การส่งทหารสไลม์ออกไปไล่ล่า ทว่า แค่สร้างลูกน้องออกมา พวกมันก็ถูกกระสุนกำลังสูงทะลวงจุดอ่อนจนสลายไปเพียงในครั้งเดียว
“อ้ากกกก”ราชาสไลม์คำรามอย่างขัดอารมณ์ ตอนนี้เขาถูกพวกมนุษย์ไล่ต้อนจนต้องถอยหลังไปติดกับแดนตัวเองแล้ว
“หืม พอแล้วมั้ง”เฟตพึมพำพร้อมกับวางปืนสไนเปอร์ลงไว้ที่ข้างตัว ซึ่งอสูรสาวที่มีหน้าที่ควบคุมการใช้อาวุธก็ไม่ได้เก็บอาวุธเข้าไป เพราะเห็นว่าเดี๋ยวชายหนุ่มก็ได้ใช้อีก ไม่ช้าก็เร็ว
“เอ่อ ขอโทษครับ”อยู่ๆก็มีเสียงถามดังขึ้น ทำให้เฟตที่พึ่งละสายตาจากกล้องส่องทางไกล หันขวับมามองด้วยความแปลกใจ ชายคนนี้มาใกล้เขาได้โดยที่ไม่รู้ตัวได้ยังไง แบบนี้ล่ะนะ เวลาออกงานจึงจำเป็นต้องมีผู้ช่วย
แต่อสูรของเฟตกลับเฉยๆ กลิ่นอายของชายคนนี้เป็นกลิ่นอายของอสูรระดับสูง จึงไม่แปลกที่ชายหนุ่มเจ้านายของพวกเธอจะจับสัมผัสไม่ได้ แถมอีกอย่าง ชายคนนี้ก็เป็นคนที่คุ้นเคย จึงไม่ได้เตือนตั้งแต่ที่ชายคนนี้จับจุดกระสุนได้ แล้วเดินเข้ามาหา
“ครับ?”เฟตทวนคำประมาณว่ามีอะไรเหรอ แต่ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกคุ้นเคยกับเสียงที่ทักเขาเมื่อสักครู่ หลังจากชายหนุ่มนึกคิดได้สักพักก็นึกได้แล้วว่า ผู้เล่นหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนนี้น่าจะมีนามว่า เอริก
“ผมได้รับภารกิจให้มาทำกับคุณอ่ะครับ”เอริกบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแต่สายตาก็เหล่ไปทางอนาตาเซีย ซึ่งเป็นมังกรในร่างครึ่งมนุษย์ที่สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา ตามหลักแล้วใครในสมาคมของเขา ที่มีมังกรเป็นอสูรแห่งพลังหรือเป็นอสูรติดตามล่ะก็ จะได้ขึ้นเป็นหัวหน้ากิลด์ย่อยภายในสมาคมได้ไม่ยากเลย แต่เท่าที่ดูแล้ว เฟตน่าจะหวงมาก การจะไปพูดเรื่องแบบนี้ น่าจะเป็นการกระทำที่เกินไปหน่อย เขาจึงไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่เห็นอนาตาเซียครั้งแรก
“ภารกิจอะไรครับ เกี่ยวกับผมด้วยเหรอ”เฟตถามกลับ เอริกที่จ้องอนาตาเซียด้วยความแปลกใจที่เห็นหญิงสาวมีรอยสักสีดำเพิ่มขึ้นมาก็หันมามองทางเฟตพร้อมกับแจ้งภารกิจให้ฟัง
“เป็นภารกิจที่ผมได้รับครับ เธอบอกว่าให้ผมเอาเลือดของคุณไปส่งด้วย ซึ่งเจ้าของเลือดต้องยินยอมด้วยตัวเองเท่านั้นครับ”เอริกกล่าวจบก็ทำใบหน้าอ้อนวอนไปทางจาเนียเพื่อให้เธอช่วยกล่าวอะไรเสริมที ตลอดระยะเวลาที่เขาอยู่ในเมืองเขาสังเกตเห็นว่าเฟตจะยอมพวกสาวๆ ซึ่งจาเนียก็เป็นหนึ่งในนั้น
“เอาไปสิครับ”เฟตตอบทันที ถ้าเดาไม่ผิดชายคนนี้น่าจะเคยเป็นหมอช่วยเขาไว้ ซึ่งการจะเอาค่าตอบแทนเป็นเลือดก็ไม่เห็นเป็นไร แถมพวกอนาตาเซียก็ไม่เห็นจะหวงอาหารแล้วด้วย
ฉึก!!! เอริกเมื่อได้รับคำอนุญาตก็ยิ้มแล้วเอาเข็มแทงแขนเฟตแล้วดูดเลือดเข้าหลอดไปทันทีโดยที่เฟตยังไม่ทันได้ตั้งตัว หลังจากดูดเลือดจนเต็มหลอดเอริกก็ถอดหัวเข็มออกมาด้วยรอยยิ้ม ต่างกับเจ้าของเลือดที่ทำหน้าเซ็ง ไอ้หมอนี่มันเล่นแทงแบบไม่ทันให้ตัวตัวเลยวุ้ย แม้เขาจะอยากโต้ตอบขนาดไหนก็ช้าไปซะแล้ว ชายคนนี้แข็งแกร่งกว่าเขามากนัก
“ผมนึกว่าจะไม่ได้เจอคุณซะแล้วนะครับ”เอริกกล่าวกับเฟตขณะเก็บหลอดเลือดเข้ากระเป๋ามิติแบบพกพา แล้วหยิบยาฟื้นเลือดขวดใหญ่มายื่นให้ เป็นการตอบแทนเลือดที่หายไป
“ผมไม่ได้จะหายไปไหนนี่ เมื่อวานก็เห็นกันแล้วนี่”ชายหนุ่มยื่นมือมารับขวดเลือดไปเพื่อเป็นการถนอมน้ำใจคนให้
สองอสูรสาวข้างตัวเห็นเฟตกำลังจะดื่มเลือด พวกเธอก็ชิ่งดูดเลือดเฟตเสียก่อน เป็นการถ่ายเลือดที่เป็นประโยชน์มาก
“พอดีเมื่อวานหลังจากประชุมนั้นแล้ว ผมก็ไปจัดการกับกิลด์ที่อยู่ใต้ธงสมาคมน่ะครับ ก็เลยลืมไปเลยว่าจะไปหาคุณด้วย”เอริกกล่าวยิ้มแห้งๆ เขาต้องไปคุยกับกิลด์ดรากอนของจิมเรื่องอำนาจในมือเสียใหม่ เลยเสียเวลาไปเยอะ
“งั้นผม ขอตัวก่อนนะครับ”เฟตกล่าวขอตัว หลังจาก 2 สาวกินเลือดจนอิ่มแล้วลงไปนอนพิงขาเขาเหมือนเดิม
เอริกเหมือนจะรู้ว่าคู่สนทนาต้องการเวลาความเป็นส่วนตัว เขาจึงขอตัวลากลับ แต่ก่อนจะกลับก็ไม่ลืมจะเหล่มองสามสาวที่ใช้เฟตเป็นหมอน จากนั้นก็มองไปที่ปืนสไนเปอร์ที่วางไว้ข้างตัว กลุ่มของเฟตนี่แปลกที่สุดตั้งแต่ที่เขาเจอมาเลยก็ว่าได้
คล้อยหลังเอริกเดินลับหายไป เฟตก็มานั่งชมนกชมไม้ต่อ
“ชอบบรรยากาศแบบนี้จัง”ชายหนุ่มพึมพำแล้วก้มลงมามองสามสาวที่หลับตาตักของเขา แม้จะสลับตำแหน่งไปบ้าง แต่การทำหน้าที่นี้ให้กับสาวๆก็ไม่เลวเลยทีเดียว
ทางด้านเมืองที่กำลังพัฒนา แม้จะมีการโจมตีลึกลับมาช่วยตัดกำลังสู้กับราชาสไลม์แล้ว แต่การที่ผู้เล่นระดับมือใหม่จะมาสู้กับอสูรระดับราชาก็เป็นเรื่องที่ยากเกินไปจริงๆ ไม่ว่าผู้เล่นหน้าไหนๆ ก็พากันแตกพ่ายหนีกันออกมาแทบไม่ทัน
“เอายังไงดีครับ องราชินี”ทหารเอไอหนุ่มถามราชินีเมร่าอย่างเคร่งเครียด ถ้าปล่อยไว้แบบนี้การพัฒนาเมืองไม่มีทางเดินหน้าต่อได้แน่
“เราจะเจรจากับท่านราชาสไลม์เอง”เมร่าพยักหน้าตอบอย่างหนักแน่น
แต่ก่อนที่เมร่าจะได้ออกไปเจรจา พวกทหารก็ต่างพากันยืนขวางไม่ยอมให้ราชินีออกไปเสี่ยง เนื่องจากราชาอสูรกับราชามนุษย์ ความแข็งแกร่งของร่างกายต่างกันอย่างกับฟ้ากับเหว ถ้าเกิดมีเหตุปุบปับ จับราชินีเป็นตัวประกัน มนุษย์ก็จบเห่กันก่อนพอดี
“หาคนที่เก่งๆ มาคุยไม่ดีกว่าเหรอครับ ท่านราชินีอย่าไปเลย”
“แล้วใครล่ะ ที่เก่งพอจะคุยกับท่านราชาสไลม์ได้”เมร่าย้อนถามอย่านิ่ง ไม่ว่าผู้เล่นหน้าไหนไปสู้ก็จบเห่หิ้วกระเป๋าหนีตายกลับมาหมดแบบนั้น แล้วจะมีใครหน้าไหนสู้ได้อีก
“เราได้ข่าวว่ามีอยู่คนหนึ่งครับ ตอนนี้เขายังอยู่ คาดว่าน่าจะขอความช่วยเหลือไปได้”ทหารหนุ่มรีบกล่าว เมื่อเห็นท่าทีที่ร้อนรนของเมร่า
“ใครกันคะ ที่พอจะต่อกรกับราชาสไลม์ได้”
“คุณเฟตไงครับ”อิสเป็นคนตอบคำถามแทนพวกทหาร เขาเองก็มีเอี่ยวกับทีมพัฒนาเมือง จึงมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนกัน
“พระเชษฐาของสามีเราน่ะเหรอ”เมร่าถามกลับแล้วใช้สรรพนามของชิออนได้เต็มปากเต็มคำ แต่อิสก็พอเข้าใจอยู่บ้างจึงพยักหน้าให้
“เขากลับเข้ามาพักผ่อนน่ะครับ ตอนนี้น่าจะพักผ่อนอยู่แถวไหนสักแห่ง”
“เขาพักผ่อนอยู่ การไปรบกวนจะเป็นการเสียมารยาทมากเกินไปหรือเปล่าคะ แถมเท่าที่ดู พระเชษฐาจะเป็นคนที่เกลียดความวุ่นวายมากๆด้วย”เมร่ารู้ได้จากวันที่ประกาศขึ้นครองราชย์ของชิออน เฟตนั้นดูเย็นชาและไร้ซึ่งความสนใจต่อสิ่งภายนอก เขาคนนั้นสนใจแต่ตัวเองและคนข้างตัวเท่านั้น
“ผมพอมีวิธีที่จะให้เขาเข้าสู่สนามรบนี้ครับ แต่ทว่า ผมกลับไม่กล้าที่จะสู้หน้าเขานี่สิ”อิสเองก็รู้ดี แถมเขาก็รบกวนเฟตมามากแล้ว การจะแบกหน้าไปขอความช่วยเหลืออีก มันจะเป็นการแบกหน้าเข้ากันมากเกินไป อีกอย่าง คนผู้นั้นก็กลายเป็นผู้มีพระคุณต่อเขาแบบเต็มตัวแล้วด้วย จึงเกิดลูกเกรงใจกันขึ้นมา
“คนสู้หน้า เมร่ามีค่ะ แต่ไม่รู้จะใช้วิธีไหน”เมร่าตอบความกังวลนั้นด้วยการมองข้ามไหล่อิสไป ซึ่งชายหนุ่มก็มองตามอย่างรวดเร็ว พอเขาเห็นว่าเป็นใครก็พยักหน้าแล้วเริ่มเล่าแผนการ โดยไม่ลืมที่จะเข้าไปขอความช่วยเหลือบุคคลนิรนามผู้นั้น
ด้านต้นไม้ริมธารติดชายป่า เฟตรับหน้าที่ทำงานเป็นพ่อบ้านคอยบริการ 3 อย่างเต็มที่ จน สามอสูรสาวทำหน้าเคลิบเคลิ้ม โอกาสแบบนี้จะหาได้จากไหนมั่งเนี่ย
“เจ้านาย”อยู่ๆจาเนียก็เรียก ชายหนุ่มที่พึ่งวางตะกร้าปิกนิกไว้ข้างตัวก็หันมาหา
“ครับ มีอะไรเหรอ”เฟตยิ้มถามส่วนสายตาก็มองดูว่าจะเอาอะไรออกมาทำให้สามสาวกินดี แซนวิสก็น่าเบื่อเกินไป ชาก็ดันเข้มเกินพอดีอีก
“จาเนียชอบแบบนี้จังเลยค่ะ”เอลฟ์สาวยิ้มกล่าวแล้วโถมเข้ามากอดชายหนุ่ม เฟตจึงต้องโอบตัวเธอไว้ด้วยความยินดี เขาเองก็อยากจะขอบคุณพวกเธอเหมือนกัน การพักของเขาดูมีค่าขึ้นมามากเหมือนกัน
“ขี้โกงนี่”ไรน่าร้องว่าเบาๆ จากนั้นก็กระโจนเข้าหาบ้าง ทำให้เฟตต้องเปิดวงแขนรับหญิงสาวมาเพิ่ม
“เดี๋ยว ไม่รอฉันเลย”อนาตาเซียรู้สึกเหมือนจะเสียเปรียบ จึงกระโจนเข้ามาหาบ้าง ทำให้เฟตต้องเปิดวงแขนจนสามารถรับสาวๆไว้ในอ้อมแขนได้เพิ่มมากขึ้น
‘ถ้าเจอมากกว่านี้ก็คงไม่ไหวแล้วแหะ’เฟตคิดคนเดียวขณะมองดู สามสาวที่ซุกตัวอยู่กับวงแขนของเขา สามอสูรสาวนี่นิสัยดูจะคล้ายมนุษย์มากกว่าที่จะคล้ายกับคอมพิวเตอร์แหะ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฟตก็สังเกตสามสาวดีๆ พวกเธอมีอุปนิสัยใจคอไม่ต่างกับมนุษย์จริงๆ หรือพวกเธอจะเป็นพนักงานที่สวมบทเป็นอสูร แต่ไม่น่าจะใช่ เนื่องจากถ้าเป็นพนักงาน ก็ต้องเป็นพนักงานที่ออนไลน์ตลอด เนื่องจากเวลาการเล่นเกมของผู้เล่นไม่ตายตัว ถ้าหายๆไปมีหวังผู้เล่นเกมแบบเขาได้โวยแน่
ขวับ!!! สามสาวในอ้อมแขนหันมองไปทางเดียวกันอย่างพร้อมเพรียง เฟตที่กำลังคิดอะไรฆ่าเวลาก็เลยหันไปมองตามบ้าง ซึ่งดูเหมือนคำขอของเฟตจะเป็นหมัน เมื่อเขาเห็นว่าผู้เดินเข้ามาหาคือหญิงสาวผมน้ำตาล ข้างหลังสะพายธนูด้ามเขียว
“แฟร์มารบกวนหรือเปล่าคะ”หญิงสาวที่มาถึงรีบเอ่ย แม้หน้าเธอจะเขินเมื่อมาเห็นฉากรักฉากอบอุ่น แต่ความต้องการพาเธอเดินมาถึงที่นี่
“ก็ไม่นี่ครับ”เฟตพยักหน้าตอบ ส่วนสามสาวก็กอดชายหนุ่มแน่นไม่ยอมปล่อย เมื่อรู้ดีว่าหญิงสาวที่มาใหม่มีภาษีเรื่องเวลามากกว่า
“คือแฟร์อยากจะมาขอบคุณพี่ในเหตุการณ์เมื่อวานก่อนน่ะค่ะ”หญิงสาวรีบเข้าเรื่อง เธอมองสายตาสามอสูรออก จึงพอรู้ว่าควรต้องเว้นระยะห่าง
“อ้อ หะหะ ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ไม่ได้เป็นบุญคุณอะไรขนาดนั้นหรอก ในเวลาสงครามช่วยอะไรได้ก็ควรช่วย”เฟตกล่าวขณะคลายอ้อมกอดให้ สามอสูรถอยออกไป ซึ่งพวกเธอก็รู้ดีว่าการทำตัวเป็นเจ้าของไม่ใช่เรื่องดี สิ่งสำคัญคือความรู้สึกของฝ่ายตรงข้ามต่างหาก จึงพากันถอยออกมานั่งสงบเสงี่ยมอยู่ห่างๆ แต่รู้สึกว่าจะปิดอาการได้ไม่ดี เมื่อหางของพวกเธอทำหน้าที่ตามอารมณ์ของผู้เป็นนาย ด้วยการส่ายไปมาแบบไม่พอใจ ที่จะเก็บอาการได้ดีก็มีแต่จาเนียที่ไม่มีหาง
“ว่าแต่มีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่าครับ”ชายหนุ่มถามถึงสิ่งสำคัญ เขามองออกว่าแฟร์มีเรื่องหนักใจมากกว่านี้
“คือว่า พอดีแฟร์ไดรับข้อความให้มาช่วยบอกกับพี่น่ะค่ะ”
“ข้อความ? ข้อความอะไรเหรอครับ”ชายหนุ่มย้อนถาม
“คือ คุณอิสเขาบอกว่า มีการต่อสู้ที่พี่เฟตน่าจะได้ทดสอบฝีมือน่ะคะ”อิสรู้ดีว่าเฟตต้องการจะทดสอบฝีมือ จึงมีการจัดการประลองขึ้น แต่ทว่า มันกลับเป็นหมันและถูกเลื่อนไป เลยพอจะรู้ว่าตอนนี้อารมณ์ของเฟตกำลังเฮิร์ทขนาดไหน
ขวับ!!! สามอสูรที่นั่งสงบอยู่หันขวับมามองที่ชายหนุ่มอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกเธอก็รู้ว่าเฟตอยากจะทดสอบฝีมือมากแค่ไหน แต่เสียที่ว่ายังไม่ถึงเวลาก็เลยต้องอดต่อไป
และเวลานั้นได้มาถึงแล้ว การได้สู้กับอสูรระดับราชา เฟตน่าจะได้ทดสอบฝีมือได้แบบเต็มที่ แม้จะเสี่ยงมากไปหน่อยก็ตาม
“ตามใจเจ้านายหนึ่งเสียงค่ะ”เอลฟ์สาวออกความเห็น
“สองเสียงค่ะ”ไรน่าตาม
“จะทำอะไรก็ตามใจนายซิ มันชีวิตของนาย พวกฉันมีหน้าที่แค่สนับสนุน”อนาตาเซียกอดอกเชิดคางตามสไตล์
“ขอบคุณครับ”เฟตลุกขึ้นยืนทันที เมื่อเจ้าแม่อนุญาตเขาก็ไม่ต้องมานั่งพักอีกต่อไปแล้ว พูดกันตามหลักเขามันส์มือตั้งแต่ยิงทหารสไลม์แล้ว อยากจะสู้จริงใจจะขาด “นำทางเลยครับ”เฟตหันมามองบอกกับแฟร์ที่ยังเอ๋ออยู่ ตกลงว่าใครเป็นอสูรใครเป็นเจ้านายกันแน่เนี่ย
“อ้อ ค่ะ”แฟร์รับคำอย่างมึนงง จากนั้นก็นำชายหนุ่มกับสามอสูรไปยังเต็นท์ที่พักของพวกทีมพัฒนาเมือง แต่ก่อนที่จะถึงเฟตก็ไม่ลืมถามถึงปัญหาคาใจต่างๆ อาทิเช่น
“ทำไมคุณแฟร์ถึงเข้ามาได้อีกล่ะครับ พึ่งจะออฟไลน์ไปไม่ใช่เหรอ”
“พอดีแฟร์คิดได้ว่า ยังไม่ได้ขอบคุณพี่เลยน่ะค่ะ ก็เลยอยากจะเข้ามาขอบคุณพี่ ก่อนที่จะไม่มีโอกาส”หญิงสาวตอบด้วยใบหน้าเขินๆ นี่เธอทำตัวเหมือนตามผู้ชายเลยนะเนี่ย
“แล้วรู้ได้ยังไงครับ ว่าผมอยู่ในเกม”ชายหนุ่มแทงข้อสงสัยไม่ยั้ง ถ้าได้สงสัยแล้ว เขาจะต้องถามให้ถึงที่สุด
“พอดีรู้จากฟ้าใสค่ะ เธอรู้ข่าวจากคุณชิออนอีกทีนึง”แฟร์ตอบเบาๆด้วยความเขิน ซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้าเข้าใจ จากนั้นก็เป็นการถามสารทุกข์สุขดิบ กว่าจะถึงเต็นท์ที่ว่า หญิงสาวก็ถูกล้วงความลับไปมากมายเสียแล้ว
“ภารกิจก็ง่ายๆเลยครับ แค่คุณเข้าไปเจรจา ให้ราชายอมกลับออกไปได้ แต่ถ้าฆ่าได้ก็ดีครับ”ตัวแทนผู้ส่งงานบอกถึงภารกิจที่เฟตต้องไปทำ แต่ชายหนุ่มกลับเอานิ้วแคะหูเหมือนไม่ได้ยินอะไรเลย
“เอ่อ ขอแค่ไปเจรจาก็เป็นอันจบแล้วครับ”รองตัวแทนฝ่ายผังเมืองกล่าวเสริมก่อนที่หัวหน้าใหญ่ปี๊ดแตกเพราะท่าทางของชายหนุ่มตรงหน้า
“แค่นั้นใช่มั้ย”เฟตถามเสียงเรียบสุดเย็นชา พวกทีมพัฒนาเห็นเช่นนั้นก็กลืนน้ำลายเอือก แล้วพยักหน้ารับ
เมื่อได้ข้อตกลง ชายหนุ่มก็เดินออกจากเต็นท์ด้วยท่าทางนิ่งๆ สี่สาวที่อยู่เอียงคอมองเล็กน้อย
“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ”แฟร์รีบถาม เธอเป็นฝ่ายรับหน้าไปหาเฟต ถ้าภารกิจที่ชายหนุ่มรับทำให้เขาไม่พอใจ เธอนั่นแหละที่จะเสียชื่อ
“เปล่าครับ ผมแค่ไม่ชอบให้ใครมาจ้ำจี้น่ะ แถมดันสั่งให้ไปฆ่าคนอื่น ทั้งๆที่เขาทำเพราะหวงที่ซะด้วย”ชายหนุ่มตอบ คำที่ทำให้เขาจี๊ดใจที่สุดก็คือ ถ้าฆ่าได้ก็ฆ่า ไอ้คนพวกนี้ไม่เห็นค่าของชีวิตคนอื่นบ้างหรือไงนะ
“แล้วจะทำหรือเปล่าล่ะ”อนาตาเซียเป็นฝ่ายถาม
“ทำ”ชายหนุ่มตอบเรียบๆ แล้วเดินหน้าไปยังเขตต่อสู้ทันที เขาไม่ชอบให้ใครมาย้ำ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะขวางโลก สิ่งที่รับปากแล้วก็คือรับปาก ถ้าไม่ทำจะเป็นการเสียสัจจะ
ในขณะที่เฟตเดินตรงเข้าสู้สนามต่อสู้ เขาก็ตกเป็นเป้าสายตาของผู้เล่นนับพันที่อยู่ในบริเวณนั้น ไม่ว่าจะชุดที่แปลกสุดโต่ง หรือจะเป็นสี่สาวที่เดินตาม ก็ล้วนเป็นเป้าสายตาของผู้เล่นทั้งนั้น
ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้เข้าไปลุย เขาก็พบว่าข้างหน้าตนเองมีคนที่คุ้นเคยมารออยู่
‘เถ้าแก่ร้านประดิษฐ์’นี่แหละคือชายที่เฟตคุ้นเคย แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้ร้องถาม เถ้าแก่ร้านอาวุธเถื่อนก็เปิดกรุสินค้าออก ให้ชายหนุ่มได้เห็นถึงของข้างใน
“นี่มัน”เฟตอุทานพร้อมกับมาหยุดยืนอยู่ที่ด้านหน้ากรุสินค้า หรือกล่องสินค้าขนาดใหญ่ ที่มีอุปกรณ์เหมาะสำหรับเขารออยู่ในนั้นเต็มไปหมด
“ผมได้ข่าวจากจีเอ็ม ว่าคุณจะรับทำภารกิจเปิดทางการพัฒนาเมืองน่ะครับ ก็เลยเอาทุกอย่างที่เคยผลิตมามอบให้”เถ้าแก่ร้านตอบด้วยท่าทีสุภาพ ตอนนี้เฟตถือเป็นทุกอย่างสำหรับสมาคมพ่อค้าและสายอาชีพต่างๆ ถ้าเมืองสามารถขยายไปได้ เม็ดเงินจำนวนมากก็ต้องไหลเข้ากระเป๋ามาแน่ๆ จึงไม่แปลกที่จะอำนวยความสะดวกชายตรงหน้าเต็มที่
ทว่า คำพูดสวยหรูต่างๆ กลับไม่ได้เข้าหูของชายหนุ่มเลย เมื่อเฟตก้มลงหยิบกระสุนที่อยู่ในลังกล่องเหล็กนั่นออกมา พร้อมกับบรรจุลงแม็กกาซีนเพื่อเตรียมความพร้อม ดูเหมือนอสูรของเฟตจะรู้งาน เมื่อพวกเธอเข้ามาช่วยชายหนุ่มบรรจุกระสุนเท่าที่จะทำได้
หน้าที่หนักในการใส่กระสุนอยู่ที่เฟต แต่หน้าที่รองอยู่ที่อนาตาเซีย ที่เป็นฝ่ายคลังอาวุธ ซึ่งต้องแยกเอาอาวุธที่ใช้กับกระสุนนั้นๆออกมา
“นี่คือ .50 AE นะครับ เป็นกระสุนหัวระเบิดที่มีแรงทำลายล้างสูง”ในขณะที่บรรจุกระสุนใส่แม็กกาซีนขนาดใหญ่ เฟตก็ทำหน้าที่เป็นครูฝึกสอนการใช้และรู้จักอาวุธแต่ละชนิดไปด้วย
สามอสูรที่ฟังก็พยักหน้าเข้าใจ แม้จะฟังดูยาก แต่ชายหนุ่มก็บรรยายออกมาได้ดูง่ายมาก ง่ายจนพวกเธอคิดว่า น่าจะลองใช้อยู่เหมือนกัน ทว่า เวลานี้คงไม่เหมาะที่จะขอลอง เนื่องจากต้องรีบทำภารกิจก่อน
ผ่านไป 30 นาที กล่องบรรจุยุทโธปกรณ์ทั้งหมดของเถ้าแก่ร้านประดิษฐ์ก็ปิดตัวลง พร้อมกับคลังอาวุธเคลื่อนที่ของเฟตที่เตรียมพร้อมได้มากขึ้น
“ดีจริงๆ ที่มีทักษะรีโหลดกระสุนไว”เฟตพึมพำ ทักษะนี้ไม่ใช่ใช้ได้แต่ในตอนเปลี่ยนแม็กกาซีนปืน แต่มันช่วยได้แม้กระทั่งช่วยบรรจุลูกกระสุนลงแม็กกาซีน ทำให้กล่องคลังแสงย่อยของเถ้าแก่ร้าน ย้ายมาเป็นคลังแสงเคลื่อนที่สำหรับเขาแทน
“ไม่เห็นจะต้องเอาในนั่นใส่เลย ฉันสร้างกระสุนให้ได้ตลอดแท้ๆ”อนาตาเซียถามพร้อมกับสลายสายสะพายกระสุนลูกซองเข้าไปในตัวดาบดูดความร้อนของเฟต
“สร้างกระสุนได้ตลอดก็จริง แต่นั่นเป็นการสร้างโดยเอาพลังของผมไปสร้างนะครับ นอกจากจะตัดกำลังกันแล้ว มันยังเปลืองโดยใช่เหตุด้วย มีกระสุนจริงก็ใช้ของจริงไปซิครับ”ชายหนุ่มตอบคำถามด้วยรอยยิ้ม หลังจากยัดลูกระเบิดแบบดึงสลักเข้ากับเสื้อกั๊กแล้ว
“เชอะ ก็ได้”อนาตาเซียพึมพำ จากนั้นก็เดินเข้ามาใกล้ชายหนุ่ม ซึ่งไรน่าก็เดินเข้ามาประชิดด้วย
“จะทำอะไรเหรอครับ”เฟตรีบถาม เมื่อเห็นสองสาวยิ้มกริ่มไม่น่าไว้ใจ
“ถ้าอยู่ในร่างนายโดยไม่บังคับร่างจริง พวกฉันจะสามารถควบคุมของพวกนั้นได้ดีกว่า อย่าลืมซิ พวกฉันเป็นส่วนหนึ่งของนาย ถ้าสู้แบบเอาตาย นายต้องพร้อมกว่านี้ รู้มั้ย”อนาตาเซียกล่าวจบก็กุมมือเฟตไว้
“ใช่ค่ะ นอกจากนายท่านจะพร้อมมากกว่านี้แล้ว พวกเราเองก็จะช่วยนายท่านได้มากกว่านี้ด้วยนะคะ”ไรน่ากล่าวจบก็กุมมืออีกข้างไว้
ก่อนที่เฟตจะรู้ว่าสองสาวจะทำอะไร พวกเธอก็บรรจงจูบมือของเขาเสียก่อน หลังจากนั้นก็สลายกลายเป็นแสงเข้าสู่ร่างกายของเขาไป ทิ้งไว้แต่เพียงสัมผัสที่หลังมือ
“ขอบคุณนะครับ”ชายหนุ่มพึมพำกล่าว เขารู้สึกได้จากส่วนลึกของจิตใจว่า สองสาวเป็นห่วงเขามากจริงๆ จึงเกิดอาการตื้นตันจนต้องระบายออกมา
“จาเนียจะช่วยอีกแรงเองค่ะ”เอลฟ์สาวกระซิบบอกเบาๆ ชายหนุ่มที่กำลังดื่มด่ำกับความรู้สึกที่อสูรมอบให้ หันมามองด้วยความมึนงง ซึ่งพอเขาเห็นว่าเอลฟ์สยายปีกออกมาก็เข้าใจได้ทันทีว่าเธอจะทำอะไร “ขอจาเนียได้ทำประโยชน์ต่อเจ้านายบ้างนะคะ”จาเนียกล่าวพร้อมกับยกนิ้วปิดปากเฟต ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้ปฏิเสธ
“เจ้านายเตรียมตัวให้พร้อมก่อนนะคะ จาเนียจะคอยปกป้องเจ้านายเอง ขอเอาตำแหน่งวัลคิวรี่เป็นเดิมพัน”เอลฟ์สาวว่าจบก็พุ่งตรงเข้าหาราชาสไลม์ด้วยความเร็วสูง เมื่อเห็นอสูรกำลังมุ่งเป้ามาทางเฟต หลังรู้แล้วว่าชายประหลาดจะสู้กับเขาแน่
“จาเนีย”ชายหนุ่มอุทาน แต่ก่อนที่จะได้ออกไปต่อสู้ เขาก็พบว่าการบังคับอาวุธ ช่างไม่ดั่งใจ คาดว่าเป็นเพราะโอนความสามารถไปให้อนาตาเซียแน่นอน
‘นายบังคับได้เหมือนเดิมนั่นแหละ เพียงแต่มีฉันเป็นคนกลางเฉยๆ ส่วนการที่นายเรียกแล้วไม่ออกมา เป็นเพราะจิตใจนายกำลังปั่นป่วน ทำสมาธิให้พร้อมแบบที่จาเนียว่าให้ได้ก่อน’อนาตาเซียว่าออกมาก่อน
‘ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ จาเนียเก่งกว่าที่เจ้านายคิดเอาไว้ ไรน่าขอเอาหางทั้งสองของไรน่าเป็นประกันเลยค่ะ ว่าจาเนียเอาตัวรอดได้ดีกว่าพวกเราเสียอีก’ไรน่ากลบช่องโหว่ในจิตใจของเฟตได้ตรงจุด ซึ่งชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงอนาตาเซียร้องเชอะเล็กน้อย
“ขอบคุณครับ”ชายหนุ่มกล่าวพึมพำเป็นครั้งสุดท้าย แล้วหลับตาลงทำสมาธิ จากนี้ไป เขานี่แหละที่จะต้องปกป้องพวกเธอ
ความคิดเห็น