ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Proxy War Online (สงครามแห่งอำนาจ)

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 หมู่บ้านเอลฟ์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 20.05K
      89
      6 ส.ค. 56

    ทางด้านเฟตที่หายตัวไปนั้น หลังจากเขาที่แยกจากชิออนมา ก็เดินตามความรู้สึกของตัวเอง ที่กำลังบอกว่าอันตรายกำลังเดินทางมา กรุณาออกมาต้อนรับด้วย

    เทียร่าที่ออกสำรวจนำก่อนนั้น รู้สึกสงสัยเมื่อเห็นว่าเฟตตามเธอออกมา ด้วยเธอไม่ได้สังเกตเฟตตั้งแต่แรก จึงไม่รู้ว่าเฟตก็จับความรู้สึกนี้ได้

    นายตามฉันมาทำไมเนี่ยเทียร่าหันมาถามเสียงเรียบ ส่วนเฟตก็ทำหน้าเหวอไม่เข้าใจในคำถาม จึงตอบกลับไป

    ผมเปล่าตามนะครับ ผมแค่รู้สึกว่ามีอะไรไม่ค่อยดีก็เท่านั้นเอง

    ไม่เชื่อหรอก ฉันเดินออกมา นายเลยเดินตามมาสินะเทียร่าพูดด้วยสายตาที่จ้องเฟตอย่างเป็นประกาย ต่างกับชายหนุ่มที่ถูกหาว่าโรคจิตตามหญิงสาวมา

    ผมจะตามทำไมครับ ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรเลยเฟตว่าไม่ทันจบ เทียร่าก็ชักดาบออกมาแล้ว ทำให้ชายหนุ่มต้องก้าวเท้าถอยหลังไม่รู้ตัว แม้ในโลกจริงเขาจะเคยต่อสู้มาบ้าง แต่ในโลกนี้ยังไงก็ยังเป็นโลกที่เขารู้สึกเหมือนเป็นมือใหม่อยู่ดี

    เทียร่าไม่สนใจฟัง เพราะวินาทีต่อมา เหล่าเอลฟ์ก็เริ่มปรากฏตัวแล้ว ด้วยเป็นอสูรที่มีวิธีการต่อสู้แบบกลุ่ม ทำให้เธอต้องมาช่วยลากจำนวนให้เอลฟ์น้อยลงไป จนกว่าพวกเฟตจะรับมือกับเอลฟ์ส่วนน้อยไหว เธอถึงจะพาพวกนี้มาสมทบ

    นายกลับไปช่วยฟ้าใสเก็บเลเวลเถอะไป อยู่ตรงนี้ก็ไม่ได้ประโยชน์ แถมจะถูกรุมตายอีกเทียร่าว่าจบก็หายไปพร้อมกับสกิลสายเฉพาะ ที่ทำให้เธอมีความเร็วกว่าปกติหลายเท่าตัว

    เฟตที่ถูกทิ้งนั้นรู้สึกใจหายที่ถูกปล่อยให้อยู่คนเดียว

    เอลฟ์ส่วนหนึ่งที่จับพลังของเทียร่าได้ แล้วมีความเร็วพอที่จะตามหญิงสาวทัน ได้ติดตามหญิงสาวไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เอลฟ์อีกสิบกว่าตัวจ้องมองเฟตอย่างสนใจในเสน่ห์ที่ผู้เล่นทั่วไปไม่มี (ไม่มีกลิ่นฆาตกร)

    แต่ถึงอย่างไร ผู้เล่นก็ยังเป็นศัตรูกับเผ่าเอลฟ์ที่คอยรักษาผืนป่าอยู่ดี เอลฟ์ป่าดึงคันธนูออกจากด้านหลัง ขึ้นประทับศรแล้วเล็งมาทางเฟต

    ใช้อาวุธระยะไกลแล้วอยู่ข้างล่างจะไม่บ่นเลยสักคำ เพราะอย่างน้อยก็ยังหาช่องว่างวิ่งเข้าไปหาได้ แต่นี่อะไร ใช้อาวุธระยะไกลแถมดันขึ้นไปอยู่บนต้นไม้สูงอีก ใครจะขึ้นไปเอาคืนได้ มีหวังโดนยิงพรุนก่อนพอดีเฟตบ่นอุบแล้วหันไปหาทางที่ตนเคยผ่านมา

    แต่ทิวทัศน์รอบๆตัวก็เหมือนๆกันไปหมด เฟตจึงจำไม่ได้ว่าตนเองมาจากทางไหน

    ฟุบ! ฟุบ! ฟุบเสียงลูกศรแหวกอากาศมา ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบซอยเท้าหลบลูกธนูที่พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งพวกเอลฟ์ทั้งหมดเริ่มยิงมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่มีทางหลบ ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะหนีจากจุดนั้นไป

    อืม ไปทางนี้ก็ได้ฟะเฟตตกลงกับตัวเองแล้ววิ่งไปตามพุ่มไม้ทันที โดยเขาไม่รู้ตัวสักนิดเลยว่า ยิ่งวิ่ง ก็ยิ่งถลำเข้าสู่หมู่บ้านของเอลฟ์มากขึ้นเรื่อยๆ ตลอดทางที่เฟตผ่านจึงยิ่งมีเอลฟ์มาตามล่าเขาเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีก

    เฟตนั้นเริ่มเอะใจแล้วว่า ทางที่ตนวิ่งมาคงไม่ใช่ทางเดิมแน่ๆ แต่จะให้เขาย้อนกลับไปเริ่มต้นใหม่ก็ใช่ที่ เพราะจากที่ตั้งใจจะกลับไปหาพวกชิออน อาจจะได้กลับไปที่เมืองเริ่มต้นแทนก็ได้ เนื่องจากพอย้อนมองกลับหลังไปเห็นเท้ามารอร่วมสมทบทุนกระทืบซะเพียบขนาดนั้น ถ้าเขาไม่ถูกยิงตายก็ต้องถูกเหยียบตายเป็นแน่

    เยอะเหมือนแมลงสาบจริงๆ ยิ่งหนี ยิ่งเจอเฟตบ่นขณะวิ่งเต็มกำลังมุ่งหน้าไปเรื่อยๆ โดยไม่สนแล้วว่าจะไปไหนต่อไหน

    ชายหนุ่มวิ่งมาไม่นานก็ถูกบรรดาแมลงสาบหูแหลมล้อมไว้ที่ริมผาสูงแห่งหนึ่ง โดยที่ด้านล่างของหน้าผานั้นมีแม่น้ำขนาดกว้างใหญ่เตรียมรองรับเขาอยู่ในกรณีที่คิดสั้น

    เอ่อ ค่อยพูดค่อยจากันก็ได้นะครับ พวกคุณแมลงสาบเฟตเอ่ยกับเอลฟ์ที่กำลังตีวงล้อมเข้ามาหา

    เอลฟ์ได้ยินสิ่งที่เฟตพูด หูที่แหลมยาวเรียวต่างกระดิกกันอย่างพร้อมเพรียงแสดงให้เห็นว่าอสูรพวกนี้นั้นหูดีเอามากๆ

    เฟตที่มองอยู่นั่นคิดว่าหูของเอลฟ์มีประสาทรับเสียงที่ดีมากแน่ๆเลย เพราะคำว่าแมลงสาบตอนแถมนั้น เขาพูดเบามากจนเหมือนกับพูดกับตัวเองในใจ

    เอ่อ เอาใหม่ก็ได้ คือ ผมไม่ใช่คนไม่ดีหรอกนะครับ ถึงจะฆ่าโกเลมไปหลายตัวแล้วก็ตามนะ

    พวกเอลฟ์เริ่มไม่สนใจในสิ่งที่เฟตพูด พวกเขายังคงดึงคันธนูจ่อมาที่เฟตเช่นเดิม จนชายหนุ่มถอยไปติดอยู่ที่ขอบผาอย่างน่าหวาดเสียว

    เราไม่สนทนากับมนุษย์ที่พากันมาล่าลูกหลานของพวกเราหรอกเอลฟ์หนุ่มคนหนึ่งแหวกฝูงชนมาพูด เอลฟ์ที่ดึงคันศรอยู่เห็นชายคนนี้มาก็เพิ่มความตึงเครียดขึ้นไปอีก ทำให้เฟตรู้ว่าเอลฟ์หนุ่มคนนี้คงเป็นเจ้านายพวกนี้แน่ๆ

    ขนาดไม่สนทนานะเนี่ย ผมยังไม่ได้ล่าเลยนะ พึ่งเข้ามาด้วยซ้ำเฟตพูดตรงๆ เพราะเขากำลังจะมาล่า ไม่ใช่ล่าไปแล้ว

    เอลฟ์หนุ่มได้ยินเช่นนั้นก็จับจ้องเฟตสักพัก เมื่อเขาสำรวจจนพอใจแล้ว ก็ยกมือขึ้นเหมือนเตรียมจะสั่งประหาร

    เฮ้ย ผมยังไม่ได้ล่านะเฟตกล่าวเซ็งๆ สงสัยกรรมจะตามทัน ตอนล่าอสูรโกเลมเขาไม่เคยถามความพร้อมพวกมันเลย เอลฟ์พวกนี้คงจะเอาคืนแทนเพื่อน ซึ่งอันนี้เฟตเดาว่าอสูรในโลกนี้น่าจะรักกันดี ด้วยการล่าแบบไม่สนใจความพร้อมของเขา

    เอลฟ์หนุ่มได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มแล้วโยนสร้อยคอมาให้ เฟตจึงรับมันมาพิจารณาแบบงงๆ เพราะเขาเห็นว่าสร้อยที่เอลฟ์หนุ่มโยนมาให้นั้น ถูกถักทอไว้อย่างสวยงามมาก แต่จี้มรกตที่ถูกร้อยอยู่ด้วยนั้น กลับมีสีที่หม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด

    หลังจากพิจารณาเสร็จ เฟตก็มองไปทางเอลฟ์หนุ่มที่เตรียมจะสะบัดมือให้ลูกน้องยิงเขา

    ดีจริงๆ ที่เจ้าไม่ได้ล่าพวกเราเอลฟ์หนุ่มว่าจบ ก็สะบัดมือลง ทำให้เหล่าเอลฟ์ที่เล็งธนูหาเฟต ปล่อยคันศรอย่างพร้อมเพรียงกัน

    โห เพียบเลยแหะเฟตพึมพำแล้วตีรังกากลับหลังลงไปที่หน้าผา เลือกระหว่างถูกลูกศรกับตกผาลงน้ำตาย เขาลงผาคงจะดีกว่าอีก เพราะอย่างน้อยก็ยังตายได้แบบหลายท่าทาง ถ้าไม่ตายตอนตกน้ำก็คงจะไปตายท่าฟรีสไตล์หรือท่ากรรเชียงแน่ๆ

    ทำอะไรครับหัวหน้า ทำไมถึงนำของต้องสาปไปให้มนุษย์เช่นนั้นเล่า ไม่รู้หรือว่าผลจะเป็นยังไงกับพวกเรานะครับเอลฟ์ตนหนึ่งเอ่ยถามอย่างสงสัย เอลฟ์ตนอื่นๆก็สงสัยเช่นกันจึงจ้องมองหัวหน้าตนเองที่ยังคงมองไปที่ด้านล่างพร้อมกับบังหน้าผากเหมือน โปรกอล์ฟที่กำลังดูว่าลูกที่ตัวเองตีด้วยเหล็ก 3 จะได้ผลลัพธ์เป็นยังไง

    ก็นานๆทีจะมีมนุษย์แบบนี้มาสักคนเอลฟ์หนุ่มพูดกำกวม แล้วสั่งให้พวกเอลฟ์ที่ล้อมพวกฟ้าอยู่ถอนกำลังกลับมา เพราะเขาต้องรอฟังข่าวอยู่ แล้วอีกอย่าง มนุษย์พวกนั้นก็เก่งเกินกว่าที่ลูกบ้านจะรับมือไหวซะด้วยสิ

     

    เฟตหลังจากโดดลงมาจากผาแล้วมุ่งสู่แม่น้ำที่อยู่ลึกลงไปกว่า 30 เมตรนั้น ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังรู้สึกเจ็บปวดตามร่างกาย เพราะแรงอัดน้ำที่รุนแรง ทำให้ค่าพลังต่างๆของเขาผิดปกติไปจนหมด

    แฮกๆเฟตถึงกับหอบเหนื่อย เมื่อต้องฝืนร่างกายว่ายทวนน้ำเหมือนปลาแซลมอล

    แต่มนุษย์หรือจะสู้กับแรงดันน้ำที่มหาศาล เฟตจึงถูกแรงกดของน้ำดันไปเรื่อยๆ จนไปถึงหน้าตกที่เขามองเห็นตั้งแต่อยู่บนผานั่น

    หืม ตายได้ง่ายๆเลยนะเนี่ยเฟตพึมพำแล้วรีบว่ายให้เร็วขึ้นไปอีก แต่การกระทำของเขาช่างไร้ประโยชน์ เพราะยิ่งว่ายมันยิ่งถอยหลังไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง มาถึงริมน้ำตก ที่ผืนน้ำด้านล่างนั้น สูงกว่าผาที่เขาตกมาซะอีก

    เฮ้ย เลือดเหลือแค่ครึ่งเดียว ตกจากตรงนี้ ที่สูงกว่าตรงนั้น คงได้ตายแน่ๆเลยเฟตปลงตกแล้วเลิกฝืนว่ายน้ำ ปล่อยให้ตัวเองไหลไปตามแรงกดของน้ำที่ยังคงถาโถมแบบไร้น้ำใจนักกีฬา

    เฟตล่องลอยลงจากน้ำตกสูงลงสู่พื้นน้ำด้านล่าง ด้วยแรงกดอันมหาศาล ชายหนุ่มเดาได้อย่างเดียว ว่าร่างเขาเละแน่ๆ แต่ก่อนที่ร่างของเฟตจะกระทบน้ำ สร้อยคอที่เขาได้รับมากลับเปล่งประกายสีทองจนผืนน้ำสว่างไปทั่วบริเวณ

    เนื่องจากผู้เล่นเฟตไม่เคยสังหารอสูรเอลฟ์เลย ผู้เล่นเฟตจึงได้ภารกิจลับค่ะเสียงระบบรายงาน พร้อมกับผืนน้ำสีทองหมุนวนมาคุมตัวเฟตไว้จนเหมือนกับลูกบอลสีทองที่มีเฟตเป็นแกนกลาง

    ว้าว สวยจังเลยเฟตบ่นแบบเสแสร้งสุดๆ ชายหนุ่มจ้องมองสิ่งที่อยู่รอบๆตัวอย่างสนใจ จนกระทั่ง

    วูบลูกบอลน้ำที่ขังตัวเฟตไว้สลายไปกับอากาศ โดยตัวเฟตนั้นก็หายไปจากน้ำตกนั้นด้วย สายน้ำที่เคยเปลี่ยนเป็นสีทองก็กลับมาเป็นปกติเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

    เฟตที่อยู่ในลูกบอลน้ำนั้นก็รับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลง เมื่อภาพรอบตัวเปลี่ยนจากช่วงตอนหัวค่ำ เป็นตอนกลางคืนจริงๆ

    เมื่อลูกบอลน้ำมาส่งเฟตถึงที่มันก็สลายกลายเป็นละออง ทิ้งให้เฟตต้องตีลังกาลงพื้นเหมือนนักกีฬาโอลิมปิก ชายหนุ่มหมุนตัวหลายตลบ บวกเกลียวซอฟอีกหลายรอบจนลงมาถึงพื้นได้อย่างสวยงาม

    หลังลงถึงพื้น เฟตก็หันไปมองรอบด้านอย่างแปลกใจ เพราะบรรยากาศของที่นี่ค่อนข้างจะแปลกกว่าปกติเป็นอย่างมาก แม้จะเป็นป่าเหมือนกับป่าเหนือที่เขาเข้ามาแต่บรรยากาศก็ต่างกันมากอยู่ดี

    เมื่อสำรวจรอบด้านเสร็จแล้ว เฟตก็ก้มลงสำรวจตัวเองที่มีร่องรอยบอบช้ำจากการถูกแรงอัดของน้ำอัดเอา ส่วนสร้อยคอที่เอลฟ์คนนั้นโยนให้ ตอนนี้จี้ที่เคยติดอยู่ได้สลายหายไปแล้ว

    เฟตยังสำรวจตัวเองได้ไม่ดีเท่าไหร่ เขาก็รู้สึกว่าตนเองกำลังถูกจับตามองอยู่ ชายหนุ่มจึงหันไปมองรอบๆตัว แล้วก็พบกับดวงตาสีแดงหลายสิบคู่ ปรากฏพ้นชายป่ามา จนกระทั่งจำนวนนั้นเพิ่มขึ้นจนไม่มีที่ท่าว่าจะหยุดจำนวนคู่สายตาลง เฟตจึงพยายามเพ็งมองกลับ จนสายตาของชายหนุ่มเริ่มชินกับความมืดจึงเริ่มมองเห็นเจ้าของสายตาสีแดงเหล่านั้น

    มนุษย์! ไม่สิ เอลฟ์ แต่ทว่าเอลฟ์พวกนี้กลับมีตัวสีม่วง ต่างกับเอลฟ์ที่เขาพึ่งเห็นมาอย่างมาก เอลฟ์ตัวสีม่วงเหล่านี้พากันเดินพาเหรดมาให้เขาชม ซึ่งจำนวนนั้นก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเอลฟ์พวกนี้มีท่าทีมุ่งร้ายอย่างเห็นได้ชัด เมื่อพวกมันพากันแยกเขี้ยวเหมือนกับจะกินชายหนุ่ม

    ดาร์กเอลฟ์ เลเวล 28 ค่ะเสียงของระบบยังคงอยู่เป็นเพื่อนเขา ทำให้เฟตรู้ว่า อย่างน้อยเขาก็ไม่ถูกความผิดพลาดส่งมาที่ไหนก็ไม่รู้

    มนุษย์ ฮาร์ฟเอลฟ์ส่งเจ้ามาใช่มั้ยเสียงถามดังแทรกเสียงคำราม ทำให้เฟตต้องชะโงกซ้ายขวามองผ่านพวกดาร์กเอลฟ์ที่ยังแยกเขี้ยวอยู่ แต่ยังดีที่เอลฟ์ตนที่ถามนั้นยังโผล่หัวออกมาให้ดูบ้าง

    เฟตเห็นเอลฟ์ตนนี้ก็พูดอะไรไม่ออก เพราะเขามีสีที่ออกไปโทนขาวต่างกับเอลฟ์ตัวอื่นๆ แถมชุดที่เอลฟ์ตนนี้ใส่ก็แปลกมากเสียด้วย ชุดที่คลุมทั้งแขนยาวไปจนถึงขา บ่งบอกยี่ห้อได้อย่างดีว่า เป็นนักเวทหรือนักบวชที่เขาเคยเจอในโบสถ์

    เอ่อ ก็ไม่เชิงครับ เรียกว่าจะถูกสังหารจะดีกว่ามั้งเฟตตอบ ส่วนเอลฟ์ตนนั้นก็หันไปพูดอะไรบางอย่างกับเอลฟ์ตนหนึ่ง ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน เสียงขู่ก็ค่อยๆเงียบหายไป คล้ายกับวอลุ่มเสียงที่ค่อยๆถูกลดลง จนอยู่ในช่วงมูเต๊ะ เพราะแม้ว่าเสียงจะหาย แต่ใบหน้าที่เหมือนกับกำลังขู่คำรามนั้น ไม่ได้หายไปไหนเลย

    ท่านราชินีเชิญเจ้ามาคุยด้วย พอจะมีเวลาหน่อยมั้ย หรือจะถูกสับก่อนแล้วค่อยว่ากันเอลฟ์สีขาวพูดกับเฟต หลังจากเบื้องบนส่งรายงานมา

    ได้ครับ เพราะผมยังไงก็ได้เฟตว่าแล้วเดินตามเอลฟ์ผิวขาวไป ท่ามกลางฝูงดาร์กเอลฟ์นับร้อย ชายหนุ่มยังคงเดินได้แบบสบายตัว ไม่สนใจเสียงขู่คำรามของดาร์กเอลฟ์รอบๆข้าง จนเอลฟ์ผิวขาวหันมามองดูอย่างแปลกใจแล้วถามว่า

    เจ้าต่างกับมนุษย์ทั่วๆไปนะ สามร้อยปีที่ผ่านมานั้น ไม่เคยมีมนุษย์คนไหนเลย ที่จะมีอาการปกติเท่าเจ้า ทั้งๆที่พวกมนุษย์จะต้องมีอาการตื่นกลัวกันกับจำนวนศัตรูขนาดนี้แล้วแท้ๆ

    คงเป็นเพราะความชินล่ะมั้ง อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อย่าไปเป็นกังวล ถ้าเราทำดีที่สุดแล้วเฟตตอบแบบสบายใจ อย่างน้อยในตอนนี้เขาก็ไม่ต้องหลงป่า แต่ถ้าจะถูกฆ่าตายก็ว่ากันอีกที

    เอลฟ์หนุ่มได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าให้ จากนั้นก็เดินนำต่อไปอย่างเงียบงัน ต่างกับดาร์กเอลฟ์ตัวอื่นๆที่ยังคงขู่กันอยู่ จนเฟตอยากจะซื้อตะกล้อมาขอบปากจริงๆ

    การเดินทางในป่าดาร์กเอลฟ์ ใช้เวลาไม่ถึง 15 นาที ฮาร์ฟเอลฟ์ก็พาเฟตมาถึงหมู่บ้านของพวกตน ที่ปลูกอยู่บนต้นไม้ แต่สำหรับเฟต บ้านพวกนี้ควรจะเรียกว่ารังนกท่าจะดีกว่า เพราะบ้านที่ถูกสร้างบนต้นไม้ก็มีแต่รังนกเท่านั้น

    ทันทีที่ชายหนุ่มแปลกหน้ามาถึง ฝูงแร้งกาก็เห่าต้อนรับอย่างร่าเริง

    เอลฟ์พวกนี้ทำไมถึงชอบขู่ล่ะครับ หรือกลายพันธ์มาเฟตถามเอลฟ์ขาวตรงๆ ทำให้อสูรหนุ่มหน้าตางดงามผิวขาวปรายตามามองอย่างช้าๆ

    ดาร์กเอลฟ์แค่ขู่เจ้า แต่ก็ไม่ไล่ยิงทันทีที่พบตัว เหมือนพวกฮาร์ฟเอลฟ์ไม่ใช่เหรอหลังว่าจบเอลฟ์ผิวขาวก็พาเฟตเดินขึ้นบันไดไม้ที่ถูกนำมาต่อเรียกเป็นบันไดวนขึ้นสู่บ้านไม้หลังหนึ่ง ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าบ้านรังนกหลังอื่นๆ

    ด้านหน้าบ้านหลังนี้มีเอลฟ์ที่ใส่ชุดเกราะขนาดใหญ่ยืนคุ้มกันอยู่หลายตน เฟตจึงเดาว่าคงเป็นการวางแผนป้องกันรูปหนึ่ง

    ดาร์กเอลฟ์องครักษ์ เลเวล 38 ค่ะเสียงของระบบรายงานเมื่อเฟตเห็นตัวดาร์กเอลฟ์เหล่านี้เต็มๆ

    เอลฟ์หนุ่มผิวขาวไม่สนใจท่าทางของเฟต เขายังคงเดินนำไปจนถึงหน้าองครักษ์ ดาร์กเอลฟ์ที่ร่างใหญ่ที่สุดและแปลกตาสำหรับเฟต เดินมาขวางไว้ แล้วสนทนากับเอฟล์ผิวขาว ในภาษาที่เฟตไม่มีวันเข้าใจ หลังจากคุยกันเรียบร้อย เอลฟ์ร่างใหญ่ก็เปิดประตูแล้วผายมือให้เอลฟ์หนุ่มผิวขาว

    เอลฟ์หนุ่มเดินนำเฟตเข้าไปด้านใน ส่วนองครักษ์ก็เดินตามหลังมาด้วย เป็นการป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน

    ราชินีดาร์กเอลฟ์ค่ะเสียงของระบบรายงานให้ชายหนุ่มฟังทันทีที่พบเจอสตรีในห้อง

    เมื่อเฟตเข้ามาใกล้ก็ต้องโอ้ปากด้วยความตะลึง ไม่ใช่เขาตะลึงในความงามของหญิงสาวผมทอง ผิวสีน้ำผึ้งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ ที่เขาตะลึงนั้น เขาตะลึงในความโออาของห้องนี้ที่ทุกสิ่งทุกอย่างคือทองคำต่างหาก แม้กระทั่งเก้าอี้ตัวใหญ่ที่หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าราชินีก็ยังเป็นทองคำเลย (บัลลังก์)

    ราชินีเอลฟ์เองก็รู้สึกตะลึงในรูปร่างและหน้าตาของเฟต สายตาที่เธอมองเฟตนั้นเต็มไปด้วยประกายสายตา ที่เขาไม่อาจรู้ได้เลย ว่าซ่อนอะไรเอาไว้

    ราชินีเอลฟ์เหมือนจะรู้ตัวว่าเผลอไปนิด เธอจึงตีมาดขรึมอีกครั้ง แล้วเอื้อนเอ่ยเสียงที่ไพเราะออกมา

    เหตุใดมนุษย์สามัญทั่วไปถึงมายังดินแดนต้องสาบของเราได้

    คงเป็นเพราะถูกไล่สังหาร เลยทำให้เขาเดินทางพลาดเข้ามาสู่ดินแดนของท่านราชินีแน่ๆเอฟล์หนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเฟตกลับตอบออกมาแทน ส่วนเฟตนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตนถึงมาอยู่ที่นี่ได้ จึงปิดปากเงียบไม่พูดอะไร

    การสนทนาโต้ตอบของเอลฟ์ผิวขาวกับราชินีเอลฟ์ยังคงมีขึ้นอีกหลายประโยค ทำให้เฟตที่ไม่ค่อยเข้าใจในคำพูดพวกนั้นหันไปให้ความสนใจกับเตียงนอนขนาดใหญ่ที่ขอบเตียงเป็นทองคำทั้งสิ้น จนกระทั่ง

    มนุษย์เอ๋ย เจ้ามีนามว่าอะไรเสียงของราชินีเอฟล์ดังขึ้น เรียกสายตาของเฟตให้ไปมองที่ตัวเธอได้

    ชื่อเฟตหลังตอบเสร็จเฟตก็กลับไปมองที่เดิม ทำให้เอลฟ์ทุกตัวหันมาให้ความสนใจกับชายหนุ่มที่กำลังสำรวจห้องนี้อย่างละเอียด

    ราชินีดาร์กเอลฟ์เข้าใจสายตาของเฟตเป็นอย่างดี เธอจึงไล่เอลฟ์ทั้งหมดให้ออกไปจากห้อง แม้เอลฟ์ตัวอื่นๆจะค้านเธอก็ไม่ฟัง ทำให้ในห้องตอนนี้เหลือเพียงเธอและชายหนุ่มเผ่ามนุษย์เท่านั้น

    เฟตเหมือนพึ่งจะรู้ตัวว่าในห้องเหลือเพียงเขากับราชินีเอลฟ์อะไรนั่น เขาจึงหันไปมองหน้าหญิงสาวที่มีตำแหน่งเป็นถึงราชินี จากนั้นก็แล้วหันหลังเตรียมจะเดินออกจากห้องเหมือนกับที่เอลฟ์ตนอื่นๆทำ

    หยุด เจ้าคิดจะไปไหนน่ะราชินีเอลฟ์รีบว่าขณะเดินเข้ามาใกล้เฟต ทำให้ชายหนุ่มหันมามองพร้อมกับถอนหายใจยาว

    ก็ออกไปเหมือนกับที่เอลฟ์คนอื่นๆออกไปไง ผู้ชายไม่ควรอยู่กับหญิงสาวสองต่อสอง

    ราชินีเอลฟ์ได้ยินดังนี้ก็ตะลึงไปแวบหนึ่ง แล้วหัวเราะเสียงอ่อนหวาน ถ้าเป็นมนุษย์ทั่วไป ยังไงก็ต้องหลงท่าทางเหล่านี้ของเธอแน่ๆ

    แต่เฟตกลับไม่ใช่มนุษย์ทั่วๆไป แม้เขาจะชอบสิ่งสวยงาม แต่สิ่งที่ราชินีเอลฟ์คนนี้กำลังทำก็คือมารยา คือสิ่งที่เขารังเกียจที่สุด

    แหม ท่าทางน่ารักดีนะครับ แต่อย่าเสแสร้งเลยจะดีกว่าแล้วอีกอย่าง เขาก็พูดตรงๆด้วย คิดอะไรจึงพูดแบบนั้นออกมา

    ซึ่งสิ่งที่เฟตพูดทำให้เอลฟ์สาวตะลึง แล้วหน้าแดงด้วยความโกรธ หลังจากตั้งสติได้ เธอก็ร้องสั่งด้วยโทสะว่า

    องครักษ์แห่งข้า เอาตัวมนุษย์ผู้โอหังตนนี้ ไปขังยังคุกมืดไร้แสงดาราเสียสิ้นคำกล่าวของราชินีเอลฟ์ อสูรหนุ่มองครักษ์ที่เฟตเห็นอยู่หน้าห้องก็พากันกรูเข้ามา ล็อคตัวเขาออกไป แต่ก่อนที่จะออกไปนั้นราชินีเอลฟ์ก็พูดเสียงเย้ยหยัน

    จงนึกสำนึกเสียเถอะ ที่มาบังอาจทำตัวโอหังกับข้านางกล่าวด้วยสายตาที่ดูแคลนเฟตเป็นอย่างมาก แล้วหวังที่จะเห็นสายตาที่หวาดกลัวของชายหนุ่มที่บังอาจมาว่าเธอ

    จะให้สำนึกอะไรล่ะ ผมก็พูดความจริงนี่ ท่าทางของคุณน่ะ มันเรียกว่าจริตมารยาได้เลยนะเฟตพูดอย่างไม่หวาดกลัว ต่างกับเอลฟ์องครักษ์ที่ตัวสั่นเมื่อสัมผัสแรงโทสะของราชินีตนได้ แต่ชายหนุ่มนั้นกลับรู้สึกแค่ว่าขาของตนหนักขึ้นจนเกือบจะยืนไม่อยู่

    ท่านราชินี โปรดสงบอารมณ์ แล้วใช้สติปัญญาลงทัณฑ์มนุษย์ผู้โอหังคนนี้เสียเถิดเอลฟ์หนุ่มผิวขาวที่เฟตเห็นก่อนหน้านั้นรีบแทรกตัวเข้ามากล่าว แต่คำกล่าวนี้กลับทำให้ราชินีของพวกเขาสงบลงได้แล้วกล่าวเสียงเรียบเย็นชา

    องครักษ์แห่งข้า จับมันไปโยนยังบ่อแห่งหายนะ ให้อสูรแห่งความมืดสังหารมันซะคำกล่าวของราชินีเอลฟ์นั้น ทำให้เหล่าองครักษ์ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เพราะโทษทัณฑ์ที่ราชินีว่านั้น ถือเป็นคำสั่งประหารนั่นเอง

    เมื่อราชินีกล่าวเช่นนั้นพวกองครักษ์ที่หน้าซีดเผือดกับชื่อนี้ก็ล็อคตัวเฟตออกไปจากห้องนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้

    เฟตถูกล็อคตัวเดินผ่านหมู่บ้านเข้าไปยังด้านหลังของหมู่บ้านเอลฟ์ ส่วนชายหนุ่มก็ไม่รู้ว่าด้านไหนด้านหน้าหรือด้านหลังอยู่แล้ว จึงงงว่าเอลฟ์พวกนี้จะพาเขาไปที่ไหนกันแน่

    แต่เมื่อเขาถูกลากมาจนถึงริมผาแห่งหนึ่ง ก็เข้าใจได้ทันทีว่า ตนคงใกล้จะได้เดจาวูอีกแล้วแน่ๆ

    เมื่อมาถึงริมขอบบ่อหรือผาก็ไม่รู้ เฟตก็ขยับตัวเล็กน้อยจนข้อต่อของไหล่หลุด เมื่อหลุดแล้ว เฟตก็ดีดตัวถอยหลังในท่าผิดธรรมชาติ ซึ่งเหล่าองครักษ์เอลฟ์ก็อุทานเล็กน้อย แล้วปล่อยแรงกดดันเข้าใส่เฟตอย่างรวดเร็ว

    ทันทีที่เฟตตั้งตัวได้ชายหนุ่มก็พุ่งเข้าหาเอลฟ์หนุ่มตนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ สิ่งที่เฟตเล็งไว้ไม่ใช่สังหาร เขาเพียงเข้าไปซัดหมัดใส่ลิ้นปี่ จนเอลฟ์หนุ่มที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจุกจนทำอะไรไม่ถูก จากนั้นชายหนุ่มก็ยึดเอาดาบที่เอวกับโล่ที่หลังของเอลฟ์ที่หมดแรงมาใช้ต่อกรกับดาร์กเอลฟ์องครักษ์ซึ่งกำลังรุกไล่เข้ามา

    การโจมตีเข้ามาทีแรกขององครักษ์เอลฟ์นั้น ถึงกับทำให้เฟตแขนสั่น เมื่อต้องมารับการโจมตีของเอฟล์ที่มีเลเวลมากกว่าตนตรงๆ แต่เมื่อชายหนุ่มเห็นทางหนีทีไล่ ก็พุ่งตัวเข้าไปใกล้ปากบ่อ ซึ่งถ้าเอลฟ์ตนใดพลาดท่าเข้ามาใกล้แบบผิดท่าผิดกลุ่ม เฟตก็จับเอลฟ์ตนนั้นโยนลงไปที่ด้านหลังแทน

    ดูเหมือนวิธีนี้ของเฟตจะใช้ได้ผลดี เมื่อเหล่าเอลฟ์ต่างหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด ที่เห็นเพื่อนตนที่ ถูกเฟตโยนลงไปที่บ่อแห่งหายนะ ซึ่งเป็นจุดที่พวกเขาหวาดกลัวที่สุด กลัวมากกว่าราชินีของพวกเขาเสียอีก

    เฟตเมื่อเห็นว่าไม่มีใครรุกเข้ามาแล้ว ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่ได้พักหายใจ แม้เขาจะล้มเอลฟ์ไปได้หลายตัว แต่ก็ใช้แรงในการส่งพวกนั้นไปสวรรค์เยอะเหมือนกัน คงเป็นเพราะเอลฟ์พวกนั้นมีความแข็งแกร่งมากกว่าแน่ๆ

    ฟู! ฟูเสียงเหมือนมังกรคำราม ทำให้เฟตหันไปมองที่ด้านหลังอย่างแปลกใจ ส่วนพวกเอลฟ์นั้นก็ต่างร้องเสียงหลงอย่างหวาดกลัวกับเสียงนี้

    ตุบตุบเสียงเท้าหนักๆกระทบพื้น ทำให้เฟตหันไปมองที่ด้านหลัง ซึ่งเขาก็ได้พบกับชุดเกราะสีดำ ที่สูงกว่า 2 เมตรมายืนตระหง่านอยู่ เฟตรู้ได้ทันทีเลยว่า ชุดเกราะเหล่านี้ไม่ได้หันเป้ามายังเขา จึงทำเนียนหลบออกไป ยังจุดที่ดูแล้วน่าจะปลอดภัยที่สุด ซึ่งก็คือข้างราชินีเอลฟ์ที่พึ่งมาถึงพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความแตกตื่นใจเช่นกัน

    แกมาใกล้ข้าทำไม เจ้ามนุษย์โอหังแม้ปัจจุบันจะอยู่ในสถานการณ์น่าหวาดเสียว แต่ราชินีเอลฟ์ก็ยังคงหยิ่งศักดิศรีได้อีก ทำให้เฟตถึงกับชมเชยเธอในใจอย่างไม่ทันรู้ตัว แต่ปากก็พูดไปอีกแบบ

    อ้าว ไม่เคยได้ยินเหรอ จุดที่อันตรายที่สุด ก็คือจุดที่ปลอดภัยที่สุด

    แต่สิ่งที่อันตรายที่สุดมันเจ้านั่นไม่ใช่เหรอราชินีเอลฟ์ว่าแล้วชี้นิ้วไปยังขอบบ่อ ที่กำลังมองเห็นหัวอะไรบางอย่างที่มันใหญ่โตเอามากๆ

    สำหรับผม ผู้หญิงคือสิ่งมีชีวิตที่อันตรายที่สุดต่างหากเฟตตอบอย่างไม่ใส่ใจราชินีเอลฟ์นัก เพราะตอนนี้ที่ริมผากำลังมีการสังหารแบบล้างบางกันเกิดขึ้นแล้ว
     

    เหล่าอสูรดาร์กเอลฟ์ต่างถูกกิ้งกือยักษ์โจมตีเข้าใส่ จนเกิดความตายขึ้นทุกหนทุกแห่ง แม้แต่รังนก เอ๊ย บ้านเรือนของพวกดาร์กเอลฟ์ก็ยังถูกทำลายจนย่อยยับเลย

    นี่ยังดีที่มีอัศวินดำๆอะไรนั่นมาช่วยป้องกันให้ ทำให้ความเสียหายยังไม่ค่อยจะรุนแรงเท่าไหร่

    แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ตามสายตาของเฟต ก็ยังมองว่ากลุ่มดาร์กเอลฟ์กับอัศวินเกราะดำๆอะไรนั่น ก็ยังไม่ใช่คู่มือของกิ้งกือยักษ์นั่นอยู่ดี

    เฟตหิ้วราชินีเอลฟ์ติดตามตัวไปด้วยตลอด เมื่อเห็นว่าการต่อสู้เริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่อยากเชื่อว่ากิ้งกือตัวเดียวจะมีฤทธิ์มากขนาดนี้

    นี่ ปล่อยข้าลงได้แล้ว เจ้ามนุษย์ราชินีดาร์กเอฟล์พูดเสียงเครียดที่ถูกมนุษย์คนนี้หิ้วไปไหนมาไหนตลอด แถมถ้าจำไม่ผิด เขายังว่าเธอเป็นตัวอันตรายมากกว่ามังกรต้องสาบอีกด้วย

    หืม จะลงจริงๆอ่ะเหรอเฟตถามขณะเอี้ยวตัวหลบซากปรักหักพักของรังนกหลังหนึ่ง ที่ฐานของรังมันพึ่งถูกลูกพลังสีดำตกใส่จนไหม้เป็นจุนไปในเสี้ยววิ

    ข้าพูดคำไหนคำนั้น แล้วอีกอย่าง เจ้าก็ไม่ควรมาช่วยข้าแบบนี้ เจ้าสมควรจะหนีไปได้แล้วสิราชินีดาร์กเอลฟ์พูดเสียงเครียด มนุษย์คนนี้แปลกที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมาก นอกจากเขาจะไม่สนใจในรูปร่างและเสน่ห์หรือที่เฟตเรียกว่ามารยา ยังมาช่วยคนที่ลงโทษทัณฑ์สังหารตนอีก ช่างเป็นมนุษย์ที่แปลกมากจริงๆ

    เหอะ ถึงผมจะไม่ชอบผู้หญิงมากแค่ไหน แต่ผมก็ไม่อยากจะทิ้งให้ผู้หญิงต้องเผชิญหน้ากับภัยอันตรายหรอกนะ แล้วอีกอย่าง พวกเผ่าคุณเองก็ดูท่าทางจะอ่อนแอกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์เยอะด้วยเฟตพูดตามตรง เขาสังเกตเผ่า เอลฟ์มาโดยตลอด แล้วก็พบว่าเผ่าพันธุ์นี้ค่อนข้างจะมีโครงสร้างที่บอบบาง กว่ามนุษย์มาก ส่วนที่ดูแข็งแกร่งกว่ามาตรฐานก็มีน้อยจนน่าตกใจ

    ราชินีดาร์กเอฟล์ได้ยินเช่นนั้นก็อึ้งพูดอะไรไม่ออกกับความคิดของชายหนุ่มคนนี้ ความจริงก็เป็นดังที่ชายคนนี้พูด เผ่าพันธุ์เอลฟ์อ่อนแอกว่ามนุษย์จริงๆ แต่สิ่งที่มาทดแทนก็คือพลังธาตุตามธรรมชาติ ที่พวกเธอมีแบบเฉพาะทาง อย่างน้อยพวกเธอเองก็ยังแข็งแกร่งกว่ามนุษย์หนึ่งขั้น

    ซึ่งสิ่งพวกนี้ก็คือสิ่งที่คนทั้งโลกนี้รู้ แต่เฟตไม่รู้ แล้วชายหนุ่มก็ไม่สนใจที่จะรู้ด้วย เขายังคงอุ้มราชินีเอลฟ์ที่ดูบอบบาง จนน่ากลัวว่าถ้าถูกไม้สักอันหักทับใส่ตัว สิ่งที่จะหลงเหลืออยู่คงมีแต่ชุดสีทองที่เธอใส่แน่ๆ

    แม้ราชินีดาร์กเอลฟ์จะรู้สึกแปลกใจและอึ้งกับความคิดของชายหนุ่ม แต่ด้วยตำแหน่งที่เธอมี ทำให้เธอดึงดันที่จะลง ซึ่งเฟตที่ถูกรบเร้าเป็นครั้งที่ ก็ไม่ห้ามปรามอะไรอีก เพราะชีวิตเป็นของเรา เอ๊ย ชีวิตเป็นของใครของมัน

    เมื่อราชินีดาร์กเอลฟ์ลงจากมือของเฟตแล้ว เธอก็เดินเข้าไปสั่งการเอลฟ์ลูกบ้านของตัวเอง ที่หน้าตาตื่นไม่รู้ว่าจะสังหารมังกรตัวนี้อย่างไร

    หลังจากราชินีดาร์กเอลฟ์เข้ามาสั่งการแล้ว พวกเอลฟ์ก็ดูจะมีกำลังใจและระเบียบมากขึ้น เมื่อพวกเขาเริ่มหันมาใช้เวทสายความมืดเฉพาะตัวต่อสู้กับมังกรต้องสาบ ที่ยังคงอาละวาท อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงแต่อย่างใด

    การต่อสู้ระหว่างมังกรกับเอลฟ์เริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนป่าที่เคยรกทึบมืดสนิทบัดนี้ได้กลายเป็นพื้นที่โล่งๆที่มีแต่ความตายเท่านั้น

    เฟตที่ถูกทิ้งให้วิ่งหลบลูกหลงอยู่คนนั้น บัดนี้ได้หลบจนมาถึงกองกำลังของอัศวินเกราะดำ ที่ตั้งโล่สีดำขึ้นมากันลูกพลังของมังกรยักษ์ แม้เฟตจะไม่รู้ว่าพวกทหารนี้คือทหารของใคร แต่ดูท่าน่าจะมีความแข็งแกร่งมากแน่ๆเลย เพราะแค่โล่เพียงไม่กี่อัน ก็สามารถป้องกันกรงเล็บของกิ้งกือยักษ์ได้แล้ว

    หลังจากเห็นว่าการต่อสู้เริ่มยืดเยื้อขึ้นเรื่อยๆ เฟตก็ทำเนียนหลบไปหาที่นั่งพัก แม้ตลอดเวลาเขาจะไม่ได้ออกแรงอะไรมาก แต่ก็เหนื่อยไปกับการหลบลูกพลังต่างๆ จึงต้องหาที่หลบหอบกันบ้าง ถึงอย่างนั้นสิ่งที่แลกมาก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะค่าการเคลื่อนที่นั้นอัพกระโดดขึ้นเรื่อยๆ แม้เลเวลจะไม่อัพก็ตาม ถึงเฟตจะไม่รู้ว่ากิ้งกือยักษ์เลเวลเท่าไหร่ แต่ก็คงจะมากพอตัวเลยทีเดียวถึงขนาดทำให้ค่าพลังในการเคลื่อนไหวอัพได้ถี่ยิบขนาดนี้

    ส่วนที่ว่าทำไมเฟตไม่รู้เลเวลของมังกรต้องสาปกับอัศวินแห่งความมืดนั้น ก็เป็นเพราะว่าเลเวลของเฟตน้อยกว่าอสูรพวกนั้นถึง 25 เลเวล ระบบจึงไม่บอกค่าเลเวลให้ฟัง เพื่อให้ผู้เล่นรู้กำลังตัวเองแล้วหนีไปซะ

    แต่เฟตกลับไม่รู้ถึงข้อกำหนดข้อนี้ ชายหนุ่มยังคงวิ่งวุ่นหลบหลงตลอด จนกระทั่ง เผลอวิ่งวนมาที่บ่อแห่งหายนะ ชายหนุ่มจึงหันลี่หันขวางอย่างงงๆ ว่าตนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

    หากแต่ชายหนุ่มยังไม่ทันที่จะได้ตรัสรู้ ที่ด้านหลังก็มีเสียงเฮเกิดขึ้น เฟตจึงหันไปมองด้วยความสงสัย ซึ่งภาพที่เห็นนั้นก็ทำให้ชายหนุ่มขนลุกซู่ขึ้นมาทันที

    ชุดเกราะอัศวินขนาดใหญ่ ที่มีความสูงกว่า เมตรและมีอาวุธเป็นดาบที่มีขนาดใหญ่ไม่ต่ำกว่าตัว กำลังรุกไล่โจมตีใส่กิ้งกือยักษ์ การโจมตีของชุดเกราะสีดำตัวใหญ่นั้นรุนแรงมาก เพราะทุกครั้งของการโจมตี จะมีรังสีดาบตามมาด้วยเสมอ

    ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังพิจารณาอยู่คนเดียว อัศวินแห่งความมืดยังคงจู่โจมมังกรยักษ์แล้วรุกไล่มาทางบ่อแห่งหายนะที่เฟตอยู่ จนกระทั่งเมื่อความมืดเริ่มปลกคลุมเงาของเฟต ชายหนุ่มถึงได้รู้ตัวว่าตนกำลังจะถูกกิ้งกือยักษ์ทับ

    ย๊ากกกกเสียงของอัศวินที่ใช้ดาบยักษ์ร้องขึ้น พร้อมกับการโจมตีที่ทุ่มหมดตัวเป็นครั้งสุดท้าย สิ้นเสียงร้องของอัศวินแห่งความมืด ดาบที่มีขนาดใหญ่กว่า เมตรก็แตกตัวออก กลายเป็นดาบที่มีขนาดใหญ่มากกว่าเดิมหลายเท่าตัว

    ดาบและคลื่นดาบสีดำถาโถมเข้าหามังกรต้องสาบสุดกำลังที่อัศวินแห่งความมืดโจมตีมา มังกรต้องสาบเมื่อถูกแรงมหาศาลนี้โจมตีก็ถึงกับคำรามแล้วกระเด็นถอยหลังตกไปยังจุดที่ตนโผล่ขึ้นมา ส่วนเฟตนั้นก็ไม่ต้องถามถึง เพราะเขาถูกลากลงไปด้วยแล้ว

    อ้ากกกกกเสียงร้องดังขึ้นมาจากผาลึก ทำให้อัศวินหนุ่มที่พึ่งทุ่มกำลังโจมตีมังกรต้องสาบไปกระโดดมายืนที่ขอบบ่ออย่างมึนงงกับเสียงเมื่อกี๊ เพราะมังกรตัวนั้นไม่น่าจะร้องได้แบบมนุษย์

    เอ่อ ควีนดาร์กเอลฟ์ เมื่อสักครู่คือเสียงของประชากรท่านหรือไม่อัศวินเกราะยักษ์ใหญ่หันมาถามราชินีดาร์กเอลฟ์สาวที่กำลังรู้สึกคุ้นกับเสียงนั้น

    หลังจากถูกถามราชินีดาร์กเอลฟ์ก็หันไปหาฝ่ายพลเรือนของตน ซึ่งเอลฟ์ตนนั้นก็ปฏิเสธอย่างรวดเร็วเช่นกัน ทำให้เธอรู้แล้วว่าเป็นใคร

    คงจะเป็นมนุษย์ที่ฮาฟเอลฟ์ส่งมาราชินีดาร์กเอลฟ์ตอบพร้อมกับความมั่นใจเต็มร้อย ทำให้อัศวินแห่งความมืดเกิดสีหน้าที่มึนตึงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งราชิเอลฟ์ก็รู้ถึงอารมณ์ขุ่นมัวนี้ดี จึงชิงพูดขึ้นก่อน

    เจ้าจะโทษข้าไม่ได้นะคาร์ เจ้าเป็นคนทำให้มนุษย์คนนั้นตกไปในตอนที่มังกรเฝ้ารัง อ่อนแอที่สุดพอดี

    แล้วทำไมเจ้าไม่สังหารมันก่อนหน้านี้เล่าอัศวินเกราะใหญ่หรือที่ถูกเรียกว่าคาร์คำรามอย่างเดือดดาล

    มิน่าล่ะมังกรต้องสาบถึงโผล่ขึ้นมาได้ เป็นเพราะมังกรต้องสาปที่สถิตอยู่นะดินแดนแห่งนี้ได้รับรู้ถึงพลังวิญญาณบริสุทธิ์ของมนุษย์ จึงทำให้ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับไม่ได้รับการบูชายัญ มันจึงโผล่ขึ้นมาอาระวาทอย่างนี้ไง

    ข้ากำลังจะส่งเขาลงไปเป็นอาหารมังกรต้องสาปพอดี แต่พอดีเวลามันไม่อำนวยแม้ปากจะพูดแบบนี้แต่ราชินีเอลฟ์กลับไม่มีท่าทีเป็นกังวลสักนิด ต่างกับคาร์ที่ถอนหมวกออกให้เห็นถึงหน้าตาที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม มันคงจะดูดีกว่านี้มากถ้าไม่เห็นเส้นเลือดที่กำลังลามขึ้นมา บ่งบอกได้ว่าอารมณ์กำลังเดือดจัด

    เจ้าถูกสาบให้อยู่เฝ้ามังกรตัวนี้ ถ้ามังกรตัวนี้หรือ ‘สมบัติแห่งมหาเทพ’ หลุดออกไปหรือตายไปล่ะก็ เจ้าอย่าหวังว่า เขาผู้นั้น’ จะปล่อยเจ้าไว้หรอกนะ เพราะเจ้ากับข้าต้องรับผิดชอบร่วมกันในฐานะทาสคาร์คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ต่างกับราชินีเอลฟ์ที่ทำหน้าตาเบื่อโลก

    เจ้าไม่พูด ข้าก็ไม่ลืมหรอกนะ แต่ทว่าเหตุใดบุตรแห่งความมืดถึงกลัวความตายถึงขนาดนี้นะ ข้าไม่เข้าใจจริงๆว่าจบราชินีดาร์กเอลฟ์ก็ใช้พลังแห่งความมืดของตนฟื้นฟูสภาพบ้านเมืองของตนขึ้นมาใหม่ ส่วนคาร์ก็กำหมัดแน่นด้วยความโกรธแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ เพราะเขาและเธอคนนี้มีฐานะเหมือนกัน แล้วควรที่จะเข้าใจกันที่สุด

    ไม่ว่าจะทางไหน เมื่อมนุษย์นั่นลงไปแล้ว เราก็ควรเตรียมตัวรับมือเพื่อเกิดเหตุฉุกเฉินคาร์พูดด้วยอารมณ์ที่เย็นลงมาก แต่ราชินีดาร์กเอลฟ์ก็ยังคงทำหูทวนลม ไม่สนใจที่จะสนทนากับชายผู้นี้อีกต่อไป

    ข้าขออวยพรให้เจ้ารอดพ้นจากมังกรตัวนั้นไปให้ได้นะ เจ้ามนุษย์ที่แปลกประหลาดราชินีดาร์กเอลฟ์อวยพรเฟตในใจ เธอเบื่อหน่ายกับสภาพแบบนี้เต็มทนแล้ว จนถ้ามีใครมามอบความตายให้เธอได้ เธอก็คงจะดีใจไม่น้อยเลยทีเดียว

    เหล่าดาร์กเอลฟ์ที่เห็นท่าทีของราชินีตนเองก็พูดอะไรไม่ออก เพราะรู้ความคิดของราชินีตนเอง

    ส่วนคาร์นั้นหันกลับมาสั่งลูกน้องตนเองให้เตรียมพร้อมรับศึกที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ พวกเขาไม่สามารถลงไปในบ่อแห่งหายนะได้ เพราะเมื่อลงไปแล้วก็ไม่แคล้วจะถูกความมืดทำลายจนไร้ซึ่งตัวตน แต่มนุษย์นั้นไม่ใช่ เพราะมนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่พิเศษกว่าเผ่าพันธุ์ใดๆในโลก จึงไม่ถูกทำลายไปในทันทีเหมือนพวกตน แต่ก็ยังมีมังกรต้องสาบที่อยู่เฝ้าอีกชั้น ทว่า เขากลับกำราบมันลงไปแล้ว จึงไม่ต้องหวังเลยว่ามนุษย์คนนั้นจะเป็นอะไรไป

     

    ลึกลงไปในบ่อแห่งหายนะ แต่สำหรับเฟตน่าจะเรียกว่าผานะ เพราะลึกน่าดูเลย ชายหนุ่มยังคงไล่เกาะตามตัวของกิ้งกือที่ลากตนลงมาด้วย เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมถึงอยากให้เขาลงมาขนาดนี้ คงไม่ใช่ว่าตกลงไปจะเจอกับปรมาจารย์กังฟูแล้วกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งในฐานะ เฟตนิว เพื่อแก้แค้นให้พ่อที่เสียชีวิตลงหรอกนะ

    เฟตไม่รู้ว่าตนล่วงลงมานานเท่าไหร่แล้ว แต่ที่แน่ๆในตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่บนส่วนที่คาดเดาว่าน่าจะอยู่ส่วนบนสุดของกิ้งกือ ซึ่งกำลังคำรามอย่างเจ็บปวดกับบาดแผลครั้งสุดท้ายที่คาร์ฝากไว้ให้

    ตูมเสียงระเบิดที่รุนแรง พร้อมกับร่างของมังกรยักษ์ที่นอนแน่นิ่งอยู่ที่จุดลึกที่สุดของหลุม ส่วนเฟตนั้นก็ใช้ตัวของมังกรยักษ์เป็นเบาะลอง ถึงแม้จะไม่ตายในทันที แต่เขาก็เจ็บหนักจนสลบไปหลายชั่วโมง

    คล้อยหลังจากสติเริ่มกลับคืนมา เฟตก็รู้สึกเจ็บแปล็บที่สีข้างทำให้เขารู้ว่าซี่โคลงคงหักไปแล้วแน่ๆ ชายหนุ่มยืนขึ้นด้วยสภาพโซเซ นี่ถ้าเขาถูกโยนลงมาก่อนหน้านี้ คงไม่แคล้วเละเป็นโจ๊ก หรือไม่ก็เป็นอาหารค่ำของกิ้งกือตัวนี้แน่

    เฟตยืนมองกิ้งกือยักษ์สักพัก เมื่อเห็นว่ามันยักษ์ขยับกายได้อยู่ ชายหนุ่มก็รู้สึกทึ้งที่มันยังขยับได้อยู่ แต่เมื่อคิดดูอีกที อสูรที่บินได้แบบมันจะรอดมาได้ก็ไม่น่าแปลกใจ เฟตจึงเงยไปดูด้านบน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นจุดที่ตนตกมา เมื่อเขาเงยไปดูก็ถึงกับโอ้ปากอย่างตกตะลึง เพราะบนปากบ่อนั้นมีดวงจันทร์สีนวลลอยเหนืออยู่ แต่ที่ตะลึงไม่ใช่สีของดวงจันทร์ เขาตะลึงกับความสูงต่างหาก เพราะปากบ่อที่ดวงจันทร์ส่งแสงให้เห็นนั้นช่างอยู่ไกลลิบเสียนี่กระไร

    อืม จะทำอะไรต่อดีล่ะ กลับไปก็ไม่ได้ อยู่ไปก็เบื่อหน่ายด้วยเฟตบ่นพึมพำหลังจากนั่งลงพักใกล้ๆกับกิ้งกือยักษ์ที่ขยับร่างกายเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงอาหาร

    อืม รอให้มังกรตัวนี้กินแล้วกลับไปเกิดใหม่ก็ท่าจะไม่เลวนะเนี่ยเฟตเห็นปฏิกิริยาของมังกรพอดี จึงตัดพ้อตนเองอย่างเซ็งๆ ไม่รู้ชีวิตของเขาเป็นอย่างไร ตอนแรกก็ถูกไล่ยิงจากเอลฟ์ขาว ต่อมาก็เกือบจะถูกเอลฟ์ตัวม่วงไล่ฟัน แถมยังจะส่งเขามาให้กิ้งกือตัวนี้กินอีก ยังดีที่เกราะเหล็กเหล่านั้นมาช่วยไว้ก่อน แต่ผลสุดท้ายก็จะถูกกินอยู่ดี อืม ตกลงจะดีหรือไม่ดีกันแน่ฟะ

    ในขณะที่เฟตคิดเพ้อเจ้ออยู่สร้อยคอที่เขาได้มาจากฮาร์ฟเอลฟ์ก็ส่งแสงสีทองอีกครั้ง

    แสงสว่างจากสร้อยคอส่งผลให้หินขนาดยักษ์ก้อนหนึ่งค่อยๆสลายไป จนกกระทั่งเมื่อมันหายไปหมดก็ปรากฏเป็นถ้ำขนาดกว้าง เมตร สูง เมตรครึ่ง ซึ่งตลอดทางเดินยาวไป เฟตรู้สึกเหมือนจะเห็นโคมไฟเล็กๆอยู่ไกลลิบๆ

    หลังจากปลงตกชีวิตได้แล้ว เฟตก็เลือกไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นเดินกระโผกกระเผลกไปตามถ้ำ ตลอดตามทางที่เดินเฟตรู้สึกสนใจกับพื้นมากที่สุด เมื่อรู้ว่ามันไม่ใช่หินแบบที่ตนคิด แต่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร

    ชายหนุ่มเดินตามทางไปเรื่อยๆ จนคาดว่าน่าจะเดินเข้ามาได้เกือบกิโล ชายหนุ่มก็หยุดอยู่ที่สุดทางเดิน ซึ่งมีประตูไม้สลักลายอย่างสวยงามอยู่หนึ่งบาน

    ยินดีต้อนรับผู้กล้า ที่จะเข้าทดสอบความสามารถในที่ต้องสาบแห่งนี้แค่อ่านข้อความที่ลายมือเหมือนไก่เขี่ยจบ เฟตก็แทบจะเดินกลับไปทันที ถ้าไม่ติดที่สร้อยคอเริ่มสำแดงฤทธิ์อีกครั้งล่ะก็

    แสงสีทองของสร้อยสว่างจ้าขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ประตูไม้ที่สลักลายสวยงามเปิดออก

    เฟตไม่มีทางเลือกจึงเดินเข้าไปอย่างไม่กังขาอีก อย่างน้อยเขาในตอนนี้ก็ไม่มีทางเลือกอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว

    เมื่อเฟตเข้ามาถึง ก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นตลอดทางเดินยาวเต็มไปด้วยร่องรูแบบแปลกๆ ถ้าเขาเดาไม่ผิด ห้องนี้คงเป็นห้องกับดักแบบที่ตนเคยดูในหนังตอนเด็กๆแน่ๆ

    แล้วเฟตก็รู้ทันทีว่าตนไม่ได้เดาผิด เมื่อสัญชาตญาณสัตว์ประหลาดของตนเตือนให้ระวังตัวถึงขีดสุด ชายหนุ่มก็เลยเคลื่อนไหวตัวตามสัญชาตญาณตนเอง แต่ทว่า ร่างกายของเฟตนั้นสาหัสเกิดกว่าที่จะหลบได้หมด รวมไปถึงกับดักก็มีมากเกินไป ชายหนุ่มจึงถูกลูกธนูและเหล็กแหลมแทงไปจนเลือดไหลโกรก

    เมื่ออาวุธชุดแรกหยุดลง ก็เหลือเพียงชายหนุ่มที่ยืนโงนเงนอย่างไร้การควบคุม แต่สัญชาตญาณกลับบอกให้ชายหนุ่มรีบหนี เพราะน่าจะมีชุด ชายหนุ่มจึงต้องทนเจ็บวิ่งฝ่าดงธนูหักไป

    ตลอดทางวิ่งที่ยาวกว่า 50 เมตร เฟตรู้สึกว่าตนเองนั้นเหมือนกำลังท่องนรกอยู่ เพราะความเจ็บนั้นเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนแรงกำลังนั้นก็หมดไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

    ถ้าชายหนุ่มรู้ว่าภารกิจนี้คือภารกิจระดับ ล่ะก็ เขาคงจะด่าผู้สร้างระบบไปแล้ว ที่ให้ผู้เล่นหน้าใหม่อย่างเขามาลุยด่านอะไรแบบนี้

    แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะนี่คือภารกิจระดับ S (ขั้นสูงที่สุดจึงไม่มีใครรู้เลยว่า ผู้ที่จะทำได้ ต้องเป็นคนที่ไม่เคยสังหารเอลฟ์ แล้วเขาคนนั้นก็ต้องได้รับการยอมรับจากฮาร์ฟเอลฟ์ ถึงจะได้กุญแจสู่ด่าน มา

    หลังจากนั้นยังไม่พอ เขาต้องแสดงความองอาจให้ราชินีดาร์กเอลฟ์ผู้คุมด่านที่ เห็น เมื่อเธอยอมรับแล้ว ก็จะช่วยเขากำจัดผู้คุมด่านที่ ไม่นับด่านกับดัก อันนั้นเรียกว่าชุดเช็คพ๊อย ซึ่งเป็นใครนั้น เฟตจะได้เจอในตอนนี้นี่ล่ะ

    ทันที่เฟตเปิดประตูไม้เล็กๆที่อยู่สุดห้องกับดักออกมา รูปปั้นชายหนุ่มที่ยืนตระหง่านตรงหน้าในชุดกึ่งเปลือยที่สวมแต่กระโปรงสั้นๆนั้น ทำให้เฟตต้องจ้องมองอย่างหวาดระแวง เพราะเขารู้สึกได้ทันทีเลยว่า สิ่งๆนี้มีอันตรายมากแน่นอน ถึงจะไม่รู้ว่ามันจะทำอะไรก็เถอะ

    เฟตเดินผ่านรูปปั้นนั้นไปอย่างระแวง แต่เมื่อเห็นว่ารูปปั้นไม่มีปฏิกิริยาชายหนุ่มก็เลยจ้องมองไปที่ประตูบานสีขาวที่อยู่สุดห้องนี้อย่างแปลกใจ เพราะประตูบานนี้ให้ความรู้สึกแบบอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

    ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้เดินไปแตะประตู สร้อยคอที่เฟตถืออยู่ก็ส่องแสงอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ดูเหมือนมันจะไม่ได้ช่วยเฟต แต่จะฆ่าเฟตมากกว่า เพราะรูปปั้นกึ่งเปลือยที่อยู่หน้าสุดนั้นถูกแสงทลายหินที่เกาะอยู่ออกไปจนขยับได้แล้ว แถมเมื่อขยับได้รูปปั้นนั้นก็หันมามองเฟตด้วยสายตาที่เลื่อนลอยเหมือนคนโรคจิตอีก

    ผู้เฝ้าประตูแห่งสมบัติค่ะเสียงของระบบรายงานจบ เจ้าโรคจิตบ้ากามนี้ก็ก้าวเท้ามาหาเฟตอย่างมุ่งร้าย

    อึ๊กเฟตพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นกล้ามเนื้อของชายคนนี้ที่แทบจะแย่งที่กันอยู่ เฟตเดาได้เลยว่าชายโรคจิตคนนี้ต้องมีพละกำลังที่มหาศาลแน่นอน

    และแล้ว ความคิดของชายหนุ่มก็ไม่ใช่ความคิดที่เพ้อเจ้อ อีกต่อไป เมื่อชายหนุ่มโรคจิตโยนก้อนหินขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้กับทางเดินเข้าใส่ตน ด้วยความเร็วของก้อนหินก้อนนี้ เฟตก็พอจะเดากำลังของชายคนนี้ได้บ้าง เพราะอย่างน้อยๆกำลังของชายคนนี้ก็ยังไม่น่าจะมากไปกว่ามนุษย์สักเท่าไหร่ ถึงแม้จะโยนหินขนาด เมตรได้ จนดูเหมือนไม่ใช่มนุษย์อยู่ก็ตาม

    แต่ความยินดีของเฟตดูเหมือนจะเป็นหมันลงอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อกำแพงรอบๆด้านนั้นกำลังพังทลายลง แล้วมีชายร่างกำยำเช่นชายผู้นี้เดินออกมากันอย่างเป็นระเบียบ

    สปาต้าที่สาบสูญค่ะเสียงของระบบรายงานจบ เฟตถึงกับพูดอะไรไม่ออก แค่คนๆ(?)เดียวเขาก็ไม่รู้จะรับมืออย่างไรแล้ว นี่ยังมีทหารสปาต้านักรบในตำนานโรมันที่เขาเคยอ่านออกมาอีก แล้วเขาจะเอาโอกาสไหนไปรอดชีวิตกันเล่า

    ดูเหมือนท่าทางของเฟตจะถูกเมินเฉย เหล่าทหารผู้สาบสูญเดินเข้ามาหาเฟตพร้อมกับอาวุธประเภทหอก ทันทีที่อยู่ในระยะ พวกทหารเหล่านี้ก็โจมตีเข้าหาเฟตอย่างรวดเร็ว

    ยังดีที่เฟตมีสิ่งที่เรียกว่าปฏิกิริยาโต้ตอบของสัตว์ประหลาด ชายหนุ่มจึงรีบมุดฝูงชน (?) หนีออกมาแบบแมลงสาป แต่ยังไม่ทันที่จะรู้ว่าตนจะไปไหนดี ชายหนุ่มก็ถูกใครบางคนกระชากคอเสื้อจนลอยแล้วโยนกลับหลังไปเสียก่อน

    แอ๊ก! เสียงอุทานเบาๆของเฟตดังขึ้น เมื่อชายหนุ่มกระเด็นกลับมาตรงจุดที่คาดว่าน่าจะเป็นทางเดินที่ตนพึ่งเข้ามา

    เฟตยืนขึ้นมาด้วยสภาพร่างกายปวดร้าว เสียงกระดูกของเขาร้องลั่นประสารเสียงแบบโอเปร่า ถ้ามีคนฟังอยู่ด้วยป่านนี้เขาคงจะกลายเป็นนักร้องโอเปร่าชื่อดังไปแล้ว

    สภาพน่าสงสารของเฟตกลับไม่อยู่ในสายตาเหล่าทหารสปาต้าและผู้เฝ้าประตูแห่งสมบัติเลย เมื่อพวกมันหือลือที่จะทำลายเฟตท่าเดียว เฟตจึงรู้ได้ทันทีว่า ทำไมผู้สร้างห้องพวกนี้ถึงเลือกทหารในตำนานพวกนี้เป็นผู้เฝ้าสมบัติ เพราะทหารพวกนี้บ้าสงครามนั่นเอง

    ในขณะที่เฟตจนมุมจนไม่รู้ว่าฝ่ายแดงจะโยนผ้าขาวยังไงดีแล้ว ชายหนุ่มก็เหลือบไปเห็นทางที่ตนพึ่งฝ่ามา ซึ่งก็คือทางเดินกับดักที่มีความยาวกว่า 50 เมตรนั่นเอง

    เอาวะ ตายเพราะไอ้นี่คงดีกว่าถูกพวกนี้รุมสับล่ะนะเมื่อคิดทางตายได้แล้ว ชายหนุ่มก็วิ่งย้อนกลับไปอย่างไม่สนใจสัญชาตญาณที่เตือนให้เขาระวังตัว

    แล้วก็เป็นดั่งเช่นที่เตือน ลูกธนูนับพัน เหล็กแหลมนับแสนแทงผ่านรูต่างๆออกมา ยังดีที่เฟตเคยเห็นมาครั้งหนึ่งแล้ว ชายหนุ่มจึงพอเบี่ยงจุดตายไปได้บ้าง

    ฉึกฉึกฉึก! เสียงของแหลมแทงทะลุเนื้อดังขึ้น เฟตถึงกับทำหน้าเหยเกย แม้เขาจะทนกับความเจ็บปวดได้ดี แต่แบบนี้มันมากเกินไป ตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรกับตัวเม่นแล้ว

    ในขณะที่เฟตกำลังคิดว่าตนตายแน่ เพราะรู้สึกว่าร่างกายตนเองไม่เชื่อฟังคำสั่งแล้ว ที่ด้านหลังกลับมีสิ่งเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เมื่อพวกทหารสปาต้ากับผู้เฝ้าประตูอะไรนั่นเดินตามเฟตเข้ามาด้วย หวังจะฆ่าเฟตด้วยมือของพวกมันเอง

    แต่การเดินแบบเครื่องจักรสังหารไม่สนใจสิ่งใดนอกเหนือจากเป้าหมายของพวกสปาต้านั้น กลับส่งผลร้ายต่อพวกมันอย่างชัดเจน เมื่อพวกมันไม่เอี้ยวตัวหลบอาวุธที่แทงเข้าสู่จุดสำคัญเลย พวกทหารเหล่านี้จึงถูกแทงหัวแทงตัวทะลุจุดตายกันนับไม่ถ้วน จนกระทั่งพวกนั้นเริ่มรุกไล่มาถึงจุดที่เฟตอยู่ ซึ่งห่างจากทางเข้าด่าน 3 แค่ 10 เมตร

    เฟตกลับใช้แรงที่น้อยนิดของตนเองกลิ้งตัวหลบเข้าหาตัวผู้เฝ้าห้องสมบัติ ส่วนผู้เฝ้าห้องสมบัติก็ก้มลงเตรียมใช้หมัดส่งเฟตไปสู่ที่ชอบๆ ยังไม่ทันที่หมัดนั้นจะได้แตะเฟต เหล่ากับดักชุดที่ ก็ทำงานแล้วส่งให้ผู้คุมห้องสมบัติให้เป็นรูปปั้นอีกครั้งในท่ายืนกางขา ส่วนเฟตที่อยู่ข้างใต้นั้นก็ถอนหายใจที่ไม่ถูกรูปปั้นตัวนี้สังหารตาย

     

    แต่ชายหนุ่มก็โล่งใจได้ไม่นาน เมื่อรูที่ด้านบนกำลังส่งอาวุธมาจัดการผู้บุกรุก เฟตที่ไม่มีทางเลือกก็เอารูปปั้นนอนทับตนเอาไว้ แล้วนอนอย่างนั้นต่อไปจนกับดักหมดไปหลายชุด ส่วนเฟตก็สลบไปเพราะอาการช็อกจากการเสียเลือดตั้งแต่ที่ดึงรูปปั้นลงมาทับแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×