Naruto Fanfic “Kimi to itsumade (With you always)” - Naruto Fanfic “Kimi to itsumade (With you always)” นิยาย Naruto Fanfic “Kimi to itsumade (With you always)” : Dek-D.com - Writer

    Naruto Fanfic “Kimi to itsumade (With you always)”

    โดย Dark_shochan

    เอามาจาก id เก่า ไหนๆไอดีนั้นคงไม่ได้ใช้ เป็น Fanfic Naruto แต่งให้น้องสาวสุดที่รักน่ะงับ เลยลองเอามาลงให้อ่านกันเล่นๆดู อ้อ เป็นคู่ เนจิกับฮินาตะนะงับ

    ผู้เข้าชมรวม

    867

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    867

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    2
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  29 พ.ค. 50 / 16:51 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      “พี่เนจิ....พี่เนจิ  รอด้วย” เสียงแผ่วเบา...ที่ตะโกนออกมาด้วยแรงน้อยนิด
      หนุ่มน้อยค่อยๆหยุดเดินหันไปหาเจ้าของเสียง
      เด็กสาวตัวน้อย รีบวิ่งตามเขามา ด้วยความเกรงว่าจะเดินตามไม่ทัน
      “ท่านฮินาตะ อย่าวิ่งเร็วอย่างนั้นสิครับ” หนุ่มน้อยร้องเตือน แต่ไม่ทันซะแล้ว  เขากระพริบตาไม่ทันเสี้ยววินาที
      เด็กสาวก็สะดุดขาล้มลงไป
      “ท่านฮินาตะ!!!”หนุ่มน้อยรีบวิ่งเข้ามาประคองด้วยความเป็นห่วงใย
      “ไม่เป็นไรนะครับ” น้ำเสียงตื่นตกใจ
      “เหะๆ......ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่เนจิ  ล้มเบาๆเอง”เด็กสาวหัวเราะเบาๆ คล้ายจะบอกว่าไม่เป็นไร
      “ไม่เอานะครับ ท่านฮินาตะ”เด็กหนุ่มทำหน้าดุ “ถ้าขืนล้มลงแรงๆ..ขาหักขึ้นมา  ท่านจะแย่เอานะครับ”
      “อา...ขอโทษค่ะ” สาวน้อยก้มหน้าลง แววตาดูหม่นๆ
      เมื่อเห็นสาวน้อยทำท่าซึมๆ  เด็กหนุ่มก็ยื่นมือออกมาลูบศรีษะเล็กๆของเธอ
      “แต่ก็...เก่งขึ้นนะครับ  หกล้มไม่ร้องแล้วนี่นา”
      เมื่อได้ยินคำชม  เด็กสาวก็ยิ้มร่าขึ้นมาทันที

      ไม่รู้เพราะอะไร....พอเห็นรอยยิ้มของเธอ.....หัวใจของผมก็เต้นขึ้นมาเรื่อๆ ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันน๊า.....

      “เอาล่ะ เย็นป่านนี้แล้ว กลับกันเถอะนะครับ ท่านพ่อท่านฮินาตะคงจะเป็นห่วงแย่....”หนุ่มน้อยเอ่ยชวน เมื่อเห็นว่าฟ้ามืดลงทุกที
      เขายื่นมือมา ให้สาวน้อย  แต่เธอกลับถอยตัวลงไป....
      “เป็นอะไรไปครับ??”เขาถามท่าทางประหลาดใจ  
      “.....ยัง....ไม่..” เธอพูดตะกุกตะกัก คล้ายกับไม่แน่ใจในสิ่งที่จะพูด
      “ไม่อะไรเหรอครับ??”หนุ่มน้อยถามย้ำ
      “ยังไม่กลับไปไม่ได้เหรอคะ......”..เสียงของเด็กสาวสั่น...ตัวเธอหลับตาลงท่าทางหวาดกลัว
      .... “ท่านฮินาตะ......??”
      หนุ่มน้อยถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะยิ้มเอ็นดู...
      “งั้นอยู่ต่ออีกสักพักนึงละกันนะครับ”
      พอได้ยินดังนั้น เด็กสาวก็ยิ้มออกมา

      .......................................
      “ทำไมถึงไม่อยากรีบกลับล่ะครับ” หนุ่มน้อยถามเธอขึ้นมา เมื่อทั้งคู่ล้มตัวลงนอนลงบนต้นไม้ใหญ่กลางทุ่งหญ้ากว้าง
      เด็กสาวหลับตา...เหมือนชั่งใจที่จะตอบ
      “.........คงเพราะกลัวมั้งคะ......”เสียงของเธอแผ่วเบาจนแทบเป็นเสียงกระซิบ
      “...กลัว?  ทำไมต้องกลัวด้วยล่ะครับ” เนจิค่อยๆยันกายขึ้นมา พลางมองสาวน้อยด้วยความประหลาดใจยิ่ง
      เด็กสาวเงียบอีกครั้งก่อนจะตอบว่า
      “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน....แต่ทุกครั้งที่ซ้อมกระบวนท่ากับท่านพ่อ... มันมักจะรู้สึกถึงสายตาแปลกๆของคนอื่นเสมอ....”
      “สายตา?” หนุ่มน้อยไม่ค่อยเข้าใจ “แล้วทำไมท่านต้องกลัวสายตาของคนอื่นด้วยล่ะครับ
      “อืม...ไม่รู้เหมือนกัน...แต่ว่า มันอึดอัด.....จนฉันไม่รู้จะทำยังไงดี......”
      เด็กสาวก้มหน้าลง
      “บางที.....ฉันคงไม่อาจจะเหมาะที่จะเป็นผู้นำตระกูลฮิวงะ.....ทุกคนคงคิดอย่างนั้น  เพราะฉะนั้น...เค้าก็เลยมอง..ฉันด้วยสายตาแบบนั้นตลอดมา”
      แววตาของเธอหม่นลงไป......ก่อนจะน้ำตาจะรื้นออกมา
      กึก..!! หนุ่มน้อยรีบลุกขึ้นนั่งชันเข่า ก่อนจะตะโกนบอกเธอด้วยสีหน้าจริงจัง
      “ไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะครับ  ท่านฮินาตะ!!!”
      “พี่เนจิ??”เธอสะดุ้งตกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นสีหน้าของเด็กหนุ่ม
      “ใครจะมองท่านยังไง  ท่านก็อย่าใส่ใจแบบนั้นสิครับ  เพราะอย่างน้อยผมคนหนึ่งก็ไม่คิดอย่างนั้น....”
      “.......”
      “ผมชื่นชมท่านเสมอนะครับ ว่าสักวันหนึ่ง..ท่านจะต้องเป็นผู้นำตระกูลฮิวงะที่ดีเยี่ยมไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใครอื่น.. เพราะฉะนั้น....เพราะฉะนั้น”
      เด็กหนุ่มสูดลมหายใจลึกอีกครั้ง
      “อย่าได้ดูถูกตัวเองเลยนะครับ...”
      แววตาจริงจังที่มองมา...
      หัวใจของเธอสาวรู้สึกอุ่นใจขึ้น......
      “พี่เนจิ......”เธอน้ำตาคลอ...
      “อะ....อ้าวอย่าร้องไห้สิครับ  ผะ..ผมพูดอะไรผิดงั้นเหรอ???”
      “เปล่าหรอกค่ะ.....”เธอปาดน้ำตาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยคำพูดว่า
      “ขอบคุณนะคะ......”
      รอยยิ้มที่เปื้อนน้ำตาของสาวน้อยตัวเล็กๆร่างกายบอบบาง....เด็กหนุ่มรู้สึกหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ.....
      ///ท่านฮินาตะ......./////
      “มะ...ไม่เป็นไรครับ  เอ่อ...รีบกลับกันดีกว่า  ค่ำป่านนี้แล้ว” หนุ่มน้อยเอ่ยชวนไม่รู้ทำไม เขาถึงรู้สึกหน้าแดงขึ้นมา
      “อื้อ!!!”เด็กสาวพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย


      “....นี่พี่เนจิ  ท่านพ่อบอกว่า  พี่จะเป็นผู้คุ้มกันของฉันใช่มั้ยคะ?” เด็กสาวเอ่ยถามขณะที่ทั้งสองกำลังจูงมือกันเดินกลับไปที่ตระกูลฮิวงะ
      “อื้อ ใช่ครับ”หนุ่มน้อยขานรับ พลางรู้สึกได้ว่าเด็กสาวอารมณ์ดีขึ้นแล้ว
      “แล้ว ทำไมเหรอครับ??”หนุ่มน้อยไม่เข้าใจที่เธอถามแบบนั้น
      “ก็....ถ้าเป็นอย่างงั้น...แสดงว่าพี่จะอยู่กับฉันตลอดไปเลยใช่มั้ยคะ”
      เธอยิ้มแย้มอย่างดีใจ
      เด็กหนุ่มรู้สึกหัวใจเต้นแรง
      //พอแค่เห็นรอยยิ้มของเธอ.....ทำให้ผมใจเต้นไม่เป็นไม่เป็นจังหวะ   ความรู้สึกนี้มันคือะไรน๊า..///

      “พี่เนจิ อย่าเงียบไปสิคะ พี่ยังไม่ได้บอกฉันเลย....”เธอคาดคั้นน้ำเสียงแกมงอนๆ
      “เอ่อ ครับ แน่นอนสิครับ....”เขาตอบท่าทางอึกอัก
      “งั้นเหรอ ดีใจจัง”เธอกล่าวยิ้มๆ “สัญญานะ...”เธอยกนิ้วก้อยขึ้นมา
      เด็กหนุ่มเองก็ทำท่าอายๆแต่ก็ยื่นนิ้วไปเกี่ยวก้อยเธอ
      “ผม...สัญญาครับ”
      “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น.....ผมก็จะอยู่ข้างกายท่านฮินาตะ  ตลอดไป......”
      “....อื้อ”
      จากนั้นทั้งสอง..ก็ค่อยๆจูงมือกันกลับบ้าน
      ตลอดทางที่ทั้งคู่เดินมาด้วยกันเด็กหนุ่มรู้สึกถึงไออุ่นจากมือของร่างบอบบาง....
      มือที่เขาอยากจับไว้ด้วยกัน
      มือที่เขาจะปกป้องเธอตลอดไป

      แม้ว่าตอนนี้เด็กหนุ่มจะยังไม่รู้ว่าความรู้สึกลึกๆที่ซ่อนอยู่ในใจมันคืออะไร
      แต่ความรู้สึกที่เขาอยากอยู่กับเธอคนนี้......คือความรู้สึกจริงๆจากใจ

      ฮิวงะ   ฮินาตะ........
      เด็กสาวผู้เป็นยิ่งกว่านายเหนือชีวิตของเขา
      + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
      8 ปีผ่านไป
      ติ๊ด.ติ๊ด
      “อือ......”เด็กหนุ่ม..งัวเงียก่อนจะยันกายขึ้นไปปิดเสียงปลุกของนาฬิกาที่อยู่บนหัวเตียง
      เขาค่อยๆเปิดหน้าต่างรับแสงอรุณ ตอนเช้า
      “วันนี้อากาศดีจัง......”เขาเอ่ยอย่างรู้สึกดี
      เด็กหนุ่มหันไปมองรูปในกรอบกระจก พลางแย้มยิ้ม
      “อรุณสวัสดิ์ครับท่านพ่อ  วันนี้ก็อากาศแจ่มใสนะครับ

      เด็กหนุ่มแต่งตัวเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้ใส่กระบังหน้า
      เขามองตัวเองในกระจก  ตรารูปที่ประทับอยู่บนหน้าผากยังคงอยู่แบบนั้น
      ถ้าหากเป็นเมื่อแต่ก่อน เขาคงรู้สึกขื่นขมในใจ
      กับสัญลักษณ์อันน่าชิงชัง  สัญลักษณ์ที่คร่าเอาชีวิตของผู้เป็นที่รักไป
      กับความรู้สึกที่ถูกแบ่งแยกเพียงเพราะความด้อยกว่าของตระกูสสาขา....
      แต่เดี๋ยวนี้...มันไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว....
      นรกในใจของเขา...ได้ถูกกอบกู้ขึ้นมา......
      ตั้งแต่ที่ได้ทราบความเป็นจริงเมื่อในคราวนั้น
      เขาควรภูมิใจกับความเสียสละของพ่อตนเองเพื่อปกป้องหมู่บ้านและตระกูลของตนเอง
      ถึงตอนนี้เขากลับรู้สึกภาคภูมิที่ได้เกิดมาในตระกูลสาขา ไม่เหลือแล้วความชิงชัง
      ไม่ได้เอาแต่โทษชะตากรรมอีกแล้ว ตราที่ประทับอยู่บนหน้า เป็นสัญลักษณ์ที่เขาควรภูมิใจ
      และ....ที่น่ายินดีไปกว่านั้น คือการที่เขาเป็นตระกูลสาขาที่เกิดมาเพื่อคนๆหนึ่ง......

      เด็กหนุ่มค่อยๆเอาแถบผ้าพันหน้าผากก่อนจะผูกกระบังหน้าปิดทับอีกที
      “ไปก่อนนะครับ ท่านพ่อ......”
      เด็กหนุ่มยิ้มให้กับรูปในกรอบก่อนจะเดินออกจากห้องของตนไป

      ดอกซากุระเริ่มผลิบานในโคโนฮะ เป็นสัญญาณแสดงถึงการเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิ
      เด็กหนุ่มผมดำนัตย์ตาขาวเดินผ่านถนนเรียบต้นซากุระไป
      วันนี้เขารู้สึกอากาศดีเป็นพิเศษ
      กลีบซากุระร่วงลงเป็นระยะๆ...
      “ต้นซากุระงั้นรึ...จะว่าไปท่านฮินาตะ..ก็ชอบดอกซากุระมากนี่นะ”
      เด็กหนุ่มคิดถึงใบหน้าของเด็กสาว
      ไม่รู้ทำไมเขาถึงอดเผลอยิ้มขึ้นมาไม่ได้.....
      ทุกครั้งที่คิดถึงเธอ.......
      ใบหน้าเล็กๆที่แสนเอ็นดู
      “ท่านฮินาตะ”เด็กหนุ่มพึมพรำเบาๆ...... ท่านจะรู้บ้างไหมครับ...ว่าในใจของผมตอนนี้รู้สึกเป็นอย่างไร.....
      แล้วในใจของท่านล่ะ....ท่านรู้สึกอย่างไรกับผมบ้าง.....
      เด็กหนุ่มถามตัวเองในใจ
      พลันนั้นก็อดรู้สึกทรมานไม่ได้
      เพราะความรู้สึกที่ซ่อนไว้อยู่ภายใน  นั้นไม่อาจเอื้อนเอ่ย.....
      ไม่ใช่เพราะไม่กล้า  แต่เป็นเพราะเขาหวาดหวั่น
      เขาจะบอกท่านฮินาตะได้อย่างไร..จะพูดได้เต็มปากรึ?...ในเมื่อเคยทำร้ายให้เจ็บปวด เคยดูถูก เหยียดหยาม....เพียงเพราะเหตุผลโง่ๆ ที่ต้องทำร้ายให้คนอื่นเจ็บปวดเพื่อที่ตัวเองจะได้รู้สึกสบายใจ
      แต่นั่นมันผิด.............แค่เพราะอารมณ์โกรธแค้น.....
      ทำให้เขาต้องทำร้ายคนที่รัก...สุดหัวใจ กว่าจะรู้ตัว  ก็สายเกินจะแก้
      แม้ในยามนี้ท่านฮินาตะจะอภัยให้ กับสิ่งที่เคยทำไว้  เหมือนมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น
      และนั่นยิ่งกลับทำให้เขายิ่งเจ็บปวด.....

      เธอที่ไม่เคยโกรธแม้ยามที่ทำให้เจ็บช้ำ......
      เธอที่ยิ้มและให้กำลังใจแม้ยามที่เขาอ่อนล้า.....
      เธอที่เข้าใจเขาเสมอมา
      ทำไมนะ ตอนนั้นเขาถึงมองไม่เห็น
      กว่าจะรู้ว่าหัวใจของตัวเองนั้นคิดอย่างไร....เขาก็ไม่อาจแก้ไขความผิดของตัวเอง

      “สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้ มีแค่ยืนอยู่เคียงข้างท่านเท่านั้น ใช่มั้ยครับ....”เด็กหนุ่มเอ่ยเบาๆก่อนจะมองขึ้นไปยังท้องฟ้า
      ......................บรรยากาศที่แสนสดใส....
      กลีบซากุระ...ยังคงผลิบาน ร่วงและหล่นลงมาซ้ำๆอยู่อย่างนั้น
      ราวกับจะช่วยตอกย้ำถึงความตั้งใจของเด็กหนุ่มนัยต์ตาสีหิมะ

      “ผมจะไม่ทำให้ท่านเจ็บอีกแล้วครับท่านฮินาตะ”
      เด็กหนุ่มกล่าวกับตนเอง ด้วยความรู้สึกที่อัดอั้น.....แต่เขาจะไม่ถอย
      แม้สิ่งที่ตั้งใจนั้น อาจจะทำให้ฮินาตะไม่มีวันรู้ถึง....ความรู้สึกของเขาแม้แต่น้อย  

      “กลับมาแล้วครับ~” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงเนือยๆเมื่อเดินเข้ามาภายในบ้านใหญ่ของตระกูลฮิวงะ
      ภารกิจสำหรับวันนี้ก็ลุลวงไปด้วยดี
      บรรยากาศภายในบ้านดูเงียบๆเหมือนเช่นเคย โดยปกติคนของตระกูลฮิวงะนั้นมักจะกระจายไปทำภารกิจและฝึกวิชาตามที่ได้รับมอบหมายไม่ว่าจะเป็นตระกูลหลักหรือตระกูลสาขาต่างก็มีหน้าที่ของตน
      เด็กหนุ่มเดินผ่านตัดไปยังบริเวณส่วนกลางของบ้านซึ่งที่เป็นโล่งว่าง
      เด็กหนุ่มหย่อนตัวนั่งลงบนบริเวณระเบียง......พลางนึกถึงตัวเองสมัยเด็กๆแล้วก็หัวเราะคิก
      เขาเคยแอบมาเล่นไล่จับกับท่านฮินาตะภายในลานกว้างนี้
      ตอนนั้นเคยถูกดุไม่รู้กี่ครั้ง  แต่ก็ยังไม่วายสุดท้ายก็แอบมาเล่นอยู่ดี

      ... “เฮ้อ.....ตั้งแต่ตอนไหนนะ  ที่เราเริ่มเหินห่าง......”
      ถ้าเป็นไปได้ก็อยากกลับไปเป็นเมื่อก่อนนั้นอีกสักครั้ง......
      ตอนที่เรายังเคยเล่นด้วยกัน...โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ
      เด็กหนุ่มเอนกายลงนอน......
      “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น.....ผมก็จะอยู่ข้างกายท่านฮินาตะ  ตลอดไป......”
      ท่านฮินาตะถึงตอนนี้ท่านยังคงจำสัญญานั่นได้มั้ยครับ
      ยังจำตอนที่เราเคยสัญญากันได้มั้ยครับ
      ...........................................................
      ...........................................................

      “อ้าวกลับมาแล้วเหรอ เนจิ”เสียงทุ้มกังวาล ทำให้เด็กหนุ่มเหลียวหลังมามอง
      “อ๊ะ ท่านฮิอาชิ”`เด็กหนุ่มรีบน้อมคำนับท่านเจ้าของบ้านตระกูลฮิวงะ
      “ยินดีต้อนรับกลับครับ”
      ... “นี่ๆ..เนจิฉันบอกเธอกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าไม่ต้องก้มคำนับฉันแล้ว...”ท่านฮิอาชิกล่าวเสียงดุ แต่สีหน้านั้นดูอ่อนโยนกว่าเมื่อแต่ก่อน
      “ตะ.....แต่ว่า”เด็กหนุ่มยังคง...ยึดถือความนอบน้อมที่ปลูกฝังมาให้ตั้งแต่เล็กแต่น้อย จึงไม่อาจเกินเลยท่าทีได้มากไปกว่าที่เคยเป็น
      ท่านฮิอาชิได้แต่ยิ้มเอ็นดูพลางเอื้อมมือมาแตะไหล่เด็กหนุ่ม
      “ชั้นบอกเธอหลายครั้งแล้วนะ  ว่านับตั้งแต่ผู้สืบทอดรุ่นต่อไป....จะไม่มีการแบ่งแยกตระกูลอีกแล้ว เพราะฉะนั้นเธอไม่จำเป็นต้องนับถือหรือเคารพชั้นในฐานะผู้นำตระกูลหลัก”
      “ครับ.....ผมรู้แล้ว.....”เด็กหนุ่มก้มลงหน้า ถึงกระนั้นความรู้สึกที่ถูกปลูกฝังมันไม่ใช่จะแก้ไขได้ง่ายๆ
      ผู้ที่นับว่าเป็นลุงตามสายเลือดแท้ๆได้แต่ถอดหายใจเบาๆ
      “เอาเถอะนะ ถ้าเธอ..รู้สึกฝืนใจ ทำอย่างที่เธอเคยเป็นก็ได้......”
      “ครับ ท่านฮิอาชิ......”เด็กหนุ่มพยักหน้า
      “แต่ฉันขอเธอแค่อย่างนึงได้มั้ย เนจิ”ท่านฮิอาชิเอ่ยขึ้นมา
      “ครับ?”
      “เลิกเรียกฉันว่าท่านได้แล้ว ถึงอย่างไรเสียฉันก็นับว่าเป็นลุงแท้ๆของเธอนะ”
      พอได้ยินดังนั้น เด็กหนุ่มยิ้มแย้มก่อนจะตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า
      “ครับ!!!ท่านลุง”

      ในห้องฝึกกลางของตระกูลฮิวงะ
      “เอาล่ะ อย่างนั้นดีมาก ฮานาบิ” เด็กสาวผมยาวตัวน้อยเบี่ยงตัวไปทางซ้ายก่อนที่หลบการโจมตีของผู้เป็นพ่อที่พ่อ
      “ใช้ไม่ได้เอาใหม่อีกทีสิ”
      “ค่ะ ท่านพ่อ.....”
      ขณะที่สองพ่อลูกแห่งตระกูลหลักนั้นกำลังประลองวิชากัน เนจิเองก็ได้รับอนุญาตให้เข้ามาดูการสอนได้
      เขาเฝ้ามองเด็กสาวตัวน้อยผู้เป็นน้องสาวของเธอคนนั้น....แล้วก็คิดถึงเธอ
      “จะว่าไป...ท่านฮินาตะเองก็เคยอยู่ ณ ในจุดนั้นนี่นา”.....เด็กหนุ่มคิด
      “ท่านฮินาตะ  จริงสิ เย็นป่านนี้จะทำอะไรอยู่นะ......”

      “เอาล่ะ พอแค่นี้ก่อนพักได้ฮานาบิ......”ท่านฮิอาชิกล่าวกับบุตรสาว
      “ค่ะ ท่านพ่อ.....”เธอน้อบรับอย่างว่าง่าย ก่อนจะเดินออกจากโรงฝึกไป
      “เริ่มจะเก่งขึ้นทุกวันแล้วนะครับ ท่านฮานาบิน่ะ”เนจิกล่าวชื่นชมเด็กสาวตัวน้อยกับผู้เป็นลุง
      “ฮื่อ.....คิดว่าอีกไม่นาน คงให้เขาเตรียมเข้าโรงเรียนนินจาได้แล้วล่ะ”
      “เอ๊ะ???”เด็กหนุ่มหันมาทำหน้าแปลกใจกับลุงของเขา
      “เดี๋ยวสิครับ?? ถ้าให้ท่านฮานาบิเข้าโรงเรียนนินจา แล้วเรื่องการสืบทอดตระกูลล่ะครับ??”
      การที่เนจิแปลกใจเช่นนั้น เพราะมีเพียงผู้สืบทอดตระกูลเท่านั้น ที่จะต้องเล่าเรียนกับผู้นำตระกูลโดยตรง ซึ่งไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าโรงเรียนนินจา
      “.......”ท่านฮิอาชิเงียบไป ก่อนหันมากล่าวกับเด็กหนุ่ม
      “...เนจิ...จริงๆแล้วเรื่องผู้สืบทอดตระกูลน่ะ  ฉันเพิ่งได้พูดคุยปรึกษากับท่านผู้เฒ่าของตระกูลแล้ว....”
      “ครับ?”เด็กหนุ่มกลั้นใจรอฟัง
      “ฉันตั้งใจว่า....จะให้ฮินาตะกลับมาเป็นผู้สืบทอดตระกูลอีกครั้ง....”
      “....!?”

      ทางด้านหนึ่งของหมู่บ้านเด็กสาวผมดำนัยต์ตาสีหิมะ..
      กำลังยืนพิงตัวอยู่ใต้ร่มไม้ที่เธอมักมาวิชาตามลำพัง
      ทั้งๆที่เสร็จจากภารกิจประจำวันนานแล้ว แต่เธอยังไม่อยากกลับไปที่บ้าน
      “เฮ้อ.......” สาวน้อยหลับตา....พลางนึกถึงเรื่องเมื่อวันวานที่ท่านพ่อเรียกเธอมาคุยด้วย

      “อะไรนะคะท่านพ่อ!!!”เด็กสาวตกใจเมื่อได้รับทราบสิ่งที่บิดาตั้งใจกล่าวกับเธอ
      “........”ชายผู้เป็นบิดาไม่แปลกใจนักที่เด็กสาวมีท่าทีแบบนั้น
      “แต่จะ...จะให้หนู....ทำหน้าที่สำคัญแบบนั้น.....”เด็กสาวกุมริมฝีปากรู้สึกตัวสั่น..ขึ้นมา
      ผู้เป็นบิดารู้สึกเห็นใจ
      “พ่อรู้...ว่าเจ้าทำใจลำบาก แต่ทางท่านผู้เฒ่าแล้วก็....ผู้หลักผู้ใหญ่ของตระกูลได้พูดคุยกันดีแล้ว..”
      “พ่ออยากให้เจ้ารับเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป..”
      “แต่ทำไมคะ?”เธอไม่เข้าใจ.... “ทำไมถึงไม่ใช่ฮานาบิ...ถ้าเป็นเด็กคนนั้นล่ะก็....”
      มือของเธอกำแน่น
      “ถ้าเป็นเด็กคนนั้น เค้าต้องสืบทอดตระกูลได้ดีกว่าหนูแน่....”
      “.....ฮินาตะ....”
      “เพราะฉะนั้น....เพราะฉะนั้น ได้โปรดเลือกคนอื่นแทนหนูเถอะค่ะ....”
      แต่แล้วบิดาก็ยื่นมือสัมผัสเรือนผมของเธออย่างอ่อนโยน
      “ท่านพ่อ...?”
      “ฮินาตะ เจ้ายังคงรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่พ่อเคยพูดไปใช่มั้ย?”
      “........”เด็กสาวเลื่อนสายตาหลบลง
      “พ่อขอโทษที่เคยวาดหวังตัวเจ้าจนมากเกินไป....พ่อไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เจ้าเจ็บปวด พ่อรู้ครั้งนั้นพ่อเคยทำให้เจ้าเสียใจ เพราะความโง่เง่าของพ่อที่คิดว่า....ผู้นำตระกูลนั้นจำเป็นต้องมีพลังที่ยิ่งใหญ่ แต่แล้วพ่อก็รู้ ว่าพ่อคิดผิด.....”
      “ท่านพ่อ.....”เด็กสาวเอ่ยน้ำรื้นในนัยต์ตา
      “การเป็นผู้นำตระกูลมิใช่แค่เพียงแกร่งเฉพาะกาย มิใช่เพราะความยโสที่คิดว่าตนเองนั้นเหนือกว่าใครๆ  ที่ผ่านมาพ่อเคยคิดเช่นนั้นแต่มันไม่ใช่” บิดาของเธอกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงภาคภูมิ
      “พ่อคิดว่าพ่อเห็นมันในดวงตาของเจ้า  ความยิ่งใหญ่ที่จะนำตระกูลฮิวงะของเราต่อไป ลูกรัก....เจ้ารู้มั้ยมันคืออะไร”
      “คะ?”
      “มันคือจิตใจที่ไม่ย่อท้อต่อความพยายาม จิตใจที่ไม่แบ่งกั้นความเป็นตระกูลหลักหรือสาขา และที่ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด”
      ท่านฮิอาชิยิ้มให้กับบุตรสาวคนโต
      “แววตาของเจ้าที่มองคนด้วยหัวใจที่ดีงามไงล่ะ”
      “ท่านพ่อ.....”ในยามนี้เธอไม่รู้จะเอ่ยอย่างไร ความรู้สึกมันตื้นตันไปหมด....แม้ว่าภายในใจลึกๆของเธอยังหวาดหวั่นกับการตัดสินใจที่ขึ้นอยู่กับเธอ
      “..เพราะฉะนั้น ฮินาตะ...อย่ากังวลกับคนอื่นที่ตัดสินในตัวเจ้า เจ้ารู้ตัวเจ้าดีว่าเจ้าเป็นใคร”
      ถึงบิดาจะกล่าวแบบนั้น แต่เด็กสาวยังก้มหน้าลงไม่กล้าจะสบตา.....
      แม้ว่าเธอจะดีใจที่พ่อของเธอเห็นคุณค่าในตัวของเธอ....แต่ตัวเธอล่ะ? ในยามนี้เธอยังไม่อาจมั่นใจได้
      หน้าที่ที่ต้องแบกรับ.....เธอจะทำมันได้งั้นรึ?
      แล้วยังคนอื่นๆในตระกูลล่ะ..... ถึงผู้ใหญ่ผู้เฒ่าจะเห็นดีงาม....
      ทว่าทำไมเธอถึงกลับกลัว....อาจเป็นเพราะความรู้สึกที่โดนมองอย่างดูแคลนมันไม่อาจเลือนหาย
      และเหนืออื่นใดที่สำคัญ
      หากเธอเป็นผู้สืบทอดตระกูลฮิวงะแล้ว
      ความรักของเธอล่ะ.....
      เธอจะทำยังไง.......
      เมื่อเห็นใบหน้าของบุตรสาวดังนั้น ผู้เป็นบิดาจึงได้แค่ทอดถอนหายใจ
      “เอาล่ะ พ่อรู้ว่าเจ้ายังคงตัดสินใจลำบาก”ท่านฮิอาชิว่าก่อนจะลุกเดินออกจากห้องไป
      “พ่ออยากให้เจ้าคิดให้ดีๆ ไม่ต้องรีบร้อนให้คำตอบก็ได้.....เพียงแต่...พ่ออยากให้เจ้ารู้เอาไว้สิ่งหนึ่ง”
      “......ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นลูกสาวที่พ่อภูมิใจเสมอ”
      เสียงฝีเท้าที่ค่อยๆจางหายไป..........
      เด็กสาวมองตามแผ่นหลังของผู้เป็นบิดา
      “ขอบคุณค่ะ ท่านพ่อ.....”เด็กสาวกล่าวกับตัวเองภายในห้องน้ำชาที่เงียบสนิท...
      น้ำตาของเธอไหลลงช้าๆ....ในใจเฝ้าแต่ถามความรู้สึกของเธอเอง


      ถ้าหากฉันกลายเป็นสายลมก็ดีสิ.....
      จะได้ปลิวหายไปจากที่ตรงนี้ อิสระจากความรู้สึกทั้งมวล
      แต่มันเป็นไปไม่ได้ พอลืมตาตื่นขึ้นมา เราก็ต้องพานพบกับภาระหน้าที่
      ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้......
      เธอไม่มั่นใจว่าจะให้คำตอบอย่างไรกับบิดาดี
      “ฉันจะทำหน้าที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นได้หรือ?.....”
      แล้วยังความรู้สึกของเราอีก.....หากฉันเป็นผู้นำตระกูลแล้ว.....
      “นา...รุโตะ...คุง”เธอคิดถึงเด็กหนุ่มที่เธอเฝ้าชื่นชมมาตลอด
      “เรื่องของฉันกับเธอคงไม่สามารถ........”
      “อยู่นี่เองรึครับ? ท่านฮินาตะ!”เสียงทุ้มนุ่มดังมาจากข้างหลังตัวเธอ
      “พ...พี่เนจิ” เด็กสาวรีบยืนบังตัวหลังต้นไม้
      “อะ...อ้าวอย่าทำท่ากลัวผมอย่างนั้นสิครับ....”เนจิพูดเสียงหยอกล้อ ในขณะที่เด็กสาวก้มหน้าลงด้วยความเอียงอาย
      “....เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยนะครับ...ท่าทีอย่างนั้น....”เด็กหนุ่มร่างสูงคิดในใจอย่างเอ็นดู
      “...มะ...มีอะไรเหรอคะ? ถึงมาตามหาฉัน....”เธอถามท่าทางเกร็งๆ
      “ก็ค่ำมืดป่านนี้แล้ว ท่านยังไม่กลับซะที  ผมเลย...เป็นห่วงน่ะครับ”
      “....เป็นห่วง.......”เด็กสาวซ่อนใบหน้าลงพลางรู้สึกดีใจที่มีใครสักคนยังเป็นห่วงเธอ
      “ถ้าไงแล้วกลับกันได้รึยังครับ?”เด็กหนุ่มเอ่ยชวน
      แต่เธอกลับเริ่มทำหน้าเจื่อนๆลง ไม่ได้ว่าอะไร
      เห็นดังนั้น เขาเลยจึงยิ้มน้อยๆก่อนจะพูด
      “ถ้าไงล่ะก็.....นั่งเล่นกันก่อนมั้ยครับ.......”
      “เอ๋?”เด็กสาวประหลาดใจที่เขาพูดเช่นนั้น
      “ท่านยังไม่อยากกลับไม่ใช่รึครับ”เด็กหนุ่มพูดกระตุ้น
      จากนั้นฮินาตะพยักหน้าค่อยๆก่อนจะตอบว่า
      “อื้อ.........”

      ทั้งคู่นั่งลงอยู่เงียบๆสักพักใหญ่
      เด็กหนุ่มคอยชำเลืองมองใบหน้าของเด็กสาวไม่วางตา จนฮินาตะรู้สึกถึงสายตา
      “มะมีอะไรเหรอคะ?.....พี่เนจิ”เธอถามเขา
      “เปล่าหรอกครับ....แค่คิดอะไรนิดหน่อย”เขาว่ายิ้มๆ
      “...?”เธอมองหน้าเขางงๆ ไม่เข้าใจกับท่าทีของเด็กหนุ่ม  แต่น่าแปลกทำไมถึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างประหลาด
      “จะเล่าเรื่องนั้นให้พี่เนจิดีมั้ยน๊า”เธอคิดในใจพลางรู้สึกลังเล
      จนเนจิเริ่มหัวเราะคิกกับท่าทีของสาวน้อย
      “อ่า...หัวเราะอะไรเหรอคะ?”เธอถามคราวนี้รู้สึกประหม่า
      “เปล่าครับ เพียงแต่รู้สึกว่า...ท่านนี่ยังเหมือนเมื่อก่อนไม่เปลี่ยนเลย”
      “เอ๋? ฉันไม่เคยเปลี่ยนแปลงตัวเองเหรอ?”เธอทำหน้าเจื่อนๆลง เพราะฮินาตะพูดอยู่เสมอว่าอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยตัวของตัวเอง แต่การที่เด็กหนุ่มผู้นับว่าเป็นญาติผู้พี่ของเธอกล่าวแบบนั้น ทำให้เธอใจหายไม่น้อย
      จนเนจิต้องรีบบอกปัดขึ้นมา
      “เอ่อ...แต่ไม่ได้หมายความเรื่องที่ท่านอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองนะครับ เพียงแต่เห็นท่าทีของท่านแบบนั้น แล้วทำให้ผมคิดถึงเรื่องเมื่อตอนสมัยก่อน”
      “!?”
      “....ท่านก็เคยเป็นแบบนั้นนะครับ พอมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ ก็ชอบมาหลบอยู่ตรงนี้...แล้วก็เฉไฉไม่ยอมกลับบ้าน”
      เด็กหนุ่มกล่าวพลางมองท้องฟ้าคิดถึงช่วงเวลาในคราวนั้น ในขณะที่เด็กสาวได้แต่มองเขาด้วยความประหลาดใจ
      “ตอนนั้นผมเองก็เลยพลอยกลับบ้านมืดค่ำไปด้วย จนสุดท้ายเราก็ถูกดุด้วยกันทั้งคู่”
      เขาว่าพลางยิ้ม ในขณะที่เด็กสาวก้มหน้างุดๆลงก่อนจะกล่าวงึมงำว่า
      “...ขอโทษค่ะ.....”เธอค่อยๆเริ่มนึกภาพในอดีตออก...
      “จริงด้วยสิ ตอนนั้น......”เธอคิดพลางรู้สึกเริ่มเขินๆขึ้นมา
      ทั้งคู่เงียบไปอีกครั้งหนึ่งก่อนเนจิจะเริ่มต้นพูดขึ้นมาว่า
      “.....มีเรื่องไม่สบายใจอยู่ใช่มั้ยครับ”
      “.....เอ๋?”เธอมองหน้าเขาท่าทางตกใจไม่น้อย
      “พี่เนจิรู้ด้วยเหรอ?.....”
      “ก็ท่านพ่อของท่านเล่าให้ฟังน่ะครับ....”เด็กหนุ่มกล่าวน้ำเสียงนุ่มนวล
      “..........”เด็กสาวไม่ได้ว่าอะไรแล้วก็เริ่มนั่งกอดเข่าลงอีกครั้ง
      “คงกังวลมากสินะครับ”
      “อืม........”เธอตอบรับเสียงเบา
      “แล้วพี่เนจิ.....คิดอย่างไรล่ะคะ ถ้าหากว่า ฉันจะกลับไปเป็นผู้สืบทอดตระกูลหลักอีกครั้ง”เธอถามเด็กหนุ่มญาติผู้พี่แต่ไม่ได้หันมามองเขาแม้แต่น้อย
      เด็กหนุ่มมองเธอแล้วเลื่อนสายตาไปทางข้างๆ พลางย้อนความนึกถึงสิ่งที่เป็นลุงแท้ๆของเขากล่าวกับตน

      “เนจิเธออยากกลับไปเป็นผู้คุ้มครองฮินาตะเขาอีกครั้งมั้ยล่ะ?”ผู้เป็นลุงถามอย่างนั้น ทำเอาเจ้าตัวตกใจอยู่เหมือนกัน
      “จะ...จริงเหรอครับ?”เด็กหนุ่มทำน้ำเสียงตะกุกตะกัก
      “...เธอไม่ต้องการงั้นรึ ?”
      “เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้นครับ”เด็กหนุ่มรีบบอกกล่าว....
      “สำหรับผมไม่มีสิ่งใดสำคัญกว่าการที่ได้ติดตาม...ท่านผู้นั้นไปตลอดชีวิตครับ”เนจิกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
      ผู้เป็นลุงมองเด็กหนุ่มก่อนจะยิ้มน้อยๆอย่างพึงพอใจ
      “ฉันดีใจนะที่เธอคิดเช่นนั้น....แต่ว่าหากติดตามฮินาตะเขาตลอดไป เธออาจไม่มีโอกาสที่จะอยู่ในฐานะนินจาที่ยิ่งใหญ่กว่าการเป็นแค่ผู้คุ้มครองของฮินาตะ.....”
      “ผม....ผมไม่สนหรอกครับ....ถ้าหากชีวิตที่เหลืออยู่นี้ สามารถทำอะไรเพื่อเขาได้ผมก็ไม่เสียดาย เพียงแต่ว่า........”เด็กหนุ่มลดสายตาลงมา
      “...ถ้าหากท่านฮินาตะ...ไม่ต้องการจะเป็นผู้สืบทอดตระกูลหลัก...ท่านจะทำอย่างไรครับ?”
      เมื่อเจอคำถามเช่นนั้นชายผู้เป็นพ่อของเด็กสาวก็มีสีหน้าลำบากใจที่จะบอกตอบ
      “...ท่านลุงครับ......”เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงเหมือนจะคาดคั้น
      “เรื่องนั้น....อาจต้องมีการคัดผู้สืบทอดคนใหม่....”
      “เหรอครับ.....งั้นท่านฮินาตะไม่จำเป็นต้องเป็นผู้สืบทอดตระกูลหลักสินะครับ”เด็กหนุ่มมีสีหน้าค่อยโล่งใจ
      “...อืมถ้าเป็นความต้องการของเจ้าตัวเค้านะ....”ท่านฮิอาชิกล่าว “แต่ทำไมเธอแน่ใจนักล่ะ...ว่าฮินาตะไม่ต้องการเป็นผู้สืบทอดตระกูลหลัก”
      “.....”เด็กหนุ่มรีบก้มหน้าลงมือจิกที่ชายผ้าของตน.....พลางรู้สึกปวดแปลบขึ้นมา เขาหลับตาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา
      “....คงเพราะบางที ท่านฮินาตะ...อาจมีสิ่งที่ต้องการมากกว่าการเป็นผู้สืบทอดมั้งครับ.....”
      พอเห็นสายตาของเด็กหนุ่ม..ที่กล่าวด้วยความรู้สึกแบบนั้น ผู้เป็นลุงเริ่มรู้สึกถึงบางอย่างในความรู้สึกของเด็กหนุ่ม....
      “...เนจินี่เธอ......”เขาพูดแผ่วเบาราวกับจะกระซิบให้ตนเองได้ยินเท่านั้น
      “ครับ?”
      “เปล่าไม่มีอะไร....งั้นวันนี้เธอกลับไปก่อนละกัน”
      เด็กหนุ่มพยักหน้ารับเบาๆก่อนจะเดินจากไป......
      ทิ้งท้ายให้ผู้เป็นลุงได้แต่เริ่มครุ่นคิดถึงความรู้สึกบางอย่างในตัวของหนุ่มน้อยผู้เป็นหลานแท้ๆ

      ....... “พี่เนจิ?.....”
      เสียงใสๆปลุกให้เขาตื่นจากภวงค์
      “ครับ ท่านฮินาตะ.....”
      “.....แล้วที่ฉันถามล่ะคะ....พี่คิดว่ายังไง”เด็กสาวผมดำยังคงรอคำตอบจากญาติผู้พี่
      “.....คือว่า.......ผม”เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างจุกอยู่ในลำคอ
      แววตาของเธอ...ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกปั่นป่วน
      แน่ล่ะว่าเค้าอยากให้เธอ...เป็นผู้นำของตระกูลหลัก...
      ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็......ถ้าเป็นอย่างนั้น.....
      เขาไม่จำเป็นต้องอ้างเหตุผลใดๆเพื่อที่จะ อยู่ข้างๆเธอผู้นี้...
      ถึงแม้จะเป็นแค่ในตำแหน่งองครักษ์....ก็ตาม
      ทว่า.......
      สายตาของเด็กสาวนั้นไม่ได้มีไว้เพื่อเขา
      เธอยังเฝ้ามองใครบางคน ใครคนนั้นที่เธอปรารถนาจะเคียงข้างกาย
      เฉกเช่นเดียวกับเขาที่ปรารถนาจะอยู่เคียงข้างเธอ
      อยากอยู่ข้างๆเธอไปตลอด แต่มันเป็นไปไม่ได้
      เพราะคนที่เธออยากให้อยู่ข้างๆด้วยนั้นไม่ใช่เขา

      “ผม...สัญญาครับ”
      “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น.....ผมก็จะอยู่ข้างกายท่านฮินาตะ  ตลอดไป......”
      อาจจะมีเพียงแค่เขาเท่านั้นล่ะมั้ง....ที่ยังคงจดจำคำสัญญานั่น
      คำสัญญาที่เธอเองยังจำได้หรือเปล่าก็ไม่รู้

      “พี่เนจิ........”แววตาที่ปรารถนาเหลือเกิน แต่เขาไม่อาจ....รั้งความรู้สึกของเด็กสาวที่มีต่อคนๆนั้น
      .......ผมจะไม่ทำให้ท่านเจ็บปวดอีกแล้วล่ะครับ............
      แม้ว่านั่นมันจะทำให้ผมต้องเจ็บปวดรำลึกแทน
      ......ริมฝีปากของเด็กหนุ่มเหยียดยิ้มบางๆ
      “สำหรับผมแล้ว....ผมอยากให้ท่านฮินาตะทำตามหัวใจของท่านเองครับ”
      “หมายความว่าไงคะ? พี่เนจิ”เด็กสาวมองหน้าเขางงๆ
      “ก็.......”แม้ภายในใจของเขาจะเจ็บปวด แต่การให้เด็กสาวได้ทำตามที่หัวใจเธอเรียกร้อง
      มันมีค่ามากกว่าการที่เขาสมหวัง เด็กหนุ่มกล้ำกลืนฝืนความรู้สึก
      “....ท่านยังไม่ได้บอกเขาไม่ใช่หรือครับ....บอกกับนารุโตะคุง....”
      “....อ๊ะ...”ฮินาตะหน้าแเดงเรื่อๆ
      “พะพี่...รู้ด้วยเหรอคะว่า....ฉัน....อยากบอกกับนารุโตะคุงว่า..........”
      “ชอบสินะครับ”เด็กหนุ่มต่อท้ายประโยคให้จบ
      เด็กสาวก้มหน้าลงซ่อนความอาย แต่เธอไม่รู้เลยว่านั่นทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเจ็บปวดมากแค่ไหน
      “.....แล้วพี่รู้ได้ยังไงคะว่าฉัน....ชอบนารุโตะคุงเค้า”เธอถามอย่างอายๆ
      “....เอาเป็นว่าผมรู้ก็แล้วกัน.....”เขาตอบพยายามฝืนยิ้มแม้หัวใจเขาอยากจะบอกเธอว่า
      เขาเองก็เฝ้ามองเธอมาตลอดไม่แพ้ที่เธอเฝ้ามองเด็กหนุ่มผู้นั้น
      “แต่ว่า......มันคงเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ........”ว่าแล้วเธอก็ทำสายตาเศร้าลง
      “ทำไมล่ะครับ?”เด็กหนุ่มแปลกใจขึ้นมา
      “ก็เพราะ.....ฉันคงไม่อาจเอื้อนเอ่ยคำนั้นออกไปได้......”เธอพูดพลางยิ้มแบบฝืนๆ
      “......บางทีฉันคงไม่อาจเอ่ยคำนั้นได้ไปตลอดชีวิต”
      “ทำไมล่ะครับท่านฮินาตะ......”
      “คงเพราะฉัน..........”แล้วเด็กสาวก็เงียบลงไปอีกครั้ง......ก่อนจะกลั้นใจตอบออกมา
      “พี่จะว่าฉันบ้ามั้ย หากฉันบอกกับพี่ไปว่าฉันอยากเป็นผู้นำตระกูลหลัก......”เธอถามเขา มองสบตากับเขาตรงๆ
      สายตาไม่มีความลังเลใดๆ....นี่สินะคือคำตอบของเธอ
      แม้จะแปลกใจกับคำตอบของเธอแต่เด็กหนุ่มก็ค่อยๆยิ้มออก......
      “ไม่เลยครับ...ท่านฮินาตะ....ไม่เลย”
      “จริงเหรอคะ?”เธอว่าสีหน้าดูค่อนๆจะโล่งใจ
      “อืมแน่นอนสิครับ”เด็กหนุ่มยิ้ม บางทีคนที่ดีใจที่สุดกับคำตอบของเด็กสาวอาจจะเป็น.....
      “งั้นตอนนี้กลับกันเลยดีมั้ยครับ”เด็กหนุ่มเอ่ยชวน.....พลางยื่นมือไปให้เธอ
      “อื้ม...”
      เด็กสาวยิ้ม ก่อนจะยื่นมือให้เขา

      ........................................................................................
      ...................................................................................
      ..........................................................
      ..................................................................................
      “นี่เราไม่ได้จับมือด้วยกันมาตั้งนานแล้วนี่เนอะ”เด็กสาวตั้งข้อสังเกตระหว่างเดินทางกลับตระกูล
      “เอ๊ะ?....”เด็กหนุ่มทำเสียงแปลกใจ
      “ก็ตั้งแต่พี่เนจิเข้าโรงเรียนนินจาไป พี่ก็ไม่เคยจูงมือฉันอีกเลย....”
      “อ่า....นั่นสินะครับ”
      เธอยังจำเรื่องแบบนั้นได้อีกเหรอ...?เขานึกว่าเธอคงลืมมันไปแล้ว....
      “แต่ฉันก็รู้นะว่าตอนนั้นพี่ยังเกลียดตระกูลหลักอยู่....พอตอนนี้ได้มาจูงมือกันแล้ว....เหมือนได้กลับมายังช่วงเวลานั้นเลย......”เด็กสาวยิ้มน้อยๆ ไออุ่นจากมือของเด็กหนุ่มช่วยให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
      “....ท่านฮินาตะ.....”
      ทำไมกันนะ ตอนนี้เขาถึงรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา......
      รอยยิ้มของเธอ
      เสียงของเธอ
      ปั่นป่วนความรู้สึกจนทนแทบไม่ไหว........
      “คือว่า ท่านฮินาตะครับ........”เนจิตัดสินใจไม่อาจเก็บความรู้สึกของตนเองไว้ได้
      “....อ๊ะ  พี่เนจิดูนั่นสิคะ.......”เด็กสาวชี้ไปที่ต้นซากุระที่เรียงล้อมข้างทาง ทำให้เด็กหนุ่มไม่มีโอกาสจะได้พูด
      “ว้าว ซากุระ....?”เธอรีบจูงมือเขาไปบริเวณที่ซากุระรายล้อม....
      แม้จะเป็นช่วงเวลาพลบค่ำแต่แสงไฟยามค่ำคืนทำแสงกับต้นซากุระ มันทำให้ดูสวยในอีกแบบ
      “สวยจังเลย......”เด็กสาวยกมือขึ้นรองรับกลีบดอก
      “พี่เนจิดูสิ....สวยมากเลยเนอะ”
      ......รอยยิ้มของเธอต่างหากที่สวยซะยิ่งกว่ากลีบดอกซากุระที่ปลิดปลิว....
      เด็กหนุ่มคิดแล้วก็ได้แต่จ้องมองดูเด็กสาว คำพูดที่อยากจะเอ่ยออกไป....
      ......จะบอกเธอดีมั้ย? เขาชักจะไม่มั่นใจ
      หากไม่รีบบอกบางทีเขาคงไม่มีโอกาสที่จะได้บอกเธออีกตลอดชีวิต
      “เอ่อ...ท่านฮินาตะครับ....”และเมื่อเด็กหนุ่มตัดสินใจจะพูด
      “นี่ถ้านารุโตะได้มาเห็นด้วยกันก็ดีสินะ.......”
      ..............................
      พอได้ยินเธอพูดชื่อของคนอื่น พลันนั้นเขาเหมือนหัวใจสลาย
      “........อย่างน้อยๆ อยากมาดูซากุระกับนารุโตะคุงจัง.......สักครั้งนึงก่อนที่ฉันจะไปเป็นผู้นำตระกูล”
      รอยยิ้มที่อาวรณ์ สายตาของเธอนั้นคิดถึงใครคนนึง
      แล้วเขาก็ได้พบกับความเป็นจริงที่ว่า.....
      ใจของเธอไม่เคยมีเขาเลยแม้แต่น้อย........
      “ท่านฮินาตะ........”เนจิรู้สึกปวดร้าวความในใจของเขานั้น คงเป็นเพียงแค่สายลม
      ที่พัดผ่านเธอแล้วก็เลยไป....ไม่มีทางที่จะให้เธอเข้าใจได้เลย
      “เฮ้อ....ทั้งๆที่ตั้งใจแล้วว่าฉันคงไม่มีทางบอกเขา.แต่ก็ยังคิดถึงเขาอยู่..ฉันนี่เหมือนคนบ้าเลยนะ........”เด็กสาวยิ้มเศร้าๆ.....หยาดน้ำใสๆคลอเบาตาสีขาวคู่นั้น
      “................”
      แต่พอเห็นรอยยิ้มเศร้าๆนั่น....มันกลับทำให้เขารู้สึกเศร้าใจเสียยิ่งกว่า ยิ่งกว่าที่เธอไม่ได้คิดถึงเขาในฐานะนั้นเลย
      จริงสิ....เราตั้งใจไว้แล้ว
      ว่าจะไม่ทำให้ท่านฮินาตะต้องเสียใจ......
      เพราะฉะนั้น....เรา.......
      “แล้วทำไมไม่ลองบอกเขาไปละครับ?........”เนจิเอ่ยกับเธอ เก็บกดความรู้สึกตนเองเอาไว้
      “...?..อะไรนะคะพี่เนจิ”เด็กสาวรีบหันมาหน้าเขา
      “ถ้าท่านชอบเขาขนาดนั้น.....ทำไมไม่ลองเขาดูล่ะครับ”ทุกคำพูดที่เอ่ยไปแม้จะฝืนกับความรู้สึกกับตัวเองก็ไม่เป็นไร
      ขอแค่ให้เธอได้มีความสุขก็พอ.....
      “...ตะแต่ว่า....”เด็กสาวยกปลายนิ้วแตะริมฝีปาก
      “แต่ฉันตั้งใจไว้แล้วนี่นา ว่าจะเป็นผู้นำของตระกูลหลัก.....เพราะงั้นถึงบอกออกไปฉันก็คงไม่”
      “เรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกันนี่ครับ....”เนจิกล่าว
      “พี่เนจิ?”
      “ผมคิดว่า....หากมีโอกาสที่จะบอกถ้าไม่ได้บอกออกไป...มันจะยิ่งเศร้ากว่าที่ท่านต้องเก็บความในใจไว้คนเดียวนะครับ”
      “...แต่ว่าฉัน.....ฉัน....”
      “ไม่ต้องกลัวหรอกครับท่านฮินาตะ ถึงอย่างไร.....ถ้าเป็นคนๆนั้นล่ะก็ มันต้องไปด้วยดีแน่ๆครับ”เขายิ้มให้กับเธอ...แม้ในใจจะเจ็บปวดเพียงไหน
      “จริงเหรอคะ....”เด็กสาวก้มหน้าลงเหมือนจะตัดสินใจ
      “งั้น....ฉันจะลองดูนะคะ....พี่เนจิ ขอบคุณที่ให้กำลังใจค่ะ”
      แล้วเธอก็เงยหน้ายิ้มออกมาแววตาดูเปี่ยมไปด้วยความสุขใจ
      .......แบบนี้ดีแล้วล่ะ......
      เนจิคิด.....
      ถ้าท่านฮินาตะมีความสุขแล้วล่ะก็........ตัวเขาจะเป็นอย่างไรก็ช่าง.....
      ....ทั้งที่เธออยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่ใจของเธอนั้นอยู่ห่างไกล
      มันคงไปอยู่ในที่ๆเขาเอื้อมไม่ถึงซะแล้ว............


      .........................................................................
      ...................................
      “เป็นยังไงบ้างครับ?.....”เนจิถามหลังจากที่เธอตัดสินใจไปบอกกับท่านฮิอาชิถึงการตัดสิน
      เด็กสาวยิ้มน้อยๆท่าทางสุขใจ
      “ท่านพ่อดูเหมือนจะดีใจมากเลยล่ะค่ะ”
      “เหรอครับถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วล่ะ......”เขายิ้มแสดงความยินดี
      “แล้วเรื่องหลังจากนี้ล่ะครับ.....”เด็กหนุ่มถาม เพราะวันนี้มันเป็นวันที่เธอติดสินใจจะบอกกับคนๆนั้น
      คนที่เธอคิดถึงเสมอมา
      แล้วฮินาตะก็ก้มหน้าลง...ใบหน้าแเดงระเรื่อ
      “...คะ...คือว่าฉัน... ยังตื่นเต้นไม่หายเลย.....”ว่าแล้วก็เอามือประสาน ท่าทางนั่นดูน่ารักเหลือเกิน
      แต่เขาก็อดปวดร้าวใจ.......ไม่ได้
      “ถ้าเขาไม่ปฏิเสธก็ดีสินะครับ”เนจิพยายามยิ้มให้กำลังใจ ในขณะเดียวกันก็เป็นการกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเองด้วย
      “อื้อ....ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”เด็กสาวส่ายหน้า “ถึงเขาจะปฏิเสธก็ไม่เป็นไร......”
      “.ไม่หรอกครับ  อย่างนารุโตะคุงเขาไม่ปฏิเสธท่านฮินาตะอยู่แล้ว”เนจิว่า
      “ไม่หรอกค่ะ สำหรับฉันแค่ได้บอกไปก็พอแล้วล่ะ....แล้วอีกอย่าง.......”
      “ก็มีพี่เนจิอยู่ข้างๆทั้งคนนี่นา”
      “................”
      ช่วงเวลานั้น....เหมือนเส้นด้ายบางๆในใจเขากระตุก
      เด็กสาวเดินหันหลังไปพลางมองท้องฟ้า ในขณะที่เขาจ้องด้านหลังของเธอไม่วางตา  
      “บางทีพี่อาจจะนึกไม่ออก...แต่พี่เคยสัญญาไว้นะ”
      “ว่าพี่จะอยู่ข้างๆฉันตลอดไป....”เธอหันมาพลางยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มที่บริสุทธิ์
      อะไรกัน....เธอไม่เคยลืมสัญญานั่น สัญญาที่นึกว่ามีเขาคนเดียวที่ยังจำมันได้....
      หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นแรง......
      “....แต่เรื่องมันมาตั้งนานแล้ว....พี่อาจลืมไปแล้วล่ะมั้ง?”เธอหัวเราะเสียงใส
      “เพราะฉะนั้น.....ฉันจะ....”
      พริบตานั้น....คำพูดทุกอย่างของเด็กสาวถูกสะกดไว้ด้วยริมฝีปากบางเบา.....
      “.................”ฮินาตะลืมตาโพลงด้วยความตกใจ
      พลั่ก!...เธอผลักเขาเต็มแรง......ใบหน้าของเด็กสาวแดงซ่าน
      “ทำไม..พี่เนจิ.......”เธอยกมือกุมปากไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น
      เด็กหนุ่มค่อยๆลุกขึ้นมา.....เขาเองก็ตกใจเหมือนกัน ที่ทำอะไรบ้าๆแบบนั้นลงไป.....
      พอสบสายตากับเด็กหนุ่มที่จ้องมองมา เด็กสาวได้แต่เบือนหน้าหนี
      “ท่านฮินาตะ.....”เมื่อเขาเรียกชื่อของเธอแบบนั้น
      เธอรีบลุกแล้ววิ่งหนีไป
      “อ๊ะ เดี๋ยวครับ”แต่เด็กหนุ่มทำได้แค่...เรียกชื่อเธอที่กำลังวิ่งห่างหนีหายไป....
      ทิ้งให้เขาได้แต่เสียใจกับการกระทำโง่ๆของตัวเอง
      ..........................................................
      ............................................................
      ...........................................
      “ทำไมเราถึงทำอะไรบ้าๆแบบนั้นลงไปนะ.......”เด็กหนุ่มรู้สึกอยากจะตบหน้าตัวเองแรงๆสักฉาดหนึ่ง
      “ทั้งๆที่ตั้งใจจะเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้แท้ๆ......”
      แต่ช่วงเวลาเมื่อครู่นั้น  
      มันเหมือนควบคุมตัวเองไว้ไม่ได้......
      เด็กหนุ่มกุมศีรษะ.....พลางคิดอย่างปวดใจ
      “นี่เราคงให้อภัยตัวเองไม่ได้ไปตลอดชีวิต”
      ทำแบบนั้นกับท่านฮินาตะไป
      แม้เยื่อใยใดๆเธอคงไม่มีเหลือให้เขาอีกแล้ว.........
      จนป่านนี้แล้วแท้ๆ.......
      เรามันบ้า ทั้งๆที่ตั้งใจจะให้เธอมีความสุข
      แต่เรากลับ.....
      ทำลายความสุขนั้นของเธอซะเอง.....
      ท่านฮินาตะ.......
      ท่านคงไม่มีวันอภัยให้ผมไปตลอดชีวิตสินะครับ..........
      เนจิได้แต่คิดในใจอย่างปวดร้าว..........
      ด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจส่งไปถึงได้
      “ตอนนี้ถ้ามีสิ่งที่ผมทำให้ท่านอภัยได้ก็คงมีแต่.......”
      เด็กหนุ่มผมยาวตัดสินใจ....กับความรู้สึกที่ยากจะตัดใจของตนเอง
      ..........................................

      “..........ทำไมกันๆๆ”เด็กสาววิ่งไปอย่างไร้จุดหมาย.....
      “.ทำไมพี่เนจิถึงทำอย่างนั้นกับเรา.........”
      และแล้วไม่ทันระวังเธอก็สะดุดล้มลง
      “....โอย.....”ฮินาตะค่อยๆยันกายลุกขึ้น...หน้าแข้งของเธอมีรอยเลือดไหลซิบๆ....
      เด็กสาวรู้สึกถึงน้ำร้อนผ่าวในเบ้าตา....
      “เจ็บจัง.....”เธอพึมพำก่อนซุกใบหน้าลงที่หัวเข่าทั้งสอง
      “......ไม่สิ ที่เราเจ็บน่ะ....เจ็บที่ใจมากกว่า”เธอคิดในใจอย่างทรมาน
      “ทำไมกัน.....ก็แค่....พี่เนจิเขา...จูบกับเรา ทำไมเราถึงเจ็บปวดซะขนาดนั้น....”
      “เพราะรังเกียจเหรอ ไม่ใช่....มันไม่ใช่ความรู้สึกแบบนั้น...แล้วทำไมเราถึงเจ็บล่ะ?”
      ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ.....หรือว่าเป็นเพราะฉันรู้สึกดี?ที่ทำอย่างนั้น  
      ไม่นะ.....ก็เราชอบนารุโตะคุงไม่ใช่หรือ  ทำไมต้องรู้สึกอย่างนั้น.....
      เพราะอย่างนี้ใช่มั้ยเราถึงรู้สึกเจ็บ....
      เจ็บเพราะเขาทำอย่างนั้น เจ็บเพราะไม่เข้าใจในตัวเอง....
      หรือว่า
      เจ็บ....เพราะเขาทำอย่างนั้นทำไม.....
      “ท่านฮินาตะ.......”เสียงที่เขาเรียกเรา......พี่เนจิที่อ่อนโยนคนนั้น....
      พี่เนจิ.....ทำอย่างนั้นทำไม.....
      ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
      แต่ที่เจ็บซะยิ่งกว่า
      ทำไมตัวฉันเองต้องคิดถึงเขามากมาย
      ไม่เข้าใจเลย

      “เอ๊ะ เธอ ฮินาตะนี่?”เสียงของใครบางคนดังขึ้นมาจากด้านหลัง
      ทำให้เด็กสาวรู้สึกตัว เธอหันไปทางเจ้าของเสียง
      “...นะ...นารุโตะคุง.....?”เป็นเขาน่ะเอง คนที่เธอคิดถึงมาตลอด
      “เป็นอะไรล่ะ? ทำไมเธอถึงมานั่งอยู่ตรงนี้ อ้าวนั่นขาเธอ....เป็นอะไรมากหรือเปล่า?”เด็กหนุ่มผมทองรีบเข้ามาดูหน้าขาของเด็กสาว
      “แผลยาวซะด้วย.....รีบไปห้องพยาบาลที่โรงเรียนดีกว่านะ....”เด็กหนุ่มว่าก่อนจะมองหน้าเธอด้วยความเป็นห่วง
      แต่แล้วพอเห็นใบหน้าของเธอ
      “ฮินาตะ...เธอเป็นอะไรร้องไห้ทำไม?.....”
      น้ำเสียงของเขา....ใบหน้าของเขา คนที่เธอรัก...ท่าทีที่อ่อนโยนแบบนั้นเธอน่าจะดีใจ
      แต่ทำไมเวลานี้เธอกลับรู้สึกสับสน....
      เพราะใครอีกคนที่ก้าวเข้ามาในใจของเธอไม่รู้ตัวงั้นรึ
      “เจ็บมากเลยเหรอ เฮ้ย ฮินาตะ....!!”
      แล้วเด็กหนุ่มก็แปลกใจ เมื่อเด็กสาวดึงตัวเขาเข้ามากอด
      “....ฮึก....นารุโตะคุง........”หยาดน้ำตาไหลอาบแก้มเนียน......
      เธอปล่อยโฮ.....อย่างไม่อาย
      “....ฮินาตะ....”ในเวลานี้เด็กหนุ่มอีกคนได้แต่มองดูการกระทำของเด็กสาว เขาไม่รู้จะหาคำพูดใดๆมาปลอบ
      “.....นารุโตะคุง........”อ้อมแขนของเธอกระชับแน่น....
      ในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าทำไมหัวใจเธอถึงได้เจ็บปวดขนาดนั้น....
      ไม่ใช่เพราะใครอื่นหรอก...แต่เป็นตัวเธอเองต่างหาก....ที่รักเขาโดยไม่รู้ตัว.....
      รักคนๆนั้น ทั้งที่ใจเธอมีใครคนอื่นอยู่แล้ว แต่เธอก็รักเขา.....
      “ฉัน......รัก......พี่เนจิ”

      .....................................................
      ............................................
      “....ฮึก.....”เด็กสาวค่อยๆคลายอ้อมแขนจากเด็กหนุ่มนัยต์ตาสีฟ้า...เธอรู้สึกเหนื่อยอ่อนจากการร้องไห้มายาวนาน
      “........อ่ะ เอ่อ...เธอไม่เป็นไรแล้วนะ?”นารุโตะถามเด็กสาวอย่างระวังความรู้สึก
      “...อืมไม่เป็นไรจ๊ะ ขอโทษนะนารุโตะคุง...”เธอค่อยๆปาดหน้าเช็ดน้ำตา
      “เอ่อ...เอ้านี่”นารุโตะส่งผ้าเช็ดหน้าสีขาวให้เธอท่าทางเก้กังๆ
      “....เช็ดมันเถอะนะ.....”
      “อืม ขอบใจจ๊ะ นารุโตะคุง”เธอยิ้มน้อยๆก่อนจะเช็ดหน้าเช็ดตา
      นารุโตะคุงก็ยังใจดีไม่เปลี่ยน เพราะนี่ล่ะ...ที่ทำให้เธอชอบเขา
      แต่ว่า.....ความรู้สึกของเธอตอนนี้
      “......ว่าแต่มันเจ็บมากขนาดนั้นเลยเหรอ....?”เด็กหนุ่มถามซึ่งทำให้เธอแปลกใจ
      “เจ็บ?”
      “ขาเธอน่ะ....เล่นร้องไห้ซะเอาเป็นเอาตายแบบนั้น....”นารุโตะว่าพลางมองๆขาเธอ
      “อ๊ะ...เปล่าจ๊ะ ไม่ใช่...เอ่อ...นี่น่ะเจ็บนิดเดียวเอง...เอ่อ...คือ...”เด็กสาวเริ่มกลับมารู้สึกประหม่า
      จริงสิ เราทำท่าน่าอายขนาดนั้น แถมยังต่อหน้าคนที่ชื่นชอบ.....
      “...แต่ไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะ” เด็กหนุ่มยิ้มกว้างให้เธอ
      รอยยิ้มนั่น...ที่เคยทำให้เธอหัวใจเต้นทุกทีที่เขายิ้มให้ แต่น่าแปลกทำไมนะ...
      ตอนนี้เธอแค่รู้สึกดีใจที่เขาเป็นห่วง.....
      “เอ่อ...แล้วทำไมเธอถึงร้องไห้เหรอ?”เขาถามเธอตรงๆ
      ซึ่งเด็กสาวก้มหน้าลงพลางคิดถึงเรื่องนั้น........
      “.....คือว่า.....เอ่อ...คือ”
      พอคิดถึงใบหน้าของเด็กหนุ่มผมยาว เธอกลับรู้สึกหัวใจเต้น พลางหน้าแเดงขึ้นมา.....
      “....แย่จริงเลยฉัน...ทั้งที่เราชอบนารุโตะคุงไม่ใช่เหรอ?....แต่ทำไมกลับใจเต้นกับเขาขึ้นมาได้....”
      แล้วนารุโตะคุงเองก็อยู่ต่อหน้าฉันแท้ๆ......แล้วทำไมฉันถึงยัง
      เธอเงยหน้ามองเขา....ซึ่งเขาเองก็มองพลางยิ้มมา
      จริงสินะเขาเป็นคนที่เธออยากบอกมาตลอดนี่นา....ว่าชอบ  
      แต่กระนั้น......
      เธออยากให้แน่ใจในความรู้สึกของตนเอง
      เด็กสาวหลับตาก่อนจะกลั้นใจ

      “เอ่อ..คือนารุโตะคุง ฉันถามอะไรแปลกๆ...หน่อยได้มั้ย?”
      “เอ๊ะ? อะไรเหรอ?”
      “เอ่อ....คือ...เธอเคยตกหลุมรักใครโดยไม่รู้ตัวบ้างมั้ย?....”ฮินาตะตัดสินใจถามเขา
      “เห?....อะ...เอ่อ...”จู่ๆเด็กหนุ่มผมทองก็หน้าแดงซ่านขึ้นมา
      “ทะ...ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ?”เขาท่าทางรนๆพิกล
      “....เอ่อ ขอโทษจ๊ะที่ถามแปลกๆ....แต่ถ้าเธอไม่อยากตอบก็ได้นะ...”เด็กสาวรีบโบกมือ
      แต่นารุโตะกลับส่ายหน้าช้าๆ
      “ก็ไม่ใช่ว่า จะไม่เคยหรอกนะ.....”นารุโตะว่าพลางเลื่อนสายตามองไกลออกไป
      “ก่อนหน้านั้นฉันก็เคยคิดว่าฉันชอบเธอคนนั้น....”เขาว่าพลางยิ้มเศร้าๆให้กับตัวเอง
      “..แต่ว่าพอตอนที่จะเสียเขาคนนั้นไป............ฉันถึงได้รู้ว่า  ในใจฉันมีคนๆนี้มาโดยตลอด”
      กึก.....คำพูดนั้นของเด็กหนุ่มเหมือนกับจะตอกน้ำใจของเธอ
      เด็กสาวเผลอกุมหน้าอกตัวเองไม่รู้ตัว
      “ฉันนี่ก็บ้าจังเนอะ...รักเขามาตลอด แต่เพิ่งจะมารู้ตัวก็ตอนใกล้สายไป.....”
      เด็กหนุ่มผมทองยิ้มสายตาที่มองทอดออกไปไกลราวกับจะคิดถึงใครบางคน....
      .............................................
      รักเขามาตลอด แต่เพิ่งจะมารู้ตัวก็ตอนใกล้สายไป
      .....
      จริงสิ นี่ก็เหมือนกันเหมือนความรู้สึกของเรา......
      เธอมองหน้าเด็กหนุ่มอีกครั้ง....แววตาของเขาที่มองออกไปไกล
      คิดถึงใครคนอื่น...คนอื่นที่ไม่ใช่เธอ แต่น่าแปลกที่เธอไม่รู้สึกเจ็บปวดใจเอาซะเลย
      “นารุโตะคุง....อย่างนั้นเองเหรอเนี่ย”เด็กสาวมองเขาก่อนจะยิ้มให้กับตนเอง
      “ขอบใจนะ นารุโตะคุง....”เด็กสาวกล่าวน้ำเสียงแผ่วเบา.....
      “เอ๊ะ?...เอ่อเรื่องอะไรเหรอ?”นารุโตะหันมามองหน้าเธองงๆ
      “.....ก็ตั้งหลายอย่าง ยังไงก็ขอบใจนะจ๊ะ......”เธอยิ้มให้กับเขา
      “หืม?”เจ้าตัวยังคงงงๆอยู่
      ในขณะที่เด็กสาวค่อยๆลุกขึ้นมา
      “อ้าว ฮินาตะ ขาของเธอไม่เป็นไรแล้วเหรอ?”เด็กหนุ่มว่าท่าทางเป็นห่วง
      “อืมไม่เป็นไรแล้วจ๊ะ ขอบคุณที่เป็นห่วง”เด็กสาวกล่าวก่อนจะส่งผ้าเช็ดหน้าคืนให้
      “งั้นฉันไปก่อนนะ...”เธอรีบขอตัว......ก่อนจะรีบวิ่งกลับไป
      “นี่!ระวัง อย่าไปสะดุดล้มอะไรอีกล่ะ”เด็กหนุ่มตะโกนไล่หลังเธอไป.....
      เธอหันมาโบกมือให้เขา.....แทนคำตอบ.....
      ขอบใจจริงๆนะ นารุโตะคุง........
      ในที่สุดเธอก็เข้าใจหัวใจของตัวเอง.......
      ว่าคนที่เธออยากให้อยู่ข้างๆมาตลอด คือเขาคนนั้น.......
      ถึงได้บอกว่าถึงไม่มีนารุโตะคุงก็ไม่เป็นไร..ก็เพราะว่า...มีพี่เนจิน่ะเอง....
      แต่ว่านะ.......
      เด็กสาวมองย้อนกลับไปทางเด็กหนุ่มข้างหลังเธอ แม้จะเห็นเขาอยู่ไกลออกไป...
      “ฉันชอบเธอนะ นารุโตะคุง.....”ความรู้สึกนั้นเป็นของจริงแน่นอน
      แต่ว่า.....ถ้าคนที่อยู่ข้างๆไม่ใช่เขาคนนั้น
      ก็ไม่มีความหมาย ไม่มีความหมายอะไรเลย........
      ต้องรีบกลับไปหาเขาคนนั้น.....
      กลับไปบอกความรู้สึกที่แท้จริงของฉันก่อนที่จะสายไป........
      พี่เนจิ.......
      “ฉันชอบพี่เนจิค่ะ......”
      ถ้าบอกไปตอนนี้จะสายไปไหม....?
      เพิ่งจะเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง มันช้าไปไหม...?
      เธอภาวนาขออย่าให้ทุกๆอย่างมันสายไปเลย............
      .............................................
      .............................................
      .............................................
      “พี่เนจิ!!”เด็กสาวกระหืดกระหอบกลับเข้ามาที่บ้านใหญ่ประจำตระกูลหลัก
      เธอรีบตรงไปที่ห้องของเด็กหนุ่มซึ่งคาดว่าเขาน่าจะอยู่ในนั้น
      “พี่เนจิ?” แต่แล้วเธอก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าข้างในห้องนั้นว่างเปล่า.....
      “เอ๊ะ?...เกิดอะไรขึ้น.....”
      “อ้าวกลับมาแล้วเหรอคะ? ท่านฮินาตะ...”เสียงแม่บ้านประจำกูลทักขึ้นเมื่อเห็นเด็กสาวท่าทางหอบเข้ามา
      “...เกิดอะไรขึ้นคะ? แล้วของๆพี่เนจิไปไหนคะ?
      “...เอ่อคือว่าคุณเนจิเค้า......”
      .............................................................
      ..............................................................
      .........................................
      “เธอแน่ใจเหรอเนจิ.....”ท่านฮิอาชิมายืนส่งเด็กหนุ่มที่หน้าลานกว้างของตระกูลหลัก
      “ครับ ไม่เป็นไรหรอกครับ...อย่างไงๆสักวันหนึ่งผมคงต้องออกไปจากที่นี่อยู่ดี...”เด็กหนุ่มกล่าวพยายามจะบอกกับท่านลุงว่าไม่เป็นไร
      “....ถ้าเป็นเรื่องของฮินาตะเค้า...เธอไม่ต้องลำบากใจก็ได้...”
      “ท่านลุง.....?”เด็กหนุ่มมองตาผู้เป็นลุงของตน...ท่าทางตกใจ
      “รู้ด้วยเหรอครับ....”
      “หึ สายตาเธอน่ะมันบอกแทบทุกอย่าง”ท่านฮิอาชิพูดอย่างเอ็นดู
      “ถ้าเป็นเธอกับฮินาตะ  ฉันไม่ขัดข้องอะไรหรอกนะ.....”
      แม้จะกล่าวแบบนั้น แต่เด็กหนุ่มผมยาวทำได้เพียงยิ้มรับ...
      “ไม่หรอกครับ เรื่องของผมกับเด็กคนนั้น...มันไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด”
      “เพราะความเป็นตระกูลหลักรึ?”
      “เปล่าไม่ใช่หรอกครับ...”เด็กหนุ่มแค่นหัวเราะ...เหมือนจะปลอบใจตัวเอง
      “เพราะความรู้สึกของท่านฮินาตะต่างหากล่ะครับ”
      “งั้นรึ.....แล้วแน่ใจได้อย่างไรถ้าไม่บอกกับฮินาตะเค้า”
      “เอาเป็นว่าผมรู้แล้วละกัน.....ฝากบอกลาท่านฮินาตะด้วยนะครับ....”
      “ได้แล้วฉันจะบอกให้....”ท่านฮิอาชิกล่าวพลางบีบหัวไหล่ของเด็กหนุ่ม
      “ถ้าอย่างนั้นผมขอลา...”ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็สะพายสัมภาระส่วนตัว
      “โชคดีนะ...เนจิ”
      เขาค้อมตัวลงเบาๆ....พลางเดินจากไป
      แบบนี้ดีแล้วล่ะ...ถ้าเราไป...ทั้งเราทั้งท่านฮินาตะ
      จะได้ไม่มีใครลำบากใจ......
      สุดท้ายสิ่งที่เสียใจก็คงมีแค่เรื่องเมื่อตอนนั้น...และ
      “....อยากบอกกับเธอสักคำ....ว่า...เรารัก...”
      “พี่เนจิ!!”....
      กึก ทันทีที่ได้ยินเสียงนั้นเด็กหนุ่มแทบจะหยุดหายใจ
      เขารีบหันไปมอง...แล้วก็เห็นเธอที่กำลังวิ่งตามมา
      “เดี๋ยวสิ พี่จะไปไหนคะ?”เธอมาหยุดตรงหน้าเขาพอดีพลางหายใจหอบ
      “แล้วสัมภาระนั่น...อะไร....”เด็กสาวถามเขา...
      เนจิได้แต่มองเธอ..ด้วยความปวดใจแต่เขาก็ฝืนพูด
      “....ก็เห็นๆแล้วนี่ครับ ของๆผม”
      “แล้วจะเอาไปไหนคะ?”เด็กสาวถามต่อ “บ้านของพี่ก็อยู่ที่นี่ไม่ใช่รึคะ?”
      “....ไม่ครับ...ผมออกจากตระกูลไปแล้ว.....”
      “...ตะ...แต่”
      ชั่วพริบตานั้น เนจิเห็นเธอทำหน้าปวดใจ
      “...ทำไมคะ? พี่เนจิหรือเป็นเพราะฉัน.....”เสียงสั่นเครือเหมือนอยากจะร้องไห้
      “เป็นเพราะฉันใช่มั้ย?”
      เด็กหนุ่มส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะฝืนยิ้ม
      “....ไม่ใช่หรอกครับ ไม่ใช่ความผิดของท่านฮินาตะ..เป็นความผิดของเองต่างหาก”
      เด็กหนุ่มกล่าวพยายามไม่สบตาเธอ....
      “เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือครับ...ทั้งท่านและผมจะได้ไม่มีใครต้องลำบาก....”
      “........”เด็กสาวนิ่งเงียบไป...พลางก้มหน้าต่ำลง
      เด็กหนุ่มมองเธอพลางยิ้มเศร้าๆ
      เป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว...ทั้งเราและเธอจะได้ไม่มีใครเจ็บปวด
      แต่อย่างน้อย...สักครั้ง
      “ท่านฮินาตะครับ....ผม...รักท่าน”เขาบอกกับเธอออกไป
      “....เอ๊ะ?”เด็กสาวเงยหน้าเขาแววตาตื่นตระหนก
      “....ผมรู้ว่ามันทำให้ท่านลำบากใจ แต่นี่คือความรู้สึกของผมครับท่านฮินาตะ.....”
      “.....พี่เนจิ.....”หยาดน้ำใสคลอเบ้าตา
      “ยังไงซะ ก็ขอให้โชคดีนะครับ...ถ้าเป็นนารุโตะคุงเค้าคงรักท่านฮินาตะมากๆ.....”
      มะไม่ใช่นะ.....เด็กสาวตะโกนร้องอยู่ในใจ
      “.....แล้วก็ลืมเรื่องของผมเถอะนะครับ....”
      เข้าใจผิดแล้วพี่เนจิ คนที่ฉันรักน่ะ.....
      “....ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอลา.....”
      เด็กหนุ่มค่อยๆย่างก้าวเดินจากไปอย่างช้าๆ พยายามจะหักห้ามตัวเองไม่ให้หันไป
      “ไม่นะ...พี่เนจิ.....”เธอตะโกนไล่หลังเขาก่อนที่วิ่งเข้าไป...
      หมับ...
      “เอ๊ะ ทะท่านฮินาตะ.....”อ้อมแขนเล็กๆที่พยายามดึงเขาอย่างอ่อนแรง
      “ดะ...เดี๋ยวสิครับ  ปะ...ปล่อยผมสิครับ”เด็กหนุ่มขอร้องท่าทางตกใจกับการกระทำของเธอ
      “...บ้าเหรอ พี่เนจิ!!”เธอตะโกนใส่หน้าเขา
      “.....ท่านฮินาตะ.....?”
      “พี่สัญญาแล้วนะ จะอยู่ข้างๆฉันตลอดไป แล้วพี่เนจิมาทำอย่างนี้ได้ยังไง.....พี่จะมาจากไปแบบนี้ไม่ได้นะ”
      “....ท่าน.....ฮินะ...”เด็กหนุ่มแผ่วเสียงลง
      “.......ยังไม่ได้รู้ความรู้สึกฉันแท้ๆพี่จะไปไหนไม่ได้นะ  ฉันไม่ยอม”
      เธอยึดเขาไว้เต็มแรง......ราวกับจะไม่ยอมให้จากไป
      “........เดี๋ยวสิครับ นี่ท่านคงไม่”เด็กหนุ่มพยายามจะหันไปบอกเธอ
      ไม่นะ ท่านคงไม่พูดคำๆนั้น
      “ฉันรัก...พี่นะ.....”
      “..........................”
      “......ฉันรู้ว่ามันอาจจะช้าไป....แต่ฉันเพิ่งจะเข้าใจตัวเอง...เพราะว่าคนที่ฉันรักน่ะ...คือพี่เนจิ”
      “เดี๋ยวสิครับ.....”
      “....ขอร้องล่ะ อย่าไปเลยนะ....อยู่ข้างๆฉันเถอะนะ......”
      เสียงอันแผ่วเบา อ้อมแขนที่ยึดเกาะเขาไว้แน่น
      “.....จะให้ฉันทำยังไงก็ได้....แต่ขอร้องอย่าจากไปเลยนะ....”
      “ท่านฮินาตะ....”เด็กหนุ่มกัดฟัน
      “เพราะฉะนั้นอยู่ข้างๆ......”
      “ท่านนี่มัน...แย่จริงๆเลยครับ”
      “เอ๊ะ”
      ตุบ....ข้าวของในมือของเด็กหนุ่มร่วงลงสู่พื้น
      “ท่านนี่มันแย่จริงๆ...ทั้งที่จมปลักอยู่กับผมไม่มีอะไรดีแท้ๆ...”อ้อมแขนของเขากอดกระหวัดเธอเข้ามาใกล้ๆ
      “พี่เนจิ....”
      “ทั้งที่เคยทำให้ท่านเสียใจขนาดนั้น...ทั้งที่เคยทำร้ายท่านไว้มากแบบนั้น...ถึงอย่างนั้น ก็จะยังเลือกผมอีกเหรอครับ....”
      .....เด็กสาวยิ้มให้เขาก่อนจะโอบกอดเขาตอบ
      “.....อื้ม....ถ้าหากไม่ใช่พี่เนจิแล้วล่ะก็...ฉันไม่ต้องการใครอื่นอีกค่ะ”
      “ท่านฮินาตะ........”เด็กหนุ่มมองหน้าเธอใบหน้าแดงขึ้นมาด้วยความเขิน....
      “จากนี้ไป...อยู่ด้วยกันตลอดไปนะคะ.....”เธอยิ้มให้เขา
      คราวนี้มันช่างเป็นรอยยิ้มที่งดงามยิ่งกว่ารอยยิ้มครั้งไหนๆ
      “....ครับ.....ผมสัญญา”
      “เอาล่ะ งั้นกลับบ้านเรากันเถอะ.....”เธอเอ่ยชวน
      “เอ่อ...ครับ”เขารีบปล่อยตัวเธอ....
      ไม่ต้องมีคำพูดใดๆ...เด็กสาวยื่นมือของเธอให้เขา....
      ซึ่งเขาเองก็จับมือเธอเอาไว้.....
      ราวกับเป็นคำสัญญาที่จะไม่มีวันปล่อยมือข้างนี้ไปอีก
      .................................................
      ...........................................................
      ..................................
      ภายใต้การกระทำของเด็กทั้งสอง มีดวงตาคู่นึงจ้องมองพวกเขาด้วยท่าทางพึงพอใจ....
      “....ท่านฮิอาชิคะ? เป็นอะไรไปเหรอคะ?”แม่บ้านของตระกูลเข้ามาถามนายใหญ่ของเธอ
      “ฉันคิดว่าคงได้แจ้งข่าวดีสองข่าวให้ท่านผู้เฒ่าของตระกูลแล้วล่ะ....”
      “เอ๋? ข่าวอะไรเหรอคะ?”
      “ก็ผู้นำตระกูลคนใหม่ของเรากำลังจะมีคู่หมั้นแล้วไง”.....
      ท่านฮิอาชิกล่าวพลางยิ้มด้วยความสุขใจ
      ฮิซาชิ...เนจิลูกของนายน่ะแล้วก็ฮินาตะลูกของฉัน
      อีกไม่นาน....ความร้าวฉานภายในตระกูลคงสิ้นสุดกันที....
      ถ้าตอนนี้นายยังอยู่ นายจะยิ้มด้วยรอยยิ้มแบบไหนนะ...ฮิซาชิ

      .............................................
      ........ “พี่เนจิ”..........
      “ครับ......”
      “อยู่ข้างๆฉันตลอดไปนะ.....”
      “แน่นอนครับ.....ผมสัญญา....”

      ในอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป...ไม่มีใครรู้ได้
      แต่ตอนนี้............
      สำหรับเด็กหนุ่มผู้มีดวงเนตรสีขาวและใจรักอันแสนบริสุทธิ์
      “พี่เนจิ.....”
      เธอผู้มีหัวใจอันอบอุ่น......และรอยยิ้มที่แสนสดใส
      “..........ไม่ว่าอย่างไรเขาจะไม่มีวันปล่อยมือข้างนั้นไปอีกแล้ว”
      จะดูแลเธอ....ด้วยชีวิตทั้งชีวิต
      Kimiwa….itsumade…..
      “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น.....ผมก็จะอยู่ข้างกายท่านฮินาตะ  ตลอดไป......”
      ตลอดไป...ชั่วนิรันดร์
      ......................................................
      ........................................
      ~Fin~

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×