Fic POT[Rikkai:SanaKiri] : Why don't I love you my sassy boy - Fic POT[Rikkai:SanaKiri] : Why don't I love you my sassy boy นิยาย Fic POT[Rikkai:SanaKiri] : Why don't I love you my sassy boy : Dek-D.com - Writer

    Fic POT[Rikkai:SanaKiri] : Why don't I love you my sassy boy

    หิควันเกิดที่แต่งให้กับน้องสาวเอามาอัฟเล่นๆ อู้งานเก่าไว่้ก่อน POT Fiction(Sanada x Akaya) เมื่ออาคายะเก็บเอาคำพูดของซานาดะไปคิดมาก แล้วซานาดะที่ไม่เคยยอมรับใจตัวเองความรักวุ่นๆจะจบลงยังไงนะ

    ผู้เข้าชมรวม

    2,553

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    2.55K

    ความคิดเห็น


    15

    คนติดตาม


    26
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  26 พ.ค. 50 / 01:33 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Fic TPOT[Rikkai:SanaKiri] : Why don’t I love you my sassy boy

      Paring : Sanada Genijiro x Kirihara Akaya


      Rate : PG


       

      ดูเหมือนหมู่นี้ดูนายยิ้มง่ายขึ้นนะกัปตันของชมรมเทนนิสแห่งสาธิตริคไค เอ่ยขึ้นมากลางบทสนทนาที่รองกัปตันซานาดะมาเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล

       

      หมายความว่าไง? ยูคิมูระ

       

      หึ หึ เพราะคิริฮาระคุงสินะ

       

      พรวด!!!”ซานาดะที่กำลังซดชาอยู่ในห้องเยี่ยมไข้ของยูคิมูระแทบจะสำลักคอหายใจเกือบไม่ทัน

       

      พูดอะไรของนายน่ะ? ฉันกับอาคายะเนี่ยนะ เจ้าตัวปฏิเสธทันควันพลางรู้สึกหงุดหงิดตัวเองที่ทำไมต้องเกิดอาการลนขึ้นมา

       

      อ้าว? ไม่ใช่เหรอ ก็ดูท่าทางหมู่นี้นายจะพูดถึงเขาบ่อยขึ้นนะยูคิมูระทำหน้าสงสัย

       

      บ้า!! ก็เจ้านั่นมันเอาแต่ใจ ชอบดีแต่สร้างปัญหา ฉันก็เลยบ่นถึงมันก็เท่านั้นเอง

       

      แหมงั้นเหรอยูคิมูระพูดเหมือนท่าทางเสียดาย ฉันก็หลงนึกว่า เก็นอิจิโร่ จะชอบเด็กคนนั้นซะอีก

       

      ใครจะไปชอบหมอนั่นลง เจ้าเด็กที่ดีแต่สร้างปัญหานั่นน่ะซานาดะโวยวายเสียงดังแทบจะออกไปถึงนอกห้อง

       

      ไม่เห็นจะต้องทำเสียงดังแบบนั้นก็ได้ เก็นอิจิโร่

       

      อ๊ะ ขอโทษทียูคิมุระ พอดีลืมตัวไปหน่อยเจ้าตัวกระแอมไอ เพื่อกลบเกลื่อนอารมณ์ แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องร้อนตัวขนาดนั้นผิดกับวิสัยของเขาทุกที

       

      หึหึ….”

       

      ยิ้มอะไรของนาย…..”

       

      เปล่าสักหน่อย แต่ท่านกัปตันแห่งริคไคก็ยิ้มไม่เลิกแถมดูท่าจะชอบที่เห็นรองกัปตันเพื่อนสนิทของตนเองดูท่าทีดื้อๆอย่างนั้นด้วยซ้ำ

       

       

      ชอบงั้นรึ? คนอย่างเขาเนี่ยนะ จะชอบเจ้าเด็กปีศาจนั่นได้

       

      มันก็แค่อารมณ์ของผู้ปกครองที่ต้องคอยดูแลเด็กๆในปกครองของตัวเองไม่ใช่รึไง?

       

      เอาที่ไหนมาพูดกัน……

       

       

      แต่ทำไมกันนะ……

       

      เขาเอาแต่เฝ้าคิดถึงเรื่องของเจ้านั่นตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน

       

       

      ท่าทางที่เอาแต่ครุ่นคิดหนัก เพียงแค่นั้นก็พอจะบอกได้ว่า เพื่อนสนิทของคนรู้สึกอย่างไรกับเด็กคนนั้น

       

      นายแค่ปฏิเสธหัวใจตัวเองเท่านั้นล่ะนะ เก็นอิจิโร่…..”ยูคิมูระรำพันในใจ

       

      ตึก!ตึก! แต่เหมือนกับว่าเสียงฝีเท้าของใครสักคนดังขึ้นที่หน้าห้อง

       

      หือ? ใครกันน่ะ

       

      เดี๋ยวฉันไปดูให้ว่าแล้วซานาดะก็เปิดประตูห้องออกไป

       

      หือ? ไม่เห็นมีใครเลย ใครมาแกล้งอะไรเล่นหรือเปล่าเนี่ย เด็กหนุ่มร่างสูงคิดพลางรู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อยแต่แล้วเขาก็สังเกตเห็นตะกร้าผลไม้ที่วางทิ้งไว้อยู่หน้าห้อง

       

       

      รู้สึกจะเป็นของนายน่ะ ยูคิมูระซานาดะเอาตะกร้าผลไม้มาวางไว้ในห้อง

       

      เอ๋ ใครกันนะ มาวางทิ้งไว้

       

      ไม่รู้สิไม่มีการ์ดบอกไว้สักใบ เฮ้อถึงจะไม่อยากแสดงตัวก็เถอะ แต่อย่างน้อยก็น่าจะทิ้งการ์ดบอกเอาไว้บ้างไม่รู้จักมรรยาทเอาซะเลย

       

      ฮ่ะๆ เอาน่าคนเยี่ยมเค้าคงอาจจะแค่ขี้อายล่ะมั้งยูคิมูระพูดอย่างมองในแง่ดี 

       

      เอ๊ะ?แต่เมื่อเห็นว่าผลไม้ที่จัดยูคิมูระก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ หรือว่าเจ้าของตะกร้าที่วิ่งหนีไปเมื่อสักครู่จะเป็น

       

      มีอะไรงั้นรึ?

       

      เปล่าๆ ไม่มีอะไร หรอกชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงบอกปัดเปลี่ยนเรื่องไป

       

      งั้นฉันจะเอาผลไม้ไปปอกให้นะ

       

      อะอืม ขอบใจมาก

       

      หลังจากที่ชายหนุ่มเดินออกไป ยูคิมูระก็ครุ่นคิดว่าเจ้าของตะกร้าที่วิ่งหนีไปคงจะเป็นคิริฮาระไม่ผิดแน่

       

      คนที่เอาของที่ตัวเองชอบมาจัดเป็นของเยี่ยมไข้คงมีไม่กี่คน และหนึ่งในนั้นก็เป็นเด็กหนุ่มจอมดื้อคนนั้น

      เขาจำได้อย่างแม่นยำว่าสมาชิกในชมรมของตนเองชอบอะไรบ้าง

      บางทีเด็กหนุ่มคงจะได้ยินบทสนทนาเมื่อสักครู่นี้และคงเป็นชอทเด็ดพอดี……

       

      เฮ้อ ดูท่าแบบนี้คงจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันแน่…..”

       

      แต่เอาเถอะในฐานะเพื่อนที่รู้ใจ

       

       

      ไปแก้ไขความเข้าใจของนายเองละกันนะ เก็นอิจิโร่ เพื่อตัวนายเองด้วยล่ะ ยูคิมูระยิ้มกับตัวเอง ไม่นานเขาคงได้เห็นอะไรสนุกๆล่ะหลังจากที่ได้แต่นอนแกร่วจากโรงพยาบาลอยู่ซะนาน

       

       

      ฮัดชิ่ว! อะไรกัน แสดงว่าเรายังรักษาสุขภาพไม่ดีพอสินะ เจ้าตัวที่ถูกพูดถึงที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็ยังคงบื้ออยู่อย่างนั้น

       

       

       

      ในเย็นของการซ้อมวันถัดมา

       

      ก็ดูนายชอบเด็กคนนั้นออกนะ

       

      เฮ้อ…..”พอคิดถึงเรื่องที่ยูคิมูระพูดขึ้นมา เขาถอนหายใจเบาๆ

       

      ทำไมกันนะ ต้องเก็บเอาเรื่องแค่นี้มาคิดมาก มันช่างไม่สมกับเป็นตัวเขาเอาซะเลย

       

      จริงอยู่หรอก ว่าหมู่นี้เขาเอาแต่พูดถึงอาคายะบ่อยเหลือเกิน

       

      แต่ก็นั่นแหละ…..ก็เพราะตัวเขาต้องคอยดูแลเด็กหนุ่มคนนั้นอยู่ตลอดเวลา จะไม่ให้พูดถึงได้ไงกัน

       

       

      แต่ก็อีกล่ะ……

       

       

      ที่เขาเริ่มมองแต่อาคายะไม่รู้ตัว ไม่สิ….อาจจะเรียกได้อยู่ว่า แทบจะไม่คลาดสายตาไปไหนจากเด็กหนุ่มเลย

       

      และก็เอาแต่ครุ่นคิดถึงแต่เรื่องของเด็กหนุ่มในแต่ละวัน

       

       

      ก็เพราะว่าเฝ้ามองมาตลอดนี่นะ

       

       

       

      แต่มันจะใกล้เคียงกับคำว่าชอบหรือเปล่า?

       

       

      เขาก็ยังไม่รู้ใจตัวเองเลย

       

       

      …………………………

       

      อ๊า!!….รองกัปตันอ่ะทำไมต้องโหดกับแต่ผมคนเดียวล่ะ

       

      ก็เพราะว่านายทำตัวดื้อแบบนั้นน่ะสิ จะไม่ให้เข้มงวดได้ยังไง….”

       

       

      …………………………

       

       

      อาคายะ!!! มาแข่งตามใจตัวเองอีกแล้ว ไปวิ่งสิบรอบสนามซะไป!!”

       

      เอ๋!! ใจร้ายยยอ่ะ TT[]TT” ”

       

      …………………………

       

       

      เริ่มฟอร์มดีขึ้นนี่นาอาคายะ

       

      จริงเหรอ ฮิๆ งั้นคราวหน้าผมจะมีลุ้นแข่งชนะ รองกัปตันได้มั่งแล้วสิ

       

       

      เฮ้ยๆ ทะนงตัวเกินไปแล้วนายน่ะ แค่นี้ยังไม่พอที่จะเอาชนะคนอื่นเลยด้วยซ้ำ

       

      ง่าาาาา….รองกัปตันอ่ะ!!!”

       

       

      “………”

       

       

      ไม่ต้องทำท่างอนอย่างนั้นน่า!!”

       

      ก็….ทุกทีเลย พอจะชมสุดท้ายก็ไม่เคยจะชมผมจริงๆสักทีนี่นา แล้วก็ชอบดุทุกที…..”

       

      “…………….”

       

       

       

       

      อาคายะ!!!”

       

       

      อ่ะ ครับ!?!”

       

      พยายามได้ดีขึ้นนะ นายน่ะ……..”

       

      อ่ะ…….”

       

      เป็นอะไรไม่พอใจหรือไง?

       

      เหะๆ…..”

       

      เอ้า!ไปซ้อมสักที มัวแต่ยิ้มอยู่นั่นแหละ

       

      คร๊าบบบบ~~”

       

      …………………………………..

       

      รองกัปตัน คิดถึงเสียงและสีหน้าของเจ้านั่นทีไรเขาก็ไม่รู้สึกเบื่อหรือเคยเหนื่อยหน่ายใจเลยสักนิด

       

      ถึงจะมีเรื่องให้ต้องดุให้ต้องทำโทษทุกครั้ง เจ้าเด็กนั่นแม้จะทำท่าอิดออดในบางครั้ง

       

       

      แต่ก็ไม่คิดเคยที่จะโกรธจริงๆเลยสักครั้งไป…….

       

      ทว่าตัวเขาก็ยังไม่มั่นใจในตัวเองอยู่ดี….

       

      ว่าความรู้สึกนี้มันจะใช่คำว่า ชอบหรือเปล่า?

       

      แต่ถึงใช่…..อาคายะล่ะ?

       

      จะคิดอย่างไรกับตัวเขา……

       

       

      ถึงแม้ว่าเขาจะชอบเจ้าเด็กนั่นจริงๆ…….แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า

      เจ้านั่นจะชอบเขาตอบสักหน่อย

      อีกอย่าง……

      ในฐานะรองกัปตันที่ต้องรับผิดชอบลูกทีม

      การจะไปสู่ระดับประเทศ…….

       

      มันจำเป็นด้วยรึที่ต้องคิดเรื่องพวกนี้ให้รบกวนใจ

       

      นายเข้าใจฉันผิดแล้วล่ะ ยูคิมูระ……ตัวฉันในตอนนี้ไม่อาจชอบใครได้อย่างจริงจังหรอก

       

      มีแต่การแข่งเท่านั้นที่สำคัญที่สุด…….

       

       

       

       

      เด็กหนุ่มร่างสูงไม่รู้หรอกว่า

       

       

      การโกหกนั้นไม่ช้าก็เร็วก็ต้องถูกเปิดเผยอยู่ดี…..

       

      โดยเฉพาะการโกหกความรู้สึกของตัวเอง……

       

       

      เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้….”ซานาดะตะโกนบอกเลิกการฝึกกับเหล่าสมาชิก

       

      ฮ้า….วันนี้เหนื่อยชะมัด

       

      ฉันยังไม่เห็นนายแม้แต่จะหวดลูกเลยนะนิโอ…”

       

      หนวกหูน่า บุนตะ ไม่เห็นเหรอกว่าฉันซ้อมหนักอยู่นา…..”

       

      นอนนี่นะซ้อมหนัก? ==” ”

       

       

       

      มองหาอะไรอยู่เหรอ ซานาดะ เร็นจิเดินเข้ามาถามท่านรองกัปตันที่เหมือนกำลังมองหาอะไรสักอย่าง

       

      อาคายะล่ะ? วันนี้หายไปไหนซานาดะถามพลางไม่เข้าตัวเองว่าทำไมจู่ๆก็รู้สึกหงุดหงิดที่ไม่ได้เห็นหน้าเด็กหนุ่ม ที่ปกติน่าจะมาซ้อมอยู่เป็นประจำ

       

      เอ๋? เห็นเขาบอกว่าอยากรีบกลับก่อน เขาไม่ได้บอกนายเอาไว้เหรอ?

       

      อะไรนะ!!!” ได้ยินอย่างนั้นเขายิ่งรู้สึกไม่ชอบใจ

       

      เป็นไปได้ไง! ปกติฉันเคยบอกแล้วนี่ ว่าถ้าจะขาดซ้อมต้องมารายงานฉันก่อนน่ะ!”

       

      ใจเย็นๆก่อนสิ ซานาดะ บางทีอาคายะคุงเขาคงแค่รีบร้อนจนลืมบอกก็เป็นได้….”เร็นจิพยายามปลอบให้รองกัปตันใจเย็นลง

       

      “………”เขาเดินหันหลังกลับพลางรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นทุกที…….

       

      ซานาดะ…..”เร็นจิพยายามจะเรียกแต่ดูเหมือนว่าในยามนี้รองกัปตันไม่ยอมรับรู้อะไรทั้งสิ้น

       

      ฉันจะกลับก่อนล่ะ!! ฝากชมรมด้วย

       

       

       

      รองกัปตันตัดบทและทิ้งชมรมเอาซะดื้อๆ

       

      ปล่อยให้เร็นจิได้แต่ถอนหายใจเบาๆ

       

      มีหรือที่เขาจะดูไม่ออก……

       

       

      นอกจากยูคิมูระแล้วคนที่ดูออกว่า ซานาดะคิดอย่างไรกับอาคายะคุงก็มีเขาอีกคน

       

      มีแต่เจ้าตัวนั่นล่ะที่ปากแข็งไม่ยอมรับความรู้สึกจริงๆซะที…….

       

      อาจจะต้องลำบากสักหน่อย แต่ก็พยายามเข้านะ เร็นจิพูดเหมือนจะตัดพ้อกับตัวเอง

       

       

      ……………………………

       

       

      ทำไมกัน!! จู่ๆคิดจะหายหน้าก็ไม่บอกเขาสักคำซานาดะเดินกระทืบเท้าลงด้วยความโมโหมากขึ้นตลอดทางที่เขาเดินกลับ

      ปกติอาคายะไม่เคยทำอย่างนี้กับเขามาก่อน

       

       

      ไอ้เรื่องหนีซ้อมน่ะ….มีเคืองอยู่บ้าง

      แต่เล่นไม่บอกเขาสักคำนี่สิ……..ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดมากเท่านั้น

       

      แต่สิ่งที่ทำให้หงุดหงิดยิ่งกว่านั้น….

       

      ก็คือการที่เขาต้องหงุดหงิดกับอีแค่เรื่องพรรค์นี้

       

      โดยเฉพาะกับเด็กอย่างหมอนั่น……..

       

       

      แต่ทำไมกับแค่ไม่เห็นหน้า…..มันก็ทำให้เขาหงุดหงิดโดยไม่มีเหตุผล

      ไม่สมกับเป็นตัวเขาเลย

       

      มันช่างไม่สมกับเป็นตัวเขาเอาซะเลย

       

       

      ทางเดียวที่จะทำให้เขาสงบใจได้ก็มีแต่…..

       

       

       

      อาคายะเป็นอะไรของเธอน่ะ กลับมาก็เอาแต่นอนตั้งแต่หัววันเลย…..”หญิงสาวผู้เป็นพี่ส่ายหน้ากับท่าทีของน้องชาย

       

      ถ้าอาคายะกลับมาก็เอาแต่คลุมโปงอยู่บนเตียงแบบนี้ แสดงว่า คงมีเรื่องที่กำลังกังวลใจไม่น้อย แล้วยิ่งขาดการซ้อมที่เป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นด้วย

       

      แล้วไม่ไปซ้อมเทนนิสหรือไง?เธอพูดจี้ใจดำน้องชาย

       

      “………”

       

      อาคายะ

       

      “……..”

       

      ใจคอจะให้พี่พูดอยู่คนเดียวรึไง?

       

      ฮึ่ม! พี่ก็ขอผมอยู่คนเดียวเหอะน่า!!….” เด็กหนุ่มตะโกนรอดผ่านผ้าห่มเสียงอู้อี้

       

       

      ผู้เป็นพี่ถอนหายใจก่อนจะนั่งลงไปข้างๆเตียงแล้วโน้มลงไปคุยกับน้องชายใกล้ๆ

       

       

      นี่ ไปโกรธอะไรใครมา อยู่ใช่ม๊า….”

       

       

      “……..”

       

       

      แสดงว่าพี่พูดถูก

       

       

      เปล่าสักหน่อย!!……”เด็กหนุ่มยอมพูดแต่น้ำเสียงนั้นเศร้าลง

       

       

      หืมทำน้ำเสียงแบบนั้นแสดงว่ากำลังมีเรื่องเศร้าใจอยู่สินะ

       

       

      “…..”

       

       

      อาคายะ……”

       

       

      “…………”

       

       

      ?

       

       

      “………..”

       

       

       

      หญิงสาวค่อยๆเปิดผ้าห่มเบาๆก่อนจะพบว่าเจ้าน้องชายจอมดื้อนั้น

       

       

      อาคายะ! นี่เธอ ร้องไห้ทำไม? 

       

      “……………..”

       

       

      ตายแล้ว!! พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจทำให้เธอ……”

       

       

      เปล่าฮะ ไม่ใช่พี่ไม่ใช่เพราะพี่หรอก….”เด็กหนุ่มเช็ดน้ำตา

       

       

      แต่ว่า……”

       

       

      เพราะผมไม่ดีเอง…..คนๆนั้นเขาถึงได้….เขาถึงได้……”เด็กหนุ่มสะอื้นจนเริ่มพูดเป็นจังหวะไม่ได้

       

       

      ขอโทษฮะพี่ ผมมันบ้าไปเอง พี่ไม่ต้องสนใจหรอกนะ…..เดี๋ยวก็หายแล้ว

       

       

      หญิงสาวทำท่าเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็เปลี่ยนไปจับที่หัวไหล่น้องชายของเธออย่างเห็นใจ

       

      ไม่บ่อยครั้งนักที่เธอจะเห็นเขาร้องไห้ถ้าไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เสียใจถึงที่สุดจริงๆ

       

       

      อาคายะ….”

       

       

      ใครกันนะที่ทำน้องชายเธอเสียใจได้ลงคอ 

       

      แต่ระหว่างที่คิดอยู่นั้น เสียงออดก็ดังขึ้น….

       

       

       

      อ๊ะ! ตายล่ะลืมไปเลยว่าพ่อแม่ไม่อยู่เธออุทานขึ้นมาขณะที่เสียงออดดังขึ้นมาอีกรอบ

       

       

      งั้นเดี๋ยวผมลงไป…..”เด็กหนุ่มรีบเช็ดน้ำตา แต่หญิงสาวดักคอเขาไว้ก่อน

       

       

      ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพี่ลงไปเอง เธออยู่ที่ห้องทำใจให้สบายดีกว่านะ

       

       

      หญิงสาวลูบผมน้องชายอย่างห่วงใย

       

      ขณะที่เสียงออดดังซ้ำขึ้นอีกครั้ง

       

      ค่า! ค่า! จะลงไปเดี๋ยวนี้แล้ว

       

       

       

      หลังพ้นพี่สาวไป แม้จะบอกให้เขาทำใจให้สบาย

      แต่เด็กหนุ่มก็นั่งย้อนคิดถึงคำพูดที่ได้ยินในวันที่เขาไปเยี่ยมกัปตันยูคิมูระนั้น

       

       

      ใครจะไปชอบหมอนั่นลง เจ้าเด็กที่ดีแต่สร้างปัญหา

       

       

      อึก……”

       

       

       

      น้ำตามันพาลจะไหลไม่รู้ตัวอีกแล้ว

       

       

       

      ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามันจะเจ็บปวดขนาดนั้น…….

       

       

      ไม่เคยคิดเลยว่า จะได้ยินคำพูดอย่างนั้นมาจากปากของเขา…..

       

       

      แต่ที่ร้ายไปกว่านั้น……

       

       

      เขาไม่คิดว่าตัวเขาเองจะชอบ รองกัปตันซานาดะมากขนาดนี้……

       

       

       

       

      แต่ว่า……รองกัปตันเกลียดเขา……”

       

      ถึงจะชอบมากแค่ไหน แต่รองกัปตันก็ไม่ได้ชอบเขา…..

       

       

      มันก็แน่อยู่แล้ว…….คนที่ดีแต่ก่อเรื่องอย่างเขา

       

      คงทำให้รองกัปตันลำบากใจอยู่ไม่น้อย

       

      รองกัปตัน……

       

       

      แต่เขาหยุดความรู้สึกตัวเองไม่ได้แล้ว

       

       

      ถึงจะโดนเกลียด แต่ก็หยุดใจให้ไม่ชอบไม่ได้แล้ว

       

       

      เจ็บ…..มันเจ็บเหลือเกิน……

       

      ความรู้สึกนี้…….

       

       

      อาคายะ…..”

      ทั้งน้ำเสียงทั้งใบหน้าของรองกัปตัน

      เขาจะทำใจได้อย่างไร….

       

       

      ยิ่งพยายามจะลืม ก็ดูเหมือนว่ามันยิ่งจำ

       

       

      ไม่รู้ตัวเลยว่าทุกๆสิ่งที่เคยทำไปมันจะทำให้ตัวเองต้องเจ็บปวด

       

      เขาจะทำยังไงดี

       

      ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีกแล้ว……

       

      ก๊อกๆ!” เสียงเคาะประตูดังขึ้น

       

      เด็กหนุ่มรีบเช็ดหน้าเช็ดตาอีกครั้ง

       

      อะไรฮะพี่เขานึกว่าเป็นพี่สาวขึ้นมา เพราะเป็นห่วง แต่เด็กหนุ่มไม่อยากให้พี่ต้องมากังวลกับเขานัก

       

      ทว่าเมื่อเปิดประตูห้องออกไป….

       

      เด็กหนุ่มก็ได้แต่ยืนตะลึงนิ่งอึ้ง

       

      อาคายะ…..”ซานาดะมายืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด….

       

       

      แต่ก่อนที่จะทันได้พูดอะไรมากกว่านี้

       

       

      เด็กหนุ่มก็ทำท่าจะปิดประตูหนี

       

       

      เดี๋ยวสิ!!!”ดีที่เขาไหวทันก่อนที่เด็กหนุ่มจะหนีขึ้นบนเตียงไป

       

      อาคายะ!!!”

      แม้เขาจะตะโกนรียก

      แต่เจ้าเด็กหนุ่มจอมดื้อก็เอาผ้าห่มมาคลุมโปงก่อนตามด้วยหมอนปิดตัวเองเอาไว้

       

       

      “…เป็นบ้าอะไรของนายน่ะ ทำไมถึงทำตัวแบบนี้

       

      “………”

       

       

       

      นายจะออกมาคุยกับฉันดีๆได้มั้ย…..”ชายหนุ่มทำเสียงเบาลง

       

      “………..”

       

       

      เขาชักจะเริ่มหมดความอดทนขึ้นทุกที

       

      อาคายะ!!! อย่าให้ฉันต้องใช้กำลังกับนายนะ

       

      “…………”

       

       

       

      พอกันที!” ทีแรกเขาตั้งใจว่าจะคุยกับเด็กหนุ่มดีๆด้วย  แต่ดูท่าว่าเด็กหนุ่มจะไม่ยอมคุยกับเขา

       

       

      ซานาดะกระชากผ้าห่มออกก่อนจะกระชากดังข้อมือของเด็กหนุ่มเข้ามาใกล้ๆ….และต้องตกใจ

       

      “…อาคายะ……นาย….”

      แล้วความหุนหันกับความโกรธก็แทบมลายเมื่อเห็นน้ำตา

       

      อึก……” เด็กหนุ่มพยายามเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

       

      ทำไม….หรือว่าฉันรุนแรงกับนายไป…..”

       

      “……..”

       

       

      พูดกับชั้นสิ อาคายะ…”

       

       

       

      “……….”แต่เด็กหนุ่มยิ่งกลับเงียบ

       

       

      แล้วแรงบีบที่ข้อมือก็เริ่มกลับยิ่งแรงขึ้น

       

       

      อึก….”

       

      ถ้านายไม่พูด ฉันจะรู้ได้มั้ย ว่านายคิดอะไรอยู่!”ซานาดะเริ่มมีน้ำโหอีกครั้ง

       

       

      อ๊ะ!เจ็บ

      แต่เมื่อเห็นเด็กหนุ่มเริ่มเจ็บจริงๆ ซานาดะซะเองที่ต้องเป็นฝ่ายปล่อยมือเด็กหนุ่ม

       

      ขอโทษ……”

       

      เด็กหนุ่มคลำข้อมือเบาๆ ขณะที่น้ำตายังคงไหลโดยที่เจ้าตัวยังไม่ยอมพูดอะไร

       

       

      เจ็บมากรึเปล่า?รองกัปตันถามเขาขณะเริ่มรู้สึกผิดที่ตัวเองใช้อารมณ์มากเกินไป

       

       

      ซานาดะจับข้อมือของเด็กหนุ่มมาดูด้วยความห่วงใย

       

       

      ทว่ายิ่งเห็นท่าทีแบบนั้น เขายิ่งกลับปวดใจ

      พอซะทีเถอะฮะรองกัปตัน!!”เด็กหนุ่มตะโกนพร้อมกับกระชากมือออกจากเขา

       

       

      เอ๊ะ?

       

      คุณจะทำยังไงกับผมกันแน่……!”

       

       

      ทั้งแววตาและน้ำเสียงของอาคายะดูปวดร้าว

       

       

      ทำไมต้องทำดีกับผม ทำไมต้องเป็นห่วงผม ทั้งที่ใจคุณไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

       

       

      พูดอะไรของนาย จะไม่ให้ฉันเป็นห่วงได้ไงก็ในเมื่อ…..”

       

       

      พอเถอะ!! อย่าแกล้งทำเป็นสงสารผมนักเลย……ที่ยังใจดีกับผมน่ะ ก็แค่เห็นผมเป็นประโยชน์ให้กับทีมอยู่น่ะสิ ใช่มั้ยล่ะ!” คราวนี้เด็กหนุ่มเริ่มโวยวายอย่างไร้เหตุผล

       

      ถึงยังไงผมมันก็แค่จอมวุ่นวายที่ดีแต่สร้างความรำคาญให้…..ไม่มีอะไรให้คุณต้องสงสารหรอก!!”

       

       

       

      สงสาร พูดอะไรของนายกัน! ฉันไม่เห็นจะเข้าใจซานาดะเริ่มไม่เข้าใจกับสิ่งที่เด็กหนุ่มพูด

       

       

      เข้าใจ!! คุณก็น่าจะรู้ตัวเองดีนี่ ก็เกลียดผมแล้วนี่นา

       

       

      เกลียด!! พูดเป็นเล่นน่านายไปเอาอะไรมาพูด ว่าฉันเกลียดนายเขาถึงกับงงหนัก ยิ่งไม่เข้าใจว่าเด็กหนุ่มเอาอะไรไปเข้าใจแบบนั้น

       

       

      อย่ามาโกหกผมเลย ผมได้ยินที่คุณพูดกับกัปตันหมดแล้ว!”

       

       

       

      ได้ยินที่พูด?!”แล้วซานาดะก็หวนไปคิดถึงตอนตระกร้าผลไม้ปริศนา

       

      หรือว่าคนที่ไปเอาตระกร้านั่นตอนนั้น ก็คือนาย….”

       

       

      ฮึก….”เด็กหนุ่มมองหน้าเขาเขม็ง ก็ใช่น่ะสิ ผมไปได้ยินว่า ยังไงคุณก็ไม่ชอบ ตัวสร้างปัญหาอย่างผม

       

      ซานาดะเริ่มไปถึงบางอ้อ……

      ที่แท้อาคายะกำลังเข้าใจเขาผิดไป……

       

      เอ่อ อาคายะ นายกำลังเข้าใจผิดไปนะ….”ซานาดะพยายามค่อยๆอธิบาย แต่เด็กหนุ่มไม่ยอมรับฟัง

       

       

      จะเข้าใจอะไรผิดล่ะ!! ก็ผมได้ยินเต็มชัดสองรูหูนี่เลย

       

       

      ไม่ใช่นะ ตอนนั้นฉัน…..”

       

       

      พอที…..ไม่ต้องแก้ตัวแล้ว

       

       

      นี่อาคายะ ใจเย็นลงหน่อยสิ

       

       

      ทำไมผมจะต้องใจเย็นลงด้วยล่ะ ทำไมผมจะต้องคอยทำตามที่คุณบอกทุกอย่าง…..”คราวนี้เด็กหนุ่มเริ่มหาเรื่อง

       

      ฉันไม่ได้มานี่เพื่อทะเลาะกับนายนะ!”

       

      หยุดพูดทีเถอะ ทั้งๆที่คุณเกลียดผมแท้ๆ แต่ทำไมผมต้องชอบคุณมากขนาดนั้นด้วย!”

       

      ในขณะที่กำลังโกรธอยู่นั้น เด็กหนุ่มก็พลั้งปากออกไปถึงความรู้สึกของตัวเอง

       

      ซานาดะยิ่งถึงกับอึ้งเข้าไปอีก

       

       

       

      อาคายะ ชอบ ชั้น

       

      เขาได้ยินไม่ผิดไปใช่มั้ย

       

       

      แล้วตัวเขาล่ะคิดยังไงกับเด็กหนุ่ม……

       

      ถ้าหากว่าอาคายะชอบเขาจริงๆ

       

      ตัวเขาเองนั้นก็คง………

       

       

      อ๊ะ…….”ก่อนที่จะรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรออกไป 

      เด็กหนุ่มทำท่าจะวิ่งหนีออกจากห้องไป

       

      แต่ซานาดะฉุดมือเขาไว้อยู่

       

       

      เดี๋ยวสิ!!”

       

      ปล่อยนะ!!!” เด็กหนุ่มโวยวายทั้งหน้าแดง ทั้งรู้สึกยิ่งโกรธตัวเองที่พูดอะไรไปแบบนั้น

       

      แต่ฉันมีเรื่องจะพูดกับนาย

       

       

      ในเมื่ออาคายะเป็นฝ่ายบอกเขา เขาเองก็ต้องทำให้ตัวเองแน่ใจความรู้สึกสักที

       

       

      ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว!!….ผมไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น

       

       

      เดี๋ยวสิ ฟังฉันก่อน..”

       

       

      ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ผมไม่อยากฟัง

       

      อาคายะ ฟังก่อนสิ!!”

       

       

      ไม่เอา! ผมไม่ฟัง!”

       

      อาคายะ!!”

       

       

       

      ให้ตายเหอะ!!ทำไมเขาต้องมาทะเลาะเป็นเด็กๆกับเจ้านี่ด้วย

       

      จะฟังหรือไม่ฟัง!” เขาเริ่มขึ้นเสียงอีกครั้ง

       

       

      ไม่!!!!”

      ไม่ว่าอย่างไรอาคายะก็ดูไม่มีแววจะยอมเขาง่ายๆ แถมตั้งท่าจะหนีอย่างเดียวด้วย

       

       

      เฮ้อ…..ให้ตายสิ…….”

       

      เขาไม่อยากทำแบบนี้เลย แต่กับเด็กหนุ่มที่กำลังคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ เขาไม่มีทางเลือก

       

       

      แล้วซานาดะก็ตรงไปจับมือของเด็กหนุ่มที่พยายามปิดหูตัวเองอีกครั้ง

       

      จะทำอะไรน่ะ….อื้อ

       

      แต่ไม่ทันที่จะได้เถียง ริมฝีปากของเขาก็ถูกประกบเสียก่อน

       

      อื้อ…..อืม……ดะเดี๋ยว….อื้อ

      แทนที่จะพยายามขัดขืน เด็กหนุ่มกลับรู้สึกไร้เรี่ยวแรง

       

       

      ปลายลิ้นที่ร้อนผ่าวทำให้เด็กหนุ่มเกือบลืมได้ทุกสิ่ง…….

       

       

      ซานาดะค่อยๆถอนริมฝีปากออก ก่อนจะรั้งเด็กหนุ่มให้อยู่ในอ้อมแขน

       

       

      ทีนี้พอจะสงบสติอารมณ์ได้รึยัง? อาคายะ

       

       

       

      เด็กหนุ่มรู้สึกถึงใบหน้าร้อนผ่าวของตน….

      ก่อนจะเบนหน้าหลบไปทางด้านข้าง

       

       

      แต่….ทำไม ถึงจูบ

       

       

      ฉันไม่มีทางเลือกนี่นา….”

       

       

       

      แต่จะตบก็ได้นี่….ไม่ก็ทำแบบที่คุณเคยทำ

       

       

      เฮ้อ…..แล้วนายอยากให้ฉันทำรุนแรงอีกหรือไง

       

       

      ก็….. ก็คุณบอก คุณไม่ชอบผมนี่…..”

       

       

      ฉันบอกแล้วนั่นมันเรื่องเข้าใจผิด ถึงฉันจะเคยพูดไปอย่างนั้นก็จริง แต่ฉันไม่หมายความตามที่พูด

       

       

      ตะแต่……..”

       

      อีกอย่างถ้าฉันเกลียดนายจริงคิดหรือว่า ฉันจะทำแบบนี้กับนายได้……”

       

       

      “……………”เด็กหนุ่มก้มหน้าลง แต่คราวนี้ไม่ใช่เพราะโกรธหรืองอนอะไร แต่เป็นเพราะไม่รู้จะแสดงสีหน้ายังไงกับซานาดะดี…….

       

       

      เชื่อชั้นแล้วสินะ……”เขาเชยคางเด็กหนุ่มให้หันมาหน้า

       

       

      หึ! ขี้โกง!”อาคายะเริ่มกลับมาทำสีหน้าง้องอนอีกครั้ง

       

       

      หือ? ขี้โกงอะไร?

       

       

      ก็….คุณเล่นทำเอาผมเข้าใจผิดอยู่ฝ่ายเดียว ให้ผมหลงคิดน้อยใจไปเอง….แล้วผมยังเป็นคนบอกความรู้สึกอยู่ฝ่ายเดียวด้วย คุณน่ะขี้โกงที่สุด!!!”แล้วเจ้าเด็กขี้น้อยใจ คนตะกี้ก็กลับเป็นอาคายะจอมดื้อคนเดิมจนได้

       

       

      เฮ้อ……..นี่ฉันต้องปวดหัวกับนายไปอีกนานเท่าไรนะ ซานาดะถอนหายใจเบาๆ

       

       

      หึไม่รู้ล่ะ!”อาคายะแสร้งทำแก้มป่อง ก่อนที่จะโดนเชยคางอีกครั้ง

       

      อื้ออืม…”

       

       

      ก่อนที่จะถอนจูบออก ซานาดะพึมพรำเบาๆกับเด็กหนุ่ม

       

      ดูท่าจากนี้ไปฉันต้องปวดหัวไปตลอดชีวิตสินะ

       

       

       

      ………………………………..

       

       

      ที่โรงพยาบาลอีกครั้งในบ่ายวันเสาร์

       

      เด็กหนุ่มร่างสูงนั่งซดน้ำชาขณะที่ยูคิมูระกำลังยิ้มๆ

       

      หึๆ เก็นอิจิโร่ ใจลอยอีกแล้วนะ คิดถึงคิริฮาระคุงอยู่ล่ะสิ….”

       

       

      พรวด!!!” ซานาดะสำลักน้ำชา ไปเอาที่ไหนมาพูดน่ะ ยูคิมูระ

       

       

      อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ…….”กัปตันยิ้มอย่างคนรู้ทัน ขณะที่เจ้าตัวกลับทำบ่ายเบี่ยง

       

      พูดเรื่องอะไรฉันไม่เห็นจะเข้าใจ

       

      เดี๋ยวก็รู้…..”

       

       

      ก๊อกๆ! เสียงประตูห้องดังขึ้น

       

      เชิญครับ

       

       

      แล้วเร็นจิกับเด็กหนุ่มที่กำลังพูดถึงอยู่นั้นก็มาพอดี

       

       

      อ้าวพูดถึงก็มาเชียวว่าแล้วยูคิมูระยิ้มๆให้กับเด็กหนุ่ม

       

       

      พูดถึงอะไรกันเหรอฮะ

       

       

      อ๋อ ก็พูด ว่า ซานาดะเค้าคิดถึงเธอน่ะ คิริฮาระคุง

       

       

      พรวด!!” ซานาดะที่กำลังดื่มชาอีกครั้งก็ต้องสำลักมาเป็นครั้งที่สองของวัน ขณะที่อาคายะหน้าแดงแปร๊ด

       

      ส่วนเร็นจินั้นก็หันไปยิ้มกับกัปตันอย่างคนรู้เท่ากัน

       

       

      ยูคิมูระ!!!!”เขาโวยวายขึ้นมา

       

       

      จะปฏิเสธว่าไม่ใช่หรือไง…?”เพื่อนรักดักคอขึ้นมา ปล่อยให้ซานาดะอ้ำอึงเถียงอะไรไม่ออก

       

      จริงมั้ยคิริฮาระคุง

       

       

      เด็กหนุ่มที่กำลังหน้าแดงแปร๊ดก็ทำอะไรไม่ถูก…. เอ่อ คือ……”

       

      ว่าไงล่ะ?ยิ่งถูกคาดคั้น เด็กหนุ่มก็รู้สึกตกในที่นั่งลำบาก

       

       

      ง่า……ผม ผมไม่รู้แล้วล่ะ!!!..”แต่เจ้าตัวดันซิ่งหนีไปซะได้

       

       

      เฮ้ยอาคายะ!!” แล้วซานาดะก็รีบตามเด็กหนุ่มไปทันที

       

       

      เฮ้อๆ…..”ยูคิมูระได้แต่ถอนหายใจ

       

      นายว่าระหว่างคนไม่กล้าแสดงออกกับคนปากไม่ตรงกับใจอย่างไหนนี่จัดการยากกว่านั้นนะ เร็นจิ

       

      ก็คงทั้งสองฝ่ายล่ะมั้ง…..”

       

       

      แล้วเราควรทำไงดีล่ะ?

       

       

      แหม….เรื่องของเขาก็ปล่อยให้เคลียร์กันเอาเองก็แล้วกัน

       

      นั่นสิน๊า ยูคิมูระหัวเราะอย่างรู้สึกสนุก

       

       

       

      แม้จะต้องพานพบกับเรื่องยุ่งๆที่อาจจะเกิดไม่รู้ต่อกี่ครั้ง

       

       

      ทว่ามันก็ยังเป็นแค่บทเริ่มต้นของพวกเขาสองคนจากนี้ไป……….

       

       

       

       

       

       

      ยิ้มอะไรน่ะ อาคายะ?

       

       

      เปล่านี่ฮะ……”

       

       

      “……….แปลกคนจริงนะนายน่ะ…..”

       

       

      นี่! นี่! รองกัปตัน…..”

       

      อะไรล่ะ?

       

      บอกผมว่าชอบสักครั้งได้มั้ยฮะ…..”

       

       

      “…………”

       

       

      รองกัปตัน?

       

       

      “…………”

       

       

      ฮึ่ม……..”

       

      …………………………………………

       

       

       

       

       

      ชอบ……..”

       

      เอ๊ะ?

       

       

      ก็ได้ยินไปแล้วนี่!”

       

       

      ง่ะ เดี๋ยวสิ! ผมได้ไม่ชัดนะฮะ

       

      ก็บอกไปแล้วนี่ อีกอย่างฉันไม่ใช่คนชอบพูดอะไรซ้ำสอง

       

       

      ง่า กัปตันอ่ะ ใจร้าย!!!พูดอีกรอบเถอะนะ น๊าๆๆๆๆ

       

      เฮ้อบอกไปแล้วก็บอกไปแล้วยังจะเอาอีก…...”

       

       

      “…รองกัปตันอ๊ะ!!!………”

       

       

       

      ~Fin~

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×