Fic POT[Rikkai:SanaKiri] : Why don't I love you my sassy boy
หิควันเกิดที่แต่งให้กับน้องสาวเอามาอัฟเล่นๆ อู้งานเก่าไว่้ก่อน POT Fiction(Sanada x Akaya) เมื่ออาคายะเก็บเอาคำพูดของซานาดะไปคิดมาก แล้วซานาดะที่ไม่เคยยอมรับใจตัวเองความรักวุ่นๆจะจบลงยังไงนะ
ผู้เข้าชมรวม
2,553
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Fic TPOT[Rikkai:SanaKiri] : Why don’t I love you my sassy boy
Paring : Sanada Genijiro x Kirihara Akaya
Rate : PG
“ดูเหมือนหมู่นี้ดูนายยิ้มง่ายขึ้นนะ”กัปตันของชมรมเทนนิสแห่งสาธิตริคไค เอ่ยขึ้นมากลางบทสนทนาที่รองกัปตันซานาดะมาเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล
“หมายความว่าไง? ยูคิมูระ”
“หึ หึ เพราะคิริฮาระคุงสินะ”
“พรวด!!!”ซานาดะที่กำลังซดชาอยู่ในห้องเยี่ยมไข้ของยูคิมูระแทบจะสำลักคอหายใจเกือบไม่ทัน
“พูดอะไรของนายน่ะ? ฉันกับอาคายะเนี่ยนะ” เจ้าตัวปฏิเสธทันควันพลางรู้สึกหงุดหงิดตัวเองที่ทำไมต้องเกิดอาการลนขึ้นมา
“อ้าว? ไม่ใช่เหรอ ก็ดูท่าทางหมู่นี้นายจะพูดถึงเขาบ่อยขึ้นนะ”ยูคิมูระทำหน้าสงสัย
“บ้า!! ก็เจ้านั่นมันเอาแต่ใจ ชอบดีแต่สร้างปัญหา ฉันก็เลยบ่นถึงมันก็เท่านั้นเอง”
“แหม…งั้นเหรอ”ยูคิมูระพูดเหมือนท่าทางเสียดาย “ฉันก็หลงนึกว่า เก็นอิจิโร่ จะชอบเด็กคนนั้นซะอีก”
“ใครจะไปชอบหมอนั่นลง เจ้าเด็กที่ดีแต่สร้างปัญหานั่นน่ะ”ซานาดะโวยวายเสียงดังแทบจะออกไปถึงนอกห้อง
“ไม่เห็นจะต้องทำเสียงดังแบบนั้นก็ได้ เก็นอิจิโร่”
“อ๊ะ ขอโทษทียูคิมุระ พอดีลืมตัวไปหน่อย”เจ้าตัวกระแอมไอ เพื่อกลบเกลื่อนอารมณ์ แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องร้อนตัวขนาดนั้นผิดกับวิสัยของเขาทุกที
“หึหึ….”
“ยิ้มอะไรของนาย…..”
“เปล่าสักหน่อย” แต่ท่านกัปตันแห่งริคไคก็ยิ้มไม่เลิกแถมดูท่าจะชอบที่เห็นรองกัปตันเพื่อนสนิทของตนเองดูท่าทีดื้อๆอย่างนั้นด้วยซ้ำ
ชอบงั้นรึ? คนอย่างเขาเนี่ยนะ จะชอบเจ้าเด็กปีศาจนั่นได้
มันก็แค่อารมณ์ของผู้ปกครองที่ต้องคอยดูแลเด็กๆในปกครองของตัวเองไม่ใช่รึไง?
เอาที่ไหนมาพูดกัน……
แต่ทำไมกันนะ……
เขาเอาแต่เฝ้าคิดถึงเรื่องของเจ้านั่นตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน
ท่าทางที่เอาแต่ครุ่นคิดหนัก เพียงแค่นั้นก็พอจะบอกได้ว่า เพื่อนสนิทของคนรู้สึกอย่างไรกับเด็กคนนั้น
“นายแค่ปฏิเสธหัวใจตัวเองเท่านั้นล่ะนะ เก็นอิจิโร่…..”ยูคิมูระรำพันในใจ
ตึก!ตึก! แต่เหมือนกับว่าเสียงฝีเท้าของใครสักคนดังขึ้นที่หน้าห้อง
“หือ? ใครกันน่ะ”
“เดี๋ยวฉันไปดูให้”ว่าแล้วซานาดะก็เปิดประตูห้องออกไป
“หือ? ไม่เห็นมีใครเลย” ใครมาแกล้งอะไรเล่นหรือเปล่าเนี่ย เด็กหนุ่มร่างสูงคิดพลางรู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อยแต่แล้วเขาก็สังเกตเห็นตะกร้าผลไม้ที่วางทิ้งไว้อยู่หน้าห้อง
“รู้สึกจะเป็นของนายน่ะ ยูคิมูระ”ซานาดะเอาตะกร้าผลไม้มาวางไว้ในห้อง
“เอ๋ ใครกันนะ มาวางทิ้งไว้”
“ไม่รู้สิไม่มีการ์ดบอกไว้สักใบ เฮ้อ…ถึงจะไม่อยากแสดงตัวก็เถอะ แต่อย่างน้อยก็น่าจะทิ้งการ์ดบอกเอาไว้บ้างไม่รู้จักมรรยาทเอาซะเลย”
“ฮ่ะๆ เอาน่าคนเยี่ยมเค้าคงอาจจะแค่ขี้อายล่ะมั้ง”ยูคิมูระพูดอย่างมองในแง่ดี
“เอ๊ะ?” แต่เมื่อเห็นว่าผลไม้ที่จัดยูคิมูระก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ หรือว่าเจ้าของตะกร้าที่วิ่งหนีไปเมื่อสักครู่จะเป็น…
“มีอะไรงั้นรึ?”
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร หรอก”ชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงบอกปัดเปลี่ยนเรื่องไป
“งั้นฉันจะเอาผลไม้ไปปอกให้นะ”
“อะอืม ขอบใจมาก”
หลังจากที่ชายหนุ่มเดินออกไป ยูคิมูระก็ครุ่นคิดว่าเจ้าของตะกร้าที่วิ่งหนีไปคงจะเป็นคิริฮาระไม่ผิดแน่
คนที่เอาของที่ตัวเองชอบมาจัดเป็นของเยี่ยมไข้คงมีไม่กี่คน และหนึ่งในนั้นก็เป็นเด็กหนุ่มจอมดื้อคนนั้น
เขาจำได้อย่างแม่นยำว่าสมาชิกในชมรมของตนเองชอบอะไรบ้าง
บางทีเด็กหนุ่มคงจะได้ยินบทสนทนาเมื่อสักครู่นี้และคงเป็นชอทเด็ดพอดี……
“เฮ้อ ดูท่าแบบนี้คงจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันแน่…..”
แต่เอาเถอะในฐานะเพื่อนที่รู้ใจ
“ไปแก้ไขความเข้าใจของนายเองละกันนะ เก็นอิจิโร่ เพื่อตัวนายเองด้วยล่ะ” ยูคิมูระยิ้มกับตัวเอง ไม่นานเขาคงได้เห็นอะไรสนุกๆล่ะหลังจากที่ได้แต่นอนแกร่วจากโรงพยาบาลอยู่ซะนาน
“ฮัดชิ่ว! อะไรกัน แสดงว่าเรายังรักษาสุขภาพไม่ดีพอสินะ” เจ้าตัวที่ถูกพูดถึงที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็ยังคงบื้ออยู่อย่างนั้น
ในเย็นของการซ้อมวันถัดมา
“ก็ดูนายชอบเด็กคนนั้นออกนะ”
“เฮ้อ…..”พอคิดถึงเรื่องที่ยูคิมูระพูดขึ้นมา เขาถอนหายใจเบาๆ
ทำไมกันนะ ต้องเก็บเอาเรื่องแค่นี้มาคิดมาก มันช่างไม่สมกับเป็นตัวเขาเอาซะเลย
จริงอยู่หรอก ว่าหมู่นี้เขาเอาแต่พูดถึงอาคายะบ่อยเหลือเกิน
แต่ก็นั่นแหละ…..ก็เพราะตัวเขาต้องคอยดูแลเด็กหนุ่มคนนั้นอยู่ตลอดเวลา จะไม่ให้พูดถึงได้ไงกัน
แต่ก็อีกล่ะ……
ที่เขาเริ่มมองแต่อาคายะไม่รู้ตัว ไม่สิ….อาจจะเรียกได้อยู่ว่า แทบจะไม่คลาดสายตาไปไหนจากเด็กหนุ่มเลย
และก็เอาแต่ครุ่นคิดถึงแต่เรื่องของเด็กหนุ่มในแต่ละวัน
ก็เพราะว่าเฝ้ามองมาตลอดนี่นะ
แต่มันจะใกล้เคียงกับคำว่า”ชอบ”หรือเปล่า?
เขาก็ยังไม่รู้ใจตัวเองเลย
…………………………
“อ๊า!!….รองกัปตันอ่ะทำไมต้องโหดกับแต่ผมคนเดียวล่ะ”
“ก็เพราะว่านายทำตัวดื้อแบบนั้นน่ะสิ จะไม่ให้เข้มงวดได้ยังไง….”
…………………………
“อาคายะ!!! มาแข่งตามใจตัวเองอีกแล้ว ไปวิ่งสิบรอบสนามซะไป!!”
“เอ๋!! ใจร้ายยยอ่ะ TT[]TT” ”
…………………………
“เริ่มฟอร์มดีขึ้นนี่นาอาคายะ”
“จริงเหรอ ฮิๆ งั้นคราวหน้าผมจะมีลุ้นแข่งชนะ รองกัปตันได้มั่งแล้วสิ”
“เฮ้ยๆ ทะนงตัวเกินไปแล้วนายน่ะ แค่นี้ยังไม่พอที่จะเอาชนะคนอื่นเลยด้วยซ้ำ”
“ง่าาาาา….รองกัปตันอ่ะ!!!”
“………”
“ไม่ต้องทำท่างอนอย่างนั้นน่า!!”
“ก็….ทุกทีเลย พอจะชมสุดท้ายก็ไม่เคยจะชมผมจริงๆสักทีนี่นา แล้วก็ชอบดุทุกที…..”
“…………….”
“อาคายะ!!!”
“อ่ะ ครับ!?!”
“พยายามได้ดีขึ้นนะ นายน่ะ……..”
“อ่ะ…….”
“เป็นอะไรไม่พอใจหรือไง?”
“เหะๆ…..”
“เอ้า!ไปซ้อมสักที มัวแต่ยิ้มอยู่นั่นแหละ”
“คร๊าบบบบ~~”
…………………………………..
“รองกัปตัน” คิดถึงเสียงและสีหน้าของเจ้านั่นทีไรเขาก็ไม่รู้สึกเบื่อหรือเคยเหนื่อยหน่ายใจเลยสักนิด
ถึงจะมีเรื่องให้ต้องดุให้ต้องทำโทษทุกครั้ง เจ้าเด็กนั่นแม้จะทำท่าอิดออดในบางครั้ง
แต่ก็ไม่คิดเคยที่จะโกรธจริงๆเลยสักครั้งไป…….
ทว่าตัวเขาก็ยังไม่มั่นใจในตัวเองอยู่ดี….
ว่าความรู้สึกนี้มันจะใช่คำว่า “ชอบ”หรือเปล่า?
แต่ถึงใช่…..อาคายะล่ะ?
จะคิดอย่างไรกับตัวเขา……
ถึงแม้ว่าเขาจะชอบเจ้าเด็กนั่นจริงๆ…….แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า
เจ้านั่นจะชอบเขาตอบสักหน่อย
อีกอย่าง……
ในฐานะรองกัปตันที่ต้องรับผิดชอบลูกทีม
การจะไปสู่ระดับประเทศ…….
มันจำเป็นด้วยรึที่ต้องคิดเรื่องพวกนี้ให้รบกวนใจ
‘นายเข้าใจฉันผิดแล้วล่ะ ยูคิมูระ……ตัวฉันในตอนนี้ไม่อาจชอบใครได้อย่างจริงจังหรอก’
มีแต่การแข่งเท่านั้นที่สำคัญที่สุด…….
เด็กหนุ่มร่างสูงไม่รู้หรอกว่า
การโกหกนั้นไม่ช้าก็เร็วก็ต้องถูกเปิดเผยอยู่ดี…..
โดยเฉพาะการโกหกความรู้สึกของตัวเอง……
“เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้….”ซานาดะตะโกนบอกเลิกการฝึกกับเหล่าสมาชิก
“ฮ้า….วันนี้เหนื่อยชะมัด”
“ฉันยังไม่เห็นนายแม้แต่จะหวดลูกเลยนะนิโอ…”
“หนวกหูน่า บุนตะ ไม่เห็นเหรอกว่าฉันซ้อมหนักอยู่นา…..”
“นอนนี่นะซ้อมหนัก? ==” ”
“มองหาอะไรอยู่เหรอ ซานาดะ” เร็นจิเดินเข้ามาถามท่านรองกัปตันที่เหมือนกำลังมองหาอะไรสักอย่าง
“อาคายะล่ะ? วันนี้หายไปไหน” ซานาดะถามพลางไม่เข้าตัวเองว่าทำไมจู่ๆก็รู้สึกหงุดหงิดที่ไม่ได้เห็นหน้าเด็กหนุ่ม ที่ปกติน่าจะมาซ้อมอยู่เป็นประจำ
“เอ๋? เห็นเขาบอกว่าอยากรีบกลับก่อน เขาไม่ได้บอกนายเอาไว้เหรอ?”
“อะไรนะ!!!” ได้ยินอย่างนั้นเขายิ่งรู้สึกไม่ชอบใจ
“เป็นไปได้ไง! ปกติฉันเคยบอกแล้วนี่ ว่าถ้าจะขาดซ้อมต้องมารายงานฉันก่อนน่ะ!”
“ใจเย็นๆก่อนสิ ซานาดะ บางทีอาคายะคุงเขาคงแค่รีบร้อนจนลืมบอกก็เป็นได้….”เร็นจิพยายามปลอบให้รองกัปตันใจเย็นลง
“………”เขาเดินหันหลังกลับพลางรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นทุกที…….
“ซานาดะ…..”เร็นจิพยายามจะเรียกแต่ดูเหมือนว่าในยามนี้รองกัปตันไม่ยอมรับรู้อะไรทั้งสิ้น
“ฉันจะกลับก่อนล่ะ!! ฝากชมรมด้วย”
รองกัปตันตัดบทและทิ้งชมรมเอาซะดื้อๆ
ปล่อยให้เร็นจิได้แต่ถอนหายใจเบาๆ
มีหรือที่เขาจะดูไม่ออก……
นอกจากยูคิมูระแล้วคนที่ดูออกว่า ซานาดะคิดอย่างไรกับอาคายะคุงก็มีเขาอีกคน
มีแต่เจ้าตัวนั่นล่ะที่ปากแข็งไม่ยอมรับความรู้สึกจริงๆซะที…….
“อาจจะต้องลำบากสักหน่อย แต่ก็พยายามเข้านะ ”เร็นจิพูดเหมือนจะตัดพ้อกับตัวเอง
……………………………
‘ทำไมกัน!! จู่ๆคิดจะหายหน้าก็ไม่บอกเขาสักคำ’ซานาดะเดินกระทืบเท้าลงด้วยความโมโหมากขึ้นตลอดทางที่เขาเดินกลับ
ปกติอาคายะไม่เคยทำอย่างนี้กับเขามาก่อน
ไอ้เรื่องหนีซ้อมน่ะ….มีเคืองอยู่บ้าง
แต่เล่นไม่บอกเขาสักคำนี่สิ……..ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดมากเท่านั้น
แต่สิ่งที่ทำให้หงุดหงิดยิ่งกว่านั้น….
ก็คือการที่เขาต้องหงุดหงิดกับอีแค่เรื่องพรรค์นี้
โดยเฉพาะกับเด็กอย่างหมอนั่น……..
แต่ทำไมกับแค่ไม่เห็นหน้า…..มันก็ทำให้เขาหงุดหงิดโดยไม่มีเหตุผล
ไม่สมกับเป็นตัวเขาเลย
มันช่างไม่สมกับเป็นตัวเขาเอาซะเลย
ทางเดียวที่จะทำให้เขาสงบใจได้ก็มีแต่…..
“อาคายะเป็นอะไรของเธอน่ะ กลับมาก็เอาแต่นอนตั้งแต่หัววันเลย…..”หญิงสาวผู้เป็นพี่ส่ายหน้ากับท่าทีของน้องชาย
ถ้าอาคายะกลับมาก็เอาแต่คลุมโปงอยู่บนเตียงแบบนี้ แสดงว่า คงมีเรื่องที่กำลังกังวลใจไม่น้อย แล้วยิ่งขาดการซ้อมที่เป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นด้วย
“แล้วไม่ไปซ้อมเทนนิสหรือไง?” เธอพูดจี้ใจดำน้องชาย
“………”
“อาคายะ”
“……..”
“ใจคอจะให้พี่พูดอยู่คนเดียวรึไง?”
“ฮึ่ม! พี่ก็…ขอผมอยู่คนเดียวเหอะน่า!!….” เด็กหนุ่มตะโกนรอดผ่านผ้าห่มเสียงอู้อี้
ผู้เป็นพี่ถอนหายใจก่อนจะนั่งลงไปข้างๆเตียงแล้วโน้มลงไปคุยกับน้องชายใกล้ๆ
“นี่ ไปโกรธอะไรใครมา อยู่ใช่ม๊า….”
“……..”
“ แสดงว่าพี่พูดถูก”
“เปล่าสักหน่อย!!……”เด็กหนุ่มยอมพูดแต่น้ำเสียงนั้นเศร้าลง…
“หืม…ทำน้ำเสียงแบบนั้นแสดงว่ากำลังมีเรื่องเศร้าใจอยู่สินะ”
“…..”
“อาคายะ……”
“…………”
“?”
“………..”
หญิงสาวค่อยๆเปิดผ้าห่มเบาๆก่อนจะพบว่าเจ้าน้องชายจอมดื้อนั้น
“อาคายะ! นี่เธอ ร้องไห้ทำไม?”
“……………..”
“ตายแล้ว!! พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจทำให้เธอ……”
“เปล่าฮะ ไม่ใช่พี่…ไม่ใช่เพราะพี่หรอก….”เด็กหนุ่มเช็ดน้ำตา
“แต่ว่า……”
“เพราะผมไม่ดีเอง…..คนๆนั้นเขาถึงได้….เขาถึงได้……”เด็กหนุ่มสะอื้นจนเริ่มพูดเป็นจังหวะไม่ได้
“ขอโทษฮะพี่… ผมมันบ้าไปเอง พี่ไม่ต้องสนใจหรอกนะ…..เดี๋ยวก็หายแล้ว”
หญิงสาวทำท่าเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็เปลี่ยนไปจับที่หัวไหล่น้องชายของเธออย่างเห็นใจ
ไม่บ่อยครั้งนักที่เธอจะเห็นเขาร้องไห้ถ้าไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เสียใจถึงที่สุดจริงๆ
“อาคายะ….”
ใครกันนะที่ทำน้องชายเธอเสียใจได้ลงคอ
แต่ระหว่างที่คิดอยู่นั้น เสียงออดก็ดังขึ้น….
“อ๊ะ! ตายล่ะลืมไปเลยว่าพ่อแม่ไม่อยู่”เธออุทานขึ้นมาขณะที่เสียงออดดังขึ้นมาอีกรอบ
“งั้นเดี๋ยวผมลงไป…..”เด็กหนุ่มรีบเช็ดน้ำตา แต่หญิงสาวดักคอเขาไว้ก่อน
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพี่ลงไปเอง เธออยู่ที่ห้องทำใจให้สบายดีกว่านะ”
หญิงสาวลูบผมน้องชายอย่างห่วงใย
ขณะที่เสียงออดดังซ้ำขึ้นอีกครั้ง
“ค่า! ค่า! จะลงไปเดี๋ยวนี้แล้ว
หลังพ้นพี่สาวไป แม้จะบอกให้เขาทำใจให้สบาย
แต่เด็กหนุ่มก็นั่งย้อนคิดถึงคำพูดที่ได้ยินในวันที่เขาไปเยี่ยมกัปตันยูคิมูระนั้น
“ใครจะไปชอบหมอนั่นลง เจ้าเด็กที่ดีแต่สร้างปัญหา”
“อึก……”
น้ำตามันพาลจะไหลไม่รู้ตัวอีกแล้ว
ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามันจะเจ็บปวดขนาดนั้น…….
ไม่เคยคิดเลยว่า จะได้ยินคำพูดอย่างนั้นมาจากปากของเขา…..
แต่ที่ร้ายไปกว่านั้น……
เขาไม่คิดว่าตัวเขาเองจะชอบ รองกัปตันซานาดะมากขนาดนี้……
“แต่ว่า……รองกัปตันเกลียดเขา……”
ถึงจะชอบมากแค่ไหน แต่รองกัปตันก็ไม่ได้ชอบเขา…..
มันก็แน่อยู่แล้ว…….คนที่ดีแต่ก่อเรื่องอย่างเขา
คงทำให้รองกัปตันลำบากใจอยู่ไม่น้อย
รองกัปตัน……
แต่เขาหยุดความรู้สึกตัวเองไม่ได้แล้ว
ถึงจะโดนเกลียด แต่ก็หยุดใจให้ไม่ชอบไม่ได้แล้ว
เจ็บ…..มันเจ็บเหลือเกิน……
ความรู้สึกนี้…….
“อาคายะ…..”
ทั้งน้ำเสียงทั้งใบหน้าของรองกัปตัน
เขาจะทำใจได้อย่างไร….
ยิ่งพยายามจะลืม ก็ดูเหมือนว่ามันยิ่งจำ
ไม่รู้ตัวเลยว่าทุกๆสิ่งที่เคยทำไปมันจะทำให้ตัวเองต้องเจ็บปวด
เขาจะทำยังไงดี
ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีกแล้ว……
“ก๊อกๆ!” เสียงเคาะประตูดังขึ้น
เด็กหนุ่มรีบเช็ดหน้าเช็ดตาอีกครั้ง
“อะไรฮะพี่” เขานึกว่าเป็นพี่สาวขึ้นมา เพราะเป็นห่วง แต่เด็กหนุ่มไม่อยากให้พี่ต้องมากังวลกับเขานัก
ทว่าเมื่อเปิดประตูห้องออกไป….
เด็กหนุ่มก็ได้แต่ยืนตะลึงนิ่งอึ้ง
“อาคายะ…..”ซานาดะมายืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด….
แต่ก่อนที่จะทันได้พูดอะไรมากกว่านี้
เด็กหนุ่มก็ทำท่าจะปิดประตูหนี
“เดี๋ยวสิ!!!”ดีที่เขาไหวทันก่อนที่เด็กหนุ่มจะหนีขึ้นบนเตียงไป
“อาคายะ!!!”
แม้เขาจะตะโกนรียก
แต่เจ้าเด็กหนุ่มจอมดื้อก็เอาผ้าห่มมาคลุมโปงก่อนตามด้วยหมอนปิดตัวเองเอาไว้
“…เป็นบ้าอะไรของนายน่ะ ทำไมถึงทำตัวแบบนี้”
“………”
“นายจะออกมาคุยกับฉันดีๆได้มั้ย…..”ชายหนุ่มทำเสียงเบาลง
“………..”
เขาชักจะเริ่มหมดความอดทนขึ้นทุกที
“อาคายะ!!! อย่าให้ฉันต้องใช้กำลังกับนายนะ”
“…………”
“พอกันที!” ทีแรกเขาตั้งใจว่าจะคุยกับเด็กหนุ่มดีๆด้วย แต่ดูท่าว่าเด็กหนุ่มจะไม่ยอมคุยกับเขา
ซานาดะกระชากผ้าห่มออกก่อนจะกระชากดังข้อมือของเด็กหนุ่มเข้ามาใกล้ๆ….และต้องตกใจ
“…อาคายะ……นาย….”
แล้วความหุนหันกับความโกรธก็แทบมลายเมื่อเห็นน้ำตา
“อึก……” เด็กหนุ่มพยายามเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
“ทำไม….หรือว่าฉันรุนแรงกับนายไป…..”
“……..”
“พูดกับชั้นสิ อาคายะ…”
“……….”แต่เด็กหนุ่มยิ่งกลับเงียบ
แล้วแรงบีบที่ข้อมือก็เริ่มกลับยิ่งแรงขึ้น
“อึก….”
“ถ้านายไม่พูด ฉันจะรู้ได้มั้ย ว่านายคิดอะไรอยู่!”ซานาดะเริ่มมีน้ำโหอีกครั้ง
“อ๊ะ!เจ็บ”
แต่เมื่อเห็นเด็กหนุ่มเริ่มเจ็บจริงๆ ซานาดะซะเองที่ต้องเป็นฝ่ายปล่อยมือเด็กหนุ่ม
“ขอโทษ……”
เด็กหนุ่มคลำข้อมือเบาๆ ขณะที่น้ำตายังคงไหลโดยที่เจ้าตัวยังไม่ยอมพูดอะไร
“เจ็บมากรึเปล่า?”รองกัปตันถามเขาขณะเริ่มรู้สึกผิดที่ตัวเองใช้อารมณ์มากเกินไป
ซานาดะจับข้อมือของเด็กหนุ่มมาดูด้วยความห่วงใย
ทว่ายิ่งเห็นท่าทีแบบนั้น เขายิ่งกลับปวดใจ
“พอซะทีเถอะฮะรองกัปตัน!!”เด็กหนุ่มตะโกนพร้อมกับกระชากมือออกจากเขา
“เอ๊ะ?”
“คุณจะทำยังไงกับผมกันแน่……!”
ทั้งแววตาและน้ำเสียงของอาคายะดูปวดร้าว
“ทำไมต้องทำดีกับผม ทำไมต้องเป็นห่วงผม ทั้งที่ใจคุณไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ”
“พูดอะไรของนาย จะไม่ให้ฉันเป็นห่วงได้ไงก็ในเมื่อ…..”
“พอเถอะ!! อย่าแกล้งทำเป็นสงสารผมนักเลย……ที่ยังใจดีกับผมน่ะ ก็แค่เห็นผมเป็นประโยชน์ให้กับทีมอยู่น่ะสิ ใช่มั้ยล่ะ!” คราวนี้เด็กหนุ่มเริ่มโวยวายอย่างไร้เหตุผล
“ถึงยังไงผมมันก็แค่จอมวุ่นวายที่ดีแต่สร้างความรำคาญให้…..ไม่มีอะไรให้คุณต้องสงสารหรอก!!”
“สงสาร พูดอะไรของนายกัน! ฉันไม่เห็นจะเข้าใจ”ซานาดะเริ่มไม่เข้าใจกับสิ่งที่เด็กหนุ่มพูด
“เข้าใจ!! คุณก็น่าจะรู้ตัวเองดีนี่ ก็เกลียดผมแล้วนี่นา”
“เกลียด!! พูดเป็นเล่นน่า…นายไปเอาอะไรมาพูด ว่าฉันเกลียดนาย”เขาถึงกับงงหนัก ยิ่งไม่เข้าใจว่าเด็กหนุ่มเอาอะไรไปเข้าใจแบบนั้น
“อย่ามาโกหกผมเลย ผมได้ยินที่คุณพูดกับกัปตันหมดแล้ว!”
“ได้ยินที่พูด?!”แล้วซานาดะก็หวนไปคิดถึงตอนตระกร้าผลไม้ปริศนา
“หรือว่าคนที่ไปเอาตระกร้านั่นตอนนั้น ก็คือนาย….”
“ฮึก….”เด็กหนุ่มมองหน้าเขาเขม็ง “ก็ใช่น่ะสิ ผมไปได้ยินว่า ยังไงคุณก็ไม่ชอบ ตัวสร้างปัญหาอย่างผม”
ซานาดะเริ่มไปถึงบางอ้อ……
ที่แท้อาคายะกำลังเข้าใจเขาผิดไป……
“เอ่อ อาคายะ นายกำลังเข้าใจผิดไปนะ….”ซานาดะพยายามค่อยๆอธิบาย แต่…เด็กหนุ่มไม่ยอมรับฟัง
“จะเข้าใจอะไรผิดล่ะ!! ก็ผมได้ยินเต็มชัดสองรูหูนี่เลย”
“ไม่ใช่นะ ตอนนั้นฉัน…..”
“พอที…..ไม่ต้องแก้ตัวแล้ว”
“นี่อาคายะ ใจเย็นลงหน่อยสิ”
“ทำไมผมจะต้องใจเย็นลงด้วยล่ะ ทำไมผมจะต้องคอยทำตามที่คุณบอกทุกอย่าง…..”คราวนี้เด็กหนุ่มเริ่มหาเรื่อง
“ฉันไม่ได้มานี่เพื่อทะเลาะกับนายนะ!”
“หยุดพูดทีเถอะ ทั้งๆที่คุณเกลียดผมแท้ๆ แต่ทำไมผมต้องชอบคุณมากขนาดนั้นด้วย!”
ในขณะที่กำลังโกรธอยู่นั้น เด็กหนุ่มก็พลั้งปากออกไปถึงความรู้สึกของตัวเอง
ซานาดะยิ่งถึงกับอึ้งเข้าไปอีก
‘อาคายะ ชอบ ชั้น’
เขาได้ยินไม่ผิดไปใช่มั้ย
แล้วตัวเขาล่ะคิดยังไงกับเด็กหนุ่ม……
ถ้าหากว่าอาคายะชอบเขาจริงๆ
ตัวเขาเองนั้นก็คง………
“อ๊ะ…….”ก่อนที่จะรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรออกไป
เด็กหนุ่มทำท่าจะวิ่งหนีออกจากห้องไป
แต่ซานาดะฉุดมือเขาไว้อยู่
“เดี๋ยวสิ!!”
“ปล่อยนะ!!!” เด็กหนุ่มโวยวายทั้งหน้าแดง ทั้งรู้สึกยิ่งโกรธตัวเองที่พูดอะไรไปแบบนั้น
“แต่ฉันมีเรื่องจะพูดกับนาย”
ในเมื่ออาคายะเป็นฝ่ายบอกเขา เขาเองก็ต้องทำให้ตัวเองแน่ใจความรู้สึกสักที
“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว!!….ผมไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น”
“เดี๋ยวสิ ฟังฉันก่อน..”
“ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ผมไม่อยากฟัง”
“อาคายะ ฟังก่อนสิ!!”
“ไม่เอา! ผมไม่ฟัง!”
“อาคายะ!!”
ให้ตายเหอะ!!ทำไมเขาต้องมาทะเลาะเป็นเด็กๆกับเจ้านี่ด้วย
“จะฟังหรือไม่ฟัง!” เขาเริ่มขึ้นเสียงอีกครั้ง
“ไม่!!!!”
ไม่ว่าอย่างไรอาคายะก็ดูไม่มีแววจะยอมเขาง่ายๆ แถมตั้งท่าจะหนีอย่างเดียวด้วย
“เฮ้อ…..ให้ตายสิ…….”
เขาไม่อยากทำแบบนี้เลย แต่กับเด็กหนุ่มที่กำลังคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ เขาไม่มีทางเลือก
แล้วซานาดะก็ตรงไปจับมือของเด็กหนุ่มที่พยายามปิดหูตัวเองอีกครั้ง
“จะทำอะไรน่ะ….อื้อ”
แต่ไม่ทันที่จะได้เถียง ริมฝีปากของเขาก็ถูกประกบเสียก่อน
“อื้อ…..อืม……ดะเดี๋ยว….อื้อ”
แทนที่จะพยายามขัดขืน เด็กหนุ่มกลับรู้สึกไร้เรี่ยวแรง
ปลายลิ้นที่ร้อนผ่าวทำให้เด็กหนุ่มเกือบลืมได้ทุกสิ่ง…….
ซานาดะค่อยๆถอนริมฝีปากออก ก่อนจะรั้งเด็กหนุ่มให้อยู่ในอ้อมแขน
“ทีนี้พอจะสงบสติอารมณ์ได้รึยัง? อาคายะ”
เด็กหนุ่มรู้สึกถึงใบหน้าร้อนผ่าวของตน….
ก่อนจะเบนหน้าหลบไปทางด้านข้าง
“แต่….ทำไม ถึง…จูบ”
“ฉันไม่มีทางเลือกนี่นา….”
“แต่จะตบก็ได้นี่….ไม่ก็ทำแบบที่คุณเคยทำ”
“เฮ้อ…..แล้วนายอยากให้ฉันทำรุนแรงอีกหรือไง”
“ก็….. ก็คุณบอก คุณไม่ชอบผมนี่…..”
“ฉันบอกแล้วนั่นมันเรื่องเข้าใจผิด ถึงฉันจะเคยพูดไปอย่างนั้นก็จริง แต่ฉันไม่หมายความตามที่พูด”
“ตะแต่……..”
“อีกอย่างถ้าฉันเกลียดนายจริง…คิดหรือว่า ฉันจะทำแบบนี้กับนายได้……”
“……………”เด็กหนุ่มก้มหน้าลง แต่คราวนี้ไม่ใช่เพราะโกรธหรืองอนอะไร แต่เป็นเพราะไม่รู้จะแสดงสีหน้ายังไงกับซานาดะดี…….
“เชื่อชั้นแล้วสินะ……”เขาเชยคางเด็กหนุ่มให้หันมาหน้า
“หึ! ขี้โกง!”อาคายะเริ่มกลับมาทำสีหน้าง้องอนอีกครั้ง
“หือ? ขี้โกงอะไร?”
“ก็….คุณเล่นทำเอาผมเข้าใจผิดอยู่ฝ่ายเดียว ให้ผมหลงคิดน้อยใจไปเอง….แล้วผมยังเป็นคนบอกความรู้สึกอยู่ฝ่ายเดียวด้วย คุณน่ะขี้โกงที่สุด!!!”แล้วเจ้าเด็กขี้น้อยใจ คนตะกี้ก็กลับเป็นอาคายะจอมดื้อคนเดิมจนได้
“เฮ้อ……..นี่ฉันต้องปวดหัวกับนายไปอีกนานเท่าไรนะ” ซานาดะถอนหายใจเบาๆ
“หึไม่รู้ล่ะ!”อาคายะแสร้งทำแก้มป่อง ก่อนที่จะโดนเชยคางอีกครั้ง
“อื้อ…อืม…”
ก่อนที่จะถอนจูบออก ซานาดะพึมพรำเบาๆกับเด็กหนุ่ม
“ดูท่าจากนี้ไปฉันต้องปวดหัวไปตลอดชีวิตสินะ”
………………………………..
ที่โรงพยาบาลอีกครั้งในบ่ายวันเสาร์
เด็กหนุ่มร่างสูงนั่งซดน้ำชาขณะที่ยูคิมูระกำลังยิ้มๆ
“หึๆ เก็นอิจิโร่ ใจลอยอีกแล้วนะ คิดถึงคิริฮาระคุงอยู่ล่ะสิ….”
“พรวด!!!” ซานาดะสำลักน้ำชา “ไปเอาที่ไหนมาพูดน่ะ ยูคิมูระ”
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ…….”กัปตันยิ้มอย่างคนรู้ทัน ขณะที่เจ้าตัวกลับทำบ่ายเบี่ยง
“พูดเรื่องอะไรฉันไม่เห็นจะเข้าใจ”
“เดี๋ยวก็รู้…..”
ก๊อกๆ! เสียงประตูห้องดังขึ้น
“เชิญครับ”
แล้วเร็นจิกับเด็กหนุ่มที่กำลังพูดถึงอยู่นั้นก็มาพอดี
“อ้าวพูดถึงก็มาเชียว”ว่าแล้วยูคิมูระยิ้มๆให้กับเด็กหนุ่ม
“พูดถึงอะไรกันเหรอฮะ”
“อ๋อ ก็พูด ว่า ซานาดะเค้าคิดถึงเธอน่ะ คิริฮาระคุง”
“พรวด!!” ซานาดะที่กำลังดื่มชาอีกครั้งก็ต้องสำลักมาเป็นครั้งที่สองของวัน ขณะที่อาคายะหน้าแดงแปร๊ด
ส่วนเร็นจินั้นก็หันไปยิ้มกับกัปตันอย่างคนรู้เท่ากัน
“ยูคิมูระ!!!!”เขาโวยวายขึ้นมา
“จะปฏิเสธว่าไม่ใช่หรือไง…?”เพื่อนรักดักคอขึ้นมา ปล่อยให้ซานาดะอ้ำอึงเถียงอะไรไม่ออก
“จริงมั้ยคิริฮาระคุง”
เด็กหนุ่มที่กำลังหน้าแดงแปร๊ดก็ทำอะไรไม่ถูก…. “เอ่อ คือ……”
“ว่าไงล่ะ?” ยิ่งถูกคาดคั้น เด็กหนุ่มก็รู้สึกตกในที่นั่งลำบาก
“ง่า……ผม ผมไม่รู้แล้วล่ะ!!!..”แต่เจ้าตัวดันซิ่งหนีไปซะได้
“เฮ้ยอาคายะ!!” แล้วซานาดะก็รีบตามเด็กหนุ่มไปทันที
“เฮ้อๆ…..”ยูคิมูระได้แต่ถอนหายใจ
“นายว่าระหว่างคนไม่กล้าแสดงออกกับคนปากไม่ตรงกับใจอย่างไหนนี่จัดการยากกว่านั้นนะ เร็นจิ”
“ก็คงทั้งสองฝ่ายล่ะมั้ง…..”
“แล้วเราควรทำไงดีล่ะ?”
“แหม….เรื่องของเขาก็ปล่อยให้เคลียร์กันเอาเองก็แล้วกัน”
“นั่นสิน๊า” ยูคิมูระหัวเราะอย่างรู้สึกสนุก
แม้จะต้องพานพบกับเรื่องยุ่งๆที่อาจจะเกิดไม่รู้ต่อกี่ครั้ง
ทว่ามันก็ยังเป็นแค่บทเริ่มต้นของพวกเขาสองคนจากนี้ไป……….
“ยิ้มอะไรน่ะ อาคายะ?
“เปล่านี่ฮะ……”
“……….แปลกคนจริงนะนายน่ะ…..”
“นี่! นี่! รองกัปตัน…..”
“อะไรล่ะ?”
“บอกผมว่าชอบสักครั้งได้มั้ยฮะ…..”
“…………”
“รองกัปตัน?”
“…………”
“ฮึ่ม……..”
…………………………………………
“ชอบ……..”
“เอ๊ะ?”
“ก็ได้ยินไปแล้วนี่!”
“ง่ะ เดี๋ยวสิ! ผมได้ไม่ชัดนะฮะ”
“ก็บอกไปแล้วนี่ อีกอย่างฉันไม่ใช่คนชอบพูดอะไรซ้ำสอง”
“ง่า กัปตันอ่ะ ใจร้าย!!!พูดอีกรอบเถอะนะ น๊าๆๆๆๆ”
“เฮ้อ…บอกไปแล้วก็บอกไปแล้วยังจะเอาอีก…...”
“…รองกัปตันอ๊ะ!!!………”
~Fin~
ผลงานอื่นๆ ของ Dark_shochan ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Dark_shochan
ความคิดเห็น