ผู้ชายชุดดำ - ผู้ชายชุดดำ นิยาย ผู้ชายชุดดำ : Dek-D.com - Writer

    ผู้ชายชุดดำ

    ผู้เข้าชมรวม

    81

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    81

    ความคิดเห็น


    8

    คนติดตาม


    5
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 ก.พ. 65 / 13:58 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ชายชุดดำ

    LONDON 1975

    Time : 03:45 p.m.

    ในเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองแห่งนี้มีสิ่งสวยงามมากมายทั้งสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นและสิ่งที่ธรรมชาติกำหนดขึ้นมา และมีผู้คนมากหน้าหลายตาอาศัยอยู่รวมกัน ต่างฝ่ายต่างมอบความสุขให้แก่กันและกัน ล้วนเป็นการกระทำที่สวยงามของผู้คนในเมืองแห่งนี้ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่ามีบางสิ่งบางอย่างสีดำมืดมิดที่ซ่อนอยู่ภายใต้สิ่งสวยงามเหล่านี้

    "มาร์ค วิลสัน" คือชื่อของผมเองครับ ผมเกิดที่ประเทศไทย แต่ย้ายมาอยู่ที่ลอนดอนเมื่อ 5เดือนที่แล้ว ผมอาศัยอยู่ที่อพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งในลอนดอน ไม่ได้ดูดีมากแต่ก็พออยู่ได้ ผมทำงานเป็นพนักงานในร้านสะดวกซื้อ 8-12 เป็นร้านที่ผมทำตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ ตอนนี้เข้าเดือนที่ 5 แล้ว ก็สนุกดีครับเป็นงานที่ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ทำความสะอาดร้าน เติมของในสต็อก แล้วก็ทำงานแคชเชียร์ ผมทำงานกะดึกของที่นี่ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่หกโมงเย็นไปจนถึงห้าทุ่มก็จะมีคนมาเปลี่ยนกะ วันนี้ผมไม่รู้จะทำอะไรก็เลยเข้างานเร็ว และคนที่ทำงานเวลาก่อนหน้านี้ก็คือเพื่อนของผมเอง เขาชื่อ "แดเนียล" เป็นเพื่อนคนแรกและคนเดียวที่ผมรู้จักที่อยู่ที่นี่ เขาคอยบอกเรื่องเกี่ยวกับเมืองนี้และคอยช่วยเหลือผมในเรื่องต่างๆ และตอนที่ผมกำลังจะเข้าไปในร้าน ผมก็เห็นคนคนหนึ่ง เขาใส่เสื้อคลุมหนังสีดำยาวจนปิดขาและใส่หมวกสีดำนั่งอยู่ที่เก้าอี้ข้างร้าน ผมเห็นเขาก้มหาอะไรบางอย่าง จึงจะเดินเข้าไปช่วยเหลือ

    "หาอะไรอยู่เหรอครับ" ผมพูดออกไปพร้อมกับยิ้มให้

    "หาแหวนน่ะพ่อหนุ่ม เห็นแหวนฉันบ้างไหม" เขาหันหน้ามาพูดกับผม

    "ขอรายละเอียดของแหวนได้ไหมครับ เดี๋ยวผมจะได้ช่วยหา" ผมถามออกไปเพื่อที่จะช่วยเขา

    "แหวนสีเงิน สลักตัวเอ็มอยู่ที่แหวนน่ะ" เขาตอบกลับมาพร้อมพยายามคว้านมือหาต่อไป

    ผมมองหาแหวนตามลักษณะที่เขาบอกมาก็เจอเข้ากับแหวนอันหนึ่งที่มือของเขาเอื้อมไม่ถึง ผมจึงเดินไปหยิบมันขึ้นมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า

    "ใช่แหวนวงนี้หรือเปล่าครับ" ผมพูดพร้อมกับชูแหวนขึ้นตรงหน้าของเขา

    "ส่งมาให้ฉันหน่อยสิพ่อหนุ่ม" ผมส่งให้เขาและคิดกับตัวเองว่าเขาจำแหวนของตัวเองไม่ได้หรือมองไม่เห็นมันกันนะ เพราะแหวนก็อยู่ตรงหน้าของเขา แค่เขาเอื้อมไม่ถึงแค่นั้น เขาสัมผัสแหวนวงนั้นอยู่สักพักก็พูดขึ้น 

    "ใช่ นี่แหละแหวนของฉัน ขอบใจพ่อหนุ่มมากๆเลยนะจ๊ะ" เขาพูดพร้อมยิ้มให้แต่ไม่ได้หันมาทางผม

    "อ๋อ ครับ" ผมตอบกลับไปแต่ก็ยังมีสิ่งที่ผมสงสัยอยู่จึงพูดออกไป

    "แล้วคุณลุงมองไม่เห็นเหรอครับ แหวนมันก็อยู่ตรงหน้าของคุณลุงตั้งแต่ตอนแรก" ผมถามออกไปด้วยความสงสัยที่ผมมีอยู่ เขายิ้มมุมปากพร้อมกับถอดหมวกสีดำออกแล้วพูดขึ้น

    "ฉันไม่สามารถมองเห็นได้อีกแล้วน่ะ" เขาหันหน้ามาตอบผมพร้อมกับส่งรอยยิ้มมาให้

    ผมสังเกตดวงตาที่มีนัยน์ตาสีเขียวมรกต ช่างเป็นสีที่น่าหลงใหลและน่าจ้องมองเสียจริง แต่ดวงตาของคุณลุงราวกับมองผ่านผมไป แสดงว่าคุณลุงคนนี้น่าจะพิการทางสายตา ผมจึงชะงักไปสักพักและตอบคุณลุงไป 

    "อ่า ครับ ผมขอโทษที่ถามนะครับ"

    "ไม่เป็นอะไรหรอกพ่อหนุ่ม มันเป็นความจริงที่ฉันต้องยอมรับอยู่แล้ว" เขาว่าขึ้นพร้อมยิ้มให้

    ครั้งนี้นัยน์ตาสีมรกตนั้นเหมือนกับจ้องมองมาที่ผมยังไงยังงั้น แต่คงเป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง เพราะเขาบอกว่าเขาไม่สามารถมองเห็นได้อีกแล้วหนิ ผมคิดในใจ

    "นั่งคุยเป็นเพื่อนฉันก่อนได้ไหมล่ะพ่อหนุ่ม" คุณลุงพูดขึ้นพร้อมกับหันหน้ากับไปมองวิวของเมืองแห่งนี้

    ผมลืมบอกไปนะครับว่าร้านแห่งนี้อยู่ใกล้ๆ กับป่าแต่อยู่บนเขา และร้านนี้จะมองเห็นวิวของเมืองที่สวยงามแห่งนี้ได้กว้างมากๆ แต่ตอนกลางคืนก็จะมืดและหนาวมากๆ เช่นกัน

    "ได้ครับ ผมว่างพอดี" ผมตอบกลับไปแบบนั้นเพราะวันนี้ผมเข้ามาร้านก่อนเวลาที่ผมจะต้องทำงาน เลยตอบตกลงที่จะนั่งคุยเป็นเพื่อนคุณลุง เขายิ้มให้ผมพร้อมกับหันหน้าไปมองวิวเช่นเดิม และพวกเรานั่งกันโดยที่ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรออกมา ผมรู้สึกอึดอัดเลยหาเรื่องพูดออกไป

    "วิวของเมืองนี้สวยดีนะครับ" ผมพูดออกไปทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดตอนนี้

    "ใช่แล้วล่ะ ฉันชอบบรรยากาศของเมืองนี้มากๆ มันสงบดี" คุณลุงพูดขึ้นและสีหน้าของเขาดูมีความสุขจริงๆ กับสิ่งที่เขาพูดมา

    "ใช่ครับ ทั้งบรรยากาศ สภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ และผู้คนในเมืองนี้ก็มีคนดีเยอะมากๆ เลยครับ" ผมพูดตอบกลับไปจากสิ่งที่ผมเจอมาตั้งแต่เริ่มย้ายมาอยู่ที่นี่

    "หึ มันอาจจะไม่สงบสุขเหมือนที่พ่อหนุ่มเห็นก็ได้นะ" คุณลุงพูดพร้อมยิ้มให้และหันหน้ามาใช้นัยน์ตาสีมรกตนั้นสบตากับผม ตอนนี้คำถามในหัวของผมตอนนี้คือ เขามองเห็นผมงั้นเหรอ? ผมไม่กล้าที่จะถามออกไป แต่ก็เป็นครั้งที่สองที่เหมือนกับว่าคุณลุงสามารถมองเห็นผมได้หรือผมอาจจะคิดไปเอง เพราะถ้าเขามองเห็นผมจริงเขาจะไม่เห็นแหวนที่เขาทำตกได้ยังไงกัน

    "ยังไงเหรอครับที่อาจจะไม่เหมือนกับที่ผมเห็น" ผมถามไปเพราะสงสัยกับสิ่งที่คุณลุงพูดเอาไว้

    "หึ ไม่มีอะไรหรอกคนแก่แบบฉันก็พูดจาเลอะเทอะไปเรื่อยแหละพ่อหนุ่ม" คุณลุงแค่นหัวเราะในลำคอและตอบกลับผมราวกับว่าที่เขาพูดไปมันไม่น่าสนใจ

    "อ่า ครับ" ผมตอบกลับไปแต่ก็ยังสงสัยกับสิ่งที่เขาพูดอยู่ แล้วเราก็ต่างฝ่ายต่างไม่พูดอะไรต่อจนคุณลุงพูดขึ้นมา

    "พ่อหนุ่มเคยได้ยินตำนานของ ชายชุดดำ บ้างไหม" เขาพูดขึ้นและหันมายิ้มกับผมอีกครั้ง ทำให้ผมสบตากับเขาและได้เห็นนัยน์ตาสีสวยอีก

    "เอ่อ คืออะไรเหรอครับ ผมไม่เคยได้ยินเลย" ผมตอบกลับไปตามความจริงเพราะตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่ก็ไม่มีใครเล่าตำนานเรื่องอะไรให้ฟัง ส่วนตัวผมเป็นคนที่ชอบเรื่องพวกนี้นะครับ แต่ก็ไม่ได้อยากรู้อะไรมากขนาดนั้น เพราะกลัวว่าจะไปลบหลู่อะไรเข้า

    "อยากฟังไหมล่ะ ฉันจะเล่าให้ฟัง" เขาพูดเสนอขึ้นมา ผมก็ไม่ได้อยากรู้และไม่ได้ไม่อยากรู้ เลยตอบไปตามที่ผมคิด

    "แล้วแต่คุณลุงเลยครับ ผมได้หมดอยู่แล้ว" ผมตอบไปเพราะถึงแม้จะเล่าหรือไม่เล่า ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับตัวผม

    "มีอยู่วันหนึ่งในเมืองที่แสนสงบที่มีนามว่าลอนดอน" คุณลุงเริ่มพูดขึ้นทำให้ผมตั้งใจฟัง

    "มีผู้ชายคนหนึ่งเขามีการแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์มาก คือเขาจะใส่เสื้อคลุมหนังสีดำยาวไปจนถึงขา ใส่หมวกสีดำ และนัยน์ตาที่มีสีงดงาม" คุณลุงพูดไปพร้อมกับมองวิวของเมือง

    "เขาก็เหมือนกับชายธรรมดาทั่วไป แต่จุดเปลี่ยนอยู่ที่วันที่พ่อและแม่ของเขานั้นเสียชีวิตในอุบัติเหตุ แต่เขานั้นรู้ดีว่ามีคนจงใจที่จะทำให้อุบัติเหตุนั้นเกิดขึ้น" ผมนั่งฟังคุณลุงพูดพร้อมกับสังเกตเห็นว่านัยน์ตาของคุณลุงนั้นเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัดราวกับว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวของเขาเอง

    "เขาจึงไปแจ้งตำรวจเพื่อร้องขอความเป็นธรรม แต่ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเด็กอายุสิบเจ็ดเลย พวกเขาคิดว่าเด็กคนนั้นกุเรื่องขึ้นมา"

    "แล้วเด็กคนนั้นทำยังไงต่อเหรอครับ" ผมถามไปด้วยความที่อยากรู้

    "เด็กคนนั้นก็ไปขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ตัวซึ่งก็คือผู้คนในเมือง แต่ก็ไม่มีใครที่จะช่วยเหลือเด็กคนนั้นเลย" คุณลุงตอบกลับมาจากคำถามที่ผมได้ถามไป

    "แล้วเขาไม่มีญาติที่ไหนเลยเหรอครับ" ผมถามไปด้วยความสงสัย เพราะคนเราจะไม่มีญาติเลยเหรอ

    "หึ ไม่มีใครสนใจเด็กที่ไม่มีค่าหรอกนะ จะมีก็แต่คนที่หวังผลประโยชน์เพราะพ่อแม่ของเด็กหนุ่มมีเงินมากมายที่ทำให้คนพวกนั้นมาตีสนิทหรือช่วยเหลือเพื่อหวังผลตอบแทน"

    "คนเรานี่มีจิตใจโหดร้ายจังนะครับ แล้วเด็กคนนั้นเขาทำยังไงต่อเหรอครับ" ผมถามเพื่อที่จะให้คุณลุงเล่าต่อจากที่เล่าค้างไว้

    "เขาก็แก้แค้นคนเหล่านั้นที่ไม่มีใครช่วยเหลือและไม่เชื่อคำพูดของเขา และเขาก็แก้แค้นพวกที่ทำให้พ่อกับแม่ของเขานั้นต้องจากไปด้วย" คุณลุงพูดพร้อมกับดูโกรธมากๆ

    "แล้วเขาแก้แค้นยังไงเหรอครับ"

    "เขาฆ่าพวกมันทุกคนจนไม่เหลือแม้แต่คนเดียวที่เขาเคยไปขอความช่วยเหลือ ตอนนั้นในเมืองเกิดการฆาตกรรมครั้งใหญ่มีผู้เสียชีวิตมากกว่าสิบชีวิต"

    "โหดร้ายจัง" ผมพูดขึ้นพร้อมกับมองไปทางวิวของเมืองที่สงบสุข

    "มันคือการแก้แค้นที่คนพวกนั้นสมควรจะได้รับจากการที่ทำสิ่งเหล่านั้นกับเด็กคนนั้นแล้วแหละนะ" คำพูดทำให้ผมต้องละจากวิวที่มองอยู่เพื่อไปมองคุณลุง

    "แล้วทำไมเขาถึงโดนเด็กที่อายุแค่สิบเจ็ดปีฆ่าได้ล่ะครับ ทั้งๆ ที่ผู้ใหญ่น่าจะมีแรงมากกว่า" ผมถามไปด้วยความสงสัยเพราะเด็กอายุสิบเจ็ดจะมีแรงฆ่าผู้ใหญ่ได้หลายชีวิตขนาดนั้นเลยเหรอ

    "หึ ฉันก็ไม่รู้สินะ แต่ศพที่พบจะเจอแถวป่าที่อยู่ใกล้ร้านแห่งนี้" คุณลุงพูดขึ้นทำเอาผมตกใจมาก ในป่าข้างๆร้านผมมีเรื่องราวขนาดนี้เลยเหรอ แต่อาจจะเป็นแค่เรื่องเล่าก็ได้มั้ง ผมคิดในใจ

    "สภาพศพที่เจอก็มีจะลักษณะที่มีรอยมีดอยู่ที่คอลึกมาก มือและหูทั้งสองข้างก็ถูกตัดออกไป ดวงตาถูกแทงจนมองไม่เห็นนัยน์ตาของศพ" คุณลุงพูดจนทำให้ผมเห็นภาพเลยล่ะ

    "ถ้านายเจอชายชุดดำก็อย่าไปคุยและให้เขาเห็นละยิ่งถ้าเป็นตอนกลางคืนละก็..." คุณลุงพูดค้างไว้และไม่พูดต่อ

    "ก็อะไรหรอครับ"ผมถามไปเพราะมันค้างคามากๆ

    "หึ ไม่มีอะไรหรอก สุดท้ายเขาก็เป็นแค่เรื่องเล่าหรือตำนานเท่านั้นแหละไม่ต้องใส่ใจอะไรมาก" เขาหันมาตอบพร้อมยิ้มให้

    "แต่ถ้าพ่อหนุ่มเจอจริงๆละก็...ถึงจะหนีก็ไม่พ้นหรอกนะ" คุณลุงบอกผมมาอย่างนั้นก่อนจะหันไปมองวิวอีกครั้ง

    "ทำไมเหรอครับ หรือเขามีทักษะการต่อสู้ที่เก่ง?" ผมถามออกไปเพื่อจะได้ไม่ค้างคากับเรื่องนี้

    "หึ เพราะเขา-"

    คุณลุงกำลังจะตอบคำถามผม แต่ก็มีเสียงของคนคนหนึ่งเรียกผมขึ้นมาขัดจังหวะตอนที่คุณลุงกำลังพูด

    "ไอ้มาร์คทำไรวะใกล้ถึงเวลาทำงานมึงแล้ว" เป็นเสียงของแดเนียลที่โกนเรียกผมจากประตูหน้าร้าน

    "กูนั่งคุยกับคุณ- อ้าว หายไปไหนแล้ววะ" ผมหันกลับมาก็ไม่เห็นคุณลุงคนนี้แล้ว

    "หาใครวะรีบเข้าไปเปลี่ยนชุดได้แล้วไป เดี๋ยวก็โดนเจ้าของร้านว่าอีกหรอก" แดเนียลพูดขึ้นตอนที่ผมกำลังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ คุณลุงหายไปไหนแล้วล่ะ แต่ก็ชั่งเถอะคงจะกลับไปแล้วมั้ง ผมได้แต่คิดสิ่งที่พอเป็นไปได้และมองไปที่นาฬิกาจากโทรศัพท์มือถือก็พบว่าเป็นเวลาเกือบจะหกโมงเย็นแล้ว ผมจึงกลับเข้าร้านและไปเปลี่ยนชุดเพื่อที่จะทำงาน

     

    Time : 10:45 p.m.

    ผมทำงานทั้งแคชเชียร์และทำความสะอาดจนใกล้ถึงกะของอีกคน ตอนนี้ผมนั่งเล่นโทรศัพท์รอที่หน้าแคชเชียร์เพื่อรอลูกค้า และผมได้ยินเสียงเปิดประตูของร้านเลยเงยหน้าจากมือถือเพื่อดูว่าเป็นใคร แต่กลับเป็นคนที่จะมาทำงานต่อจากผม เขาชื่อว่า "แอนดรู" เป็นรุ่นพี่ที่ทำงานที่นี่เหมือนกัน

    "มาเร็วจังครับ เหลืออีกตั้งสิบห้านาทีแหนะ" ผมพูดไปเมื่อมองนาฬิกาจากมือถือ

    "พอดีอยู่บ้านแล้วมันน่าเบื่อเลยมาร้านเร็วหน่อยน่ะ" พี่เขาตอบกลับมาด้วยสีหน้านิ่งๆ

    "อ่า ครับ" ผมตอบกลับไปพร้อมกับมีเสียงเปิดประตูขึ้นและดูเหมือนจะเป็นลูกค้าผู้หญิง เธอเดินไปโซนพวกอาหารแช่แข็งผมมองตามเธอจนหายไปหลังเชลล์วางสินค้าและพี่แอนดรูก็พูดขึ้น

    "งั้นฉันไปเปลี่ยนชุดก่อนแล้วกันนายเก็บเงินลูกค้าคนนั้นเสร็จก็กลับบ้านได้เลย" พี่เขาพูดจบพร้อมกับเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะทำงานต่อจากผม

    "พี่แอนดรูครับ" ผมเรียกเขาไว้ก่อนเมื่อคิดอะไรออก

    "มีอะไร" พี่เขาหันกับมาพร้อมพูดขึ้นและเลิกคิ้วเหมือนจะถามว่ามีอะไรหรือเปล่า

    "ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนไหมครับเผื่อพี่เหงา" ผมตอบกลับไปตามสิ่งที่ผมคิด แต่อันที่จริงแล้วเป็นผมต่างหากที่เหงา เพราะถึงกลับไปก็ไม่รู้จะทำอะไรอยู่ดี

    "ไม่เป็นไรหรอก ฉันชินแล้วล่ะทำงานดึกๆ แบบนี้" พี่เขาพูดกลับมาและหันกลับไปเพื่อเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

    "เฮ้อออ" ผมถอนหายใจออกมาแล้วสายตาดันไปเห็นชายใส่ชุดสีดำอยู่ที่หน้าร้านแบบผ่านตา ผมก็พยายามมองว่าเดินไปทางไหนแล้ว แต่มีเสียงวางของลงข้างหน้าผม เป็นผู้หญิงที่หายไปหลังเชลล์วางสินค้าเมื่อสักครู่ ผมก็คิดเงินให้เธอสักพักจนรู้ราคาของสินค้าทั้งหมด

    "ทั้งหมดสองร้อยยี่สิบบาทครับ" ผมบอกกับเธอพร้อมกับเอาสินค้าใส่ถุงของทางร้านให้เรียบร้อย เธอยื่นแบงก์ร้อยสองใบและแบงก์ยี่สิบอีกหนึ่งมาตรงหน้าผม ผมรับมาพร้อมกับยื่นถุงที่ใส่สินค้าเอาไว้ให้เธอพร้อมกับบอกว่ารับมาพอดีและหยิบใบเสร็จให้ จากนั้นเมื่อผู้หญิงคนนั้นเดินออกจากร้านไป ผมก็สังเกตเห็นชายใส่ชุดสีดำผ่านตาไปอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากเพราะดึกแล้วสายตาผมอาจจะพร่ามัวไปเอง ผมยืนคิดกับตัวเองสักพักก็ได้ยินเสียงของประตู พอหันไปทางต้นตอของเสียงก็เจอกับพี่แอนดรูที่ออกมาจากห้องเก็บของของร้าน

    "ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไป เดี๋ยวก็กลับบ้านดึกหรอก" พี่แอนดรูพูดขึ้น

    "โอเคครับ" ผมตอบกลับไปพร้อมกับเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อที่จะได้กลับไปพักผ่อนสักที

     

    Time : 11:25 p.m.

    ผมใช้เวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าและเก็บของสักพักหนึ่งก็เดินออกมาข้างหน้าร้านเดินได้ไม่ไกลมากก็ได้ยินเหมือนเสียงวิ่งจึงหันไปมอง ก็เจอกับผู้หญิงที่เข้าไปซื้อของในร้านคนสุดท้ายในเวลาทำงานของผมเมื่อกี๊ ผมเห็นเขาวิ่งเข้าไปในป่าเหมือนกับว่ามีใครไล่ล่าเขาอยู่อย่างงั้น และก็เห็นชายชุดดำตามหลังเธอไป คราวนี้ผมเห็นชัดมากเลยว่าเป็นชายชุดดำจริงๆ ทำให้นึกถึงเรื่องที่คุณลุงเล่าให้ฟัง ผมจึงรีบวิ่งเพื่อที่จะไปช่วยเธอ พอวิ่งมาได้สักพักก็ได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงดังขึ้น ผมจึงรีบวิ่งไปทางต้นเสียง แต่

    พอมาถึงก็พบกับร่างของผู้หญิงคนนั้นนอนอยู่กลางป่า โดยมีเลือดไหลท่วมตัว มือและหูทั้งสองข้างถูกตัดออกไปเช่นเดียวกัน แถมตาของเธอก็เหมือนถูกแทงด้วยมีดจนมองไม่เห็นนัยน์ตา ซึ่งในขณะที่ผมกำลังสังเกตเธออยู่นั้นก็มีชายคนหนึ่งมาใช้แขนล็อคคอผมเอาไว้จากทางด้านหลัง เขาล็อคแน่นมากจนผมแทบจะหายใจไม่ออก ผมพยายามใช้แรงที่มีอยู่ดันเขาออกไปจากตัว แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะเขามีแรงเยอะมาก ผมจึงใช้ศอกกระทุ้งเข้าที่หน้าท้องของคนที่อยู่ด้านหลัง ผมได้ยินเสียงเข้าร้องออกมาเหมือนกับว่าจุกในสิ่งที่ผมทำไป จังหวะนั้นผมก็ใช้เท้าถีบเขาให้ล้มลงไปและวิ่งหนีเพื่อหาทางออกจากป่า ผมวิ่งมาได้สักพักก็ไม่เห็นชายคนนั้นวิ่งตามมาแล้วจึงนั่งพักหลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่อยู่ใกล้แม่น้ำ เพราะผมวิ่งมาก็ไม่เจอกับทางออก ผมมองลงไปในแม่น้ำก็เห็นเงาของดวงจันทร์ที่สะท้อนกับน้ำ ช่างสวยงามเสียจริง แต่ทว่าผมกลับนั่งภาวนาให้เรื่องที่ผมกำลังเผชิญอยู่นี้เป็นแค่ฝันร้าย ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้นจริง ในขณะที่ผมนั่งทุกข์ใจอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงคนเดินมา ผมจึงยื่นหน้าออกไปนิดหนึ่งเพื่อสำรวจดูว่าเป็นใคร แต่แล้วก็พบกับชายคนนั้นที่กำลังเดินมา เสียงเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนทำให้ผมเริ่มรู้สึกไม่ดีผมตกใจมากแต่ก็ได้แต่นั่งประสานมือเข้าหากันและภาวนาในใจว่าอย่าให้เขาเจอผม

    ผมพูดแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาในหัวของผมและเสียงเดินก็หายไปซะอย่างนั้น ผมจึงชะโงกหน้าไปมองนิดหนึ่งก็ไม่เห็นใครแล้วผมก็ถอนหายใจออกมา

    "เฮ้อออ" ผมนึกว่าจะไม่รอด...ตอนที่ได้ยินเสียงเดินเข้ามาใกล้หัวใจผมเต้นถี่รัวและแรงมากๆ

    "เฮ้ย!!" ผมอุทานออกมาเมื่อหันมาเจอกับชายชุดดำใส่เสื้อหนังสีดำคลุมไปถึงขาและใส่หมวกเขายืนจ้องผมอยู่ ผมตกใจมากและจะลุกขึ้นเพื่อจะหนีเขาแต่ก็โดนบีบคอจนแทบหายใจไม่ออก

    เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมทำให้ผมได้เห็นใบหน้าของเขาชัดๆ ทำให้ผมได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยและดวงตาสีเขียวมรกตที่เปล่งประกายเมื่อสะท้อนกับแสงของดวงจันทร์ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยเลือดของหญิงสาวคนนั้นเจ้าของใบนั้นคือ คุณลุง ที่คุยกับผมเมื่อตอนหัวค่ำ ทำให้ผมตกใจมากๆ ที่เป็นคุณลุงคนนั้น เพราะที่ผมได้นั่งคุยลุงแกก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรออกจะเป็นคุณลุงใจดีด้วยซ้ำไป แต่ตอนนี้กับแตกต่างกัน ใบหน้าที่มีความเย็นชาและเลือดที่เปื้อนอยู่บนใบหน้าทำให้คุณลุงดูน่ากลัวมากๆ ผมที่ใกล้จะหมดลมหายใจก็พยายามแกะมือของคุณลุงออกแต่ก็ไม่สามารถทำได้และยิ่งแกะคุณลุงก็บีบหนักขึ้น

    "หึ ฉันเตือนเธอแล้ว" เป็นเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนที่ผมจะสลบไป

     

    Time : 09:36 a.m.

    "อืม" ผมลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็พบว่าตัวเองนั้นอยู่ที่ห้องพักที่ตนเองอาศัยอยู่

    "ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ" ได้แต่คิดแล้วก็สงสัยอยู่กับตัวเองว่าทำไม หรืออาจจะฝันไปหรือเปล่าแต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันเหมือนจริงมากๆ ผมเดินเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นรอยแดงที่คอ ทำให้ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนย้อนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง หรือว่าจะเกิดขึ้นจริงๆ แต่ทำไมผมถึงกลับมาที่ห้องได้ล่ะ มีแต่เรื่องน่าสงสัยเต็มไปหมด

    ผมเดินออกมาจากห้องน้ำและเปิดข่าวในช่วงเช้าดู ก็พบเจอกับข่าวของหญิงสาวคนหนึ่งที่เสียชีวิตในป่าข้างร้านที่ผมทำงานอยู่ ทำให้ผมตกใจมาก เพราะถ้าเป็นอย่างที่ข่าวนั้นว่าก็แสดงว่า

    เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เป็นเรื่องจริง...

    - END -

    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×