"สัจจะ"ในกะลา

เนื้อเรื่อง

ผมนึกถึงคณิตศาสตร์ในสมัยม.ต้น เรื่องตรรกศาสตร์
มันจะมี2คำที่คล้ายๆกัน แต่มีค่าแตกต่างกันมาก

นั่นคือ สัจจะ กับ สัจจะนิรันดร์

สัจจะ จะเป็นจริงโดยส่วนใหญ่ แต่จะมีบางกรณี ที่อยู่นอกเหนือสัจจะ และไม่สามารถใช้สัจจะนั้นได้อีกต่อไป
ส่วน
สัจจะนิรันดร์ จะเป็นจริงเสมอนิรันดร์ ไม่มีกรณีใดๆอีกจะอยู่นอกเหนือ สัจจะนิรันดร์

....

สัจจะในกะลา?

ก่อนหน้าที่มนุษย์จะค้นพบอวกาศ
   สัจจะก็คือ ของทุกอย่างมีน้ำหนัก และต้องตกลงสู่ที่ต่ำ
ก่อนหน้าที่มนุษย์จะค้นพบระบบการโทรคมนาคม ของพวกบรรดาคลื่นเสียงคลื่นสัญญาณต่างๆ หรือกระทั่ง ระบบโทรจิต
   สัจจะก็คือ การที่คุณจะพูดคุยกับใครแบบ Real-time คุณต้องไปอยู่ใกล้่ๆคนคนนั้น เท่านั้น

ก่อนที่คุณจะค้นพบตัวตนที่แท้จริงของใครบางคน จนเกลียดแสนเกลียด
   สัจจะก็คือ คุณเคยบอกกับตัวคุณเองว่า คุณจะรักคนคนนั้น ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

หรือ
ก่อนที่คุณจะค้นพบตัวตนที่แท้จริงของใครบางคน จนรักคนคนนั้นหมดหัวใจ
    สัจจะก่อนหน้านั้นก็คือ คนคนนั้นแสนจะไร้สาระ และพึ่งพาไม่ได้



....ถ้าลองใครครวญดู เราจะพบว่าสิ่งเหล่านี้คือ ...สัจจะ... ที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตเรา ที่คงไม่มีใครลุกขึ้นมาปฏิเสธได้ว่า มันไม่จริง

.....

นิทานเรื่องกบในกะลานั้นเป็นอย่างไรผมไม่ทราบ แต่สำนวนกบในกะลานั้นมีความหมายว่า

คิดว่าข้านี้รู้แน่เห็นชัดแล้วทุกอย่าง และนอกจากผนังแข็งๆแห่งมิติกะลาที่ข้าอยู่นี้ ไม่มีมิติอื่นอีกแล้ว....
...ข้าคือพระเจ้า...

นี่คือ สัจจะ...ของคุณกบ

แต่ในความเป็นจริง...


กบซึ่งคิดว่าตัวเองคือพระเจ้า ก็คือกบ...

และไม่ว่ากบตัวนั้นจะคิดอย่างไรหรือคิดว่าตัวเองเป็นอะไร
มันก็เป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตในห่วงโซ่อาหารนึง ...ก็เท่านั้น

จริงอยู่ ในมิติกะลาของพระเจ้ากบ อาจจะมีข้าราชบริวารมากมาย ที่ยอมรับในความเป็นพระเจ้าสูงสุดของ คุณกบ
และสิ่งนั้นก็เป็นสัจจะของบรรดาทั้งสิ้นสรรพสิ่งในมิติกะลานั้น ที่คิดว่ามิติกะลาคือมิติสูงสุด


.....แต่สัจจะนิรันดร์ล่ะคืออะไร

มิติที่ลึกที่สุดคืออะไรกันแน่


มนุษย์คนหนึ่งอาจจะมองดูเรื่องกบในกะลา เป็นเรื่องที่น่าหัวร่อ และคิดว่าตัวข้านี่ฉลาดและรู้โลกกว้างไกลกว่ามันนัก
เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้า...

นกที่บินทะยานบนน่านฟ้ามันจะเคยคิดมั้ยว่า ไกลออกไปจากท้องฟ้าสีฟ้าๆเนี่ย ยังมีอวกาศ มีกาแลคซี่อื่นๆ

....

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ณ เวลานี้เรายังคิดมั้ยว่า มิติทั้งหมดที่เรารู้จักนั้น ...ครบถ้วนแล้ว และเราปลอดภัยแล้ว ที่จะไม่ถูกคุกคามหรือถูกอิทธิพลความเป็นไปของมิติอื่นกระทบกับชีวิตเราอีก

ยกตัวอย่างเช่น มีทั้งคนที่เชื่อเรื่อง ชีวิตหลังความตายและไม่เชื่อ ซึ่งส่งผลโดยตรงกับการดำเนินชีวิต ณ ปัจจุบัน ในทางกลับกัน มีบางคนเชื่อเรื่องกรรมเก่าแต่ชาติปางไหนกับไม่เชื่อ ก็จะมีวิธีแก้กรรมที่แตกต่างกันไปอีก
....

การหยุดนั่งลงคิดเรื่องนี้มีประโยชน์อะไรเหรอครับ?


พูดง่ายๆให้เห็นภาพนะครับ

ถ้าคุณกบที่วันนึงเริ่มสังเกตหรือคิดไปว่าหลังกะลามีโลกอื่นอีกมั้ย
และเริ่มสังเกตใคร่ครวญหาคำตอบด้วยกระบวนการทางวิทยศาสตร์
คุณว่ากบตัวนี้น่าสนใจมั้ยล่ะ


....เราคงไม่มีวันพบสัจจะนิรันดร์ ถ้าเรามั่นใจหรือเชื่อไปว่า

.....กะลา คือสัจจะนิรันดร์


ค้นหาสัจจะ ที่เป็นสัจจะนิรันดร์จริงๆ
อย่าหยุด
ไม่ว่าคุณจะเชื่ออย่างไร สิ่งนั้นไม่สำคัญ

ขอให้คุณแสวงหา สิ่งที่เรียกว่า "ความจริง" ด้วยชีวิตของคุณ อย่างไม่ย่อท้อ

ลองสำรวจดูครับว่า สิ่งที่กั้นหรือปิดตาเรามันเป็นอะไร
ไม่ว่าจะเป็นผนังกะลาของกบ หรือผนังท้องฟ้า ของพญาอินทรี หรือกระทั่งผนังอคติความคิดของมนุษย์ ....

บางทีการที่จะค้นพบความจริง ก็ด้วยการทำลายกำแพงที่เรียกว่าอคตินั่นล่ะครับ