ผู้ให้เกียรติสู่ผู้กล้ากล้าหาญ - ผู้ให้เกียรติสู่ผู้กล้ากล้าหาญ นิยาย ผู้ให้เกียรติสู่ผู้กล้ากล้าหาญ : Dek-D.com - Writer

    ผู้ให้เกียรติสู่ผู้กล้ากล้าหาญ

    ความเกี่ยวข้องระหว่าง ความกล้าหาญกับนิสัยชอบดูถูกผู้อื่น

    ผู้เข้าชมรวม

    854

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    854

    ความคิดเห็น


    6

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  จิตวิทยา
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  7 ม.ค. 48 / 22:37 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      คุณว่ามีคนตาบอดซักกี่คนที่เป็นโรคกลัวความสูง แล้วคิดเป็นเปอร์เซนได้มากหรือน้อยกว่าคนตาดี ที่กลัวความสูง
               ถ้าเราความรู้จักในความสูงของคนเราไม่เท่าเทียมกัน เป็นไปได้มั้ยว่ามันมีผลโดยตรงกับอาการกลัวความสูง นักปราชญ์จีนโบราณท่านหนึ่งซึ่งเป็นปรมาจารย์ทางเต๋า กล่าวไว้ในทำนองที่ว่า ความกตัญญู เกิดขึ้น หลังจากการเกิดขึ้นของความเนรคุณ นั่นแสดงว่า แท้จริงแล้วจุดเริ่มต้นของคนเรามีความเป็นกลาง จนกระทั่งวันนึงจะด้วยอะไรก้ไม่รู้ อาจเพราะคนใช้สมองมากขึ้นหรือโดนผีห่าซาตานดลใจก็แล้วแต่ คนเราก็มีจิตใจใฝ่ต่ำมาสถิตย์ในใจกันถ้วนหน้า หลังจากนั้นมันก็เกิดนิยามของสิ่งตรงข้ามของพฤติกรรมมนุษย์ตามมาเป็นขบวน ดี-เลว กตัญญู-เนรคุณ เยือกเย็น-บุ่มบ่าม ฉลาด-โง่ รัก-เกลียด และเก้ารอเก้า  แต่มีคู่นึงที่ผมอยากพูดถึงคือ กล้าหาญ-ขี้ขลาด
               คุณเคยมั้ยเวลาต้องไปแข่งอะไรซักอย่าง แล้วเจอหน้าคู่แข่งหลายๆคน เวลาคุณมองหน้าพวกอ่อนๆท่าทางกระจอก คุณจะรู้สึกหึกเหิม และมองหมอนั่นด้วยสายตาจอมยุทผู้กล้าผู้พร้อมจะปลิดชีพหมอนั่นในครึ่งกระบวนท่า ในทางตรงข้าม ถ้าคู่แข่งคุณท่าทางร้ายกาจ เปล่งรังสีอำมหิตกระจายทั่วลานประลอง คุณจะไม่ได้รู้สึกอย่างที่รู้สึกจากคนแรกที่ท่าทางเห่ยๆ ทำไม???
               ทีนี้เอาใหม่ ในสถานะการณ์เดิมเป้ะ คุณเดินเข้าไป ในลานประลอง คุณมองหน้าและท่าทางของคนเห่ยๆคนนั้น ด้วยจิตที่เป็นกลาง ให้เกียรติและไม่รูสึกฮึกเหิมอะไรมากไปกว่าตอนที่เริ่มเดินเข้ามา ถ้ามีกราฟวัดความรู้สึกคุณ ความรู้สึกคุณจะเป็นแนวราบไม่กระดิกเลยแม้ซักระรอกคลื่น หลังจากนั้นคุณก็ไปเผชิญหน้ากับคู่แข่งคุณอีกคนที่ร้ายกาจสุดๆ พ่วงท้ายด้วยประวัตแชมป์10สมัยยาวเป็นหางว่าว... จะเกิดอะไรขึ้น?? คุณจะอกสั่นขวัญผวาอย่างเคสแรกมั้ย จะเกร็งมั้ย กราฟอารมณ์คุณจะกระดิกมั้ย?? แน่นอนว่าคุณต้องระวังตัวมากขึ้น แต่จิตใจคุณจะเต็มไปด้วยสมาธิที่พร้อมจะแข่งขัน พร้อมจะต่อกรกับคู่แข่งที่น่ากลัวนั้นได้อย่างหน้าตาเฉย  ผมเรียกสิ่งนี้ว่า \"ความกล้าหาญ\"
               ความกลัวเป็นอุปสรรคของความกล้าหาญ เราลองคิดดูตามหลักของเต๋าว่าความกลัวเกิดขึ้นได้อย่างไร แน่นอนว่าตรงความของความกลัวคือความกล้าหาญ ถ้าจะตอบแบบกำปั้นทุบดินว่า \"ก็ขาดความกล้าหาญไงเลยกลัว.. \" คำตอบน่ะถูกครับ แต่มันเป็นคำตอบปัญญานิ่มที่ไม่สร้างสรรอะไรใหม่ๆเลย
               ถ้าเดิมที สมัยที่คนเรายังมีความเป็นกลาง ถ้าสมัยนั้นยังไม่มีคำว่ากล้า-กลัว-ขี้ขลาด แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไง ผมลองนั่งนึกนิทานง่ายๆขึ้นมา สมมตว่า ชายผู้เป็นกลางคนหนึ่ง เขาออกไปล่าสัตว์ฝูงหนึ่ง เขามองไปมองมา ก้สังเกตเห็นว่า มีอยู่ตัวหนึ่งที่ท่าทางอ่อนแอ น่าจะฆ่าได้ง่ายที่สุด และบัดดลนั้น!!!เพราะอะไรก็ไม่รู้มีอะไรบางอย่างดลใจให้เขาแสยะยิ้ม และพลันนึกในใจว่า \"โหยย แม่งไอตัวนั้นอ่อนว่ะ เดี๋ยวเสร็จกูแน่\" และแล้ว ตำนานแห่งการดูถูกผู้อื่น ก้เริ่มจากจุดนั้น อาการเช่นนี้แพร่ระบาดไปทั่วทุกคนในหมู่บ้านและลุกลามไปทั่วโลก ชาวโลกผู้ได้รู้จักอารมแห่งการดูถูกผู้อื่น รู้สึกสะใจในความรู้สึกนั้น มันช่างเป็นอารมที่เอร็ดอร่อยเหลือเกิน..
              จนอยู่มาวันนึง มีสัตร้ายกาจร่างยักษ์ ผ่านมาแถวนั้นในสภาพหิวกระหายเลือดมนุษย์ ...
              ในอดีตที่ผ่านมานับร้อยๆปี มนุษย์ทุกผู้ทุกคนสามารถต่อกรและเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายตัวนี้อย่างมีสติและเฉียบคม มีแพ้บ้างต้องตกเปนอาหารของมัน แต่ก็มีหลายครั้งที่ปราบมันได้ เรียกว่า สูสีกัน พลัดกันแพ้ชนะ ไม่มีใครเหนือกว่าใคร แต่แล้วในวันนั้น ทุกคนพลันรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน บางคนปัสสาวะไหลไม่รู้ตัว บางคนแข็งทื่อง้างหอกในมือไม่ออก บางคนวิ่งหนีหายหัวไปทิ้งให้คนอื่นเป็นกำแพงเพื่อปกป้องตัวเอง ทุกคนกลายสภาพจากนักรบในอดีต มาเป็นไอ้งั่งกันไปหมด ก่อนที่สัตว์ร้ายจะอาละวาดฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน ก็พลันปรากฏ คนผู้หนึ่ง คนผู้ไม่โดนความรู้สึกแห่งการดุถุกผู้อื่นสถิตย์ในหัวใจของเขา เขาสู้กับสัตว์ร้ายนั้นเพียงลำพังเพื่อปกป้องทุกคน ส่วนคนอื่นๆก้ยังยืนเป็นไอ้งั่งเหมือนเดิม เขาผู้ไม่รู้จักการดูถูกผู้อื่นกับหอกและอาวุธครบมืออันหยิบฉวยได้ทั่วไปในทุกตารางเมตรของหมู่บ้าน ฆ่าสัตว์ร้ายนั้นได้ในที่สุด...  แล้วตำนานแห่งความกล้าหาญก็เกิดขึ้น....
              น่าเสียดายหมอนั่นผู้ไม่รู้จักการดุถุกผู้อื่นเกิดในยุคที่ยังไม่มีวิชาปั่นสารและตีไข่มวลชน จึงไม่มีการไปสัมภาษเก็บประวัตของเขาเอาไว้ หลายๆอย่างมันจึงยังเป็นปริศนาอยู่จนบัดนี้  จบ...
              ประเด็นมันก็คือ ยิ่งคุณเป็นคนที่ชอบดูถุกผู้อื่นมากเท่าไหร่ มันก็จะทวีคูน ความเป็นคนขี้ขลาดของคุณมากเท่านั้น จิตใจที่กล้าหาญไม่ได้สร้างยากเย็นอะไรเลย ก้แค่เราอย่าไปฝึกจิตใจให้เป็นคนที่ชอบเหยียดหยามผู้อื่น ชอบดูถูกผู้อื่น ไม่ให้เกียรติผู้อื่น ยิ่งคุณลบอารมพวกนี้ออกไปจากใจคุณได้มากเท่าไหร่ จิตใจคุณก้หาญกล้ามากขึ้นเท่านั้น เป็นต้นว่า เวลาคุณเจอเด็กๆตัวเล็กๆ กรุณาให้เกียรติเค้าด้วย ไม่ใช่เห็นว่าตัวเล็กคุณเลยวางมาดเจ้ายุทภพตบกบาลเด้กคนนั้นเล่นตามสะดวกมือ หรือพุดจาถากถางเหมือนคุณฉลาดซะเต็มประดา เลิกหัวเราะเยาะผู้อื่น หากเขาแสดงความคิดที่คุณรู้สึกว่าเขาฉลาดน้อยกว่าคุณ กรุณาให้เกียรตทุกๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ ลูกหมา หรือแม้แต่ฆาตรกรฆ่าข่มขืนที่ถูกมัดมือมัดเท้าเตรียมเจ้าตะราง กรุณาอย่าเอาเท้าคุณไปลูบหน้าฆาตกรคนนั้น อย่าไปขว้างปา ถ้าคุณไม่ใช่ญาตผู้เสียหายหรือเพื่อนรักของเหยื่อฆาตกรรม คุณไม่มีเหตผลอะไรท้งนั้นที่จะไปประชาทัณฑ์เขา อย่ามาอ้างว่าคุณเป็นผู้รักความยุติธรรม ยอมรับเถอะ ว่าคุณก็แค่มาระบายอารมถ่อยๆต่ำๆของคุณ กับคนที่คุณคิดว่าคุณสามารถทำอะไรมันก้ได้โดยไม่ผิดและหนำซ้ำยังดุดีด้วยในสายตา คนโง่ๆบางกลุ่ม แต่ถ้าใครอยากแจมตีนแบบนี้ใส่ฆาตรกรโหดต่อไปก้ทำไปนะ คงห้ามอะไรคุณไม่ได้ แต่แค่จะบอกว่าความกล้าหาญจะไม่มาสถิตย์ในคุณเท่านั้นเอง อ่อ อย่าแสล๋นมาเถียงนะครับ ว่าที่คุณไปแจมตีนกะเค้าน่ะ คุณทำด้วยหัวใจกล้าหาญ ถ้ากล้าหาญจริงๆก็กรุณากระทืบมันตอนที่มือไม้มันเป็นอิสระนะตัวต่อตัว และก่อนที่มันจะลงมือทำร้ายเหยื่อด้วย
              ที่ผมขยายความเรื่องประชาทัณฑ์ เพราะมันเป็นประสบการตรงของผมซึ่งเกิดขึ้นจริงๆ สมัยอยู่ม.ต้น ที่โรงเรียนเค้าจัดให้นักเรียนไปฟังเทศ ที่ศาลาวัดแห่งหนึ่ง ขณะที่พระท่านเทศๆอยุ่นั้น ก็มีคนบ้าถือท่อนไม้เดินเข้ามา ลวมลามพวกเพื่อนนักเรียนผู้หญิง ทุกคนแตกฮือวางตัวเป็นไข่ขาวให้คนบ้าคนนั้นเป็นไข่แดง มันถือไม้เดินหมุนไปหมุนมาครูประจำชั้นผมเป็นผู้หญิง เน้นว่าผู้หญิง ท่านอายุ40+  เหมือนว่าท่านตั้งใจจะรักษาระยะอยู่ใกล้ๆมันเพื่ออะไรบางอย่าง  จังหวะที่มันหันหลังให้ครูผมท่านก้คว้าไม้ในมือมันไว้อย่างเร็ว โอวว..สุดยอด... ผมกับเพื่อนอีก1-2คนวิ่งเข้าไปหามันโดยไม่ได้นัดหมายพยามคว้ามือมันไขว้หลัง แล้วกดตัวมันลง หึๆๆๆ หลังจากนั้นแหล่ะคุณเอ้ยยย!!ตีนจากไหนไม่รู้กระหน่ำใส่ไอ้หมอนั่นนับสิบครับ... ตีนจากคนที่ตะกี้หดหัวในกระดอง ตีนของอาจารยืผู้ชายวัยฉกรรจ์ที่ตะกี้ห่างเป็นกิโลแต่พอโจรมันหมดท่าก็เข้ามากระหน่ำไม้ตายลูกเดียว แบบเอามัน อยากจะบอกนะว่ามี2-3ตีนที่พลาดมาโดนผมซึ่งช่วยกันกับเพื่อนล็อคตัวมันอยู่... พวกเอ็งจะมาถีบมันหาพระแสงอะไรวะ พวกข้าตั้งหลายคนล็อคตัวมันอยู่เนี่ยไปหาอะไรมามามัดมันสิโว้ยยย We........ennnnnnnnnn!!!
              เล่าอะไรมายืดยาว และเสนอความเห็นที่ค่อนข้างแหกผู้คนเช่นนี้ ก้เพราะหวังดีนะครับ อยากให้เราทุกคนดูดีกว่านี้ กล้าหาญกว่านี้ อย่างน้อยๆ ถ้าวันนึงข้างหน้าคุณต้องเผชิญกับผู้มีอำนาจกว่าคุณมากๆ  อยากให้คุณเผชิญอย่างมีสติมากขึ้น ด้วยใจที่กล้าหาญด้วยท่วงท่าที่สง่างาม
      ไม่ใช่อย่างเต่าหดหัว หรืออย่างสุนัขลิ้นยาวที่พร้อมจะฉกลิ้นลูบเลียฝ่าเท้าผู้มีอำนาจเพื่อความผาสุขของตัวเองเท่านั้น...

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×