...
นึกถึงหนังแฟนตาซีสมัยเด้กๆ
ประเภทหลุดมิติ หรือหลุดเข้าไปในยุคอนาคต หรืออดีต
มีคำอยู่ประเภทนึง ที่มักจะถูกใช้ และถูกใช้เป็นแก้กตอนที่\"กลุ่มตัวเอก\"หลุดมิติเข้าไป
\"นายเห็นอย่างที่ชั้นเห็นมั้ย?\"
คำถามที่ใช้ถามคนอื่น เพื่อเชคดูว่า ตัวเองไม่ได้บ้า หรือฝันไป
\"ตบชั้นที ถ้าเจ็บชั้นคงไม่ได้ฝัน\"
แล้วก็มีอีกแก้กนึง
ประมานว่าเดินเรื่องตั้งแต่ต้นจนจน คนดูก็นึกไปว่าสุดท้ายทั้งเรื่องก็แค่ตัวละครฝันไป
เสร็จแล้ว ตัวละครก็ลุกขึ้นจากที่นอน บิดขี้เกียจนิดนึง
แล้วก็มองไปบนโต๊ะ...
\"อ้าว เฮ้ย..นั่นมัน....\"
\"หรือว่าไม่ได้ฝันไป\"
เสร็จแล้ว ตัวละครอีกตัวที่อยู่ในความฝัน ก็โผล่มทักทายด้วยมาด และเครื่องแต่งกายใหม่ พอลับหลังคน ก็แอบขยิบตาให้เหมือนรู้กันอะไรบางอบย่าง
จะเห็นว่าสิ่งที่ตัวละครเจอนั้น อย่างแรกที่พวกเค้าคิด คือเค้าฝันไป หรือบ้าไปแล้วหรือเปล่า
และสิ่งที่ช่วยเป็นหลักยืนยันว่าเค้าไม่ได้บ้า ก็คือหลักฐาน ทั้งทางวัตถุที่เป็นไปไม่ได้ ทั้งบุคคลที่เป็นไปไม่ได้
และพยานบุคคลที่ก็นึกว่าตัวเองบ้าเหมือนๆกับคนคนนั้น
และพยานร่วมในเหตการณ์ ที่แทบถามออกมาพร้อมกันในวินาทีแรกที่หลุดเข้าไปในมิตินั้นว่า
\"นี่ๆ.. คือว่า.. เอ่อ.. คุณเห็นแบบที่ผมเห็นมั้ย...\"
....
นึกไปถึง นิยายแฟนตาซีอีกประเภทนึง
จอมวายร้าย ผลิตสินค้า ออกมาอย่างนึง ราคาถูก ประสิทธภาพเยี่ยม ใช้แล้วแสนสนุกและคุ้มค่า
เสร็จแล้วคนก็หลงไปกับสินค้านั้น จอมวายร้ายก็รวยเอา รวยเอา
ไม่เพียงแค่รวย แต่มันใช้สินค้านั้นในการล้างสมอง และควบคุมคนที่ใช้สินค้าได้ด้วย
กำลังนึกถึงเรื่อง อิควิเลเบรี่ยม
สินค้าที่ว่าใช้ทำให้คนห่างจากความเป็นคน ทำให้คนกลายเป็นหุ่นยนต์ ไร้ศิลปะ และตู่เอาว่า ศิลปะคือบ่อเกิดแห่งหายนะ
สุดท้ายแล้ว ตัวเอกก็ต้องตัดสินใจเลือก ว่าจะใช้ยาต่อไป หรือยอมแปลกแยก หยุดใช้ยา เพื่อดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เพราะการใช้ยา มันก็คือการหนีจากธรรมชาติ
หลักพื้นฐานของธรรมชาติ คือ รักษาสมดุล และความลงตัวอย่างงดงาม
การใช้ยา ให้คนเหมือนหุ่นยนต์ ไร้ศิลปะ และไม่รู้สึกอะไรกับการตายของคนที่รัก ก็คือการออกห่างจากธรมชาติ
และออกห่างจากความสมดุล
การออกห่างจากสมดุล ก็จะทำให้เกิดการพยามรักษาสมดุลในสมการใหม่ โดยเปลี่ยนตัวแปรหลัก เพื่อรักสมดุลในสมการที่ใหญ่กว่านั้น โดยสมการแรกที่พยามออกห่างจากสมดุลนั้นก็ต้องพินาศไป เพื่อรักษาสมดุลใหญ่ไว้ รวมถึงสมการเล็กๆที่ยังอยู่ในสมดุลด้วย
....
ลองเชคด้วยใจที่เป็นกลางจริงๆสักทีว่า
เราอยู่ตรงไหนของสมการธรรมชาต
เราอยู่ในนิยายเรื่องไหน
หรือไม่ขออยูในนิยายเรื่องไหนเลย แต่ขอเป็นผู้ประพันธ์ ไม่ขอเป็น\"แค่ตัวละคร\"
และหากธรรมชาติมีจริง และพยามรักษาสมดุลของมันอยู่จริงๆ
คุณเป็นตัวละครในธรรมชาต หรือเป็นผู้ประพันธ์ธรรมชาติ
หากประพันธ์คุณจะประพันธ์มันอย่างไร
....
การพิสูจน์ แน่นอนว่าในมาตรฐานทั่วไป อย่างศาล
มันก็ต้องมี พยานหลักฐาน การตั้งข้อสังเกตและทุกอย่างต้องแน่นหนา และจำเลยรับสารภาพ ความจริงถึงจะถูกเปิดเผย
การตั้งข้อกล่าวหาในขั้นแรกนั้น เป็นเพียงแค่การสันนิษฐาน และเป็นไปได้เสมอ ที่แท้จริงแล้ว ผู้ต้องหาคือผู้เสียหาย และผู้กล่าวหรือโจทก์ คือจำเลยตัวจริง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น
ในชั้นศาล ก็ยังสามารถมีการตุกติก ทำขาวให้เป็นดำได้
ด้วยพยานเท็จ หลักฐานเท็จ จากอำนาจมืด
เพียงเพื่อให้ความยุติธรรมต้องเข้าคุก และปล่อยให้ความอยุติธรรม ออกมากระทำการของมันต่อไป
แต่สำหรับตัวคู่กรณี ไม่มีใครหลอกพวกเค้าได้
เค้ารู้แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไรตั้งแต่ยังไม่ต้องอ้างพยานหลักฐานด้วยซ้ำ
...
พยานหลักฐานใช้ยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และเพื่ออ้างแก่ผู้อื่น ว่าเป็นเช่นนั้นจริง
พยานหลักฐานเท็จ ใช้ปรักปรำความดีให้กลายเป็นความเลวได้ ใช้เพื่อให้อิสระภาพแก่ความเลวให้มีเกียรติได้..
...
กลับไปที่ต้นโพสนี้
\"คุณเห็นเหมือนที่ผมเห็นมั้ย?\"
มีความจำเป็นมากแค่ไหน ที่จะมีใครสักคนต้องสร้างพยานหลักฐานนี้
ถ้ามันไม่ได้มีของมันเองตั้งแต่แรก
และคำถามนี้มีเพื่ออะไร
และคำตอบ ย้ำถึงความจริงว่าอะไร
ขอพระเจ้าเมตตาครับ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น