ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Decimo's Lover(s) || YAOI REBORN! All27 (ตัดจบ)

    ลำดับตอนที่ #25 : กระสุนนัดที่22 : สีนะทอล์ค ตอนพิเศษที่ 3 [รีไรท์]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.24K
      35
      19 มิ.ย. 57

    กระสุนนัดที่22  : สีนะทอล์ค ตอนพิเศษที่ 3

     

    ฮึ!! ผมกำลังโกรธอยู่!! โกรธมากด้วย!! ถามมาได้ว่าโกรธเรื่องอะไร ? ก็เพราะตอนที่แล้วพวกคุณนะชวนผมคุยนอกเรื่อง จนหน้ากระดาษหมดไปมากกว่าที่คิด แถมเรื่องก็ดำเนินไปไม่ถึงเป้าหมายที่ควรที่ควรจะเป็น ความจริงตอนนี้ควรเป็นตอนถัดไปมากกว่า!!

     

    แถมร้านเค้กที่คนแต่งสัญญากับผมว่าจะให้ผมกินได้ไม่อั้นก็ดันปิดบริการ ยังดีนะที่คนแต่งไว้แก้ตัวในครั้งหน้า ต่อไปจะพาไปร้านอื่นที่เปิดให้บริการตลอด เพราะเจ๊แกต้องกลับบ้านไม่มีเวลาพาผมย้อนกลับไปหาร้านอื่นแล้ว ผมที่ตั้งใจมากินเต็มที่เลยหงุดหงิดเล็กน้อยที่ต้องหิ้วท้องเปล่าๆกลับบ้าน  หา? ความจริงที่ผมโกรธเพราะสาเหตุว่า ผมอดกิน ต่างหาก? บ้าเรอะ!! ผมไม่ใช่คนแบบนั้น!!

     

    อืม...ดูเหมือนคุณคิริรินที่เป็นคนแต่งจะพล๊อตตันนะผมว่า หือ? ที่บอกว่าเขียนไว้ในสมุดน่ะจนจบแล้วนะเหรอ? ที่ผมมาเสนอหน้าให้คนจิ้นนี่ก็เพราะคนแต่งเขาให้ผมมาบอกพวกคุณว่า ความจริงเรื่องนี้มันออกทะเลมาตั้งนานแล้ว คนแต่งพยายามลากกลับอยู่ แต่เหมือนจะพวกคุณจะได้รับข่าวร้ายนะ ลางสังหรณ์สุดยอดของผมบอกว่า ผมคงต้องมานั่งพูดคนเดียวเพื่อให้พวกคุณอ่านแบบนี้ไปอีกสามสี่ตอนเลยละ กว่าคนแต่งเขาจะลากเรื่องกลับเข้าพล๊อตเดิมได้

     

    หา? ผมไปกินรังแตนมาจากไหนนะเหรอ?! เปล่านะ!! ผมไม่เคยกินรังแตนและไม่คิดจะกินด้วย ผมไม่ชอบแมลงมีพิษ..อ้าวเป็นสำนวนหรอกเหรอ? ก็ผมไม่รู้นี่..แล้วมันหมายความว่ายังไงละ? อารมณ์เสีย? เป็นสำนานที่แปลกดีนะ ความหมายไม่ได้ใกล้เคียงกันเลย ที่ผมโกรธนั้นความจริงก็ไม่เกี่ยวกับพวกคุณหรอก ผมต้องขอโทษพวกคุณตรงนี้เลยนะ ผมพาลพาโลไปอย่างนั้นเอง   

     

    ความจริงผมกำลังหงุดหงิดคุณพ่อตัวดีของผมนะ คนที่เป็นรุ่นที่หนึ่งผู้ก่อตั้งวองโกเล่นั่นแหละ!! คนที่คุณรู้จักในนาม จีอ๊อตโต้ หรือ ซาวาดะ อิเอยาสึนั่นแหละพ่อผมเอง...อ่า...ผมไม่ได้สปอยนะ คนอื่นๆก็รู้กันหมดแล้วไม่ใช่เหรอ ?

     

    ทำไมผมต้องหงุดหงิดพ่อของตัวเอง? อยากรู้เหรอ? แต่มันเป็นเรื่องภายในครอบครัว  ผมในฐานะลูก ก็ไม่ควรเผาพ่อตัวเองให้คนอื่นฟังหรอก เอาเป็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างผมกับพ่อ ผมไม่ขอเล่าละกัน

     

    หืม ทำไมช่วงนี้ผมถึงออกมาเล่าเรื่องของตัวเองให้พวกคุณบ่อยจัง? เบื่อผมแล้วเหรอ?

    ผมนึกว่าคุณเบื่อเรื่องของผมซะแล้ว พวกคุณชอบทำให้ผมกังวลอยู่เรื่อย? ที่ผมต้องมารับหน้าพวกคุณแทนคนแต่ง หมายถึง คุณคิริรินนะ ผู้หญิงคนนั้นคิดวิธีลากเรื่องที่ออกทะเลไปกลับเข้าเนื้อเรื่องเดิมไม่ได้ จะหาพล๊อตอื่นก็คิดไม่ออก ก็บอกแล้วว่าลางสังหรณ์ผมแม่น หือ? ตกใจอะไร? อ้าว? พึ่งรู้เรอะ ว่าคนแต่งเป็นผู้หญิง? เอิ่ม..คนแต่งก็เหมือนพวกคุณนั่นแหละ เป็นสาววายแต่ประหลาดว่านิดหน่อย? อยากรู้ ?  ก็ได้ แต่อย่าไปบอกคนอื่นนะ  เดี๋ยวผมซวย...

     

    ความจริงคนแต่งชอบคิดว่าตัวเองเป็น อุเคะนะ...เป็นผู้หญิงแท้ก็ดีอยู่แล้วแท้ๆ ดันอยากให้ตัวเองเกิดผู้ชายที่เป็นฝ่ายรับ  ผมว่าคนแต่งเป็นโรคจิตนะ...พวกคุณก็คิดแบบคนแต่ง? นี่รอบๆตัวผมมีแต่คนจิตไม่ปกติเรอะ!? อะไร!? ผมรู้ตัวช้า? เอิ่ม..ผมขอหลบไปทำใจหน่อยได้ไหม? 

     

    ทำไมผมถึงต้องมาทอล์คเป็นเดี่ยวไมโครโฟน? อืม..คนแต่งบอกผมว่า..เค้าไม่อยากให้ผมเครียดเกินไป ที่ต้องมาเป็นเคะสาธารณะ รองรับอารมณ์หื่นของบรรดาเมะทั้งหลานที่จ้องจะกดผมอยู่ตลอดเวลานะ เลยปล่อยผมออกมาพูดระบายความในใจบ้าง เผื่ออารมณ์หงุดหงิดเพราะขาดน้ำตาลไปเลี้ยงสมองของผมจะบรรเทาเบาบางลง  ความจริง แค่หาเค้กมาให้ผมกินน่าจะทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นมากว่านะ ไม่รู้คนแต่งเขาคิดอะไรอยู่ ถึงต้องให้ผมมานั่งพรรณนาว่าตัวผมรู้สึกยังไงในตอนนี้ จะให้คอยนั่งผมบิวท์อารมณ์ตัวเองแล้วเล่าให้พวกคุณฟังเหรอ? ผมว่าถ้าผมทำยังงั้นได้ละก็ พวกคุณต้องหาว่าผมบ้าแน่ๆ

     

    ผมว่าคุณคิริรินไม่ต้องสนใจผมมากก็ได้ เอาเวลาไปแต่งเรื่องในตอนต่อไปจะดีกว่านะ เพราะคนอ่านเขารออ่านอยู่ อ้าว? ดูเหมือนคุณคิริรินจะคิดมุขไม่ออก ฟิคนี้เป็นเรื่องที่ต้องใช้มุขตลกขำขันหรือไง ถึงต้องมานั่งคิดมุขนะ ผมว่าคนแต่งหลงประเด็นแล้วละ เรื่องนี้มันต้องใสกิ๊ง ไร้เอ็นซี  อ้าว? ไม่ใช่เหรอ ที่ผ่านมาสิบกว่าตอนผมไม่เห็น เอ็นซีสักตอน  อยากให้หื่นแตกหื่นแตน ต่อมวายกระจายต่อมจิ้นกระฉูด  อ้าว? ว่าผมพูดซะเห็นภาพ อ้าว? หรือไม่จริง? อืม..ผมรู้สึกว่าเมื่อตอนที่แล้ว ผมก็เพิ่งพูดให้พวกคุณอ่านแบบนี้นะ

     

    แล้วพวกคุณเบื่อที่จะฟังผมพูดหรือยังละ? หา แล้วผมเบื่อที่ต้องออกมาพูดกับพวกคุณแบบนี้หรือเปล่า? ไม่เลย ผมชอบนะที่มีความมาฟังผมพูดน่ะ  ตอนเด็กผมไม่มีใครเล่นด้วยหรอก เพราะยาที่ผมได้รับในตอนยังเป็นทารก ทำให้ผมต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ ถึงร่างกายผมจะเติมโตช้ากว่าคนอื่นยี่สิบห้าเท่า แต่สมองผมพัฒนาขึ้นตามคนปกตินะ

     

    รู้ไหมว่าผมต้องติดอยู่ในร่างเด็กอายุหนึ่งขวบตั้งยี่สิบห้าปี ขณะที่สมองของผมพัฒนาเทียบเท่าคนอายุห้าสิบ ยังดีที่พัฒนาการของสมองผมไม่เสื่อมลงตามอายุขัยที่มากขึ้น มันไม่หยุดวิวัฒนาการเลยตอนนี้ถ้าผ่าสมองผมออกมาดู มันคงเต็มไปด้วยรอยหยัก ที่เยอะมากจนไม่อาจนับได้ ผมมั่นใจเลยว่าต่อให้อัลเบิร์ต ไอสไตน์เอาสมองที่เป็นสุดยอดอัจฉริยะมาเทียบกับสมองของผมว่าใครมีรอยหยักมากกว่ากัน รับรองผมชนะขาดแบบลอยลำโดนไม่ต้องเสียเวลานับเลย

     

    การที่ผมมีสมองแบบนี้ ผมจึงมีความสามารถเหนือกว่ามนุษย์ทุกคนบนโลก แต่ผมไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่โชคดีหรือมีคิดว่าตัวเองสูงส่งเหนือคนอื่นๆหรอกนะ ถ้าเลือกได้ผมอยากจะใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาๆทั่วไปดีกว่า หรือต้องเป็นเจ้าห่วยตลอดไปโดยที่ไม่ได้รับโอกาสจากรีบอร์นอย่างในอีกพาราเรลเวิลด์หนึ่งก็ยังดีกว่า

     

    ตอนเด็กๆผมไม่สามารถพูดจากับคนอื่นได้อย่างที่เด็กทั่วไปทำกัน คนที่ผมสามารถพูดระบายความอึดอัดใจได้ก็มีเพียงนานะที่เป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลผม แต่นานะก็ไม่อาจอยู่กับผมได้ตลอดเวลาอย่างที่ผมต้องการ เพราะเธอต้องทำงานเพื่อแลกเงินเพื่อความอยู่รอดของเราทั้งคู่ (เจ้าพ่อบ้าไม่เหลือสมบัติให้เป็นมรดกให้ผมสักแดง ชิงตายไปเสียก่อน)

     

    ผมกับนานะที่ตอนนั้นยังเป็นเด็กสาวที่สมควรจะมีชีวิตที่สบายกว่านี้ ไม่ต้องมาลำบากดูแลเด็กที่นอกจากพูดรู้ภาษาแล้วไม่มีประโยชน์ใดๆ เลย แถมต้องย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆอย่างไม่มีหลักแหล่งในทุกๆปี  เพราะกลัวว่าความเป็นอมตะของผมจะไปสะกิดความสนใจของผู้คน

     

    ตอนนั้นผมต้องทนมองเด็กสาวตัวน้อยที่ค่อยเติบใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยแลกกับเงินไม่กี่เหรียญเพื่อมาเลี้ยงดูผมที่เป็นนายน้อยของเธอทั้งๆที่ผมไม่สามารถแบ่งเบาภาระหรือช่วยอะไรเธอได้เลยทั้งๆที่เขาเป็นถึงเจ้าชีวิตของเธอแท้ๆ

     

    นานะทำทุกอย่างเพื่อผม เธอไม่เคยปริปากบ่น หรือ ล้ำเลิกบุญคุณกับผมสักครั้งเดียว เธอมักบอกกับผมอยู่เสมอว่าเธอเป็นหนี้ชีวิตแม่ผู้กำเนิดผม ตอนนั้นนานะก็เป็นเพียงทารกตัวน้อยร่อแร่ใกล้ตายเพราะโรคระบาด ถ้าไม่ได้แม่ช่วยรักษาให้ เธอคงม่มีชีวิตรอดอยู่จนถึงทุกวันนี้ ดังนั้นชีวิตของเธออยู่ในกำมือของผม นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมทนมีชีวิตอยู่บนโลกที่ผมเป็นคนเดียวที่แตกต่างจากคนอื่นๆได้ 

     

    ในตอนนั้นผมต้องการเพียงนานะเท่านั้น ผมพยายามหาความรู้ให้มากที่สุด แล้วยัดข้อมูลสิ่งต่างๆที่ผมพบในตอนนั้นเข้าไปในสมองของผม เพราะมันเป็นเพียงตัวเลือกเพียงหนึ่งเดียวที่ผมสามารถทำได้ในตอนนั้น เพื่อทำให้นานะอยู่กับผมยาวนานที่สุด และความพยายามของผมก็ประสบความสำเร็จ ผมรู้วิธีใช้ ‘Blood of Vongola’ ที่ผมเคยรังเกียจ เพื่อยืดชีวิตให้คนที่ผมรักเพียงหนึ่งเดียวสามารถอยู่กับผมได้ตราบนานแสนนาน จนกว่าโลกใบนี้จะถึงกัลปาวสาน

     

     ทำไมชะตาชีวิตผมถึงรัดทดขนาดนี้?  อืม..ตอนนั้นความจริงผมก็ทุกข์อ่ะนะ แต่เพราะมีนานะไงผมถึงผ่านมันมาได้ ผมจึงเป็นตัวผมเองอย่างทุกวันนี้ ผมไม่เสียใจหรอก แต่แค้นมากกว่า

     

    ผมไปเจออิเอมิสึตอนไหนนะเหรอ? นี่ก็เป็นอีกคนที่ผมไม่ค่อยพอใจเท่าไร.. ทำไมน่ะหรือ? นี่พวกคุณคิดจะให้ผมเล่าให้ฟังอย่างเดียวเลยใช่ไหม? ไม่คิดเองกันหน่อยหรือ? เดี๋ยว สมองฟ่อน่า...โอเค..ผมรู้ความขี้เกียจไม่เข้าใครออกใครบ่อยๆหรอก เพราะบางทีผมก็รู้สึกขี้เกียจทำงานเหมือนกัน ผมเข้าใจ

     

    ความจริงเจ้านั่นไม่ได้ชื่ออิเอมิสึหรอก ชื่ออิเอมิสึน่ะ ผมเป็นคนตั้งและคนอนุญาตให้มันใช้เองละ เดิมทีเจ้านั่นเป็นคนเถื่อนไม่มีชื่อเสียงเรียงนามอะไรหรอก  

    ตอนนั้นผมกับนานะถึงเวลาต้องย้ายบ้านอีกครั้ง เพราะเริ่มมีคนสงสัยแล้วว่าทำไมพวกผมสองคนถึงไม่ดูแก่ขึ้นเลยทั้งที่เวลาที่ผ่านไป เพื่อนๆบ้านผมก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายหรือริ้วรอยที่บ่งบอกถึงอายุสูงวัยขึ้นกันทั้งนั้น

     

    เจ้านั่นเดิมทีก็เป็นคนงานในไร่ธรรมดาๆเนี่ยแหละ ส่วนผมกับนานะที่เพิ่งอพยพย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่ใหม่ ยังหางานทำไม่ได้ ก็ได้เจ้านั่นช่วยไว้หลายเรื่องเหมือนกัน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของปากท้องนั่นแหละ

     

    ผมในตอนนั้นอายุราวๆสองร้อยปีได้ ถ้าจำไม่ผิด แต่ภายนอกผมก็เหมือนเด็กอายุ 8-9 ขวบทั่วๆไป ส่วนนานะตอนนั้นก็สองร้อยปีกว่าๆ เพราะตอนผมเกิดนั้นนานะก็อายุมากกว่าผมไม่เกินแปดปี แต่กว่าผมจะใช้สามารถใช้เลือดตัวเองให้เป็นยาอายุวัฒนะเพื่อยืดอายุในนานะได้ก็ผ่านมานานเกือบสิบปีได้ ทำให้นานะดูเหมือนหญิงสาวอายุยี่สิบปลายๆ ทำให้คนอื่นเข้าใจว่าพวกเราสองคนเป็นแม่ลูกกัน

     

    ตอนแรกผมก็เห็นหมอนั่นเป็นคนดีคนหนึ่งที่เดียว แต่พอผมรู้ว่ามันมีเป้าหมายจะจีบนานะเท่านั้นแหละ ผมก็ไม่เคยนับมันเป็นคนรู้จักอีกเลย แน่นอนว่าผมกีดกันเจ้าหมาวัดริอาจหมายปองดอกฟ้าสุดชีวิต แต่ว่านานะกลับยกหัวใจให้มัน ทันทีที่ผมรู้ว่านานะแบ่งหัวใจที่เคยเป็นของผมไปให้เจ้านั่น ทำเอาผมคลั่งไปหลายวันเหมือนกัน

     

    ผมนะกลั่นแกล้งมันด้วยทุกวัน ทุกเวลา ทุกนาที ตราบเท่าที่จะทำให้มันเจ็บปวดทรมานเหมือนกับผมที่สูญเสียความรักที่นานะมีให้ผมไปตลอดกาล ก็ตอนนั้นผมคิดยังงั้นนี่น่า ผมนึกว่านานะจะไม่รักผมเหมือนที่เคยเป็น แต่เจ้านั่นก็ทนทายาด อึดยิ่งกว่าแมลงสาปที่ผมเคยคิดว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่สามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้ไม่ว่าจะเกิดภัยพิบัติใดๆขึ้นบนโลก จนผมต้องเปลี่ยนความคิดที่มีกับเจ้านั้นใหม่อีกครั้ง

     

    แต่กว่าผมจะทำใจยอมรับมันเข้ามาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลซาวาดะ ก็เกือบจะสายเกินไป แต่ก็แค่เกือบแหละน่า ผมไม่ผิดนะ เจ้านั่นหาเรื่องใส่ตัว หาเหาใส่หัวเองต่างหาก

     

    เอาความจริง? คุณรู้ได้ไงว่าผมโกหก? โอเค!! คุณเก่งมาก!! ที่จับได้ว่าผมโกหก...

    ผมเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เจ้านั่นคิดพิสูจน์ความจริงใจที่มีต่อนานะให้ผมเห็น จนตัวมันเกือบต้องตายก็จริง แต่ผมก็เป็นคนรักษาเจ้าโง่งี่เง่านั่นจนเป็นปกตินะ   ถึงตอนแรกผมจะทำเป็นไม่สนใจมันแล้ว แต่นานะน่ะสิร้องไห้ฟูมฟายราวกลับจะตายตามมันไปอีกคน ทำเอาผมใจแป้วไปเลย สุดท้ายผมก็ต้องยอมให้นานะมีคนรักที่รักเธอพอๆกับที่ผมรักเพิ่มขึ้นอีกคน ผมจะแบ่งพื้นที่ของผมในใจนานะที่ผมเคยยึดครองไว้แต่เพียงผู้เดียวให้อิเอมิสึหน่อยหนึ่งก็ได้ แต่แค่นิดเดียวเท่านั้นนะ เพราะผมจะไม่ให้ใครหน้าไหนมาแบ่งหัวใจนานะไปจากผมอีกแล้ว

     

    แต่คุณรู้ไหมว่าหลังจากนั้นผมก็ต้องกลืนคำพูดของตัวเองอีกครั้ง!!

     

    เมื่อนานะตั้งครรภ์ลูกของอิเอมิสึ  ในใจของผมเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ผมกำลังจะกลายเป็นพี่ชาย นานะกำลังจะมีน้องให้ผม  ตระกูลซาวาดะกำลังจะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว

     

    ครั้งนี้ผมยินดี ที่จะให้เจ้าตัวเล็กยึดพื้นที่ส่วนของผมในใจนานะไปเลย ขอแค่ให้ผมได้มีพื้นที่เล็กๆที่เป็นส่วนของผมได้ครองดวงใจดวงน้อยของเจ้าตัวเล็กที่จะเกิดมาเท่านั้น ผมต้องการเพียงเท่านี้ก็พอใจแล้ว

     

    ตอนนั้นผมเฝ้าคอยนับวันเวลาที่เจ้าตัวน้อย ค่อยๆเจริญวัยขึ้นที่ละน้อยภายในร่างของนานะ ไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือชายผมรับได้หมด แค่ได้เฝ้ามองครรภ์ที่ค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นที่ละเล็กละน้อยเข้า ก็รู้สึกได้ถึงความปิติ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่แตกต่างจากความสุขที่ได้รักได้ครอบครองยึดเอาสิ่งที่เป็นที่รักไว้เพียงผู้เดียวเหมือนที่เขารู้สึกกับนานะ  เป็นความรู้สึกที่ผมไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับผมได้ เป็นความรักที่ชวนให้รู้สึกเต็มตื้นในอก เป็นรักบริสุทธิ์ที่ยินดีที่พร้อมจะเป็นผู้ให้ที่แม้ชีวิตก็สละให้ได้ทุกเมื่อโดยไม่หวังอะไรตอบแทนเป็นการให้ที่แท้จริง

     

    ผมเฝ้ารอวันที่จะมีสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆที่มีโอกาสได้ลืมตาขึ้นมามองโลกใบนี้ ชีวิตน้อยๆที่จะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตครอบครัวของผม เติมเต็มความรู้สึกที่ผมไม่ได้รับในตอนเด็ก ผมจะทำให้เด็กคนนี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์พร้อม ให้ได้เขาสัญญากับตนเองว่าจะให้ความสำคัญกับผู้ที่จะมาเป็นน้องของเขาให้มากที่สุด ผมอดใจรอวันกำหนดคลอดที่จะมาถึงในไม่ช้าอย่างตื่นเต้น แทบจะนับเวลาถอยหลังนาทีต่อนาที

     

    การเป็นผู้ให้กำเนิดนั้นยิ่งใหญ่มาก ผมร้องให้ออกมาด้วยความรู้สึกตื้นตันในความรักของมารดาที่มีต่อบุตรของตน ผู้หญิงทุกคนจะทำการคลอดบุตรต้องใช้ความอดทนอกกลั้นต่อความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นระหว่าทำการคลอด แม้จะเจ็บเจียนตาย แต่บุตรในสายเลือดจะต้องออกมาเผชิญกับโลกภายนอก เมื่อร่างกายไม่อาจเป็นที่อาศัยของลูกน้อยอีกต่อไป นานะรู้ความจริงข้อนี้ดี จึงใช้ความความพยายามทั้งหมดรวมรวมแรงกายแรงใจเผื่อให้กำเนิดทารกน้อย ผู้ที่จะเป็นแก้วตาดวงใจดวงที่สองของเธอ ซึ่งนานะก็ประสบความสำเร็จ เธอให้กำเนิดลูกคนแรกเป็นเพศทารกเพศชายที่แข็งแรงสมบูรณ์คนหนึ่ง

     

    ฝ่ายเออิมิสึ รู้สึกดีใจมากเมื่อรู้ว่านานะผู้เป็นภรรยาได้ให้กำเนิดลูกคนแรกอย่างปลอดภัยอย่างปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูก และยิ่งดีใจจนต้องหัวเราะออกมาดังๆ ยิ้มร่าไม่ยอมหุบเมื่อทราบว่าลูกที่นานะคลอดออกมาเป็นทารกเพศชายที่อ้วนท้วนสมบูรณ์ผู้หนึ่ง

     

    ชายหนุ่มที่ไม่เคยวาดฝันไว้เลยว่าในชีวิตที่ที่เกิดมา  โดยปราศจากแม้กระทั่งชื่อแซ่ที่ใช้เรียกแทนตัวอย่างเขา วันหนึ่งจะได้รับโอกาสจนมีทั้งชื่อทั้งนามสกุลเหมือนคนอื่นๆเค้า ทั้งยังสร้างครอบครัวที่ที่สมบูรณ์พร้อมทั้งภรรยาที่ทั้งสวยทั้งเก่งและลูกเล็กๆที่น่ารักสักสองคนอย่างวันนี้ได้ ชื่อ อิเอมิสึ ที่ได้รับมา พร้อมกับนามสกุลซาวาดะ ชายหนุ่มตั้งปณิธานกับตนเองว่า เขาจะไม่ทำให้โอกาสที่ ผู้เป็นเจ้าชีวิตยอมเปิดทางให้เขาต้องเสียเปล่า เขาจะรักษาสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตต้องลอยหายไปเพราะความโง่เขลา จนสร้างความผิดหวังให้กับผู้ที่มีมอบโอกาสให้เขาได้พิสูจน์ความจริงใจในความรักที่มีต่อนานะผู้ที่ผมจะรักและซื่อสัตย์กับเธอจวบจวนวาระสุดท้ายของชีวิต

     

    เด็กตัวน้อยที่เป็นแก้วตาดวงใจของคนในของครอบครัวซาวาดะ เติมโตขึ้นเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อม สง่างามทั้งกายและใจ ไม่เคยที่จะสร้างความผิดหวังหรือเรื่องเสื่อมเสียให้กับวงศ์ตระกูลตามที่ผู้เป็นบิดามารดาสอนสั่งไว้ รวมทั้งไม่เคยสงสัยในตัวพี่ชายที่ให้ความรักความเอ็นดู กับเขาในยามที่เขายังเด็กแม้ยามที่เขาโตเกินกว่าพี่ชายจะคอยลูบหัวปลอบใจยามเหงา แต่การกระทำทุกอย่างเต็มไปด้วยความปรารถนาดีที่พี่ชายคนหนึ่งจะพึงมีให้แก่น้องน้อยมีให้กับเขาไม่แปรเปลี่ยนไปเลย

     

    ชื่อของเขาคือ “โยชิบุเนะ”  เป็นที่พี่ชายเป็นคนตั้งให้เขาทั้งที่ปกติแล้วผู้เป็นบิดามารดาเท่านั้นที่มีสิทธิตั้งชื่อให้แก่ผู้เป็นบุตร บิดาเขาเล่าให้ฟังบ่อยๆถึงตอนที่พ่อกับแม่พยายามตั้งชื่อให้เขาแต่เขาตอนนั้นเอาแต่ร้องให้จ้าท่าเดียว เหมือนไม่พอใจชื่อที่พ่อและแม่พยายามคิดตั้งให้ จนพี่ของเขาเข้ามากุมมือเล็กๆของผมแล้วพูดว่า “อย่าร้องไห้เลยนะ โยชิบุเนะ” ผมก็หยุดร้องทันที แล้วเริ่มหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างชอบใจในชื่อที่พี่ชายเรียกหา จนพ่อกับแม่ยังแปลกใจ

     

    หลังจากที่ลองใช้ชื่ออื่นที่พ่อกับแม่เป็นตั้ง ผมจะร้องไห้โยเยขึ้นมาทันที จนต้องให้พี่ชายมากุมมือของผมแล้วบอกกับผมว่า “อย่าร้องไห้เลยนะ โยชิบุเนะ” ผมจะหยุดร้องไห้ทันที พ่อกับแม่มักจะให้พี่ชายเอ่ยวาจาสิทธิ์ ทุกทีครั้งที่ผมเริ่มงอแงซึ่งก็ได้ผลทุกครั้ง บางครั้งที่พี่ชายของผมลูบศีรษะของผมเบาๆ เท่านั้นก็สามารถทำให้เปลี่ยนให้ผมจากเด็กที่ร้องกระจองอแงให้กลับมาหัวเราะอารมณ์ดีได้ทั้งวัน ซึ่งคนจะทำแบบนี้ได้มีเพียงพี่ผมคนเดียวที่สามารถปราบผมซะอยู่หมัด จนพ่อแม่ต้องล้มเลิกความคิดที่จะเปลี่ยนชื่อผมเป็นอย่างชื่ออื่น... 

     

    ...อืม..เรื่องยังไม่จบแค่นี้หรอกนะ  ยังมีเรื่องที่ทำให้ผมต้องเสียน้ำตา กลับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ของน้องชายสุดที่รักคนแรกของผม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความเกลียดชังสายเลือดมาเฟียที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายที่ไม่โรยราไปตามเวลาอย่างที่ควรจะเป็น ความอมตะที่ทำให้ผมประสบแต่เรื่องร้ายๆที่บีบค้นหัวใจผมจนไม่อาจทนทาน หากปราศจากคนสนิทที่เป็นได้ทั้งแม่ ทั้งเพื่อน แม้กระทั่งพี่สาว ที่คอยติดตามรับใช้ผมประดุจข้าทาสที่จงรักภัคดีที่ไม่มีวันทรยศผู้เป็นนายเหนือหัว อย่างนานะ

     

    แต่ตอนนี้ยาวมากแล้วนะ พอขอยกยอดไปเล่าในโอกาสหน้าละกัน ตอนนี้ผมกำลังรู้สึกว่าตัวเองมีอาการของคนที่เป็นโรคซึมเศร้าแล้วนะ ถ้ายังให้ต้องเล่าถึงอดีตของผมที่แสนจะทุกข์ตรมของผมเป็นเวลานานแบบนี้ ผมก็รู้สึกแย่เหมือนกัน เอาเป็นว่าเจอกันครั้งหน้าผมจะเล่าเรื่องที่พวกคุณติดใจสงสัยให้กระจ่างแจ้งเลย แต่ตอนนี้ขอตัวไปเปลี่ยนบรรยากาศก่อนล่ะ  บาย...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×