เช้าวันที่สดใสกับน้ำค้างที่เกาะตามกิ่งไม้ใบไม้ทำให้ต้นไม้แลดูงดงาม ประกอบกับเสียงนกร้องและบินออกหาอาหาร ซึ่งบ่งบอกให้ทุกคนต้องรีบลุกขึ้นเพื่อรับวันใหม่ แต่มีใครบางคนไม่เป็นแบบนั้น กลับนอนนิ่งเงียบสงบอยู่บนเตียงของตัวเอง คล้ายกับรอให้ใครบางคนปลุกให้เขาตื่น
"นี่มัน 7 โมงแล้วนะมาโกโตะ เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายหรอก"
เสียงปลุกของอีกคนที่อยู่ข้างนอกห้อง ทำให้ร่างที่นอนอยู่บนเตียงต้องลืมตาขึ้นทันที "ครับ คุณพ่อ" พูดจบก็รีบลุกขึ้นนั่ง พลางขยี้ตาไปมาก่อนสักพัก แล้วลงจากเตียงเดินออกไปนอกห้องเพื่อที่จะอาบน้ำแปรงฟัน ระหว่างที่เขาเดินลงบันไดไปถึงหน้าห้องน้ำแล้ว ผู้เป็นพ่อก็เข้ามาหาเขา "เมื่อคืนกลับมากี่ทุ่มกัน มาโกโตะ"
เขา คุโด มาโกโตะ ชื่อที่พ่อตั้งให้ตอนที่มาญี่ปุ่นใหม่ๆ ส่วนชื่อเก่านั้น เขาลืมมันไปแล้ว ...เขามองหน้าพ่อทีหนึ่ง พลางตอบกลับไปด้วยคำๆเดิม ซึ่งเป็นคำตอบตามปกติทุกวันในรอบ 10 ปีหลังจากที่แม่ของเขาตายไปแล้ว "เที่ยงคืนครับ" ว่าแล้วก็เดินเข้าไปในห้องน้ำต่อ
เมื่อเขาเข้าไปแล้วก็หยิบแปรงสีฟันขึ้นมา แล้วบรรจงใส่ยาสีฟันลงบนแปรงนั่น ...จะว่าไปแล้ว วันนี้เป็นวันครบรอบ 10 ปีที่แม่ได้ตายจากเขาไป เหตุการณ์ในคืนนั้นเขายังคงจำมันได้ดีไม่มีวันลืม หลังจากที่แม่ของเขาได้ตายไป แล้วเขาก็ร้องไห้ร้องปลุกให้แม่ตื่น แต่แม่ของเขาก็ไม่ตื่น เขาร้องจนกระทั่งพ่อของเขามาถึง เขาจำหน้าพ่อตอนนั้นได้แม่นยำ ใบหน้าของพ่อมีน้ำตาไหลลงอาบแก้มเต็มไปหมด เขาคิดว่าพ่อคงจะเสียใจที่แม่ตาย ต่อจากนั้นมาเมื่องานศพของแม่จบลง พ่อของเขาก็ไม่เคยสนใจใยดีอะไรเขาอีกต่อเลย หรือจะเป็นเพราะว่าเขา ที่เป็นตัวการที่ทำให้แม่ต้องตายกันแน่
พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เขาก็รีบหยิบกระเป๋านักเรียนขึ้นมา และถือมันเดินเข้าไปในห้องครัว "ผมขอไม่ทานอาหารเช้านะครับ คุณพ่อ เดี๋ยวจะไปโรงเรียนสาย" เขาหวังว่าพ่อจะตอบ แต่พ่อกลับไม่ตอบคำถามของเขา แถมยืนหันหลังให้อีกต่างหาก "งั้นผมไปก่อนนะครับ" พูดจบ เขาก็เดินออกนอกห้องครัวแล้วไปยังที่ประตู
"อย่ากลับหลังพระอาทิตย์ตกนะ มาโกโตะ" เสียงของพ่อเขาดังขึ้นขณะที่เขากำลังสวมรองเท้าอยู่ ที่พ่อเขาบอกเช่นนี้ก็เพราะว่าถ้าเขาขืนไม่รีบกลับ มีหวังได้กลับมาในร่างหญิงด้วยชุดนักเรียนชายเป็นแน่ ความลับเรื่องคำสาปนี้ยังไม่มีใครทราบนอกจากตัวเขาเองกับพ่อของเขา หลังจากงานศพของแม่เสร็จ พ่อก็พาเขาย้ายมาอยู่ที่ญี่ปุ่นแทนที่จะอยู่ประเทศไทยทันที ที่พ่อทำแบบนี้ก็คงไม่อยากอยู่ให้มันเจ็บปวดเสียเปล่า ความหลังที่ไม่น่าจดจำ แต่เรื่องที่มาอยู่ญี่ปุ่นนั้น ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องที่อยู่ที่กิน แม้แต่เรื่องภาษาเลย พ่อของเขาเป็นคนญี่ปุ่น และตัวเขาเองก็มีเชื้อสายคนญี่ปุ่นเช่นกัน แต่ครึ่งญี่ปุ่นครึ่งไทย รูปร่างหน้าตาของเขาไม่ค่อยจะเหมือนแม่ จะเหมือนพ่อเสียมากกว่า สูง ขาว แต่ตาไม่ตี่ตามพ่อ เขาได้ตาเหมือนแม่ราวกับพิมพ์มา ดวงตาของแม่เขาสวยที่สุดในบรรดาที่เขาเคยเห็น ดวงตาที่เขาจ้องมองเป็นตัวแทนของแม่มาตลอด 10 ปี ส่วนผมของเขา แต่ก่อนเคยเป็นสีดำเหมือนคนทั่วไป หลังจากที่โดนคำสาปในวันนั้นแล้ว สีผมของเขาก็เปลี่ยนไปเลย ผมสีเงินที่แสนประหลาด กับใบหูที่แหลมคล้ายเอล์ฟ !ในนวนิยายที่ไม่มีทางจะมีจริง
"ครับ คุณพ่อ" เขาตอบเสร็จ ก็เอาผมสีเงินที่ยาวมาปิดใบหูของตน พลางลุกขึ้นยืนแล้วเดินเปิดประตูออกไปนอกบ้าน ปีนี้เขาอายุ 15 แล้ว เขากับพ่อมาอยู่ที่ญี่ปุ่นได้หลายปีดีดัก นานจนกระทั่งเขาลืมภาษาไทยไปซะเสียสนิท
"อรุณสวัสดิ์มาโกโตะ"
"อรุณสวัสดิ์คะมาโกโตะ" เสียงแซ่ดแซ่ทักทายเด็กหนุ่มผมสีเงินดังขึ้นไปตลอดทางเดิน ตั้งแต่หน้าโรงเรียนยันจนถึงในห้องเรียน มีแต่คนเข้ามาทักเขาเต็มไปหมด ไม่เว้นแต่อาจารย์ที่เดินสวนด้วย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะตัวเขาเองมีคนที่ชอบในตัวของเขา กีฬาดี กิจกรรมเด่น รวมถึงการเรียนของเขา เขานั้นได้เป็นท๊อปของโรงเรียนมาตลอดไม่เคยตก แต่มันตรงกันข้ามกับนิสัยของเขา เยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง เป็นคนเงียบไม่พูดไม่จากับคนอื่น นอกเสียจากเรื่องที่จำเป็นเท่านั้น เขาไม่พูดไม่จาก็เพราะว่าเบื่อ เบื่อต่อการที่ปกปิดเรื่องราวในตัวของเขานั่น
"เฮ้ย! มาโกโตะ วันนี้ขอลอกการบ้านหน่อยได้ไหม" เพื่อนคนแรกของเขาที่คบกันมาตั้งแต่วันแรกที่เขาได้เข้ามาที่ญี่ปุ่น ไอดะ โทรุ มีนิสัยห้าวๆ ชอบเตะฟุตบอล การเรียนพอไปวัดไปวา แต่เมื่อเทียบกับเขาแล้ว ก็ห่างราวกับฟ้ากับดิน นอกจากนั้นก็ยังมีดีตรงที่รักเพื่อนอยู่บ้าง ไม่ว่าตอนที่เขาไม่สบายหรือมีเรื่องทุกข์ร้อนใจ โทรุก็มักจะเข้ามาช่วยเขาอยู่เสมอไป
"ได้สิ แต่ลอกให้เสร็จก่อนโฮมรูมนะ โทรุ" เขาพูดพร้อมกับถอนหายใจอย่างน่าเบื่อหน่าย ก่อนที่จะยื่นสมุดการบ้านให้กับเพื่อนรักเพื่อนซี้ของเขา ระหว่างที่เขานั่งรอโฮมรูม พลางมองไปข้างนอกหน้าต่างเรื่อยเปื่อย เสียงคุยจ๊อกแจ๊กจอแจของเพื่อนดังขึ้นเรื่อยๆ ทีแรกเขาไม่ได้ใส่ใจที่จะฟัง แต่แล้วก็ต้องสะดุดอยู่คำพูดของเพื่อนคนหนึ่งในห้องเสียมิได้
"นี่ๆ มีเรื่องประหลาดอะไรจะบอก"
"เรื่องอะไรหรือ"
"ก็เมื่อเที่ยงคืนนี้ ที่ฮาราจุกุมีระเบิดวะ พื้นคอนกรีตแข็งๆงี้เป็นหลุมเท่าอุกาบาตตกเลย"
"โห! ถึงขนาดนี้เลยเชียว แล้วมีคนเห็นไหมว่าใครทำ"
"ก็มีนะ เห็นเขาลือว่าเป็นเวทมนตร์อะไรเนี่ยแหละ ทำให้ระเบิดทำนองนี้ แต่มันก็น่าเชื่อหรอกนะ ขนาดลูกระเบิดยังทำไม่ได้เท่านี้เลย แบบนี้ต้องเป็นฝีมือพ่อมดแม่มดแน่"
สิ้นเสียงของนักรายงานข่าวตัวดีจบ เขาถึงกับลุกขึ้นพรวดพราดเสียงดังจนเพื่อนๆต่างมองกันเป็นตาเดียว "พ่อมดแม่มดอะไรกัน ไม่มีจริงหรอก ไร้สาระ" เขาไม่เคยรู้สึกหงุดหงิดอะไรมากถึงขนาดนี้ กับเพียงคำสองคำเท่านั้น ถึงปากจะบอกว่าไม่มีจริง แต่ในใจของเขาคิดไปคนละอย่าง พ่อมดมีตัวตนจริง ไม่เช่นนั้นเขาจะมีร่างกายแตกต่างจากคนทั่วไปงั้นหรือ คำสาปครึ่งชายครึ่งหญิงนั้นยังคงอยู่เช่นเคย แต่เรื่องนี้มันไม่ทำให้เขาลำบากนักหรอก เพียงแต่ว่าผลพวงจากคำสาปนั่น มีบางครั้งที่ทำให้เขาครั่นเนื้อครั่นตัวในยามพระจันทร์เต็มดวง ประสาทหูของเขาทำงานดีเกินไป แม้ว่าตัวเขาอยู่ห่างไกลหลายกิโลเมตร ก็ยังได้ยินเสียงแปลกบางอย่างที่คนอื่นเค้าไม่สามารถได้ยินได้
"ไม่เอาน่า มาโกโตะ เรื่องแค่นี้นายไม่เห็นต้องโมโหเลย กะอีแค่พ่อมดแม่มด มันจะมีจริงหรือไม่มีจริง นายก็อย่าไปใส่ใจเลย มามะ มาช่วยฉันทำการบ้านดีกว่านะ"
โทรุรู้ดีว่าเขาโมโหเรื่องนี้ จึงพยายามพูดเล้าโลมให้เขาดีขึ้น พลางฉุดเสื้อนักเรียนให้เขานั่งลงตามเดิม "มองอะไรกัน มีอะไรทำก็ทำไป ไม่ต้องมามองทางนี้เลย" โทรุหันไปขู่กับเพื่อนในห้อง ก่อนที่จะหันกลับมาทางเขา "ฉันรู้ว่านายโมโหเรื่องนี้ แต่ขอให้ระงับอารมณ์ไว้บ้างก็ดีนะ เดี๋ยวคนอื่นจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่" โทรุพูดเสียงกระซิบ
อย่างที่โทรุพูดมาก็ถูก ตอนที่เขาอยู่ชั้นป.6 ก็เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้นมาก่อน เขาโมโหที่เพื่อนร่วมห้องกล่าวหาว่าเขาเหมือนตัวประหลาด คล้ายกับพ่อมดแม่มด ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะมีคนได้เห็นใบหูของเขานั่นเอง แม้แต่ตัวโทรุที่ได้เห็นเข้าพอดี ก็อดนึกไม่ได้ว่า มาโกโตะเป็นตัวประหลาด แต่ด้วยความเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่อนุบาลแล้ว โทรุจึงไม่ใส่ใจเรื่องนี้ หลังจากที่มาโกโตะโดนต่อว่าแล้ว จู่ๆ ก็มีลมแรงขึ้นมาภายในห้องอย่างน่าเหลือเชื่อ ทำเอากระจกหน้าต่างแตกทุกบาน ทุกคนตกใจมากที่เกิดเรื่องไม่เป็นเรื่องก็ต่างพากันหวาดกลัวมาโกโตะ ดีที่โทรุเข้าไปพูดปลอบใจให้เขาใจเย็นลง ทำให้ลมปริศนานั่นหยุดลงทันที ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา เพื่อนๆก็ไม่เคยคิดจะเข้าใกล้มาโกโตะอีกเลย จนกระทั่งมาโกโตะและโทรุเรียนจบชั้นป.6
พอได้เรียนชั้นมัธยม เขากับโทรุต่างก็ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าจะหวนกลับมาให้คิดถึงอีก ครั้งนี้ยังโชคดีกว่าตรงที่ไม่มีเหตุการณ์ประหลาด ทำให้เขาไม่ต้องกลัวเรื่องที่เห็นว่าเขาเป็นตัวประหลาดนั่นเอง "อืม ขอบใจนะโทรุที่ช่วยฉัน"
"ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอบคุณหรอก มันเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว" โทรุหรือเพื่อนแสนดีกล่าวพลางส่งยิ้มให้ จากนั้นก็หันกลับไปทำการบ้านตรงหน้าต่อ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น