ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ชีคแห่งสายลม(อาริตา)

    ลำดับตอนที่ #21 : 21

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.72K
      8
      8 ส.ค. 52

    ชีคแห่งสายลม21

    เชคีซีรีนรู้สึกถึงแรงเหนี่ยวที่ไหล่บอบบางอย่างแรง แล้วเสียงห้าวเกรี้ยวกราดก็ตามมา

    “ข้าเจอเจ้าแล้ว นังเด็กตัวแสบ”

    เธอปัดมือนั่นออก แม้มือของซูฮุย์จะเป็นมือชายและหยาบกร้านเพียงใดก็ยังปัดออกได้ง่ายดาย ซูฮุย์ได้รู้ถึงแรงอันหนักหน่วงบนมือตัวเอง

    ...นังเด็กคนนี้ไยแข็งแรงเกินตัว ...

    เพราะเธอดูบอบบาง และเมื่อเขาเงื้อมืออีกข้างจะตบลงบนหน้าของเชคีซีรีนนั้นก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่กระแทกใส่แขน สิ่งที่มองไม่เห็นแต่ทำให้เขาสะท้านไปทั้งแขนเลยทีเดียว

    อะไรกัน...มีพลังที่เขามองไม่เห็นอย่างนั้นหรือ เขาตัวสั่นเทิ้มแขนข้างนั้นตกแนบข้างตัว

    “เจ้าทำอะไรข้า”

    เธอถอยห่างไปหนึ่งก้าว อาบิสกับซินาสยืนอยู่ข้างหลังเธอ

    “แล้วเจ้าล่ะ ทำร้ายข้า จนเจ็บร้าวทั้งบ่า...แถมเจ้ายังเรียกชื่อข้าไม่ดีเลย...”

    “เพราะเจ้าโกง...เจ้าเอาเพชรปลอมให้ข้า”

    “เพชรปลอม? “ เสียงถามแหลมสูง

    “ที่เจ้าแลกกับม้าและอูฐ อาหารและน้ำของข้า เอาของข้าคืนมา”

    มีหรือที่เชคีซีรีนจะยอมคืนให้และยอมรับว่าเป็นเพชรปลอม

    “เจ้าจะโกงข้าตะหาก ได้เพชรแลกไปยังไม่พอใจอีกหรือ จะเอาอะไรจากข้าอีก มาโก่งราคาของพวกนั้นหรือ”

    เธอถามเสียงแข็ง ดวงตากลมโตมองมาแบบไม่พอใจอย่างยิ่ง “เจ้ากำลังจะทำให้ข้าโกรธกับความไม่พอของเจ้า”

    “อุวะ! นังเด็กน้อย นังขอทาน” แล้วซูฮุย์ก็ถ่มน้ำลายลงกับพื้น...

    เชคีซีรีนตัวแข็งทื่อกับกิริยาหยาบคายเช่นนั้น

    “เจ้าตะหากที่โกงข้าเอาก้อนหินมาหลอกข้าว่าเป็นเพชรแท้...ข้าโง่เองที่รับเอาไว้ นังขอท่านมอมแมมอย่างเจ้าจะมีเพชรที่ไหนมาให้ข้าได้เล่า ข้าเสียรู้เจ้า อยากบีบคอเจ้าเสียนัก”

    แต่พอขยับเท้า ซูฮุย์ก็รู้สึกถึงแรงกระชากตัวเขาจนเซถลาจากคนของตอลีที่พิทักษ์เชคีซีรีนตามคำสั่งคนเป็นหัวหน้า ชายหน้าตาดุดัน ท่าทางเอาจริงและไม่ใช่แค่คนเดียว อีกสามคนก็มาล้อมเขาเอาไว้ ทุกคนล้วนหน้าตาดุดัน มีเสียงคำรามใส่เขาว่า

    “รังแกกระทั่งผู้หญิงเชียวหรือ ไอ้เฒ่า”

    ซูฮุย์โกรธจนตัวสั่น ทำอะไรไม่ได้ และได้แต่ฝากสายตาอาฆาตไว้กับเชคีซีรีน

    “ข้าต้องได้ของข้าคืน”

    “แล้วเพชรของข้าละ” เธอเอ่ยถาม

    ซูฮุย์ล้วงมือเข้าไปในเสื้อแล้วหยิบเพชรที่ถือครองอยู่ออกมาทำท่าจะปาใส่หน้าเธอ แต่ถูกชายตัวใหญ่ง้างมือเขาออกแล้วคว้าเอาก้อนเพชรสองก้อนนั่นไป แล้วส่งต่อให้กับเธอ

    เพียงสัมผัสแวบเดียว เธอก็ร้องว่า “เจ้าคนโกง เจ้าสับเปลี่ยนมัน”

    “นังเด็กน้อย อย่ามาแก้เก้อเลย เจ้าแหละให้ของปลอมข้าแต่แรก”

    “ข้าให้ของจริงเจ้า เอาคืนไป” เธอปากลับมา “เจ้าไม่รักษาของของข้าไว้เอง แล้วเอาของปลอมมาให้ข้าอีก...สุดที่ข้าจะทนฟังข้อกล่าวหาของเจ้าแล้ว ขอให้รู้ว่าคนอย่างข้าไม่เคยโกง ไม่เคยหลอกใคร เจ้าเอาของปลอมนี่มาต่อว่าข้า ประจานข้า เจ้าคิดว่าข้าจะต้องอับอายและเพิ่มเพชรของข้าให้แก่เจ้าหรือ...ตาเฒ่า...ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าอีกแล้ว น่าเบื่อน่าชัง”

    แล้วเธอก็หมุนตัวจากไป มีแต่เสียงก่นด่าของซูฮุย์ตามไล่หลัง...และร่างของเชคีซีรีนลับหายในกลุ่มคนและไม่มีใครเห็น

    ครู่เดียวร่างบางนั้นก็หายไป มีแต่คู่แฝดของเธอที่มองเห็นว่าเชคีซีรีนได้เปลี่ยนร่างเป็นนก...

    ไม่ใช่นกฮูก เป็นนกพิราบตัวเขื่อง...และกระพือปีก บินผ่านไปทางซูฮุย์ ก่อนจะถ่ายมูลลงตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นพอดี...

    เสียงซูฮุย์ร้องลั่น...แล้วด่าขรม

    “ไอ้นกเวร กูจับได้จะเชือดกินเสีย”

    แต่นกตัวนั้นก็บินหนีไปแล้ว เขารีบมุ่งกลับไปจากที่นี่ไม่สามารถอยู่อีกต่อไป เขากลับไปถึงบ้านของเจ้าชายอะบีห์ที่บัดนี้ทั้งลูกชายเจ้า
    บ้านและลูกชายเขารีบเร่งออกจากเมืองไปแล้ว เพื่อไปสวมรอยเป็นเจ้าโจรสายลมในขณะที่เจ้าชายอัลยังประทับที่บูราไบ และงานฉลองค่ำนี้
    ชีคชาห์มาก็จะเสด็จมาร่วมงานด้วย

    ทั้งสองหนุ่มวางแผนกันเดินทางไกลออกจากบูราไบ...และไม่ได้ไปกับม้า มันช้าไป...แผนการปล้นนี้จะใช้เครื่องบินส่วนตัว...

    ท่านชายจัสฟาชอบขับเครื่องบินและมีเครื่องบินเล็ก ที่มีใบอนุญาตบินผ่านในน่านฟ้าภูมิภาคนี้ได้ทั่ว

    เขาบอกกับคนเป็นพ่อว่าจะปล้นมาให้มากสุด จะปิดเมืองปล้น...

    แต่ซูฮุย์ไม่ได้สนใจเรื่องปล้นนอกจากแค้นใจในตัวเจ้าเด็กน้อยมอมแมม “นังเด็กนั่นมันหลอกข้า มันเอาเพชรปลอมให้ข้า พอข้าไปต่อว่ามัน ก็โดนมันย้อนเอาเจ็บแสบ...ข้าว่าเด็กนั่นมันต้องมีความสำคัญแน่นอน”

    “ก็แค่นังขอทาน ซูฮุย์” เจ้าชายอะบีห์เตือน “เจ้าถึงได้เพชรปลอมมาไง ไปสนใจเด็กทำไม...สนใจแต่เรื่องงานเราเถิด...”

    การร่วมมือเป็นมานาน...เจ้าชายอะบีห์แม้จะไม่ได้หวังเรื่องบัลลังก์ แต่ก็ไม่เคยปฏิเสธโอกาสของความร่ำรวย การฉกฉวยโอกาสที่ชอบทำ
    สม่ำเสมอ เขาหวังจะกวาดความมั่งคั่งไว้กับตัวเองให้มากสุด ให้ครอบครัวอยู่อย่างสุขสบาย..

    “เราควรอาศัยชื่อเจ้าโจรสายลม กอบโกยให้เรามากสุดนะ ซูฮุย์ ทิ้งเรื่องเล็ก เอาไว้ดีกว่า และตอนนี้ข้าเองก็อยากคุยกับเจ้าเรื่องงานแต่งของลูกสาวข้ากับฟาติน ข้าปล่อยให้มาซะห์ฉีกหน้าข้าและครอบครัวข้าไม่ได้อีกแล้ว”



    อับดุลลาตามหาเด็กคนนั้นไม่เจอเขากลับมารายงานอัลว่า “หายตัวไปแล้ว เหมือนมาเล่นสนุก...”

    “เด็กคนนั้นดูทำให้เจ้ากังวลนะ อับดุลลา”


    “เพราะเหมือนมารีอาห์...”

    “คนเราหน้าตาเหมือนกันได้....”

    “กระหม่อมทราบเรื่องนั้น แต่จะเหมือนกันเพียงนั้นทีเดียวหรือ เป็นไปได้ยากเอาการอยู่นะพะยะค่ะ”

    “ไปพักผ่อนกันดีกว่า ค่ำนี้ก็มีงานฉลอง...”

    อัลตัดบทเพียงนั้น อับดุลลาเลยต้องวางเฉยลง แต่ในใจก็คิดว่าน่าจะมีอะไรบางอย่าง...

    “ไหนว่าจะไปดูทะเลสาบฮาวาตามคำทูลเชิญของท่านรอม์ฮิม” อับดุลลาอดจะท้วงไม่ได้

    “ก็ไปดูฮาวาก่อน ค่อยกลับไปพัก”

    เพราะอัลก็อยากเห็นน้ำจากทะเลสาบ เขาประชุมรัฐมนตรีมาแล้ว รับรายงานเรื่องน้ำอันมีคุณภาพ

    “น่าอิจฉาบูราไบ”

    “เขาคงอิจฉาเรามากกว่าพะยะค่ะ”

    “อย่างไรหรือ”

    “อารูก้ามีน้ำมันที่ขุดได้เพิ่มทุกปี...มีการเปิดบ่อใหม่ได้ แต่บูราไบมีแค่น้ำ ไร้น้ำมันมากมายอย่างอารูก้า”

    “อือม์...น้ำกับน้ำมัน อะไรสำคัญมากกว่ากันนะ”

    “ถ้าหากเป็นโลกสมัยใหม่ ที่มีความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุก็คงเป็นน้ำมัน แต่หากเป็นโลกทั่วไป น้ำเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการขับเคลื่อน
    ชีวิตนะ”

    “ถ้านั้นบูราไบน่าอิจฉาดังฉันว่าก็ไม่ผิดไปจากความจริงนัก จริงไหม”

    “คงอย่างนั้นพะยะค่ะ...”

    แล้วยิ่งไปเห็นน้ำ...ที่เพิ่มระดับขึ้นมาจนทำให้รายรอบทะเลสาบฮาวาขยายตัวเพิ่ม...และน้ำนั้นก็ถูกส่งเข้าโรงพักน้ำก่อนจะผลิตเป็นน้ำพร้อมดื่มส่วนหนึ่งและส่งเป็นน้ำดิบไปยังอารูก้า ไปนาว์รา และไปอิบบาห์ เชวู...ผ่านท่อส่งน้ำที่มีการต่อเป็นทางยาวไปในดินแดนทะเลทราย โครงการร่วมกันของบูราไบกับรัฐที่จะเป็นลูกค้าซื้อน้ำ...

    ท่อส่งน้ำดิบไม่ใช่ท่อน้ำมัน...สิ่งแปลกใหม่...และจะทำให้ภูมิภาคนี้มีน้ำอุดมสมบูรณ์

    อับดุลลานึกถึงทะเลสาบที่อัล นาจาห์ น้ำที่นั่น...ก็มากมาย เขาเคยได้เห็นแต่ไม่สามารถนำกลับมาได้

    “นับว่าเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่มีน้ำเพิ่มมากขึ้น”

    “น่าสงสัยนะพะยะค่ะว่าน้ำจากไหน”

    “บางอย่างอย่าไปสงสัยเลย อับดุลลา ปวดหัว ถือเสียว่าพระเป็นเจ้าส่งมอบมาก็พอแล้ว”



    ตำหนักรอยาฮิม

    เมื่อกลับมาจากงานเปิดโรงทานและเสร็จสิ้นพิธีการแจกเงินและของใช้ของกินให้แก่คนบูราไบแล้ว เจ้าหญิงฟะรีฮาก็เสด็จกลับมา โดยไม่มีชีครอม์ฮิมตามมาด้วย เขาต้องไปจัดการเรื่องงานเลี้ยงค่ำนี้ ไปตรวจตราสั่งการให้เรียบร้อย

    พระเทวีให้พาตัวเชคีซีรีนกลับมาด้วย...และให้จัดน้ำชาและของว่างไว้เลี้ยง

    เพราะเชคีซีรีนถือเป็น “ผู้มีพระคุณ” ต่อลูกชาย ท่านหญิงมะยาห์ดีเป็นคนดูแลเชคีซีรีนและเจ้าแฝดอย่างเป็นทางการ...สาวน้อยมีกิริยาที่
    น่าเอ็นดูบอกให้รู้ว่าคงจะได้รับการขัดเกลาอบรมมาอย่างลูกผู้มีชาติตระกูล...เจ้าหญิงฟะรีฮาทรงแย้มสรวล อ่อนหวานไปทั้งดวงพักตร์งาม

    “ไม่ต้องมากพิธีการกับเรา เจ้าชื่ออะไรนะ แม่หนู”

    “ซีรีนเพคะ”

    คำตอบรับนอบน้อม...รู้จักเบื้องต่ำเบื้องสูง...

    “นั่งบนเก้าอี้นั้นเถิด” ก่อนจะมองไปยังคนติดตามทั้งสอง “เราให้จัดน้ำชากับของอร่อยไว้อีกห้อง เจ้าสองคนแยกไปก่อนดีไหม”

    อาบิสและซินาสไม่ได้อยู่ในห้องนี้อีกแล้ว อยู่กันแค่สามคน เจ้าหญิงฟะรีฮาทรงรินน้ำชาใส่ถ้วยให้กับเชคีซีรีนด้วยตัวเอง

    “ฉันต้องขอบใจเธอ ที่ช่วยชีวิตลูกชายฉันไว้”

    “ไม่เป็นไรเพคะ แม่สอนเอาไว้ว่าให้เราช่วยเหลือคนที่กำลังมีอันตราย แม้ว่าเขาจะเป็นคนไม่ดี”

    ท่านหญิงมะยาห์ดีกระแอมเหมือนจะเตือน กลัวจะระคายเคืองพระกรรณของพระเทวี

    “ไม่เป็นไร ท่านพี่ ซีรีนดูเถิดนะ รอม์ฮิมทำตัวไม่ดี เจ้าตำหนิเราได้เลยนะ ซีรีน เราเป็นแม่ที่ไม่เอาไหน ทำให้ลูกเป็นโจรแล้วยัง
    ห้ามปรามไม่ได้”

    “โอ...ไม่เพคะ หม่อมฉันไม่บังอาจจะตำหนิได้เพียงนั้น หม่อมฉันเชื่อว่าไม่มีคนไหนอยากให้ลูกเป็นโจร เขานิสัยไม่ดีเอง”

    “แต่เธอก็ได้ช่วยคนไม่ดีนั้น”

    “ก็อย่างที่บอกไปเพคะ ตอนนั้น ถึงอย่างไรก็จะช่วย แม่สอน เราละเลยคนเจ็บป่วยไม่ดียิ่งใกล้ตาย เรายิ่งต้องช่วย”

    “แม้เขาจะเป็นโจรใช่หรือไม่”

    “ทำไมเราไม่อบรมเขาเพคะ”

    มีเสียงหัวเราะประสานกันทันที เจ้าหญิงฟะรีฮาพยักหน้าไปทางผู้มีอาวุโสสูงกว่า

    “เราจะได้คนช่วยอบรมรอม์ฮิมแล้วมั้ง ท่านพี่”

    “ซีรีน เราเตือนเขาแล้ว แต่เขาไม่ฟังเราเลย”

    “เขาดื้อมาก” เชคีซีรีนบอกตามที่คิด “แค่เตือนคงไม่พอมังเพคะ ต้องอบรม”

    “อย่างไรหรือ”

    “หากเขายังจะไปปล้นอีก เราต้องตีเขาเพคะ”

    “แล้วใครจะตี หรือเธอจะอาสา”

    “ให้ตีเขาได้จริงหรือเพคะ”

    “ฉันจะให้ไม้อาญาสิทธิ์กับเธอดีไหม ซีรีน”

    “โธ่...ไปกันใหญ่แล้ว” ท่านหญิงมะยาห์ดีพึมพำ “ตัวเล็กเท่านี้ ถือไม้ไปตีเขา หรือจะให้เขาจับเธอโยงแล้วตีเสียเอง เขาคงยอมให้เธอตีเขาได้หรอก”

    “แต่หม่อมฉันกล้าจะตีเขาแทนแม่กับป้าเขาเพคะ จะเป็นคนจับเขาโยงไว้เอง แล้วตีๆๆๆ เพื่อให้เขาหลาบจำไม่เที่ยวเกเรไปปล้นมาอีก...
    แม่สอนว่าเป็นโจรไม่ดีนะเพคะ”

    ดวงเนตรงามของเจ้าหญิงฟะรีฮามองมานิ่งๆ เด็กสาวเบื้องหน้ายังอายุน้อย...ท่าทางซุกซน ดื้อรั้นเอาการอยู่ และความมอมแมมไม่อาจจะปิดบังความงดงามที่มีได้ เป็นความงดงามมุ่งมั่น ฉลาดเฉลียว...ท่านหญิงมะยาห์ดีให้ข้อมูลคร่าวๆ มาบ้างแล้วว่านี่คือใคร...มาจากไหน คนจากอดีตที่ออกมาปรากฏตัวจนได้ เหมือนเคยมีคนบูราไบเล่าขับขานว่าหลายคนที่เดินปะปนกันในเมืองคือคนจากอัล นาจาห์ พวกที่ถูกขับไล่ออกมา เพราะทำผิดกฎของเมือง

    แต่การที่ธิดาแห่งอัล นาจาห์ออกมาได้...เพราะทำผิดกฎใดของเมืองหรือ ไม่น่าเป็นได้ สาวน้อยเบื้องหน้าดูไม่ใช่คนจะทำความผิดใด

    รายละเอียดจากท่านหญิงมะยาห์ดียังไม่แจ่มชัดเพราะยังหาเวลาคุยกันไม่ได้...

    “ถ้าฉันยกให้รอม์ฮิมให้เธอจัดการจะได้หรือไม่”

    “หม่อมฉันจะพยายามเต็มกำลัง”

    คือคำตอบรับ ไม่ได้ปฏิเสธ บอกความเชื่อมั่นเปี่ยมล้นในสิ่งที่อยากจะทำ...ไม่ได้แค่มาพูดเล่นหรือล้อเล่นแต่อย่างใดทั้งสิ้น

    “หม่อมฉันไม่อยากให้เขาเป็นโจรเลย” บอกกล่าวซื่อๆจริงจัง

    “ทำไมละ”

    “เพราะหม่อมฉันกลัวเขาจะต้องตาย หากเขาถูกจับได้ หรืออาจจะโดนยิงตายเสียก่อน ยังดีนะที่คราวนี้เขาไม่ได้ตาย ปืนที่ขิ่งรู้จักมัน มีฤทธิ์ร้ายกาจมาก เป็นบาดแผลที่หม่อมฉันไม่เคยเจอมาก่อนเลย ฉันเพิ่งรู้จัก...ปืน...ทำให้คนถึงตายได้ เหล็กนั่นเจาะเข้าตัวคนได้ น่ากลัวกว่าดาบหรือมีด”

    “ซีรีน...ฉันจะรอดูว่าเธอจะทำให้เขาเลิกเป็นโจรได้ไหม”

    “อือ...ท่านเป็นแม่ ยังยาก”

    “เพราะฉันไม่ได้ตีเขา หากเธอตีเขาได้จริง เธออาจจะทำได้”

    เชคีซีรีนหัวเราะแหะๆ “หม่อมฉันอาจจะโม้ เกินจริง เพราะหม่อมฉันก็ยังมองไม่เห็นทาง”

    เจ้าหญิงฟะรีฮาอมยิ้ม เปลี่ยนเรื่องสนทนา “คืนนี้จะมีงานฉลองวันเกิดฉัน และฉันอยากให้เธอไปงานด้วยจะได้หรือไม่ ฉันจะ
    ให้นางกำนัลเตรียมชุดสวยให้ ขอให้เธอแต่งตัวและทำหน้าตาสะอาดได้หรือไม่”

    “เพื่ออะไรเพคะ”

    “ในงานจะมีแต่คนสวยๆ...เธอไม่รู้สึกหรือว่าหากจะสวยได้ไม่พอ อีกอย่าง...รอม์ฮิมยังไม่เคยเห็นเวลาเธอทำตัวสวยเลยนะ”

    “เขาว่าหม่อมฉันมอมแมมเสมอ”

    “แล้วเธอจะยอมให้เขาว่าสถานเดียวหรือไร”

    นั่นเหมือนคำท้าทาย สาวน้อยลังเล

    “ฉันจะให้นำเสื้อผ้างามๆ มาให้เธอเลือก...”

    แพรพรรณงดงาม ถูกนำมาวางให้...รวมทั้งเทียร่าองค์น้อย...ที่มีเพชรประกายระยิบระยับ....

    “ฉันเคยสวมเทียร่าองค์นี้ออกงานเมื่อตอนยังเป็นสาวรุ่น....งานเลี้ยงวันเกิดของฉันเอง...และเป็นคืนที่ฉันได้เต้นรำกับเจ้าชายยอดรักของฉัน หลังจากนั้นไม่นานฉันก็ได้แต่งงานและเขาเป็นสามีที่ดี เขามีภรรยาคนเดียว...และไม่เคยมีหญิงอื่นอีกเลยนับจากวันที่เขาสบตากับฉันในค่ำคืนวันนั้น...ฉันเต้นรำกับเขาถึงเช้า...มันเป็นงานวันเกิดที่ฉันมีความสุขที่สุด...บูราไบมีธรรมเนียมปฏิบัติที่เหมือนตะวันตก คือมีงานฉลองที่มีการเต้นรำ...แบบสากลรวมกับเต้นรำพื้นเมืองแต่ที่สำคัญสุดของงานนี้จะต้องเป็นสาวสวย เราจะแต่งตัวกันเต็มที่...”
    คือคำอธิบายละเอียดละออ

    “แม้จะมีความวิตกของลูกชายเรื่องการเป็นอยู่ของชาวบูราไบที่ไม่ค่อยจะร่ำรวยทัดเทียมเพื่อนบ้าน แต่เราจำกัดความฟุ่มเฟือยของเราอยู่นะ ฉันเองก็ไม่ได้อยากให้จัดงานทำนองนี้บ่อยนักแต่รอม์ฮิม ขอให้ฉันยอมรับการจัดงานวันเกิดตัวเอง ราชสำนักของบูราไบจะจัดงานเลี้ยงเช่นนี้สองวันคือวันเกิดฉันและวันเกิดเขา”

    “แล้ว...หม่อมฉันจะต้องแต่งตัวสวยด้วยหรือ”

    พระหัตถ์ขาวนวลยื่นมาแตะปลายคางเชคีซีรีน “แพรพรรณสวยๆ สำหรับสาวสวยเท่านั้น จำไว้”



    ชีคชาห์มาเสด็จโดยเครื่องบินส่วนตัวมาจากอิบบาห์ เชวู ในค่ำคืนวันนี้...โดยมีเจ้าหญิงมิลาน พระชายาโดยเสร็จด้วย...ความงามของเจ้าหญิงพระชายาแห่งชีคชาห์มา เด่นตรงที่ผมสีแดง...อันมีตำนานเกี่ยวกับเรื่องนี้มาอย่างที่ถูกกล่าวขานฮือฮา


    เจ้าหญิงมิลานเคยถูกเลี้ยงแบบนกผมแดงในกรงสีทอง...เคยได้รับหมายเลข13 และถูกเรียกชื่อใหม่ว่า เซอร์ทีน แต่บัดนี้จำนานนกในกรงทองหมดไปแล้ว แม้ว่าเธอจะยินยอมให้เก็บกรงทองที่เคยอาศัยไว้ในตำหนักซอฟิฮาห์ เพื่อเตือนใจ...

    เธอสวยทันสมัยและได้รับหัวใจทั้งหมดของชีคหนุ่มผู้เคยรุนแรงและร้อนดั่งไฟ เหมือนดังลาวา...

    ...พวกเราเหมือนเสือสิ้นเขี้ยวเล็บเป็นแมว...และพวกเธอกลับเป็นนางเสือ คอยตะปบเราลูกแมวน้อยๆ...

    พวกเจ้าชายหนุ่มทักทายกัน...มีโอมาห์ฮานที่พาเอาดากิยาห์มาด้วย เพราะชาห์มาโปรดปรานโอมาห์ฮานมากนัก...ดากิยาห์ผู้อ่อนหวานและช่วยงานของโอมาห์ฮานในโรงงานทำเสกทรายให้เป็นแก้วคริสตัลงดงาม...

    (โอมาห์ฮานและดากิยาห์จาก ทรายจรัสแสง...ติดตามได้ค่ะ)

    “เสียดายจามิลมาไม่ได้” อัลเอ่ย “จามิลตระเวนคอนเสิร์ตทัวร์ที่อเมริกา...”

    งานของจามิลยังมีสม่ำเสมอ เขาออกทัวร์คอนเสิร์ตงานดนตรีของเขา...ร็อกที่ใส่พลังมากกว่าเดิม และเป็นร็อกที่มีความหวานด้วย นั่นเพราะจามิลมีความรัก

    ความรักยิ่งใหญ่เสมอ...

    ความรักคือพลัง ลดโลกร้อน เพิ่มความรักให้แก่มวลมนุษยชาติ

    อับดุลลายืนอยู่ด้านหลัง ในฐานะองครักษ์ เขาต่ำต้อยกว่าพวกเจ้าชายเหล่านั้น...เขาไม่เคยมีปมด้อย เขายินดีจะเป็นองครักษ์เฉกเช่นนี้ ยามไม่ได้รับตำแหน่งทูตทหาร เขาจะไม่เคยอยู่ห่างอัล...ด้วยความจงรักภักดี

    พวกสาวๆ ที่ได้รับเชิญอยู่อีกด้านของงาน...และแน่นอนว่ามีสองสาวที่แก่งแย่งแข่งขันกัน

    ท่านหญิงมาซะห์

    อิซาเบล

    ต่างประชันขันแข่งด้วยเสื้อผ้า...หมายจะให้เด่นและอยากเต้นรำกับชีครอม์ฮิม...

    ตามกำหนดการที่เป็นพิธีการ ชีคหนุ่มจะเต้นรำกับพระเทวี...เป็นการเปิดงานหลังจากมีการกล่าวถวายพระพร...ซึ่งหน้าที่ตรงนั้นจะเป็นของ
    อัล...เจ้าชายแห่งอารูก้า แขกคนพิเศษและสำคัญยิ่ง เขาจะเป็นตัวแทนของทุกคนในที่นี่ที่จะกล่าวถวายพระพร...

    เสียงเจ้ากรมพิธีการขานชื่อเจ้าหญิงฟะรีฮา

    “พระเทวีเสด็จแล้ว”

    ประตูบานสูงแห่งท้องพระโรงของตำหนักรอยาฮิมเปิดอยู่แล้ว ทุกสายตาหันไปมองทางช่องประตูนั้น...เจ้าหญิงฟะรีฮาทรงพระดำเนินนำหน้า

    ไม่แปลก...เพราะในราชสำนักบูราไบและหมู่ข้าราชการชั้นสูงจะคุ้นกับภาพของพระเทวีผู้งดงามที่เสด็จออกงานมาสมาคมด้วยท่าทีอันเชื่อมั่น พระอิริยาบถนุ่มนวลเป็นที่ประทับใจแก่ผู้พบเห็นทุกผู้ทุกนามเสมอมา

    แต่ค่ำคืนนี้ พระเทวี ไม่ได้เสด็จพระดำเนินมาเพียงพระองค์เดียว...ไม่ได้มีแต่ผู้ติดตามมาเบื้องหลัง แต่ทรงจูงข้อมือสาวสวยคนหนึ่งมา
    ด้วย...

    สรรพเสียงในห้องพลันเงียบกริบไปหมดแล้ว

    ใคร?

    มีเสียงถามจากเบาๆ เป็นเสียงหึ่งๆ เมื่อรวมกัน เหมือนเสียงผึ้ง

    เพราะนั่นคือสาวสวยแปลกหน้าสำหรับราชสำนัก สำหรับทุกคน...

    สาวสวยในแพรพรรณสีแดงประดับด้วยทองและยังสวมเทียร่า

    ย่อมจะไม่ใช่สาวชาวบ้าน

    ไม่ใช่คนที่ทุกคนเคยได้เห็น...สวมเทียร่าทับทิมล้อมเพชรและยังมีชุดยาวกรอมเท้าที่รู้กันว่านั่นคือสไตล์ชุดจากตำหนักรอยาฮิมโดยเฉพาะ...
    พระเทวีมีช่างเสื้อช่างปักที่มากด้วยฝีมือและจะทำชุดสวยงามนี้ไว้เพื่อใส่ในราชสำนักแห่งบูราไบ บางครั้งอาจจะส่งผ้าปักไปถวายที่เมืองอื่นบ้าง แต่ไม่ทำขายแน่นอนยิ่ง

    ท่านหญิงมาซะห์ถลันออกมาแต่โดนกั้นเอาไว้ ไม่ให้หล่อนเข้าใกล้ขบวนเสด็จนั้น

    อิซาเบลก็มองดูอย่างพิศวง...ใคร สาวสวย...หน้าตาสะสวยโดดเด่น....คนสำคัญ หรือว่า

    หล่อนใจหายวาบ...

    ว่าที่พระชายาของชีคแห่งรอม์ฮิมหรือไม่

    หากใช่...

    แล้วหล่อนเล่า มองไปยังคู่ปรับก็ดูจะตื่นตระหนกไม่แพ้กันเลยทีเดียวกับการปรากฏตัวของสตรีคนนั้น

    เจ้าหญิงฟะรีฮาประทับยืนนิ่งตรงหน้าพระเก้าอี้ที่จะประทับ ห้องโถงใหญ่นี้ อยู่ติดกันกับห้องเสวย...ตอนนี้ถึงเวลากล่าวถวายพระพร และพระเทวีให้สาวสวยแปลกหน้านั่งลงบนพระเก้าอี้ด้านซ้าย และด้านขวานั่นสำหรับชีครอม์ฮิม

    พระเก้าอี้ด้านซ้ายที่เรียงเป็นทางยาวคือของพระญาติพระวงศ์

    เก้าอี้ด้านขวาของห้องนี้คือเก้าอี้ของราชการผู้ใหญ่ แขกพิเศษที่ได้รับเชิญ...

    อัลกล่าวถวายพระพรและมอบของขวัญ...ที่ได้เตรียมมา...ก่อนที่พระเทวีจะมีพระดำรัสขอบพระทับและขอบใจต่อทุกคน

    “เราขอขอบพระทัย ขอบใจ ทุกท่านที่ได้มาในวันนี้ เพื่อเรา...งานวันนี้หากมีความสุข ความพึงพอใจเราขอมอบให้กับทุกคนที่มาร่วมงาน...และเราขอแนะนำ...เชคีน้อย ...ที่เดินทางมาวันนี้”

    พระนางไม่ยอมบอกชื่อ บอกที่มา...

    ผู้ถูกแนะนำลุกยืน ถวายคำนับและเงยหน้าโปรยยิ้มไปทั่ว..ก่อนจะเบือนหน้าไปทางชีครอม์ฮิม...

    เขาสบตาด้วย...ระยะห่างประมาณสามเมตร....เหมือนเขาถูกดึงดูดให้เข้าหาเธอ...

    และเหมือนมีอะไรกระแทกใจ...จากเทียร่าที่ประดับด้วยเพชรและทับทิมสีแดง...มีผ้าคลุมศีรษะสีแดง...ล้อมดวงหน้านั้น...ไม่ผิดเพี้ยนจากสตรีในภาพ...

    เพียง-พบ-ผูก-พัน

    สี่คำเข้ากระแทกใจ...เขาไม่อาจจะละสายตาจากหน้านวลสวยได้ ร้องอุทานในอก

    หรือคนในภาพจะมีตัวจริง...ภาพนั้น...พระมารดาเขาไปเสาะหาตัวเจอจากที่ไหน งามเฉิดฉาย

    งดงามเกินเชื่อเหลือฝัน
    เธอคือใครกันฉันสงสัย
    สบตาเพียง-พบ สบใจ
    ผูก-พัน สายใยใจร้อยรวม

    จนเมื่อเขาได้เต้นรำกับเธอ...ด้วยจังหวะดนตรีคึกคัก...และอ่อนหวาน...พาเต้นไปบนพรมที่ปูบนพื้น...ท่ามกลางแสงไฟจากโคมแก้วเจียระไนระย้า...เขาสอดประสานท่าเต้นรำกับเธอได้อย่างดี

    “เธอคือใคร ไยเต้นรำแบบบูราไบได้เหมือนเป็นคนที่นี่ และหากเธอเป็นคนที่นี่ ทำไมเราไม่เคยเห็นเธอมาก่อนเลย สาวน้อย”

    เชคีซีรีนยิ้มกว้าง

    “ฉัน...” เธอแทนตัวเองเสียใหม่จากเคยแทนตัวเองว่า “ข้า” ทอดเสียงอ่อนหวานลากยาวกว่า มีจริตอิสตรีเต็มที่ “ฉันคือคนแปลกหน้าที่เพิ่งแวะผ่านมา”

    “มาจากไหน แม่เรารู้จักเธอด้วยหรือ...”

    “พระเทวีมีพระเมตตาเป็นอย่างยิ่ง...ฉันถึงมาที่นี่”

    “เธอเหมือนคนที่เราเคยรู้จัก”

    “รู้จัก?”

    “เคยเห็นน่ะ จากภาพ โอ...หากเธอไม่เชื่อ จบงานคืนนี้เธอจะไปกับเราหรือไม่”

    “ไปไหนหรือ”

    “ไปดูภาพเขียนของเธอที่เรามี...”

    “ที่ไหนหรือ”

    เขานิ่งไปชั่วอึดใจ “ห้องนอนของเรา เธอกลัวหรือไม่”

    “ไยต้องกลัว” เสียงตอบแกมหัวเราะ

    “เพราะเป็นห้องนอนเรา ห้องนอนบุรุษ”

    “สตรีเข้าไปแล้วจะเสื่อมเสียมากไหม”

    “อาจจะ....”

    “ฉันชอบความท้าทายนั้น มันเริ่มน่าสนใจแล้วสิ”

    แต่มีคนพยายามจะมาเข้ามาแทรกคน ท่านหญิงมาซะห์และอิซาเบลผลัดกันมา แต่สององครักษ์และคนอื่นพยายามกันเอาไว้ ก่อนชีครอม์ฮิมจะบอกกับเธอว่า

    “ที่นี่เริ่มวุ่นวาย เธอพร้อมจะไปดูภาพของเธอกับเราหรือไม่”

    “เดี๋ยวนี้หรือ”

    “ใช่เดี๋ยวนี้”

    “ได้สิ...ไปสิ ไปเลย” เสียงรับคำนั่นเร่ง “เราจะออกจากห้องนี้ไปได้อย่างไรโดยไม่มีใครเห็น”

    ชีคหนุ่มเลยพาเธออกจากห้องโถงใหญ่...เขารู้จักทุกมุมของตำหนักรอยาฮิม บ้านเขา...ที่ที่เขาเคยใช้เป็นที่วิ่งเล่นซุกซ่อนแอบเร้นตัวเองมาแต่เยาว์วัย และคนมากมาย...แค่เขาเล่นซิกแซ็กเล็กน้อยเขาก็สามารถจูงมือเธอออกจากตำหนักนี้ได้อยู่ภายนอกที่ฟ้าเป็นผืนกว้าง คืนแรมที่มืดมีแต่ดวงดาวระยิบระยับและสายลมเย็น...

    รถยนต์ของเขาถูกนำมาจอดเทียบให้เขาพาเธอขึ้นมาที่ตำหนักนาดา...

    เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหนุ่มน้อยที่กำลังทำอะไรที่ตื่นเต้น

    น่าตื่นเต้นน้อยอยู่หรือจูงมือสาวสวยออกมาแล้วจะพาไปยังห้องนอน...

    เขาพาเธอมาถึงตำหนักนาดา ผ่านเข้ามาที่ห้องพระบรรทม...เขาตกต้องมนตราแห่งเธอ...

    “เรารู้สึกเหมือนคุมใจตัวเองไม่ได้”

    เธอแย้มยิ้ม มองภาพวาดจากม้วนกระดาษ และมองภาพเขียน

    “นั่นภาพฉันหรือ”

    “แน่นอน...บอกเราได้หรือยัง ว่าทำไมมีภาพนั้นใส่กระบอกลอยน้ำมา...”

    เอา...เธอรู้แล้วว่าภาพเธอมาจากกระบอกตะกั่ว...ลอยน้ำมา...มาจากไหน...มาที่ทะเลสาบฮาวาตามที่เขาบอกหรือ

    เธอจะเชื่อเขาได้แค่ไหนกัน

    “ตั้งแต่เราได้พบภาพนั้น...มีตัวอักษรเขียนเอาไว้ว่า เพียง-พบ-ผูก-พัน เราก็เหมือนต้องมนตราแล้วนะ สาวน้อย”

    “มนตราใด”

    “มนตราแห่งรัก!”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×