ลำดับตอนที่ #22
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : 22
ชีคแห่งสายลม22
เป็นคำตอบที่ทำให้เชคีซีรีนได้หัวเราะด้วยความขบขัน...
มนตราแห่งรัก...
รักหรือ...คำนี้เคยได้ยิน เคยได้รู้สึก เคยได้สัมผัสแน่นอน แต่ไม่ใช่กับบุรุษอื่นนอกจากพ่อ และสตรีอย่างแม่
มนตราใดกันมีผลแค่ไหน...เธออยากรู้นัก จะมีผลกับชีวิตเพียงใดกัน
เธอทำท่าฉงนสงสัยและเขาก็ยังสัมผัสกับดวงหน้าเธอ เขาแตะมือที่ปลายคางเธอดันดวงหน้าของเธอขึ้น
เขามีแววตาที่หยาดเยิ้ม
...ไม่ยักเหมือนตอนมองเจ้าเด็กมอมแมมเลยนะ ท่านชีค..
เธอรำพึงและเธอก็ยิ้มกว้างมากขึ้น อีตาชีคคนนี้ชอบคนสวย...ไม่ชอบเด็กมอมแมม
ดีละ...เธอจะเล่นให้สมบทบาท
“ชื่ออะไร”
เธอไม่ตอบ ส่ายหน้าไปมา
“หือ ทำไมไม่บอกชื่อกับเรา”
...บอกก็รู้สิว่าเราคือเด็กมอมแมม...
“ฉันไม่มีชื่อ”
เอ่ยออกมา ลดเสียงให้เบาลงหากว่าเสียงพูดปกติ...และแม้จะโดนมนตราผูกมัดเอาไว้ แต่ทำไมหนอ...ทำไมกระหวัดนึกถึงเจ้าเด็กมอมแมม
คนนั้น...เหมือน...ใกล้ก็เหมือน แต่เด็กนั่นมอมแมม ไม่ดูงามจับตาเช่นนี้
รูปโฉมโฉมพรรณดุจปั้นแต่ง
เหมือนแกล้งให้เพ้อละเมอหา
สบตาก็รู้อยู่เต็มตา
รู้ว่าทิ้งใจไปทั้งดวง
ดวงตากลมโตมีประกายแพรวพราว...เขาแตะมือที่ผ้าคลุมศีรษะสีแดง...เส้นผมสะอาดสีดำขลับซ่อนยู่ภายใต้ผ้าผืนนั้น...กลิ่นกรุ่นสะอาด...หอมไปทั้งเส้นผมและเนื้อตัว เขาได้กลิ่นหอมสะอาด...ชุ่มชื่นใจเมื่อสูดลมหายใจเข้าไป
ดวงหน้านั้นสวยนวลผ่อง แก้มใส...ปากแดงฉ่ำ...ราวกับผลไม้ที่สุกงอมเต็มที่ ผลไม้อย่างเช่นผลไม้เมืองหนาว สีแดงและดูฉ่ำ...ผลสตอเบอรี่...เขาโน้มดวงหน้าลงไปอย่างสุดจะควบคุมตัวเองได้ และดวงหน้านวลงามก็เบนหนี
...ชะ จะจูบข้าหรือท่านชีค...
เธอเบนหลบ...ริมฝีปากนั้นเบนห่างออกไป ได้แต่จูบลงกับเส้นผมหอมละมุนแทน
“นางเอย...จะชื่อไร...เรามิอยากรู้ก็ได้ แต่เรา...ปั่นป่วนไปหมดแล้ว...”
เขาดึงเธอมาแนบอก...กอดกระชับ...แนบอก...มีเพียงเสื้อผ้าที่ปิดกั้นระหว่างตัวเขากับตัวเธอ...อารมณ์ของบุรุษระอุพล่านไปหมด และยากจะควบคุม เขารู้สึกว่าเขาถูกกระตุ้นด้วยสิเน่หาที่รุนแรงเป็นอันมาก...
“แม่พาเจ้ามาให้เราหรือไม่”
“คิดเช่นนั้นหรือเพคะ...” เสียงถามอ้อยอิ่ง อ่อนหวาน “คิดว่าพระเทวีประทานให้หรือเพคะ”
“หรือมิใช่...แม่จูงเจ้าเข้ามาในงาน...แล้วคืนนี้...เรารู้เลยว่าเจ้าเป็นของเรา”
เท้าก้าวขยับ...พาร่างบางในอ้อมอกขยับตามไปด้วย...เชคีซีรีนก้าวเท้าถอยหลัง...
อย่างน้อยเชิงชายก็มีอยู่มากล้น เชิงชายแสนเชี่ยว
บุรุษอย่างชีครอม์ฮิมนั้นมิใช่บุรุษที่มิเคยลิ้มรสอิสตรี...
กี่นาง...กี่ใคร ได้ผ่าน
พบพานมานักใช่รักไม่
หนึ่งนางนวลน้องต้องใจ
คิดใคร่เป็นรักจักยืนยัน
“อุ๊ย” เสียงร้องจากปากสีแดงชุ่มชื่นของเชคีซีรีน เพราะเมื่อโอบแนบแล้วรุกไล่ให้ก้าวขาเดินหน้าใส่เรื่อยๆ เธอก้าวถอยหลังพาเขาเดินตามติดมา และเธอระวังรักษาระยะห่าง ท่าทีของเขามีหรือที่เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...
เขาปรารถนาในตัวเธอ
เขาอยากจุมพิตเธอ
...รอไปก่อนเถิด ท่านชีค ท่านเองเคยปฏิเสธข้า แล้ววันนี้พอข้าไม่มอมแมม ท่านทำมาอยากจูบข้า ...
เชคีซีรีนคิดต่อในใจ มีรอยยิ้มบนหน้าของเธอ....
เขารุกใส่เธอจนส่วนขาด้านหลังติดกับตัวเตียง และเมื่อเธอถอยอีกก้าวนั้นก็เท่ากับเธอเอนหงายไปบนเตียง...และเขาโน้มตัวทาบตามมา...
เชคีซีรีนหัวเราะในใจ ไม่ได้นึกกลัวแม้จะตระหนักว่าชีคหนุ่มกำลังไล่ต้อนเธอ เหมือนต้อนเหยื่อที่เขาอยากจะขย้ำเต็มประดาแล้ว
เขาโอบกอดเธอเอาไว้...และพยายามบังคับให้เธอยู่นิ่งๆ เพื่อเขาจะได้จูบเธอ
ไม่ง่ายเช่นนั้น
ไม่เหมือนที่เธอเคยลั่นวาจา
และเธอเป็นสตรี ที่ไหนจะยอมโดยง่ายดาย...แต่คำพูดบอกสิเน่หา...เชื่อได้ที่ไหนกัน เธอเห็นดวงตาของเขาเหมือนถูกครอบด้วยมนตรา กระบอกตะกั่วของอัล นาจาห์มาปรากฏที่ทะเลสาบฮาวา ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีภาพเธอ มีสัญลักษณ์นกฮูกของเธอ เขาพูด
ถึงคำสี่คำที่มากับภาพนั้น
เพียง-พบ-ผูก-พัน
เขาต้องมนต์มายา มนตราที่พ่อของเธออาจจะกำกับมาพร้อมภาพของเธอ
แต่พ่อจะทำเพื่ออะไร
พ่อต้องการอะไร...
และเส้นทางจากอัล นาจาห์ มาถึงทะเลสาบฮาวา...มาได้อย่างไร เป็นไปได้ไหมว่าทะเลสาบเชื่อมต่อกัน
เธอทะลึ่งกายลุกขึ้น...ศีรษะเธอกระแทกกับคางเขา
“โอ๊ย...” เขาผงะไป
เธอลุกนั่งห้อยเท้า ส่วนเขานั่งอยู่กับพื้นในท่าคุกเข่า...
“ฉันคิดว่าสิ่งท่านพบจากทะเลสาบต้องมาจากบ้านฉันแน่ๆ”
“บ้านเธอ...อยู่ที่ใด”
เธอยังไม่ยอมตอบ
“แต่ทำไมถึงมา”
เธอพิศวง...สีหน้าเธอบอกความงุนงง เธอกำลังคิด
และชีคหนุ่มก็กำลังคิดเช่นกัน เขาคิดว่าเขาต้องการจะครอบครองเธอ จุมพิตและครอบครอง...เขาขยับตัวลุก...และคว้าตัวเธอมากดตรึงกับที่นอน...เธอเอาสองมือยันอกเขาเอาไว้ เอ่ยแกมหัวเราะนุ่มนวลนัก
“อย่าใจร้อนนักเลยท่าน...อย่าทำแบบนี้”
“แบบไหนหรือ”
“แบบที่ท่านกำลังคิดจะทำอยู่”
“เรารักเธอ”
“รักหรือ...ง่ายดายไป เราเพิ่งพบกัน”
“ไม่ใช่เช่นนั้น เราพบกันมานานแล้ว”
“นานแค่ไหนกันเชียว”
“ตั้งแต่เราพบภาพนั้น...”
“ท่านบอกฉันว่าต้องมนต์...”
เธอบอก เธอรู้จักมนตราหลายบทที่พ่อเคยสอน แม่เฒ่ามายอห์ก็สอนเธอ...เธอควรจะทดสอบวิชาหรือไม่ เชคีสาวน้อยครุ่นคิด
มันคงไม่ยากกระมัง
“มองตาฉันสิ ท่านชีค” เธอเอ่ยเหมือนสั่ง
“เรามองอยู่ เราไม่อาจจะละสายตาจากดวงหน้าของเธอได้เลย”
“ปากช่างหวานนัก”
“แต่ปากเธอคงจะหวานกว่า ดูสิ เราเห็นอะไร...ปากสวยสีแดงดูชุ่มชื่น...แต่จะหวานแค่ไหน ต้องพิสูจน์เมื่อเราได้จูบเธอก่อน”
“ท่านพูดไปเพราะโดนมนตราสะกดไว้ ที่จริงมีหญิงงามอีกหลายคนในค่ำคืนนี้ที่ฉันมองเห็นเธอมีจิตสิเน่หาต่อท่าน”
“พวกนางหรือ” เสียงถามบอกความรำคาญเพียงพอทีเดียว “ฉันไม่ได้สิเน่หาพวกนาง แต่พวกนางไม่ยอมจากไป”
“นั่นเพราะท่านเคยให้ความหวังพวกนาง...เคยทำร้ายจิตใจพวกนางจนพวกนางไม่สามารถถอนตัวไปไหนได้อีก”
“เธอหึงเราเหรอ”
โอย...น่าหัวเราะดังๆ แต่เธอไม่ได้ทำเช่นนั้น เขายังพยายามจะจูบเธอให้ได้...และเธอคลายมนต์ด้วยการท่องมนต์บางบทถอยกลับ...และทำให้ชีครอม์ฮิมเอ่ยถามเมื่อได้ยินเสียงภาษาอันแปลกไม่คุ้นชิน
“เจ้าพูดอะไร”
พัน-ผูก-พบ-เพียง
เธอเอ่ยย้ำ...ดวงตามองดวงหน้าเขาอย่างแน่วแน่เป็นอันมาก
และอีกสองคำตามมา
“จบ-พลัน”
เหมือนชีคหนุ่มจะผงะไป แต่เพียงชั่วครู่เขาก็ยิ้มกว้าง
“เจ้าท่องบ่นอันใดหรือ...”
“รู้สึกอย่างไรบ้าง”
“ก็ยังท่วมท้นที่อยากจะรักเธอ”
“ว้า” เหมือนผิดหวัง เมื่อพยายามจะถอนมนตรานี้อีก แต่ทำท่าไม่ได้ผล เขายังแสดงท่าปรารถนามากล้น และเธอเริ่มรู้สึกบางประการ...อะไรน่ะหรือ...เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองนั่นกำลังถูกขับเคี่ยวด้วยปรารถนาที่มองไม่เห็นตัวตน...มันเริ่มเข้าครอบงำเธอและทำให้เธออยากลิ้มลอง
ไม่ได้...
ไม่ถูกต้อง...
เชคีซีรีนปฏิเสธตัวเอง เธอจะให้เป็นเช่นนี้อีกต่อไม่ได้ เธอจะไม่ยอมให้เขาจุมพิตเธอ ไม่ให้เขาล่วงเกิน สองมือจึงยันอกเขาเอาไว้มั่นคงนัก พร้อมกับรอยยิ้มเย้ายั่ว
“ให้เรา...”
เขาบอก กระซิบเว้าวอน...แต่แรงยันที่อกทำท่าหนักแน่นนัก เขาไม่อาจจะข่มขืนเอาด้วยเรี่ยวแรงบุรุษได้ สตรีเบื้องล่างนั้นเย้ายวนแต่ไยทรงพลัง ทั้งที่เธอบอบบางมากนัก
“ท่านเพียงแต่หลงไปกับมนตราแห่งรัก ท่านไม่ได้รักฉันเลย ท่านชีค” เสียงบอกกล่าวจริงจังกว่าเดิม “อย่าทำแบบนี้กับฉันเลย”
แต่ชีครอม์ฮิมผู้ไม่เคยถูกปฏิเสธ และสิเน่หาที่กำลังปั่นป่วนทำให้เขาอยากจะเอาชนยะให้ได้ การได้แสดงความรักการได้ครอบครองย่อมเป็นเรื่องปรารถนาอันหอมหวาน
เขาไม่ได้คิดถึงคำสี่คำนั้นอีก แต่เขาเพ่งมอง สตรีที่นอนทอดกายใต้ร่างเขาเอ่ยออกมาว่า
“เธอหน้าตาเหมือนเพื่อนเรา”
“เพื่อนท่าน”
“เพื่อน...เด็กมอมแมม...คนนั้นเป็นเพื่อนเรา”
“ผู้หญิงหรือ แล้วมอมแมมด้วย”
“คงไม่อาบน้ำ ไม่ชอบแต่งตัวสวยๆ เพราะเราให้ไปอาบน้ำให้เสื้อผ้าใหม่ก็ยังมอมแมมอยู่ดี”
“ฉันเหมือนเธอหรือ...ถ้านั้นเธอคงสวย เพราะมีคนชมว่าฉันสวยเสมอ”
“เราก็ว่าเธอสวย แต่เหมือน เด็กมอมแมมคนนั้นไม่สวย”
“อย่างนั้นหรือ แล้วหากท่านอยากแตะต้องเด็กมอมแมมคนนั้นหรือไม่”
“ไม่รู้เหมือนกัน” คำตอบไม่แน่ใจ “บางเวลาก็อยาก บางเวลาก็ไม่อยากนะ”
“ฉันไม่เข้าใจ อธิบายใหม่สิ”
“คือ...เราไปหมิ่นประมาทเอาไว้”
“หมิ่นเรื่องใด”
เราหลอกเธอว่าเราอาจจะแตะต้องไม่ลง แต่ว่า...” มีเสียงถอนใจและเชคีซีรีนก็มองไม่ได้ละสายตาไปทางอื่นแม้แต่น้อย “เราบอกกับเธอได้นะว่าเด็กมอมแมมคนนั้นรบกวนจิตใจเรา”
...ฮึ รู้สึกเหมือนกันหรือ...
“เราอยากแตะต้อง แต่เราก็ลั่นวาจาไปแล้ว”
“ลั่นวาจาอะไร”
“ว่าเราจะไม่ยอมจูบเด็กมอมแมม”
“กลัวเสียหน้าหรือ”
“เด็กมอมแมมพูดกับเราด้วยนะว่าเราจะต้องคุกเข่าขอ”
“อาจจะเป็นไปได้” เชคีซีรีนทำเสียงแบบงึมงำๆ
“เธอว่าอย่างไรนะ”
“เปล่า” เสียงปฏิเสธ “ถอยห่างจากฉันได้หรือยัง...ฉันอึดอัด”
เพราะชีคหนุ่มได้พยายามจะให้เธอลุ่มหลง เตลิดไปไกลสมปรารถนาของเขา...ไม่ได้...เธอจะปล่อยให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้ แต่คำขอของเธอเหมือนจะไม่ได้รับความสนใจจากเขาเลย ดังนั่นวิธีสุดท้ายที่จะจัดการกับเขาคือทำให้เขาหลับ
เธอเป่าลมหายใจเบาๆ...และชีคหนุ่มรู้สึกได้ถึงกระแสลมบางอย่างที่มีกลิ่นของดอกไม้พุ่งเข้าหน้า เขาสูดเข้าไปและไม่นานเลยที่เขาหลับตาลงฟุบลงมา...เชคีซีรีนรีบพลิกตัวหลบ
“ท่านเกือบทับเรา”
เสียงบ่น...ชีคหนุ่มตะแคงหน้ามา ดวงตาลืมขึ้นชั่วแวบ...และเชคีซีรีนก็สลัดผ้าสีแดงลงมาจากศีรษะ เขายังสามารถคว้าผ้านั้นแล้วพยายามจะคว้าจับข้อมือเธอ เอาไว้
“อย่าไป”
เขาง่วงเปลือกตาหนักและรับรู้ว่าคนงามกำลังจะจากไป
เขาเหมือนจะวิงวอนต่อเธอ และเขาไม่ได้คว้าจับถูกเธอ อะไรกัน...นุ่มๆ...เขาเบิกตากว้างทั้งที่กำลังง่วงสุดขีด เขาคว้าจับได้นกฮูกตัวหนึ่ง
“อีกแล้ว” เขาคราง เขาเจอนกฮูกในห้องนอนตัวเอง...
อะไรกัน...นกฮูกมาจากไหน ตอนนี้แรงที่มือเขาอ่อนลง เขาไม่สามารถจะยื้อยุดนกฮูกตัวน้อยเอาไว้ได้ เขาต้องคลายมือออก แล้ว
นกตัวนั้นก็เดินเตาะแตะมาจ้องหน้าเขา...ใกล้มาก ตาโตของนกฮูกเหมือนโตขึ้นเท่าฟองไข่ไก่...เขาหลับตาลงพึมพำ
“ทำไมเราโดนหลอกหลอนด้วยนกฮูก หือ...เจ้ามาทางไหน...หรือเจ้าเด็กมอมแมมนั่นแปลงกายมาหยอกเราเล่นอีกแล้ว...ซีรีน...ไปนะ...ไปให้พ้น”
เขาหลับตา...
“เอาคนสวยมาคืนเรา”
มีแต่เสียงครางๆฮือ ๆ “ไล่เรา...ดีละ เราจะไป” เสียงเอ่ยต่อมาชัดเจน “เรามันเด็กดื้อ นังหนู นังขอทาน นังคนมอมแมม...กอดไม่ได้ จูบไม่ลง...เราจะไป...”
ชีคหนุ่มใจหาย อยากลืมตาดู แต่ลืมตาไม่ได้ ไม่เห็นว่า สาวน้อยกลับกลายมาเป็นคนอีกหน แล้วกำลังคุกเข่าอยู่ข้างเตียงมองดูเขาด้วยแววตาพราวๆ...สนุกสนาน
...ได้แกล้งท่านนี่ก็สนุกดีแฮะ หลับไปเถิดนะ ท่านชีคเจ้าเล่ห์ ข้าจะไปเที่ยวเล่นกับน้าเขยของข้า เพราะข้ารับปากอับดุลลาแล้วว่าข้าจะไปอารูก้า แล้วข้าถึงจะกลับมาหาท่านอีก...
ร่างบอบบางเบื้องหน้านั้น อัลเพ่งมองแล้วมองอีก...จะให้เขาเชื่อว่านั่นเป็นอีกคนที่เดินทางจากอดีตมาสู่ปัจจุบันดังเช่นเชคีอัสมา อย่างนั้นหรือ เป็นไปได้อย่างไร
แต่เธอมีตัวตนจริงๆ และอับดุลลายังบอกว่าเธอเหมือนเชคีมารีอาห์
สาวน้อยยิ้มกว้าง “มีคนบอกเสมอว่าฉันเหมือนแม่...”
อับดุลลาคิดในใจว่า
...ไม่เหมือนพ่อน่ะดีแล้ว...
เพราะตัวตนของอควาที่แท้จริงน่าเกลียดน่าชัง และเขาคิดว่าเชคีซีรีนคงไม่เคยเห็นภาพนั้นแน่นอน หากทำได้เขาจะเก็บภาพของอควาเป็นความลับต่อเชคีซีรีนตลอดไป ไม่เปิดเผย เขาไม่เชื่อว่าเธอจะรับความจริงได้ อความีเวทมนต์ที่จะทำให้ผู้คนยอมรับเขาไม่กลัว
เขา...คนนอกอัล นาจาห์ เท่านั้นที่ได้เห็นโฉมหน้าแท้จริงเขาจากภาพวาดที่เก็บเอาไว้เป็นเรื่องเล่าในตำนาน
ตอนนี้ทุกคนอยู่บนเครื่องบิน...และจะเดินทางไปยังอารูก้า อับดุลลาเชื่อว่าอัสมาจะต้องดีใจแน่นอนหากได้เจอ หลานสาว...อายุของเชคีซีรีนไม่ห่างจากอัสมามากนัก...ไม่น่าเชื่อเอาเสียเลย
“พ่อแม่เจ้าสบายดีหรือ ซีรีน” อับดุลลาเอ่ยถาม
“เมื่อตอนจะมาจากบ้าน พวกท่านสบายดีนะ ท่านอยากให้ฉันมาเที่ยวเล่น มาเจอน้าอัสมา และแม่ฝากจดหมายมาให้กับน้าอัสมาด้วย...”
เธอปิดบังเรื่องแผนที่แม่น้ำสีดำ บอกตัวเองว่าขอดูความเป็นอยู่ของน้าสาวก่อน หากว่าอัสมาอยู่เป็นสุข สะดวกสบาย แม่น้ำสีดำที่บัดนี้เธอรู้แล้วว่ามันคือน้ำมันมูลค่ามหาศาลและมีคุณค่าและมูลค่าสูงมากจะถูกส่งให้คนที่หัวใจบอกว่าใช่
เธอทำตามแม่บอก...
และเธอมีคนคนนั้นแล้ว ป่านนี้ท่านชีคคงรู้แล้วว่าเธอไม่อยู่ เธอหัวเราะออกมาเบาๆ
“ขำอะไร” อัลเอ่ยถาม เขามองดูสาวน้อยที่นั่งอยู่เบื้องหน้า เมื่อแรกเธอมีท่าทีตื่นกลัวกับการขึ้นเครื่องบิน ท่าทางกระสับกระส่ายไม่สบายใจ แต่ตอนนี้เขาเห็นว่าเธอสงบนิ่งลงได้ อาจจะปรับตัวได้แล้ว นักบินของเขาที่พามาด้วยขับเครื่องบินได้ดีเทียมเท่ากับเขา เที่ยวบินกลับนี้เขาไม่อยากขับเครื่องบินเอง เขาอยากซักไซ้ไล่เรียงเรื่องราวจากสาวน้อยผู้มาจากแดนไกลนี้ก่อน
“ป่านนี้ท่านชีคคงรู้แล้ว”
“รู้อะไร”
“รู้ว่าฉันหนีมาจากเขา”
อัลอมยิ้ม “อย่าให้เขาคิดว่าฉันพาเธอหนี เพราะเขาอาจจะเคืองฉัน ท่าทางเขาชอบเธอ”
“ไม่เลย เขาไม่ชอบฉัน” เชคีซีรีนยืนยัน “เขาบอกว่าเขาไม่ชอบคนมอมแมม เขาจูบฉันไม่ลง แต่ฉันจะทำให้เขาต้องคุกเข่าขอจูบจากฉัน”
อัลหัวเราะเสียงดัง “จูบหรือ” เขานึกถึงตัวเอง...
เรเนียตบเขาเพื่อสั่งสอน แต่เขาเอามาเป็นเครื่องมือตอบแทนเธอด้วยการจูบ
เธอตบเขาหนึ่งที เขาตอบแทนเธอด้วยหนึ่งจูบ และเมื่อยามเธอไม่ตบเขาเพราะกลัวเขาจะจูบเธอกลับคืนอีก เขาก็จับมือเธอมาตบหน้าเขาเองเพื่อฉวยโอกาสนั้น
เขายังจำเรื่องราวความรักของตัวเองได้ยามถูกลักพาตัวไปร่อนเร่กลางทะเลทราย...ผจญรัก ผจญภัยร่วมกัน
แต่ตอนนี้ไม่ต้องให้เธอตบเขา ไม่มีเหตุผลจะต้องโดนตบแล้วเขาก็ไม่ฉวยโอกาสจับมือเธอมาตบหน้าเขา แต่เขาได้จูบเธอทุกวัน...จูบด้วยความรักอันท่วมท้น
นี่จะมีตำนานคุกเข่าขอจูบ แทนที่ตบแลกจูบหรือไร อัลนึกขำ
“แล้วเธอ คาดว่าเขาจะคุกเข่าให้เธอไหม”
“แน่นอน” น้ำเสียงหมายมาด “เขาจะต้องทำเช่นนั้น”
“แล้วจะได้อะไร”
คำถามนั่นทำให้เธอชะงัก
“เธอได้รับความสะใจหรือไม่”
“สะใจ...คงไม่...แต่ฉันอยากให้เขารู้ว่าไม่ว่าจะมอมแมมหรือไม่ ฉันก็คือผู้หญิงคนหนึ่ง...เขากำลังสงสัยว่าฉันกับเด็กมอมแมมจะเป็นคนเดียวกันไหม และเขาเลือกจะจูบใคร”
“ซีรีน จำเราไว้อย่างหนึ่งนะ” น้ำเสียงอัลอ่อนโยน เขาอธิบายกับเธอด้วยความจริงใจ “ไม่ว่าเขาจะจูบใคร เธอหรือเด็กมอมแมม จะต้องคุกเข่าขอหรือไม่ได้ทำเช่นนั้น แต่หากเขาได้จูบเธอ ขอให้เธอตระหนักรู้ว่านั่นเพราะเขารักเธอ”
“เพราะความรักเป็นสิ่งดีงาม” อับดุลลาแทรก...
ก่อนจะมีรายงานด่วนเข้ามา...ข่าวเพิ่งมาถึง ด้วยความตื่นตระหนก อับดุลลาลุกไปรับข่าวนั่นแล้วกลับมารายงานร้อนรน
“อารูก้า ถูกปิดเมืองปล้นเมื่อคืนนี้ตอนเที่ยงคืนพอดี กวาดเอาทรัพย์สินจากร้านค้าและธนาคารไปได้มากมายมหาศาล คืนเดียวในสองชั่วโมง เจ้าโจรสายลมปิดเมืองปล้นอย่างสบายอกสบายใจโดยที่กองตำรวจหรือทหารไม่ได้ทันคิด...ระบบเตือนภัยหยุดทำงานชั่วคราว....”
โจรสายลมหรือ อัลคราง กำมือแน่น...เจ้าโจรบ้าฉกฉวยโอกาสทีเผลอและคราวนี้ปล้นคนอารูก้า ไม่ได้ปล้นคนต่างชาติ
เมื่อคืนชีครอม์ฮิมประทับในงานตลอดและหายไปก่อนงานเลิก เขาถามกับเชคีซีรีนอีกหน
“เมื่อคืนรอม์ฮิมอยู่กับเธอตลอดไหม”
ความฉลาดเป็นของเธอ และเธอทำความเข้าใจได้ว่า
...พวกเขาสงสัยท่านชีค...
“เขาอยู่กับฉัน ตั้งแต่พาออกจากงานไปที่ตำหนักของเขา และพยายามจะครอบครองฉันให้ได้ ตราบจนฉันต้องเป่ามนต์สะกดเขาแล้วออกมา”
อัลเองก็นึกในใจว่า
...มันเป็นใคร ไม่ใช่รอม์ฮิมแน่นอนแล้ว...
เชคีซีรีนก็คิดเช่นกันว่า
...เราจะต้องปกป้องท่านชีคยิ่งกว่าชีวิต...
เพราะอะไรน่ะหรือ เธอตอบไม่ได้
เพราะรักหรือ
เพราะมีหัวใจหรือ
ล้วนแล้วแต่ตอบยากลำบากนัก แต่เขาเป็นบุรุษคนแรกที่หัวใจส่งเสียงบอกเตือน...แม่บอกให้ฟังเสียงหัวใจให้มั่นคงเข้าไว้...แล้วจะดีไปเอง
เธอเชื่อแม่ เธอเป็นเด็กดีนี่นา สาวน้อยคิดพร้อมกับขบขัน แต่เธอคอยฟังว่าอัลจะเอ่ยสิ่งใดต่อไป
“กลับไปถึง ฉันจะไปตรวจสถานที่เกิดเหตุเอง ถามไปสิว่าพวกเขากระจายข่าวออกไปแล้วหรือไม่...”
“ยังพะยะค่ะ”
“ดีแล้ว ปิดข่าวไว้ ไม่ต้องแพร่งพราย...นับจากนี้เราจะตามล่าโจรแห่งสายลมด้วยตัวเราเอง...”
น้ำเสียงมุ่งมาดบอกความโกรธสุดขีด
“ต่อสายหาชาห์มาให้เราด้วย เขาเจอเหตุการณ์แบบเดียวกับเราหรือไม่...และท่าจะให้ดีนะ อับดุลลา ตรวจดูว่ากองกำลังพิเศษของรอม์ฮิม หน่วยรบพิเศษที่รอม์ฮิมฝึกเองได้เดินทางออกจากบูราไบเมื่อคืนหรือไม่ ระหว่างมีงานเลี้ยง พวกนั้นอยู่ไหน เราควรตรวจสอบให้ดี”
อัลเป็นคนว่องไว คิดฉับไวเสมอ
อับดุลลาลับตัวไปสักพัก อัลยังชวนเชคีซีรีนคุยต่อด้วยเรื่องของอัล นาจาห์ เขาซ่อนความกระวนกระวายไว้เงียบๆ
“เราปล่อยให้เรื่องนั้นเป็นหน้าที่ของพวกผู้ชายดีกว่านะ”
“ค่ะ ท่าน” แต่ใจของเชคีซีรีนก็ร้อนรนนัก
สักพักหนึ่งอับดุลลาเข้ามารายงานว่า
“หน่วยทหารพิเศษของรอม์ฮิมไม่เคยออกจากที่แจ้งเลยครับในรอบ10วันนี้ แต่มีคนที่หายไปจากงานหลายคน หนุ่มๆ ที่ฝึกการสู้รบอย่างดี รวมทั้งตัวหัวหน้า”
“จากไหน”
“จัสฟา ลูกชายของเจ้าชายอะบีห์ และชีคชาห์มารายงานมาแล้วเช่นกันว่าอิบบาห์ เชวูโดนโจมตีทั้งที่อิบบาห์ และที่เชวูด้วยเช่นกัน”
“ในคืนเดียวนี่นะ”
“ใช่พะยะค่ะ”
“มันผู้ใดกล้าล้วงคอเรา ดีละ...เราจะจับมันให้ได้”
ย่อมไม่ใช่รอม์ฮิม...เชคีซีรีนนึกในใจ
ใครกัน เจ้าโจรสายลมตัวปลอม
“ชีคชาห์มาเรียกนักแกะรอยไฮเทคมาแล้ว”
“ใครหรือ”
“คาร์ล่า พัสมี เคียวเซร่า”
อัลหัวเราะ “คู่ปรับของอาลีหรือ”
เป็นคำตอบที่ทำให้เชคีซีรีนได้หัวเราะด้วยความขบขัน...
มนตราแห่งรัก...
รักหรือ...คำนี้เคยได้ยิน เคยได้รู้สึก เคยได้สัมผัสแน่นอน แต่ไม่ใช่กับบุรุษอื่นนอกจากพ่อ และสตรีอย่างแม่
มนตราใดกันมีผลแค่ไหน...เธออยากรู้นัก จะมีผลกับชีวิตเพียงใดกัน
เธอทำท่าฉงนสงสัยและเขาก็ยังสัมผัสกับดวงหน้าเธอ เขาแตะมือที่ปลายคางเธอดันดวงหน้าของเธอขึ้น
เขามีแววตาที่หยาดเยิ้ม
...ไม่ยักเหมือนตอนมองเจ้าเด็กมอมแมมเลยนะ ท่านชีค..
เธอรำพึงและเธอก็ยิ้มกว้างมากขึ้น อีตาชีคคนนี้ชอบคนสวย...ไม่ชอบเด็กมอมแมม
ดีละ...เธอจะเล่นให้สมบทบาท
“ชื่ออะไร”
เธอไม่ตอบ ส่ายหน้าไปมา
“หือ ทำไมไม่บอกชื่อกับเรา”
...บอกก็รู้สิว่าเราคือเด็กมอมแมม...
“ฉันไม่มีชื่อ”
เอ่ยออกมา ลดเสียงให้เบาลงหากว่าเสียงพูดปกติ...และแม้จะโดนมนตราผูกมัดเอาไว้ แต่ทำไมหนอ...ทำไมกระหวัดนึกถึงเจ้าเด็กมอมแมม
คนนั้น...เหมือน...ใกล้ก็เหมือน แต่เด็กนั่นมอมแมม ไม่ดูงามจับตาเช่นนี้
รูปโฉมโฉมพรรณดุจปั้นแต่ง
เหมือนแกล้งให้เพ้อละเมอหา
สบตาก็รู้อยู่เต็มตา
รู้ว่าทิ้งใจไปทั้งดวง
ดวงตากลมโตมีประกายแพรวพราว...เขาแตะมือที่ผ้าคลุมศีรษะสีแดง...เส้นผมสะอาดสีดำขลับซ่อนยู่ภายใต้ผ้าผืนนั้น...กลิ่นกรุ่นสะอาด...หอมไปทั้งเส้นผมและเนื้อตัว เขาได้กลิ่นหอมสะอาด...ชุ่มชื่นใจเมื่อสูดลมหายใจเข้าไป
ดวงหน้านั้นสวยนวลผ่อง แก้มใส...ปากแดงฉ่ำ...ราวกับผลไม้ที่สุกงอมเต็มที่ ผลไม้อย่างเช่นผลไม้เมืองหนาว สีแดงและดูฉ่ำ...ผลสตอเบอรี่...เขาโน้มดวงหน้าลงไปอย่างสุดจะควบคุมตัวเองได้ และดวงหน้านวลงามก็เบนหนี
...ชะ จะจูบข้าหรือท่านชีค...
เธอเบนหลบ...ริมฝีปากนั้นเบนห่างออกไป ได้แต่จูบลงกับเส้นผมหอมละมุนแทน
“นางเอย...จะชื่อไร...เรามิอยากรู้ก็ได้ แต่เรา...ปั่นป่วนไปหมดแล้ว...”
เขาดึงเธอมาแนบอก...กอดกระชับ...แนบอก...มีเพียงเสื้อผ้าที่ปิดกั้นระหว่างตัวเขากับตัวเธอ...อารมณ์ของบุรุษระอุพล่านไปหมด และยากจะควบคุม เขารู้สึกว่าเขาถูกกระตุ้นด้วยสิเน่หาที่รุนแรงเป็นอันมาก...
“แม่พาเจ้ามาให้เราหรือไม่”
“คิดเช่นนั้นหรือเพคะ...” เสียงถามอ้อยอิ่ง อ่อนหวาน “คิดว่าพระเทวีประทานให้หรือเพคะ”
“หรือมิใช่...แม่จูงเจ้าเข้ามาในงาน...แล้วคืนนี้...เรารู้เลยว่าเจ้าเป็นของเรา”
เท้าก้าวขยับ...พาร่างบางในอ้อมอกขยับตามไปด้วย...เชคีซีรีนก้าวเท้าถอยหลัง...
อย่างน้อยเชิงชายก็มีอยู่มากล้น เชิงชายแสนเชี่ยว
บุรุษอย่างชีครอม์ฮิมนั้นมิใช่บุรุษที่มิเคยลิ้มรสอิสตรี...
กี่นาง...กี่ใคร ได้ผ่าน
พบพานมานักใช่รักไม่
หนึ่งนางนวลน้องต้องใจ
คิดใคร่เป็นรักจักยืนยัน
“อุ๊ย” เสียงร้องจากปากสีแดงชุ่มชื่นของเชคีซีรีน เพราะเมื่อโอบแนบแล้วรุกไล่ให้ก้าวขาเดินหน้าใส่เรื่อยๆ เธอก้าวถอยหลังพาเขาเดินตามติดมา และเธอระวังรักษาระยะห่าง ท่าทีของเขามีหรือที่เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...
เขาปรารถนาในตัวเธอ
เขาอยากจุมพิตเธอ
...รอไปก่อนเถิด ท่านชีค ท่านเองเคยปฏิเสธข้า แล้ววันนี้พอข้าไม่มอมแมม ท่านทำมาอยากจูบข้า ...
เชคีซีรีนคิดต่อในใจ มีรอยยิ้มบนหน้าของเธอ....
เขารุกใส่เธอจนส่วนขาด้านหลังติดกับตัวเตียง และเมื่อเธอถอยอีกก้าวนั้นก็เท่ากับเธอเอนหงายไปบนเตียง...และเขาโน้มตัวทาบตามมา...
เชคีซีรีนหัวเราะในใจ ไม่ได้นึกกลัวแม้จะตระหนักว่าชีคหนุ่มกำลังไล่ต้อนเธอ เหมือนต้อนเหยื่อที่เขาอยากจะขย้ำเต็มประดาแล้ว
เขาโอบกอดเธอเอาไว้...และพยายามบังคับให้เธอยู่นิ่งๆ เพื่อเขาจะได้จูบเธอ
ไม่ง่ายเช่นนั้น
ไม่เหมือนที่เธอเคยลั่นวาจา
และเธอเป็นสตรี ที่ไหนจะยอมโดยง่ายดาย...แต่คำพูดบอกสิเน่หา...เชื่อได้ที่ไหนกัน เธอเห็นดวงตาของเขาเหมือนถูกครอบด้วยมนตรา กระบอกตะกั่วของอัล นาจาห์มาปรากฏที่ทะเลสาบฮาวา ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีภาพเธอ มีสัญลักษณ์นกฮูกของเธอ เขาพูด
ถึงคำสี่คำที่มากับภาพนั้น
เพียง-พบ-ผูก-พัน
เขาต้องมนต์มายา มนตราที่พ่อของเธออาจจะกำกับมาพร้อมภาพของเธอ
แต่พ่อจะทำเพื่ออะไร
พ่อต้องการอะไร...
และเส้นทางจากอัล นาจาห์ มาถึงทะเลสาบฮาวา...มาได้อย่างไร เป็นไปได้ไหมว่าทะเลสาบเชื่อมต่อกัน
เธอทะลึ่งกายลุกขึ้น...ศีรษะเธอกระแทกกับคางเขา
“โอ๊ย...” เขาผงะไป
เธอลุกนั่งห้อยเท้า ส่วนเขานั่งอยู่กับพื้นในท่าคุกเข่า...
“ฉันคิดว่าสิ่งท่านพบจากทะเลสาบต้องมาจากบ้านฉันแน่ๆ”
“บ้านเธอ...อยู่ที่ใด”
เธอยังไม่ยอมตอบ
“แต่ทำไมถึงมา”
เธอพิศวง...สีหน้าเธอบอกความงุนงง เธอกำลังคิด
และชีคหนุ่มก็กำลังคิดเช่นกัน เขาคิดว่าเขาต้องการจะครอบครองเธอ จุมพิตและครอบครอง...เขาขยับตัวลุก...และคว้าตัวเธอมากดตรึงกับที่นอน...เธอเอาสองมือยันอกเขาเอาไว้ เอ่ยแกมหัวเราะนุ่มนวลนัก
“อย่าใจร้อนนักเลยท่าน...อย่าทำแบบนี้”
“แบบไหนหรือ”
“แบบที่ท่านกำลังคิดจะทำอยู่”
“เรารักเธอ”
“รักหรือ...ง่ายดายไป เราเพิ่งพบกัน”
“ไม่ใช่เช่นนั้น เราพบกันมานานแล้ว”
“นานแค่ไหนกันเชียว”
“ตั้งแต่เราพบภาพนั้น...”
“ท่านบอกฉันว่าต้องมนต์...”
เธอบอก เธอรู้จักมนตราหลายบทที่พ่อเคยสอน แม่เฒ่ามายอห์ก็สอนเธอ...เธอควรจะทดสอบวิชาหรือไม่ เชคีสาวน้อยครุ่นคิด
มันคงไม่ยากกระมัง
“มองตาฉันสิ ท่านชีค” เธอเอ่ยเหมือนสั่ง
“เรามองอยู่ เราไม่อาจจะละสายตาจากดวงหน้าของเธอได้เลย”
“ปากช่างหวานนัก”
“แต่ปากเธอคงจะหวานกว่า ดูสิ เราเห็นอะไร...ปากสวยสีแดงดูชุ่มชื่น...แต่จะหวานแค่ไหน ต้องพิสูจน์เมื่อเราได้จูบเธอก่อน”
“ท่านพูดไปเพราะโดนมนตราสะกดไว้ ที่จริงมีหญิงงามอีกหลายคนในค่ำคืนนี้ที่ฉันมองเห็นเธอมีจิตสิเน่หาต่อท่าน”
“พวกนางหรือ” เสียงถามบอกความรำคาญเพียงพอทีเดียว “ฉันไม่ได้สิเน่หาพวกนาง แต่พวกนางไม่ยอมจากไป”
“นั่นเพราะท่านเคยให้ความหวังพวกนาง...เคยทำร้ายจิตใจพวกนางจนพวกนางไม่สามารถถอนตัวไปไหนได้อีก”
“เธอหึงเราเหรอ”
โอย...น่าหัวเราะดังๆ แต่เธอไม่ได้ทำเช่นนั้น เขายังพยายามจะจูบเธอให้ได้...และเธอคลายมนต์ด้วยการท่องมนต์บางบทถอยกลับ...และทำให้ชีครอม์ฮิมเอ่ยถามเมื่อได้ยินเสียงภาษาอันแปลกไม่คุ้นชิน
“เจ้าพูดอะไร”
พัน-ผูก-พบ-เพียง
เธอเอ่ยย้ำ...ดวงตามองดวงหน้าเขาอย่างแน่วแน่เป็นอันมาก
และอีกสองคำตามมา
“จบ-พลัน”
เหมือนชีคหนุ่มจะผงะไป แต่เพียงชั่วครู่เขาก็ยิ้มกว้าง
“เจ้าท่องบ่นอันใดหรือ...”
“รู้สึกอย่างไรบ้าง”
“ก็ยังท่วมท้นที่อยากจะรักเธอ”
“ว้า” เหมือนผิดหวัง เมื่อพยายามจะถอนมนตรานี้อีก แต่ทำท่าไม่ได้ผล เขายังแสดงท่าปรารถนามากล้น และเธอเริ่มรู้สึกบางประการ...อะไรน่ะหรือ...เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองนั่นกำลังถูกขับเคี่ยวด้วยปรารถนาที่มองไม่เห็นตัวตน...มันเริ่มเข้าครอบงำเธอและทำให้เธออยากลิ้มลอง
ไม่ได้...
ไม่ถูกต้อง...
เชคีซีรีนปฏิเสธตัวเอง เธอจะให้เป็นเช่นนี้อีกต่อไม่ได้ เธอจะไม่ยอมให้เขาจุมพิตเธอ ไม่ให้เขาล่วงเกิน สองมือจึงยันอกเขาเอาไว้มั่นคงนัก พร้อมกับรอยยิ้มเย้ายั่ว
“ให้เรา...”
เขาบอก กระซิบเว้าวอน...แต่แรงยันที่อกทำท่าหนักแน่นนัก เขาไม่อาจจะข่มขืนเอาด้วยเรี่ยวแรงบุรุษได้ สตรีเบื้องล่างนั้นเย้ายวนแต่ไยทรงพลัง ทั้งที่เธอบอบบางมากนัก
“ท่านเพียงแต่หลงไปกับมนตราแห่งรัก ท่านไม่ได้รักฉันเลย ท่านชีค” เสียงบอกกล่าวจริงจังกว่าเดิม “อย่าทำแบบนี้กับฉันเลย”
แต่ชีครอม์ฮิมผู้ไม่เคยถูกปฏิเสธ และสิเน่หาที่กำลังปั่นป่วนทำให้เขาอยากจะเอาชนยะให้ได้ การได้แสดงความรักการได้ครอบครองย่อมเป็นเรื่องปรารถนาอันหอมหวาน
เขาไม่ได้คิดถึงคำสี่คำนั้นอีก แต่เขาเพ่งมอง สตรีที่นอนทอดกายใต้ร่างเขาเอ่ยออกมาว่า
“เธอหน้าตาเหมือนเพื่อนเรา”
“เพื่อนท่าน”
“เพื่อน...เด็กมอมแมม...คนนั้นเป็นเพื่อนเรา”
“ผู้หญิงหรือ แล้วมอมแมมด้วย”
“คงไม่อาบน้ำ ไม่ชอบแต่งตัวสวยๆ เพราะเราให้ไปอาบน้ำให้เสื้อผ้าใหม่ก็ยังมอมแมมอยู่ดี”
“ฉันเหมือนเธอหรือ...ถ้านั้นเธอคงสวย เพราะมีคนชมว่าฉันสวยเสมอ”
“เราก็ว่าเธอสวย แต่เหมือน เด็กมอมแมมคนนั้นไม่สวย”
“อย่างนั้นหรือ แล้วหากท่านอยากแตะต้องเด็กมอมแมมคนนั้นหรือไม่”
“ไม่รู้เหมือนกัน” คำตอบไม่แน่ใจ “บางเวลาก็อยาก บางเวลาก็ไม่อยากนะ”
“ฉันไม่เข้าใจ อธิบายใหม่สิ”
“คือ...เราไปหมิ่นประมาทเอาไว้”
“หมิ่นเรื่องใด”
เราหลอกเธอว่าเราอาจจะแตะต้องไม่ลง แต่ว่า...” มีเสียงถอนใจและเชคีซีรีนก็มองไม่ได้ละสายตาไปทางอื่นแม้แต่น้อย “เราบอกกับเธอได้นะว่าเด็กมอมแมมคนนั้นรบกวนจิตใจเรา”
...ฮึ รู้สึกเหมือนกันหรือ...
“เราอยากแตะต้อง แต่เราก็ลั่นวาจาไปแล้ว”
“ลั่นวาจาอะไร”
“ว่าเราจะไม่ยอมจูบเด็กมอมแมม”
“กลัวเสียหน้าหรือ”
“เด็กมอมแมมพูดกับเราด้วยนะว่าเราจะต้องคุกเข่าขอ”
“อาจจะเป็นไปได้” เชคีซีรีนทำเสียงแบบงึมงำๆ
“เธอว่าอย่างไรนะ”
“เปล่า” เสียงปฏิเสธ “ถอยห่างจากฉันได้หรือยัง...ฉันอึดอัด”
เพราะชีคหนุ่มได้พยายามจะให้เธอลุ่มหลง เตลิดไปไกลสมปรารถนาของเขา...ไม่ได้...เธอจะปล่อยให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้ แต่คำขอของเธอเหมือนจะไม่ได้รับความสนใจจากเขาเลย ดังนั่นวิธีสุดท้ายที่จะจัดการกับเขาคือทำให้เขาหลับ
เธอเป่าลมหายใจเบาๆ...และชีคหนุ่มรู้สึกได้ถึงกระแสลมบางอย่างที่มีกลิ่นของดอกไม้พุ่งเข้าหน้า เขาสูดเข้าไปและไม่นานเลยที่เขาหลับตาลงฟุบลงมา...เชคีซีรีนรีบพลิกตัวหลบ
“ท่านเกือบทับเรา”
เสียงบ่น...ชีคหนุ่มตะแคงหน้ามา ดวงตาลืมขึ้นชั่วแวบ...และเชคีซีรีนก็สลัดผ้าสีแดงลงมาจากศีรษะ เขายังสามารถคว้าผ้านั้นแล้วพยายามจะคว้าจับข้อมือเธอ เอาไว้
“อย่าไป”
เขาง่วงเปลือกตาหนักและรับรู้ว่าคนงามกำลังจะจากไป
เขาเหมือนจะวิงวอนต่อเธอ และเขาไม่ได้คว้าจับถูกเธอ อะไรกัน...นุ่มๆ...เขาเบิกตากว้างทั้งที่กำลังง่วงสุดขีด เขาคว้าจับได้นกฮูกตัวหนึ่ง
“อีกแล้ว” เขาคราง เขาเจอนกฮูกในห้องนอนตัวเอง...
อะไรกัน...นกฮูกมาจากไหน ตอนนี้แรงที่มือเขาอ่อนลง เขาไม่สามารถจะยื้อยุดนกฮูกตัวน้อยเอาไว้ได้ เขาต้องคลายมือออก แล้ว
นกตัวนั้นก็เดินเตาะแตะมาจ้องหน้าเขา...ใกล้มาก ตาโตของนกฮูกเหมือนโตขึ้นเท่าฟองไข่ไก่...เขาหลับตาลงพึมพำ
“ทำไมเราโดนหลอกหลอนด้วยนกฮูก หือ...เจ้ามาทางไหน...หรือเจ้าเด็กมอมแมมนั่นแปลงกายมาหยอกเราเล่นอีกแล้ว...ซีรีน...ไปนะ...ไปให้พ้น”
เขาหลับตา...
“เอาคนสวยมาคืนเรา”
มีแต่เสียงครางๆฮือ ๆ “ไล่เรา...ดีละ เราจะไป” เสียงเอ่ยต่อมาชัดเจน “เรามันเด็กดื้อ นังหนู นังขอทาน นังคนมอมแมม...กอดไม่ได้ จูบไม่ลง...เราจะไป...”
ชีคหนุ่มใจหาย อยากลืมตาดู แต่ลืมตาไม่ได้ ไม่เห็นว่า สาวน้อยกลับกลายมาเป็นคนอีกหน แล้วกำลังคุกเข่าอยู่ข้างเตียงมองดูเขาด้วยแววตาพราวๆ...สนุกสนาน
...ได้แกล้งท่านนี่ก็สนุกดีแฮะ หลับไปเถิดนะ ท่านชีคเจ้าเล่ห์ ข้าจะไปเที่ยวเล่นกับน้าเขยของข้า เพราะข้ารับปากอับดุลลาแล้วว่าข้าจะไปอารูก้า แล้วข้าถึงจะกลับมาหาท่านอีก...
ร่างบอบบางเบื้องหน้านั้น อัลเพ่งมองแล้วมองอีก...จะให้เขาเชื่อว่านั่นเป็นอีกคนที่เดินทางจากอดีตมาสู่ปัจจุบันดังเช่นเชคีอัสมา อย่างนั้นหรือ เป็นไปได้อย่างไร
แต่เธอมีตัวตนจริงๆ และอับดุลลายังบอกว่าเธอเหมือนเชคีมารีอาห์
สาวน้อยยิ้มกว้าง “มีคนบอกเสมอว่าฉันเหมือนแม่...”
อับดุลลาคิดในใจว่า
...ไม่เหมือนพ่อน่ะดีแล้ว...
เพราะตัวตนของอควาที่แท้จริงน่าเกลียดน่าชัง และเขาคิดว่าเชคีซีรีนคงไม่เคยเห็นภาพนั้นแน่นอน หากทำได้เขาจะเก็บภาพของอควาเป็นความลับต่อเชคีซีรีนตลอดไป ไม่เปิดเผย เขาไม่เชื่อว่าเธอจะรับความจริงได้ อความีเวทมนต์ที่จะทำให้ผู้คนยอมรับเขาไม่กลัว
เขา...คนนอกอัล นาจาห์ เท่านั้นที่ได้เห็นโฉมหน้าแท้จริงเขาจากภาพวาดที่เก็บเอาไว้เป็นเรื่องเล่าในตำนาน
ตอนนี้ทุกคนอยู่บนเครื่องบิน...และจะเดินทางไปยังอารูก้า อับดุลลาเชื่อว่าอัสมาจะต้องดีใจแน่นอนหากได้เจอ หลานสาว...อายุของเชคีซีรีนไม่ห่างจากอัสมามากนัก...ไม่น่าเชื่อเอาเสียเลย
“พ่อแม่เจ้าสบายดีหรือ ซีรีน” อับดุลลาเอ่ยถาม
“เมื่อตอนจะมาจากบ้าน พวกท่านสบายดีนะ ท่านอยากให้ฉันมาเที่ยวเล่น มาเจอน้าอัสมา และแม่ฝากจดหมายมาให้กับน้าอัสมาด้วย...”
เธอปิดบังเรื่องแผนที่แม่น้ำสีดำ บอกตัวเองว่าขอดูความเป็นอยู่ของน้าสาวก่อน หากว่าอัสมาอยู่เป็นสุข สะดวกสบาย แม่น้ำสีดำที่บัดนี้เธอรู้แล้วว่ามันคือน้ำมันมูลค่ามหาศาลและมีคุณค่าและมูลค่าสูงมากจะถูกส่งให้คนที่หัวใจบอกว่าใช่
เธอทำตามแม่บอก...
และเธอมีคนคนนั้นแล้ว ป่านนี้ท่านชีคคงรู้แล้วว่าเธอไม่อยู่ เธอหัวเราะออกมาเบาๆ
“ขำอะไร” อัลเอ่ยถาม เขามองดูสาวน้อยที่นั่งอยู่เบื้องหน้า เมื่อแรกเธอมีท่าทีตื่นกลัวกับการขึ้นเครื่องบิน ท่าทางกระสับกระส่ายไม่สบายใจ แต่ตอนนี้เขาเห็นว่าเธอสงบนิ่งลงได้ อาจจะปรับตัวได้แล้ว นักบินของเขาที่พามาด้วยขับเครื่องบินได้ดีเทียมเท่ากับเขา เที่ยวบินกลับนี้เขาไม่อยากขับเครื่องบินเอง เขาอยากซักไซ้ไล่เรียงเรื่องราวจากสาวน้อยผู้มาจากแดนไกลนี้ก่อน
“ป่านนี้ท่านชีคคงรู้แล้ว”
“รู้อะไร”
“รู้ว่าฉันหนีมาจากเขา”
อัลอมยิ้ม “อย่าให้เขาคิดว่าฉันพาเธอหนี เพราะเขาอาจจะเคืองฉัน ท่าทางเขาชอบเธอ”
“ไม่เลย เขาไม่ชอบฉัน” เชคีซีรีนยืนยัน “เขาบอกว่าเขาไม่ชอบคนมอมแมม เขาจูบฉันไม่ลง แต่ฉันจะทำให้เขาต้องคุกเข่าขอจูบจากฉัน”
อัลหัวเราะเสียงดัง “จูบหรือ” เขานึกถึงตัวเอง...
เรเนียตบเขาเพื่อสั่งสอน แต่เขาเอามาเป็นเครื่องมือตอบแทนเธอด้วยการจูบ
เธอตบเขาหนึ่งที เขาตอบแทนเธอด้วยหนึ่งจูบ และเมื่อยามเธอไม่ตบเขาเพราะกลัวเขาจะจูบเธอกลับคืนอีก เขาก็จับมือเธอมาตบหน้าเขาเองเพื่อฉวยโอกาสนั้น
เขายังจำเรื่องราวความรักของตัวเองได้ยามถูกลักพาตัวไปร่อนเร่กลางทะเลทราย...ผจญรัก ผจญภัยร่วมกัน
แต่ตอนนี้ไม่ต้องให้เธอตบเขา ไม่มีเหตุผลจะต้องโดนตบแล้วเขาก็ไม่ฉวยโอกาสจับมือเธอมาตบหน้าเขา แต่เขาได้จูบเธอทุกวัน...จูบด้วยความรักอันท่วมท้น
นี่จะมีตำนานคุกเข่าขอจูบ แทนที่ตบแลกจูบหรือไร อัลนึกขำ
“แล้วเธอ คาดว่าเขาจะคุกเข่าให้เธอไหม”
“แน่นอน” น้ำเสียงหมายมาด “เขาจะต้องทำเช่นนั้น”
“แล้วจะได้อะไร”
คำถามนั่นทำให้เธอชะงัก
“เธอได้รับความสะใจหรือไม่”
“สะใจ...คงไม่...แต่ฉันอยากให้เขารู้ว่าไม่ว่าจะมอมแมมหรือไม่ ฉันก็คือผู้หญิงคนหนึ่ง...เขากำลังสงสัยว่าฉันกับเด็กมอมแมมจะเป็นคนเดียวกันไหม และเขาเลือกจะจูบใคร”
“ซีรีน จำเราไว้อย่างหนึ่งนะ” น้ำเสียงอัลอ่อนโยน เขาอธิบายกับเธอด้วยความจริงใจ “ไม่ว่าเขาจะจูบใคร เธอหรือเด็กมอมแมม จะต้องคุกเข่าขอหรือไม่ได้ทำเช่นนั้น แต่หากเขาได้จูบเธอ ขอให้เธอตระหนักรู้ว่านั่นเพราะเขารักเธอ”
“เพราะความรักเป็นสิ่งดีงาม” อับดุลลาแทรก...
ก่อนจะมีรายงานด่วนเข้ามา...ข่าวเพิ่งมาถึง ด้วยความตื่นตระหนก อับดุลลาลุกไปรับข่าวนั่นแล้วกลับมารายงานร้อนรน
“อารูก้า ถูกปิดเมืองปล้นเมื่อคืนนี้ตอนเที่ยงคืนพอดี กวาดเอาทรัพย์สินจากร้านค้าและธนาคารไปได้มากมายมหาศาล คืนเดียวในสองชั่วโมง เจ้าโจรสายลมปิดเมืองปล้นอย่างสบายอกสบายใจโดยที่กองตำรวจหรือทหารไม่ได้ทันคิด...ระบบเตือนภัยหยุดทำงานชั่วคราว....”
โจรสายลมหรือ อัลคราง กำมือแน่น...เจ้าโจรบ้าฉกฉวยโอกาสทีเผลอและคราวนี้ปล้นคนอารูก้า ไม่ได้ปล้นคนต่างชาติ
เมื่อคืนชีครอม์ฮิมประทับในงานตลอดและหายไปก่อนงานเลิก เขาถามกับเชคีซีรีนอีกหน
“เมื่อคืนรอม์ฮิมอยู่กับเธอตลอดไหม”
ความฉลาดเป็นของเธอ และเธอทำความเข้าใจได้ว่า
...พวกเขาสงสัยท่านชีค...
“เขาอยู่กับฉัน ตั้งแต่พาออกจากงานไปที่ตำหนักของเขา และพยายามจะครอบครองฉันให้ได้ ตราบจนฉันต้องเป่ามนต์สะกดเขาแล้วออกมา”
อัลเองก็นึกในใจว่า
...มันเป็นใคร ไม่ใช่รอม์ฮิมแน่นอนแล้ว...
เชคีซีรีนก็คิดเช่นกันว่า
...เราจะต้องปกป้องท่านชีคยิ่งกว่าชีวิต...
เพราะอะไรน่ะหรือ เธอตอบไม่ได้
เพราะรักหรือ
เพราะมีหัวใจหรือ
ล้วนแล้วแต่ตอบยากลำบากนัก แต่เขาเป็นบุรุษคนแรกที่หัวใจส่งเสียงบอกเตือน...แม่บอกให้ฟังเสียงหัวใจให้มั่นคงเข้าไว้...แล้วจะดีไปเอง
เธอเชื่อแม่ เธอเป็นเด็กดีนี่นา สาวน้อยคิดพร้อมกับขบขัน แต่เธอคอยฟังว่าอัลจะเอ่ยสิ่งใดต่อไป
“กลับไปถึง ฉันจะไปตรวจสถานที่เกิดเหตุเอง ถามไปสิว่าพวกเขากระจายข่าวออกไปแล้วหรือไม่...”
“ยังพะยะค่ะ”
“ดีแล้ว ปิดข่าวไว้ ไม่ต้องแพร่งพราย...นับจากนี้เราจะตามล่าโจรแห่งสายลมด้วยตัวเราเอง...”
น้ำเสียงมุ่งมาดบอกความโกรธสุดขีด
“ต่อสายหาชาห์มาให้เราด้วย เขาเจอเหตุการณ์แบบเดียวกับเราหรือไม่...และท่าจะให้ดีนะ อับดุลลา ตรวจดูว่ากองกำลังพิเศษของรอม์ฮิม หน่วยรบพิเศษที่รอม์ฮิมฝึกเองได้เดินทางออกจากบูราไบเมื่อคืนหรือไม่ ระหว่างมีงานเลี้ยง พวกนั้นอยู่ไหน เราควรตรวจสอบให้ดี”
อัลเป็นคนว่องไว คิดฉับไวเสมอ
อับดุลลาลับตัวไปสักพัก อัลยังชวนเชคีซีรีนคุยต่อด้วยเรื่องของอัล นาจาห์ เขาซ่อนความกระวนกระวายไว้เงียบๆ
“เราปล่อยให้เรื่องนั้นเป็นหน้าที่ของพวกผู้ชายดีกว่านะ”
“ค่ะ ท่าน” แต่ใจของเชคีซีรีนก็ร้อนรนนัก
สักพักหนึ่งอับดุลลาเข้ามารายงานว่า
“หน่วยทหารพิเศษของรอม์ฮิมไม่เคยออกจากที่แจ้งเลยครับในรอบ10วันนี้ แต่มีคนที่หายไปจากงานหลายคน หนุ่มๆ ที่ฝึกการสู้รบอย่างดี รวมทั้งตัวหัวหน้า”
“จากไหน”
“จัสฟา ลูกชายของเจ้าชายอะบีห์ และชีคชาห์มารายงานมาแล้วเช่นกันว่าอิบบาห์ เชวูโดนโจมตีทั้งที่อิบบาห์ และที่เชวูด้วยเช่นกัน”
“ในคืนเดียวนี่นะ”
“ใช่พะยะค่ะ”
“มันผู้ใดกล้าล้วงคอเรา ดีละ...เราจะจับมันให้ได้”
ย่อมไม่ใช่รอม์ฮิม...เชคีซีรีนนึกในใจ
ใครกัน เจ้าโจรสายลมตัวปลอม
“ชีคชาห์มาเรียกนักแกะรอยไฮเทคมาแล้ว”
“ใครหรือ”
“คาร์ล่า พัสมี เคียวเซร่า”
อัลหัวเราะ “คู่ปรับของอาลีหรือ”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น