Baramos[ฝันร้ายของเจ้าชาย] - Baramos[ฝันร้ายของเจ้าชาย] นิยาย Baramos[ฝันร้ายของเจ้าชาย] : Dek-D.com - Writer

    Baramos[ฝันร้ายของเจ้าชาย]

    ใครจะไปรู้ว่าเจ้าชายแห่งเจมิไนต้องกลายเป็นผู้หญิง...ถ้าอยากรู้เชิญดูเชิญอ่านเลยจ้า

    ผู้เข้าชมรวม

    1,475

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    1.47K

    ความคิดเห็น


    13

    คนติดตาม


    4
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 เม.ย. 51 / 12:52 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ชื่อเรื่อง : ฝันร้ายของเจ้าชาย
      ผู้แต่ง : LIL (kpinkaew@hotmail.com)
      ประเภท : ลึกลับ
      ช่วงเวลา : นอกเนื้อเรื่อง

      เรื่องย่อ : -


      ในราตรีอันเงียบสงัดแห่งนครเอดินเบิร์ก ห้วงนิทราเข้าปกคลุมทั่วทุกแห่งหน รวมทั้งป้อมอัศวินที่ตั้งตระหง่านโกโรโกโสอยู่ทางทิศตะวันออกของปราสาทเอดินเบิร์กอันงดงามด้วย

      สมาชิกในป้อมล้วนอยู่ในห้วงแห่งนิทรารมณ์อันแสนสุข มิมีผู้ใดตระหนักึถงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับเสนาธิการฝ่ายซ้ายคนสำคัญเลยสักนิด


      ...โรเวน...โรเวน...

      เสียงเรียกดังแว่วในห้วงฝัน แล้วค่อยๆชัดเจนขึ้น จนไม่อาจเป็นเพียงแค่ฝัน

      “ใคร...”

      “ฟังให้ดี เจ้าชายโรเวน ฮาเวิร์ด แห่งเจมิไน...” เสียงนั้นทรงอำนาจนัก ชวนให้เกิดความรู้สึกเย็นยะเยือกตลอดกาย “...จากนี้ไปคือชะตาที่เจ้าไม่อาจหลีกเลี่ยงหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไข จงยอมรับมันเถิด แต่อย่าได้กังวลไป นี่มิได้จะเกิดขึ้นโดยถาวร เมื่อใดที่มีผู้หลงรักเจ้า เมื่อนั้น ทุกอย่างจะกลับคืนสู่สภาพเดิม...

      “...ตื่นเถิด โรเวน ฮาเวิร์ด จงตื่นขึ้นเพื่อเผชิญกับชะตากรรมของเจ้า...”


      เจ้าชายโรเวนสะดุ้งตื่นขึ้น หากเสียงลึกลับนั้นยังคงประทับแน่นในหัว มันดังก้องซ้ำไปมาอยู่ในโสตราวเสียงสะท้อนในหุบเขา ถ้อยคำเหล่านั้นหมายความว่าอย่างไรกัน...

      เหงื่อเย็นชื้นซึมชุ่มทั่วร่าง โรเวนยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก แต่แล้วมือนั้นก็กลับชะงัก เมื่อสัมผัสพบบางสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป

      จนเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง มือที่หยุดค้างค่อยเริ่มไล้ลงมาตามใบหน้า สัมผัสผิวนวลเนียนบนใบหน้าที่เคยคุ้น ทว่าบัดนี้กลับไม่คุ้นเคย ราวกับไม่ใช่หน้าของตัวเอง แล้วไล่ลงมาตามลำคอ ลงไปยังหน้าอก...

      โรเวนผวาพรวดลงจากเตียงไปยังกระจกเงา แสงภายในห้องสว่างพรึ่บขึ้นทันทีด้วยอำนาจเวทมนตร์ แล้วเงาสะท้อนที่จ้องมองกลับมาจากกระจกก็ทำให้เสนาธิการคนสำคัญแห่งป้อมอัศวินเกือบเข่าอ่อน

      ดวงหน้าที่มีเค้าของเจ้าชายโรเวน ทว่าไม่ใช่เจ้าชายโรเวน ด้วยใบหน้าที่เคยคมเข้ม บัดนี้กลับหวานละมุน ที่เคยหล่อเหลานักบัดนี้เรียกได้ว่างดงามยิ่ง เรือนร่างที่เพียงเมื่อก่อนเข้านอนยังแข็งแกร่งสมชายชาญ มาตอนนี้กลับกลายเป็นอรชรงามระหง

      โอ พระเจ้า... นี่ป้อมอัศวินจะต้องมีครึ่งชายครึ่งหญิงอีกสักกี่คนนี่...

      ภายนอกหน้าต่าง แสงจันทร์นวลยังส่องสว่างให้ฟ้าแลกระจ่างยามมองผ่านหน้าต่างที่ผ้าม่านถูกเปิดไว้ครึ่งๆ

      นี่หวังว่าถ้าลับแสงจันทร์เขาคงไม่กลายเป็น.………

      โรเวนรีบหยุดความคิดอันน่าสยดสยอง แล้วพยายามรวบรวมสติแก้ปัญหาที่อยู่ๆก็หล่นโครมมาใส่ตัวแบบไม่ทันให้รู้เนื้อรู้ตัวรู้ที่มาที่ไปสักนิด

      แค่หัวขโมยกลายเป็นเจ้าหญิงธิดาแห่งความมืดก็น่าจะพอแล้วกระมัง ถ้าเจ้าชายเสนาธิการกลายเป็นเจ้าหญิงเสนาธิการไปอีกคงสนุกดีพิลึกละ

      แต่เก็บไว้สนุกคราวหน้าก็แล้วกัน



      เช้าวันรุ่งขึ้น ชาวเอดินเบิร์กได้รับรู้แต่เพียงว่า เจ้าชายโรเวน ฮาเวิร์ด ลากิจด้วยธุระด่วน ที่ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าธุระอะไร



      ตกดึกคืนนั้น ณ ปราสาทขุนนาง ชาวปราสาทขุนนางต่างพากันหลับใหล แต่เจ้าชายอาเธอร์ หัวหน้าปราสาทกลับนอนพลิกตัวกระสับกระส่าย ในหูแว่วแต่เสียงกระซิบดังก้องซ้ำไปซ้ำมา จนนอนไม่หลับ

      “ลุกขึ้น ลุกขึ้นเถิด เจ้าชายอาเธอร์ เลโอนาท บริสตั้น แห่งซาเรส จงไปยังสวนแห่งเอดินเบิร์ก ลุกขึ้นเถิด เจ้าชายอาเธอร์ ไป...”

      เสียงนั้นดังซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเจ้าชายอาเธอร์ต้องยอมแพ้ ลุกจากที่นอนอันแสนสบาย สวนแห่งเอดินเบิร์กคงหมายถึงสวนของปราสาทเอดินเบิร์ก อาเธอร์ถอนใจอย่างแสนเสียดายเตียงอ่านอบอุ่นที่ต้องลุกจากมา แล้วแต่งตัวมุ่งไปยังปราสาทเอดินเบิร์กอย่างเงียบๆ ไม่รู้ว่าจะมีอะไรที่นั่น แต่ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับอะไรเขาก็ไม่กลัวอยู่แล้ว

      แต่สิ่งที่รออยู่นั้น อยู่นอกเหนือจากความคาดหมายของเจ้าชายหนุ่มโดยสิ้นเชิง



      รัตติกาลในสวนของปราสาทเอดินเบิร์กช่างงดงามแผกไปกว่ายามทิวา ด้วยแสงจันทร์นวลที่สาดส่องต้องสรรพสิ่งบนผืนพิภพดูงามจับตายิ่งนัก

      และที่งดงามเหนือสิ่งใด ก็คงจะเป็นหญิงสาวร่างระหงที่ยืนเด่นอยู่กลางสวน ดวงหน้างามละมุนยวนตาแหงนเงยน้อยๆ สายตาจับจ้องยังดวงจันทราเบื้องบน ที่บัดนี้กลับดูจะด้อยความงามไปเสียสิ้นเมื่อพิศเทียบกับโฉมแห่งนาง เสื้อ่คลุมตัวยาวโคร่งที่กระหวัดพันรอบกายดูจะมิอาจข่มความงามแห่งเรือนร่างบางระหงนั้นได้แม้สักน้อย

      เจ้าชายใจสิงห์ตะลึงมองมิกล้าแม้แต่จะหายใจ หัวใจราวจะลืมเต้นไปชั่วขณะ แม้ได้เห็นเพียงแค่เสี้ยวหน้า ก็รู้ได้ว่างามยิ่ง ยิ่งกว่านั้น ยังมีอะไรบางอย่างให้ความรู้สึกคุ้นเคย ความรู้สึกบางอย่างวาบขึ้นในใจ เจ้าชายอาเธอร์นึกริษยากระทั่งดวงจันทร์ที่บังอาจดึงดูดสายตาของนางนั้นไปเสียได้

      ครั้นแล้ว สาวน้อยก็ค่อยเบือนหน้ามาหา หัวใจที่เมื่อครู่ราวจะหยุดเต้น บัดนี้กลับสั่นระรัว ดวงพักตร์งามวิไลนั้นดูคุ้นตาอย่างประหลาด ดวงตาสีน้ำเงินใต้แพขนตางอนยาวที่เบิกกว้างก็ดูช่างคุ้นเคยนัก ราวเคยสบอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แม้เขาจะแน่ใจนักว่า มิเคยพบพานสาวงามนางนี้มาก่อนเป็นแน่

      อย่างนี้กระมัง ที่เขาเรียกกันว่าบุพเพสันนิวาส เพียงแรกพบประสบพักตร์ ก็พลันเกิดความรู้สึกคุ้นเหมือนรู้จักกันมานานนัก ฤๅนี่จะเป็นโชคชะตา ที่ดลบันดาลให้เขาได้พบเนื้อคู่ แล้วนางเป็นใครกันหนอ เข้ามาในเขตปราสาทเอดินเบิร์กที่มีเพียงน้อยคนนักจะล่วงเข้ามาได้ในยามวิกาลเช่นนี้

      เจ้าชายอาเธอร์สืบเท้าเข้าใกล้สาวน้อยอย่างลืมตัว สรรพสิ่งรอบกายในสวนแห่งเอดินเบิร์กที่เคยขึ้นชื่อว่างามดูจะพร้อมใจกันหลีกทางให้โฉมยงเสียสิ้น มวลบุปผางามที่หุบกลีบพักเฉกเช่นทุกราตรี ในใจของเจ้าชายหนุ่มขณะนี้ หมู่มาลีเหล่านั้นดูราวกับมิกล้าคลี่กลีบออกสู้ความงามพิลาศล้ำของนารีเบื้องหน้า

      มือสั่นระริกเอื้อมออกไปหมายยังดวงหน้านวลเบื้องหน้า แต่แล้วก็กลับชะงัก ราวกลัวว่าร่างงามประดุจภาพมายานั้นจะสลายไปเพียงปลายนิ้วสัมผัส หากกิริยานั้นเหมือนจะทำให้สาวน้อยรู้สึกตัว ร่างบางผงะออกห่าง ทว่าก่อนจะทันได้วิ่งหนี มือที่ชะงักอยู่กลับตวัดไว คว้าร่างระหงนั้นไว้ในอ้อมแขน

      “เธอเป็นใคร” ร่างสูงใหญ่ก้มลงกระซิบข้างหูสาวน้อยในอ้อมแขน “บุกรุกปราสาทเอดินเบิร์ก... เข้ามาได้อย่างไร...”

      ไร้สิ้นซึ่งคำตอบใด ร่างบางสลัดตัวออกพ้นจากการเกาะกุม วิ่งหายลับไปโดยไว ทิ้งเจ้าชายใจสิงห์ให้ได้แต่มองตามอย่างเสียดายนัก


      ...โดยที่หารู้ไม่ว่า เหตุการณ์ทั้งหมดตกอยู่ในการสังเกตของสายตาสามคู่หลังพุ่มไม้ในบริเวณนั้นโดยตลอด...



      ในวันต่อๆมา มีข่าวลือจากปราสาทขุนนางว่า เจ้าชายอาเธอร์มีอาการประหลาด นั่งเหม่อทั้งวัน บางคราวก็ถอนใจเฮือกๆราวกับคนแก่ อาการเหล่านี้ ผู้เชี่ยวชาญอย่างเฟริน เดอเบอโรว์ วิเคราะห์ว่า...

      ...เจ้าชายอาเธอร์ กำลังมีความรักแหงแซะ!!!


      ********************************


      เสียงฝีเท้าที่ก้าวใกล้เข้ามาทำให้เจ้าชายที่ต้องกลายเป็นหญิงสาวถอนใจเฮือก ไม่รู้จะตามราวีกันสักแค่ไหนนะเจ้าชายอาเธอร์ รู้จักกันมาก็นานอยู่ เพิ่งเห็นฤทธิ์ช่างตื๊อของเจ้าชายใจสิงห์แห่งซาเรส ถ้าเป็นเวลาปกติคงน่าขำอยู่ไม่หยอก แต่พอมาเกิดกับตัวเองแล้วมันขำไม่ยักออก

      จะให้ใช้วิธีแบบเจ้าหญิงหัวขโมยตัวยุ่ง ที่ทำเอาหนุ่มๆหลายรายที่หวังจะจีบเผ่นแน่บแบบสุนัขไล่ตามไม่ทัน เพียงแค่เจอฤทธิ์ฝีปากของเจ้าหล่อน ก็ทำไม่ลง ด้วยความเป็นกุลเจ้าชายที่ได้รับการอบรมมาแต่เยาว์วัยมันติดคอ

      “อยู่นี่เองหรือ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นจนได้ ไม่รู้ทำไม ไม่ว่าจะไปหลบที่ไหน เจ้าชายแห่งซาเรสเป็นต้องหาพบเสียทุกทีไป แถมไอ้ร่างนี้มันสู้แรงผู้ชายก็ไม่ได้เสียด้วย

      “ฉันตามหาเธอเสียทั่ว เธอรู้ไหม ตั้งแต่ฉันได้พบหน้าเธอ ฉันแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่ว่าจะทำอะไรก็เห็นแต่หน้าเธออยู่ทุกหนทุกแห่ง แม้ยามหลับฉันก็ยังฝันถึงเธอ...”

      ...ไม่ใช่ผีหัวขาดนะ จะได้มีแต่หน้าเที่ยวตามหลอกหลอนไปทั่ว... เจ้าชายในร่างสาวงามได้แต่คิด แต่ไม่กล้าพูด ใครเลยจะคิดว่าจะได้มาเห็นและฟังเจ้าชายอาเธอร์พร่ำคำหวานจีบสาว แถมคำพูดที่ใช้ก็... นี่ถ้าอยู่ในฐานะคนแอบดูคงกลั้นหัวเราะยากเอาการ

      ...ใช่แล้ว ในพุ่มไม้เบื้องหลัง เจ้าของสายตาสามคู่ที่จับจ้องอยู่ต่างกำลังกลั้นหัวเราะกันเต็มที่ พลางตบยุงที่บินว่อนอยู่ท่ามกลางซากมดที่เป็นเบาหวานตายกันเกลื่อน...

      “...ฉันไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อนเลย ชีวิตฉันเคยพานพบสตรีมามากนัก แต่ไม่เคยมีใครทำให้ฉันเกิดความรู้สึกเช่นนี้ เช่นที่ฉันรู้สึกกับเธอ ยามเห็ฯหน้าเธอใจฉันเต้นรัว ยามไม่ได้พบเธอฉันไม่รู้ว่าเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้อย่างไร เพราะหัวใจฉันนั้นมันได้เหี่ยวเฉาไปเสียแล้ว ถ้าความรู้สึกเช่นนี้คือความรัก...”

      มือแกร่งกระชับมือบางนุ่มที่กุมอยู่แน่นเข้า รั้งร่างระหงเข้าหาตัว ก้มลงจุมพิตริมฝีปากงาม แล้วกระซิบแผ่วเบาข้างหู โดยไม่ทันได้สังเกตว่า อาการพยายามขืนตัวออกห่างอย่างสุดความสามารถได้กลายเป็นแข็งทื่อไปแล้วเรียบร้อย

      “...ฉันก็คงจะต้องบอกว่า... ฉันรักเธอ”

      สิ้นคำรัก เจ้าชายหนุ่มแห่งดินแดนนักสู้รู้สึกตาพร่าพรายไปชั่วขณะ ครั้นภาพรอบกายกลับมาแจ่มชัดอีกครั้ง ก็ไม่ปรากฏร่างสาวน้อยเสียแล้ว มีเพียงร่างที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงหน้า ก่อนจะเข่าอ่อนทรุดลงไปนั่งหายใจหอบถี่อยู่กับพื้น

      ...คนที่เขารู้จักดี...

      เจ้าชายโรเวน แห่งเจมิไน!!

      บัดนี้กลายเป็นเจ้าชายอาเธอร์ที่ตัวแข็งเป็นหุ่นไปเสียแล้ว ครั้นรู้สึกตัว ก็โกยอ้าวไม่เหลียวหลัง ไม่ช้าผู้ที่นั่งอยู่กับพื้นก็ค่อยทรงกายขึ้น จากไป

      ทิ้งให้บริเวณนั้นเหลือเพียงดวงตาสามคู่ที่เบือนมาสบกันเนิ่นนาน แล้วในที่สุดหนึ่งในนั้นก็เอ่ยขึ้น...

      “เอาเรื่องนี้ไปเขียนกันเถอะ”



      วันต่อมา เจ้าชายโรเวนที่หายไปหลายวันกลับมาเรียนตามปกติ แต่พอมีใครถามถึงธุระด่วนที่เป็นเหตุให้หายไปนั้น โรเวนก็จะมีอันเกิดอาการหูหนวกกะทันหันเสียทุกทีไป และในวันเดียวกับที่เจ้าชายโรเวนกลับมานั้นเอง เจ้าชายอาเธอร์ก็ได้ลาป่วย โดยที่ไม่มีผู้ใดทราบอาการแน่ชัด มีข่าวลือบางกระแสว่า เจ้าชายใจสิงห์มีอาการช็อคขนาดหนัก บ้างก็ว่าอกหักอย่างรุนแรง แต่ก็ไม่มีใครรู้อยู่ดีว่า ช็อคเรื่องอะไร หรืออกหักจากใคร 


      *******************************************************
      มาตามคำเรียกร้องใครบางคน...=_=

      ฮ่ะๆใครจะไปรู้ว่าสามคนนั้นคือ...ใครแล้วแต่ทุกคนที่อ่านจะคอมเม้นต์ออกมา

      บอกกล่าวนะ...

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×