ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    War and Sacrifice : Route to the War

    ลำดับตอนที่ #9 : Expect. ความคาดหมาย

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ย. 58


              คำสั่งบอกให้ฆ่าเขาทันทีเมื่อเห็น แต่ว่าชไวร์เกอร์เป็นหนึ่งในผู้ร่วมงานของดร.ไคลร์ ฉะนั้นในระหว่างนี้ผมต้องคุ้มกันเขาก่อน ฮะๆ ตลกดีว่ามั้ย?

    Bert Karl

    ----------------------------------------------------------------

    4 กันยายน ค.ศ.1944

                ฮัมบูร์ก, เยอรมนี 20.34  PM

                แสงดาวสีเงินประดับท้องฟ้าที่ดำสนิทในเวลากลางคืนให้มีแสงระยิบระยับดูสวยงาม ดวงจันทร์ที่เป็นเหมือนราชินีประจำท้องฟ้าในตอนกลางคืนคอยส่องแสงสว่างให้กับคนที่หลงทางในเวลานั้น ถึงแม้ว่าเยอรมนีกำลังโดนเผาในไฟสงคราม คนดีอาจไม่เหลือในประเทศนี้ นาซีที่มีแต่แผนลับค่อยๆดำเนินแผนการนั้นไปอย่างไม่กลัวความพ่ายแพ้ ชัยชนะอาจเกิดขึ้นในสงคราม...แต่ความสูญเสียอาจมีมากกว่าชัยชนะ ใครคนหนึ่งเคยพูดเอาไว้ว่า ถ้าต้องการอิสรภาพ จงเตรียมตัวทำสงคราม มันอาจจะเป็นจริง..

                เมื่อชัยชนะเป็นที่ต้องการของคนหลายคน ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ทำให้เกิดสงครามขึ้นมา และเมื่อมีสงคราม การเสียสละ ความแค้น..และการสูญเสียก็จะมีมากขึ้น..อาจมากกว่าค่าของชัยชนะ

     

                หญิงสาวผมสีบลอนด์เดินขึ้นมาบนดาดฟ้าของตึกพร้อมกับเอกสารมากมาย หล่อนเคยทำตกพื้นไปหลายแผ่น แต่ก็ไม่ลืมที่จะเก็บมันขึ้นมา นัยน์ตาสีฟ้าดูงดงามเมื่อได้มอง เมื่อหล่อนเดินขึ้นมาถึงดาดฟ้า กลิ่นบุหรี่กลิ่นเดิมๆก็ลอยมาแตะจมูก หล่อนยกมืออีกข้างขึ้นมาปิดจมูกตัวเองเอาไว้ทันที และเมื่อเดินไปถึงที่ๆใจหมาย หญิงสาวก็พบกับชายในเครื่องแบบคนหนึ่งยืนสูบบุหรี่อยู่ หญิงสาวเผอปากยิ้มนิดหน่อยก่อนจะเดินไปหาเขา

     

                 “ท่านคะ ดิฉันมีเรื่องสงสัยเกี่ยวกับงานที่ได้รับนิดหน่อย ท่านพอจะมีเวลาอธิบายงานพวกนี้ให้ดิฉันฟังอีกรอบได้ไหมคะ”หญิงสาวเดินไปหาพร้อมกับเอกสารในมือ

                ชายคนนั้นหันมาหลังจากหล่อนพูดจบ ตาข้างขวาถูกผ้าพันแผลปิดไว้เพราะอาการบาดเจ็บในสนามรบเมื่อวันก่อน”ว่าไง อยู่ต่อหน้าเรียกชื่อก็ได้นะ”

                “เกรงว่าจะไม่ได้ค่ะ ท่านอยากจะให้ดิฉันโดนจับผิดหรือไงคะ”หล่อนหัวเราะ”โอเค—ก็ได้ มัลเลอร์”

                “ใช่ต้องอย่างนั้น..มีเรื่องอะไรให้ผมช่วยเหรอแอปเปิ้ลพิษ”

     

                “หยุดเรียกฉายาโง่ๆนั่นได้แล้ว”หล่อนพูดพร้อมกับหอบเอกสารในมือไปให้เขา
                

    “เรื่องการขนย้ายเชลยเหรอ อืม..น่าสนใจแฮะ”

                “ไม่ๆ ไม่ใช่เรื่องนั้น เอกสารพวกนี้ฉันเอามาเผาน่ะไม่มีอะไรหรอก”หล่อนปฏิเสธ

                “เป็นเด็กหัดเล่นไฟ มันไม่ดีนะรู้มั้ย”

                “เฮอะ...แต่อย่างน้อยฉันก็เคยฆ่าคนตอนอายุ18นะรู้ไว้ด้วย”ท่าทางของหล่อนดูงอนๆกับคำพูดของชายหนุ่ม

                “อ้อ..เรื่องที่เธอเอาแอปเปิ้ลอาบยาพิษไปให้นายพลอิวานอฟกินน่ะเหรอ”

                “ใช่-ต้นกำเนิดฉายาโง่ๆนั่นเลยรู้มั้ย”หล่อนวางเอกสารในมือลงบนพื้นก่อนจะจุดไฟเผามัน

                “แล้ว..สรุปเธอมาที่นี่เพราะต้องการให้ฉันหยุดเรียกฉายานั่นใช่มั้ย? โอเค—ฉันไม่เรียกแบบนั้นแล้วก็ได้ เชิญกลับไปซะ”ท่าทางของเขาเหมือนกับกำลังไล่หญิงสาว

                “นายนี่มันไม่มีมารยาทจริงๆเล้ย...หัดเอาอย่างคาร์ลบ้างก็ดีนะ”

                สิ้นคำพูดของหญิงสาว ชายหนุ่มก็หันมาทันที”ฉันไม่เอาอย่างไอ้เลวนั่นหรอกจำไว้”

                “เฮอะ---“
                
    มัลเลอร์ทำท่าจะเดินไปข้างล่าง แต่..

                “จะไปไหนน่ะ อยู่เป็นเพื่อนฉันก่อนสิ”

                “ให้ตาย เด็กนี่มันยังไงกันวะ”ชาสยหนุ่มกัดฟันเดินไปหาหล่อนพร้อมกับหยิบบุหรี่ยี่ห้อโปรดขึ้นมาจุด

                “บุหรี่น่ะ หยุดสูบบ้างก็ได้นะ สงครามยังไม่จบจะรีบตายไปไหน”นาตาชาร์พูด คำพูดพวกนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่หล่อนเคยพูกับเพื่อนเลยซะด้วยซ้ำ

                “อะไรวะ เป็นเด็กซะเปล่าปากจัดชะมัด ระวังไม่มีคนมารักนะจำไว้”

                “...”

                “เหอะ..อึ้งเลยล่ะสิ บอกแล้วว่าอย่าปากดีกับฉัน...”

                “ทำไมเพื่อนฉันต้องโดนไล่ล่าด้วย”

                เสียงของหล่อนฟังดูแตกต่างไปจากเมื่อครู่มาก ลมพัดมาอีกระลอกหนึ่งทำให้ควันไฟที่กำลังไหม้กระดาษโชยไปทางอื่น ชายหนุ่มค่อยหันไปหาหล่อนทันที

                “เธอพูดว่าไงนะ”
                
    “ครีนัส...ทำไมหล่อนถึงต้องโดนพวกนาซีไล่ล่าด้วย ทั้งๆที่หล่อนไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะอะไรล่ะ..มัลเลอร์คุณช่วยหยุดเรื่องนี้ซักทีจะได้มั้ย!?”

                ชายหนุ่มเงียบไปก่อนจะพูด”ฉันช่วยอะไรไม่ได้หรอก ถึงฉันจะรู้นะเพื่อนเธอไม่ได้ผิดแต่ว่า...”

                และทันใดนั้นหญิงสาวก็โผกอดชายหนุ่มทันที หล่อนซุกเข้าไปที่อกของเขา เสียงหัวใจของเขาเต้นเร็วผิดปกติ มัลเลอร์มีใบหน้าเหวอสุดๆหลังจากที่วางมาดนาซียศสูงมานาน สิ่งที่ทำให้เขาแพ้ได้คือผู้หญิงผมบลอนด์เท่านั้น เรียกง่ายๆคือ..เขาแพ้ผู้หญิงผมบลอนด์

                “โอเค—ฉันขอโทษที่ว่าเธอ..เป็นเด็กนะ แต่เธอไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลยนี่ว่ามั้ย?”เสียงของเขาฟังดูสั่นๆเพราะเริ่มวางตัวไม่ถูกนั่นเอง

                “ทำไม...” 
                
    เสียงสะอื้นของนาตาชาร์ยิ่งทำให้ชายหนุ่มเริ่มตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก นี่เขาทำให้เธอร้องไห้เหรอ เขาถามตัวเอง แต่มือทั้งสองของเขาก็ค่อยๆยกมือขึ้นโอบหญิงสาวเหมือนกัน อะไรวะเนี่ย!? นี่มันปากไม่ตรงกับใจเลยซะด้วยซ้ำ! ชายหนุ่มคิด

                “ผมขอโทษ...”ชายหนุ่มพูดเบาๆ

                --------------------------------------------
                
    -เช้าวันต่อมา-

                ฉันรีบย่องเข้าไปตรงอาคารทันทีหลังจากที่ทหารราบหันหลังให้ มือของฉันเริ่มชุ่มไปด้วยเหงื่อหัวใจเต้นแรงผิดปกติเพราะการวิ่งเมื่อครู่ มันอาจทำให้ฉันเหนื่อย...ใช่..บางทีอาจเป็นอย่างนั้น แต่ตอนนี้ฉันต้องเข้าไปในอาคารให้ได้ก่อน—และอย่าให้พวกนั้นเห็นด้วย...ถ้าไม่อยากงานเข้า โอเค---ใจเย็นๆแอดเลอร์ จบภารกิจนี่จะได้ไปจิบไวน์ซักที—ใจเย็นเข้าไว้—

                หลังจากที่เข้ามาในอาคารได้ ฉันรีบหยิบทริบไมน์ขึ้นมาวางดักตรงทางเข้าอาคารทันที มันอาจใช้เซอร์ไพรซ์ไอ้พวกนั้นได้ตอนมันเข้ามา เมื่อเดินขึ้นถึงอีกชั้นหนึ่งของอาคาร ฉันรีบหยิบปืนซุ่มยิง Gewehr 43 ขึ้นมาทันทีก่อนจะจ้องดูสโคปปืนที่ส่องไปยังตึกฝั่งตรงข้าม และทันใดนั้นสายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นสไนเปอร์คนหนึ่งที่อยู่ตึกฝั่งตรงข้าม มีสไนเปอร์ด้วยเหรอเนี่ย? ฉันรีบหยิบกล้องขึ้นมาทันที สไนเปอร์สอง ทหารราบสี่ รถถังอีกหนึ่ง...ให้ตายสิพวกนาซีนี่มันไปเกณฑ์คนมาจากไหนเยอะแยะเนี่ย
               
    “โอเค..ไอ้พวกนี้มันก็แค่ตัวประกอบเท่านั้นแหละ”

                ตู้ม!!
              
    เสียงระเบิดเหรอ..

                นิ้วชี้ของฉันแตะที่ไกปืนและเตรียมพร้อมที่จะเหนี่ยวไก บางทีเสียงระเบิดอาจใช้กลบเสียงไรเฟิลของฉันได้...ฉันต้องรอจังหวะให้เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง และเมื่อถึงเวลานั้นแหละ..ไอ้พลซุ่มยิงนั่นมันก็จะได้ไปทักทายพวกเพื่อนของมันในนรก! เหอะ...เมื่อวานฉันแพ้หมากรุก แต่วันนี้ฉันไม่แพ้คุณเรื่องการซุ่มยิงหรอกคาร์ล! อย่าได้ใจไปนักเลย...

                ตู้ม!

                เสียงระเบิดมาแล้วสินะ...ดีละ ตอนนี้แหละ

                ฉันหยิบปืนซุ่มยิงขึ้นมาอีกครั้ง สายตาจับจ้องไปที่สโคป นิ้วแตะที่ไกปืน...และเตรียมที่จะเหนี่ยวไก แต่ทว่า...มือของฉันมันสั่นมาก! มันทำให้สโคปอยู่ไม่นิ่ง ห็ตาย..แบบนี้ฉันก็ไม่มีสมาธินะสิ เสียงระเบิดเมื่อกี้ก็เงียบไปแล้วด้วย ค่อยหาจังหวะยิงอีกครั้งละกัน ตอนนี้พักก่อน...เฮ้อ...ทำไมไม่ได้เรื่องเลยนะเนี่ยฉัน..

                ตู้ม!!
              
    เสียงระเบิดดังขึ้นมาอีกครั้ง ฉันรีบหยิบปืนขึ้นมาเตรียมยิงทันที! แต่ทว่าเมื่อฉันลุกขึ้นมานั้น ไอ้สไนเปอร์นั่นก็ล้มไปต่อหน้าต่อตา ใครมาแย่งทำผลงานฉันเนี่ย?! ฉันไม่รอช้า...รีบหยิบกล้องขึ้นมาเช็คดูตรงจุดซุ่มยิงของสไนเปอร์เมื่อกี้ทันที ให้ตายสิ...ให้ตายสิวะ! คาร์ลอีกแล้วเหรอเนี่ย สงสัยเขาจะรู้ที่อยู่ของฉันนะ พอฉันซูมกล้องเข้าไป เขายิ้มให้ฉันด้วย มันยิ่งทำให้ฉันอยากฆ่าเขามากๆเลย จบงานนี้ฉันต้องไปคุยกับเขาหน่อยแล้วละ!

                ตู้ม!!!

              ฉันรีบก้มลงทันที สงสัยจะมีหนูเข้ามากินชีสแล้วละ ฉันรีบวิ่งออกจากจุดเดิมก่อนกระโดดลงจากอาคารให้เร็วที่สุด ในระหว่างนี้ฉันต้องหลีกเลี่ยงการปะทะซักหน่อยแล้ว ไม่ใช้ปืน...เมื่อไม่จำเป็น 
                
    บรื้น...

                เสียงรถดังเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น ฉันรีบพุ่งเข้าหาบังเกอร์ทันที รถฮัมวี่สองคันแล่นผ่านที่ๆฉันหลบไปอย่างรวดเร็ว ฉันค่อยๆชะเง้อหน้าออกไปดู เป้าหมายของเราอยู่ในรถคันที่สอง มีทหารคุมอยู่สี่คน คาร์ลนัดฉันไว้ที่พิพิธภัณฑ์ ต้องรีบแล้วละ! ตอนนี้เขาคงไปถึงก่อนฉันแล้วละ ให้ตายสิ...ทำไมฉันต้องตามหลังเขาตลอดเลยนะ

                ตึกๆๆๆ

                ฉันรีบวิ่งไปที่จุดนัดพบทันที ลางสังหรณ์ฉันไม่ผิดจริงๆ คาร์ลมารอฉันอยู่ก่อนจริงๆด้วย เขากำลังใช้กล้องส่องไปยังรถคันหลังซึ่งจอดอยู่ด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์ พวกทหารที่คุมตัวชไวร์เกอร์อยู่ลากเขาลงมาจากรถก่อนจะให้คุกเข่าลง ถ้าไม่รีบ...เขาต้องตายแน่ๆ!

                “คาร์ล..”

                “ผมรู้แล้ว ท่าทางคุณเหนื่อยมากเลยนะผู้หมวด”ชายหนุ่มพูดก่อนจะลดกล้องในมือลง
                แอดเลอร์ทำหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนยกมือขึ้นปัดผมสีน้ำตาลไปไว้ด้านหลัง หล่อนเดินมาข้างๆเขาก่อนจะหยิบกล้องขึ้นมาส่องดูทหารข้างล่าง "เราต้องรีบ ไม่งั้น
    ชไวร์เกอร์ตายแน่ๆ"
                "ผมรู้แล้ว"เขาพูดคำเดิมก่อนจะหยิบปืนขึ้นมา นิ้วชี้แตะไปที่ไกปืน และกลั้นหายใจเพื่อให้ปืนนิ่งขึ้น
                "...และผมกำลังจะจัดการเดี๋ยวนี้ล่ะ"
                ปัง!!
                คาร์ลลั่นไกปืนโดยไม่ต้องรอเสียงระเบิด กระสุนแล่นแหวกอากาศพุ่งเข้าไปยังนาซีคนหนึ่งที่กำลังจะเหนี่ยวไกปืนในมือเพื่อปลิดชีวิตนักวิทยาศาสตร์หนุ่ม กระสุนปืนพุ่งเจาะกะโหลกทหารคนนั้นจนแตก เลือดสีแดงพุ่งออกมาจากศรีษะก่อนจะล้มลงไป ทหารราบ พลซุ่มยิง และรถถังที่อยู่บริเวณนั้นรีบเข้ามาหลังจากนั้น
                 "โฮ่..ผมกำลังจะงานเข้าในไม่ช้า.." ชายหนุ่มพูดก่อนจะดึงตัวหญิงผมสีน้ำตาลที่อยู่ด้วยลงมาหมอบข้างกำแพง กระสุนสาดเข้ามาจนกระทบแผ่นปูนที่พวกเขาหลบอยู่ แอดเลอร์หายใจเร็วและแรงมากขึ้น ก่อนจะหันไปพูดกับคู่หู
                 "ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย!? ไม่เห็นรึไงว่ารถถังมันอยู่ตรงนั้นน่ะ!!"

    “คุณเงียบไปเถอะน่า...”เขาพูก่อนจะเอาระเบิดมือขึ้นมาถอดสลักออก”...ไม่ช้าก็เร็วยังไงตองปะทะกันอยู่ดีนั่นแหละ—“

                คาร์ลลุกขึ้นขว้างระเบิดในมือลงไปด้านล่างเพื่อเปิดทางให้ชไวร์เกอร์หนี เสียงระเบิดดังไล่หลังนักวิทยาศาสตร์ขึ้นมาทำให้เขาตกใจและเสียท่าให้กับศัตรู เขาจึงโดนยิงบาดเจ็บก่อนจะค่อยๆพยุงตัวเองให้วิ่งขึ้นมาถึงจุดที่คาร์ลและแอดเลอร์หลบอยู่ เขาเดินกุมแผลมาหยุดที่แอดเลอร์

                “ให้ตายสิ! คุณโดนยิงนี่ชไวร์เกอร์!”แอดเลอร์พูดก่อนจะหยิบผ้าพันแผลขึ้นมา

                “ม..ไม่ต้องสนใจผม! ป้องกันตึกนี้ซะไม่อย่างนั้นเราจะตายกันหมด!!

                ................

                ตู้ม!!!

                ฉันรีบลุกออกจากชไวร์เกอร์หลังจากที่ยื่นผ้าพันแผลให้เขา คาร์ลยืนพิงหลังกำแพงก่อนจะเปลี่ยนจุดซุ่มยิงไปเป็นที่อื่น ไม่ได้การแล้ว..เห็นที่ฉันต้องรีบทำอะไรซักอย่าง!

                “ฉันจะลงไปด้านล่างนะ วางทริปไมน์เอาไว้ดักพวกนั้นหน่อย!

                “ได้สิ! รีบขึ้นมาละหน้าที่ของคุณยังไม่หมด!”คาร์ลพูดในระหว่างที่จัดการกับพวกนั้น

                ตึกๆๆ

                ฉันเดินลงบันไดไปยังชั้นล่างด้วยท่าทางเร่งรีบสุดๆเพื่อที่จะเอาทริปไมน์ไปดักเอาไว้เหมือนครั้งก่อน ทหารคนหนึ่งเล็งปืนมาที่ฉันก่อนเตรียมตัวจะเหนี่ยวไก แต่ฉันที่เร็วกว่ายกปืนขึ้นมาเหนี่ยวไกซะก่อน

                ปัง!!

              ร่างของทหารคนนั้นนอนแน่นิ่งกับพื้น ฉันรีบวิ่งหลบกระสุนที่พวกนาซีสาดมาอย่างไม่หยุดหย่อนไปที่ด้านซ้ายของประตู ก่อนจะหยิบระเบิดมือที่มีเหลืออยู่ไม่มากขึ้นมาถอดสลัก ก่อนจะขว้างออไปนอกประตูเพื่อเคลียร์ทาง ฉันรีบเอาทริปไมน์อันสุดท้ายมาวางดักไว้ที่ประตูก่อนจะรีบขึ้นไปข้างบนอีกรอบ

                ตู้ม!!!

              เสียงระเบิดนั่นดังออกมาจากข้างนอก ฉันรีบก้มตัวงทันทีก่อนจะค่อยๆเดินขึ้นไปหาพวกนั้นที่อยู่ด้านบน เมื่อไปถึงก็พบว่าคาร์ลจัดการรถถังไปแล้ว เพราะเสียงระเบิดเมื่อกี้เป็นเสียงของรถถังระเบิดนั่นเองแต่ข่าวร้ายคือ...ชไวร์เกอร์..เขาเสียเลือดมาก

                ฉันรีบวิ่งเข้าไปหาเขาทันที! หวังว่าจะได้เบาะแสอะไรบ้างเกี่ยวกับการตายของพ่อ  

                 “นี่! ได้ยินฉันมั้ย!?”ฉันร้องถามเขาก่อนจะกดแผลที่ท้องของชไวร์เกอร์ให้แน่นขึ้นเพื่อห้ามเลือด

                “ค...คุณ...เป็น..ล..ลูกสาว..ของไคลร์..ใช่มั้ย?”

                ฉันพยักหน้าตอบ ก่อนจะถามคำถามที่อยากจะถาม

                “พ่อของฉัน...”ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบ ชไวร์เกอร์ที่กำลังจะขาดใจตายก็ค่อยๆพูดด้วยสติที่มีอยู่

                “บ..เบิร์ต...”

                “ห๊ะ?”ฉันก้มลงไปใกล้เขามากขึ้น เมื่อกี้เขาพูดว่าเบิร์ตเหรอ

                “เบิร์ต...เบิร์ต...คาร์ล..ป..”

                “ป..เป็นอะไร? เขาเป็นอะไร?!

                ฉันแทบจะเขย่าชุดสูทเปื่อนเลือดของเขาเพื่อให้เขาคายความจริงออกมา คาร์ลเป็นอะไรวะ?! ทำไมเขาถึงพูดถึงคาร์ล!?

                “อึก..เขา..เป็น..”

                “เป็นอะไรวะ!!? ตอบฉันมาสิ!!”ฉันตะโกนใส่หน้าชไวร์เกอร์

                “ข..เขา..ฆ่า..ไคลร์..”

                ฉันมองหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยเลือด ก่อนเขาจะขาดใจตาย..

                “เฮ้ย! ชไวร์เกอร์! ตอบฉันสิ—“

    ฉันค่อยๆปล่อยร่างไร้วิญญาณของชไวร์เกอร์ลงบนพื้น ในหัวคิดทบทวนคำพูดสุดท้ายก่อนที่เขาจะขาดใจตาย...ไม่จริงหรอกน่า..คาร์ลไม่ทำแบบนั้น..หรอก

    “เขาตายแล้วแอดเลอร์..”

    ฉันเงยหน้าขึ้นมองคาร์ลด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ คาร์ลมองฉันก่อนจะยื่นมือมาพยุงฉันเดินกลับฐานทัพ...

    ...ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคาร์ลจะทำแบบนั้น...

    ไม่มีวัน---

    .....................................................................

    “รุกฆาต”

    เสียงของฉันดังขึ้นหลังจากเล่นหมากรุกเสร็จ คาร์ลยกมือขึ้นกุมขมับก่อนจะหัวเราะในลำคอ ในที่สุดฉันก็ชนะหมากรุกเขาจนได้ ฉันหยิบไวน์แดงขึ้นมาจิบก่อนจะวางแก้วไวน์ลง สีหน้าเต็มไปด้วยความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในรอบหลายปีมานี้

    “ฉันบอกแล้วว่ายังไงก็ต้องชนะคุณให้ได้”

                “เหอะ..แค้นผมเรื่องหมากรุกสินะ คุณนี่น่าค้นหาจริงๆเลยผู้หมวด”
                
    ฉันยิ้มก่อนจะหยิบไวน์ขึ้นมาจิบอีก แล้วฉันก็นึกอะไรขึ้นมาได้---ลืมเรื่องที่จะถามคาร์ลไปเลยแฮะ ยังไงฉันก็ต้องการคำตอบ เพราะฉะนั้น..ถามไปนั่นแหละดีแล้ว

    “คุณฆ่าพ่อฉันเหรอ..”

    เสียงของฉันฟังดูแน่นิ่งกว่าเมื่อกี้ คาร์ลเงยหน้าขึ้นมา

    “คิดว่าผมทำแบบนั้นรึเปล่าล่ะ”

    คำตอบของฉันคือคำถามเหรอ อีกแล้วสินะ...เวลาฉันถามอะไรๆที่สำคัญมากคาร์ลมักจะพูดแต่คำพูดเดิมๆคือ...คิดว่าผมทำแบบนั้นรึเปล่าล่ะ ฉันชินแล้วล่ะกับคำตอบนี้

    “ไม่ใช่ฉันไม่ไว้ใจคุณนะ...”ฉันก่อนจะมองแก้วไวน์ในมือ”...แต่คุณน่ะมันไม่น่าไว้ใจ”     

    เมื่อฉันพูดจบ คาร์ลก็ยื่นมือมาแตะที่แก้วไวน์ในมือฉัน ก่อนจะยิ้มมุมปากนิดหน่อย

    “ดร.ไคลร์บอกให้ผมดูแลคุณเอง—ผมจะฆ่าเขาเพื่ออะไรกัน คุณคิดดูสิ”

    “...”

    ลมตอนกลางคืนพัดเข้มากระมือของฉัน ฉันเงยหน้าขึ้นมองคาร์ลก่อนจะวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะ และที่ตามมาหลังจากนั้นคือ..รอยยิ้มเล็กๆของฉัน

    “ก็ได้...คุณไม่ฆ่าพ่อฉันหรอก”

    “ใช่—ต้องแบบนั้นสิ”

    ฉันหัวเราะก่อนจะมองเข้าไปในตาของบุคคลตรงหน้าเพื่อหาความผิดปกติ แต่ในแววตานั้นมันไม่มีแม้แต่ความเสแสร้ง มันบ่งบอกว่าเขาไม่ได้ฆ่าพ่อฉันจริงๆ---

    “ฉันเชื่อคุณ..”ฉันยิ้มอีกครั้ง”..แล้วอย่าทำให้ฉันผิดหวังละ..พันตรีเบิร์ต คาร์ล”

    -----------------------------------------------------------------------

    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×