คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Partner. คู่หู
เบอร์ลิน,เยอรมนี 28 สิงหาคม ค.ศ.1944
คำว่า"คู่หู"นี่..ไม่เคยมีมานานแล้วแฮะ..ตั้งแต่อยู่ในนาซีเอมิลล์มักถามฉันอยู่เสมอว่าต้องการคู่หูมั้ย?แต่ฉันประฏิเสธไปทุกครั้งที่เขาถามคำถามนั้นออกมา คงเป็นเพราะฉันมีความสามรถเยอะเกินกว่าคนในกองทัพละมั้ง?คนที่ด้อยกว่าฉันแล้วมาทำงานร่วมกับฉันเนี่ย...มีหวังจะทำให้เป็นตัวถ่วงไปเปล่าๆแ ต่การที่ฉันมีคู่หูอย่างคาร์ลเนี่ยนะมันอาจทำให้ฉันคิดต่างไปกว่านั้นก็ได้...
"มีอะไรรึเปล่า ผู้หมวด"
คาร์ลหันมาถามฉันหลังจากที่อยู่ดีๆฉันก็หยุดเดินไปดื้อๆฉันเงยหน้าขึ้นมา
"เปล่า..."
คาร์ลรี่ตาลงก็จะหันกลับไปเมื่อกี่ฉันคิดว่าเขายิ้มนะ
"งั้นก็แล้วไป"
เขาหันหลังกลับไปอีกครั้งก่อนจะเริ่มเดินต่อทำไมวันนี้รู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้นะ..เหมือนกับอาการปวดหัว...แต่จะยังไงก็ช่างเถอะวันนี้ขอแค่อย่าให้เจอเรน่าอีกละกันละ
ฉันเดินตามหลังคาร์ลไปเรื่อยๆแบบไม่มีจุดหมายว่าจะเดินตามหลังเขาไปไกลเท่าไหร่ ฉันยกมือขั้นกอดอกตัวเองแล้วตัดสินใจเดินตามหลังคาร์ลอีกครั้งพลางมองสิ่งต่างๆรอบตัว ฐานนี้ก็กว้างดีอ่ะนะ
และแล้วฉันก็เดินผ่านทหารหญิงคนหนึ่ง
ผมสีแดงของเธอยาวประบ่ารอยยิ้มนั่นทำให้ฉันนึกถึงคนที่ฉันเคยเจอมาเมื่อวันก่อน...
เรน่า...เธออีกแล้วเหรอ...?
"ไงคะผู้หมวดดิฉันคิดว่าคุณตายตั้งแต่ภารกิจแรกแล้วซะอีกนะคะ"
คำพูดพวกนั้นทำให้ฉันฉุนขึ้นมาทันที ฉันหันไปที่เรน่าแต่หล่อนหายไปแล้วเดินไปไหนแล้วนะเนี่ยยัยแม่มดนี่
"อย่าไปใส่ใจจ่าฮิลล์เลย ผู้หมวด..."
"อะไรนะ?"
ฉันหันกลับไปอีกครั้ง คาร์ลหยุดเดินก่อนที่จะหันมาหาฉัน
"หล่อนก็เป็นแบบนี้ละ น่ารำคาญใช่มั้ย"
"..."
คำตอบของฉันกลับกลายเป็นความเงียบ
แต่แล้วสายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นบางอย่างในมือขวาของคาร์ล สายสีทองบางอย่างที่อยู่ในมือของเขาดูคล้ายกับสร้อย มันคืออะไรกันนะ?
"ฉัน...ขอดูสร้อยเส้นนั้นหน่อยได้มั้ย"
ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าพูดอะไรออกไป คาร์ลหันมาก่อนที่จะชูสร้อยเส้นนั้นขึ้นราวกับให้ฉันดู
"สร้อยนี่นะเหรอ"
ฉันพยักหน้านิดหน่อย คาร์ลเอาสร้อยเส้นนั้นยัดใส่ในมือของฉันแล้วฉันก็ยกมันขึ้นมา สร้อยเส้นนี้เป็นสร้อยทองคำ มีไม้กางเขนสีทองอันเล็กๆอันหนึ่งอยู่ด้วย ฉันเคยเห็นสร้อยเส้นนี้ที่ไหนนะ มันคุ้นตามาก...
"คุณเอาสร้อยนี่มาจากไหน"
"ผมเชื่อว่าคุณไม่อยากให้ผมตอบคำถามนั่นหรอก"
"ก็ได้ คุณไม่ต้องตอบก็ได้"
ฉันพูดอย่างเอือมระอา ก่อนที่จะเดินไปข้างหน้าโดยไม่พูดถึงเรื่องภารกิจเลยซักคำ ฉันอยากไปถามคนที่เสนอให้ฉันทำภารกิจกับคาร์ลจริงๆเลย! ว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ หรือว่าเขาแค่เล่นสนุก คงอยากเห็นฉันกับคาร์ลกัดกันตลอดภารกิจละมั้ง?
"ผมเสนอขอเป็นคู่หูของคุณเองละ..."
"หึ..งั้นเหรอ เพื่ออะไรกันละ"
ฉันหันกลับไปเผชิญหน้าคาร์ลอีกครั้ง เขารู้ได้ยังไงว่าฉันคิดเรื่องนั้นอยู่ ฉันเคยได้ยินมาว่าคาร์ลน่ากลัวเพราะเขาสามรถอ่านใจคนได้ จิตวิทยาเหรอ? อัจฉริยะจังเลยเนอะ?
"คุณรู้รึเปล่าว่าผมอ่านใจคุณได้ยังไง"
"..."
"ท่าทางคุณมันฟ้อง"
โอเค...ก็ได้! ฉันยอมรับว่าคุณเก่งจริงนะคาร์ล แต่ในสงครามนรกนี่ คุณจะไปอ่านใจพวกนาซีที่อยู่ในสนามรบไม่ได้หรอกนะ ไม่แน่พวกนั้นอาจยิงคุณตายก่อนก็ได้ละ
"คุณลืมอดีตไปหมดรึยัง?ผู้-หมวด"
"อดีตอะไรมิทราบ"
"อย่าแกล้งทำเป็นไม่รู้หน่อยเลยน่า"เขาทำสีหน้าจริงจัง"อดีตระหว่างคุณกับผมไงละ"
"ฉันบอกตามตรงเลยนะว่า..."
"..."
"ฉันจำได้แค่คุณเข้ามาในห้องเรียนของฉันกับเพื่อนของคุณอีก2คนเท่านั้นละ"
"รู้สึกว่าคุณจะจดจำผมในด้านลบมากกว่าในด้านบวกนะผู้หมวด"คาร์ลพูดในระหว่างที่กำลังค้นเอกสารในมือ"ทำไมกันละ"
"จะบอกให้ก็ได้นะว่าทำไมฉันถึงจำคุณในเฉพาะด้านลบนะ"
"หืม?"
ฉันถอนหายใจเฮือกยาว...
ก่อนจะเริ่มพูด"เพราะว่า...คนอย่างคุณมีด้านลบมากกว่าด้านบวกไงละ พลตรีเบิร์ต คาร์ล"
เขาสีหน้าเปลี่ยนไปหลังจากได้ยินคำตอบ แล้วเขาก็หลับตาลงก่อนจะหัวเราะในลำคอ...ฉันมองเขาโดยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสงสัย แต่ในขณะเดียวกันฉันก็รู้สึกสยองในเสียงหัวเราะของเขานิดหน่อย
"คุณนี้ก็ตรงไปตรงมาดีนะ แอดเลอร์"คาร์ลยื่นเอกสารในมือให้ฉันก่อนจะพูดต่อ"โว้..ผมชอบนะ"
"...."
ฉันยื่นมือออกไปรับเอกสารนั่น ก่อนจะเปิดอ่านมันอย่างช้าๆ มีรูปถ่ายรูปหนึ่งถูกหนีบเข้ากับกระดาษอีกแผ่น รูปถ่าย
รูปนั้นปรากฏใบหน้าของชายคนหนึ่ง เขาอยู่ในทักซิโดสีดำ ในมือข้างหนึ่งถือแก้วไวน์เอาไว้ บุคคลในรูปคงถูกถ่ายภาพโดยไม่รู้ตัว เขาเสมองไปอีกด้านหนึ่ง เขาดูเป็นคนที่ค่อนข้างมั่นใจตัวเองมาก คงเหมือนคาร์ลละมั้ง?
"คุณรู้จักเขารึเปล่า?"
ฉันหันไปถามคาร์ล ซึ่งยืนพิงผนังห้องอยู่ข้างฉัน เขากอดอกแล้วก้มหน้าลง "ใครจะไม่รู้จักเขาละ..."คาร์ลลากเสียง
"...คิวานอฟ รูดอล์ฟ"
"นั่นสิ..."
ฉันก้มลงไปอ่านเอกสารอีกแผ่นหนึ่ง นั่นคือเป้าหมายของภารกิจนี้ ฉันค่อยเริ่มอ่านมัน แต่เมื่อเริ่มอ่านนั้น ฉันก็สังเกตเห็นบางอย่าง..
"ห๊ะ..?"
ฉันถึงกับร้องห๊ะด้วยความสงสัย ข้อความในเอกสารที่ฉันกำลังอ่านอยู่นั้น เขียนว่า"จับเป็น"
"บ้าชัดๆ"
คาร์ลเงยหน้าขึ้นมา"คุณพูดว่าอะไรนะ"
"คาร์ล ดูนี่สิ!"
ฉันยื่นเอกสารนั่นให้กับคาร์ล เขาหยิบมันไปอ่านอย่างสนใจ แต่แล้วฉันก็สังเกตเหห็นสีหน้าของเขาซึ่งเริ่มเปลี่ยนไป ฉันคิดว่าเขาคงรู้สึกเหมืนฉันในตอนนี้..แน่ๆ
หลังจากคาร์ลอ่านเสร็จ เขาสงมันคืนให้ฉันก่อนจะหัวเราะในลำคอ"จับเป็นตัวคิวานอฟ เยี่ยมเลย..."
"นั่นสินะ.."
ฉันเริ่มใช้สมองคิดถึงทางที่สามารถนำไปถึงตัวของคิวานอฟ แต่ไม่ว่าจะคิดหาวิธีอะไร มันก็ไม่คิดว่าน่าจะใช้ได้ผลเลยด้วยซ้ำ ทางเดียวที่สามารถแก้ปัญหานี้คือ...
"ฉัน.."
"..."
ฉันสูดหายใจเข้าก่อนจะพูด
"เราต้องไปหาผู้พันเจสัน"
"เพื่ออะไร"
"เปลี่ยนเป้าหมายของภารกิจไง!"
ฉันพูด คาร์ลมองหน้าฉัน ก่อนจะกระตุกยิ้ม"เหรอ"
"ก็ใช่นะสิ เราน่าจะเปลี่ยนเป้าหมายจากการจับตัวเป็นการสอดแนมก็ได้นี่"
"เสียเวลา..."
ฉันเงยหน้าขึ้น คำพูดของคาร์ลเมื่อกี้ทำให้ฉันถึงกับสะอึก ที่พูดแบบนั้น คงหมายความว่าเขามีความคิดที่ดีกว่านี้สินะ ไหนลองบอกฉันมาหน่อยว่า คุณมีความคิดยังไง...คาร์ล
"คุณมีความคิดที่ดีกว่านี้รึไง"
"คุณไม่เห็นจะต้องเดินไปหาเจสันเลยนี่"เขายื่นมือมาจับเอกสารในมือฉัน"ผมอยู่นี่แล้ว"
"งั้น...ช่วยหน่อยสิ"
เขายิ้มอีกครั้ง ก่อนจะเอามือล้วงบางอย่างในกระเป๋าเสื้อ เขาหยิบมันขึ้นมา สิ่งนั้นคือ...ไฟแช็ก....
ไฟแช็กเหรอ?เขาเอามันมาเพื่ออะไรกัน
"ผมขอเอกสารนั่นหน่อย"
"ด..ได้สติ"
เขาหยิบเอกสารในมือฉันไปกก่อนที่จะเริ่มจุดไฟแช็ก ฉันมองสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะเอาไฟแช็กในมือลนเอกสารนั่น...
...เดี๋ยว! สิ่งที่เขากำลังชนำอยู่
มันฆ่าตัวเขาเองได้เลยนะ!!
"เดี๋ยวสิคาร์ล! คุณทำอะไรของคุณน่ะ!?"
เปลวไฟสีส้มแดงจากไฟแช็กของคาร์ล ค่อยๆลามไปเรื่อยๆ เหมือนกำลังกัดกนกระดาษแผ่นนั้น...คาร์ลปล่อยกระดาษแผ่นนั้นลงพื้นคอนกรีต ก่อนที่มันจะมอดดับไปอย่างรวดเร็ว...
เวลาต่อมา
"นี่คุณทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย
พันตรีเบิร์ต คาร์ล!!?"
ผู้พันเจสันถึงกับโวยวายเมื่อรู้เรื่องที่เกิดขึ้น การทำลายเอกสารสำคัญอาจมีโทษที่แสนสาหัส แต่ฉันไม่เคยโดนโทษนั้นเลยด้วยซ้ำ แต่ครั้งนี้...กลับเป็นคาร์ลแทน
"ดิฉันต้องขออภัยแทนคู่หูของดิฉันด้วยนะคะ ผู้พัน..."
"แค่ขอโทษมันไม่พอหรอกนะ ผู้หมวด"เขาหันไปหาคาร์ล"มันต้องชดใช้"
ฉันก้มหน้าลงเหมือนสำนึกผิด ทั้งๆที่ไม่ได่ทำผิดด้วยตัวเอง ฉันหันไปหาคาร์ล... เขาก้มหน้าลงเชกเช่นเดียวกับฉัน. แถมเขายังไม่เปิดปากพูดอะไรเลยด้วยตั้งแต่มาอยู่ในห้องนี้ ฉันสังเกตว่าสีหน้าของคาร์ลดูเครียดๆนะ เขาคงไม่เป็นอะไรหรอก
ใช่มั้ย?...
"ตอนนี้.."
"..."
"งานของพวกคุณจบแล้ว"
"แต่ท่านคะ..."
"ไม่แต่ผู้หมวด!"
ฉันก้มหน้าลงอีกครั้ง การทำลายเอกสารสำคัญมีผลต่อคาร์ลและมีผลต่อฉันเป็นอย่างมาก เพราะในเอกสารนั้นมีข้อมูลเกี่ยวกับตัวคิวานอฟเหลืออยู่แค่แผ่นเดียว ทั้งประวัติและอีกหลายอย่างที่ฉันยังไม่ได้อ่าน แต่ว่า...มันก็โดนทำลายไปแล้ว
"พวกคุณต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ ไปหาตัวคิวานอฟ แล้วก็จับตัวมันมาซะ"ผู้พันเจสันย้ำ"ถ้าทำไม่ได้ ก็ไปอยู่กับอังกฤษ"
23.34 AM
ฉันและคาร์ลนั่งอยู่บนประตูบรันเดนบูร์ก ฉันหยิบกล้องขึ้นส่องตามตึกและถนนเป็นระยะๆ แต่ไม่มีใครเลย ว่างเปล่า
คาร์ลดูนิ่งเงียบผิดปกติ เขาเอาแต่นั่งมองโบสถ์ตรงหน้าที่อยู่ห่างไกลจากสายตาจนเกือบจะมองไม่เห็น ฉันรู้ดีเราไปที่โบสถ์นั่นไม่ได้ เพราะที่นั่นเป็นอาณา-
เขตของพวกนาซี ยิ่งเข้าไปใกล้แค่ไหน พวกนั้นมีสิทธิ์รู้ตัวมากยิ่งขึ้น และอาจตามหาเราได้
"ผมจะไปตรงนั้นหน่อย"
ตึก...
คาร์ลกระโดดลงจากที่ๆตัวเองอยู่ลงพื้น ฉันรีบเก็บกล้องก่อนที่จะชะเง้อลงไปข้างล่าง คาร์ลยิ้มให้ฉันเป็นนัยๆ ก่อนที่จะวิ่งไป และจุดมุ่งหมายของเขาก็คือโบสถ์ตรงหน้า!
"ด..เดี๋ยว คุณจะไปไหนน่ะ"
ตึก...
ฉันรีบกระโดดลงจากที่ๆนั่ง
อยู่ ก่อนที่จะวิ่งตามคาร์ลไป เขาวิ่งไปตามถนน แล้วเขาก็หยุดวิ่งเมื่อใกล้อาณาเขตของพวกทหาร ฉันค่อยๆชะลอการวิ่งของตัวเอง
ก่อนที่จะเดินตามคาร์ลไป เขาหยุดตรงซากตึกก่อนจะหันหลังชิดกำแพง เขาค่อยๆชะเง้อออกไปนอกผนังบ้านที่ยืนอยู่
"คุณจะ...อุ๊บ!"
คาร์ลยื่นมือของตัวเองมาปิดปากฉันก่อนที่ฉันจะพูดจบด้วยซ้ำ เสียงฝีเท้าของทหารนาซีคนหนึ่งกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ ฉันได้ยินเสียงลมหายใจของทหารนายนั้นอย่างชัดเจน ถ้าเกิดฉันพูดประโยคเมื่อกี้จบ เขาคงได้ยินเสียงฉันแน่ๆ
การที่คาร์ลปิดปากฉันก็คงเป็นเพราะเขารู้ว่ามีทหารกำลังเข้ามาใกล้นี่เอง
ตึก..ตึก..
เสียงฝีเท้านั่นค่อยๆจางหายไป ฉันรีบแกะมือของคาร์ลออกจากปากตัวเองทันที ก่อนที่จะหันไปหาคาร์ล เขายังคงจับจ้องโบสถ์นั่นโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
ขนาดฉันกระซิบให้ได้ยิน เข้ายังไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้ ฉันก็เหมือนกับวิญญาณที่ไม่มีตัวตนแค่นั้นแหละ
"คาร์ล..."
ฉันกระซิบอีกครั้งเพื่อหวังจะให้คาร์ลได้ยิน คราวนี้เขาหันมามองฉัน แล้วหันกลับไปอีกครั้ง ฉันแอบถอนหาย
ใจพักหนึ่ง ความรู้สึกแบบนี้มันยังไงกันนะ...
"คาร์ล นี่คุณจะไปไหนเนี่ย?"
และแล้ว....คาร์ลก็หันมาอีกครั้งหนึ่ง "ภารกิจไงละ"
"นี่คุณคิดอะไรของคุณอยู่นี่ คิวานอฟไม่ได้อยู่ที่นี่ซักหน่อย!"
"ผมไม่ได้มาทำภารกิจของเจสันหรอกนะผู้หมวด"
"..หา..."
"ผมมาตามหาเบาะแสการตายของ ดร.ไคล์ต่างหากละ"
คำพูดของเขาทำให้ฉันนึกถึงวันที่เขาและฉันเจอกันอีกครั้ง แล้วเขาก็สัญญากับฉันว่าจะช่วยตามหาคนที่ฆ่าพ่อฉันด้วย ตอนนี้เขาเริ่มที่จะทำแล้วสินะ?
ฉันและคาร์ลค่อยๆย่องเดินเข้าไปใกล้อาคาร แต่ว่ามียามเฝ้าอยู่หน้าโบสถ์ ถ้าหากเดินเข้าไปใกล้กว่านี้ ยามนั่นต้องรู้ตัวแน่ และเราก็จะถูกจับได้ คาร์ลหยุดเดิน แล้วก้มลงหยิบก้อนหินก้อนหนึ่งที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด ก่อนที่จะขวางไปตรงพุ่มไม้
ที่อยู่ขึ้นอยู่ใกล้โบสถ์
แกร็ก...
"Was war das?"
ก้อนหินก้อนนั้นตกอยู่ตรงพุ่มไม้ ทหารนาซีที่นั่งเฝ้าประตูโบสถ์เดินไปดูด้วยความสงสัย เขาก้มลงดูแถวๆพุ่มไม้อย่างสนใจ และลละเลยหน้าที่ของตนโดยไม่รู้ตัว ในระหว่างนั้น คาร์ลและฉันก็เคลื่อนตัวเข้าโบสถ์อย่างรวดเร็วโดยไม่มีการปะทะ
ใดๆทั้งสิ้น
พวกเราเข้ามาในตัวโบสถ์ เห็นจิตรกรรมที่อยู่ตรงผนังโบสถ์ แต่กลับถูกฉาบไปด้วยเลือดสีแดง ราวกับสังเวยชีวิตให้สถานที่แห่งนี้ ตรงหน้าของเราคือธงสวัสติกะนาซีขนาดใหญ่ พื้นหลังของธงเป็นสีแดงเหมือนเลือด และรูปร่างบางอย่างที่ดูคล้ายกับรูปกากบาท มันมีสีดำต่างจากพื้นหลังสีแดงของมัน
"รีบขึ้นไปชั้นสองก่อนดีกว่านะ"
คาร์ลพูดก่อนที่จะค่อยๆย่างก้าวเดินขึ้นบันไดอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้มีเสียง ฉันก็เหมือนกัน เราต้องรีบขึ้นไปชั้นสอง...สำรวจให้ได้ข้อมูลบางอย่างแล้วค่อยกลับ
และในที่สุด เราก็ขึ้นบันไดมาจนถึงชั้นๆ ซึ่งมันเป็นชั้นโล่งๆ ดูเหมือนธรรมดา แต่ฉันเชื่อว่า...ชั้นนี้ต้องมีอะไรที่ไม่ธรรมดาแน่ๆ
ตึก...
"เสียงอะไรน่ะ"
คาร์ลพูดก่อนที่จะหันไปรอบๆตัว เพื่อหาที่มาของเสียงนั่น
"ฉันไม่รู้"
ตึก...
อีกแล้ว...
"แอดเลอร์ ไปตรวจสอบดูซิ"
"รับทราบ"
ฉันเดินแยกออกมาจากคาร์ล แล้วค่อยๆหยิบปืนพกขึ้นมา ตอนนี้หน้าที่ของฉันคือ หาที่มาของเสียงนั่น แล้ว
กลับมารายงานคาร์ลที่อยู่ตรงทางเดินนั่น...
ตึก...ตึก...
ฉันค่อยๆย่องเดินไปหาที่มาของเสียงนั่น มันอาจอยู่แถวนี้ก็ได้ ใกล้ตัวเรา...แต่เราอาจมองมันไม่เห็น
ตึก...ตึก...
ตอนนี้ ฉันรู้สึกว่าเสียง ปริศนานั่นจะดังขึ้นมาใกล้ตัวฉันมากยิ่งขึ้น ฉันพยายามมองหาที่มาของเสียงนั่น แต่ไม่ว่าหันไปทางไหน ก็ไม่เจอต้นกำเนิดเสียงนั่นเลย ตอนนี้ฉันได้แค่ถามตัวเองเท่านั้นว่า นั่นคือเสียงอะไร?
และแล้ว ฉันก็เดินมาถึงจุดสิ้นสุดของทางเดิน ข้างหน้าของฉันดูเป็นรูปร่างเหมือนนาฬิกาที่โดนระเบิดหายไปครึ่งหนึ่ง ฉันเดินไปชะโงกดูด้านนอกของนาฬิกานั่น มันคือซากตึกและซากบ้านที่เต็มไปด้วยไฟที่ลุกโชนเต็มหลังคา และสิ่งที่ฉันสนใจมากที่สุดก็คือ แคมป์ของพวกนาซีที่ตั้งอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่
ฉันรีบหยิบกล้องที่
แควนอยู่ที่คอขึ้นมาส่องดูทันที ดูเหมือนว่านาซีพวกนั้นกำลังเฉลิมฉลองกันอยู่เลยละนะ บางคนยืนผิงไฟ บางคนก็นั่งกินอาหารอย่างมูมมาม ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าเสียงนั่นหายไปแล้ว
ควับ!
อะไรบางอย่างที่ดนใจให้ฉันหันกลับไปที่ด้านหลังของฉัน มันมีประตูอยู่บานหนึ่ๆ ฉันรีบเดินเข้าไปที่ประตูบานนั้นทันทีแล้วหมุนลูกบิดแต่ทว่า มันกลับหมุนไม่ออก...
"ให้ตายสิ"
ฉันลุกขึ้นก่อนที่จะเดินหาวัสดุที่สามารถใช้สะเดาะกลอนลูกบิดนก็ได้ ฉันเดินไปรอบๆบริเวณนั่น แล้วก็สะดุดตากับบางสิ่งบางอย่างที่ตกอยูบนพื้น มันคือเศษเหล็กเส้นเล็กๆ ได้การละ! ถ้ามีอีกซักเส้นนึงก็สามารถเปิดประตูนี่ได้แล้ว...
ฉันเดินหาเศษเหล็กนั่นอีกครั้งแต่ทว่า...กลับเจอที่คีบอันเล็กแทน ฉันหยิบที่คีบนั่นขึ้นมา ก่อนที่จะหมุนดูรอบๆตัวของมัน ถ้าหากเราใช้ที่คีบนี่สะเดาะกลอนได้ละ? ลองดูน่าจะดีนะ
แกร็ก...แกร็ก!
สำเร็จ!
ฉันค่อยๆหมุนลูกบิดประตู ก่อนที่จะเปิดแง้มเข้าไป ฉันหยิบปืนขึ้นมา นิ้วชี้เตรียมพร้อมที่จะเหนี่ยวไกได้ทุกเมื่อไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
...
ห้องนี้มันว่างเปล่าชัดๆ ฉันคิด ก่อนจะลดปืนลงแล้วเดินไปรอบๆห้อง ดูเหมือนว่าห้องนี้จะเป็นห้องธรรมดาทั่วไป หากมองเผินๆก็จะมองไม่เห็นอะไรที่พิเศษเลยซักนิด แต่ว่าเราควรมองให้ลึกกว่านี้ละนะ...
หมับ!
ควับ! แกร็ก..
ฉันรีบหันไปทันทีพร้อมกับปืนที่จ่อหน้าคนที่มาจับไหล่ฉันเมื่อครู่ แต่ถ้าเขาคนนั้นไม่ใช่คาร์ลละก็ฉันคงยิงหัวเละไปนานแล้วละ
"ผมเอง"
"คาร์ล?
ฉันค่อยๆลดปืนที่จ่ออยู่กับหัวของเขาลง ก่อนที่จะเดินไปรอบๆห้องอีกครั้งหนึ่ง เพื่อหาอะไรก็ได้ที่เป็นประโยชน์
"เก่งดีนี่ สะเดาะกลอนเป็นด้วยนะ ผู้หมวด"คาร์ลพูดพลางเดินไปยังโต๊ะที่ตั้งอยู่มุมห้อง
"ขอบคุณ ฉันยินดีจะไม่ถือสาเรื่องที่คุณเกือบทำให้ฉันลั่นไกปืนใส่สองคุณเมื่อกี้"
"..เจออะไรบ้างมั้ยละ?"
"ว่างเปล่า"
ฉันเดินวนไปที่ชั้นหนังสืออีกครั้ง ก่อนจะดูตรงด้านหลังชั้นหนังสือ มันถูกตัดเป็นช่องขนาดใหญ่เอาไว้
ฉันพยายาเอื่อมมือไป แต่มันเอื่อมไม่ถึง โอเค..งั้นชั้นต้องลากชั้นหนังสือดีออกจากผนังสินะ แต่ว่าฉันลากคนเดียนไม่ไหวหรอก เพราะชั้นหนังสือนี่มัน...ใหญ่ชะมัด
"ดูเหมือนว่าคุณจะมีปัญหานะ ผมช่วยอะไรได้บ้างละ"
"โอเค..งั้นช่วยฉันลากชั้นหนังสือนี่ออกหน่อย"
คาร์ลพยักหน้า ก่อนจะเดินตรงไปยังชั้นหนังสือ แล้วจับมัน ฉันจับที่มุมของชั้นหนังสือ ก่อนที่จะลากมันออกมาโดยให้เสียงเบาที่สุด
ครืด....ครืด.....
ฉันเดินเข้าไปตรงช่องหลังชั้นหนังสือ ก่อนจะก้มลงดูภายในช่องนั่น มันคือที่เก็บตู้เซฟนั่นเอง ฉันรีบยื่นมือจะเข้าไปหมุนเซฟทันที แต่ว่าเราต้องมีรหัสเซฟ...
แล้วรหัสเซฟนั่นอยู่ไหนละ?
"ผมว่าคุณต้องมาดูนี่หน่อยแล้วละ"
"...อะไร"
คาร์ลยืนอยู่ที่โต๊ะ เขาก้มหน้ามองบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะนั่น
ฉันเดินเข้าไปดูว่ามันคืออะไร แต่กลับกลายเป็นว่า สิ่งนั้นคือสมุดจดเก่าๆเล่มหนึ่ง
เดี๋ยวสิ! มีลอยลบนี่...
ดูเหมือนว่าคาร์ลเดินไปหยิบดินสอเล่มหนึ่งที่ล่วงอยู่ใต้โต๊ะ เขาหยิบมันขึ้นมา ก่อนที่จะระบายดินสอลงบนกระดาษแผ่นนั้น
"ถึงจะเป็นวิธีล้าสมัย แต่ก็น่าจะใช้ได้นะ..."เขาพูด ในระหว่างที่ระบายดินสอลงบนกระดาษ
แกรก...แกรก....
ท่ามกลางความเงียบ เสียงดินสอที่คาร์ลใช้ระบายอยู่นั้นดังไปทั่วห้อง แต่ที่แน่ๆ...บนกระดาษนั่นค่อยๆเผยตัวอักษรที่โดนลบไปขึ้นมาอย่างชัดเจน...
1917...
ตัวเลขเหรอ...?
"รหัสเซฟ"
คาร์ลเดินไปที่ตู้เซฟนั่น ก่อนจะหมุนตัวเลขที่ได้ลงไป เขาค่อยๆหมุนอย่างใจเย็นทั้งๆที่รีบอยู่
...และมันได้ผล...!
แกร๊ก!
คาร์ลเปิดตู้เซฟอย่างช้าๆ ก่อนที่จะยื่นมือเข้าไปหยิบสิ่งของบางอย่างในตู้เซฟ แล้วเอามันออกมา...สิ่งที่ฉันเห็นคือ ซองเอกสารซองหนึ่ง มีอะไรอยู่ในนั้นกันนะ?
คาร์ลยื่นซองเอกสารซองนั้นมาให้ฉันเหมือนกับจะให้ฉันเปิดมันดูด้วยตัวเอง ฉันรับซองเอกสารนั่นมาจากมือเขา ก่อนที่จะเปิดมันดู แล้วล้วงมือเข้าไปในซอง ความรู้สึกของฉันในขณะที่สำผัสกับสิ่งที่อยู่ในซอง มันเหมือน...กระดาษแผ่นเล็กๆจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในซองนี้
ฉันเทซองเอกสารลงบนโต๊ะ แล้วปรากฏว่ามันเป็น...รูปถ่ายจำนวนมาก ฉันหยิบรูปๆหนึ่งขึ้นมา บุคคลในรูปนั่น ก็คือ..ฉันเอง...!
ฉันวางรูปของฉันลงบนโต๊ะก่อนที่จะหยิบรูปอีกใบขึ้นมา แล้วมันทำให้ฉันสะดุ้งมากกว่าเดิมเมื่อรูปนั้นคือ..รูปของคาร์ล
"นี่มันอะไรกันเนี่ย?"
ฉันพูดก่อนจะวางรูปของคาร์ลลง ฉันพยายามลื้อรูปถ่ายใบอื่นขึ้นมาดู แต่มันมีแค่รูปฉันกับรูปของคาร์ลเท่านั้น คาร์ลดูมีสีหน้าเปลี่ยนไปนิดหน่อยหลังจากก้มลงดูรูปของตัวเอง เขาหันมาทางฉันพร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยเช่นเดียวกับฉัน
"หยุดเดี๋ยวนี่นะ! ยกมือขึ้นแล้วถ่อยห่างจากโต๊ะเดี๋ยวนี้!"
ฉันหันกลับไปทางเสียงเล็กแหลมคล้ายเสียงผู้หญิงนั่น ฉันยิ่งตกใจมากกว่าเดิมเมื่อเจ้าของเสียงนั่นคือ...
"นาตาชาร์!?"
----------------
ความคิดเห็น