ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    War and Sacrifice : Route to the War

    ลำดับตอนที่ #18 : Red dress. หญิงสาวชุดแดง

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ย. 58


              “เอลิซเบธ”

              ...

                “นี่คุณได้ยินผมไหม”

              ...

                “ผู้หมวดแอเลอร์!

                “คะ!?”

                ฉันสะดุ้งตื่น เสียงเรียกเมื่อกี้ทำให้ฉันได้สติกลับมาอีกครั้ง  นี่ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย? ตั้งแต่สิบนาทีที่แล้วฉันก็เอาแต่นั่งจ้องกลุ่มคนตรงหน้าที่ยืนคุยกันอยู่โดยไม่ละสายตาเลย รู้สึกเหมือนกับสติหลุดลอยไปยังไงอย่างนั้น ภารกิจที่ฉันกำลังทำอยู่ในตอนนี้คือการคุ้มกันด็อกเตอร์ฟองชัวส์ ราฟาเอล นักวิทยาศาสตร์จากฝรั่งเศสที่ตอนนี้ยาซีกำลังจับตาดูเขาอยู่ซึ่งเป็นภารกิจที่ถ้าหากพลาดขึ้นมา ต้องแลกด้วยชีวิตของด็อกเตอร์ และฉันจะทำพลาดไม่ได้

                ตอนนี้เราอยู่ในงานเลี้ยง ฉันได้แต่นั่งจับตามองเขาไว้โดยไม่ให้คลาดสายตา ฟองชัวร์ค่อนข้างจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งมากที่สุดคนหนึ่ง และเข้าก็ได้รับเชิญมาในงานเลี่ยงแห่งนี้ ซึ่ง...เราจะปล่อยให้เขามาคนเดียวไม่ได้เด็ดขาด เพราะมันเสี่ยงเกินไป ฉันมากับเขาในฐานะผู้ช่วยเอลิซาเบธ เจ.วิลเลี่ยม ฉันกำชับเขาตั้งแต่ก่อนจะเข้ามาในงานว่า ห้ามดื่มอะไรทั้งสินที่อยู่ในงาน เพราะฉันต้องป้องกันเขาไม่ให้ดื่มสิ่งที่มีบางอย่างปะปนมาเช่น ยาพิษ หรืออะไรทำนองนี้ และสอง...ต้องบอกเสมอว่าจะไปไหนและไปกับใคร ข้อนี้ทำให้ฉันคิดว่าตัวเองดูเหมือนพี่เลี้ยงเด็กเลยล่ะ และสาม...ห้ามขัดคำสั่งของฉันเป็นอันขาดถ้าไม่อยากตาย

                “นี่...ผมขอไปดื่มกับเพื่อนได้ไหมครับผู้หมวด”เขาสะกิดเรียกฉันเหมือนเด็ก ก่อนจะชี้ไปทางกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งซึ่งนั่งกวักมือเรียกเขาอยู่

                “กฎข้อสุดท้ายที่ดิฉันพูดไปคืออะไรคะ”

                “ห้ามขัดคำสั่ง แต่คุณไม่ได้สั่งให้ผมอยู่ที่นี่ตลอดจริงไหม ผมมีสิทธิ์ที่จะไปอยู่กับเพื่อนได้นี่ผู้หมวดไอ้พวกนั้นมันไม่ทำอะไรผมหรอก และอีกอย่างนะ...”

                “พอแล้วคะ”ฉันพูดอย่างรำคาญ”ให้เวลาสิบนาที”

                “โธ่—สิบนาทีคงไม่ได้พูดเลยซักคำเลยมั้งครับ”

                ฉันหยิบนาฬิกาพกเรือนเดิมขึ้นมาดู”เหลือเวลาอีกเก้านาที ห้าสิบสามวิ”

                “โอเคๆ สิบนาทีก็ได้ครับ”

                ด็อกเตอร์ลุกขึ้นเดินไปยังกลุ่มเพื่อน ฉันหัวเราะเบาๆก่อนจะเก็บนาฬิกาลง แล้วหยิบแก้วไวน์ที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมาจิบนิดหน่อยก่อนจะวางลง ถึงแม้จะห้ามด็อกเตอร์เอาไว้ว่าไม่ให้ดื่มอะไรทั้งสิ้น แต่ฉันก็ต้องห้ามตัวเองไว้เหมือนกัน ฉันก้มลงมองตัวเองที่อยู่ในชุดเดรสสีแดงเลือดนก ฉันก้มมองมือตัวเองที่คลุมด้วยถุงมือสีขาว เดียน่ากับเจนเป็นจัดชุดเดรสตัวนี้ไว้ให้ฉัน และพวกหล่อนก็แต่งหน้าให้ฉันด้วย ตอนแรกฉันปฏิเสธแทบตายแต่สุดท้ายก็เลี่ยงไม่ได้อยู่ดี ในตอนนั้นเจนกำลังจะรวบผมฉันขึ้นเกล้าเอาไว้ แต่ฉันปฏิเสธ พร้อมกับพูดว่า “บางครั้งให้ฉันเป็นตัวของตัวเองบางก็ได้นะ” ทำให้สองคนนั่นพากันขำใหญ่ พากันพูดด้วยเสียงเดียวกันว่าฉันเหมือนคาร์ล เหอะ...ฉันไม่มีวันเหมือนเขาหรอก

                ฉันยังจำคำพูดของผู้พันเจสันได้ขึ้นใจ...

                “เบิร์ตจะไปกับคุณด้วย และเขาจะเข้าไปอยู่ในงาน ทำภารกิจเหมือนกับคุณ แต่คุณจะไม่เห็นเขา...ผมอยากให้คุณจำไว้เสมอว่า เขามองคุณอยู่ทุกฝีก้าวที่คุณเดิน”

                นี่แหละ..มันถึงทำให้ฉันเครียด ความจริงแค่ฉันคนเดียวก็ไหวแล้ว แต่เขายังคงยืนกรานที่จะส่งคาร์ลมาด้วย ตอนนี้ฉันยังไม่เห็นเขาเหมือนที่เจสันพูด แต่อีกไม่นานหรอก เขาจะโผล่หัวออกมาให้ฉันเห็นเอง...

                “เหลืออีกหกนาที”ฉันพูดกับตัวเอง ในขณะที่ยังคงจับจ้องไปยังนาฬิกาพกในมือ

                เบื่อชะมัด นี่ฉันต้องนั่งเฝ้าฟองชัวส์แบบนี้อีกนานเท่าไรเนี่ย นั่งเฉยๆนี่ไม่เท่าไรหรอก แต่ต้องห้ามตัวเองไม่ให้ดื่มไวน์ของโปรดนี่แทบจะทำให้ฉันเสียสติเลยล่ะ ฉันหันมองไปรอบๆตัวเอง ผู้คนแต่งกายด้วยชุดสวยงาม เสียงดนตรีที่ดังขึ้นเบาๆราวกับเป็นเพลงกล่อมเด็ก เสียงคุยจอแจที่ดังมาจากกลุ่มของผู้หญิงที่ยืนอยู่ไม่ไกล และฉันก็เผลอมองขึ้นด้านบนที่มีระเบียงอยู่ น่าแปลกที่ฉันยังคงจับจ้องคนๆหนึ่งที่ยืนอยู่บนนั้น สายตาของฉันมองเห็นเป็นลางๆ ดูเหมือนว่าตอนนี้ฉันต้องใช้แว่นแล้วล่ะ
                   ฉันหยิบแว่นออกมาจากกระเป๋าหนังโง่ๆที่ถืออยู่ก่อนจะเอามาสวม เลนส์แว่นช่วยขยายให้ฉันมองเห็นเขาได้ชัดเจนขึ้น ความจริงฉันไม่น่าลงสนามเลยถ้าสวมแว่นแบบนี้ แต่ยังไงก็ตามการอยู่ช่วยเรื่องข้อมูลในฐานทัพก็ไม่ได้ช่วยให้ฉันมองไกลได้เหมือนกัน สู้ออกมาฝึกมองน่าจะดีกว่านะ
                  ฉันจ้องมองไปยังเขาพักหนึ่ง...
                   บ้าเอ๊ย...งานนี้หินกว่าที่คิดนะ
                   เขาค่อยๆเดินไปที่อื่น เหมือนกับหลบไม่ให้ฉันเห็นยังไงอย่างนั้น ฉันดูจากท่าเดินก็รู้แล้วว่าใคร...วูล์ฟฟ์นั่นเอง แบบนี้สินะที่เขาถึงส่งฉันมาคนเดียวไม่ได้ นาซีเดินกันเต็มงานแบบนี้....ฉันเริ่มมองไปรอบๆ ที่นี่ไม่ได้มีแค่นาซีอย่างเดียว พวกรัสเซียที่ฉันคับคล้ายคับคลาเคยเห็นพวกนั้นในเครื่องแบบตอนทำภารกิจอื่นก็มารวมอยู่ตรงนี้ด้วย ถ้าฉันหรือคาร์ลโดนเจอตัวละก็...งานนี้พังแน่นอน
            "คุณคือผู้ช่วยด็อกเตอร์ฟองชัวส์ใช่มั้ยครับ"
            เสียงเรียกนั่นทำให้ฉันหันไป ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในทักซิโดสีดำยืนอยู่ข้างๆโต๊ะที่ฉันนั่งอยู่พลางส่งรอยยิ้มมาให้ ดูแวบเดียวฉันก็รู้แล้วว่าเขาคนนี้เป็นอเมริกัน แต่เขามีธุระกับฉันเหรอ
           "ความจริงต้องเรียกว่าผู้หมวดแอดเลอร์ถึงจะถูกใช่มั้ยครับ"เขาค่อยๆเดินมานั่งบนที่ๆฟองชัวส์เคยนั่ง เขายิ้มให้ฉันอย่างอบอุ่นก่อนจะมองลงมายังแก้วไวน์ที่ฉันตั้งไว้บนโต๊ะ และพยายามที่จะไม่ดื่มมัน
          "ได้ข่าวว่าคุณเป็นรักไวน์นี่--แต่ทำไมไวน์ดีอย่างนี้ถึงยังเหลืออยู่เหมือนเดิมล่ะครับ"
           "ช่วงนี้ไม่ค่อยอยากดื่มเท่าไรน่ะค่ะ"ฉันพูดพลางยิ้ม ทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร
           "อ่า..ไม่ทราบว่าช้าไปรึเปล่า ผมชื่อไมเคิลครับ ไมเคิล แฮนสัน"
           เขายื่นมือของตัวเองมาจับมือของฉันเพื่อทำความรู้จัก
           "คุณรู้ชื่อฉันแล้วนี่ ฉันคงไม่ต้องแนะนำตัวก็ได้มั้ง"
           "ฮ่าๆ คุณนี่ตลกดีนะ ไม่เหมือนกับที่คนอื่นในฐานทัพบอกมาเลยว่าคุณไม่ค่อยหัวเราะ"
           "ไม่อยากเชื่อว่าคุณจะเป็นทหารนะคะ คุณดูเหมือนนักธุระกิจมากกว่า"ฉันพูดก่อนจะมองลงไปที่มือของเขา มีรอยผ้าพันแผลอยู่ด้วย
            "ใครๆก็เรียกผมว่าจ่าไมค์น่ะครับ คุณก็น่าจะเรียกผมแบบนั้นนะ...คุณผู้หญิง"
             ฉันยิ้มให้เขานิดหน่อย ฉันกำลังสังเกตว่าเขากำลังจะทำอะไรต่อ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นทหารอเมริกัน แต่ก็ไม่มีเหตุผลใดที่บังคับให้ฉันเชื่อใจเขานี่ เขามองฉันที่อยู่ในชุดสีแดงก่อนจะทำหน้าแปลกๆ
            "โอ้..วันนี้คุณ...สวยมากเลยครับผู้หมวด ผมโชคดีรึเปล่าที่เห็นคุณในชุดนี้"
           "ก็แล้วแต่คุณจะคิดค่ะ แล้วก็ขอบคุณนะคะ ว่าแต่นี่คุณมาเที่ยวหรือว่ามาทำภารกิจล่ะคะ ทำไมฉันถึงไม่รู้เลยว่ามีคุณมาทำภารกิจนี้ด้วย"
           "เอ่อ..ผม.."เขาเสมองไปทางอื่นก่อนจะหันกลับมาที่ฉัน"คือ ผมก็เข้าใจว่ามาทำภารกิจนี้คนเดียวซะอีก พอผมเดินมาที่นี่ก็เลยเห็นคุณน่ะครับ...เอ่อ..ผมเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับคุณมานิดหน่อยน่ะครับ"
            ฉันเผยอริมฝีปากขึ้นยิ้มให้เขา ถ้าทางแฮนสันจะรู้จักฉันเหมือนกันนะ เขารู้ว่าฉันชอบไวน์ ฉันคิดว่า..เขาคงศึกษาเรื่องของฉันไว้เยอะล่ะมั้ง แต่ว่า..ฉันรู้สึกชอบเขาขึ้นมานิดหน่อยแล้วล่ะ
            "เอ่อ--ได้เวลาผมไปหาเพื่อนแล้วล่ะครับ เอาไว้เจอกันโอกาสหน้านะครับ คุณผู้หญิง"
            "ค่ะ"
           เขายิ้มให้ฉันก่อนจะลุกเดินออกไป ฉันไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ บทสนทนาเมื่อครู่เป็นเหมือนกับน้ำผึ้งที่ชะโลมใจของฉัน นานเท่าไรแล้วที่ันไม่ได้รู้สึกแบบนี้...ให้ตายนี่ฉันคิดอะไรอยู่เนี่ย...ทหารคนนั้น..
          ไม่เอาน่าครีนัสตื่นได้แล้ว!
           ฉันยกมือขึ้นหยิกแขนตัวเอง ทำให้กลับมารวบรวมสติได้อีกครั้ง สิ่งแรกที่ฉันทำหลังจากที่สติกลับคืนมาคือการหยิบนาฬิกาพกขึ้นมาดู นี่มันเลยเวลาไปสี่นาทีแล้วนี่! ฟองชัวส์น่าจะกลับมาได้แล้วนะ ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปยังโต๊ะที่เขานั่งอยู่ เขายังคงคุยกับพวกเพื่อนๆอย่างสนุกสนาน สงสัยจะลืมเวลาล่ะมั้ง เฮ้อ...ให้ตาย กฏที่ฉันตั้งขึ้นไม่เคยอยู่ในหัวเขาเลยสินะ 
           ฉันละสายตาจากนักวิทยาศาสตร์คนนั้นก่อนจะหันมองไปรอบๆแทน ถ้าตอนนี้
    คาร์ลอยู่ด้วยเขาคงเสนอให้ฉันนั่งอยู่ที่เดิม การไปตามเขากลับมาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะฉะนั้นครั้งนี้ฉันคงจะทำตามสิ่งที่ฉันคิดดีกว่านะ แค่นั่งอยู่เฉยๆ...
           โอเค...ท่องไว้..แค่..อยู่เฉยๆ
            "โอ้ งั้นหรือคะ คุณคงมาจากเบอร์ลิน" 
            เสียงเล็กแหลมของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆฉัน มันดึงดูดให้ฉันหลุดจากสมาธิแล้วมองหามัน ผู้หญิงผมบลอนด์ทองยาวสยายในชุดเดรสสีน้ำเงินเข้าคนหนึ่งกำลังยืนคุยอยู่กับชายในชุดทักซิโด้สีดำอย่างสรวลเสเฮฮา หล่อนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้เขาเหมือนกับว่าเขาและเธอเป็นเพื่อนสนิทกันยังไงอย่างนั้น แต่แววตานั่น..แสดงให้ฉันเห็นว่าเธอหลงเขาจนโงหัวไม่ขึ้นมากกว่า 
             "เอ่อ..ไม่ทราบว่าคุณต้องการจะให้ดิฉันเป็นคู่เต้นรำของคุณรึเปล่าคะ"
             ฉันหัวเราะนิดหน่อยในคำพูดของหล่อน ผู้หญิงขอผู้ชายเต้นรำเหรอ...โลกกลับตาลปัตรไปหมดแล้วสินะ ฮ่าๆ
             "ขอโทษนะครับ แต่เอาไว้โอกาสหน้าดีกว่านะครับ"
             อ๊ะ...เสียงคุ้นหูนี่มัน...
             ฉันหันกลับไปอีกครั้ง ภาพที่เห็นหลังจากที่หันไปคือผู้หญิงคนนั้นที่ยืนยิ้มอยู่คนเดียว ส่วนชายในชุดทักซิโดคนเมื่อกี้ก็หายไปแล้ว สรุป..ฉันมาทำอะไรที่นี่กันแน่นะ ภารกิจหรือมาทำอย่างอื่นที่นอกเหนือจากนั้น
            คาร์ล?
            ใช่..อาจเป็นไปได้ แต่ทำไมต้องหลบหน้าฉันด้วยล่ะ? 
             "เอ่อ...คุณครับ นี่ของคุณรึเปล่า"
             ฉันหันกลับไปอีกครั้งตามคำเรียกของชายคนหนึ่ง เขายื่นบางอย่างมาให้ฉัน เมื่ิอดูดีๆก็พบว่า..นั่นคือนาฬิกาพกของตัวเอง ว่าแต่มันไปอยู่กับเขาได้ยังไงกัน
              "ใช่ค่ะ"
              "นี่ครับ ผมเห็นมันล่วงอยู่บนพื้น"
              ฉันยื่นมือไปรับนาฬิกา "ขอบคุณมากค่ะ ถ้ามันหายไปต้องแย่แน่ๆเลย"
              "ยินดีเสมอครับ"เขายิ้ม"เอ่อ...ไม่ทราบว่าคุณ..."
              "เอลิซาเบธค่ะ"ฉันยิ้มทักทายเขาตอบ"เอลิซาเบธ วิลเลี่ยม"
              "อ้อครับคุณวิลเลี่ยม ผมแอนเดอร์สัน"
              เขายื่นมือมาขอทำความรู้จักกับฉัน... แต่เดี๋ยวนะ..ฉันคิดว่ามันแปลกๆ
              "เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณแอนเดอร์สัน"
              "ครับอะไรครับ"
              ฉันเผยอมุมปากขึ้นก่อนจะหยิบนาฬิกาพกขึ้นมาดูอีกครั้ง เขาทำหน้างงและไม่รู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่ ถึงฉันจะเป็นผู้หญิงแต่ก็ไม่ได้โง่เหมือนกับคนอื่นนะ เอาของสำคัญฉันไปได้ยังไงกัน
             "คุณเอานาฬิกาพกของดิฉันไปสินะคะ"
             "คุณพูดอะไรของคุณครับคุณวิลเลี่ยม ทำไมคุณคิดแบบนั้นล่ะ"
             ฉันหัวเราะเบาๆ เขาคงคิดว่าฉันโง่จริงๆสินะ นายหลอกฉันไม่ได้หรอกแอนเดอร์สัน
            "นาฬิกาพกของฉัน..."ฉันลากเสียง
    "ราวๆห้านาทีที่แล้วฉันวางมันไว้บนโต๊ะ คุณคิดว่ามันจะล่วงไปอยู่บนพื้นได้ยังไงคะถ้าไม่มีคนเอาไป แล้วเอาคืนฉันอีกทีพร้อมกับพูดอย่างสุภาพบุรุษว่า เอ่อนี่ของคุณใช่มั้ย.."
            แอนเดอร์สันทำหน้างงมากขึ้นอีก ให้ตายสิเขาคงยังไม่รู้ละมั้งว่าฉันรู้แผนของเขาหมดแล้ว ความรู้สึกช้าจริง
            "มีอะไรเหรอเบ็ธ"
            ฟองชัวส์เดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับเรียกชื่อปลอมๆที่ฉันใช้ เขาเดินเข้ามาพลางมองไปยับแอนเดอร์สัน ฉันเงยหน้าขึ้นมองฟองชัวส์ ก่อนจะกลับไปจ้องหน้าแอนเดอร์สันด้วยสายตาอาฆาตแค้น เขาเดินออกไปอย่างสั่นๆและฉันก็มั่นใจว่าเขาจะไม่มารบกวนฉันอีก
           "มีอะไรเหรอครับผู้หมวด"ฟองชัวส์ยังคงถามคำถามเดิม
           "เขามาขอฉันเต้นรำทางอ้อมน่ะ ไม่มีอะไรหรอก"
           "อ้อมยังไงกัน"
           ฉันถอนหายใจยาว
           "คุณมาสายกว่าเวลาที่ฉันกำหนดนะ"
           "สายก็สายเถอะ"เขาเดินมานั่งที่เดิม"สายไม่ถึงห้านาทีเลยซะด้วยซ้ำ"
           ฉันหยิบนาฬิกาขึ้นมาจ่อใส่หน้าฟองชัวส์หลังจากที่เขาพูดจบ พูดมาได้ยังไงว่าไม่ถึงห้านาที 
          "เลยไปแปดนาทีแล้วค่ะ!"
         ฟองชัวส์ยิ้มแหยๆก่อนจะเสมองไปทางอื่น เขาคงคิดไม่ถึงว่าฉันจะจับเวลาเอาไว้สินะ 
          "โอเค ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ฉันอยากจะถามคุณว่า...ทำไมนาซีกับกองทัพแดงถึงอยากได้ตัวคุณมากขนาดนั้น"
          ฉันถามออกไป ผลงานการทดลองของฟองชัวส์คืออะไรฉันยังไม่รู้เลย แต่มันต้องมีค่าต่อทั้งสองฝ่ายนั่นแน่ๆ อาจเป็นสารเคมีอะไรแนวนี้ แต่ยังไงฉันก็ยังไม่แน่ใจนั่นล่ะ
          "ผมแค่ทดลองอะไรนิดหน่อยก็เท่านั้น"
          "ทดลองอะไร"
          "คือ..ตอนนั้นผมแค่แค้นไอ้พวกหนูที่มันมาลักกินชีสของผมก็เท่านั้นล่ะ"
           แค้นหนูที่มาลักกินชีสเหรอ มันไม่ใช่คำตอบที่เข้าท่าเลยนะดอกเตอร์
           "ผมก็แค่คิดแล้วก็สร้างมันขึ้นมากำจัดพวกหนูโสโครกเท่านั้นเอง มันอาจฟังดูงี่เง่านะผู้หมวด"
           "คุณใช้สารอะไรมาทดลองเป็นยาเบื่อหนูบ้างล่ะ"
           ฟังดูงี่เง่ามากเหมือนที่เขาพูดนั่นแหละ ไอ้พวกนั้นฆ่ากันตายเพราะแย่งยาเบื่อหนูเนี่ยนะ โครตขำเลยวะ
            "ก็มี..."
            ฟองชัวส์ทำท่าคิดอยู่นิดหน่อย
            "อะไรบ้าง"
            "ไซยาไนด์แล้วก็อะไรอีกน้า....ใช่มี.."
            "เดี๋ยวนะ"
            แอดเลอร์ยกมือขึ้นห้ามไม่ให้เขาพูดต่อ ทำให้ดอกเตอร์เกิดอาการสงสัยขึ้นมาโดยอัตโนมัติ และคงคิดอยู่ว่าเขาพูดอะไรผิดไปงั้นหรือ หญิงสาวก้มหน้าลงขบคิดกับส่วนผสมยาเบื่อหนูของฟองชัวส์ที่ได้รู้มาเมื่อครู่ ถ้าเธอฟังไม่ผิดส่วนประกอบแรกที่เขาพูดออกมา...ไซยาไนด์..นั่นมันยาพิษชนิดร้ายแรงที่ใช้ฆ่าคนได้ไม่ใช่เหรอ แต่เขาเอามาทำเป็นยากำจัดหนูที่ออกมาลักกินชีสของเขาแทน 
             "คุณเสียสติไปแล้วแน่ๆ นั่นมันใช้ฆ่าคนได้เลยนะ!"
             "ก็บอกแล้วไงว่าผมแค่ทดลองเล่นๆน่ะ"
             ทั้งคู่เงียบไปนาน ต่างฝ่ายต่างไม่เข้าใจอีกฝ่าย แอดเลอร์คิดซ้ำไปซ้ำมาถึงสิ่งที่ได้ ยินมาเมื่อครู่ ไซยาไนด์เป็นยาพิษที่ร้ายแรงที่สุดในโลก แต่เขากลับเอามันมาเป็นส่วนผสมยาเบื่อหนูเนี่ยนะ!? ให้ตาย เขาต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ ส่วนฟองชัวส์ก็ไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไรผิดไป หรือไม่เข้าใจว่าแอดเลอร์คิดอะไรอยู่ เขาก็แค่ทดลองเล่นๆเท่านั้นเอง..
           "ช่วยบอกหน่อยว่าเมื่อกี้ตอนที่คุณอยู่กับเพื่อนๆ คุณไม่ได้ทานอะไรเข้าไป"
           เขาเงยหน้าขึ้นมา"ครับแน่นอน"
           "ดี"
           หญิงสาวในชุดเดรสสีแดงพูดด้วยคำสั้นๆในขณะที่ก้มหน้าคิดต่อ นาซีจะเอายาพิษที่ฟองชัวส์ทดลองเล่นๆไปลอบฆ่าใครกัน แล้วทำไมต้อง...
           ดูเหมือนว่าความคิดของเธอต้องหยุดลงเมื่อคู่สนทนาของเธอพูดขึ้นอีกครั้ง
           "จะว่าไปเมื่อผมเจอผู้ชายแปลกๆ.."
           แอดเลอร์เงยหน้าขึ้น ความคิดเมื่อครู่เหมือนถูกเก็บไว้ในลิ้นชักเรียบร้อย ผู้ชายแปลกๆงั้นเหรอ..?
           "ใคร"
           "เขาคงเป็นคนรัสเซีย"ฟองชัวส์ตั้งสมมติฐาน"เขาหน้าเหมือนกับคนที่พวกคุณตามหาอยู่--ตอนที่ผมอยู่กับเพื่อนเขาเดินมาชนผม"
           คิวานอฟ...งั้นเหรอ
           แอดเลอร์เริ่มใช้ความคิด--ถ้าเกิดเป็นเขาจริง...ที่นี่ก็คงไม่ปลอดภัยสำหรับฟองชัวส์แล้ว
          หญิงสาวเริ่มมองหาชายที่เข้ามาคุยกับเธอเหมือนครู่อย่างร้อนรน ตอนนี้เธอต้องพาฟองชัวส์ไปที่เขาก่อนเพื่อความปลอดภัย ถ้าคิวานอฟอยู่ที่นี่...ในงานนี้...และนาซีก็อยู่ที่นี่ด้วย ภารกิจนี้คงไม่ได้ง่ายเหมือนที่เธอคิดแล้วล่ะ...
           "ฉันจะพาคุณไปหาเขาเอง"
           "เขา..เขาไหน"ฟองชัวส์ามด้วยสีหน้าสงสัย
           แอดเลอร์จงใจที่จะไม่ตอบคำถามเขา เธ ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปหาจ่าคนที่เข้ามาคุยกับเธอเมื่อครู่ ส่วนฟองชัวส์ก็ตัดสินใจที่จะเดินตามหลังเธออย่างไร้ทางเลือก ไมค์ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้า แอดเลอร์รีบสาวเท้าเข้าไปหาเขาทันที 
          "ไมค์"เธอเรียกเขา ทำให้ไมค์หันมาทันทีตามเสียงเรียก
          "ครับมีอะไร..."
          "คุณต้องพาฟองชัวส์กลับไป เดี๋ยวนี้!"
          หญิงสาวพูดกับเขาอย่างรีบร้อน ทำให้ชายหนุ่มเองยิ่งไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูดมากขึ้นอีก 
          "ใจเย็นๆครับผู้หมวด คุณหมายความว่าอะไรนะครับ?"
          แอดเลอร์ถอนหายใจ
          "ที่นี่..มันไม่ปลอดภัยสำหรับฟองชัวส์แล้วล่ะ! ทั้งนาซีที่เดินเพ่นพล่านไปทั่วงานเลย หนักกว่านั้นคือ...คิวานอฟอยู่ที่นี่"
          ไมค์เริ่มีสีหน้าเปลี่ยนไป"อะไรนะครับ... บุคคลอันตรายอย่างนั้นอยู่ในนี้เหรอ"
           "ใช่แล้วจ่า! คุณต้ิงพาเขาออกไปเดี๋ยวนี้เลย ฉันต้องตามหาคู่หูของฉันให้เจอก่อน ไม่งั้น..งานนี้พังแน่"
           เขาพยักหน้ารับหญิงสาวก่อนจะเข้าไปบอกกับฟองชัวส์ 
           "ผมจะพาคุณกลับไปนะครับดอกเตอร์"
           ไมค์พาตัวเขาออกไปแล้ว หญิงสาวยังคงวนเวียนหาคู่หูของเธออยู่ที่เดิม เธอไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน การจะเดินหาเขาในที่ที่คนเยอะแยะแบบนี้ต้องใช้เวลานานแน่นอน แต่ดูเหมือนว่าในเวลาอันน้อยนิดแบบนี้ การตามหาคนๆหนึ่งในหมู่คนด้วยวิธีการเดินหาธรรมดาๆ จะเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมที่สุด แอดเลอร์ตัดสินใจเดินหาเขาให้เจอ โดยเริ่มหาจากมุมที่นั่งก่อนแล้วค่อยขึ้นไปหาบนระเบียง ค่อยๆหา เดี๋ยวก็เจอเองล่ะน่า.. เธอพูดกับตนเอง
            "ว้ายตาย! ซื้อแหวนใหม่อีกแล้วเหรอ!?"
            "แหม! แหวนนี่ปีเตอร์ซื้อให้น่ะ สวยใช่มั้ยล่า..เพชรนี่อะความารีนเชียวนะ!"
            "เธอนี่น่าอิจฉาจริงๆเลยคลาร่า!"
            เสียงเหล่ามาดามสองคนที่คุยกันดังเข้ามาในโสตประสาทของแอดเลอร์จนเลี่ยงไม่ได้ที่จะหันไปดูคนพวกนั้น แหวนที่ประดับด้วยอัญมณีสีฟ้าราวกับน้ำทะเลถูกขนานนามว่า อะความารีน ตามชื่อของมัน เธอเหล่มองเพชรนั่นอย่างสนใจก่อนจะกลับมาจดจ่ออยู่กับการตามหาคนอีกครั้ง เธอเดินเข้าไปในลุ่มคนอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ คำพูดที่ว่า "ขอทางหน่อยค่ะ" ถูกนำมาใช้ทันทีเมื่ออยู่ในสถานการณ์นี้ แอดเลอร์รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกเมื่อต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ เพราะอย่างนี้ล่ะที่เธอไม่ค่อยอยากจะไปงานเลี้ยงน่ะ
           หญิงสาวเจ้าของผมสีน้ำตาลเดินออกมาจากกลุ่มคนอย่างยากลำบาก เธอตรวจสอบของๆเธออย่างเช่นกระเป๋าว่าหายไปหรือไม่ก่อนจะเริ่มก้าวเดินต่อไปอีกครั้ง คราวนี้เธอรีบเข้าไปหาตรงมุมที่นั่งทันที แอดเลอร์กวาดสายตาหาคาร์ลไปทั่วก่อนจะไปสะดุดกับที่นั่งตรงมุมห้อง บุคคลที่เธอตามหาอยู่ในชุดทักซิโดสีดำเนี้ยบ เขากำลังนั่งเล่นหมากรุกอยู่กับหญิงสาวผมสั้นสีน้ำตาลแดงในชุด
    เดรสสีขาวบริสุทธิ์คนหนึ่ง ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้เห็นเธอคนนั้นมานานมาก แต่จิตใต้สำนึกของหญิงสาวก็ยังคงจำได้อยู่ว่าผู้หญิงชุดขาวคนนั่นเป็นใคร
             ตึก..ตึก...ตึก....
             "เก่งใช่ย่อยเลยนะจ่า"
             "คุณก็เหมือนกัน"
             แอดเลอร์ก้าวไปหยุดตรงที่นั่งตรงนั้นในระหว่างที่คนสองคนกำลังเล่นหมากรุกอยู่อย่างสบายใจเฉิบ ดูก็รู้แล้วว่าพวกเขายังไม่รูิเรื่องที่เธอกำลังจะบอกเลย คาร์ลเงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวผู้มาเยือนนิดหน่อยก่อนจะละสายตาไปจดจ่ออยู่กับกระดานหมากรุกเช่นเดิมราวกับว่าเขาไม่สนใจเธอมากเท่าไร 
             เรน่าเงยหน้าขึ้นมามองดูเธอ
             "ไงคะผู้หมวด"
             "..."
             เธอยิ้มเล็กๆให้เธอแทนการตอบด้วยคำพูด ก่อนจะหันไปยังคู่หูของเธอ
             "คาร์ล เรามีปัญหาแล้วล่ะ"
             "หนักไม่ล่ะ ถ้าไม่คุณก็ไปแก้เองซะ"
             แอดเลอร์ถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจบอกกับชายหนุ่ม
             "คิวานอฟอยู่ที่นี่ หนักพอมั้ยล่า"
             เหมือนกับทุกอย่างหยุดลง คาร์ลวางตัวบิชอปลงบนกระดานหมากรุกแล้วเงยหน้าขึ้นมาหาเธอ ท่าทางเขาจะเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น...
            "โอเคยอดเยี่ยม ผมจัดการเอง"
            "รอฟังมานานเลยคำนี้"
            เขายิ้มมุมปสกให่แอดเลอร์ก่อนจะหันไปพูดคุยอยู่กับคู่เล่นหมากรุกของเขา ท่า ทางสีหน้าของเธอดูไม่สบายใจเลย
            "ผมต้องไปแล้ว"
            "ค่ะเชิญเลยค่ะพลตรี"
            เรน่ายิ้มให้เขาอย่างอบอุ่นก่อนจะหันไปมองหน้าแอดเลอร์ "เดี๋ยวค่อยเจอกันนะคะผู้หมวด"
            หญิงสาวยิ้มให้เรน่าอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับคู่หูของเธอ ท่าทางเธอระรีบมากๆ เรน่ามองตามแผ่นหลังของเธอไปด้วยสายตาที่แตกต่างไปจากเมื่อครู่ เธอกัดริมฝีปากสีชมพูดเรื่อของตนเองอย่างไม่พอใจในขณะที่มองไปยังผู้หมวดคนนั้น...ศัตรูตลอดกาลของเธอ...แค่เจอหน้าครั้งแรกเธอก็ไม่ชอบหน้าแอดเลอร์เท่าไรแล้ว....
            "ยัยนั่นมันก็แค่ตัวประกอบ"
            ....
            หญิงสาวเดินวนไปวนมาเหมือนกับไม่รู้ทางมานานแล้ว เมื่อกี้เธอก็ลืมคามฟองชัวส์ว่าเจอคิวานอฟตรงไหน คนเยอะอย่างนี้ก็หายากด้วย แล้วเธอจะหาเขาเจอได้อย่างไรกันนี่ 
          "คุณบอกว่าเจอคิวานอฟ รูดอล์ฟเหรอ"
          "ก็ใช่น่ะสิ ฟองชัวส์บอกว่าคิวานอฟมาเดินชนเขา"
          เบิร์ต คาร์ลถอนหายใจเฮือกใหญ่ทันทีเมื่อได้ยินดังนั้น เขามองดูหญิงสาวในชุดสีแดงอย่าวเหนื่อยใจก่อนจะเดินเข้าไปคว้าแขนของหล่อนเอาไว้ ท่าทางเธอจะยังงงๆอยู่ล่ะนะ
          "เดี๋ยวนะนี่คุณจะพาฉันไปไหนเนี่ย!?"
          "หุบปากแล้วก็ตามมาซะ"
          หล่อนต้องทำใจเดินตามเขาไปทั้งๆที่ไม่ต้องการ เธอไม่รู้ว่าเขาจะพาเธอไปไหน หรือบางทีเขาอาจจะไม่พอใจที่เธอดูมึนๆแบบนี้
          ตึกๆๆๆ
          คาร์ลพาเธอขึ้นมาชั้นบนตรงระเบียง
          "ดูจากด้านบนหาง่ายกว่าเดินหาด้านล่างนะผู้หมวด"
          "โอเค--ก็ได้"
          เธอปัดสายตาลงมองไปด้านล่างที่เต็มไปด้วยผู้คน การขึ้นมาอยู่ด้านบนนี่ได้เปรียบกว่าเดินหาอยู่ด้านล่างเหมือนที่คาร์ลพูด เธอมีโอกาสหาคิวานอฟเจอถ้าอยู่ตรงนี้...
          "ว่าไง"
          "ฉันคิดว่า...ยังนะ"
          ชายหนุ่มค่อยๆถอยหลังพิงกับราวระ
    เบียง ถ้าตอนนี้ได้บุหรี่มาสักม้วนน่าจะเป็นสิ่งที่ดีมากสำหรับเขา แต่ในงานมีกฎไว้ว่าห้ามนำบุหรี่เข้ามาสูบภายในงานเพราะจะเป็นการเสียมารยาทต่อผู้มีเกียรติที่เชิญเข้ามา เพราะฉะนั้น การจ้องมองหญิงในชุดสีแดงที่ยืนอยู่ข้างๆน่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า เขามองทหารหญิงเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลในชุดเดรสสีแดงราวกับสีกลีบกุหลาบอย่างสนใจ เขายิ้มเล็กๆก่อนจะก้มหน้าลง
            แอดเลอร์กวาดสายตามองไปยังบริเวณที่ผู้คนเยอะแยะที่สุดก่อนจะมองไปยังที่นั่นตามจุดต่างๆ แต่การที่ผู้คนเยอะแยะอย่างนี้ก็ไม่ใช่อุปสรรคมากเท่ากับการที่เธอมองไม่ค่อยชัด ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้การมองเห็นของเธออย่างเป็นปกติดี แว่นที่พ่อให้มาเคยเป็นของที่เอาไว้ดูต่างหน้า กลับกลายมาเป็นสิ่งที่ช่วยให้เธอมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น แต่เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงไม่หยิบมันขึ้นมาสวม
            "คุณน่าจะสวมแว่นนะครับ"
            เสียงของชายหนุ่มผมเข้มที่ยืนพิงระ
    เบียงอยู่ข้างๆเธอดังขึ้น หล่อนเหล่ตาไปมองเขานิดหน่อยก่อนจะหยิบกระเป๋าถือใบเดิมขึ้นมาเปิดแล้วล่วงมือเข้าไปคลำหาแว่นของเธอที่อยู่ด้านใน เมื่อรู้สึกว่าเจอแว่นนั่นแล้วจึงหยิบมันออกมา แอดเลอร์เอาแว่นมาสวมทันที เลนส์แว่นช่วยขยายระยะการมองเห็นของเธอได้ดีกว่าเดิม
           "ขอบคุณ"
           เธอพูดสั้นๆ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นไม่มีทีท่าว่าจะใส่ใจกับคำพูดของเธอเลยด้วยซ้ำ เขาก็ไม่ยักรู้เหมือนกันว่าเธอจะขอบคุณเขาเป็นด้วยทั้งๆที่ผ่านมาหลายปี...เขาแทบจะไม่มีโอกาสได้ยินคำว่าขอบคุณจากปากของเธอเลย 
           หญิงสาวตั้งใจกวาดสายตาไปอีกครั้ง การมองเห็นของเธอดีกว่าครั้งก่อนขึ้นมากจากการสวมแว่น เธอเริ่มจะเปลี่ยนตำแหน่งจากบริเวณที่มีผู้คนไปเป็นตรงมุมที่นั่งแทน เธอกวาดมองหาเป้าหมายอย่างตั้งใจก่อนที่สายตาจะไปสะดุดกับใครบางคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะตัวสุดท้าย--นั่นคือเป้าหมายของหล่อน
    คิวานอฟในชุดทักซิโดสีดำเชกเช่นเดียวกับบุคคลอื่นนั่งจิบไวน์อยู่คนเดียวตรงโต๊ะนั่น มือซ้ายของเขาถือแก้วไวน์อย่างอ่อนโยนแต่แข็งแรง หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็น ในที่สุดเธอก็เจอเป้าหมายสำคัญจนได้
           "ฉันเจอเขาแล้ว.."
           เมื่อได้ยินดังนั้น คาร์ลหมุนตัวกลับมา ก่อนจะจ้องมองไปยังตำแหน่งเดียวกับหญิงสาว ในที่สุดเธอก็หาเขาเจอจนได้... 
           "เยี่ยมมาก เจอเขาแล้วสินะ"
           "แล้วจะเอายังไงต่อ"
           แอดเลอร์ถอยห่างออกจากราวระเบียง เธอถอดแว่นเก็บใส่กระเป๋าถือก่อนจะหันไปหาคู่หูของเธอ 
           "ปล่อยเขาเอาไว้แบบนั้นล่ะ"
           คำพูดของเขาทำให้สีหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนไป ราวกับว่าเธอไม่ค่อยเชื่อคำพูดของเขามากเท่าไร 
           "เดี๋ยวนะ คุณจะปล่อยคิวานอฟไปง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ"
           "ใช่..."เขายืนยัน"อีกอย่างผมมีแผนที่ดีกว่านั้น"
           เธอมีสีหน้าสงสัย แต่ไม่ทันทีจะพูดอะไรกับเขาสักคำ ชายหนุ่มผมเข้มในทักซิโดสีดำก็ก้าวออกจากระเบียงและกำลังเดินลงไปด้านล่าง แอดเลอร์มองตามหลังของเขาไปก่อนจะตัดสินใจเดินตามเขาลงไป เมื่อเดินลงไปไม่กี่ขั้นบันได คู่หูของเธอก็ได้หายไปจากสายตาของเธอแล้ว เธอแปลกใจมากเมื่อเห็นดังนั้น พยายามหันซ้ายหันขวาเพื่อหาเขาแต่ก็ไร้ผล...นี่เธอต้องตามหาเขาอีกแล้วหรือ
            หญิงสาวต้องพลัดเข้าไปในกลุ่มคนที่แสนวุ่นวายอีกครั้ง เธอทั้งโดนเบียดและโดนพวกนั้นนินทาด้วย แต่มันก็ช่วยไม่ได้  หล่อนไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเขาเดินหายไปเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร คนที่ลำบากตามหาก็คือเธอนี่ล่ะ หรือเขากำลังกลั่นแกล้งเธอ...ไม่มีทางแน่นอน คู่หูของหล่อนไม่มีนิสัยแบบนี้แน่นอน
          ปึก...
          "อ๊ะ.."
          หญิงสาวหยุดเดินก่อนจะก้มลงไปด้านล่าง กระเป๋าถือในมือถูกเบียดจนล่วงไปกองข้างล่าง ที่ยิ่งกว่านั้นเธอดันลืมปิดปากกระเป๋าอีกด้วย! ทั้งแว่นและสมุดจด ของต่างๆที่อยู่ภายในกระเป๋าออกมากองอยู่ด้านนอก เธอรีบก้มลงเก็บทันที ถ้าเกิดว่ามีคนเห็นปืนในกระเป๋าต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ 
          "เอ่อ..นี่ของคุณรึเปล่าครับคุณผู้หญิง"
          เธอเงยหน้าขึ้น ชายคนหนึ่งยื่นแว่นของเธอมาให้ เธอรับมันมาก่อนจะกล่าวคำขอบคุณให้กับเขา
          "ค่ะ...ขอบคุณ"
          เสียงดนตรีทำนองช้าค่อยๆดังขึ้น แอดเลอร์หันไปรอบๆหลังจากที่ก้มลงเก็บของเสร็จแล้ว อยู่ๆก็มีคนเข้ามาเพิ่มมากขึ้นอีก หรือว่า...ให้ตายสิ! เธอต้องรีบหาคาร์ลให้เจอเร็วๆเลย!
          "คุณอยู่ไหนเนี่ย..."
          เธอหันซ้ายหันขวาอย่างอยู่ไม่สุข ไม่ว่ามองไปทางไหนก็เจอแต่สองชายหญิงที่จับคู่เต้นรำกันเต็มไปหมด ดูเหมือนว่ามันจะเริ่มวุ่นวายขึ้นมากเลยนะเนี่ย!!
          ความรู้สึกนั้นเริ่มกลับมาอีกครั้ง...
          ค...คาร์ล
          ....อย่าทิ้งฉันไว้แบบนี้สิ...

          เหมือนกับอดีตกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เมื่อเธอเห็นสองชายหญิงเต้นรำกันอยู่รอบๆตัว เธอก็รู้สึกเหมือนกับเธอ...
          ฟึ่บ...
          "อ๊ะ..."
          หญิงสาวหันไปอีกครั้ง เมื่อครู่รู้สึกเหมือนกับสัมผัสอุ่นมาอยู่ที่มือขวาของเธอ เมื่อหันไปเธอก็ถึงกับทำหน้าเหวอทันที
          "หาผมไม่เจอรึไง"
          "ค..."
          ไม่ทันทีเธอจะพูดอะไรต่อ ชายหนุ่มผมเข้มก็ยื่นมือมาตรงหน้าของหญิงสาว เธอมองไปยังมือของเขาที่ยื่นออกมา มือนั่นสวมถุงมือสีขาวปิดเอาไว้ แต่ที่ยิ่งกว่านั้น...เขายังโค้งตัวให้หล่อนอีกด้วย เดี๋ยวนะ...นี่เขากำลังทำอะไรอยู่นี่...
          "...คาร์ล?"
          "อย่าให้ผมต้องบังคับ..."
          ให้ตายสิ...ไม่มีทางเลือกแล้วสินะ...
           "ก็ได้..."
           หญิงสาวตัดสินใจยื่นมือของตัวเองไปอย่างไร้ทางเลือก นี่เป็นอีกครั้งที่เธอต้องเต้นรำ...แต่ที่เปลี่ยนไปคือคู่เต้นรำของเธอเท่านั้น ครั้งแรกที่เธอเต้นรำคู่เต้นรำของเธอคืออดีตคู่หมั้นนาซีของเธอ แต่ทำไมวันนี้ถึงกลายเป็นคนที่เธอเกลียดเข้ากระดูกดำอย่างเบิร์ต คาร์ลไปได้ โลกช่างแปลกประหลาดสำหรับเธอจริงๆ
           "ไม่เห็นว่าต้องทำขนาดนี้เลยนี่"
           หญิงสาวกระซิบเบาๆในขณะที่ถูกอีกฝ่ายบังคับท่าทางราวกับเธอเป็นหุ่นเชิด
           "นานๆทีผ่อนคลายบ้างก็ได้นะครับ"
           "เหอะ..ไม่ยักรู้ว่าคุณพูดกับฉันแบบนี้ด้วยนะ..."
           แอดเลอร์ยิ้มเล็กๆในขณะที่เอนตัวไปตามจังหวะการเคลื่อนไหวของคู่เต้นรำและบทเพลง ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากอีกครั้งก่อนจะกระซิบกลับไป
           "ผมลืมอะไรไปอย่างนึง"
           "อะไรล่ะ"
           "ผมชอบคุณในชุดนี้นะ...ผู้หมวด"เขากระซิบเบาๆอีกครั้ง"วันนี้คุณดูดีมาก"
           หญิงสาวหัวเราะเบาๆในขณะที่ก้าวไปตามจังหวะเพลง 
            "อย่าพูดให้เหนื่อยเลย ฉันไม่เชื่อคุณหรอก"
            แอดเลอร์หันไปสบตาเขาพร้อมกับยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์  ผู้ชายก็เป็นแบบนี้ทุกคนล่ะ...เห็นผู้หญิงแต่งตัวสวยก็ต้องชมไปหมด เรื่องนี้เธอรู้ด้วยตัวเองหลังจากที่มารับรู้ความจริงที่อดีตคู่หมั้นอย่างวูล์ฟฟ์ปิดบังเอาไว้ เพราะฉะนั้น...เธอถึงไม่เชื่อคำพูดของคาร์ลเมื่อครู่
             "ไม่เชื่อรึไง"
             หล่อนยิ้มมุมปากอีกครั้งแทนคำตอบ มันทำให้คาร์ลถึงกับหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย เสียงหัวเราะของเขาดังในลำคอ นัยน์ตาสีครามเหลือบเทายังคงจับจ้องไปยังหญิงสาวตรงหน้า เธอไม่รู้ว่าเธอกำลังเล่นกับอะไรอยู่ 
            "อ๊ะ.."
            หญิงสาวเผลอร้องออกมาทันทีเมื่อรู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าไป เธอเผลอมองขึ้นไปบนใบหน้าของคู่เต้นรำของเธอ
            "ไง.."เขาพูดก่อนจะกระตุกยิ้ม
            "อย่าได้ใจไปนักเลย จบงานนี้ฉันฆ่าคุณแน่..."
            แอดเลอร์กัดฟันกระซิบ เธอแค่รู้สึกประหม่านิดหน่อยเวลามองหน้าเขาใกล้ๆ เขาคงนึกว่าเธอจะเป็นเหมือนผู้หญิงคนอื่นสินะ ไม่มีทาง แค่นี้เธอไม่สะท้านหรอกน่า!
           "เรื่องนั้นค่อยว่ากัน ตอนนี้...คุณแค่เป็นคู่เต้นรำให้ผมก็พอแล้ว"
           "..."
           เธอหันหน้าหนี ท่าทางเหมือนกับไม่อยากจะมองหน้าเขามากเท่าไร เธอไม่ค่อยชอบช่วงเวลาแบบนี้เลย ให้ตาย..
           พวกเขาก้าวไปตามจังหวะเพลงที่บรรเลงอยู่ ลักษณะการเต้นรำของเขาและเธอดูพิเศษกว่าคนอื่นมาก--ชายหนุ่มจับข้อมือของเธอชูขึ้นในขณะที่หญิงสาวในชุดสีแดงค่อยๆหมุนตัวไป ผู้คนในงานพากันมองคู่เต้นรำคู่นั้นอย่างสนใจราวกับต้องมนต์สะกด แอดเลอร์ไม่ค่อยชอบเวลามีคนมามุงดูเธอมากเท่าไรนั้น มันแทบจะทำให้เธอไม่มีสมาธิเลย ตอนนี้หญิงสาวได้แต่ภาวนาขอให้เพลงจบสักที...
            "คุณเกลียดผมมากเลยสินะครับ"
            คำพูดนั้นทำให้หญิงสาวต้องหันมาสบตากับเขา"อะไร"
            "ผู้หมวด เมื่อไม่กี่ปีก่อนคุณเคยเต้นรำกึบวูล์ฟฟ์ใช่มั้ย"
            "ฉันลืมมันแล้ว"
            เธอพูดออกไปเบาๆ ความจริงเธอก็ไม่อยากนึกถึงมันเท่าไรหรอก แต่ว่า...มันก็คือเศษเสียวความทรงจำของหล่อนที่ไม่สามารถจะลืมมันลงได้ง่ายๆทั้งๆที่ปากก็ยังบอกไปว่าลืมไปแล้ว
            "เฮ้...ไม่เป็นไรนะ"
             ชายหนุ่มก้มหน้าลงมาถามแต่ว่าก็ไร้ซึ่งคำตอบที่ออกมาจากปากของเธอเลย...
              "...."เธอยังคงเงียบ
              "แอดเลอร์"
               หญิงสาวยกมือขึ้นมาเช็ดคราบน้ำตาที่ใบหน้าของเธอ ตอนนี้เธอกำลังภาวนาขอให้เพลงบรรเลงจบซักที เพราะว่าเธออยากจะไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด เอาความทรงจนี่ไปทิ้งที่อื่น...
              "..."
              "มองผมสิ ผมไม่ชอบเลยที่คุณเป็นแบบนี้นะ"
             "ให้ตายสิ ที่หลังคุณอย่าพูดถึงมันอีกนะ"
             แอดเลอร์เงยหน้าขึ้นมาพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น มันทำให้เขาเผยอปากขึ้นยิ้มอีกครั้ง หญิงสาวรู้สึกถึงสำผัสอุ่นๆบนใบหน้าตรงแก้มข้างขวาของเธอ...มือใหญ่ภายใต้ถุงมือสีขาวทาบอยู่บนใบหน้าของแอดเลอร์อย่างเบาบาง เธอสบตาเขาด้วยนัยน์ตาสีน้ำเงินของตัวเอง ถึงเธอจะแสดงท่าทีแบบนี้ออกมา แต่ในใจเธอก็ยังคงเย็นยะเยือกดังน้ำแข็งเช่นเดิม
                 ....
                 "เบิร์ต"
                 เธอยกมือขึ้นดันเขาออกไปหลังจากที่พบว่าเขากำลังจะฆ่าเธอให้ตายด้วยความรู้สึกนั้น นั่นเป็นเวลาเดียวกับการที่เพลงจบพอดี แอดเลอร์รู้สึกโล่งอกเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินท่อนสุดท้ายของเพลงหยุดหายไป เธอเดินถอยหลังออกมาพร้อมกับคู่หูของเธอ หลังจากที่กลับไปเป็นหนุ่มสาวธรรมดาก็ได้กลับมาเป็นทหารอีกครั้ง ทั้งสองเดินมานั่งตรงโต๊ะที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะเริ่มสนทนาเรื่องงานของพวกเขาต่อ
            "ฉันยังไม่เห็นเขาเลย"
            "หาให้เจอ เขาอยู่ในนี้ล่ะ"
            แอดเลอร์กวาดสายตาหาอดีตคู่หมั้นของเธอท่ามกลางกลุ่มคนอย่างใจเย็น เธอใช้เวลาไม่นานก็สามารถระบุตำแหน่งของเขาให้กับคู่หูของเธอได้
           "เอาไงต่อดีล่ะ เขายืนอยู่บนหัวเรานะเนี่ย"
          "เดี๋ยวผมจัดการเอง"

          เธอทำหน้างง "ยังไงล่ะ มีแผนรึไง"

          "ใช่ คง..ประมาณนั้น"ท่าทางนั่นจะเป็นเหมือนคำตอบ"คุณ..ทำหน้าที่เป็นนกต่อ ไปล่อเขาไปหลังอาคารนี่ซะ" 

          หญิงสาวขมวดคิ้วขึ้นอย่างงุนงง ราวกับไม่เข้าใจคำพูดของเขาเท่าไร

          "ตัวล่อเนี่ยนะ ไม่มีแผนอื่นรึไงกัน ฉันยิ่งไม่อยากจะเจอหน้าเขาอยู่ด้วย"

          "เฮ้..แยกงานกับเรื่องส่วนตัวหน่อยสิผู้หมวด ผมรู้นะว่าคุณคิดยังไงกับเขาน่ะ"

          ดูเหมือนว่าคำพูดของเขาจะได้ผล แอดเลอร์พยักหน้ารับงานที่เขามอบหมายให้อย่างไม่เต็มใจเท่าไร เธอรู้จักคนอย่างวูล์ฟฟ์ดีพอ และไม่ว่ายังไงก็ไม่อยากจะเจอหน้าเขาอีก แต่อย่างไรก็ตาม..คำพูดของคู่หูอย่างคาร์ลก็สามารถไปสกิดใจของเธอได้ เขารู้ว่าเธอเกลียดวูล์ฟฟ์ซะยิ่งกว่าอะไรดี แต่เขาก็พยายามพูดให้เธอเข้าใจและสามารถแยกเรื่องงานกับเรื่องนาซีนิสัยเสียอย่างวูล์ฟฟ์ได้  คนอย่างเธอน่ะ..มีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะแยะ

           ในที่สุด...แอดเลอร์ก็ตัดสินใจมาทำหน้าที่เป็นนกต่อล่ออดีตคู่หมั้นของเธอไปด้านหลังอาคาร ให้ตายสิ! เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอต้องมารับงานนี้ด้วย คนอย่างเธอน่าจะได้ทำหน้าที่อื่นที่ดีกว่าตัวล่อ แต่ไม่ว่าเธอจะพูดอย่างไร...คู่หูของเธอ เบิร์ต คาร์ล ก็คงไม่เข้าใจหรอก เธอไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนเจ้าใจยากนะ..แต่เขาคงจะเข้าใจเธอในแบบที่เหมือนกับในความคิดของเขา...อะไรเนี่ย! ยิ่งคิดยิ่งง เอาเป็นว่าเธอน่าจะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุดล่ะนะ 

            แอดเลอร์เอื่อมมือไปจับราวบันไดในระหว่างที่กำลังจะก้าวขาขึ้นไปด้านบน เธอต้องเดินเข้าไปใกล้วูล์ฟฟ์ให้เขาเห็น แล้ววิ่งออกจากตรงนั้นทันที ด้านหลังของเธอมีบันไดที่ใช้ออกไปด้านหลังอาคาร เธอควรจะล่อเขาไปทางนั้นดีกว่า

            ฟึ่บ...

            "อ๊ะ.."

            เธอมองหน้าเขาในขณะที่เธอกำลังจะเดินเข้าไปให้เขาเห็นตามความคิดของเธอ แต่ไม่ทันจะก้าวเฉียดเข้าไป วูล์ฟฟ์ก็หันมาเจอเธอซะก่อน และหลังจากนั้นเขาก็พยายามมองหน้าของแอดเลอร์ต่อในขณะที่เธอค่อยๆก้าวถอยหลังไป หญิงสาวผมเจ้าของผมสีน้ำตาลในชุดเดรสสีแดงเหมือนสีของกลีบกุหลาบสะกดสายตาเขาแน่นิ่ง...นานเท่าไรแล้วที่เขาไม่ได้เห็นเธอในชุดแบบนี้ที่นอกเหนือจากชุดเครื่องแบบนาซี

           เธองดงามเหมือนกับดอกไม้สามชนิด...
           เธอฉลาดดังดอกไอริส...
           เธอบอบบางดังดอกคาร์โมไมล์...
           มีเสน่ห์ร้ายกาจยิ่งกว่ากุหลาบแดง...

           นั่นคือตัวตนของเธอ...ตัวตนที่เธอเป็น...
            
    "สำเร็จ!"
            หญิงสาวกัดฟันกระซิบเบาๆหลังจากที่พบว่าวูล์ฟฟ์กำลังก้าวเท้าตามเธอมาติดๆ เท่านี้แผนของคาร์ลก็จะสำเร็จแล้ว...
           ฟึ่บ!
           ชายหนุ่มกระโดดออกจากขั้นบันไดลงมาบนพื้น ทันทีที่ปลายรองเท้าขัดมันเวานั่นแตะบนพื้นดิน เขาก็หันไปมองรอบๆราวกับกำลังหาอะไรบางอย่าง สายตากวาดไปซ้ายทีขวาทีอย่างอยู่ไม่สุข...ในหัวก็พยายามตั้งคำถามอยู่กับตนเองไว้ว่า...หญิงสาวคนเมื่อครู่นั้น..หายไปไหนเสียแล้ว...?
            "แอดเลอร์...คุณอยู่ไหนแล้วเนี่ย..."
    เขาเปล่งเสียพูดในขณะที่มองหาเธอคนนั้น
            ตึก...ตึก...ตึก...
            เสียงก้าวเท้านั่นดังมาจากด้านหลังของวูล์ฟฟ์...ฉับพลันเขาก็รู้สึกเหมือนกับมีใครมาโอบกอดคอของเขาเอาไว้...สัมผัสนุ่มละมุนแบบนี้...น้ำหอมกลิ่นกุหลาบที่ลอยมาแตะจมูกของเขา...มือที่พาดออกมาจากด้านหลังนั้นดูเรียบเนียนน่าสัมผัส...มันทำให้เขารู้ทันทีเลยว่า...เจ้าของสิ่งพวกนี้นั้นคือใคร...
           "แอดเลอร์..."
           ยังไม่ที่เขาจะเอ่ยอะไรออกมาอีก หญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มก็ค่อยๆโน้มตัวลงมากระซิบข้างใบหูของเขา...
           ....
           ยินดีต้อนรับสู่โลกของฉัน...
           มันไม่มีทางที่จะให้หันหลังกลับ.
    ..
           ...
           หญิงสาวค่อยๆเพิ่มกำลังการกอดขึ้น...จากการกอดแบบนุ่มนวลเมื่อครู่ กลายเป็นการรัดคอที่ทำให้ชายหนุ่มหายใจถี่ขึ้น...
           "ใจเย็นผู้หมวด...เราไม่ได้มาฆ่าเขานะ.."
           หลังจากจบคำพูด...หญิงสาวก็ค่อยๆคลายแขนที่เป็นเสมือนพันธนาการของเธอออกอย่างไม่เต็มใจเท่าไร 
           "แล้วเอาไงต่อ"
           เธอปล่อยร่างของเขาลง ถึงแม้ว่าร่างนั้นจะมีวิญญาณเหลืออยู่ แต่ก็ดูเหมือนกับไร้เรี่ยวแรง วูล์ฟฟ์ทรุดลงไปบนพื้น แรงรัดเมื่อครู่แทบทำให้เขาหายใจไม่ออก เขาไอออกมาพลางเอามือคลำต้นคอของตนเอง ดูเหมือนว่าหญิงสาวผู้เป็นที่รักจะพยายามฆ่าเขาให้ตายด้วยมือของเธอเสียแล้ว
            "ผมบอกแล้วไงว่าเดี๋ยวผมจัดการเอง"
            "งั้นก็รีบๆสิ เสียเวลานะเนี่ย"
            คาร์ลหยิบบางอย่างที่อยู่ในทักซิโดของเขาออกมา มันคือปืนพกประจำตัวของเขา เพียงตอนแรก เขาแค่หยิบมันออกมาเฉยๆเท่านั้น และคอยสังเกตอาการของวูล์ฟฟ์ต่อไป
           "ให้ตายสิ...คุณเป็นบ้าอะไรของคุณน่ะ
    ครีนัส..."
          ไม่ทันที่เขาจะพูดอะไรต่อ กระบอกปืนก็ถูกฟาดไปที่ศรีษะของเขาทันที ร่างของเขาทรุดลงไปนอนกองบนพื้นอีกครั้ง ที่ท้ายทอยมีคราบเลือดอันเกิดจากกระบอกปืนเมื่อครู่ติดอยู่ พวกเขาทั้งสองมองดูร่างนั้นเป็นสายตาเดียวกันก่อนที่ใครคนหนึ่งจะพูดขึ้นมา
             "เสร็จสิ้นภารกิจ..."หญิงสาวลากเสียง"ได้เวลากลับบ้านแล้ว"
             -----------------------------

    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×