ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    War and Sacrifice : Route to the War

    ลำดับตอนที่ #31 : Escape. หลบหนี

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 62
      0
      1 พ.ย. 58

                          แผนที่ดีคือแผนที่ทำตามแล้วต้องไม่พลาด—

                            แต่แผนที่โง่ที่สุดก็คือแผนที่มีคนทำพลาดและต้องตายเพราะมัน...

    -Kivanov Rudolff-

    ซ่า—

                อากาศค่อยๆเย็นลงทีละน้อย เสียงหยาดเม็ดฝนนับร้อยที่ตกลงมาจากท้องฟ้าในยามรัตติกาลประสานกลายเป็นเสียงน่าแสบแก้วหู ทันใดนั้นร่างเงาตะคุ่มก็เริ่มต้นเคลื่อนตัวออกมาจากหลังซากตึกอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ ร่างนั่นเคลื่อนหลบแสงไฟของพวกทหารสาดลงมาอย่างคล่องแคล่วแล้วแนบเนียนไปกับความมืด แสงจากสปอร์ตไลท์สาดส่องไปปกระทบกับปลายกระบอกปืนไรเฟิลซุ่มยิงที่สะพายอยู่ด้านหลังจนเกิดแสงระยิบน้อยๆจนแทบไม่เป็นที่สังเกตเห็น

                ร่างนั่นหมอบคลานลงไปยังพื้นที่แฉะไปด้วยน้ำฝนตรงไปยังอาคารหลังหนึ่งที่มีแสงไฟสว่าง มันลุกขึ้นยืนแนบกับกำแพงอย่างรวดเร็วพลางหันหน้าไปเข้าไปในอาคารนั่น..มือข้างหนึ่งล้วงหยิบปืนพกออกมาจากซองมาถือไว้เตรียมพร้อมว่าหากมีอะไรเกิดขึ้นก็จะได้ตั้งตัวทัน 

                 เบื้องหน้าคือทหารสี่คนที่นั่งล้อมโต๊ะกันอยู่ ทั้งหมดส่งเสียงเฮฮาดังลั่นจนเสียงกระจายออกมาด้านนอก บนโต๊ะเต็มไปด้วยขวดเหล้านับสิบและไพ่ ร่างเงามืดที่แนบชิดติดกำแพงค่อยๆถอนหายใจออกมาทีละน้อย มือใหญ่ที่สวมถุงมือหนังสีดำจับด้ามปืนไว้แน่นแล้วเดินผ่านประตูนั่นอย่างรวดเร็ว!

                 ฟึ่บ..

                 สำเร็จ...ไอ้พวกนั้นยังคงนั่งล้อมวงกันต่อไปโดยไม่สนใจเขาเลย ชายหนุ่มรีบเดินออกจากอาคารนั่นไปหลบหลังรถคันหนึ่งที่จอดอยู่ใกล้ๆ ตรงนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีเงาของพวกทหารยามเลยแม้แต่น้อยแต่ก็ประมาทไม่ได้ ฉะนั้น...เขาค่อยๆก้มลงเก็บลูกหินที่อยู่บนพื้นขึ้นมาก่อนจะขว้างมันไปด้านหน้า

                 ตุบ...

                 ....

                 ..

                 .

                 "ตรงนี้มียามสามคนเฝ้าอยู่...ตรงนี้..ตรงนี้...และตรงนี้"

                 หญิงสาวจิ้มนิ้วลงบนพื้นที่บัดนี้ได้กลายเป็นแผนผังของที่นี่ไปเสียแล้ว เธอเพิ่งจะใช้เศษตะปูที่ตกลงมุมห้องมาวาดแปนผังนี่ขึ้นมาตามในความคิดของเธอ เนื่องจากการที่เคยมาที่นี่มาก่อนจึงทำให้เธอเขียนแผนผังออกมาได้ละเอียดพอควร แถมยังจำตำแหน่งของยามได้อีกต่างหาก มันเป็นประโยชน์มากๆกับการเตรียมตัวหนีในขณะนี้

                 "เหอะ"คิวานอฟยักคิ้วขึ้น"แน่ใจเหรอว่ามันจะสำเร็จ"

                 "แน่นอน ไม่อย่างนั้นฉันก็คงไม่ต้องเสียเวลาร่างแผนผังนี่หรอกน่า"

                 แอดเลอร์พูดพลางทิ้งตะปูลงบนพื้น สายตายังคงจับจ้องไปยังรูปแผนผังสมมติที่อยู่บนพื้น ในหัวตีความประมวลผลความคิดต่างๆเกี่ยวกับแผนนี่ให้ถี่ถ้วน 

                 "ข้างนอกฝนตกเหรอเนี่ย..."คิวานอฟพูดพลางเงี่ยหูฟังเสียงหยาดฝนที่ตกลงบนพื้นอย่างสบายใจ"เฮ้อ..ฟังดูสบายชะมัดเลยว่ามั้ย"

                 "ฝนเหรอ--ฉันไม่ค่อยชอบมันซะเท่าไหร่หรอกนะ"

                 เธอเงียบเสียงลงบ้าง หูทั้งสองยังคงได้ยินเสียงฝนอยู่ก้อง หล่อนยกมือขึ้นลูบหน้าของตนเองก่อนจะกลับเข้ามุมของตนไป เสียงหยาดฝนที่ดังอยู่ด้านนอกมันฟังดูน่าสบายอย่างที่คิวานอฟบอก แต่เผอิญว่าฝนกับเธอมันไม่ค่อยจะเข้ากันได้เลย

                 ตึก...ตึก..ตึก..

                เสียงฝีเท้าของใครบางคนดังขึ้นหลังลูกกรง แอดเลอร์รีบขยับไปใกล้ลูกกรงเหล็กที่มีสนิมเขรอะทันที ฉับพลันสายตาของเธอก็เล็งเห็นใครบางคน...

               ใบหน้าของเขาคุ้นตาเธอมาก...และที่สำคัญ เธอรู้จักเขา

                "ไงวูลฟฟ์"เธอพูดพลางยกมือทักทาย"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ"

                "เช่นกันครีนัส.."

                ชายหนุ่มร่างสูงในชุดเครื่องแบบสีดำเต็มยศย่อตัวลงนั่งตรงหน้าลูกกรงที่กั้นระหว่างเขาและเธอเอาไว้ เครื่องหมายบอกยศที่คอปกเสื้อของเขาบ่งบอกว่านั่นคือยศพันเอก..แอดเลอร์มองมันเล็กๆสลับกับการมองหน้าชายหนุ่มผู้มาเยือน วูล์ฟฟ์ยกมือของตนเองที่ถูกสวมทับด้วยถุงมือหนังสีดำขึ้นมาจับลูกกรงเอาไว้

                "ผมไม่น่ามาเห็นคุณที่อยู่ในชุดเครื่องแบบของทหารอเมริกันเลย"

                "ทำไมล่ะ--กลัวสินะ นั่นล่ะนิสัยของคุณ"

                เขามองลอดหมวกออกมาจ้องใบหน้าของเธอ

                "เลิกทำเหมือนกับว่าเราเป็นเพื่อนกันได้แล้วครีนัส.."เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา"มันไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้วนะ"

                "งั้นคุณคิดว่าฉันกลัวคุณรึไง"

                คิวานอฟได้แต่จ้องมองหน้าแต่ละฝ่าย เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่านอกจากจะมีสงครามภายนอกที่ใช้ปืนเป็นอาวุธแล้ว ยังจะมีสงครามภายในที่ใช้น้ำเสียงเป็นอาวุธอีก

                "ไอ้พวกลูกน้องโง่ของคุณมันทำฉันเจ็บ เห็นมั้ย ที่ขาเนี่ย!"

                ทหารสองคนที่ทำท่าจะชักปืนออกมาแต่ก็ถูกชายในเครื่องแบบห้ามเอาไว้ เขาบอกให้พวกนั้นออกไปข้างนอกให้หมดราวกับว่าต้องการความเป็นส่วนตัวหน่อย..แต่คงจะเป็นแบบนั้นไม่ได้ในเมื่อด้านในลูกกรงนั้นยังมีชายอีกคนนั่งอยู่กับแอดเลอร์ หากแต่ว่าเขาไม่ได้สนใจมันมากนัก

                "พวกเขาไม่ได้โง่--คุณนั่นแหละที่เดินเข้ามาในกับดักของเราเอง"

                "กับดักเหรอ งั้นคุณก็รู้อยู่แล้วสินะว่าฉันจะมา"

                 ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก"แน่นอน"

                  แอดเลอร์ถอนหายใจออกมาเบาๆ นัยน์ตาสีฟ้าคู่นั้นไม่ได้ฉายแววคนตายอีกต่อไป...มันกลับฉายแววนาซีขึ้นมาแทน

                 "ไหนลองบอกคำสาบานืี่คุณใช้หลอกพวกเราให้จมมาหน่อยสิผู้หมวด"

                 เธอเลิกตาขึ้น..."อยากรู้ก่อนตายงั้นเหรอ--"เธอเว้นวรรคสักครู่ก่อนที่จะเริ่มพูดต่อ

                 "เกียรติยศของฉันคือความภักดี"

                 ชายหนุ่มขมวดคิ้วขึ้นหลังจากที่ได้ฟังประโยคนั้นจากปากของเธอ เขาลุกขึ้นยืนแล้วก้าวถอยหลังออกจากลูกกรง วูล์ฟฟ์ยกมือขึ้นกอดอกพลางส่ายหน้าไปมา

                 "นั่นไม่ใช่เกียรติยศของคุณหรอกแอดเลอร์"

                 วูล์ฟฟ์กลับหลังหันแล้วเดินออกไปในขณะที่สายตาของแอดเลอร์ยังคงจับจ้องไปที่เขาอยู่ สายตานั่นมันเป็นสายตาที่ปนมากับความแค้น...เขาไม่ได้จะเปลี่ยนตัวเองหรอก..ต้องมีใครสักคนบังคับให้เขาเปลี่ยน

                แต่ก็..ช่างเถอะ

                "เป็นอะไรรึเปล่า"

                ชายหนุ่มผู้ร่วมทางเดียวกับเธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงค่อย

                "ไม่"นั่นคือคำตอบ"ฉัน..ไม่เป็นไร"

                แอดเลอร์ค่อยๆหันกลับมา ใบหน้าของเธอไม่เป็นเหมือนที่เขาคิดเลยแม้แต่น้อย มันแทบจะไม่มีความเสียใจหรือเศร้าหมองปนอยู่ในใบหน้านั่นเลย มันยังคงแสดงถึงความแข็งแกร่งและมั่นใจในตนเองเสมอ...แต่ทว่ากับในนัยน์ตาสีฟ้าคู่นั้นกลับไม่ใช่...

                 "ฉันจัดการกับยามเอง ส่วนคุณก็ทำตามที่คุณถนัด"

                "ตกลง"

                ทั้งคู่เงียบลงไปอีกครั้ง เสียงหยาดฝนข้างนอกยังคงทวีความแรงขึ้นเรื่อยๆราวกับต้องการที่จะชะล้างเลือดของเหล่าทหารที่เปรอะเปื้อนอยู่บนแผ่นดินเยอรมนีนี้ หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นที่อยู่ในร่างกายเธอ..มือเรียวเริ่มยกขึ้นมากอดตัวเองไว้ป้องกันความหนาว ตลอดเวลาที่เธออยู่ในคุกนี่มันลำบากมากสำหรับตัวเธอเอง..แต่ก็ไม่ได้เท่ากับในสงครามนี่เลย

                หากว่าแผนนี้ไม่สำเร็จ ความหวังที่จะรอคนมาช่วยก็ยังมีอยู่..ริบหรี่

                 ...

                 ..ตุบ..

                 "เฮ้ย เสียงอะไรวะ"

                 เจ้าของสำเนียงภาษาเยอรมันในชุดเครื่องแบบสีเขียวขี้ม้าก้าวขาออกมาตามจุดที่หินตกลงไป เขาหันมองซ้ายขวาหาใครสักคนที่อาจลอบเข้ามาในค่ายแต่ก็ว่างเปล่า ในที่สุดนายทหารคนนั้นหันกลับไปด้านหลัง มันเป็นโอกาสดีที่จะได้จัดการเขาเสียที..

               ร่างเงาสีดำนั่นย่องเข้าไปด้านหลังทหารคนนั้น..ซึ่งยังไม่รู้ตัวเลยว่าความตายกำลังคืบคลานใกล้เข้ามา...

               ฟึ่บ..

                กร็อบ..!

                มือทั้งสองที่ถูกยกขึ้นมากอดคออีกฝ่ายเอาไว้โดยไม่รู้ตัวบิดกระดูกคอจนเสียงดังราวกับว่ากระดูกแต่ละท่อนนั้นถูกบดขยี้ให้กระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อย ร่างไร้วิญญาณล่วงลงบนพื้นก่อนที่ชายหนุ่มจะก้าวข้ามศพคนตายไปแอบหลังอาคารอีก ตามแผนผังค่ายที่เขาเพิ่งจะดูมานั้น คุกน่าจะอยู่ใกล้ๆจากที่เขายืนอยู่นี่เอง ถึงว่าศพที่เขาเพิ่งจะจัดการไปมันอาจจะยืนยันจำนวนทหารได้ว่ามีแค่คนเดียว แต่เขาก็ยังไม่สามารถที่จะกล้าสาวเท้าวิ่งในเวลานี้ได้...

               สวบ..สวบ..

                ร่างสูงนั่นทำท่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็จำเป็นต้องหมอบลงนอนแนบกับพื้นที่แฉะไปด้วยฝน สายตาคมกริบราวกับนกอินทรีจับจ้องไปด้านหน้าอย่างจดจ่อ มันคือภาพของชายในเครื่องแบบสีดำคนหนึ่งยืนคุยอยู่กับทหารยาม หยาดน้ำฝนที่เทลงมาแทบจะบังทัศนวิสัยของเขาไปโดยปริยาย มันทำให้เขาไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังพูดอะไรกันอยู่..แต่มันก็ไม่สำคัญเท่าใบหน้าของชายในเครื่องแบบคนนั้นเลย

               ...เฮอร์มัน วูล์ฟฟ์ นั่นคือชื่อของเขา

               ร่างของวูล์ฟฟ์ถอยกลับเข้าไปในรถก่อนที่มันจะขับแล่นออกไปอย่างช้าๆ ข่าวลือที่เขาเคยได้ยินผ่านหูมาว่านาซีคนนั้นได้กลับไปฝึกอีกรอบหลังจากที่ตัดสินใจเลี่ยงมันมานาน ข่าวลือที่ว่านี่อาจจะเป็นจริงก็ได้...

                เขาค่อยๆลุกขึ้นก่อนจะย่องเข้าไปติดตัวอาคารอีกครั้ง มือซ้ายหยิบมีดพกออกมาถือเอาไว้แน่น การมาครั้งนี้ของเขามันเงียบมากเสียจนพวกนาซียังไม่รู้เลยว่ามีคนจากฝ่ายอื่นมาบุกค่ายตนเอง นี่ไม่ใช่ภารกิจที่ได้มอบหมายมาหรืองานใดๆที่เกี่ยวกับกองทัพทั้งสิ้น...หากแต่มันเป็นความสมัครใจ..ความสมัครใจที่จะมาช่วยคนที่อยู่ในคุก..

               คนๆนั้นอาจดูเผินๆแล้วแทบไม่มีความสำคัญกับเขาเลยถ้าหากไม่ติดกับคำสัญญาที่เขาไว้ให้กับชายคนหนึ่ง...ว่าเขาจะต้องปกป้องเธอให้ได้..

               "ตรงนี้มียามสามคนเฝ้าอยู่...ตรงนี้..ตรงนี้..และตรงนี้"

               เขารู้สึกเอะใจเล็กน้อยกับเสียงประโยคพูดเมื่อครู่ มันฟังดูอ่อนล้ามากกว่าที่เคยเป็น ด้านหลังของเขามีช่องที่ถูกลูกกรงขังเอาไว้อยู่ช่องหนึ่ง ชายหนุ่มรีบสอดสายตามองลอดผ่านเข้าไปในช่องนั่นทันที..ภาพที่เห็นคือภาพหญิงสาวผมสั้นคนหนึ่ง เธออยู่ในชุดเครื่องแบบของทหารอเมริกัน ในมือถือตะปูตัวน้อยที่มีสนิมเขรอะ และตรงหน้าคือแผนผังของค่ายนี้

               แต่คำถามของเขาคือ..เธอรู้ตำแหน่งของยามหน้าค่ายได้แม่นยำอย่างนั้นได้อย่างไร?

              แน่ล่ะ..เธอจะรู้ได้อย่างไรถ้าเกิดว่าเธอไม่ได้เคยมาที่นี่

              สวบ....สวบ....

              เขาก้าวออกมาจากช่องนั้นช้าๆ ทางเดียวที่เขาเข้ามาในค่ายนี่ไม่ใช่ทางลัด หากแต่เป็นทางเข้าโดยตรง แต่ตอนที่เขาผ่านเข้ามาด้านใน...ตรงนั้นไม่มียามเลย

              ไม่มี..

              แกร็ก!

              เสียงบางอย่างดังขึ้น...มันคือเสียง..

              "คุกเข่าลง กล้าดียังไงถึงได้ลอบเข้ามาในนี้"

              เสียงทุ้มของอีกฝ่ายดังขึ้น มันดูดุดันมากกว่าอ่อนแอเหมือนที่เคย บวกกับปลายกระบอกปืนพกที่ถูกจ่อมาที่เขาในตอนนี้จึงทำให้ทวีคูณความน่ากลัวขึ้น...วูล์ฟฟ์

              คิดว่าหน้าอย่างเขาจะยอมคุกเข่าลงง่ายๆเหรอ...แต่ถ้าให้ดี..ตอนนี้มันอาจเป็นทางเลือกเดียว

              ชายหนุ่มค่อยๆย่อตัวลงไปนั่งคุกเข่าอย่างช้าๆ มือทั้งสองถูกนำมาประสานไว้ที่ท้ายทอยพลางก้มหน้าลง เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำตามที่ตนสั่งแล้ว..วูล์ฟฟ์ก็เดินเข้าไปใกล้ๆ เขาใช้เท้าเตะปืนพกของผู้บุกรุกออกมาให้ห่างแล้วปลดไรเฟิลนั่นออก

              "เราต้องการสองคนมาที่นี่!"เขาตะโกนออกไปเป็นภาษาเยอรมัน สักครู่ชายฉกรรจ์ในเครื่องแบบสองคนก็วิ่งมา

              "เอาตัวมันไป ทำไงก็ได้ให้คายข้อมูลของฝ่ายมันออกมา..แล้วฆ่ามันซะ"

              "รับทราบครับ"

             ชายทั้งสองเดินไปหิ้วแขนของเขาขึ้นมา เขาพยายามขัดขืน..แต่ก็ไม่เป็นผล

               "นายฆ่าฉันไม่ได้หรอกวูล์ฟฟ์.."เขายังคงกัดฟันพูด

               "ก็ไม่ได้บอกว่าจะเก็บไว้นิ--เอาตัวมันไป!"

               -อีกด้านหนึ่ง-

              ท่ามกลางอากาศที่หนาวสะท้านยามฝนตกแม้แต่ผ้าห่มสักผืนก็ยังไม่มี..แอดเลอร์เริ่มเอามือกอดอกตัวเองเอาไว้พลางก้มหน้าลง นัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยมองลงไปยังแผนผังที่เขียนขึ้นด้วยตะปู..ความรู้สึกหมดหวังประดังเข้ามาในทันที เธอจะหนีออกจากที่นี่ได้อย่างไรกัน..

              ส่วนคิวานอฟ เขาไม่มีวันทำอะไรนอกจากการเล่นกับมีดผ่าตัดของตนเอง แสงจันทร์กระทบกับคมมีดทำให้เกิดแสงสว่างน่ารำคาญ แค่เขาก็ยังคงเล่นกับมันอยู่..หญิงสาวสงสัยเสียจริงว่าทำไมพวกนั้นถึงไม่ยึดไอ้มีดนี่ไป

               "ก่อนจะมาอยู่ในนี้ ผมเคยช่วยคนในค่ายไปคนนึง พวกนั้นถึงไม่อยากยุ่งกับมีดของผม"เขาพูดขึ้นราวกับตอบคำถามที่เธอคิดขึ้นในใจ..

              "คุณอ่านใจฉันออกเหรอ"

              "จิตวิทยาน่ะ คุณมองมีดผ่าตัดนี่มากกว่าห้าครั้งในสิบนาที แสดงว่าคุณสนใจมันอยู่..."เขาลากเสียงพลางเงยหน้าขึ้นกระตุกยิ้มที่มุมปาก"..หรือที่คุณมอง..คุณกำลังมองผมอยู่เหรอ"

              แอดเลอร์ยิ้มน้อยๆ ราวกับสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง

              "ก็แหม...ใครจะไม่แอบมองคุณบ้างล่ะ"

              เขายิ้มอีกครั้ง"มานี่สิ.."

              หญิงสาวยิ้มตามเขาอีกรอบพลางดันตัวเองให้ลุกขึ้นเดินไปหาเขา เธอนั่งลงใกล้ๆกับเขาพลางมองมีดผ่าตัดเล่มนั้นอย่างสนใจ

              "คุณได้มันมาจากไหนกัน"

              "เพื่อนคนนึง..เขาตายในสนามรบเพราะจะช่วยผมเนี่ยล่ะ นี่เป็นของขวัญจากเขา"

              หล่อนมองใบมีดสีเงินนั่นพลางยืนมือเข้าไปแตะมัน ถึงแม้ว่ามันจะผ่านเลือดเนื้อทหารมากี่คนแล้วคมของมันก็ยังคงเป็นสีเงิน..ไม่มีแม้แต่คราบเลือด

              ก่อนที่พวกเขาจะได้พูดอะไรมากกว่านั้น..ประตูกรงเหล็กก็เปิดออก

              เอี๊ยด....

              ผลัก!

             ร่างของชายคนหนึ่งถูกผลักเข้ามาด้านในกรงขัง เขาสะบักสะบอมมาก เครื่องแบบนั่นมีแต่คราบเลือดเต็มไปหมด แอดเลอร์มองเพียงแค่ชั่วครู่ก็ทราบแล้วว่าเขาเป็นใคร...แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอกน่า!

              "โอ้..ไม่ๆๆ นี่มันไม่จริง--"เธอลุกขึ้นไปพยุงเขาขึ้น..แต่ถึงอย่างไรก็ตาม.."ให้ตายสิคุณมาทำอะไรที่นี่เนี่ย!?..."

              "..."

              "...คาร์ล!"

               คิวานอฟถึงกับหูผึ่งเมื่อได้ยินชื่อนั้น เขาเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วรีบเดินเข้าไปหาชายในเครื่องแบบที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นในขณะที่หญิงสาวกำลังพยุงตัวเขาขึ้น แอดเลอร์มีสีหน้าตกใจพลางประหลาดใจปะปนกันเมื่อเห็นใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วย..เลือด!

               ก่อนที่ประตูกรงขังจะปิดลงนั้น ร่างของคิวานอฟที่พุ่งเข้าไปยังมันผลักร่างของทหารคนที่เปิดกรงขังเพื่อนำร่างของชายหนุ่มเข้ามา ร่างของทหารนาซีนั่นกระแทกเข้ากับกำแพงดังผลักแล้วสลบไป และตรงหน้าของพวกเขาคือประตูกรงขังที่เปิดอยู่!

              "คุณรีบไปจากที่นี่ซะ เอาเขาไปด้วย!"

              "ไม่ๆๆ.."เธอรีบหันมาปฏิเสธทันควัน"..ฉันไม่ยอมปล่อยคุณไว้ที่นี่แน่!"

              ชายหนุ่มรีบดันเธอออกไปจากกรงขังก่อนจะใช้มือปิดประตูกดังปัง แอดเลอร์ทิ้งร่างของคู่หูตนเองลงบนพื้นก่อนจะเอามือดึงประตูกรงให้เปิดออกแต่ก็ไม่เป็นผล..หน้าของคิวานอฟที่อยู่ด้านในนั่น..มันเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

              "งานของผมยังไม่เสร็จ ไปซะ"

              แอดเลอร์ก้มหน้าลง..เธอไม่อยากทิ้งเขาไว้ที่นี่เลย..หากแต่ว่า..

              ฟึ่บ!

              หญิงสาวพยุงร่างของชายหนุ่มขึ้นเดิน เขาแทบจะไม่มีแรงเดินเลยแม้แต่น้อย ถ้าเธอปล่อยมือเขาคงต้องล่วงลงไปกองกับพื้นอีกแน่ สายตาที่มองตรงไปด้านหน้าจับการเคลื่อนไหวบางอย่างได้..

              ..ทหาร..แปดคนอยู่ข้างหน้าเธอ และตอนนี้เธอไม่มีอะไรเลยนอกจากมือและสมอง..

              "คิดสิๆๆๆ ครีนัส! เธอทำได้ๆ..."

             ในวินาทีอันเร่งด่วน หญิงสาวเริ่มใช้สัญชาตญาณของตนเอง เธอหันควับไปด้านข้าง..มีทางไปต่ออยู่อีกทางหนึ่ง เท้าทั้งสองเริ่มก้าวเร็วขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดเธอรีบวิ่งพลางพยุงคู่หูของเธอไปทางนั้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางลูกกระสุนนับร้อยที่กระหน่ำมายังพวกเขา เธอหลบชิดกำแพงก่อนจะทิ้งตัวของเขาลงช้าๆ..

              เอาละ...เธอต้องนับหนึ่งถึงสิบ เตรียมตัววิ่งต่อภายในเวลานี้!

              "นายชิดกำแพงไป! ย้ำนะว่าจับเป็นทั้งสองคน!!"

              1..2...3..

              ตึกๆๆๆ

              ทหารประมาณสิบคนเริ่มเคลื่อนที่เข้ามาใกล้กำแพงที่เธอหลบอยู่มากขึ้น ในเวลานี้เธอแทบจะเตรียมแผนไม่ได้เลยสักนิด! ให้ตาย!

              4..5...6..7...

              ปังๆๆ!

              ..8..9....

              "..อ..แอดเลอร์.."

              เสียงเรียกอันแผ่วบางนั่นดังขึ้น เธอรีบก้มลงไปมองชายหนุ่มที่กำลังค่อยๆพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืน เครื่องแบบของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือด..ใบหน้านั่นเงยขึ้นทีละน้อย แอดเลอร์มองเขาอย่างประหลาดใจเล็กน้อย

             "ให้ตายสิ!! คุณโดนซ้อมขนาดไหนกันทำไมน่วมอย่างนี้ล่ะ!!?"

             ปังๆๆๆ!

             เบิร์ต คาร์ลเงยหน้าขึ้นในที่สุด มือของเขาเอื้อมไปฉวยมือของหญิงสาวเอาไว้อย่างรวดเร็วก่อนจะเริ่มต้นสาวเท้าวิ่ง ทิ้งให้เสียงห่ากระสุนนั่นอยู่ด้านหลัง

              "ผมโดน..มากกว่าคุณละกัน.. สาวน้อย"

             "งั้นเหรอ!? รีบออกไปจากไอ้ค่ายเวรนี่ได้แล้ว!!"

             ในที่สุดเขาพวกเขาก็พ้นออกจากค่ายนั่นมาหลังจากที่ผ่านการปะทะระหว่างพวกเขาและนาซี ในภารกิจครั้งนี้..แอดเลอร์ตระหนักได้ว่า..เธอทำมันไม่สำเร็จเจ็บตัว แถมยังโดนไอ้พวกนั้นยึดอาวุธไปหมด!

             เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเธอ! ไม่ใช่!!

              ริค...เธอจะต้องไปพูดกับเขาให้ได้เมื่อกลับไปแล้ว!

              พวกเขาวิ่งออกมาไกลจากค่ายนั่นมากแล้ว ต่างคนต่างหอบด้วยความเหน็ด เหนื่อยยกเว้นคาร์ลซึ่งไม่ค่อยแสดงอาการเหนื่อยออกมามากเท่าไร โชคดีที่มีรถคันหนึ่งจอดทิ้งเอาไว้ พวกเขาก้าวขึ้นรถอย่างรวดเร็วในขณะที่พวกทหารเกือบทั้งค่ายไล่ตามหลังมาติดๆ ชายหนุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ก่อนจะเริ่มเหยียบคันเร่งแล้วขับออกไปโดยไม่รีรอ แอดเลอร์ยกมือขึ้นกุมขมับอย่างช้าๆเนื่องจากการขับรถสุดบ้าบิ่นของคู่หูของเธอ แต่ก็นึกโล่งใจที่หนีรอดออกจากระยะการไล่ล่าของไอ้พวกนั้นได้

              "ฉันเหนื่อย..แล้วก็อยากจะบ้าตายกับเรื่องนี้มากๆเลย!"หญิงสาวสบถออกมาหลังจากที่อดกลั้นมานานเกินทน"ให้ตาย ฉันไม่น่ารับงานนี้เลยสักนิด!!"

              "..."

              ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าโมโห พวกนาซีนั่นยึดของของเธอออกไปหมด ไม่ว่าจะเป็นปืน กระสุน หรือว่านาฬิกาพกของเธอ ให้ตายสิ!

              "ของของคุณน่ะ"เขากล่าวขึ้นหลังจากที่ตั้งสมาธิกับการขับรถมานาน"ผมเก็บไว้ให้แล้ว"

              "อยู่ไหน!?"

             เขาปรายตามองเธอนิดหน่อย"ผมคงอยากให้คืนมากเลยนะถ้าคุณเล่นตะคอกใส่หน้าผมแบบนี้น่ะ"

              เธอถอนหายใจออกมาเฮือกยาว"ของของฉัน..มันอยู่ไหน"

              เบิร์ตก้มลงไปหยิบบางอย่างที่อยู่ใต้เบาะรถขึ้นมา มันคือของของเธอทั้งหมดที่โดนพวกนั้นยึดไปตอนถูกจับได้ ทั้งปืนแล้วก็นาฬิกา ว่าแล้วหญิงสาวก็ยื่นมือออกไปหมายจะหยิบพวกมันมา แต่เขากลับชักมือกลับ

              "กรุณา..คืนของให้ฉันด้วย.."เธอพูดขึ้นพลางจับจ้องไปยังสมบัติของตนเองที่อยู่ในมือของเขา"..ค่ะ"

              "คุณทำภารกิจนี้ไม่สำเร็จแถมยังถูกจับได้อีก แบบนี้มันน่าให้คืนนักหรือไง"

             "อะไรนะ หมายความว่าคุณจะยึดมันไว้เหรอ!?"

             "ใช่"

             แอดเลอร์รู้สึกหัวเสียนิดหน่อยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งสงบปากสงบคำไปเงียบๆ สายตามองลอดหน้าต่างออกไปตามเคย ในใจยังคงคิดถึงของทั้งหมดของตนที่ถูกยึดไว้ จะว่ามันไร้เหตุผลก็คงไม่ได้ เพราะเธอพลาดเอง..

             "..ฉันขอนาฬิกาคืน"

             "เฮอะ--เดี๋ยวนี้รู้จักเจรจาแล้วงั้นเหรอ"เขาพูดติดตลกเล็กน้อย"ก็ได้ แค่นาฬิกา"

             นาฬิกาพกในมือของเขาถูกยื่นมาตรงหน้า หญิงสาวรับมันมาเปอดฝาดู..มันยังคงเดินอยู่แม้ว่ากระจกที่เป็นหน้าปัดมันจะร้าวแล้วก็ตาม นาฬิกาพกเรือนนี้ผ่านสมรภูมิมานักต่อนัก แต่ไม่ยักเห็นว่ามันจะพังหรืออะไรเลยเสียนิดเดียว...นอกจากหน้าปัดร้าวเท่านั้น

              รถขับเข้าไปยังค่ายทหาร แทนที่จะเดินสำรวจรอบๆค่ายเช่นเมื่อก่อน แต่คราวนี้..เมื่อขาทั้งสองก้าวลงจากรถ เธอรีบสาวเท้าเข้าไปในเต้นท์ที่ริคอยู่ทันที แม้ว่าคำพูดของคู่หูของเธอจะยังคงดังอยู่ด้านหลังแต่ก็ไม่อาจฉุดเธอไว้ได้ เธอเปิดเต้นท์ออกแล้วเดินเข้าไปเลยโดยไม่รีรอ

              "ครีนัส?"น้ำเสียงของเขาฟังดูสงสัยเล็กน้อย"ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณจะรอด"

              ปัง!!

             เธอฟาดมือนเรียวที่สวมถุงมือหนังสีดำเอาไว้ลงไปบนโต๊ะไม้ตรงหน้าเธอ ชายหนุ่มที่นั่งอยู่หลังโต๊ะดูสะดุ้งขึ้นกับการกระทำของหญิงสาว เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอ

             "เป็นบ้าอะไรของคุณเนี่ย หายไปสามอาทิตย์กลับมาเปลี่ยนไปขนาดนี้เนี่ยนะ"

             "ฉันทำงานไม่สำเร็จ!"

              ริคหรี่ตาลง"อะไรนะ"

              "ฉันทำงานล่ม แถมยังโดนจับขังไว้ในคุก แบบนี้มันจะว่าไงอีกล่ะ!"

             พรึ่บ..

              พวกเขาหันไปด้านหลังพร้อมกันราวกับได้นัดหมายเอาไว้ ผู้มาเยือนนั่นไม่ใช่ใครนอกจากทหารหนุ่มยศพันตรีคนนั้น เขาดูแปลกใจเล็กน้อยกับเหตุการณ์ตรงหน้า เขาคิดอยู่ในใจว่า..นี่เขามาขัดจังหวะหรือเปล่า?

             "มีอะไร"ริคถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

             "ฉันอยากขอตัวผู้หมวดไปก่อนสักครู่"

             ริคสะบัดมือขึ้นราวกับบอกเขาว่าจะทำอะไรก็ทำ แอดเลอร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเดินตามเบิร์ต คาร์ลออกมาด้านนอกเต้นท์

             ในขณะที่เธอเดินตามหลังเขามานั้น เธอสัมผัสได้ถึงรังสีประหลาดๆที่แผ่ออกมาจากตัวของชายหนุ่ม เพียงมองแค่แวบเดียวก็รู้ได้แล้วว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไรอยู่ภายในตอนนี้...เขากำลังเครียด..หรือเปล่า?

              "คุณไม่เป็นไรใช่ไหม.."มันฟังดูเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบเสียเท่าไร อาจเป็นเพราะเธอไม่ต้องการคำตอบจริงกระมัง

             เขาหยุดเดินก่อนจะหันหลังมา

             "อันที่จริง.."เขาลากเสียง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลนั่นดูแข็งกร่าวกว่าที่เคย "มันตรงกันข้ามเลย รู้ไหม ความจริงผมไม่ควรเอางานของผมมาเสี่ยงเพราะคุณ"

             หญิงสาวมองลึกเข้าไปในนัยน์ตาแน่นิ่งคู่นั้น มันมีอะไรแปลกไป

             "เราสองคน"

             "..."

             "..ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ ทั้งผมที่ฝืนคำสั่งของริค และคุณที่ทำงานพลาด และยังโดนจับไปอีก"

             "แต่อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้ปริปากพูดอะไรที่เป็นข้อมูลสำคัญให้ไอ้พวกเวรนั่นเลยนะ!!"เธอยังคงแย้ง

             เบิร์ตก้มหน้าลง เขารู้ดีว่าสิ่งที่เขาทำลงไปมันจะมีผลอะไรตามมาบ้าง แต่เหตุผลที่เขาทำแบบนั้นลงไป..ก็เพื่อสิ่งเดียว 

             ..เพื่อรักษาความลับ

             "คุณไม่"

             "..."แอดเลอร์ยังคงได้แต่จ้องมองไปยังนัยน์ตาคู่นั้น มันคงไม่เป็นเหมือนที่เธอคิดใช่ไหม..?

             "...แต่ผมพูด ผมบอกข้อมูลบางอย่างให้พวกนั้นแล้ว"

                              -----------------------------------------------

             .

             ..

             ...

             ....

             "หัวหน้าครับ"

             "มีอะไร"

             "ผมสงสัยว่า เราเชื่อไอ้ทรยศนั้นได้จริงๆหรือครับ?"

             "ได้สิ"

             "อะไรที่ทำให้หัวหน้ามั่นใจได้ขนาดนั้นล่ะครับ ผมไม่เข้าใจ ไอ้นั่นมันทรยศเรานะครับ"

             ชายหนุ่มค่อยๆเงยหน้าจากโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยเอกสารมากมายกองเกลื่อนอยู่มามองทหารที่มียศต่ำกว่าตนตรงหน้าด้วยสายตาแข็งกร่าว

             "..ก็เพราะมันทรยศเราไงหมวด"









      SQWEEZ











    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×