คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : Scalpel. มีดผ่าตัด
ครืด…
พลั่ก!
“หลับฝันดีนะ นังทรยศ!"
ร่างบางบอบช้ำของหญิงสาวคนหนึ่งถูกผลักลงมานอนกองอยู่บนพื้นหลังลูกกรงเหล็ก เธอนอนแน่นิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะค่อยๆดันตัวเองให้ลุกขึ้นแต่กลับไร้ผล สุดท้ายหล่อนก็ตัดสินใจนอนแน่นิ่งอยู่ที่เดิมโดยไร้แรงที่จะพยุงตัวให้ลุกขึ้นนั่ง เสียงหอบหายใจแรงของเธอดังสนั่นในความเงียบรางกับเหนื่อยล้ามานาน ขาด้านขวาของหญิงสาวถูกพันไปด้วยผ้าพันแผลเก่าๆที่มีคราบเลือด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอบาดเจ็บ
หญิงสาวยังคงนอนอยู่ สักพักก็เริ่มพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ได้ผล เธอลุกขึ้นได้อย่างสำเร็จตามความต้องการแต่ต้องแลกด้วยความเจ็บปวดที่ขาแทน เส้นผมสีน้ำตาลของเธอที่เคยยาวสยายกลับถูกตัดเหลือเพียงแค่ครึ่งเท่านั้น สาเหตุที่ทำให้เธอหมดสภาพเช่นนี้ก็เพราะความผิดพลาดของเธอที่ทำตนเองให้บาดเจ็บปางตาย..งานที่ได้มากำลังกัดกินชีวิตเธอจนเหลือเพียงเศษเสี้ยวการมองเห็นของเธอยังไม่ชัดเท่าไรนัก หญิงสาวเห็นเพียงแค่พื้นปูนร้าวๆที่มีทั้งฝุ่นและใยแมงมุมเปรอะเต็มไปหมด มือเรียวยาวยกมือขึ้นเสยผมยุ่งเหยิงนั่นให้เข้าที่ เสียงหายใจค่อยๆเบาลงทีละน้อย
"ให้ตายสิ...ไอ้พวกเวรเอ๊ย..."
หล่อนสบถออกมาด้วยเสียงอันแผ่วบางแล้วเงยหน้าขึ้นมองรอบๆ เธอถูกขังอยู่ในฐานทัพของพวกนาซี ดูจากทหารนิสัยเสียที่ทิ้งเธออย่างกับเธอเป็นขยะเมื่อครู่ก็รู้แล้วว่าเธออยู่ที่ไหน ความคิดแรกที่นึกขึ้นได้คือ..เธอจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไรกัน..
เมื่อราวๆเมื่อวันก่อนที่เธอถูกส่งมาทำภารกิจนี้ เธอวางแผนด้วยตนเองแล้วลงมือทำมันด้วยตนเองอีกด้วย แต่แผนที่คิดขึ้นมาอย่างชาญฉลาดนั่นกับทำให้โดนกับดักของพวกนาซีจนได้ มันทำให้เธอรู้สึกเจ็บใจขึ้นมาทันทีกับแผนนั่น
บ้าชิบ...แผลฉัน...
แอดเลอร์เหลือบมองไปที่ขาข้างขวาของตน ความเจ็บที่ปวดระบมอยู่บริเวณนั้นยังคงไม่จางหายไปเสียที แผลของเธอมันเจ็บปวดมากขึ้นเมื่อยื่นมือไปสัมผัส จนต้องชักมือกลับมาทันที
หญิงสาวหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด หล่อนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเครื่องแบบสะบักสะบอมนั่นเพื่อหยิบนาฬิกาพกออกมาดู แต่ทว่า..มันไม่อยู่แล้ว..
เธอเบิกตาขึ้น..ของสำคัญของเธอ..
..มันหายไป...!
"คุณบาดเจ็บสินะ"
เสียงนั้นดังขึ้นในความมืด หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมา..ดวงตาสีฟ้าที่ฉายแววความสิ้นหวังนั่นกรอกหาต้นเสียง เธอรีบขยับเข้ามุมทันที..สายตายังคงจ้องมองหามันอยู่...
"ใครน่ะ.."
"เสียงของคุณฟังดูเหนื่อยๆนะ..คงจะโดนซ้อมจนเละเลยแน่ๆ.."
หล่อนเปลี่ยนทิศทางการมองเห็นไปยังตรงหน้าแทน ฉับพลันเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่ตรงหน้า หญิงสาวพรรณนาไปต่างๆนานาว่าเขาจะลุกขึ้นมาฆ่าเธอ ฟังดูจากเสียงแล้วนั้น เขาคงไม่ใช่คนเยอรมันหรือพวกนาซีแน่นอน..สำเนียงภาษาอังกฤษของเขามันทำให้เธอคิดเช่นนั้น
"ฉันไม่มีปืน..."เสียงของเธอฟังดูแผ่วบางลงทุกที เปลือกตาบ่อยๆลดลงมาบดบังดวงตาคู่สวยนั่น"..เพราะฉะนั้น..อยากทำอะไรก็ทำเลย..."
คำพูดที่ออกแนวประชดประชันของเธอทำให้เสียงนั่นเงียบไปสักครู่ แล้วร่างของใครคนหนึ่งก็ปรากฏออกมาจากเงามืดตรงหน้าหล่อนนั่นเอง แอดเลอร์พยายามใช้สายตาเพ่งมองไปยังใบหน้าของเขาให้มากที่สุด..แต่ก็มองไม่ค่อยชัดเท่าไร
"ท่าทางคุณจะหมดหวังนะ.."
"...."
"คุณไม่ใช่อเมริกันนี่..."เสียงนั่นดังมากขึ้น"..ทำไมสวมเครื่องแบบของพวกนั้นล่ะ.."
"...."
เขาค่อยๆก้าวขาออกไปจากเงามืดมากขึ้น ร่างของหญิงสาวเจ้าของเสียงอันแผ่วบางเมื่อครู่นั่งพิงผนังที่เต็มไปด้วยใยแมงมุม ใบหน้าของเธอบอบช้ำมากแถมที่ขาก็ยังมีผ้าพันแผลอีก ชายหนุ่มสาวเท้าเข้าไปหาเธอเรื่อยๆแล้วหยุดตรงหน้าของเธอ เขาค่อยๆย่อตัวลงนั่ง..มือใหญ่ยื่นเข้าไปแตะหน้าสะสวยที่ไร้ปฏิกิริยายใดๆตรงหน้าเบาๆ
...เธอสลบไปแล้ว..อาจเป็นเพราะพิษบาดแผลนั่นกับการที่เธอโดนซ้อมขนาดนี้...
ฟึ่บ...
มือของหญิงสาวยกขึ้นมาจับข้อมือของเขาเอาไว้แล้ววางมันลงบนพื้น เธอคงรวบรวมสติได้ไม่สมบูรณ์เท่าไรมากนัก...เธอคิดว่าเขาจะทำอะไรเธองั้นหรือ..
"อย่า..."เธอพูดขึ้นเบาๆราวกับนั่นเป็นเสียงกระซิบ"...คุณเสียใจแน่ถ้าคิดจะแตะตัวฉัน...อีก.."
"คุณบาดเจ็บหนักนะ..ผมต้องช่วยคุณ"
"ไม่จำเป็นหรอก ยังไงฉันก็ต้องตายที่นี่..ซักวัน"
เขามองเธออย่างสงสัย ก่อนจะละสายตาลงไปยังผ้าพันแผลที่ขาของเธอแทน แผลนั่นยังมีเลือดติดอยู่..แสดงว่าใครก็ตามที่ทำแผลให้เธอไม่ปรารถนาที่จะเอาสิ่งที่อยู่ในแผลออกเลยสักนิดเดียว...
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเธอ....
..
....
"คุณเป็น..นาซีนี่"
"ตอนนี้..ไม่แล้ว....ฉันไม่ได้เป็นพวกเลวนั่นอีกแล้วล่ะ.."
คำพูดเสียงแผ่วนั่นมีเสียงหัวเราะปนออกมาด้วย หากดูเผินๆแล้วนั้นอาจจะตัดสินใจได้ว่า..เธอกำลังกลบความกลัวด้วยเสียงหัวเราะนั่นเอง
ชายหนุ่มที่เธอมองไม่เห็นหน้าคนนั้นยังคงนั่งจ้องมองตัวเธอเองอยู่ไม่ขยับ แอดเลอร์ปลายตามองเขาทั้งๆที่มองไม่เห็น เขาค่อยๆถอยห่างจากเธอ..รองเท้าที่เขาสวมนั่นทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นทหารไม่ใช่สามัญชน หญิงสาวรู้ตัวอีกทีเมื่อสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดตรงผ้าพันแผล เธอแทบจะไม่เมีแรงที่จะกรีดน้องออกมาเลยแม้แต่น้อย...เธอรู้ตัวว่าตนเองทำอะไรอยู่..และที่สำคัญ...
...เธอไม่ได้วางแผนว่าจะตายวันนี้
"อยู่นิ่งๆสิ"ฟังดูนั่นคือคำเตือนของเขา"..เดี๋ยวผมดูแผลให้"
"อยู่ให้ห่างฉันเอาไว้ซะ ถ้าไม่อยากเจ็บตัวน่ะ..!"
แทนที่จะถอยห่าง เขากลับหัวเราะขึ้นมาแทน
"ไม่ต้องห่วง ผมแค่จะดูแผลนี่เท่านั้น"
แอดเลอร์ขยับตัวน้อยลง ราวกับคำพูดนั่นทำให้เธอไว้ใจเขาได้ระยะหนึ่ง"คุณเป็นหมอทหารเหรอ.."
"ไม่หรอก..ผมโดนล่าเหมือนคุณ แต่ผมไม่ใช่หมอ"เขาปฏิเสธ"...ผมเป็นทหาร"
ชายหนุ่มปริศนายื่นมือไปที่ผ้าพันแผลแล้วแก้มันออกช้าๆ น่าแปลกที่เธอไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิดเดียว...ถึงไม่ใช่หมอ เขาก็เหมือนหมอนั่นล่ะ
"พวกนั้นแค่ทำแผลให้คุณเฉยๆ"เขากล่าวขึ้นในขณะที่ยังคงจับจ้องไปยังรอยแผลที่ถูกผ้าพันแผลเมื่อครู่ปิดเอาไว้"..แต่ไม่ได้เอากระสุนออก"
"ช่างมันเถอะน่า..ฉันไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากคุณนี่"
"นี่คุณเสียสติไปแล้วชัดๆ"ชายหนุ่มคนนั้นว่า"ปล่อยไว้นานเดี๋ยวแผลจะอักเสบถ้าคุณไม่ได้รับการรักษาเดี๋ยวนี้"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอก็เริ่มรวมสติเข้าด้วยกันทันที
"ให้ตายสิ คุณช่วยกลับไปนั่งที่มุมมืดๆนั่นเหมือนเดิมจะได้มั้ย ขอร้องล่ะ"
เขาหยิบบางอย่างออกมา มันสะท้อนแสงแวววาวท่ามกลางความมืดมิด มันคือ..มีดขนาดเล็ก
..และในวินาทีนั้นเอง ใบหน้าของเขาก็โผล่พ้นออกมาจากความมืด..
"เจ็บหน่อยนะ แต่คุณต้องทน"
เขากล่าวเสียงเรียบพลางคลี่ยิ้มบางๆให้หญิงสาว เธอเอาแต่พินิจมองหน้าของเขาโดยไม่มีทีท่าว่าจะละจากมันเลยแม้สักนิดเดียว จะไม่ให้เธอมองเขาขนาดนี้ได้อย่างไรในเมื่อ...ใบหน้านั่น...คือ..
"..."
...
..
.
"คิวานอฟ รูดอล์ฟ..?"
เขายิ้มอีกครั้ง"ใช่ผมเอง"
ชายหนุ่มลดมีดในมือลง เขาวางมันไว้บนพื้นแล้วค่อยๆลุกขึ้นก้าวไปหาหญิงสาวที่ในขณะนี้เธอแทบจะขยับจนชิดมุมห้องแล้วในทันทีเมื่อเห็นหน้าเขา..เขาเดินหยุดตรงหน้าเธอแล้วค่อยๆย่อตัวลงนั่ง มือนั่นถูกยื่นมาตรงหน้าเธออีกครั้ง...ดวงตาไร้แววจ้องมองเธอราวกับสะกดหญิงสาวเอาไว้
"คุณ..โดนขังในนี้มานานแค่ไหนแล้ว..."
"2 เดือนก่อน ผมพลาดเหมือนคุณนั่นล่ะ"
มือของเขายังคงลูบไล้ใบหน้าสะสวยของเธออย่างสนุก เขาไม่เห็นเธอมานานแล้วตั้งแต่เธอถูกย้ายไปที่พอทสดัม ถึงแม้ว่ามันจะนานนมมาแล้วก็ตาม แต่ถึงจะอย่างไรการที่เธอถูกตัดผมก็ไม่ใช่ปัญหาเลยด้วยซ้ำที่จะทำให้เขาจำเธอไม่ได้
แอดเลอร์หลับตาลงในที่สุด ราวกับดำดิ่งสู่ความมืดมิด..ภาพความทรงจำที่ลอยละล่องอยู่ใต้ขิตสำนึกของเธอค่อยๆผุดขึ้นมาทีละน้อย หนึ่งในนั้นคือใบหน้าของเขา..ทหารหนุ่มผู้ถือมีดผ่าตัดตรงหน้าเธอ เท่าที่จำความได้นั้น ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาเจอกัน...มันนานมากแล้วจนเธอลืมไป
"จำผมได้รึเปล่า.."เขายิ้มอีกครั้ง"..ครีนัส"
"ใครจะไปลืมไอ้ทหารถือมีดผ่าตัดอย่างคุณได้กันล่ะ โอ้ย!"
เธอทำท่าจะลุกขึ้นยืนแต่ก็ต้องล้มลงไปอีกครั้งเพราะแผลนั่น
"ไม่ได้เจอกันนาน เปลี่ยนไปเยอะเลยนะผู้หมวด"
"เหอะ.."เธอกระตุกยิ้มบ้าง สายตายังคงมองไปที่แผลของตน"กาลเวลาทำให้คนเปลี่ยนไปคิวานอฟ"
นัยน์ตาสีเทาคู่นั้นจ้องมองมายังเธอด้วยความสนใจ ไม่แปลกเลยที่เขาจะดูเหมือนหมอ..ก็เพราะลักษณะการมองของเขาเนี่ยล่ะ
คิวานอฟเอื้อมมือไปหยิบมีดผ้าตัดมาแล้วลุกขึ้นเดินไปนั่งลงข้างๆหญิงสาว เธอยังคงไม่สนใจเขานักเท่าไรเลยด้วยซ้ำ ชายหนุ่มยกขาขึ้นตั้งชันเอาไว้แล้วเอามือพาดไว้ด้านบน พวกเขาเงียบกันไปสักพักแต่ก็เหมือนกับนานแสนนาน จนกระทั่งแอดเลอร์เป็นฝ่ายพูดก่อน
"ฉันอยากออกไปจากที่นี่.."
ดวงตาสีฟ้านั่นไร้แววราวกับเป็นแววตาของคนตาย ซึ่งตอนนี้เธอก็ไม่ต่างอะไรกับคนตายเลยสักนิดเดียว
"..."
"ฉันอยากออกไปจากชีวิตเน่าๆของฉันในตอนนี้สักที อยากกลับไปเป็นผู้หญิงเหมือนเดิม..ลาขาดจากสงครามเวรนี่ซะ.."
"ถ้าคุณอยากกลับไปเป็นแบบนั้น คุณต้องหยุดสงครามนี้"
"นั่นแหละสิ่งที่ฉันทำไม่ได้!"
เธอหันมาตะโกนใส่หน้าเขา แววตาของเธอเริ่มจะเปลี่ยนไป
"งั้นคุณก็ต้องออกจากคุกนี่ให้ได้ก่อน"
คิวานอฟลุกขึ้นอีกครั้ง เขาเดินไปที่แผลของหญิงสาวแล้วนั่งลงที่เดิม มีดผ่าตัดในมือของชายหนุ่มถูกวางไว้ข้างๆ เขาตรวจดูแผลของเธอแล้วไม่มีอะไรมาก..แค่เอากระสุนออกก็พอ แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าเธอจะยอมหรือเปล่า
"คุณจะทำอะไรน่ะ"
"ผ่าเอากระสุนออกไง เดี๋ยวคุณก็เดินไม่ได้น่ะสิ"
"ช่างมันเถอะน่า! ถึงเอาออกได้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะออกจากที่นี่ได้นี่!"
"หุบปากซะ!!"
เสียงตะโกนนั่นบวกกับสีหน้าแววตาของชายหนุ่มที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน แอดเลอร์ขมวดคิ้วขึ้นหลังจากที่เขาพูดจบ มันทำให้เขากลับมารวบรวมสติเอาไว้ก่อนที่มันจะเกิดเรื่องขึ้นอีกหากว่าเขาโมโห หญิงสาวยังคงจ้องมองด้วยแววตาคนตายนั่น...
"ผมขอโทษ ลืมมันซะ"
คิวานอฟลุกขึ้นเดินกลับไปยังมุมมืดๆของตนเองอย่างช่วยไม่ได้ เขาเก็บมีดผ่าตัดเล่มเดิมใส่กระเป๋าพลางถอนหายใจเฮือกยาว ไม่มีเวลาไหนเลยที่เขาคุยกับเธอแล้วเกิดโมโหขึ้นมาเช่นนี้มาก่อน นี่ก็เป็นเพราะว่าคู่สนทนาของเขาได้เปลี่ยนไปแล้วนั่นเอง
"อย่าถือสาฉันเลยนะ"เธอพูด"แต่ตอนนี้ฉันเหนื่อยมาก"
"ประโยคมันขัดกันนะหมวด"
หญิงสาวถอนหายใจเบาๆด้วยความเหนื่อยล้าจากฤทธิ์บาดแผล ความจริงแล้วถ้าเลือกได้เธออยากจะขอให้ใครสักคนช่วยตัวเธอเองอยู่เหมือนกัน
"คุณอยากช่วยฉันเหรอ"
"คุณจะให้ช่วยหรือเปล่าล่ะ"
เธอยิ้มนิดหน่อย
"ไม่"
"งั้นก็แล้วไป อีกหน่อยผมก็คงได้เน่าตายอยู่ในนี้กับคุณนั่นแหละ"
แอดเลอร์ขมวดคิ้ว เธอพูดอะไรผิดไปเหรอเนี่ย
"นี่ฉันพูดผิดอีกแล้วเหรอเนี่ย"
"สรุปจะเอายังไง"
"เงียบๆไปก่อนละกัน ฉันมีแผน"
เขาเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาสีเทาคู่นั้นจ้องมองมาทางหญิงสาวด้วยความสนใจ เธอบอกว่ามีแผน..แผนอะไร นั่นคือคำถามที่เขาอยากจะรู้คำตอบมากที่สุด แอดเลอร์เป็นคนคิดเร็วเสมอ และแผนของเธออาจจะดีใช่ย่อยเลยก็ว่าได้
"เฮ้--ฉันรู้ว่ามีคนอยู่นั่นนะ!"
เธอร้องออกมาเป็นภาษาที่เขาฟังไม่ออก แต่ว่าน่าจะเป็นภาษาเยอรมัน สักครู่ก็มีทหารเยอรมันคนหนึ่งเดินมา หญิงสาวกระดิกนิ้วให้เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้กรงขัง คิวานอฟไม่รู้ว่าเธอพูดกับทหารนั่นว่าอะไร แต่ไม่นานนักทหารคนนั้นก็หยิบบางอย่างออกมา..มันคือบุหรี่หนึ่งมวน เขายื่นมันให้เธอพร้อมกับไฟแช็ก แล้วเดินจากไป
"ขอบคุณจ่า"เธอร้องออกไป ก่อนจะหันมามองหน้าคู่สนทนาของตนอีกครั้ง"มีอะไรเหรอ"
"ที่เรียกเขานี่..ก็เพราะอยากได้บุหรี่งั้นเหรอ"
"คงงั้นมั้ง"
ชายหนุ่มมองเธอด้วยดวงตาคู่เดิม แอดเลอร์จุดบุหรี่ก่อนจะเริ่มสูบมันช้าๆตรงหน้าเขา คิวานอฟมองหญิงสาวที่กำลังพ่นควันบุหรี่ออกมาช้าๆด้วยสายตาแน่นิ่ง
"ได้ข่าวว่าเลิกแล้วนี่"
"คุณไม่ใช่พ่อฉัน ห้ามฉันไม่ได้หรอกนะ"
"โอเค..ก็ได้.."เขายกมือขึ้นลูบใบหน้าสกปรกของตน"..คุณคงได้มันมาจากคู่หูของคุณสินะ"
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย มือของเธอยังคงคีบบุหรี่เอาไว้อยู่เหมือนเดิม"เบิร์ต คาร์ลเหรอ หมอนั่นเนี่ยแหละที่ส่งฉันมาให้โอเอสเอส"
"ไอ้เวรนั่นคิดอะไรถึงส่งคุณมานรกนี่ซะละ"
ตึง...
ชายหนุ่มสะดุ้งนิดหน่อย เขาเลิกสายตาขึ้นมองหญิงสาวเจ้าของแววตาของคนตายตรงหน้า เธอเอามือที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผลสีสกปรกเปื้อนเลือดทุบกำแพงจนเกิดเสียงดังกึกก้อง นัยน์ตาสีฟ้าคู่นั้นเหล่มองมาทางเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเขาอย่างไรอย่างไรนั้น
"อันที่จริงฉัน...เอิ่ม.."เธอลากเสียงในขณะที่จะพูดต่อ"คือฉันค่อนข้างจะเกลียดเขาเอามากๆเลยล่ะ คุณรู้มั้ย และความจริงฉันคงจะไม่สะทกสะท้านอะไรสักนิดว่าถ้าหากคุณเรียกเขาแบบนั้น..."
"..."
"...แต่เขาเป็น..คู่หูของฉัน และฉันไม่ชอบให้ใครมาพูดกับคู่หูของฉัน...แบบนั้น"
"ใครๆก็เกลียดพลตรีเบิร์ต คาร์ล ไม่แปลกหรอกที่ผมจะเรียกเขาแบบนั้น"ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ"เพรียสก็ด้วยล่ะ"
"เพรียส...ฉันไม่รู้จักชื่อนี้นี่ ใครกัน"
"เอาไว้คุณออกจากที่นี่ให้ได้ก่อนแล้วไปถามริคเอาเองละกันว่าเขาเป็นใคร"
แอดเลอร์ขมวดคิ้วขึ้นอย่างสงสัย สายตาแน่นิ่งจับจ้องไปยังชายผนุ่มตรงหน้าพลางพ่นควันสีขาวออกมาจากปาก กลิ่นฉุนบุหรี่ปกคลุมไปทั่วจนแทบไม่อากาศใช้หายใจ ถ้าพวกเขาไม่นั่งอยู่นิ่งๆก็ต้องคิดหาแผนที่จะออกไปนอกกรงขังนี่เสียก่อน เพราะถ้าหากอยู่ในที่แคบๆแบบนี้นานเกินไปมันอาจทำให้พวกเขาสติแตกมากขึ้นก็เป็นได้
ก้นบุหรี่ถูกทิ้งลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่นแล้วก็หยากไย่ หญิงสาวถอนหายใจออกมาช้าๆ เธอคิดว่าเธอควรจะนอนพักเสียหน่อย ตั้งแต่เข้ามาในกองทัพนี่เวลาพักของเธอแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ แต่สถานการณ์ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะกับการนอนพักเท่าไรนัก เพราะฉะนั้น..ทางออกเดียวคือคิดแผนไปจากที่นี่
เธอจะออกไปด้านนอกได้อย่างไร...
"อีกหน่อยคุณก็ควรบอกลาขาของคุณได้เลยล่ะหมวด"
หญิงสาวสะดุ้งนิดหน่อย"อะไรนะ"
"คุณต้องเอากระสุนนั่นออก ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม"
"คุณก็รู้ว่าฉันไม่เก่งเรื่องแนวนี้"แอดเลอร์พูดพลางก้มลงไปมองแผลนั่น"ตายอย่างเดียวนี่แหละดีแล้ว"
"คุณจะตายไม่ได้ งานนี้ผมต้องช่วยคุณ"
"ก็เอาซี...จะทำอะไรก็เชิญเลย.."
เธอเหยียดขาข้างนั้นจนตรง
"ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น.."เขาลากเสียง มือหยิบมีดผ่าตัดออกมาจากกระเป๋า"..อย่าร้องเด็ดขาด"
"ได้สิ ฉันอาจตายคาคุกเวรนี่ก็ได้..โอ๊ย!"
"ให้ตายสิแอดเลอร์! บอกว่าอย่าร้องไง!"
ปลายคมมีดค่อยๆเจาะลึกลงไปในรอยแผลที่ถูกยิง มันเป็นภาพที่สยดสยองที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมาเลย..เธอต้องกัดฟันแน่น อดทนที่จะไม่ร้องออกมาก่อนที่เขาจะเอากระสุนออกเสร็จ เธอรู้สึกเจ็บปวดที่แผลนั่นเป็นอย่างมากราวกับว่าขาของเธอจะขาดออกอย่างไรอย่างนั้น เอาละ..เธอต้องออดทน!
กริ๊ง..
"โอเค เสร็จแล้ว"
"เสร็จแล้วเหรอ ขอบคุณมากเลยนะคิวานอฟ"คำพูดของเธอฟังดูเหมือนกับการประชด"เมื่อกี้โครตเจ็บเลยรู้มั้ย!"
"เรื่องโวยวายนี่งานถนัดของคุณเลยใช่มั้ย ถ้าหุบปากแล้วเดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเองล่ะ"
คิวานอฟหยิบผ้าพันแผลที่เขามีอยู่ออกมาบ้างแล้วพันทับลงไปลงบนแผลของหล่อน แอดเลอร์มองดูรอยแผลนั่นพลางหอบหายใจแรง คราวนี้เหลือสิ่งเดียวที่เธอต้องทำก็คือ..การออกไปจากที่นี่ เรื่องนี้เธอต้องวางแผนกับเขา
"เหลือแค่แผนที่จะออกไปจากนี้แล้ว"เธอกล่าวขึ้น"คุณเคยเห็นที่นี่จากด้านนอกรึเปล่าคิวานอฟ.."
"ตอนผมเข้ามาอยู่ในนี้พวกนั้นเอาถุงมาคลุมหัวผมไว้ เดาว่าคุณก็น่าจะโดนด้วยนะ"
หญิงสาวหันหน้าออกไปมองด้านนอกลูกกรง มีทหารเฝ้ายามอยู่แค่คนเดียวแต่ก็ใช่ว่าจะออกไปได้ง่ายๆ เธอต้องดูปฏิกิริยาของทหารคนนี้เสียก่อน
"พวกนี้มันต้องมีปลี่ยนเวรยามมาเฝ้าพวกเราแน่ แต่มันเปลี่ยนกันยังไงล่ะ"
"..."
สายตาที่มองลอดออกไปนอกลูกกรงสนิมเครอะของเธอทำให้ปรากฏให้เห็นถึงภาพของนายทหารนาซียศน้อยคนหนึ่งที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ใกล้ๆกับที่ๆพวกเขาโดนจับขังอยู่นั้น ในหัวของเธอเริ่มคิดแผนออกมาเป็นจำนวนมากแต่กลับใช้อะไรไม่ได้เลยสักนิดเดียว คิวานอฟยังคงนั่งนิ่ง--ราวกับกำลังจับตามองหญิงสาวอยู่อย่างไรอย่างนั้น เธอยกมือขึ้นเกาะกรงเหล็นขณะที่มองลอดออกไป
..เธอจะออกไปจากนี่ได้อย่างไร...
....ไม่มีใครช่วยเธอได้นอกจากตัวเธอเอง...แต่เธอควรจะทำอย่างไรดี
....
...
..
.
"นม น้ำผึ้ง แล้วไงต่อ.."
เสียงพึมพำของใครสักคนดังมาจากในห้องครัวเล็กๆตรงหน้าของชายหนุ่ม ไม่บอกก็รู้ว่านั่นคือเสียงของใคร...จะใครที่ไหนได้ล่ะหากไม่ใช่อเล็กซิส..
เขาค่อยๆย่องเข้าไปใกล้ๆเธอมากขึ้นในขณะที่เธอหันหลังอยู่ แม่สาวผมบลอนด์คนนี้เพิ่งจะหัดทำพุดดิ้งเป็นครั้งแรก มันคงน่าขันมากๆเลยล่ะถ้าเขาได้ไปยืนดูเธอทำ แต่เผอิญว่าเขาไม่ได้ว่างขนาดนั้น...
"ให้ตายสิไอ้เวรเอ๊ย!!"
เคร้ง!
"อะไรของเธอเนี่ยอเล็กซิส นี่เธอทำอาหารหรือซ้อมคนแยู่กันแน่วะ!!?"
"อะไรอีกล่ะ"เด็กสาวหันมา เธอมองด้วยสายตายียวน"มีปัญหาอะไรเหรอ--"
นับวันเด็กสาวก็เริ่มทำเบ่งในบ้านของเขาราวกับนี่คือบ้านของตนเอง แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่..นี่มันมันบ้านของเขา และเธอคือผู้ที่ขอมาอาศัยอยู่ด้วยต่างหากเล่า!
"ให้ตายสิ เมื่อไหร่ไอ้นาซีพวกนั้นจะมาจับเธอไปสักทีเนี่ย.."
"เหอะ.."เธอกระตุกยิ้มอย่างมีชัย"คงผิดหวังสินะ พอดีฉันเอาตัวรอดเก่งน่ะ โฮะๆ"
หลงตัวเอง..ชายหนุ่มคิด แต่ถึงจะอย่างไรเขาก็ไม่หลุดปากพูดประโยคนั้นออกมาเลยเด็ดขาด ถ้าเป็นแบบนั้นเขามีหวังโดนเด็กนี่ฆ่าตายแน่นอน
ก็อกๆๆ..
เอเดรียนหันไปมองด้านหลังของตนเองพลางถอนหายใจยาว
"ผู้มาเยือนอีกแล้ว...ให้ตาย"
"คราวนี้ฉันไปรับไอ้พวกเวรนั่นเอง ฮะฮ่า! มันต้องไม่กล้าเข้ามานี่แน่ๆ"
อเล็กซิสหันมายิ้มให้เขาแล้วกึ่งวิ่งกึ่งกระโดดออกไปจากห้องครัว ทิ้งให้ชายหนุ่มต้องปวดหัวอย่างหนักกับงานที่เธอทิ้งไว้ให้เขาเก็บ เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นของที่เด็กสาวเตรียมไว้ทำพุดดิ้งวางเกลื่นไปทั่ว แถมมีคราบนมสดที่หกเรี่ยราดเต็มโต๊ะอีกด้วย เขาไม่เข้าใจเลยว่านี่เขาอยู่กับเด็กอายุสิบหกหรือหกขวบกันแน่..
เด็กสาวเดินเข้าไปที่ประตู บุคคลผู้มาเยือนยังคงยกมือเคาะประตูดังไม่ขาดสาย เขาคงมีธุระเร่งด้วยอะไรแน่ๆ แต่..ไม่มีวันหรอกที่เขาจะได้เข้ามาเหยียบในบ้านหลังนี้!
เอี๊ยด...
เสียงเสียดสีกันของบานพับประตูฟังดูน่าขนลุกสำหรับเธอ พลันร่างของใครคนหนึ่งที่อยู่หลังประตูก็ปรากฏขึ้น...
"เอ่อ..สวัสดีครับ"
อย่างที่เธอคิดไว้ไม่ผิด--จะเป็นใครไปได้นอกจากไอ้พวกนาซีนี่!
"มีอะไรให้ฉันช่วยเหรอคะ?"
"คุณเป็นรัสเซียหรือนี่..ความจริงที่นี่ไม่มีคนต้องรับคนรัสเซียหรอกนะครับ"
"ห๊ะ..ฉันเพิ่งรู้นะคะ ฮะๆ"
ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ..ความจริงถ้ามีปืนเธอก็อยากจะลั่นไกฆ่าเขาตั้งแต่เปิดประตูแล้ว...
"เอ่อ..ไม่ทราบเหมือนกันว่าช้าไปรึเปล่านะ..แต่ผมขออนุญาติแนะนำตัว-"เขายืดอกขึ้น ท่าทางไม่มั่นใจตนเองเท่าไร"ร้อยตรีชไวเกน แอสเตอร์ครับ"
เด็กสาวดูทึ่งกับท่าทีของเขาเล็กน้อย เธอยกมือขึ้นปัดเส้นผมสีบลอนด์ทองของเธออกจากใบหน้าตามความเคยชิน สายตายังคงจับจ้องไปยังนาซีหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่ยอมละเลิกง่ายๆ
ไม่ว่าจะยังไง...อเล็กซิสคิดในใจ ฉันต้องไม่บอกชื่อจริงให้พวกเวรนี่เด็ดขาด...
"ไอรีน โซวาสกีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก"
"เช่นกันครับ"เขายิ้มทักทายเธออีกครั้ง"ผมขอตัวนะ แล้วเจอกัน"
อเล็กซิสพยักหน้าให้เขา เธอรู้สึกสนใจเขาขึ้นมาเล็กน้อย..ท่าทางเหมือนกับอ่อนประสบการณ์อย่างไรอย่างนั้นล่ะ แต่มันก็ดีแล้วที่เป็นแบบนี้
นาซีนั่นทำให้เธอนึกถึงพี่ชายจอมกวนของเธอขึ้นมาทันที ตั้งแต่บุคลิก..มันก็เหมือนเขาแล้วล่ะนะ
"ใครมาเหรอ"เอเดรียนชะโงกหน้าออกมาดู
"นาซีน่ะ"เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก"ให้ตายสิ เกลียดไอ้พวกนี้วะ"
เอเดรียนรู้สึกชินกับนิสัยของเด็กสาวบ้างแล้วหลังจากที่ได้เจอเธอ...อเล็ก ซิสดูเหมือนกับเด็กธรรมดาทั่วไปถ้าหากมองดูเผิ่นๆ แต่แท้จริงแล้วนั้น..เธอไม่ใช่ เธอค่อนข้างจะหยาบคายและแข็งกระด้างไม่เหมือนเด็กสาวทั่วไป แล้วอีกอย่าง..เธอยังเป็นสายลับอีกด้วย
"ใจเย็นน่า เดี๋ยวมันก็เลิกเองล่ะ"
"แต่คนเมื่อกี้มันไม่ใช่แบบนั้นนะ หมอนั้นดูเป็นคนหัวดื้อยังไงอย่างนั้นเลย"
เด็กสาวเน้นเสียงหนักขึ้น เธอเก่งเรื่องการดูคนและไม่มีวันพลาดเรื่องนี้แน่
"เธอคิดว่าหมอนั่นจะมานี่อีกเหรอ"
"ใช่"
"ก็ได้--งั้นเดียวฉันจัดการเอง"
เขาเดินออกมาจากครัวมานั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่นอย่างสบายใจเฉิบ อเล็กซิสมองเอเดรียนอย่างสงสัย เธอไม่รู้ว่าจะรับมือกับไอ้พวกนาซีที่ชอบมาเคาะประตูหน้าบ้านได้อย่างไร แต่ในเมื่อเขาเสนอแผนมาเรียบร้อยแล้ว..เธอก็ไม่จำเป็นที่ึจะเหนื่อยอะไรมากมายหรอก
แต่เดี๋ยวนะ..ให้คนอื่นช่วยนี่ไม่ใช่นิสัยเธอนี่!
"ขอบใจมากนะ แต่เรื่องนี้ฉัดจัดการเองได้ ไม่จำเป็นเลยที่จะให้นายช่วยน่ะ"
"เฮอะ? หมายความว่าไงเนี่ย เธอไปเจอนาซีไหนมาอเล็กซิส"เขาทำหน้างง"เขาบอกชื่อรึเปล่า"
เธอถอนหายใจเฮือกยาวแล้วตัดสินใจพูดออกไป..
"ร้อยตรีชไวเกน แอสเตอร์"
"อะไรนะ?"เขาถามทวนอีก
"ชไวเกน...แอสเตอร์ ไอ้นาซีที่มาเมื่อครู่นั่นไง"
เขามองตาเธอไม่กระพริบ..."ชไวเกน แอสเตอร์..หน่วยเอสเอส มือขวามของเอมิลล์เลยนะนั่น!"
เด็กสาวขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปใครมาจากไหน...และคราวนี้เธอต้องใช้เวลา...
"งั้นฉันขอตัวก่อนละกัน"
"จะไปไหนอีกล่ะ"เขาถาม"ถ้าไอ้หมอนั่นรู้ว่าเธอเป็นสายลับของรัสเซีย เธอโดนถลกหนังแน่ๆเลยนะอเล็กซิส!!"
"ฉันจะออกไปข้างนอกสักหน่อย ไอ้พวกนั้นไม่รู้หรอกว่าฉันเป็นใคร"
ชายหนุ่มทำท่าจะปฏิเสธคำพูดนั่นอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เสียงประตูปิดนั่นดังอยู่หน้าบ้านเป็นสัญญาณว่าเธอเดินออกไปแล้วนั่นเอง
หัวดื้อชะมัดยาด...เขาคิด อยากรู้จังเลยว่านิสัยน้องสาวกับพี่ชายมันจะเป็นยังไงกัน...
....
อเล็กซิสก้าวเดินออกมาด้านนอกเรียบร้อยแล้ว...ภาพผู้คนที่กำลังทำงานของตนเองเป็นภาพที่เด็กสาวไม้ได้เห็นมานานเลยในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา เสียงนกร้องทักทายเธอดังอยู่บนศรีษะช่างไพเราะน่าฟังเสียเหลือเกิน เธอย่างไปยังถนนที่มีน้ำค้างเกาะจนชื้นเรื่อยๆพลางหันมองรอบๆด้วยจังหวะการก้าวเดินที่เหมาะสม ความเงียบสงบเช่นนี้เหมาะกับการครุ่นคิดอะไรบ้างอย่างที่ค้างคาใจมานาน..
เธอจะรับมือกับไอ้นาซีนั่นได้อย่างไร?
ร้อยตรีชไวเกน...นาซีสังกัดหน่วยเอสเอส..มือขวาของเอมิลล์...
ท่าทางจะเก่งไม่เบาเลยนะ...
แต่จะยังไงก็ตาม..เธอเชิ่ดหน้าขึ้น
ไอ้หมอนั่นก็ยังเป็นแค่เด็กฝึกหัดเท่านั้นล่ะ...ไม่มีทางสู้มือโปรอย่างฉันได้หรอก...
...
..
.
ร้อยตรีชไวเกน แอสเตอร์..คุณจะเป็นต่อไปที่ถูกฉันตามล่าหลังจากจบของเบิร์ต คาร์ลแล้ว....
--------------------------------------------------------
ความคิดเห็น