ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    War and Sacrifice : Route to the War

    ลำดับตอนที่ #30 : Scalpel. มีดผ่าตัด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 99
      0
      1 พ.ย. 58

     

                 ครืด

              พลั่ก!

               “หลับฝันดีนะ นังทรยศ!"

                ร่างบางบอบช้ำของหญิงสาวคนหนึ่งถูกผลักลงมานอนกองอยู่บนพื้นหลังลูกกรงเหล็ก เธอนอนแน่นิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะค่อยๆดันตัวเองให้ลุกขึ้นแต่กลับไร้ผล สุดท้ายหล่อนก็ตัดสินใจนอนแน่นิ่งอยู่ที่เดิมโดยไร้แรงที่จะพยุงตัวให้ลุกขึ้นนั่ง เสียงหอบหายใจแรงของเธอดังสนั่นในความเงียบรางกับเหนื่อยล้ามานาน ขาด้านขวาของหญิงสาวถูกพันไปด้วยผ้าพันแผลเก่าๆที่มีคราบเลือด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอบาดเจ็บ

               หญิงสาวยังคงนอนอยู่ สักพักก็เริ่มพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ได้ผล เธอลุกขึ้นได้อย่างสำเร็จตามความต้องการแต่ต้องแลกด้วยความเจ็บปวดที่ขาแทน เส้นผมสีน้ำตาลของเธอที่เคยยาวสยายกลับถูกตัดเหลือเพียงแค่ครึ่งเท่านั้น สาเหตุที่ทำให้เธอหมดสภาพเช่นนี้ก็เพราะความผิดพลาดของเธอที่ทำตนเองให้บาดเจ็บปางตาย..งานที่ได้มากำลังกัดกินชีวิตเธอจนเหลือเพียงเศษเสี้ยว
               การมองเห็นของเธอยังไม่ชัดเท่าไรนัก หญิงสาวเห็นเพียงแค่พื้นปูนร้าวๆที่มีทั้งฝุ่นและใยแมงมุมเปรอะเต็มไปหมด มือเรียวยาวยกมือขึ้นเสยผมยุ่งเหยิงนั่นให้เข้าที่ เสียงหายใจค่อยๆเบาลงทีละน้อย

               "ให้ตายสิ...ไอ้พวกเวรเอ๊ย..."

              หล่อนสบถออกมาด้วยเสียงอันแผ่วบางแล้วเงยหน้าขึ้นมองรอบๆ เธอถูกขังอยู่ในฐานทัพของพวกนาซี ดูจากทหารนิสัยเสียที่ทิ้งเธออย่างกับเธอเป็นขยะเมื่อครู่ก็รู้แล้วว่าเธออยู่ที่ไหน ความคิดแรกที่นึกขึ้นได้คือ..เธอจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไรกัน..

              เมื่อราวๆเมื่อวันก่อนที่เธอถูกส่งมาทำภารกิจนี้ เธอวางแผนด้วยตนเองแล้วลงมือทำมันด้วยตนเองอีกด้วย แต่แผนที่คิดขึ้นมาอย่างชาญฉลาดนั่นกับทำให้โดนกับดักของพวกนาซีจนได้ มันทำให้เธอรู้สึกเจ็บใจขึ้นมาทันทีกับแผนนั่น

              บ้าชิบ...แผลฉัน...

             แอดเลอร์เหลือบมองไปที่ขาข้างขวาของตน ความเจ็บที่ปวดระบมอยู่บริเวณนั้นยังคงไม่จางหายไปเสียที แผลของเธอมันเจ็บปวดมากขึ้นเมื่อยื่นมือไปสัมผัส จนต้องชักมือกลับมาทันที

          หญิงสาวหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด หล่อนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเครื่องแบบสะบักสะบอมนั่นเพื่อหยิบนาฬิกาพกออกมาดู แต่ทว่า..มันไม่อยู่แล้ว..

             เธอเบิกตาขึ้น..ของสำคัญของเธอ..

             ..มันหายไป...!

             "คุณบาดเจ็บสินะ"

             เสียงนั้นดังขึ้นในความมืด หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมา..ดวงตาสีฟ้าที่ฉายแววความสิ้นหวังนั่นกรอกหาต้นเสียง เธอรีบขยับเข้ามุมทันที..สายตายังคงจ้องมองหามันอยู่...

            "ใครน่ะ.."

            "เสียงของคุณฟังดูเหนื่อยๆนะ..คงจะโดนซ้อมจนเละเลยแน่ๆ.."

            หล่อนเปลี่ยนทิศทางการมองเห็นไปยังตรงหน้าแทน ฉับพลันเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่ตรงหน้า หญิงสาวพรรณนาไปต่างๆนานาว่าเขาจะลุกขึ้นมาฆ่าเธอ ฟังดูจากเสียงแล้วนั้น เขาคงไม่ใช่คนเยอรมันหรือพวกนาซีแน่นอน..สำเนียงภาษาอังกฤษของเขามันทำให้เธอคิดเช่นนั้น

            "ฉันไม่มีปืน..."เสียงของเธอฟังดูแผ่วบางลงทุกที เปลือกตาบ่อยๆลดลงมาบดบังดวงตาคู่สวยนั่น"..เพราะฉะนั้น..อยากทำอะไรก็ทำเลย..."

            คำพูดที่ออกแนวประชดประชันของเธอทำให้เสียงนั่นเงียบไปสักครู่ แล้วร่างของใครคนหนึ่งก็ปรากฏออกมาจากเงามืดตรงหน้าหล่อนนั่นเอง แอดเลอร์พยายามใช้สายตาเพ่งมองไปยังใบหน้าของเขาให้มากที่สุด..แต่ก็มองไม่ค่อยชัดเท่าไร

             "ท่าทางคุณจะหมดหวังนะ.."

             "...."

             "คุณไม่ใช่อเมริกันนี่..."เสียงนั่นดังมากขึ้น"..ทำไมสวมเครื่องแบบของพวกนั้นล่ะ.."

             "...."

             เขาค่อยๆก้าวขาออกไปจากเงามืดมากขึ้น ร่างของหญิงสาวเจ้าของเสียงอันแผ่วบางเมื่อครู่นั่งพิงผนังที่เต็มไปด้วยใยแมงมุม ใบหน้าของเธอบอบช้ำมากแถมที่ขาก็ยังมีผ้าพันแผลอีก ชายหนุ่มสาวเท้าเข้าไปหาเธอเรื่อยๆแล้วหยุดตรงหน้าของเธอ เขาค่อยๆย่อตัวลงนั่ง..มือใหญ่ยื่นเข้าไปแตะหน้าสะสวยที่ไร้ปฏิกิริยายใดๆตรงหน้าเบาๆ 

            ...เธอสลบไปแล้ว..อาจเป็นเพราะพิษบาดแผลนั่นกับการที่เธอโดนซ้อมขนาดนี้...

            ฟึ่บ...

            มือของหญิงสาวยกขึ้นมาจับข้อมือของเขาเอาไว้แล้ววางมันลงบนพื้น เธอคงรวบรวมสติได้ไม่สมบูรณ์เท่าไรมากนัก...เธอคิดว่าเขาจะทำอะไรเธองั้นหรือ..

            "อย่า..."เธอพูดขึ้นเบาๆราวกับนั่นเป็นเสียงกระซิบ"...คุณเสียใจแน่ถ้าคิดจะแตะตัวฉัน...อีก.."

            "คุณบาดเจ็บหนักนะ..ผมต้องช่วยคุณ"

            "ไม่จำเป็นหรอก ยังไงฉันก็ต้องตายที่นี่..ซักวัน"

             เขามองเธออย่างสงสัย ก่อนจะละสายตาลงไปยังผ้าพันแผลที่ขาของเธอแทน แผลนั่นยังมีเลือดติดอยู่..แสดงว่าใครก็ตามที่ทำแผลให้เธอไม่ปรารถนาที่จะเอาสิ่งที่อยู่ในแผลออกเลยสักนิดเดียว...

             ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเธอ....

              ..

              ....

              "คุณเป็น..นาซีนี่"

              "ตอนนี้..ไม่แล้ว....ฉันไม่ได้เป็นพวกเลวนั่นอีกแล้วล่ะ.."

              คำพูดเสียงแผ่วนั่นมีเสียงหัวเราะปนออกมาด้วย หากดูเผินๆแล้วนั้นอาจจะตัดสินใจได้ว่า..เธอกำลังกลบความกลัวด้วยเสียงหัวเราะนั่นเอง

              ชายหนุ่มที่เธอมองไม่เห็นหน้าคนนั้นยังคงนั่งจ้องมองตัวเธอเองอยู่ไม่ขยับ แอดเลอร์ปลายตามองเขาทั้งๆที่มองไม่เห็น เขาค่อยๆถอยห่างจากเธอ..รองเท้าที่เขาสวมนั่นทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นทหารไม่ใช่สามัญชน หญิงสาวรู้ตัวอีกทีเมื่อสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดตรงผ้าพันแผล เธอแทบจะไม่เมีแรงที่จะกรีดน้องออกมาเลยแม้แต่น้อย...เธอรู้ตัวว่าตนเองทำอะไรอยู่..และที่สำคัญ...

             ...เธอไม่ได้วางแผนว่าจะตายวันนี้

             "อยู่นิ่งๆสิ"ฟังดูนั่นคือคำเตือนของเขา"..เดี๋ยวผมดูแผลให้"

             "อยู่ให้ห่างฉันเอาไว้ซะ ถ้าไม่อยากเจ็บตัวน่ะ..!"

              แทนที่จะถอยห่าง เขากลับหัวเราะขึ้นมาแทน

              "ไม่ต้องห่วง ผมแค่จะดูแผลนี่เท่านั้น"

              แอดเลอร์ขยับตัวน้อยลง ราวกับคำพูดนั่นทำให้เธอไว้ใจเขาได้ระยะหนึ่ง"คุณเป็นหมอทหารเหรอ.."

              "ไม่หรอก..ผมโดนล่าเหมือนคุณ แต่ผมไม่ใช่หมอ"เขาปฏิเสธ"...ผมเป็นทหาร"

               ชายหนุ่มปริศนายื่นมือไปที่ผ้าพันแผลแล้วแก้มันออกช้าๆ น่าแปลกที่เธอไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิดเดียว...ถึงไม่ใช่หมอ เขาก็เหมือนหมอนั่นล่ะ

               "พวกนั้นแค่ทำแผลให้คุณเฉยๆ"เขากล่าวขึ้นในขณะที่ยังคงจับจ้องไปยังรอยแผลที่ถูกผ้าพันแผลเมื่อครู่ปิดเอาไว้"..แต่ไม่ได้เอากระสุนออก"

               "ช่างมันเถอะน่า..ฉันไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากคุณนี่"

               "นี่คุณเสียสติไปแล้วชัดๆ"ชายหนุ่มคนนั้นว่า"ปล่อยไว้นานเดี๋ยวแผลจะอักเสบถ้าคุณไม่ได้รับการรักษาเดี๋ยวนี้"

               เมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอก็เริ่มรวมสติเข้าด้วยกันทันที

                "ให้ตายสิ คุณช่วยกลับไปนั่งที่มุมมืดๆนั่นเหมือนเดิมจะได้มั้ย ขอร้องล่ะ"

                เขาหยิบบางอย่างออกมา มันสะท้อนแสงแวววาวท่ามกลางความมืดมิด มันคือ..มีดขนาดเล็ก

                ..และในวินาทีนั้นเอง ใบหน้าของเขาก็โผล่พ้นออกมาจากความมืด..

                "เจ็บหน่อยนะ แต่คุณต้องทน"

                เขากล่าวเสียงเรียบพลางคลี่ยิ้มบางๆให้หญิงสาว เธอเอาแต่พินิจมองหน้าของเขาโดยไม่มีทีท่าว่าจะละจากมันเลยแม้สักนิดเดียว จะไม่ให้เธอมองเขาขนาดนี้ได้อย่างไรในเมื่อ...ใบหน้านั่น...คือ..

                "..."

                ...

                ..

                .

                "คิวานอฟ รูดอล์ฟ..?"

                เขายิ้มอีกครั้ง"ใช่ผมเอง"

                ชายหนุ่มลดมีดในมือลง เขาวางมันไว้บนพื้นแล้วค่อยๆลุกขึ้นก้าวไปหาหญิงสาวที่ในขณะนี้เธอแทบจะขยับจนชิดมุมห้องแล้วในทันทีเมื่อเห็นหน้าเขา..เขาเดินหยุดตรงหน้าเธอแล้วค่อยๆย่อตัวลงนั่ง มือนั่นถูกยื่นมาตรงหน้าเธออีกครั้ง...ดวงตาไร้แววจ้องมองเธอราวกับสะกดหญิงสาวเอาไว้

                 "คุณ..โดนขังในนี้มานานแค่ไหนแล้ว..."

                 "2 เดือนก่อน ผมพลาดเหมือนคุณนั่นล่ะ"

                 มือของเขายังคงลูบไล้ใบหน้าสะสวยของเธออย่างสนุก เขาไม่เห็นเธอมานานแล้วตั้งแต่เธอถูกย้ายไปที่พอทสดัม ถึงแม้ว่ามันจะนานนมมาแล้วก็ตาม แต่ถึงจะอย่างไรการที่เธอถูกตัดผมก็ไม่ใช่ปัญหาเลยด้วยซ้ำที่จะทำให้เขาจำเธอไม่ได้ 

                 แอดเลอร์หลับตาลงในที่สุด ราวกับดำดิ่งสู่ความมืดมิด..ภาพความทรงจำที่ลอยละล่องอยู่ใต้ขิตสำนึกของเธอค่อยๆผุดขึ้นมาทีละน้อย หนึ่งในนั้นคือใบหน้าของเขา..ทหารหนุ่มผู้ถือมีดผ่าตัดตรงหน้าเธอ เท่าที่จำความได้นั้น ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาเจอกัน...มันนานมากแล้วจนเธอลืมไป

                 "จำผมได้รึเปล่า.."เขายิ้มอีกครั้ง"..ครีนัส"

                 "ใครจะไปลืมไอ้ทหารถือมีดผ่าตัดอย่างคุณได้กันล่ะ โอ้ย!"

                 เธอทำท่าจะลุกขึ้นยืนแต่ก็ต้องล้มลงไปอีกครั้งเพราะแผลนั่น

                 "ไม่ได้เจอกันนาน เปลี่ยนไปเยอะเลยนะผู้หมวด"

                 "เหอะ.."เธอกระตุกยิ้มบ้าง สายตายังคงมองไปที่แผลของตน"กาลเวลาทำให้คนเปลี่ยนไปคิวานอฟ"

                 นัยน์ตาสีเทาคู่นั้นจ้องมองมายังเธอด้วยความสนใจ ไม่แปลกเลยที่เขาจะดูเหมือนหมอ..ก็เพราะลักษณะการมองของเขาเนี่ยล่ะ

                  คิวานอฟเอื้อมมือไปหยิบมีดผ้าตัดมาแล้วลุกขึ้นเดินไปนั่งลงข้างๆหญิงสาว เธอยังคงไม่สนใจเขานักเท่าไรเลยด้วยซ้ำ ชายหนุ่มยกขาขึ้นตั้งชันเอาไว้แล้วเอามือพาดไว้ด้านบน พวกเขาเงียบกันไปสักพักแต่ก็เหมือนกับนานแสนนาน จนกระทั่งแอดเลอร์เป็นฝ่ายพูดก่อน

                  "ฉันอยากออกไปจากที่นี่.."

                  ดวงตาสีฟ้านั่นไร้แววราวกับเป็นแววตาของคนตาย ซึ่งตอนนี้เธอก็ไม่ต่างอะไรกับคนตายเลยสักนิดเดียว

                  "..."

                  "ฉันอยากออกไปจากชีวิตเน่าๆของฉันในตอนนี้สักที อยากกลับไปเป็นผู้หญิงเหมือนเดิม..ลาขาดจากสงครามเวรนี่ซะ.."

                   "ถ้าคุณอยากกลับไปเป็นแบบนั้น คุณต้องหยุดสงครามนี้"

                   "นั่นแหละสิ่งที่ฉันทำไม่ได้!"

                   เธอหันมาตะโกนใส่หน้าเขา แววตาของเธอเริ่มจะเปลี่ยนไป

                   "งั้นคุณก็ต้องออกจากคุกนี่ให้ได้ก่อน"

                   คิวานอฟลุกขึ้นอีกครั้ง เขาเดินไปที่แผลของหญิงสาวแล้วนั่งลงที่เดิม มีดผ่าตัดในมือของชายหนุ่มถูกวางไว้ข้างๆ เขาตรวจดูแผลของเธอแล้วไม่มีอะไรมาก..แค่เอากระสุนออกก็พอ แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าเธอจะยอมหรือเปล่า

                   "คุณจะทำอะไรน่ะ"

                   "ผ่าเอากระสุนออกไง เดี๋ยวคุณก็เดินไม่ได้น่ะสิ"

                   "ช่างมันเถอะน่า! ถึงเอาออกได้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะออกจากที่นี่ได้นี่!"

                   "หุบปากซะ!!"

                   เสียงตะโกนนั่นบวกกับสีหน้าแววตาของชายหนุ่มที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน แอดเลอร์ขมวดคิ้วขึ้นหลังจากที่เขาพูดจบ มันทำให้เขากลับมารวบรวมสติเอาไว้ก่อนที่มันจะเกิดเรื่องขึ้นอีกหากว่าเขาโมโห หญิงสาวยังคงจ้องมองด้วยแววตาคนตายนั่น...

                    "ผมขอโทษ ลืมมันซะ"

                    คิวานอฟลุกขึ้นเดินกลับไปยังมุมมืดๆของตนเองอย่างช่วยไม่ได้ เขาเก็บมีดผ่าตัดเล่มเดิมใส่กระเป๋าพลางถอนหายใจเฮือกยาว ไม่มีเวลาไหนเลยที่เขาคุยกับเธอแล้วเกิดโมโหขึ้นมาเช่นนี้มาก่อน นี่ก็เป็นเพราะว่าคู่สนทนาของเขาได้เปลี่ยนไปแล้วนั่นเอง

                    "อย่าถือสาฉันเลยนะ"เธอพูด"แต่ตอนนี้ฉันเหนื่อยมาก"

                    "ประโยคมันขัดกันนะหมวด"

                    หญิงสาวถอนหายใจเบาๆด้วยความเหนื่อยล้าจากฤทธิ์บาดแผล ความจริงแล้วถ้าเลือกได้เธออยากจะขอให้ใครสักคนช่วยตัวเธอเองอยู่เหมือนกัน

                    "คุณอยากช่วยฉันเหรอ"

                    "คุณจะให้ช่วยหรือเปล่าล่ะ"

                    เธอยิ้มนิดหน่อย

                    "ไม่"

                    "งั้นก็แล้วไป อีกหน่อยผมก็คงได้เน่าตายอยู่ในนี้กับคุณนั่นแหละ"

                    แอดเลอร์ขมวดคิ้ว เธอพูดอะไรผิดไปเหรอเนี่ย

                    "นี่ฉันพูดผิดอีกแล้วเหรอเนี่ย"

                    "สรุปจะเอายังไง"

                    "เงียบๆไปก่อนละกัน ฉันมีแผน"

                    เขาเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาสีเทาคู่นั้นจ้องมองมาทางหญิงสาวด้วยความสนใจ เธอบอกว่ามีแผน..แผนอะไร นั่นคือคำถามที่เขาอยากจะรู้คำตอบมากที่สุด แอดเลอร์เป็นคนคิดเร็วเสมอ และแผนของเธออาจจะดีใช่ย่อยเลยก็ว่าได้

                    "เฮ้--ฉันรู้ว่ามีคนอยู่นั่นนะ!"

                    เธอร้องออกมาเป็นภาษาที่เขาฟังไม่ออก แต่ว่าน่าจะเป็นภาษาเยอรมัน สักครู่ก็มีทหารเยอรมันคนหนึ่งเดินมา หญิงสาวกระดิกนิ้วให้เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้กรงขัง คิวานอฟไม่รู้ว่าเธอพูดกับทหารนั่นว่าอะไร แต่ไม่นานนักทหารคนนั้นก็หยิบบางอย่างออกมา..มันคือบุหรี่หนึ่งมวน เขายื่นมันให้เธอพร้อมกับไฟแช็ก แล้วเดินจากไป

                    "ขอบคุณจ่า"เธอร้องออกไป ก่อนจะหันมามองหน้าคู่สนทนาของตนอีกครั้ง"มีอะไรเหรอ"

                    "ที่เรียกเขานี่..ก็เพราะอยากได้บุหรี่งั้นเหรอ"

                    "คงงั้นมั้ง"

                    ชายหนุ่มมองเธอด้วยดวงตาคู่เดิม แอดเลอร์จุดบุหรี่ก่อนจะเริ่มสูบมันช้าๆตรงหน้าเขา คิวานอฟมองหญิงสาวที่กำลังพ่นควันบุหรี่ออกมาช้าๆด้วยสายตาแน่นิ่ง

                     "ได้ข่าวว่าเลิกแล้วนี่"

                     "คุณไม่ใช่พ่อฉัน ห้ามฉันไม่ได้หรอกนะ"

                     "โอเค..ก็ได้.."เขายกมือขึ้นลูบใบหน้าสกปรกของตน"..คุณคงได้มันมาจากคู่หูของคุณสินะ"

                     หญิงสาวเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย มือของเธอยังคงคีบบุหรี่เอาไว้อยู่เหมือนเดิม"เบิร์ต คาร์ลเหรอ หมอนั่นเนี่ยแหละที่ส่งฉันมาให้โอเอสเอส"

                     "ไอ้เวรนั่นคิดอะไรถึงส่งคุณมานรกนี่ซะละ"

                     ตึง...

                    ชายหนุ่มสะดุ้งนิดหน่อย เขาเลิกสายตาขึ้นมองหญิงสาวเจ้าของแววตาของคนตายตรงหน้า เธอเอามือที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผลสีสกปรกเปื้อนเลือดทุบกำแพงจนเกิดเสียงดังกึกก้อง นัยน์ตาสีฟ้าคู่นั้นเหล่มองมาทางเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเขาอย่างไรอย่างไรนั้น

                      "อันที่จริงฉัน...เอิ่ม.."เธอลากเสียงในขณะที่จะพูดต่อ"คือฉันค่อนข้างจะเกลียดเขาเอามากๆเลยล่ะ คุณรู้มั้ย และความจริงฉันคงจะไม่สะทกสะท้านอะไรสักนิดว่าถ้าหากคุณเรียกเขาแบบนั้น..."

                    "..."

                    "...แต่เขาเป็น..คู่หูของฉัน และฉันไม่ชอบให้ใครมาพูดกับคู่หูของฉัน...แบบนั้น"

                   "ใครๆก็เกลียดพลตรีเบิร์ต คาร์ล ไม่แปลกหรอกที่ผมจะเรียกเขาแบบนั้น"ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ"เพรียสก็ด้วยล่ะ"

                   "เพรียส...ฉันไม่รู้จักชื่อนี้นี่ ใครกัน"

                   "เอาไว้คุณออกจากที่นี่ให้ได้ก่อนแล้วไปถามริคเอาเองละกันว่าเขาเป็นใคร"

                 แอดเลอร์ขมวดคิ้วขึ้นอย่างสงสัย สายตาแน่นิ่งจับจ้องไปยังชายผนุ่มตรงหน้าพลางพ่นควันสีขาวออกมาจากปาก กลิ่นฉุนบุหรี่ปกคลุมไปทั่วจนแทบไม่อากาศใช้หายใจ ถ้าพวกเขาไม่นั่งอยู่นิ่งๆก็ต้องคิดหาแผนที่จะออกไปนอกกรงขังนี่เสียก่อน เพราะถ้าหากอยู่ในที่แคบๆแบบนี้นานเกินไปมันอาจทำให้พวกเขาสติแตกมากขึ้นก็เป็นได้

                 ก้นบุหรี่ถูกทิ้งลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่นแล้วก็หยากไย่ หญิงสาวถอนหายใจออกมาช้าๆ เธอคิดว่าเธอควรจะนอนพักเสียหน่อย ตั้งแต่เข้ามาในกองทัพนี่เวลาพักของเธอแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ แต่สถานการณ์ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะกับการนอนพักเท่าไรนัก เพราะฉะนั้น..ทางออกเดียวคือคิดแผนไปจากที่นี่

                เธอจะออกไปด้านนอกได้อย่างไร...

                "อีกหน่อยคุณก็ควรบอกลาขาของคุณได้เลยล่ะหมวด"

                หญิงสาวสะดุ้งนิดหน่อย"อะไรนะ"

               "คุณต้องเอากระสุนนั่นออก ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม"

               "คุณก็รู้ว่าฉันไม่เก่งเรื่องแนวนี้"แอดเลอร์พูดพลางก้มลงไปมองแผลนั่น"ตายอย่างเดียวนี่แหละดีแล้ว"

                "คุณจะตายไม่ได้ งานนี้ผมต้องช่วยคุณ"

                "ก็เอาซี...จะทำอะไรก็เชิญเลย.."

                เธอเหยียดขาข้างนั้นจนตรง 

                "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น.."เขาลากเสียง มือหยิบมีดผ่าตัดออกมาจากกระเป๋า"..อย่าร้องเด็ดขาด"

                "ได้สิ ฉันอาจตายคาคุกเวรนี่ก็ได้..โอ๊ย!"

                "ให้ตายสิแอดเลอร์! บอกว่าอย่าร้องไง!"

                 ปลายคมมีดค่อยๆเจาะลึกลงไปในรอยแผลที่ถูกยิง มันเป็นภาพที่สยดสยองที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมาเลย..เธอต้องกัดฟันแน่น อดทนที่จะไม่ร้องออกมาก่อนที่เขาจะเอากระสุนออกเสร็จ เธอรู้สึกเจ็บปวดที่แผลนั่นเป็นอย่างมากราวกับว่าขาของเธอจะขาดออกอย่างไรอย่างนั้น เอาละ..เธอต้องออดทน!

                  กริ๊ง..

                  "โอเค เสร็จแล้ว"

                  "เสร็จแล้วเหรอ ขอบคุณมากเลยนะคิวานอฟ"คำพูดของเธอฟังดูเหมือนกับการประชด"เมื่อกี้โครตเจ็บเลยรู้มั้ย!"

                  "เรื่องโวยวายนี่งานถนัดของคุณเลยใช่มั้ย ถ้าหุบปากแล้วเดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเองล่ะ"

                 คิวานอฟหยิบผ้าพันแผลที่เขามีอยู่ออกมาบ้างแล้วพันทับลงไปลงบนแผลของหล่อน แอดเลอร์มองดูรอยแผลนั่นพลางหอบหายใจแรง คราวนี้เหลือสิ่งเดียวที่เธอต้องทำก็คือ..การออกไปจากที่นี่ เรื่องนี้เธอต้องวางแผนกับเขา

                 "เหลือแค่แผนที่จะออกไปจากนี้แล้ว"เธอกล่าวขึ้น"คุณเคยเห็นที่นี่จากด้านนอกรึเปล่าคิวานอฟ.."

                 "ตอนผมเข้ามาอยู่ในนี้พวกนั้นเอาถุงมาคลุมหัวผมไว้ เดาว่าคุณก็น่าจะโดนด้วยนะ"

                  หญิงสาวหันหน้าออกไปมองด้านนอกลูกกรง มีทหารเฝ้ายามอยู่แค่คนเดียวแต่ก็ใช่ว่าจะออกไปได้ง่ายๆ เธอต้องดูปฏิกิริยาของทหารคนนี้เสียก่อน

                  "พวกนี้มันต้องมีปลี่ยนเวรยามมาเฝ้าพวกเราแน่ แต่มันเปลี่ยนกันยังไงล่ะ"

                  "..."

                  สายตาที่มองลอดออกไปนอกลูกกรงสนิมเครอะของเธอทำให้ปรากฏให้เห็นถึงภาพของนายทหารนาซียศน้อยคนหนึ่งที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ใกล้ๆกับที่ๆพวกเขาโดนจับขังอยู่นั้น ในหัวของเธอเริ่มคิดแผนออกมาเป็นจำนวนมากแต่กลับใช้อะไรไม่ได้เลยสักนิดเดียว คิวานอฟยังคงนั่งนิ่ง--ราวกับกำลังจับตามองหญิงสาวอยู่อย่างไรอย่างนั้น เธอยกมือขึ้นเกาะกรงเหล็นขณะที่มองลอดออกไป

                  ..เธอจะออกไปจากนี่ได้อย่างไร...

                  ....ไม่มีใครช่วยเธอได้นอกจากตัวเธอเอง...แต่เธอควรจะทำอย่างไรดี

              ....

              ...

              ..

              .

              "นม น้ำผึ้ง แล้วไงต่อ.."

             เสียงพึมพำของใครสักคนดังมาจากในห้องครัวเล็กๆตรงหน้าของชายหนุ่ม ไม่บอกก็รู้ว่านั่นคือเสียงของใคร...จะใครที่ไหนได้ล่ะหากไม่ใช่อเล็กซิส..

             เขาค่อยๆย่องเข้าไปใกล้ๆเธอมากขึ้นในขณะที่เธอหันหลังอยู่ แม่สาวผมบลอนด์คนนี้เพิ่งจะหัดทำพุดดิ้งเป็นครั้งแรก มันคงน่าขันมากๆเลยล่ะถ้าเขาได้ไปยืนดูเธอทำ แต่เผอิญว่าเขาไม่ได้ว่างขนาดนั้น...

             "ให้ตายสิไอ้เวรเอ๊ย!!"

             เคร้ง!

             "อะไรของเธอเนี่ยอเล็กซิส นี่เธอทำอาหารหรือซ้อมคนแยู่กันแน่วะ!!?"

             "อะไรอีกล่ะ"เด็กสาวหันมา เธอมองด้วยสายตายียวน"มีปัญหาอะไรเหรอ--"

             นับวันเด็กสาวก็เริ่มทำเบ่งในบ้านของเขาราวกับนี่คือบ้านของตนเอง แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่..นี่มันมันบ้านของเขา และเธอคือผู้ที่ขอมาอาศัยอยู่ด้วยต่างหากเล่า!

              "ให้ตายสิ เมื่อไหร่ไอ้นาซีพวกนั้นจะมาจับเธอไปสักทีเนี่ย.."

              "เหอะ.."เธอกระตุกยิ้มอย่างมีชัย"คงผิดหวังสินะ พอดีฉันเอาตัวรอดเก่งน่ะ โฮะๆ"

              หลงตัวเอง..ชายหนุ่มคิด แต่ถึงจะอย่างไรเขาก็ไม่หลุดปากพูดประโยคนั้นออกมาเลยเด็ดขาด ถ้าเป็นแบบนั้นเขามีหวังโดนเด็กนี่ฆ่าตายแน่นอน

              ก็อกๆๆ..

              เอเดรียนหันไปมองด้านหลังของตนเองพลางถอนหายใจยาว 

              "ผู้มาเยือนอีกแล้ว...ให้ตาย"

              "คราวนี้ฉันไปรับไอ้พวกเวรนั่นเอง ฮะฮ่า! มันต้องไม่กล้าเข้ามานี่แน่ๆ"

             อเล็กซิสหันมายิ้มให้เขาแล้วกึ่งวิ่งกึ่งกระโดดออกไปจากห้องครัว ทิ้งให้ชายหนุ่มต้องปวดหัวอย่างหนักกับงานที่เธอทิ้งไว้ให้เขาเก็บ เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นของที่เด็กสาวเตรียมไว้ทำพุดดิ้งวางเกลื่นไปทั่ว แถมมีคราบนมสดที่หกเรี่ยราดเต็มโต๊ะอีกด้วย เขาไม่เข้าใจเลยว่านี่เขาอยู่กับเด็กอายุสิบหกหรือหกขวบกันแน่..

             เด็กสาวเดินเข้าไปที่ประตู บุคคลผู้มาเยือนยังคงยกมือเคาะประตูดังไม่ขาดสาย เขาคงมีธุระเร่งด้วยอะไรแน่ๆ แต่..ไม่มีวันหรอกที่เขาจะได้เข้ามาเหยียบในบ้านหลังนี้!

              เอี๊ยด...

              เสียงเสียดสีกันของบานพับประตูฟังดูน่าขนลุกสำหรับเธอ พลันร่างของใครคนหนึ่งที่อยู่หลังประตูก็ปรากฏขึ้น...

              "เอ่อ..สวัสดีครับ"

              อย่างที่เธอคิดไว้ไม่ผิด--จะเป็นใครไปได้นอกจากไอ้พวกนาซีนี่!

              "มีอะไรให้ฉันช่วยเหรอคะ?"

              "คุณเป็นรัสเซียหรือนี่..ความจริงที่นี่ไม่มีคนต้องรับคนรัสเซียหรอกนะครับ"

              "ห๊ะ..ฉันเพิ่งรู้นะคะ ฮะๆ"

              ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ..ความจริงถ้ามีปืนเธอก็อยากจะลั่นไกฆ่าเขาตั้งแต่เปิดประตูแล้ว...

              "เอ่อ..ไม่ทราบเหมือนกันว่าช้าไปรึเปล่านะ..แต่ผมขออนุญาติแนะนำตัว-"เขายืดอกขึ้น ท่าทางไม่มั่นใจตนเองเท่าไร"ร้อยตรีชไวเกน แอสเตอร์ครับ" 

              เด็กสาวดูทึ่งกับท่าทีของเขาเล็กน้อย เธอยกมือขึ้นปัดเส้นผมสีบลอนด์ทองของเธออกจากใบหน้าตามความเคยชิน สายตายังคงจับจ้องไปยังนาซีหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่ยอมละเลิกง่ายๆ

               ไม่ว่าจะยังไง...อเล็กซิสคิดในใจ ฉันต้องไม่บอกชื่อจริงให้พวกเวรนี่เด็ดขาด...

                "ไอรีน โซวาสกีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก"

                "เช่นกันครับ"เขายิ้มทักทายเธออีกครั้ง"ผมขอตัวนะ แล้วเจอกัน"

                อเล็กซิสพยักหน้าให้เขา เธอรู้สึกสนใจเขาขึ้นมาเล็กน้อย..ท่าทางเหมือนกับอ่อนประสบการณ์อย่างไรอย่างนั้นล่ะ แต่มันก็ดีแล้วที่เป็นแบบนี้

                 นาซีนั่นทำให้เธอนึกถึงพี่ชายจอมกวนของเธอขึ้นมาทันที ตั้งแต่บุคลิก..มันก็เหมือนเขาแล้วล่ะนะ

                 "ใครมาเหรอ"เอเดรียนชะโงกหน้าออกมาดู

                 "นาซีน่ะ"เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก"ให้ตายสิ เกลียดไอ้พวกนี้วะ"

                 เอเดรียนรู้สึกชินกับนิสัยของเด็กสาวบ้างแล้วหลังจากที่ได้เจอเธอ...อเล็ก ซิสดูเหมือนกับเด็กธรรมดาทั่วไปถ้าหากมองดูเผิ่นๆ แต่แท้จริงแล้วนั้น..เธอไม่ใช่ เธอค่อนข้างจะหยาบคายและแข็งกระด้างไม่เหมือนเด็กสาวทั่วไป แล้วอีกอย่าง..เธอยังเป็นสายลับอีกด้วย

                 "ใจเย็นน่า เดี๋ยวมันก็เลิกเองล่ะ"

                 "แต่คนเมื่อกี้มันไม่ใช่แบบนั้นนะ หมอนั้นดูเป็นคนหัวดื้อยังไงอย่างนั้นเลย"

                 เด็กสาวเน้นเสียงหนักขึ้น เธอเก่งเรื่องการดูคนและไม่มีวันพลาดเรื่องนี้แน่

                 "เธอคิดว่าหมอนั่นจะมานี่อีกเหรอ"

                 "ใช่"

                 "ก็ได้--งั้นเดียวฉันจัดการเอง" 

                 เขาเดินออกมาจากครัวมานั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่นอย่างสบายใจเฉิบ   อเล็กซิสมองเอเดรียนอย่างสงสัย เธอไม่รู้ว่าจะรับมือกับไอ้พวกนาซีที่ชอบมาเคาะประตูหน้าบ้านได้อย่างไร แต่ในเมื่อเขาเสนอแผนมาเรียบร้อยแล้ว..เธอก็ไม่จำเป็นที่ึจะเหนื่อยอะไรมากมายหรอก

                  แต่เดี๋ยวนะ..ให้คนอื่นช่วยนี่ไม่ใช่นิสัยเธอนี่!

                  "ขอบใจมากนะ แต่เรื่องนี้ฉัดจัดการเองได้ ไม่จำเป็นเลยที่จะให้นายช่วยน่ะ"

                  "เฮอะ? หมายความว่าไงเนี่ย เธอไปเจอนาซีไหนมาอเล็กซิส"เขาทำหน้างง"เขาบอกชื่อรึเปล่า"

                  เธอถอนหายใจเฮือกยาวแล้วตัดสินใจพูดออกไป..

                  "ร้อยตรีชไวเกน แอสเตอร์"

                  "อะไรนะ?"เขาถามทวนอีก

                  "ชไวเกน...แอสเตอร์ ไอ้นาซีที่มาเมื่อครู่นั่นไง"

                  เขามองตาเธอไม่กระพริบ..."ชไวเกน แอสเตอร์..หน่วยเอสเอส มือขวามของเอมิลล์เลยนะนั่น!"

                 เด็กสาวขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปใครมาจากไหน...และคราวนี้เธอต้องใช้เวลา...

                  "งั้นฉันขอตัวก่อนละกัน"

                  "จะไปไหนอีกล่ะ"เขาถาม"ถ้าไอ้หมอนั่นรู้ว่าเธอเป็นสายลับของรัสเซีย เธอโดนถลกหนังแน่ๆเลยนะอเล็กซิส!!"

                  "ฉันจะออกไปข้างนอกสักหน่อย ไอ้พวกนั้นไม่รู้หรอกว่าฉันเป็นใคร"

                  ชายหนุ่มทำท่าจะปฏิเสธคำพูดนั่นอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เสียงประตูปิดนั่นดังอยู่หน้าบ้านเป็นสัญญาณว่าเธอเดินออกไปแล้วนั่นเอง

                  หัวดื้อชะมัดยาด...เขาคิด อยากรู้จังเลยว่านิสัยน้องสาวกับพี่ชายมันจะเป็นยังไงกัน...

                  ....

                  อเล็กซิสก้าวเดินออกมาด้านนอกเรียบร้อยแล้ว...ภาพผู้คนที่กำลังทำงานของตนเองเป็นภาพที่เด็กสาวไม้ได้เห็นมานานเลยในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา เสียงนกร้องทักทายเธอดังอยู่บนศรีษะช่างไพเราะน่าฟังเสียเหลือเกิน เธอย่างไปยังถนนที่มีน้ำค้างเกาะจนชื้นเรื่อยๆพลางหันมองรอบๆด้วยจังหวะการก้าวเดินที่เหมาะสม ความเงียบสงบเช่นนี้เหมาะกับการครุ่นคิดอะไรบ้างอย่างที่ค้างคาใจมานาน..

                  เธอจะรับมือกับไอ้นาซีนั่นได้อย่างไร?

                 ร้อยตรีชไวเกน...นาซีสังกัดหน่วยเอสเอส..มือขวาของเอมิลล์...

                  ท่าทางจะเก่งไม่เบาเลยนะ...

                  แต่จะยังไงก็ตาม..เธอเชิ่ดหน้าขึ้น

                 ไอ้หมอนั่นก็ยังเป็นแค่เด็กฝึกหัดเท่านั้นล่ะ...ไม่มีทางสู้มือโปรอย่างฉันได้หรอก...

                ...

                ..

                .

                ร้อยตรีชไวเกน แอสเตอร์..คุณจะเป็นต่อไปที่ถูกฉันตามล่าหลังจากจบของเบิร์ต คาร์ลแล้ว....

                --------------------------------------------------------

     

    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×