Courage's Cheif หัวหน้ากลุ่มกล้า(หน้าฉาก)2/4 - Courage's Cheif หัวหน้ากลุ่มกล้า(หน้าฉาก)2/4 นิยาย Courage's Cheif หัวหน้ากลุ่มกล้า(หน้าฉาก)2/4 : Dek-D.com - Writer

    Courage's Cheif หัวหน้ากลุ่มกล้า(หน้าฉาก)2/4

    ความเดิมตอนที่แล้ว ไอ้หมาบ้ากำลังสืบหาสาเหตุการตายของหัวหน้ากลุ่มกล้าคนก่อนด้วยการยอมลดศักดิ์ศรีถ่อไปยังที่ทำการของดัส ชายที่อยู่ในกลุ่มลับ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรเชิญติดตามชมต่อครับ

    ผู้เข้าชมรวม

    143

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    143

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  20 พ.ย. 53 / 10:34 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ข้าไม่ลังเลที่จะเข้าไป ในตัวอาคารที่ทั้งทรุดโทรมและเก่า


      ชั้น1 น่าจะเป็นประชาสัมพันธ์หรือไม่ก็แผนกต้อนรับ แต่กลับเป็นสุสานเครื่องเรือน


      ชั้นถัดต่อมาก็แทบไม่ต่างกันเท่าไร เพียงแต่มีทางให้เดินมากกว่าหน่อยก็เท่านั้น


      ในชั้น 3 ข้าได้ยินเสียงเคาะดังแกร่กๆ


      อีก3ขั้นก็จะถึงชั้น4 ข้าเห็นเด็กหนุ่มผิวสีไข่ไก่จ้องคอมพิวเตอร์พร้อมทั้งพิมพ์อะไรบางอย่างโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง


      เมื่อเท้าขวาแตะพื้นชั้น4 ข้าได้ยินเสียงแกร่ก ...


      “แก...แกมาที่นี่ทำไม?” เสียงนี้ไม่ได้ยินมานานพอควร เสียงของคนติดตามของหมอนั่น


      “มันเชิญข้ามาที่นี่เอง จำไม่ได้หรือไง?” ข้าควักนามบัตรสีเทาจากกระเป๋าเสื้อและโยนให้ทุกคนในห้องเห็น


      “คาร์ลอส นายรู้จักหมอนี่เหรอ?” เด็กหนุ่มผิวขาวเสียงเล็กแหลมหันไปถามคาร์ลอส


      “ลดปืนลง โครว หมอนี่เป็นคนรู้จักของดัส”


      “อืมม์” เด็กหนุ่มที่ชื่อ โครวก็คงเป็นผู้ติดตามของหมอนั่นอีกเหมือนกัน ไอ้หมอนั่นชอบเลี้ยงเด็กผู้ชายไว้เยอะๆงั้นหรือ? รสนิยมน่าขยะแขยงชะมัด (นายจันทร์เสี้ยว : เอ็งยังมีหน้าว่าคนอื่นอีกเร้อะ! ร้องไห้ )


      “ดัส มีคนมาหาน่ะ?” เด็กหนุ่มที่ข้าเห็นว่ากดแป้นหน้าคอมพิวเตอร์อยู่ได้ยกโทรศัพท์มือถือสีขาวขึ้นมาคุย


      “จะคุยกับเขาเองไหมครับ? สักครู่นะครับ” เด็กหนุ่มผิวไข่ไก่ยื่นโทรศัพท์ของเขาให้ข้า


       ดี!ข้าชอบคนแบบนี้ ทำอะไรตรงประเด็น ไม่เยิ่นเย้อให้เสียเวลา


      “ว่าไงครับ คุณไรย์ ต้องขอโทษด้วยนะครับที่แวะมาเยี่ยมแต่กลับไม่ได้เจอหน้า”


      “ไม่ได้มาเยี่ยม แค่มีเรื่องจะถาม...”


      “คงจะเป็นเรื่องภายในกลุ่ม กับสถานภาพของคุณในตอนนี้ใช่ไหมครับ?”


      “…เออ” แม้จะเจ็บใจแต่ก็ต้องยอมรับว่า มันรู้เรื่องนี้แล้ว


      “เรื่องที่คุณถาม ผมคิดว่า โรฮานคงรู้รายละเอียดดีกว่าผมเสียอีก”


      “โรฮาน นั่นมันใคร?”


      “เจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้แหละครับ” ข้ามองไปที่เจ้าของเครื่องนี้ พร้อมกับคิดในใจว่า ไอ้หนุ่มหน้าละอ่อนเนี่ยนะจะรู้เรื่อง


      “คุณอุตส่าห์มาหาถึงที่ จะเล่าเรื่องสำคัญ3เรื่องให้คุณฟังก็แล้วกัน


      ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยคุณไปถามโรฮานเอง


      เรื่องแรกกลุ่มลับกับกลุ่มกล้าที่คุณสังกัดอยู่เลิกเป็นพันธมิตรกันแล้ว


      เรื่องที่สองในวันที่เกิดเหตุลอบสังหารหัวหน้ากลุ่มกล้า กลุ่มลับไม่มีใครอยู่ในที่เกิดเหตุสักคน


      และเรื่องสุดท้าย คุณกำลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยในเรื่องนั้น…”


      ....ข้าถูกสงสัยว่าเป็นคนลอบสังหารท่านงั้นหรือ? เรื่องนี้มันบ้าชัดๆ ข้าตัวสั่นด้วยความโมโห ความจงรักภักดีของข้าที่มีต่อท่านกลับถูกไอ้พวกลิ่วล้อปล่อยข่าวบ่อนทำลายเสียย่อยยับ ข้ายื่นเจ้าเครื่องสีขาวคืนเจ้าของก่อนที่ข้าจะเผลอบีบมันแตกคามือ


      “อ่อ ...ฮะ...เข้าใจแล้วครับ...ครับ...ครับ... สวัสดีครับ”


      “ดัสเป็นยังไงบ้าง” เจ้าหนุ่มเสียงแหลม ถามด้วยความเป็นห่วง


      “ดัสสบายดีครับ แล้วยังบอกอีกว่า คงจะกลับพรุ่งนี้ตอนบ่าย”


      “แล้วของฝากล่ะ” ผิดกับคนติดตามที่ชื่อคาร์ลอส ซึ่งถามอย่างตะกละ


      “น่าจะมีนะครับ”


      “ของฝากรอบที่แล้วมันไม่เข้าท่าเอาเสียเลย!”


      เหมือนพวกเขาพึ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่า ข้ายังยืนฟังอยู่ตรงนี้ด้วยจึงจงใจพูดอะไรที่เป็นการเป็นงาน


      “แม้ฉันจะไม่ชอบขี้หน้านายเท่าไหร่ แต่ในเมื่อนายเป็นแขกของดัส ฉันก็จะดูแลนายอย่างเต็มที่” คาร์ลอสกอดอกและยิ้มจนเห็นฟันหน้า


      “ก่อนหน้านี้ยังพูดว่า (แกมาที่นี่ทำไม!) แล้วทำไมอยู่ๆมาพูดดีได้ล่ะเนี่ย?” เด็กหนุ่มที่ชื่อ โครวพูดติงทั้งที่ยังมองออกไปนอกหน้าต่าง


      “เนี่ยเขาเรียกว่า การมีมารยาทต่อแขกผู้มาเยือน เขาอุตส่าห์ถ่อมาก็ต้องต้อนรับสิ!”


      “ไม่ใช่ว่า ทำดีกับแขกเอาหน้าหรอกเรอะ?”


      “ไม่ใช่ๆๆ ฉันน่ะนะ ไม่เคยทำดีเพื่อหวังผลตอบแทน”


      “จะเป็นอย่างนั้นแน่เร้อ จริงไหม? โรฮาน”


      “หึ...นั่นน่ะสิครับ”


      “จบกันภาพลักษณ์ที่อุตส่าห์สร้างขึ้นมา...”


      พอเห็นเจ้าพวกนี้คุยกันอย่างสนุกสนานแล้วทำให้นึกถึงไอ้หมาน้อยที่ร่าเริงอยู่เสมอ แม้จะไม่เข้ากับบรรยากาศสักเท่าไหร่


      [“ลูกพี่เอาแต่ทำหน้าปั้นปึ่งบึ้งตึงแบบนั้น เดี๋ยวอายุสั้นหรอก”


      “เงียบไปน่ะ!”]


      “ทุกคนเงียบก่อน! คาร์ลอสเดินออกห่างจากหน้าต่าง” เด็กหนุ่มที่ชื่อ โครว สั่งให้ทุกคนเงียบพร้อมทั้งถอยออกมาจากหน้าต่าง


      “ข้างล่างมีบางอย่างผิดปกติ โรฮานดูชั้นล่างให้หน่อย”


      “สักครู่นะครับ”


      โรฮานขยับก้อนสีดำบนแผ่นรองสีขาวที่อยู่ข้างๆแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว ก่อนจะรายงานผลที่ได้


      “เป็นอย่างที่โครวบอกจริงๆ ”


      “ทำไมเหรอ”


      “ผู้ชายสองคนนี้เดินวนไปวนมาแถวนี้ เหมือนพลัดหลงกับใคร”


      “สองคนนี้คงจะตามนายมา” โครวจิ้มไปที่หน้าจอแบนๆให้ข้าดูหน้าของพวกมัน“นายพอจะจำสองคนนี้ได้ไหม?”


      ข้าเพ่งหน้าของมันทั้งสองคนที่มีขนาดพอๆกับหัวแม่โป้ง แต่ข้าก็ยังนึกไม่ออก


      “รอเดี๋ยวนะครับ...” โรฮานสลับหน้าจอลงแล้วเรียกหน้าต่างอะไรบางอย่างที่ข้าไม่รู้เรื่อง มันพิมพ์นู่นพิมพ์นี่ กดนั่นกดนี่ จนได้ออกมาเป็นหน้าต่าง2บาน บานซ้ายเป็นภาพจากกล้องที่มีวงกลมสีแดงวงหน้ามันทั้งสองคนไว้ ส่วนบานขวาเป็นรายชื่อ


      “เจอแล้ว...” มันเปิดหน้าต่างย่อยของทางขวา ขยายให้เห็นรูปหน้าตรงชัดเจน “ถ้าเป็นสองคนนี้ พอจะคุ้นหน้าไหมครับ?”


      “ไอ้สองคนนี้มัน...” สองคนนั้นเป็นพวกหางแถวของมือขวาลูกชายท่าน ข้าเคยเห็นพวกมันทำตัวกร่างในบาร์เสียงคำรามอยู่บ่อยๆแต่พอ
      ข้าจ้องพวกมัน พวกมันก็หงอทันที


      “คงพอจะนึกออกแล้วสินะครับ ว่าสองคนนี้เป็นใคร... เมื่อครู่นี้ดัสฝากให้ผมเล่าเรื่องที่คุณอยากรู้

      ...ผมจะเริ่มเล่าจาก เหตุการณ์ลอบสังหารในครั้งนั้นก่อนนะครับ

      การที่คุณไปเค้นเอาข้อมูลจากคนในกลุ่มตัวเองแต่กลับไม่ได้อะไรเลยนั่นก็เป็นเพราะเขาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้น

      แต่ถ้าจะพูดให้ถูกต้องคือ เขาอยู่ในอีกเหตุการณ์ต่างหาก

      คนที่คุณแทงจนเขาเกือบเสียมือไปข้างนึง คือ คนนี้สินะครับ…”

      โรฮานเปิดบัญชีรายชื่ออีกบัญชีหนึ่งขึ้นมา


      “เฮ่ย ไอ้นี่มันไอ้จอมเล่นลิ้น ที่มานัดพวกเรานี่หว่า…” คาร์ลอสโวยลั่นเมื่อเห็นภาพบนหน้าจอ


      “…” ข้ายังคงเงียบและคิดตาม


      “ไม่กี่วันหลังจากที่นัดหมายกันล่วงหน้า1สัปดาห์ คนๆนี้ได้มาบอกกับกลุ่มของพวกเราว่า จะขอเปลี่ยนสถานที่นัดหมาย แต่เป็นเวลาเดิม (เที่ยงวัน) โดยนัดพวกเราไปไกลจนเกือบสุดของกลุ่มสุข


      ทีแรกพวกเราก็สงสัยและถามเขาว่า จะไม่มีปัญหาหรือที่ข้ามไปเขตของกลุ่มสุข เขาก็บอกเพียงว่า ได้ตกลงกับกลุ่มสุขก่อนแล้วว่าจะประชุมกันที่นั่น


      เมื่อถึงวันนัดหมายพวกเราได้ไปก่อนเวลาแปดชั่วโมงเพื่อความปลอดภัยและพบว่า มีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล พวกเราไหวตัวทันแต่ก็โดนปิดเส้นทางจึงไม่สามารถออกจากที่นั่นได้ทันที  เวลาผ่านไปเกือบ12ชั่วโมง พวกเราถึงออกมาได้และได้รู้ข่าวว่า เกิดการลอบ
      สังหารหัวหน้ากลุ่มกล้า


      พวกเราปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่า กลุ่มกล้าจะได้รับผลตอบแทนบางอย่างจากกลุ่มสุขโดยใช้กลุ่มลับเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน และป้ายความผิดให้กลุ่มของพวกเราพร้อมทั้งเปลี่ยนหัวหน้ากลุ่มไปด้วย เรียกได้ว่า ยิงนัดเดียวได้นกถึง3ตัว


      นกตัวแรก.กำจัดหัวหน้ากลุ่มตัวเองเพื่อชิงอำนาจ

      นกตัวที่สอง.เป็นพันธมิตรกับกลุ่มสุข

      นกตัวสุดท้าย.ป้ายความผิดทั้งหมดให้กลุ่มลับ


      ส่วนเรื่องการแย่งชิงอำนาจกันเองภายในกลุ่มกล้า ผมคิดว่าคุณคงรู้ดีกว่าใคร เมื่อพวกเราได้ข้อสรุปแล้ว พวกเราจึงตัดสินใจเลิกเป็นพันธมิตรกับกลุ่มกล้า

      และเรื่องสุดท้ายที่คุณตกเป็นผู้ต้องสงสัย

      ผมสันนิษฐานว่า มันเป็นการป้ายความผิดเพื่อจะจัดการกับคุณโดยไม่ถูกครหา เพราะในวันนั้นไม่มีใครยืนยันให้ได้ว่าคุณอยู่ที่ไหนและทำอะไรอยู่”


      “บ้าน่า! ข้าให้ไอ้หมาน้อยยืนยันได้! ข้าอยู่กับมันตลอด”


      “คนที่จะยืนยันได้อย่างหนักแน่นและน่าเชื่อถือจะต้องไม่ใช่ลูกน้องของคุณ ถ้าไอ้หมาน้อยที่คุณพูดถึงไม่ใช่ลูกน้องก็คงไม่เป็นปัญหา…”


      โรฮานหยุดพักแล้วยกขวดน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มโดยที่ปากไม่แตะปากขวด

      ส่วนอีกสองคนยังคงนั่งดื่มน้ำอัดลมกระป๋องสีเขียว และสีน้ำตาลอย่างเงียบๆเหมือนจะให้เวลาข้าได้คิดถึงสิ่งต่างๆ


      ข้าได้คิดตามเรื่องที่ฟังมาโดยตลอด แม้เรื่องฟังจะไม่มีข้อขัดแย้งแม้แต่อย่างเดียวแต่ใครกันล่ะที่คิดจะแย่งชิงอำนาจมาจากท่าน

      ถ้าไม่ใช่...


      ความคิดอันน่ากลัวได้ผุดขึ้นพร้อมกับภาพเหตุการณ์ ลูกชายของท่านเป็นคนวางแผนเพื่อจะกุมอำนาจทั้งหมดไว้ในมือตัวเอง

      แล้วน้ำตาในวันนั้นล่ะ...น้ำตาที่ไหลออกมาในวันที่ฝังร่างของท่านลงใต้ดิน

      มันก็คงจะเป็นน้ำตาจอมปลอมเช่นเดียวกับใบหน้าเศร้าที่แปะทับรอยยิ้มที่น่ารังเกียจ


      ข้าควบคุมร่างกายของตัวเองให้หยุดสั่นด้วยแรงโกรธต่อไปไม่ไหวแล้ว...

      ข้าออกมาจากอาคาร4ชั้นโดยไม่ฟังเสียงใคร เพราะในตอนนี้ข้าพอจะเดาเป้าหมายต่อไปของมันออกแล้ว

      มันสะกดรอยตามข้าเพื่อที่จะดูว่า ข้ามีเส้นสายหรือมีกลุ่มใดสนับสนุนหรือไม่

      และเมื่อพบว่า ข้าไม่มี พวกมันก็จะ...

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×