ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    War Of Heaven :: สงครามล้างพันธุ์อสูร

    ลำดับตอนที่ #33 : บทที่ 31 :: การต้อนรับของชาวนรก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 107
      0
      6 ต.ค. 49

                    เสียงเท้าย่ำน้ำดังจ๋อมๆ ราวกับว่าพวกเขากำลังเดินเล่นอยู่ก็ไม่ปาน... แต่มันคงจะเป็นการเดินเล่นที่อันตรายไปหน่อย เพราะนอกจากว่าตอนนี้จะเป็นเวลาตีหนึ่งกว่าๆ พื้นทรายที่พวกเขาเดินอยู่คือทรายของผืนนรก...

     

                    ความจริงที่ไม่อยากจะเชื่อ ทั้งๆที่ตามกำหนดการ พวกเธอต้องถึงสิบวัน แต่เอาเข้าจริง วันนี้เพิ่งเป็นวันที่ห้าของการเดินทางเท่านั้น!

     

                    กัปตันเรือเลยสรุปเอาเองว่า โดนพายุพัดมา’ …

     

    คำตอบที่ซันหยิบยกทฤษฎีคำนวณมาค้านหัวชนฝา แต่สุดท้ายก็หาคำตอบอื่นแทนไม่ได้ เลยต้องยอมรับไปโดยปริยาย

     

    ทะเลที่นี่ไม่เหมือนที่บ้านเลย... เครสเปรยเบาๆ

     

    จริงอยู่ว่ามันก็ทะเลเหมือนกัน แต่หาดของโซรินท์แม้ในยามกลางคืนก็มีความอบอุ่น กลิ่นอายของทะเลที่นั่นชวนให้สบายใจ ไม่เย็นเยียบเสียดขั้วหัวใจเหมือนที่นี่

     

    ช่วยไม่ได้...ก็พวกเรามันเป็นคนแปลกหน้านี่นา... กรแยกเขี้ยว

     

    หวังแต่ว่า ชาวนรกคงจะไม่แห่ออกมาต้อนรับเราหรอกนะ? ซันเอ่ยนิ่ง

     

    ก็ไม่แน่... เรว่า เมื่อกี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับการกดกริ่งเรียกเจ้าของบ้านนักหรอก... เพียงแต่ว่า เขาจะสนใจแขกผู้มีเกียรติคณะนี้หรือเปลาก็เท่านั้น? เด็กหนุ่มขยับรอยยิ้มเย็น ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลฉายประกายที่เธอตีความไม่ออก

     

    เดินทางตอนกลางคืนมันไม่ดี วันนี้เราคงต้องพักกันริมหาด พี่จิ้งประกาศก้องเมื่อทุกคนเดินขึ้นฝั่ง

     

    แต่ว่าพี่จิ้ง... ริมหาดเนี่ย มันไม่โจ่งแจ้งไปหน่อยหรอ? อย่างน้อยเราก็ควรจะหาที่กำบัง สิชาแย้ง

     

    ไม่ได้หรอก พอลเอ่ยตอบแทน ที่นี่... อย่างน้อยๆ ตอนนี้ทุกคนก็ลองดูสิ... มันไม่มี แม้แต่ต้นไม้สักต้น...

     

    เดี๋ยวก่อน!” ทรายอุทาน พื้นหาดนี่มันไม่ใช่ทรายนี่! พี่บังคับมันไม่ได้เลยอ่ะเครส

     

    งั้นมันจะเป็นอะไรล่ะ? หรือว่าเป็นเศษหิน? เครสกอบเอาเม็ดทรายละเอียดยิบที่ว่าขึ้นมาพิจารณาใกล้ๆ

     

    ไม่ใช่เศษหินหรอก จิ้งเอ่ยเสียงเครียด ก่อนจะเอ่ยคำตอบ...

     

    หาดนี้น่ะ...ถูกถมด้วยเศษกระดูกของคนที่ตกเป็นเหยื่อสงครามเมื่อสามร้อยปีที่แล้วทั้งหมดเลยต่างหาก!”

     

    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

     

     คิดอะไรอยู่คะพี่เน?

     

    เงารุ้งเอ่ยเสียงหวานก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงบนพนักเก้าอี้ของชายหนุ่มผมดำที่ยังคงเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างตั้งแต่เมื่อครู่ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเบือนกลับมามองอาคันตุกะทั้งสองชั่วครู่ก่อนจะหันไปจับจ้องด้านนอกดังเคย

     

    สงสัยจะคิดถึงใครบางคนมั้ง? เนอะสตอร์ม่า เงารุ้งหันไปยิ้มให้ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนพิงกรอบประตูอยู่เงียบๆ ดวงตาสีเขียวเข้มมองเธอกร้าวด้วยความไม่พอใจ

     

    อย่าเรียกสตอร์มห้วนๆอย่างนั้นรุ้ง เขาแก่กว่าเธอนะ อาคเนย์เอ่ยเรียบก่อนจะลุกหนีเมื่อเด็กสาวขยับเข้ามาเบียดจนจะกลายเป็นนั่งตักเขาอยู่แล้ว

     

    แหม... แก่กว่าแค่ปีเดียว แต่ก็ฝึกมาพร้อมกันนี่คะ? ยังไงก็ถือเป็นรุ่นเดียวกันแหละ... ว่าแต่พี่เนเถอะ เข้ามาทีหลังพวกรุ้งตั้งเกือบห้าปีแบบนี้แล้วยังให้รุ้งเรียกพี่อีก ไม่ยุติธรรมนะคะ สาวเจ้ายิ้มละไมก่อนจะลุกจากพนักเก้าอี้ถือวิสาสะเดินเข้ามาควงแขนชายหนุ่มแทน ติดที่ว่าดวงตาสีน้ำเงินเข้มฉายแววเย็นเยียบจนเธอต้องชะงักแล้วแย้มรอยยิ้ม

     

    รุ้งล้อเล่นหรอกค่ะ! แหม... พี่เนน่ะออกจะเก่ง ฝึกแค่ปีเดียวก็เอาชนะรุ้งกับสตอร์มที่เป็นจตุจันทราได้แล้ว เก่งๆแบบนี้รุ้งต้องฝากตัวเป็นศิษย์บ้างแล้วล่ะค่ะ สาวน้อยหัวเราะเสียงใส แต่กลับไม่ทำให้ผู้ฟังสองคนรู้สึกมีอารมณ์ร่วมได้เลยสักนิด

     

    อาคเนย์เหลือบสายตาลงมองเจ้าหล่อนที่กำลังฮึมฮัมเพลงอย่างสบายใจ นิ้วเรียวเล็กกำลังพันเส้นผมสีน้ำตาลเป็นประกายอย่างที่เธอมักจะทำบ่อยๆ ดวงตาสีฟ้าใสคู่นั้นเพียงมองปราดเดียวก็รู้ว่าเจ้าหล่อนผ่านโลกมามากทั้งยังร้ายกาจ...ชนิดที่ยากจะต่อกร

     

    นึกย้อนไปถึงคราวที่เงารุ้งแพ้ กร วิล แชง... เด็กคนนั้นเขาไม่เคยเห็นหน้า ทั้งๆที่เขาเองก็สนิทกับพวกเครสมาแต่เด็กแล้วก็ดูเหมือนว่ากรก็คบกับพวกนั้นมานานเหมือนกัน หรือคงจะเป็นช่วงที่เขาย้ายไปอยู่แคโรนากับลุงตอนอายุสิบสอง?

     

    คิดอะไรอีกแล้วคะพี่เน นี่รุ้งอยู่ตรงนี้ยังจะคิดไปถึงไหนอีก?” เจ้าหล่อนเอื้อมมือบางมาเบือนหน้าเขากลับมาสบสายตาด้วย

     

    พอสักทีเถอะน่าเงารุ้ง ทำตัวแบบนั้นไม่คิดว่ามันน่ารำคาญรึไง? สตอร์ม่าเอ่ยเสียงเรียบ

     

    หุบปากไปเลยสตอร์ม คนตายด้านอย่างนายจะมารู้อะไร!” เงารุ้งหันมาพูดเสียงเย็น ทว่าครั้งนี้ดูเหมือนว่าเธอจะเล่นแรงไปหน่อย ปลายนิ้วที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นใบมีดของชายหนุ่มถึงได้จ่ออยู่บนลำคอระหง

     

    เธอต่างหากที่ต้องหุบปาก…” เด็กหนุ่มเอ่ยเรียบขณะที่เงารุ้งไม่มีที่ท่าว่าจะหวาดกลัวสักนิด

     

    คิดว่ามีปัญญาทำได้ก็ลองดูสิ!”

     

    Poison perfume!

     

    ควันสีม่วงอ่อนฟุ้งกระจายออกมาจากฝ่ามือของหญิงสาว พุ่งตรงไปทางสตอร์ม่า แต่เด็กหนุ่มกลับไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน เขาเพียงแค่เหยียดมือออกไปข้างหน้าก่อนจะ- -

     

    Metal Shield!

     

    ลำแขนของเด็กหนุ่มแปรเปลี่ยนเป็นโล่ป้องกันควันพิษเบื้องหน้า ดวงตาสีเขียวเข้มคู่นั้นทอประกายอย่างที่น้อยคนนักจะได้เห็น

     

    ควันพิษของเธอ ไม่มีผลกับโลหะ แล้วถ้าไม่ได้สูดเข้าไปก็ทำอะไรไม่ได้ไม่ใช่รึไง?

     

    อย่ามาดูถูกกันนะ สตอร์ม่า!!!” เจ้าหล่อนตวาดเสียงกร้าว นัยน์ตาสีฟ้าใสมีประกายเรืองๆก่อนที่มือบางจะวาดออกไปในอากาศอีกครั้ง...

     

    Atomic poison!!!

     

    ควันสีม่วงไม่ต่างจากเดิมพุ่งกระจายออกมาพร้อมกลิ่นที่แปลกไป... มันคือควันพิษสลายอนุภาค!!!

     

    Crystal Protection!!!

     

    กำแพงใสพลันก่อขึ้นกักพิษนั้นไว้กลางทาง เนื้อคริสตัลที่สัมผัสถูกควันพิษค่อยๆหลอมละลายไปอย่างช้าๆ ทุกคนในที่นั้นคงจะถูกหลอมลงไปแล้วหากว่ากำแพงนั้นไม่ได้หนากว่าสามนิ้ว...

     

    เธอเล่นแรงเกินไปแล้วเงารุ้ง อาคเนย์เอ่ยเสียงเฉียบขาด ก่อนจะเบือนดวงตาสีน้ำเงินเข้มกลับไปมองสตรีเพียงหนึ่งเดียวที่ยืนหอบหายใจอยู่กลางห้อง

     

    หึ...จตุจันทราก็เป็นยังงี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว...ถ้าอยากจะขึ้นสู่ที่สูงก็ต้องเอาชนะคนที่อยู่สูงกว่าให้ได้ มันกลายเป็นสัจธรรมไปแล้วไม่ใช่หรอ?

     

    แล้วเธอชอบอย่างนั้นรึไง?คำสวนกลับเป็นของสตอร์ม่า

     

    กับการที่ต้องมาระแวง...แม้แต่เพื่อน...ต้องมาแข่งขันกันเองแบบนี้น่ะ...

     

    ฉันไม่สนใจเรื่องมิตรภาพน้ำเน่าแบบนั้นหรอกน่า!!”

     

    จะสนหรือไม่สนก็แล้วแต่... เสียงของหัวหน้ากลุ่มจตุจันทราดังขึ้นที่กรอบประตูก่อนที่ร่างสูงจะก้าวเข้ามาในห้องด้วยท่าทีนิ่งเฉย

     

    ตอนนี้เรามีปัญหาแล้ว คณะทูตหายสาบสูญไปจากรัศมีของเรา ครั้งล่าสุดที่ได้รับการติดต่อจากสายคือเมื่อ 24 ชั่วโมงที่แล้ว เขาแจ้งเข้ามาว่าเรือประสบพายุและอาจจะล่ม…”

     

    ความเงียบงันทิ้งตัวลงชั่วขณะ

     

    หรือว่าเด็กฝึกหัดของจตุจันทรานั่นจะทรยศพวกเรา? เงารุ้งเอ่ยเสียงเย็น

     

    ไม่มีประโยชน์ที่เขาจะทำอย่างนั้น ลูกหมูเอ่ยตอบ เด็กคนนั้นเป็นอันดับหนึ่งในทีมฝึกหัดอยู่แล้ว ที่เราส่งเขาไปเพราะว่านี่เป็นงานสำคัญมาก ฉันคิดว่าน่าจะประสบอุบัติเหตุอะไรบางอย่างมากกว่า

     

    ...ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าเราไม่สามารถรู้เรื่องราวทางนั้นได้เลย ที่ส่งคณะทูตไปก็เหมือนกับเสียเวลาเปล่า สตอร์ม่าเปรยเรียบ  

     

    ไม่หรอก... จู่ๆรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม ดวงตาสีดำภายหลังกรอบแว่นนั้นทอประกายประหลาด

     

    เด็กคนนั้น... ต้องมีวิธีดำเนินการตาม แผนที่วางไว้ ได้แน่...ที่ฉันมาแจ้งก็แค่อยากจะบอกให้เตรียมตัวไว้ เราจะปฏิบัติตามแผนเดิม ไม่มีปรับเปลี่ยนใดๆทั้งสิ้น

     

    หมายความว่าเราจะไม่รอการติดต่อจากทางนั้น? อาคเนย์เบิกตากว้างในขณะที่เงารุ้งและสตอร์มก็ดูมีท่าทีตกใจไม่แพ้กัน ลูกหมูขยับรอยยิ้มขึ้นบนเรียวปากแทนคำตอบ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับออกไป...

     

    ...ขอดูฝีมือนายหน่อยซิ...อาซาคุระ อูไร...

     

    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

     

    ฮัดเช้ยยยยยยยย!!!!!!!!”

     

    เป็นหวัดหรออู๋ จามเสียงดังลั่นเชียว หลินหันมาถามเด็กชายที่ยืนทำเสียงฟึดฟัดอยู่ข้างๆ ด้วยความเป็นห่วง แต่เจ้าตัวกลับส่งยิ้มซื่อๆกลับไปให้พลางพยักหน้าน้อยๆดูน่ารัก

     

    ครับ เจออากาศหนาวๆแบบนี้ผมไม่ชอบเลย ถ้ามีพี่สาวน่ารักๆอย่างพี่หลินไว้กอดก็คงจะไม่หนาวอย่างนี้หรอกนะฮะ

     

    แหม! อู๋นี่ละก็ปากหวานจริง หลินตบหลังเด็กชายจนหน้าคะมำหัวทิ่มลงกับพื้นด้วยความเขินอาย

     

    อะไรวะ...มือหนักชิบ...

     

    หา? เมื่อกี้อู๋ว่าอะไรนะ?

     

    อ๋อ...ผมบอกว่าพี่หลินอายน่ารักดีน่ะครับ เด็กชายเปลี่ยนสีหน้าแบบกะทันหันจนคนฟังไม่นึกเอะใจ ใบหน้าขาวๆถึงได้ยิ่งขึ้นสีเรื่อกว่าเดิมก่อนที่ฝ่ามืออรหันต์นั่นจะเงื้อขึ้นอีกรอบ- -

     

    เอ้อ...ฮ้าดดดดดดดดเช้ยยยยยยยยย!!! พี่เครส ผมขอยืมเสื้อหนาวหน่อยนะฮะ!” ร่างเล็กๆรีบพาตัวเองระเห็จออกจากวงโคจรมรณะแทบจะในทันที ด้วยการหาเรื่องเดินถอยลงมาคู่กับหญิงสาวอีกคนที่เดินตามมาข้างหลัง

     

    เอ้า นี่จ้ะ รีบๆเดินเข้า ถ้าไกลจากหาดมากกว่านี้ก็คงจะไม่หนาวแล้วล่ะ เครสส่งเสื้อหนาวให้อย่างว่าง่ายก่อนจะยิ้มอย่างใจดีส่งให้อู๋ที่ส่งสายตาเป็นประกายวิ้งๆน่ารัก

     

    พี่เครสน่ารักจัง...ผมขอเรียกพี่เครสว่าพี่สาวนะฮะ

     

    เอ่อ...เรียกพี่เครสเฉยๆก็ได้นี่อู๋...

     

    ก็ผมอยากได้พี่เครสเป็นพี่สาวนี่ นะฮะ นะฮะ พี่สาว นะฮะ~” ตากลมๆใสๆส่งกระแสเว้าวอนเต็มที่จนคนถูกอ้อนตีสีหน้าลำบากใจ พอเหลือบไปมองหน้าน้องชายตัวจริงที่อยู่ข้างๆก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบๆยังไงชอบกล เพราะถึงหน้ามันจะนิ่งๆแต่รังสีอำมหิตกลับแผ่กระจายออกมาชนิดที่ว่าทั้งเรทั้งกรต้องถอยห่างออกมาโดยอัตโนมัติ

     

    เอ่อ...

     

    ตกลงแล้วนะฮะ ต่อไปนี้พี่เครสจะเป็นพี่สาวของผม ผมดีใจจังเลย!” อู๋ยิ้มกว้างก่อนจะควงแขนเครสเดินอย่างไม่สนใจคนรอบข้าง โดยเฉพาะซันที่ดูเหมือนจะยิ่งไม่สบอารมณ์เข้าไปใหญ่ ดวงหน้าขาวๆนั่นถึงได้ยิ่งดูเหมือนคนใกล้ตกเหว ก่อนจะหันไปขอความช่วยเหลือจากคนข้างๆ...เร...

     

    เด็กหนุ่มแย้มรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะขยับมือไปแตะร่างของเครสอย่างที่ไม่มีใครทันสังเกตุ...

     

    พี่สาว ทำไมพี่สาวตัวเย็นจังเลยฮะ? พี่สาวไม่สบายรึเปล่า? อู๋ที่รู้สึกได้ถึงไอความเย็นอย่างกะทันหัน พูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง แต่เจ้าตัวกลับแค่ส่ายหน้าก่อนจะส่งรอยยิ้มน้อยๆมาให้โดยที่ไม่พูดอะไร

     

    เฮ้ย ไอเครส แกดูไม่ดีจริงๆนะเนี่ย เป็นอะไรวะ? หนาวรึไง? กรยื่นหน้าเข้ามาถาม ซึ่งถ้าหากเป็นการมองเผินๆแล้วใครก็ต้องนึกว่ามันเป็นห่วงเธอ แต่แค่เสี้ยวินาที ที่ดวงตาสีแสดฉายแววเจ้าเล่ห์ เธอก็รู้แล้วว่ามันรับมุกเธอกับเรได้อย่างแนบเนียนขนาดไหน

     

    ให้ตายสิจริงๆเลยนะ... คำบ่นที่ส่งมาพร้อมๆกับเสื้อแจ๊กเก็ตตัวโตที่คลุมลงมาบนไหล่ รู้ว่าตัวเองขี้หนาวแล้วยังให้เสื้อคนอื่นไปง่ายๆ จริงๆเลยน้า...พี่สาว

     

    สรรพนามที่ซันจงใจแทนในประโยคแต่ละคำเรียกให้ดวงตาสีดำขลับเหลือบขึ้นมองด้วยความไม่ชอบใจ ชั่ววินาทีนั้น...วินาทีเดียว ที่ดวงตาของเด็กชายสบกับดวงตาสีเหล็ก... ราวกับเลือดทั้งหมดในกายถูกแช่แข็ง ทั้งๆที่เขาสัมผัสมันได้มากขนาดนี้ แต่คนอื่นกลับไม่รู้สึกเลยสักนิด... จิตสังหาร!!!

     

    ไม่เอาแล้ว ผมไปหาพี่เจดีกว่า ถือว่าผมฝากไว้ก่อนนะครับพี่ซัน ยังไงผมก็จะเอาพี่เครสมาเป็นพี่สาวของผมคนเดียวให้ได้ ผมไม่ยอมแพ้พี่หรอก ดวงตาคู่นั้นกลับมาฉายแววไร้เดียงสา เหมือนเด็กที่ไม่ยอมแพ้...ไม่มีใครสังเกตจริงๆ

     

    ซันมองร่างที่วิ่งห่างออกไปด้วยความรู้สึกกลัว...เมื่อกี้เขาสัมผัสไม่ผิดแน่... แรงกดดันจากจิตสังหารที่ท่วมท้นอย่างกับจะฆ่าเขาให้ตาย...เด็กนั่นทำยังไง...ทำยังไงถึงได้พุ่งจิตสังหารลงมาที่เขาคนเดียวได้? ทั้งๆที่แคปิดกั้นจิตสังหารธรรมดาก็ยากจะตายอยู่แล้ว แต่นี่กลับเลือกปิดกั้นได้เฉพาะคน?!

     

    ซัน!” เสียงเรียกแผ่วๆจากที่ไหนซักที่ฉุดความคิดของเด้กหนุ่มกลับสู่ความเป็นจริง ก่อนจะพบว่ารอบตัวของเขาเดต็มไปด้วยสายหมอก

     

    ทำไมหมอกมันหนาขนาดนี้?” ทั้งๆที่เขาก็อยู่ห่างจากคนอื่นไม่กี่ก้าว แต่ทั้งเครส ทั้งเร ทั้งกร เขากลับเห็นเป็นแค่เงารางๆเท่านั้น

     

    นี่มันผิดปกติแล้ว ทุกคนอยู่ใกล้กันไว้นะ…” เรเอ่ยเสียงเครียด ในขณะที่กรกลับแค่นหัวเราะเบาๆ

     

    มาแล้วสินะ การต้อนรับของชาวนรกที่เรารอคอยกันอยู่น่ะ!”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×