ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    War Of Heaven :: สงครามล้างพันธุ์อสูร

    ลำดับตอนที่ #23 : บทที่ 21 :: ความจริงที่คาดไม่ถึง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 89
      0
      29 มี.ค. 49

                    "แล้วสรุปว่าที่แพมเห็นน่ะมันอะไร?"

                ทรายเปิดประเด็นทันทีที่ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของสิชาจบ คนถูกถามยังคงนั่งนิ่ง ทว่าดูจากสีหน้าแล้วดูเหมือนเจ้าตัวจะลำบากใจที่จะพูดเรื่องทั้งหมดออกมา

                    "ผม...ไม่แน่ใจ..." จิ้งหลุบสายตาลงต่ำ เม็ดเหงื่อเย็นเยียบผุดพราวขึ้นบนใบหน้า... ใช่สิ! แน่เสียยิ่งกว่าแน่ เขารู้ว่าแพมจะต้องเห็นมันแล้ว เขารู้!

                    "จิ้ง..." ทรายถอนหายใจ "อันที่จริงทรายก็ไม่ได้อยากบังคับให้จิ้งพูดหรือว่าอยากจะทำให้จิ้งอึดอัดหรอกนะ... แต่ว่า ยิ่งจิ้งไม่พูดทุกคนก็ยิ่งเป็นห่วงจิ้ง ทุกคนก็จะยิ่งไม่สบายใจ ทรายว่า...ถ้าหากจิ้งพูดออกมานะ พวกเราอาจจะพอช่วยอะไรได้บ้าง ถึงจะไม่มากก็เถอะ แต่ว่าพวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอ?"

                    ถ้อยคำของทรายดึงความเงีบยให้ปกคลุมทั่วทั้งห้อง... ทว่าไม่ใช่ความเงียบชวนอึดอัดเหมือนเมื่อครู่ หมอกควันบางอย่างสเหมือนจะถูกสายลมพัดพาไป... ใช่สินะ...เขาไม่ได้อยู่คนเดียว... เขามี เพื่อน... ถึงแม้ว่าจะรู้จักกันได้เพียงไม่กี่วัน ถึงแม้ว่าจะต่างความคิดต่างอายุ แต่คนพวกนี้ก็พร้อมที่จะอยู่ข้างเขา ห่วงใยเขา ดูแลเขา และพร้อมที่จะเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับเขา...

                    "ผม...ผมคิดว่าแพมเห็น...พ่อของแพม..." ถ้อยคำที่หลุดออกมาจากปากชายหนุ่มนั้นแผ่วเบา ทว่ารับรู้กันทั่ว "พ่อของแพม ถูกฆ่า..."

                    ความเงียบโรยตัวลงครอบคลุมอีกครั้ง แม้แต่เจกับหลินก็ดูเหมือนจะไม่เคยรับรู้ถึงเรื่องนี้มาก่อน ทั้งคู่สบตากันก่อนจะหันไปมองจิ้งด้วยสีหน้าตระหนก ขณะที่จิ้งยังคงเล่าเรื่องราวต่อไป

                    "ผมรู้จักพ่อของแพมมาตั้งแต่สมัยผมยังเด็ก เขาเปรียบเสมือนอาจารย์ของผม เป็นเหมือนพ่อของผม... จำได้ว่าตอนเด็กๆผมกับแพมสนิทกันเหมือนพี่น้องแท้ๆ... แล้วจากนั้นแพมก็หายตัวไป ผมไม่ทราบว่าเธอไปอยู่ที่ไหน ผมพยายามถามพ่อหลายครั้งแต่เขาก็ไม่เคยตอบผม เขาทุ่มเทเวลาสืบหาตัวแพม แต่ก็ดูเหมือนว่าเปล่าประโยชน์... แต่ว่าในที่สุด พ่อก็เจออะไรบางอย่าง... เจออะไรบางอย่างที่น่ากลัว อะไรบางอย่างที่เขาบอกว่าเกี่ยวข้องกับแพมมาก...

                    "แล้ววันนั้นเขาก็ถูกฆ่า... ด้วยฝีมือของอดีตกลุ่มจตุจันทรา..."

                    "อะไรนะ!"

                เจเอ่ยน้ำเสียงตระหนก ดวงหน้าขาวๆของหญิงสาวซีดเผือดลงทันที

                    "แต่ว่า...พี่จิ้งก็เคยเป็นหนึ่งในกลุ่มจตุจันทรานี่" กรเอ่ยท้วง ดวงหน้าของเด็กหนุ่มนิ่งสนิทจนยากที่จะเดาความคิดออก จิ้งสบตากรอยู่พักหนึ่งก่อนจะถอนหายใจแล้วเอ่ยต่อ

                    "ใช่... ตอนนั้นผมรับตำแหน่งเป็นคัลลิสโต... ตำแหน่งเดียวกับอาคเนย์ตอนนี้ แล้วพ่อของแพม...ก็อยู่ตำแหน่งซูส หรือตำแหน่งเดียวกับลูกหมูในตอนนี้"

                    "แต่ว่าจตุจันทรารับคำสั่งจากซูสไม่ใช่หรอคะ  แล้วซูสจะส่งคนมาฆ่าตัวเองอย่างงั้นหรอ?" เครสเอ่ยท้วง

                    "ไม่ใช่... จตุจันทราไม่ได้รับคำสั่งจากซูส ซูสเป็นหัวหน้าทีมปฏิบัติงานต่างหาก นายที่แท้จริงของจตุจันทราอยู่สูงกว่านั้นขึ้นไปอีก สูงอย่างที่ทุกคนคาดไม่ถึง..." จิ้งเอ่ยน้ำเสียงอ่อนล้า "แต่ว่าตอนนั้น... คนๆนั้น สั่งการให้จตุจันทรามาฆ่าซูส ผมเป็นคนเดียวที่ไม่ได้รับคำสั่ง และไม่รู้เรื่องอะไร ผมมารู้อีกทีก็ตอนที่ยูโรปากับแกนิมีดบุกเข้ามาในบ้าน... ทั้งสองคนนั้นฆ่าซูสต่อหน้าต่อตาผม... แล้วสองคนนั้นก็ฆ่าตัวตาย…"

                    ดวงตาของจิ้งเลื่อนลอยไปกับอดีตที่โหดร้าย ในขณะที่คนฟังได้แต่ยืนนิ่ง...นิ่งไปกับความจริงที่คาดไม่ถึง

                    "ผมมารู้ทีหลังว่า อีกคนที่รู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้วไม่บอกผม คือไอโอ... ผมช็อกมาก เพราะผมเชื่อใจไอโอมาตลอด ถึงไอโอจะไม่ได้เป็นคนฆ่าซูสแต่ผมก็คิดว่าเขาคือผู้สมรู้ร่วมคิด เขาไม่ต่างอะไรกับคนที่ทรยศหักหลังทั้งเพื่อนและพ่อของเขาเอง... ตั้งแต่วันนั้นมาผมลาออกจากจตุจันทรา ผมไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง แล้วจตุจันทราก็ก่อตัวขึ้นมาใหม่อย่างเงียบเชียบ โดยเลือกเด็กๆที่ได้รับการฝึกและคัดเลือกจากในองค์กรแล้ว..."

                    "หนึ่งในนั้นก็คือผมเอง..." พอลเอ่ยขึ้น "แกนิมีดคนก่อนคือพี่สาวของผม... ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้รายละเอียดเหมือนพี่จิ้ง แต่ผมรู้ว่าจตุจันทราไม่ได้ดีอย่างที่ผมกับพี่เคยเข้าใจ ผมปฏิเสธตำแหน่งที่อดีตไอโอเสนอให้ แล้วก็ตัดสินใจลาออก ผมคิดว่าการที่พี่ต้องตายอาจจะเป็นฝีมือของอดีตไอโอ หรือไม่ก็พี่จิ้ง..." พอลก้มหน้าลงต่ำ ดวงตาสีม่วงฉายแววเจ็บปวด ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเอ่ยต่อ

                    "ผมขอโทษครับพี่จิ้ง..."

                    "พอล...ผมไม่ได้ต้องการคำนั้น เรื่องมันผ่านมานานแล้ว..." จิ้งถอนหายใจอีกครั้ง "เรื่องทั้งหมดไม่ได้มีใครอยากให้เกิด แกนิมีดไม่ได้อยากจะทำ แต่เธอคงปฏิเสธไม่ได้มากกว่า... ผมเข้าใจดี และผมไม่เคยคิดว่าเธอเป็นคนทรยศ"

                    "เดี๋ยวพี่จิ้ง" เรเอ่ยแทรก "อดีตไอโอที่ว่านั่น...หมายความว่าเขาก็ยังอยู่ในจตุจันทราตอนนี้..."

                    เหมือนประกายความเข้าใจจะฉายวาบเข้าในหัวสมอง... ไอโอ... เรื่องที่พี่จิ้งเคยเล่าให้เธอฟังตรงระเบียงนั่น... ทั้งยังสีหน้าแววตาแปลกๆ... เครสเบิกตากว้างก่อนจะรู้สึกถึงความจริงที่กระจ่างชัดอยู่ตรงหน้า...

                    "ใช่...อดีตไอโอคนนั้น ก็คือลูกหมูไงล่ะ"

                          ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

                "คำโกหกคำโตเลยนะนั่น..."

                เรเปรยเรียบๆ ในวงสนทนาที่มีเพียงเขา กร ซัน และเครส ที่กำลังเลิกคิ้วเป็นเชิงให้คนพูดช่วยขยายความ

                เรเปรยเรียบๆ ในวงสนทนาที่มีเพียงเขา กร ซัน และเครส ที่กำลังเลิกคิ้วเป็นเชิงให้คนพูดช่วยขยายความ

                เรเปรยเรียบๆ ในวงสนทนาที่มีเพียงเขา กร ซัน และเครส ที่กำลังเลิกคิ้วเป็นเชิงให้คนพูดช่วยขยายความ

                    "ก็ดูตอนแรกที่เราเจอเขาไง... เขาบอกว่าเป็นมือปราบครึ่งอสูร จำได้ไหม?"

                    "ก็ดูตอนแรกที่เราเจอเขาไง... เขาบอกว่าเป็นมือปราบครึ่งอสูร จำได้ไหม?"

                    "ก็ดูตอนแรกที่เราเจอเขาไง... เขาบอกว่าเป็นมือปราบครึ่งอสูร จำได้ไหม?"

                    "แล้วทำยังกับว่านายเชื่อเรื่องนั้นตั้งแต่แรก..." เครสตอกกลับ

                    "แล้วทำยังกับว่านายเชื่อเรื่องนั้นตั้งแต่แรก..." เครสตอกกลับ

                    "แล้วทำยังกับว่านายเชื่อเรื่องนั้นตั้งแต่แรก..." เครสตอกกลับ

                    "เรื่องบ้าๆแบบนั้นใครจะไปเชื่อลงเล่า" ซันว่าพลางบิดขี้เกียจ ขณะที่กรยังคงนั่งนิ่ง ตอนนี้พวกเขาสี่คนมารวมตัวอยู่ในห้องเครสหลังจากรายการเปิดเผยความจริงที่คาดไม่ถึงเพิ่งจะจบไปสดๆร้อนๆ

                    "เรื่องบ้าๆแบบนั้นใครจะไปเชื่อลงเล่า" ซันว่าพลางบิดขี้เกียจ ขณะที่กรยังคงนั่งนิ่ง ตอนนี้พวกเขาสี่คนมารวมตัวอยู่ในห้องเครสหลังจากรายการเปิดเผยความจริงที่คาดไม่ถึงเพิ่งจะจบไปสดๆร้อนๆ

                    "เรื่องบ้าๆแบบนั้นใครจะไปเชื่อลงเล่า" ซันว่าพลางบิดขี้เกียจ ขณะที่กรยังคงนั่งนิ่ง ตอนนี้พวกเขาสี่คนมารวมตัวอยู่ในห้องเครสหลังจากรายการเปิดเผยความจริงที่คาดไม่ถึงเพิ่งจะจบไปสดๆร้อนๆ

                    "นานแล้วนะ ที่พวกเราไม่ได้คุยกันสี่คนแบบนี้…" กรเปรยขึ้นเรียบๆ เรียกให้ดวงตาของเพื่อนอีกสามคนที่เหลือหันมามอง

                    "นานแล้วนะ ที่พวกเราไม่ได้คุยกันสี่คนแบบนี้…" กรเปรยขึ้นเรียบๆ เรียกให้ดวงตาของเพื่อนอีกสามคนที่เหลือหันมามอง

                    "นานแล้วนะ ที่พวกเราไม่ได้คุยกันสี่คนแบบนี้…" กรเปรยขึ้นเรียบๆ เรียกให้ดวงตาของเพื่อนอีกสามคนที่เหลือหันมามอง

                    "จะว่าไปก็ตั้งแต่ออกจากบ้านมาล่ะมั้ง?" ซันเอ่ย

                    "จะว่าไปก็ตั้งแต่ออกจากบ้านมาล่ะมั้ง?" ซันเอ่ย

                    "จะว่าไปก็ตั้งแต่ออกจากบ้านมาล่ะมั้ง?" ซันเอ่ย

                    "แล้วคิดว่าต่อไปจะเป็นไงล่ะ?" เครสถาม

                    "แล้วคิดว่าต่อไปจะเป็นไงล่ะ?" เครสถาม

                    "แล้วคิดว่าต่อไปจะเป็นไงล่ะ?" เครสถาม

                    "อนาคตก็เป็นเรื่องของอนาคต จะไปรู้ล่วงหน้าได้ยังไง" เรเอ่ยท้วงพลางเหม่อมองไปยังดวงดาวบนฟ้า

                    "อนาคตก็เป็นเรื่องของอนาคต จะไปรู้ล่วงหน้าได้ยังไง" เรเอ่ยท้วงพลางเหม่อมองไปยังดวงดาวบนฟ้า

                    "อนาคตก็เป็นเรื่องของอนาคต จะไปรู้ล่วงหน้าได้ยังไง" เรเอ่ยท้วงพลางเหม่อมองไปยังดวงดาวบนฟ้า

                    "นี่..." กรเปรยขึ้นเรียบๆ "พวกแกไม่โกรธหรอ ที่ตาจิ้งหลอกพวกเราน่ะ?" คำถามที่เรียกให้เครสเลิกคิ้วด้วยความสงสัยว่าวันนี้มันจะมาไม้ไดนของมัน แต่เจ้าหล่อนก็แย้มรอยยิ้มรับอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเอ่ยตอบ

                    "นี่..." กรเปรยขึ้นเรียบๆ "พวกแกไม่โกรธหรอ ที่ตาจิ้งหลอกพวกเราน่ะ?" คำถามที่เรียกให้เครสเลิกคิ้วด้วยความสงสัยว่าวันนี้มันจะมาไม้ไดนของมัน แต่เจ้าหล่อนก็แย้มรอยยิ้มรับอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเอ่ยตอบ

                    "นี่..." กรเปรยขึ้นเรียบๆ "พวกแกไม่โกรธหรอ ที่ตาจิ้งหลอกพวกเราน่ะ?" คำถามที่เรียกให้เครสเลิกคิ้วด้วยความสงสัยว่าวันนี้มันจะมาไม้ไดนของมัน แต่เจ้าหล่อนก็แย้มรอยยิ้มรับอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเอ่ยตอบ

                    "ไม่มีใครอยากโกหกหรือหลอกลวงใครหรอกนะกร... การที่พี่จิ้งหลอกเราเขาก็ต้องรับแรงกดดันของตัวเขาเองมาตลอด ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเขาที่ต้องทนรับไว้ทุกครั้งเวลาที่ต้องทนสร้างเรื่องตบตาพวกเรา ฉันว่า...เท่านั้นมันก็มากเกินพอแล้ว... อีกอย่าง ไม่ว่ายังไง พี่จิ้งก็ยังคงเป็นพี่จิ้งคนเดิมของพวกเราเสมอ ยังคงเป็นพี่จิ้งคนที่ดูแลพวกเราเสมอมา เพราะฉะนั้น ฉันน่ะ...โกรธเขาไม่ลงหรอก"

                    "ไม่มีใครอยากโกหกหรือหลอกลวงใครหรอกนะกร... การที่พี่จิ้งหลอกเราเขาก็ต้องรับแรงกดดันของตัวเขาเองมาตลอด ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเขาที่ต้องทนรับไว้ทุกครั้งเวลาที่ต้องทนสร้างเรื่องตบตาพวกเรา ฉันว่า...เท่านั้นมันก็มากเกินพอแล้ว... อีกอย่าง ไม่ว่ายังไง พี่จิ้งก็ยังคงเป็นพี่จิ้งคนเดิมของพวกเราเสมอ ยังคงเป็นพี่จิ้งคนที่ดูแลพวกเราเสมอมา เพราะฉะนั้น ฉันน่ะ...โกรธเขาไม่ลงหรอก"

                    "ไม่มีใครอยากโกหกหรือหลอกลวงใครหรอกนะกร... การที่พี่จิ้งหลอกเราเขาก็ต้องรับแรงกดดันของตัวเขาเองมาตลอด ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเขาที่ต้องทนรับไว้ทุกครั้งเวลาที่ต้องทนสร้างเรื่องตบตาพวกเรา ฉันว่า...เท่านั้นมันก็มากเกินพอแล้ว... อีกอย่าง ไม่ว่ายังไง พี่จิ้งก็ยังคงเป็นพี่จิ้งคนเดิมของพวกเราเสมอ ยังคงเป็นพี่จิ้งคนที่ดูแลพวกเราเสมอมา เพราะฉะนั้น ฉันน่ะ...โกรธเขาไม่ลงหรอก"

                    สายลมพัดหอบเอาไอหนาวเข้ามาในห้องที่เงียบงัน... กร วิล แชง หลับตาลง... เหมือนจะครุ่นคิดบางอย่าง จนในที่สุด...เด็กหนุ่มก็เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง

                    สายลมพัดหอบเอาไอหนาวเข้ามาในห้องที่เงียบงัน... กร วิล แชง หลับตาลง... เหมือนจะครุ่นคิดบางอย่าง จนในที่สุด...เด็กหนุ่มก็เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง

                    สายลมพัดหอบเอาไอหนาวเข้ามาในห้องที่เงียบงัน... กร วิล แชง หลับตาลง... เหมือนจะครุ่นคิดบางอย่าง จนในที่สุด...เด็กหนุ่มก็เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง

                    "น้ำเน่าว่ะไอเครส"

                    "น้ำเน่าว่ะไอเครส"

                    "น้ำเน่าว่ะไอเครส"

                    "ไอ้ กร วิล แชง!! อะไรวะ!! บรรยากาศกำลังดีอย่ามาเบรกได้มั้ยล่ะ ไอ้บ้า!!" คนถูกหาว่าน้ำเน่ารัวหมอนเข้าใส่ไอ้คนพูดที่ยังตีสีหน้ากวนประสาทราวกับจะบอกว่า 'กร วิล แชง คนเก่ายังไม่ได้ไปไหน'

                    "ไอ้ กร วิล แชง!! อะไรวะ!! บรรยากาศกำลังดีอย่ามาเบรกได้มั้ยล่ะ ไอ้บ้า!!" คนถูกหาว่าน้ำเน่ารัวหมอนเข้าใส่ไอ้คนพูดที่ยังตีสีหน้ากวนประสาทราวกับจะบอกว่า 'กร วิล แชง คนเก่ายังไม่ได้ไปไหน'

                    "ไอ้ กร วิล แชง!! อะไรวะ!! บรรยากาศกำลังดีอย่ามาเบรกได้มั้ยล่ะ ไอ้บ้า!!" คนถูกหาว่าน้ำเน่ารัวหมอนเข้าใส่ไอ้คนพูดที่ยังตีสีหน้ากวนประสาทราวกับจะบอกว่า 'กร วิล แชง คนเก่ายังไม่ได้ไปไหน'

                    "เฮ้ยๆ เบาๆหน่อยดิวะ ถ้าเกิดคนหล่อ ประเสริฐ ดีเลิศ เพอร์เฟกต์ อย่างฉันตายขึ้นมาเมื่อไหร่พวกแกนั่นแหละที่จะเสียใจ"

                    "เฮ้ยๆ เบาๆหน่อยดิวะ ถ้าเกิดคนหล่อ ประเสริฐ ดีเลิศ เพอร์เฟกต์ อย่างฉันตายขึ้นมาเมื่อไหร่พวกแกนั่นแหละที่จะเสียใจ"

                    "เฮ้ยๆ เบาๆหน่อยดิวะ ถ้าเกิดคนหล่อ ประเสริฐ ดีเลิศ เพอร์เฟกต์ อย่างฉันตายขึ้นมาเมื่อไหร่พวกแกนั่นแหละที่จะเสียใจ"

                    เครสหยุดกึก ก่อนจะเบิกตากว้างทันทีที่ได้ยินคำพูดสรรเสริญเยินยอตัวเองอย่างที่สุดของมัน

                    ..........................

                    ..........................

                    ..........................

                    "หล่อ ประเสริฐ ดีเลิศ เพอร์เฟกต์หาใครเทียบได้อย่างแกนี่นะ..." เรเปรยขึ้นก่อนจะเริ่มกุมขมับ

                    "หล่อ ประเสริฐ ดีเลิศ เพอร์เฟกต์หาใครเทียบได้อย่างแกนี่นะ..." เรเปรยขึ้นก่อนจะเริ่มกุมขมับ

                    "หล่อ ประเสริฐ ดีเลิศ เพอร์เฟกต์หาใครเทียบได้อย่างแกนี่นะ..." เรเปรยขึ้นก่อนจะเริ่มกุมขมับ

                    "ฉันว่ามันดีเกินไปที่จะอยู่บนโลกว่ะ" ซันต่อให้จนจบพลางหยิบหมอนขึ้นมาอีกใบ...

                    "ฉันว่ามันดีเกินไปที่จะอยู่บนโลกว่ะ" ซันต่อให้จนจบพลางหยิบหมอนขึ้นมาอีกใบ...

                    "ฉันว่ามันดีเกินไปที่จะอยู่บนโลกว่ะ" ซันต่อให้จนจบพลางหยิบหมอนขึ้นมาอีกใบ...

                    "เฮ้ย!!! พวกแก โกงนี่หว่า อย่ารุมกันดิวะ!!!" กรคว้าหมอนข้างตัวขึ้นมาโต้กลับทันที แต่ทว่า...ดูเหมือนว่ามันจะโชคร้ายไปหน่อยที่เครสกับซันหลบทัน...

                    "เฮ้ย!!! พวกแก โกงนี่หว่า อย่ารุมกันดิวะ!!!" กรคว้าหมอนข้างตัวขึ้นมาโต้กลับทันที แต่ทว่า...ดูเหมือนว่ามันจะโชคร้ายไปหน่อยที่เครสกับซันหลบทัน...

                    "เฮ้ย!!! พวกแก โกงนี่หว่า อย่ารุมกันดิวะ!!!" กรคว้าหมอนข้างตัวขึ้นมาโต้กลับทันที แต่ทว่า...ดูเหมือนว่ามันจะโชคร้ายไปหน่อยที่เครสกับซันหลบทัน...

                    "ง่า...เร... เพื่อนรัก..." กรตีหน้าเจื่อนกลืนน้ำลายเอื๊อกทันทีเมื่อจู่ๆจิตสังหารของเพื่อนรักเริ่มแผ่รัศมี

                    "ง่า...เร... เพื่อนรัก..." กรตีหน้าเจื่อนกลืนน้ำลายเอื๊อกทันทีเมื่อจู่ๆจิตสังหารของเพื่อนรักเริ่มแผ่รัศมี

                    "ง่า...เร... เพื่อนรัก..." กรตีหน้าเจื่อนกลืนน้ำลายเอื๊อกทันทีเมื่อจู่ๆจิตสังหารของเพื่อนรักเริ่มแผ่รัศมี

                    "กรเพื่อนรัก..." เรแย้มรอยยิ้มเย็นก่อนจะเอื้อมมือไปที่หมอนข้างกาย...

                    "กรเพื่อนรัก..." เรแย้มรอยยิ้มเย็นก่อนจะเอื้อมมือไปที่หมอนข้างกาย...

                    "กรเพื่อนรัก..." เรแย้มรอยยิ้มเย็นก่อนจะเอื้อมมือไปที่หมอนข้างกาย...

                    แล้วสงครามหมอนก็ปะทุขึ้นต่อเนื่องยาวนานตลอดทั้งคืน

                    แล้วสงครามหมอนก็ปะทุขึ้นต่อเนื่องยาวนานตลอดทั้งคืน

                    แล้วสงครามหมอนก็ปะทุขึ้นต่อเนื่องยาวนานตลอดทั้งคืน


                "คำโกหกคำโตเลยนะนั่น..."

                เรเปรยเรียบๆ ในวงสนทนาที่มีเพียงเขา กร ซัน และเครส ที่กำลังเลิกคิ้วเป็นเชิงให้คนพูดช่วยขยายความ

                เรเปรยเรียบๆ ในวงสนทนาที่มีเพียงเขา กร ซัน และเครส ที่กำลังเลิกคิ้วเป็นเชิงให้คนพูดช่วยขยายความ

                เรเปรยเรียบๆ ในวงสนทนาที่มีเพียงเขา กร ซัน และเครส ที่กำลังเลิกคิ้วเป็นเชิงให้คนพูดช่วยขยายความ

                    "ก็ดูตอนแรกที่เราเจอเขาไง... เขาบอกว่าเป็นมือปราบครึ่งอสูร จำได้ไหม?"

                    "ก็ดูตอนแรกที่เราเจอเขาไง... เขาบอกว่าเป็นมือปราบครึ่งอสูร จำได้ไหม?"

                    "ก็ดูตอนแรกที่เราเจอเขาไง... เขาบอกว่าเป็นมือปราบครึ่งอสูร จำได้ไหม?"

                    "แล้วทำยังกับว่านายเชื่อเรื่องนั้นตั้งแต่แรก..." เครสตอกกลับ

                    "แล้วทำยังกับว่านายเชื่อเรื่องนั้นตั้งแต่แรก..." เครสตอกกลับ

                    "แล้วทำยังกับว่านายเชื่อเรื่องนั้นตั้งแต่แรก..." เครสตอกกลับ

                    "เรื่องบ้าๆแบบนั้นใครจะไปเชื่อลงเล่า" ซันว่าพลางบิดขี้เกียจ ขณะที่กรยังคงนั่งนิ่ง ตอนนี้พวกเขาสี่คนมารวมตัวอยู่ในห้องเครสหลังจากรายการเปิดเผยความจริงที่คาดไม่ถึงเพิ่งจะจบไปสดๆร้อนๆ

                    "เรื่องบ้าๆแบบนั้นใครจะไปเชื่อลงเล่า" ซันว่าพลางบิดขี้เกียจ ขณะที่กรยังคงนั่งนิ่ง ตอนนี้พวกเขาสี่คนมารวมตัวอยู่ในห้องเครสหลังจากรายการเปิดเผยความจริงที่คาดไม่ถึงเพิ่งจะจบไปสดๆร้อนๆ

                    "เรื่องบ้าๆแบบนั้นใครจะไปเชื่อลงเล่า" ซันว่าพลางบิดขี้เกียจ ขณะที่กรยังคงนั่งนิ่ง ตอนนี้พวกเขาสี่คนมารวมตัวอยู่ในห้องเครสหลังจากรายการเปิดเผยความจริงที่คาดไม่ถึงเพิ่งจะจบไปสดๆร้อนๆ

                    "นานแล้วนะ ที่พวกเราไม่ได้คุยกันสี่คนแบบนี้…" กรเปรยขึ้นเรียบๆ เรียกให้ดวงตาของเพื่อนอีกสามคนที่เหลือหันมามอง

                    "นานแล้วนะ ที่พวกเราไม่ได้คุยกันสี่คนแบบนี้…" กรเปรยขึ้นเรียบๆ เรียกให้ดวงตาของเพื่อนอีกสามคนที่เหลือหันมามอง

                    "นานแล้วนะ ที่พวกเราไม่ได้คุยกันสี่คนแบบนี้…" กรเปรยขึ้นเรียบๆ เรียกให้ดวงตาของเพื่อนอีกสามคนที่เหลือหันมามอง

                    "จะว่าไปก็ตั้งแต่ออกจากบ้านมาล่ะมั้ง?" ซันเอ่ย

                    "จะว่าไปก็ตั้งแต่ออกจากบ้านมาล่ะมั้ง?" ซันเอ่ย

                    "จะว่าไปก็ตั้งแต่ออกจากบ้านมาล่ะมั้ง?" ซันเอ่ย

                    "แล้วคิดว่าต่อไปจะเป็นไงล่ะ?" เครสถาม

                    "แล้วคิดว่าต่อไปจะเป็นไงล่ะ?" เครสถาม

                    "แล้วคิดว่าต่อไปจะเป็นไงล่ะ?" เครสถาม

                    "อนาคตก็เป็นเรื่องของอนาคต จะไปรู้ล่วงหน้าได้ยังไง" เรเอ่ยท้วงพลางเหม่อมองไปยังดวงดาวบนฟ้า

                    "อนาคตก็เป็นเรื่องของอนาคต จะไปรู้ล่วงหน้าได้ยังไง" เรเอ่ยท้วงพลางเหม่อมองไปยังดวงดาวบนฟ้า

                    "อนาคตก็เป็นเรื่องของอนาคต จะไปรู้ล่วงหน้าได้ยังไง" เรเอ่ยท้วงพลางเหม่อมองไปยังดวงดาวบนฟ้า

                    "นี่..." กรเปรยขึ้นเรียบๆ "พวกแกไม่โกรธหรอ ที่ตาจิ้งหลอกพวกเราน่ะ?" คำถามที่เรียกให้เครสเลิกคิ้วด้วยความสงสัยว่าวันนี้มันจะมาไม้ไดนของมัน แต่เจ้าหล่อนก็แย้มรอยยิ้มรับอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเอ่ยตอบ

                    "นี่..." กรเปรยขึ้นเรียบๆ "พวกแกไม่โกรธหรอ ที่ตาจิ้งหลอกพวกเราน่ะ?" คำถามที่เรียกให้เครสเลิกคิ้วด้วยความสงสัยว่าวันนี้มันจะมาไม้ไดนของมัน แต่เจ้าหล่อนก็แย้มรอยยิ้มรับอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเอ่ยตอบ

                    "นี่..." กรเปรยขึ้นเรียบๆ "พวกแกไม่โกรธหรอ ที่ตาจิ้งหลอกพวกเราน่ะ?" คำถามที่เรียกให้เครสเลิกคิ้วด้วยความสงสัยว่าวันนี้มันจะมาไม้ไดนของมัน แต่เจ้าหล่อนก็แย้มรอยยิ้มรับอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเอ่ยตอบ

                    "ไม่มีใครอยากโกหกหรือหลอกลวงใครหรอกนะกร... การที่พี่จิ้งหลอกเราเขาก็ต้องรับแรงกดดันของตัวเขาเองมาตลอด ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเขาที่ต้องทนรับไว้ทุกครั้งเวลาที่ต้องทนสร้างเรื่องตบตาพวกเรา ฉันว่า...เท่านั้นมันก็มากเกินพอแล้ว... อีกอย่าง ไม่ว่ายังไง พี่จิ้งก็ยังคงเป็นพี่จิ้งคนเดิมของพวกเราเสมอ ยังคงเป็นพี่จิ้งคนที่ดูแลพวกเราเสมอมา เพราะฉะนั้น ฉันน่ะ...โกรธเขาไม่ลงหรอก"

                    "ไม่มีใครอยากโกหกหรือหลอกลวงใครหรอกนะกร... การที่พี่จิ้งหลอกเราเขาก็ต้องรับแรงกดดันของตัวเขาเองมาตลอด ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเขาที่ต้องทนรับไว้ทุกครั้งเวลาที่ต้องทนสร้างเรื่องตบตาพวกเรา ฉันว่า...เท่านั้นมันก็มากเกินพอแล้ว... อีกอย่าง ไม่ว่ายังไง พี่จิ้งก็ยังคงเป็นพี่จิ้งคนเดิมของพวกเราเสมอ ยังคงเป็นพี่จิ้งคนที่ดูแลพวกเราเสมอมา เพราะฉะนั้น ฉันน่ะ...โกรธเขาไม่ลงหรอก"

                    "ไม่มีใครอยากโกหกหรือหลอกลวงใครหรอกนะกร... การที่พี่จิ้งหลอกเราเขาก็ต้องรับแรงกดดันของตัวเขาเองมาตลอด ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเขาที่ต้องทนรับไว้ทุกครั้งเวลาที่ต้องทนสร้างเรื่องตบตาพวกเรา ฉันว่า...เท่านั้นมันก็มากเกินพอแล้ว... อีกอย่าง ไม่ว่ายังไง พี่จิ้งก็ยังคงเป็นพี่จิ้งคนเดิมของพวกเราเสมอ ยังคงเป็นพี่จิ้งคนที่ดูแลพวกเราเสมอมา เพราะฉะนั้น ฉันน่ะ...โกรธเขาไม่ลงหรอก"

                    สายลมพัดหอบเอาไอหนาวเข้ามาในห้องที่เงียบงัน... กร วิล แชง หลับตาลง... เหมือนจะครุ่นคิดบางอย่าง จนในที่สุด...เด็กหนุ่มก็เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง

                    สายลมพัดหอบเอาไอหนาวเข้ามาในห้องที่เงียบงัน... กร วิล แชง หลับตาลง... เหมือนจะครุ่นคิดบางอย่าง จนในที่สุด...เด็กหนุ่มก็เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง

                    สายลมพัดหอบเอาไอหนาวเข้ามาในห้องที่เงียบงัน... กร วิล แชง หลับตาลง... เหมือนจะครุ่นคิดบางอย่าง จนในที่สุด...เด็กหนุ่มก็เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง

                    "น้ำเน่าว่ะไอเครส"

                    "น้ำเน่าว่ะไอเครส"

                    "น้ำเน่าว่ะไอเครส"

                    "ไอ้ กร วิล แชง!! อะไรวะ!! บรรยากาศกำลังดีอย่ามาเบรกได้มั้ยล่ะ ไอ้บ้า!!" คนถูกหาว่าน้ำเน่ารัวหมอนเข้าใส่ไอ้คนพูดที่ยังตีสีหน้ากวนประสาทราวกับจะบอกว่า 'กร วิล แชง คนเก่ายังไม่ได้ไปไหน'

                    "ไอ้ กร วิล แชง!! อะไรวะ!! บรรยากาศกำลังดีอย่ามาเบรกได้มั้ยล่ะ ไอ้บ้า!!" คนถูกหาว่าน้ำเน่ารัวหมอนเข้าใส่ไอ้คนพูดที่ยังตีสีหน้ากวนประสาทราวกับจะบอกว่า 'กร วิล แชง คนเก่ายังไม่ได้ไปไหน'

                    "ไอ้ กร วิล แชง!! อะไรวะ!! บรรยากาศกำลังดีอย่ามาเบรกได้มั้ยล่ะ ไอ้บ้า!!" คนถูกหาว่าน้ำเน่ารัวหมอนเข้าใส่ไอ้คนพูดที่ยังตีสีหน้ากวนประสาทราวกับจะบอกว่า 'กร วิล แชง คนเก่ายังไม่ได้ไปไหน'

                    "เฮ้ยๆ เบาๆหน่อยดิวะ ถ้าเกิดคนหล่อ ประเสริฐ ดีเลิศ เพอร์เฟกต์ อย่างฉันตายขึ้นมาเมื่อไหร่พวกแกนั่นแหละที่จะเสียใจ"

                    "เฮ้ยๆ เบาๆหน่อยดิวะ ถ้าเกิดคนหล่อ ประเสริฐ ดีเลิศ เพอร์เฟกต์ อย่างฉันตายขึ้นมาเมื่อไหร่พวกแกนั่นแหละที่จะเสียใจ"

                    "เฮ้ยๆ เบาๆหน่อยดิวะ ถ้าเกิดคนหล่อ ประเสริฐ ดีเลิศ เพอร์เฟกต์ อย่างฉันตายขึ้นมาเมื่อไหร่พวกแกนั่นแหละที่จะเสียใจ"

                    เครสหยุดกึก ก่อนจะเบิกตากว้างทันทีที่ได้ยินคำพูดสรรเสริญเยินยอตัวเองอย่างที่สุดของมัน

                    ..........................

                    ..........................

                    ..........................

                    "หล่อ ประเสริฐ ดีเลิศ เพอร์เฟกต์หาใครเทียบได้อย่างแกนี่นะ..." เรเปรยขึ้นก่อนจะเริ่มกุมขมับ

                    "หล่อ ประเสริฐ ดีเลิศ เพอร์เฟกต์หาใครเทียบได้อย่างแกนี่นะ..." เรเปรยขึ้นก่อนจะเริ่มกุมขมับ

                    "หล่อ ประเสริฐ ดีเลิศ เพอร์เฟกต์หาใครเทียบได้อย่างแกนี่นะ..." เรเปรยขึ้นก่อนจะเริ่มกุมขมับ

                    "ฉันว่ามันดีเกินไปที่จะอยู่บนโลกว่ะ" ซันต่อให้จนจบพลางหยิบหมอนขึ้นมาอีกใบ...

                    "ฉันว่ามันดีเกินไปที่จะอยู่บนโลกว่ะ" ซันต่อให้จนจบพลางหยิบหมอนขึ้นมาอีกใบ...

                    "ฉันว่ามันดีเกินไปที่จะอยู่บนโลกว่ะ" ซันต่อให้จนจบพลางหยิบหมอนขึ้นมาอีกใบ...

                    "เฮ้ย!!! พวกแก โกงนี่หว่า อย่ารุมกันดิวะ!!!" กรคว้าหมอนข้างตัวขึ้นมาโต้กลับทันที แต่ทว่า...ดูเหมือนว่ามันจะโชคร้ายไปหน่อยที่เครสกับซันหลบทัน...

                    "เฮ้ย!!! พวกแก โกงนี่หว่า อย่ารุมกันดิวะ!!!" กรคว้าหมอนข้างตัวขึ้นมาโต้กลับทันที แต่ทว่า...ดูเหมือนว่ามันจะโชคร้ายไปหน่อยที่เครสกับซันหลบทัน...

                    "เฮ้ย!!! พวกแก โกงนี่หว่า อย่ารุมกันดิวะ!!!" กรคว้าหมอนข้างตัวขึ้นมาโต้กลับทันที แต่ทว่า...ดูเหมือนว่ามันจะโชคร้ายไปหน่อยที่เครสกับซันหลบทัน...

                    "ง่า...เร... เพื่อนรัก..." กรตีหน้าเจื่อนกลืนน้ำลายเอื๊อกทันทีเมื่อจู่ๆจิตสังหารของเพื่อนรักเริ่มแผ่รัศมี

                    "ง่า...เร... เพื่อนรัก..." กรตีหน้าเจื่อนกลืนน้ำลายเอื๊อกทันทีเมื่อจู่ๆจิตสังหารของเพื่อนรักเริ่มแผ่รัศมี

                    "ง่า...เร... เพื่อนรัก..." กรตีหน้าเจื่อนกลืนน้ำลายเอื๊อกทันทีเมื่อจู่ๆจิตสังหารของเพื่อนรักเริ่มแผ่รัศมี

                    "กรเพื่อนรัก..." เรแย้มรอยยิ้มเย็นก่อนจะเอื้อมมือไปที่หมอนข้างกาย...

                    "กรเพื่อนรัก..." เรแย้มรอยยิ้มเย็นก่อนจะเอื้อมมือไปที่หมอนข้างกาย...

                    "กรเพื่อนรัก..." เรแย้มรอยยิ้มเย็นก่อนจะเอื้อมมือไปที่หมอนข้างกาย...

                    แล้วสงครามหมอนก็ปะทุขึ้นต่อเนื่องยาวนานตลอดทั้งคืน

                    แล้วสงครามหมอนก็ปะทุขึ้นต่อเนื่องยาวนานตลอดทั้งคืน

                    แล้วสงครามหมอนก็ปะทุขึ้นต่อเนื่องยาวนานตลอดทั้งคืน


                "คำโกหกคำโตเลยนะนั่น..."

                เรเปรยเรียบๆ ในวงสนทนาที่มีเพียงเขา กร ซัน และเครส ที่กำลังเลิกคิ้วเป็นเชิงให้คนพูดช่วยขยายความ

                เรเปรยเรียบๆ ในวงสนทนาที่มีเพียงเขา กร ซัน และเครส ที่กำลังเลิกคิ้วเป็นเชิงให้คนพูดช่วยขยายความ

                เรเปรยเรียบๆ ในวงสนทนาที่มีเพียงเขา กร ซัน และเครส ที่กำลังเลิกคิ้วเป็นเชิงให้คนพูดช่วยขยายความ

                    "ก็ดูตอนแรกที่เราเจอเขาไง... เขาบอกว่าเป็นมือปราบครึ่งอสูร จำได้ไหม?"

                    "ก็ดูตอนแรกที่เราเจอเขาไง... เขาบอกว่าเป็นมือปราบครึ่งอสูร จำได้ไหม?"

                    "ก็ดูตอนแรกที่เราเจอเขาไง... เขาบอกว่าเป็นมือปราบครึ่งอสูร จำได้ไหม?"

                    "แล้วทำยังกับว่านายเชื่อเรื่องนั้นตั้งแต่แรก..." เครสตอกกลับ

                    "แล้วทำยังกับว่านายเชื่อเรื่องนั้นตั้งแต่แรก..." เครสตอกกลับ

                    "แล้วทำยังกับว่านายเชื่อเรื่องนั้นตั้งแต่แรก..." เครสตอกกลับ

                    "เรื่องบ้าๆแบบนั้นใครจะไปเชื่อลงเล่า" ซันว่าพลางบิดขี้เกียจ ขณะที่กรยังคงนั่งนิ่ง ตอนนี้พวกเขาสี่คนมารวมตัวอยู่ในห้องเครสหลังจากรายการเปิดเผยความจริงที่คาดไม่ถึงเพิ่งจะจบไปสดๆร้อนๆ

                    "เรื่องบ้าๆแบบนั้นใครจะไปเชื่อลงเล่า" ซันว่าพลางบิดขี้เกียจ ขณะที่กรยังคงนั่งนิ่ง ตอนนี้พวกเขาสี่คนมารวมตัวอยู่ในห้องเครสหลังจากรายการเปิดเผยความจริงที่คาดไม่ถึงเพิ่งจะจบไปสดๆร้อนๆ

                    "เรื่องบ้าๆแบบนั้นใครจะไปเชื่อลงเล่า" ซันว่าพลางบิดขี้เกียจ ขณะที่กรยังคงนั่งนิ่ง ตอนนี้พวกเขาสี่คนมารวมตัวอยู่ในห้องเครสหลังจากรายการเปิดเผยความจริงที่คาดไม่ถึงเพิ่งจะจบไปสดๆร้อนๆ

                    "นานแล้วนะ ที่พวกเราไม่ได้คุยกันสี่คนแบบนี้…" กรเปรยขึ้นเรียบๆ เรียกให้ดวงตาของเพื่อนอีกสามคนที่เหลือหันมามอง

                    "นานแล้วนะ ที่พวกเราไม่ได้คุยกันสี่คนแบบนี้…" กรเปรยขึ้นเรียบๆ เรียกให้ดวงตาของเพื่อนอีกสามคนที่เหลือหันมามอง

                    "นานแล้วนะ ที่พวกเราไม่ได้คุยกันสี่คนแบบนี้…" กรเปรยขึ้นเรียบๆ เรียกให้ดวงตาของเพื่อนอีกสามคนที่เหลือหันมามอง

                    "จะว่าไปก็ตั้งแต่ออกจากบ้านมาล่ะมั้ง?" ซันเอ่ย

                    "จะว่าไปก็ตั้งแต่ออกจากบ้านมาล่ะมั้ง?" ซันเอ่ย

                    "จะว่าไปก็ตั้งแต่ออกจากบ้านมาล่ะมั้ง?" ซันเอ่ย

                    "แล้วคิดว่าต่อไปจะเป็นไงล่ะ?" เครสถาม

                    "แล้วคิดว่าต่อไปจะเป็นไงล่ะ?" เครสถาม

                    "แล้วคิดว่าต่อไปจะเป็นไงล่ะ?" เครสถาม

                    "อนาคตก็เป็นเรื่องของอนาคต จะไปรู้ล่วงหน้าได้ยังไง" เรเอ่ยท้วงพลางเหม่อมองไปยังดวงดาวบนฟ้า

                    "อนาคตก็เป็นเรื่องของอนาคต จะไปรู้ล่วงหน้าได้ยังไง" เรเอ่ยท้วงพลางเหม่อมองไปยังดวงดาวบนฟ้า

                    "อนาคตก็เป็นเรื่องของอนาคต จะไปรู้ล่วงหน้าได้ยังไง" เรเอ่ยท้วงพลางเหม่อมองไปยังดวงดาวบนฟ้า

                    "นี่..." กรเปรยขึ้นเรียบๆ "พวกแกไม่โกรธหรอ ที่ตาจิ้งหลอกพวกเราน่ะ?" คำถามที่เรียกให้เครสเลิกคิ้วด้วยความสงสัยว่าวันนี้มันจะมาไม้ไดนของมัน แต่เจ้าหล่อนก็แย้มรอยยิ้มรับอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเอ่ยตอบ

                    "นี่..." กรเปรยขึ้นเรียบๆ "พวกแกไม่โกรธหรอ ที่ตาจิ้งหลอกพวกเราน่ะ?" คำถามที่เรียกให้เครสเลิกคิ้วด้วยความสงสัยว่าวันนี้มันจะมาไม้ไดนของมัน แต่เจ้าหล่อนก็แย้มรอยยิ้มรับอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเอ่ยตอบ

                    "นี่..." กรเปรยขึ้นเรียบๆ "พวกแกไม่โกรธหรอ ที่ตาจิ้งหลอกพวกเราน่ะ?" คำถามที่เรียกให้เครสเลิกคิ้วด้วยความสงสัยว่าวันนี้มันจะมาไม้ไดนของมัน แต่เจ้าหล่อนก็แย้มรอยยิ้มรับอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเอ่ยตอบ

                    "ไม่มีใครอยากโกหกหรือหลอกลวงใครหรอกนะกร... การที่พี่จิ้งหลอกเราเขาก็ต้องรับแรงกดดันของตัวเขาเองมาตลอด ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเขาที่ต้องทนรับไว้ทุกครั้งเวลาที่ต้องทนสร้างเรื่องตบตาพวกเรา ฉันว่า...เท่านั้นมันก็มากเกินพอแล้ว... อีกอย่าง ไม่ว่ายังไง พี่จิ้งก็ยังคงเป็นพี่จิ้งคนเดิมของพวกเราเสมอ ยังคงเป็นพี่จิ้งคนที่ดูแลพวกเราเสมอมา เพราะฉะนั้น ฉันน่ะ...โกรธเขาไม่ลงหรอก"

                    "ไม่มีใครอยากโกหกหรือหลอกลวงใครหรอกนะกร... การที่พี่จิ้งหลอกเราเขาก็ต้องรับแรงกดดันของตัวเขาเองมาตลอด ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเขาที่ต้องทนรับไว้ทุกครั้งเวลาที่ต้องทนสร้างเรื่องตบตาพวกเรา ฉันว่า...เท่านั้นมันก็มากเกินพอแล้ว... อีกอย่าง ไม่ว่ายังไง พี่จิ้งก็ยังคงเป็นพี่จิ้งคนเดิมของพวกเราเสมอ ยังคงเป็นพี่จิ้งคนที่ดูแลพวกเราเสมอมา เพราะฉะนั้น ฉันน่ะ...โกรธเขาไม่ลงหรอก"

                    "ไม่มีใครอยากโกหกหรือหลอกลวงใครหรอกนะกร... การที่พี่จิ้งหลอกเราเขาก็ต้องรับแรงกดดันของตัวเขาเองมาตลอด ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเขาที่ต้องทนรับไว้ทุกครั้งเวลาที่ต้องทนสร้างเรื่องตบตาพวกเรา ฉันว่า...เท่านั้นมันก็มากเกินพอแล้ว... อีกอย่าง ไม่ว่ายังไง พี่จิ้งก็ยังคงเป็นพี่จิ้งคนเดิมของพวกเราเสมอ ยังคงเป็นพี่จิ้งคนที่ดูแลพวกเราเสมอมา เพราะฉะนั้น ฉันน่ะ...โกรธเขาไม่ลงหรอก"

                    สายลมพัดหอบเอาไอหนาวเข้ามาในห้องที่เงียบงัน... กร วิล แชง หลับตาลง... เหมือนจะครุ่นคิดบางอย่าง จนในที่สุด...เด็กหนุ่มก็เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง

                    สายลมพัดหอบเอาไอหนาวเข้ามาในห้องที่เงียบงัน... กร วิล แชง หลับตาลง... เหมือนจะครุ่นคิดบางอย่าง จนในที่สุด...เด็กหนุ่มก็เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง

                    สายลมพัดหอบเอาไอหนาวเข้ามาในห้องที่เงียบงัน... กร วิล แชง หลับตาลง... เหมือนจะครุ่นคิดบางอย่าง จนในที่สุด...เด็กหนุ่มก็เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง

                    "น้ำเน่าว่ะไอเครส"

                    "น้ำเน่าว่ะไอเครส"

                    "น้ำเน่าว่ะไอเครส"

                    "ไอ้ กร วิล แชง!! อะไรวะ!! บรรยากาศกำลังดีอย่ามาเบรกได้มั้ยล่ะ ไอ้บ้า!!" คนถูกหาว่าน้ำเน่ารัวหมอนเข้าใส่ไอ้คนพูดที่ยังตีสีหน้ากวนประสาทราวกับจะบอกว่า 'กร วิล แชง คนเก่ายังไม่ได้ไปไหน'

                    "ไอ้ กร วิล แชง!! อะไรวะ!! บรรยากาศกำลังดีอย่ามาเบรกได้มั้ยล่ะ ไอ้บ้า!!" คนถูกหาว่าน้ำเน่ารัวหมอนเข้าใส่ไอ้คนพูดที่ยังตีสีหน้ากวนประสาทราวกับจะบอกว่า 'กร วิล แชง คนเก่ายังไม่ได้ไปไหน'

                    "ไอ้ กร วิล แชง!! อะไรวะ!! บรรยากาศกำลังดีอย่ามาเบรกได้มั้ยล่ะ ไอ้บ้า!!" คนถูกหาว่าน้ำเน่ารัวหมอนเข้าใส่ไอ้คนพูดที่ยังตีสีหน้ากวนประสาทราวกับจะบอกว่า 'กร วิล แชง คนเก่ายังไม่ได้ไปไหน'

                    "เฮ้ยๆ เบาๆหน่อยดิวะ ถ้าเกิดคนหล่อ ประเสริฐ ดีเลิศ เพอร์เฟกต์ อย่างฉันตายขึ้นมาเมื่อไหร่พวกแกนั่นแหละที่จะเสียใจ"

                    "เฮ้ยๆ เบาๆหน่อยดิวะ ถ้าเกิดคนหล่อ ประเสริฐ ดีเลิศ เพอร์เฟกต์ อย่างฉันตายขึ้นมาเมื่อไหร่พวกแกนั่นแหละที่จะเสียใจ"

                    "เฮ้ยๆ เบาๆหน่อยดิวะ ถ้าเกิดคนหล่อ ประเสริฐ ดีเลิศ เพอร์เฟกต์ อย่างฉันตายขึ้นมาเมื่อไหร่พวกแกนั่นแหละที่จะเสียใจ"

                    เครสหยุดกึก ก่อนจะเบิกตากว้างทันทีที่ได้ยินคำพูดสรรเสริญเยินยอตัวเองอย่างที่สุดของมัน

                    ..........................

                    ..........................

                    ..........................

                    "หล่อ ประเสริฐ ดีเลิศ เพอร์เฟกต์หาใครเทียบได้อย่างแกนี่นะ..." เรเปรยขึ้นก่อนจะเริ่มกุมขมับ

                    "หล่อ ประเสริฐ ดีเลิศ เพอร์เฟกต์หาใครเทียบได้อย่างแกนี่นะ..." เรเปรยขึ้นก่อนจะเริ่มกุมขมับ

                    "หล่อ ประเสริฐ ดีเลิศ เพอร์เฟกต์หาใครเทียบได้อย่างแกนี่นะ..." เรเปรยขึ้นก่อนจะเริ่มกุมขมับ

                    "ฉันว่ามันดีเกินไปที่จะอยู่บนโลกว่ะ" ซันต่อให้จนจบพลางหยิบหมอนขึ้นมาอีกใบ...

                    "ฉันว่ามันดีเกินไปที่จะอยู่บนโลกว่ะ" ซันต่อให้จนจบพลางหยิบหมอนขึ้นมาอีกใบ...

                    "ฉันว่ามันดีเกินไปที่จะอยู่บนโลกว่ะ" ซันต่อให้จนจบพลางหยิบหมอนขึ้นมาอีกใบ...

                    "เฮ้ย!!! พวกแก โกงนี่หว่า อย่ารุมกันดิวะ!!!" กรคว้าหมอนข้างตัวขึ้นมาโต้กลับทันที แต่ทว่า...ดูเหมือนว่ามันจะโชคร้ายไปหน่อยที่เครสกับซันหลบทัน...

                    "เฮ้ย!!! พวกแก โกงนี่หว่า อย่ารุมกันดิวะ!!!" กรคว้าหมอนข้างตัวขึ้นมาโต้กลับทันที แต่ทว่า...ดูเหมือนว่ามันจะโชคร้ายไปหน่อยที่เครสกับซันหลบทัน...

                    "เฮ้ย!!! พวกแก โกงนี่หว่า อย่ารุมกันดิวะ!!!" กรคว้าหมอนข้างตัวขึ้นมาโต้กลับทันที แต่ทว่า...ดูเหมือนว่ามันจะโชคร้ายไปหน่อยที่เครสกับซันหลบทัน...

                    "ง่า...เร... เพื่อนรัก..." กรตีหน้าเจื่อนกลืนน้ำลายเอื๊อกทันทีเมื่อจู่ๆจิตสังหารของเพื่อนรักเริ่มแผ่รัศมี

                    "ง่า...เร... เพื่อนรัก..." กรตีหน้าเจื่อนกลืนน้ำลายเอื๊อกทันทีเมื่อจู่ๆจิตสังหารของเพื่อนรักเริ่มแผ่รัศมี

                    "ง่า...เร... เพื่อนรัก..." กรตีหน้าเจื่อนกลืนน้ำลายเอื๊อกทันทีเมื่อจู่ๆจิตสังหารของเพื่อนรักเริ่มแผ่รัศมี

                    "กรเพื่อนรัก..." เรแย้มรอยยิ้มเย็นก่อนจะเอื้อมมือไปที่หมอนข้างกาย...

                    "กรเพื่อนรัก..." เรแย้มรอยยิ้มเย็นก่อนจะเอื้อมมือไปที่หมอนข้างกาย...

                    "กรเพื่อนรัก..." เรแย้มรอยยิ้มเย็นก่อนจะเอื้อมมือไปที่หมอนข้างกาย...

                    แล้วสงครามหมอนก็ปะทุขึ้นต่อเนื่องยาวนานตลอดทั้งคืน

                    แล้วสงครามหมอนก็ปะทุขึ้นต่อเนื่องยาวนานตลอดทั้งคืน

                ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

                    ดวงตาสีม่วงครามเอ่อท่วมด้วยหยาดน้ำใสๆ ที่ไหลพรากลงมาตามดวงหน้าซีดขาว เธอยังคงนอนอยู่บนเตียงเดิม ทว่าสิ่งที่เธอรับรู้นั้นต่างจากเดิม...

     

                พ่อ...พ่อที่เธอรัก...

     

                    พ่อของเธอ...ตายแล้ว...

     

                    เศษชิ้นส่วนของความทรงจำที่ไหลบ่าเข้ามา มีเพียงภาพๆนั้นเท่านั้นที่แจ่มชัด โดดเด่น... ภาพของพ่อ ที่ตายด้วยน้ำมือของคนที่ไว้ใจ...ตายเพราะไม่คิดว่าจะถูกฆ่า... ตายเพราะไม่คิดว่าจะโดนทรยศ...

     

                    พี่แพม... แพนกระซิบเรียกพี่สาว พลางเอื้อมมือขึ้นไปยังดวงหน้าหวังจะช่วยปาดน้ำตาให้...

     

                    หยุดนะแพน!”

     

                    สิชาเอ่ยเสียงตระหนก เรียกให้ดวงตาสีฟ้าครามของเด็กสาวหันไปมองด้วยความข้องใจ

     

                    เธอจะแตะต้องตัวแพมไม่ได้ อยู่ใกล้แพมมากๆก็ไม่ได้ ไม่งั้น...ถ้อยคำอธิบายพลันหยุดชะงักก่อนที่เด็กสาวจะผ่อนลมหายใจช้า แล้วก้าวเข้าไปดึงร่างแพนออกห่าง ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับแพมที่ยังคงอยู่ในอาการช๊อค

     

                    สภาพแวดล้อมทุกอย่างตอนนนี้กำลังส่งผลร้ายต่อแพม... เธอเริ่มสงสัยแล้วว่าตัวเองคิดผิดรึเปล่า ที่เปิดกล่องแพนโดร่ากล่องนี้ ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ควร... สิชาสวมถุงมือก่อนจะจับชีพจรที่ข้อมือ แล้วตรวจสภาพร่างกายของเด็กสาวที่ยังคงนอนนิ่ง... ร่างกายอ่อนแอมากเกินไป พลังจิตก็ยังอยู่ในระดับที่ไม่เสถียร ไหนจะจิตใจ... ตราบใดที่แพมยังคงช๊อคอยู่อย่างนี้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำการปรับพลังหรือฟื้นฟูร่างกาย จิตใจเป็นนายของทุกระบบในร่างกายเสมอ นั่นเป็นสัจจะพื้นฐานของมนุษย์ในยุคนี้ พื้นฐานของพลังจิตทั้งหมดล้วนอยู่ที่ความคิดและจิตใจ อย่างกรณีของซันกับเรในวันนั้นที่ครึ่งอสูรเข้ามาถล่มบ้าน... พลังของสองคนนั้นเพิ่มมากขึ้นจนเกินขีดระดับมาตรฐาน เพราะอารมณ์โกรธ...

     

                    แต่กับคนอีกคน ที่แม้จะโกรธเหมือนกันในวันนั้น แต่กลับไม่มีแม้กระแสของจิตที่แผ่ออกมา...

     

                    กร วิล แชง...

     

                    ตั้งแต่ในศูนย์วิจัยคราวนั้น... เธอยังไม่เคยเห็นคนๆนี้ใช้พลังจิตซักครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร อาจจะเป็นเพราะมั่นใจในฝีมือ หรืออาจจะเป็นเพราะพลังจิตที่มี ถึงมีแต่ก็ใช้อะไรไม่ได้?

     

                    หรือว่า...ถ้าใช้แล้ว...

     

                    สิชาสั่นหัวไล่ความคิดทั้งหมดออกจากสมอง คิดไปก็ปวดหัวเปล่าๆ ทำไมเธอจะต้องสนใจเรื่องของตาบ้านั่น ไม่มีเหตุผลเลย...

     

                    แพม... สิชาเอ่ยเรียก แต่ดวงตาของเด็กสาวยังคงเหม่อลอย

     

                    แพม! ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้นะ เธอจะอยู่อย่างนี้ไปถึงเมื่อไหร่!!!” สิชาตวาดทั้งที่ไม่เต็มใจ แต่ถ้าเธอไม่รีบปรับสภาพจิตใจของแพมทุกอย่างจะยิ่งแย่ และดูเหมือนว่าวิธีของเธอจะได้ผล แพมเหลือบตามามองเธอเล็กน้อยก่อนจะขยับปากเอ่ยถาม

     

                    เธอ...เป็นใคร...

     

                    ฉันชื่อสิชา เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัยวิทยาศาตร์แห่งมลรัฐยูดาห์ สิชาผ่อนลมหายใจช้าแล้วเอ่ยต่อ

     

                    ฉันคือคนที่ทำให้เธอหลับอยู่ในแคปซูลมาตลอดเจ็ดปีเต็ม

                    ดวงตาสีม่วงครามเอ่อท่วมด้วยหยาดน้ำใสๆ ที่ไหลพรากลงมาตามดวงหน้าซีดขาว เธอยังคงนอนอยู่บนเตียงเดิม ทว่าสิ่งที่เธอรับรู้นั้นต่างจากเดิม...

     

                พ่อ...พ่อที่เธอรัก...

     

                    พ่อของเธอ...ตายแล้ว...

     

                    เศษชิ้นส่วนของความทรงจำที่ไหลบ่าเข้ามา มีเพียงภาพๆนั้นเท่านั้นที่แจ่มชัด โดดเด่น... ภาพของพ่อ ที่ตายด้วยน้ำมือของคนที่ไว้ใจ...ตายเพราะไม่คิดว่าจะถูกฆ่า... ตายเพราะไม่คิดว่าจะโดนทรยศ...

     

                    พี่แพม... แพนกระซิบเรียกพี่สาว พลางเอื้อมมือขึ้นไปยังดวงหน้าหวังจะช่วยปาดน้ำตาให้...

     

                    หยุดนะแพน!”

     

                    สิชาเอ่ยเสียงตระหนก เรียกให้ดวงตาสีฟ้าครามของเด็กสาวหันไปมองด้วยความข้องใจ

     

                    เธอจะแตะต้องตัวแพมไม่ได้ อยู่ใกล้แพมมากๆก็ไม่ได้ ไม่งั้น...ถ้อยคำอธิบายพลันหยุดชะงักก่อนที่เด็กสาวจะผ่อนลมหายใจช้า แล้วก้าวเข้าไปดึงร่างแพนออกห่าง ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับแพมที่ยังคงอยู่ในอาการช๊อค

     

                    สภาพแวดล้อมทุกอย่างตอนนนี้กำลังส่งผลร้ายต่อแพม... เธอเริ่มสงสัยแล้วว่าตัวเองคิดผิดรึเปล่า ที่เปิดกล่องแพนโดร่ากล่องนี้ ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ควร... สิชาสวมถุงมือก่อนจะจับชีพจรที่ข้อมือ แล้วตรวจสภาพร่างกายของเด็กสาวที่ยังคงนอนนิ่ง... ร่างกายอ่อนแอมากเกินไป พลังจิตก็ยังอยู่ในระดับที่ไม่เสถียร ไหนจะจิตใจ... ตราบใดที่แพมยังคงช๊อคอยู่อย่างนี้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำการปรับพลังหรือฟื้นฟูร่างกาย จิตใจเป็นนายของทุกระบบในร่างกายเสมอ นั่นเป็นสัจจะพื้นฐานของมนุษย์ในยุคนี้ พื้นฐานของพลังจิตทั้งหมดล้วนอยู่ที่ความคิดและจิตใจ อย่างกรณีของซันกับเรในวันนั้นที่ครึ่งอสูรเข้ามาถล่มบ้าน... พลังของสองคนนั้นเพิ่มมากขึ้นจนเกินขีดระดับมาตรฐาน เพราะอารมณ์โกรธ...

     

                    แต่กับคนอีกคน ที่แม้จะโกรธเหมือนกันในวันนั้น แต่กลับไม่มีแม้กระแสของจิตที่แผ่ออกมา...

     

                    กร วิล แชง...

     

                    ตั้งแต่ในศูนย์วิจัยคราวนั้น... เธอยังไม่เคยเห็นคนๆนี้ใช้พลังจิตซักครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร อาจจะเป็นเพราะมั่นใจในฝีมือ หรืออาจจะเป็นเพราะพลังจิตที่มี ถึงมีแต่ก็ใช้อะไรไม่ได้?

     

                    หรือว่า...ถ้าใช้แล้ว...

     

                    สิชาสั่นหัวไล่ความคิดทั้งหมดออกจากสมอง คิดไปก็ปวดหัวเปล่าๆ ทำไมเธอจะต้องสนใจเรื่องของตาบ้านั่น ไม่มีเหตุผลเลย...

     

                    แพม... สิชาเอ่ยเรียก แต่ดวงตาของเด็กสาวยังคงเหม่อลอย

     

                    แพม! ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้นะ เธอจะอยู่อย่างนี้ไปถึงเมื่อไหร่!!!” สิชาตวาดทั้งที่ไม่เต็มใจ แต่ถ้าเธอไม่รีบปรับสภาพจิตใจของแพมทุกอย่างจะยิ่งแย่ และดูเหมือนว่าวิธีของเธอจะได้ผล แพมเหลือบตามามองเธอเล็กน้อยก่อนจะขยับปากเอ่ยถาม

     

                    เธอ...เป็นใคร...

     

                    ฉันชื่อสิชา เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัยวิทยาศาตร์แห่งมลรัฐยูดาห์ สิชาผ่อนลมหายใจช้าแล้วเอ่ยต่อ

     

                    ฉันคือคนที่ทำให้เธอหลับอยู่ในแคปซูลมาตลอดเจ็ดปีเต็ม


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×