ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    War Of Heaven :: สงครามล้างพันธุ์อสูร

    ลำดับตอนที่ #22 : บทที่ 20 :: คลายปม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 70
      0
      7 มี.ค. 49

                        เวลาล่วงเลยผ่านมาสามสัปดาห์หลังจากที่พวกครึ่งอสูรแห่เข้ามาถล่มบ้านจิ้ง อาการบาดเจ็บของเครสทุเลาลงจนกลับมาอยู่บ้านได้... แน่นอนว่าเป็นบ้านที่เล่าพวกจตุจันทราอาศัยอยู่ น่าแปลกที่ป้าไดอาน่าไม่ซักไซ้ไล่เรียงอะไรเมื่อเธอบอกว่าขอออกไปอยู่กับ 'เพื่อน' มิหนำซ้ำ ยังอนุญาตให้พี่ทรายไปค้างกับเธอได้บ่อยๆ ทั้งๆที่เธอไม่ได้บอกเลยซักคำว่า 'เพื่อน' ที่เธอไปอาศัยอยู่ด้วยนั้นเป็นใคร แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องดี แต่เธอกลับยิ่งรู้สึกอึดอัดที่จะต้องปิดบังเรื่องราวทุกอย่างไว้ เพราะนับตั้งแต่ก้าวออกจากโซรินท์มา ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดูเหมือนจะยิ่งขมวดปมเป็นเงื่อนซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆโดยไม่มีทีท่าว่าจะคลายลงแต่อย่างใด สิ่งที่น่ากลัวมากที่สุดในตอนนี้ก็คือ ความอดทนของกรเริ่มน้อยลงทุกทีอย่างน่าใจหาย หลังจากที่พวกเธอรอดตายมาได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปดครั้งนั้น



                        "ฉันมีความลับกับคนอื่นได้ แต่อย่าหวังว่าฉันจะยอมให้ใครมามีความลับกับฉัน"



                        ถ้อยคำประกาศกร้าวที่แสนจะเห็นแก่ตัวของมันเล่นเอาคนฟังเหงื่อตกไปตามๆกัน



                        เรื่องที่ชวนให้เธอกลุ้มใจไม่ได้มีเพียงแค่นี้เท่านั้น พักหลังๆมานี้ดูเหมือนว่าสิชาจะหายหน้าหายตาไปง่วนทำอะไรอยู่ในห้องแลปจนไม่ออกมาเห็นแสงเดือนแสงตะวัน พอเธอเอ่ยถามสิชาก็จะรีบขอตัวปลีกไปอย่างรวดเร็วและไม่มาให้เธอเห็นหน้าซ้ำอีกในเวลาอย่างน้อย 48 ชั่วโมง แล้วไหนจะการฝึกมหาโหดกับเหล่าจตุจันทราที่เริ่มต้นขึ้นทันทีตั้งแต่เธอกลับจากโรงพยาบาลวันแรก ดูเหมือนว่าคราวนี้จะโหด มันส์ ฮา มากกว่าเดิม เพราะ ลูกหมู หรือซูส หัวหน้าทีมเป็นคนลงมาสั่งการฝึกด้วยตัวเอง แถมยังคอยยุให้ลูกน้องใช้พวกเธอเป็นกระสอบทรายอยู่บ่อยๆด้วยข้ออ้างที่ว่า เป็นการ 'ลงสนามจริง'



                        "ลงสนามบ้านเตี่ยมันน่ะสิ! พลังพิเศษก็ไม่ให้ใช้!" กรพูดเสียงอู้อี้ด้วยอารมณ์ฉุนจัด เนื่องจากตัวเองเพิ่งแพ้สตอร์ม่ามาอย่างราบคาบ แถมได้ของฝากมาเป็นรอยเขียวๆม่วงๆ ประดับอยู่ทั่วใบหน้า



                        "โอ๊ยๆ!!!" ซันร้องลั่นก่อนจะตั้งต้นครางหงิ๋งๆ เมื่อเมเอาผ้าชุบน้ำอุ่นกดลงบนตาที่บวมเป่ง



                        "อะไรของแกวะ ร้องยังกะหมา" กรหันไปแขวะใส่ แต่พอโดนสายตาขู่อาฆาตกลับของสองพี่น้องเจ้าตัวเลยยอมสงบปากสงบคำแต่โดยดี



                        "สมน้ำหน้า ฝีมือไม่ดีแล้วยังไม่เจียม" เมว่าเข้าให้ ดูเหมือนขีดความอดทนของเธอใกล้จะหมดแล้วเช่นกัน เพราะสามอาทิตย์มานี่จากบุคลิกสาวน้อยร่าเริงที่มักทำให้ใครๆสบายใจอยู่เสมอ ตอนนี้ดูเหมือนเจ้าตัวจะมีจุดเดือดต่ำลงๆ แล้วไปเพิ่มเอาที่ดีกรีความโหดจนแม้แต่บางครั้งกร วิล แชง ยังไม่กล้าหือ



                        "พูดยังกะมันเลี่ยงได้" เรเอ่ยเรียบๆก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างซัน ดูจากสภาพแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าแพ้มาอีกยก แต่ก้ดีตรงที่ว่าแทนที่จะมีรอยเขียวจ้ำๆบนหน้า หรือตาบวมปูดเหมือนคนอื่น เขากลับได้รอยแผลที่แขนที่ขามาแทน ซึ่งกรได้ให้นิยามไว้ว่า 'เป็นการพยายามรักษาหน้าหล่อสุดชีวิต'  



                        "พี่ทรายขึ้นเขียงหรอ?" เครสหันไปถาม ซึ่งเรพยักหน้ากลับมาน้อยๆ ขึ้นเขียง คือคำที่เธอบัญญัติมาใช้เรียกแทนคำว่า "ลงสนามจริง" ที่แสนจะโหดร้ายตามนโยบายของหัวหน้ากลุ่มจตุจันทรา



                        "เฮ่อ..." เมถอนหายใจก่อนจะโยนผ้าพันแผลลงบนกระเป๋าพยาบาล ดวงตาสีฟ้าครามเหม่อลอยเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แต่ก็ยังเจือกระแสของความหงุดหงิดกังวลไว้ด้วยเล็กๆ



                        "เมคิดอะไรอยู่เหรอ?" เครสเอ่ยปากถาม ขณะที่หูยังคงได้ยินเสียงการต่อสู้อันดุเดือดดังมาจากห้องข้างๆ



                        "เปล่า... เมก็แค่... สงสัย..."



                        "สงสัย?" ซันเลิกคิ้วมองเด็กสาวตรงหน้า



                        "ก็... ข่าวที่ออกมา... เมลองมานึกๆดูแล้ว ตั้งแต่ตอนที่พวกเครสไปบุกศูนย์วิจัยแล้วพวกครึ่งอสูรมาถล่ม จนถึงเมื่อเดือนก่อนที่บ้านพี่จิ้ง... ข่าวทั้งหมด ไม่เห็นมีเอ่ยถึงครึ่งอสูรเลยซักนิด"



                        "หา?" กรเบิกตาโต "เป็นไปได้ไง ก็ตอนที่เราไปศูนวิจัยนั่นภาพมันก็เห็นอยู่ชัดๆว่ามีไอ้มนุษย์ค้าวคาวบินโบไปโฉบมา แถมพวกมันมีกันเป็นร้อย คนนี่วิ่งหนีตายกันแพ ขนาดคนหูหนวกตาบอดยังรู้เลยนะนั่น"



                        "ก็เท่าที่เมอ่านหนังสือพิมพ์เขาว่าเป็นสัตว์ในห้องทดลองที่หลุดออกมา" เด็กสาวตอบเสียงเนือย



                        "โอ๊ย เจริญจริง!! ชาวสวรรค์จะโง่อะไรปานนี้ เห็นอยู่โต้งๆว่าตัวอะไรยังจะเชื่อข่าวเข้าไปได้" กรตวัดน้ะเสียงด้วยความโมโห ในขณะที่ซันขมวดคิ้วมุ่นตีหน้ายุ่ง



                        "มันก็ไม่แปลกหรอกนะที่เขาจะยอมเชื่อข่าว... ประการแรก มีกี่คนที่ได้สู้กับมัน ประการที่สอง มีกี่คนกันที่เคยเห็นครึ่งอสูร และประการที่สาม จะมีใครเชื่อบ้างว่ามีครึ่งอสูรอยู่บนโลกใบนี้?" เรเอ่ยพลางทอดสายมองพื้นตรงหน้าอย่างเหม่อลอย



                        "คนเราเชื่อได้ทุกสิ่งที่ใจอยากจะเชื่อสินะ" เครสเอ่ยรับพลางถอนใจก่อนจะเอนหลังลงกับพนักพิง



                        "แต่เราก็รู้อะไรบางอย่างนะ..." ซันเปรยเรียบๆ แต่กลับดึงสายตาของทุกคนให้หันไปมองที่เด็กหนุ่ม "อย่างน้อย...เราก็รู้ว่า มีคนอยากปิดบังเรื่องครึ่งอสูรนี่ให้เป็นความลับ"



                        "แล้วใครกันที่จะมีอำนาจขนาดบีบบังคับสื่อทุกชนิดได้?" เมเอ่ยถามก่อนที่จะเบิกตากว้าง... ใช่ คำตอบ... มีอยู่แค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น...



                        ทางการปกครองอาณาจักรเฮฟเว่น!!!!



                        ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~



                        เป็นไปไม่ได้!! เป็นไปไม่ได้!!!!



                        มือเล็กๆสั่นเทาทั้งๆที่ยังจับหลอดทดลองในมือแน่น ดวงตากลมโตหลังกรอบแว่นฉายแววค้านกับสิ่งที่เธอประมวลผลในสมอง ริมฝีปากบางขบแน่นด้วยความเครียดที่ปรี่ล้นเข้ามาเกินกว่าที่เธอรับไหว ของเหลวสีแดงข้นภายในหลอดยังคงนอนอย่างสงบนิ่งอยู่ในที่ของมัน



                        ...สิ่งที่อยู่ในมือเธอขณะนี้คือกุญแจ... กุญแจที่ไขออกสู่ทุกสิ่ง...



                        คำตอบของคำถามทั้งหมดทั้งมวลที่อยู่ในใจเธอ บัดนี้เธอรู้... ร้เกือบทุกอย่างแล้ว รู้ว่าตลอดสิบสี่ปีที่เธออยู่ในศุนย์วิจัยนั่นเธอเป็นเพียงแค่ครื่งจักรในการแสวงหาอำนาจของใครบางคน เธอรู้ว่าทำไมครึ่งอสูรถึงได้ปรากฏกายขึ้นมาแบบกะทันหัน เธอรู้ตัวตนที่แท้จริงของชายที่มีชื่อว่าจิ้ง รวมถึงกุญแจดอกที่สำคัญที่สุด... อิสเมย์...



                        แต่ความจริงทั้งหมดกลับจะฆ่าเธอให้ตายตรงนี้ ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นใครก็ตาม เธอรู้ว่าเขายังคงคอยควบคุมเธออยู่เงียบๆ ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ทุกสิ่ง... ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้แล้วเท่านั้น...



                        ร่างของเธอค่อยๆทรุดลงกับพื้นอย่างหมดแรง... ดวงตากลมโตเหลือบขึ้นมองร่างด็กสาวที่นอนสลบไสลอยู่บนเตียง อันที่จริงแล้วการจะปลุกแพมให้ตื่นขึ้นมามันไม่ใช่รื่องยากเลยสักนิด... เธอเพิ่งจะรู้ รู้จากการค้นคว้ามาตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เธอหวังจะปลุกเดกสาวคนนี้มาเพื่อยืนยันว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่จริง เพื่อที่จะบอกเธอว่าเอกสารทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้ามันเป็นเรื่องโกหก...



                        แต่ความจริงก็คือความจริง แม้แพมจะไม่ได้เอ่ยปากพูด แต่ผลวิจัยที่ออกมา มันมากเสียยิ่งกว่าคำยืนยัน...



                        สิชาหัวเราะลั่นราวกับคนบ้า ประกายในดวงตาคู่โตไหวระริกประหลาด ก่อนที่รอยยิ้มจะถูกฉาบบนเรียวปาก... ใช่สินะ... แพน ก็คือ 'แพนโดร่า' เทพอัปสรที่เปิดกล่องแห่งความหายนะ นำความเลวร้ายทั้งหมดลงมาสู่โลก ถ้าหากกล่องใบนั้นคือแพม... คนที่เปิดกล่อง คงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากแพน...



                        ก็ในเมื่อเขาอยากจะเชิดเธอนัก เธอจะเต้นตามเขาเสียหน่อยจะเป็นไรไป?



                        สิชาเอื้อมมือหยิบเข็มฉีดยาใหม่เอี่ยมออกมาจากลิ้นชัก ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินโซซัดโซเซไปหาแพนที่นั่งมองอยู่ใกล้ๆ โดยไม่ได้ติดใจสงสัยกับท่าทางของสิชาแต่อย่างใด



                        "แพน...ยื่นแขนออกมา..." เธอเอ่ยสั่งเสียงสั่นเทา แพนทำตามอย่างว่าง่าย ก่อนจะเหลือบมองใบหน้าเด็กสาวด้วยแววตาใสซื่อที่ทำให้คนมองต้องถอนลมหายใจออกด้วยความเหนื่อยล้า



                        "อยากเจอพี่แพมไหม?" สิชาเอ่ยถาม



                        "อยากสิคะ พี่แพมเป็นคนยังไง? สิชาเคยเจอรึเปล่า?" แพนแย้มรอยยิ้มออกมาด้วยความตื่นเต้น แต่สิชาไม่ตอบ เธอกดปลายเข็มฝังเข้าไปในเนื้อขาว โดยที่ไม่ได้มีวี่แววของความลังเลแต่อย่างใด ก่อนจะดึงปลายลูกสูบขึ้นมาเพียงครึ่งกระบอกแล้วถอนเข็มออก



                        "ทำอย่างนี้แล้วพี่แพมจะตื่นใช่ไหมคะ?" แพนยังคงเอ่ยถามต่อก่อนจะเอื้อมมือมากดปากแผล สำหรับเธอ การถูกฉีดยา หรือการเจาะเลือดกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว สิชายิ้มรับก่อนจะเดินไปที่เตียงของแพมแล้วฉีดของแล้วลงในกายของเด็กสาวอย่างไม่ลังเล ไม่มีแววความรู้สึกใดๆปรากฏอยู่บนดวงหน้าอ่อนเยาว์ แต่เมื่อเธอถอนเข็มออก มือบางกลับสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่...



                        ทุกสิ่งยังคนิ่งสงัด แต่ลึกลงไปภายใต้เนื้อหนัง - ภายในเซลล์ทุกเซลล์ - ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยลอยนิ่งคว้าง ตอนนี้มันกลับตื่นตัวอย่างประหลาด!



                        - ตึก! -



                        เสียงหัวใจแทบจะประสานเป็นหนึ่งเดียวเมื่อลมายใจของร่างบนเตียงเหมือนจะแรงขึ้น



                        - ตึก! -



                        ปลายนิ้วขาวซีดเกร็งกระตุกล็กน้อยก่อนจะค่อยๆขยับ



                        - ตึก! -



                        เปลือกตาบางปรือเปิดขึ้น เผยให้เห็นดวงตาสีฟ้าอมม่วงเหมือนของน้องสาวฝาแฝดไม่มีผิดเพี้ยน



                        "นี่ฉัน... อยู่ที่ไหนกัน?..."



                        ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~


                        ตึกๆๆๆๆ โครม!!!!!

                        เสียงฝีเท้าย่ำโครมครามดังขึ้นก่อนที่ประตูไม้บานใหญ่จะถูกเปิดผางออกด้วยฝีมือของสาวน้อยที่ไม่น่าเชื่อว่าจะแรงเยอะผิดกับรูปร่าง เล่นเอา หลิน เจ และจิ้งที่นั่งอยู่ในห้องเหลียวมามองด้วยความแปลกใจ

                        "อ้าว สิชา รีบร้อนมานี่ทำไมล่ะ? หรือว่าคิดถึงผมจนทนไม่ไหว?" จิ้งเอ่ยก่อนจะหัวเราะดังลั่น แต่ก็มีอันต้องเงียบไปในทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของคนข้างๆ

                        "แพม...แพมฟื้นแล้ว..." สิชาเอ่ยเสียงนิ่ง แววตาทอดมองคนตรงหน้าเหมือนไม่ยอมละไปไหน

                        "อ๋อ ครับ ดีแล้ว" คนฟังยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบได้อย่างหน้าตาเฉยก่อนจะขยับหนังสือพิมพ์ในมืออ่านต่อไป ในขณะที่เจเบิกตากว้างจ้องหน้าหลินที่ดูเหมือนตกใจไม่แพ้กัน แล้วสายตาสามคู่ก็ประสานกันจ้องหน้าจิ้งด้วยความคาดไม่ถึงกับความใจเย็นของชายหนุ่มเพียงหนึ่งดียวในห้องที่ยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบอีกเป็นรอบที่สอง แต่แล้ว...

                        พรูด!!!!

                        กาแฟร้อนๆพุ่งออกมาจากปากทั้งๆที่เจ้าของยังแทบจะไม่รู้รสชาติ ดวงตาสีเขียวเบิกกว้างก่อนจะรีบหันมาถามละล่ำละลัก

                        "เฮ้ย!! เมื่อกี้ว่าไงนะ!!! ยัยแพมฟื้น!!! ฟื้นเมื่อไหร่ ฟื้นได้ยังไง แล้วทำไมมันต้องมาฟื้นตอนนี้ด้วยเล่าาาาาาาาาาา!!!!!!!!!!!"

                        "เอ่อ... แพม...อยู่ที่ห้อง... พี่จิ้ง ป...ไปดูเองดีกว่านะ" สิชาเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงหวาดๆในขณะที่เจกับหลินสบตากันก่อนจะถอนหายใจด้วยความปลงอนิจจัง... นึกว่าจะใจเย็น ที่ไหนได้... สมองช้านี่เอง...

                        และเมื่อหลินกับเจหันมาอีกที... คนสมองช้าที่ว่าก็อันตรธานไปเสียแล้ว...

                        ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

                        "ออกไปนะ!! อย่ามาเข้าใกล้ฉัน!!!"

                        เสียงตวาดดังลั่นของคนที่ 'เพิ่งตื่น' ดังลอดออกมาให้ได้ยินตั้งแต่ยังไม่ถึงห้อง เป็นผลให้ชายหนุ่มยิ่งเร่งฝีเท้าขึ้นจนสิชาต้องวิ่งตาม

                        "พ่อ!! พ่อไปไหน พ่อ!!!"

                        น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังลอยเข้ามาในหู แต่แทนที่จะเจือกระแสเอาแต่ใจเหมือนอย่างเคย... คราวนี้เขากลับกลายเป็นคำขอร้อง

                        "แพม!!" จิ้งผลักประตูเปิดออกแล้วก็ต้องหยุดชะงักกับภาพตรงหน้า... ทั้งๆที่เขาก็เคยเห็นแพนมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว และทั้งๆที่สองคนหน้าตาเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว แต่วินาทีนี้ เขารู้ทันทีว่าคนไหนคือ 'ตัวจริง'

                        "พี่จิ้ง...!!" ดวงตสีม่วงครามเบิกกว้างก่อนที่ดวงหน้าขาวซีดจะฉาบไปด้วยรอยยิ้ม และก่อนที่ใครจะห้ามทัน เธอก็ถลาล้มลงมากองอยู่กับพื้น

                        "แพม!!" จิ้งรีบก้าวเข้าไปดึงร่างเด็กสาวขึ้นมา แต่ทันทีที่มือกร้านจับต้องร่างของเธอ ราวกับมีพลังประหลาดตรึงร่างของเขาเอาไว้ ดวงตาสีมรกตเบิกกว้าง ทว่าเขากลับไม่เห็นภาพตรงหน้า โสตประสาทได้ยินเสียงกรีดร้องของแพมราวเสียงแว่ว แต่นาแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกตระหนกแต่อย่างใด แล้วภาพอดีตทั้งหมดที่เขาไม่อยากหวนระลึกถึงก็ฉายชัดเข้าสู่ความทรงจำ

                        - การต่อสู้... เขากำลังสู้กับใครบางคน... เขากำลังจะชนะ - ภาพเปลี่ยนไป... - เลือด... ทุกสิ่งทุกอย่างเต็มไปด้วยเลือด... ไม่.. - นั่น... - เจ... หลิน... พอล... - จตุจันทรา...ลูกหมู กำลังยิ้ม... - เสียงกรีดร้อง... เสียงกรีดร้องของใคร?...- มีคนกำลังเรียกชื่อเขา...จิ้ง...จิ้ง...จิ้ง...จิ้ง!!!!!!!

                        "พี่จิ้ง!!!!!!!"

                        ร่างของชายหนุ่มทรุดลงไปกองกับพื้น เหงื่อกาฬเย็นเยียบผุดขึ้นเต็มใบหน้า ลมหายใจหอบสั่น ในสมองยังคงมองเห็นภาพชัดเจน ทุกสรรพเสียงยังคงดังก้องวนเวียนอยู่ในหูราวกับมีใครมากระซิบย้ำอยู่ตลอด จิ้งเงยหน้าขึ้นมองแพมด้วยความงุนงง... ดวงตาของแพมเบิกกว้าง หยาดน้ำตาไหลรินออกจาดวงตาคู่สวย สีหน้าของเธอดูตื่อนตระหนกราวกับได้เห็นภาพนรกอยู่ตรงหน้า

                        วินาทีนั้นเองที่จิ้งตระหนักว่าตัวเองทำพลาดไป...

                        "พี่จิ้ง..." สิชาเอ่ยเสียงสั่น ก่อนจะทรุดเข่าลงตรงหน้าเขา... เธอนี่เองที่เป็นคนปัดมือเขาออก...

                        "ผม...ผม..." ลำคอดูเหมือนจะตีบตัน... แต่แววตาของสิชาบ่งบอกว่าเธอรู้เรื่องราวทั้งหมดดี...

                        "แพมเป็นไซคิก...เธออ่านใจทุกคนได้ผ่านการสัมผัส... สภาพพลังของแพมตอนนี้ ไม่ว่าจะสัมผัสใคร ทั้งความรู้สึกนึกคิด และความทรงจำ จะหลั่งไหลเข้าสู่สมองของเธอโดยตรง..." สิชาหยุดเว้นวรรคหายใจก่อนจะเอ่ยต่อ

                        "และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น... ส่วนสิ่งที่แพมเห็น... จะเป็นอะไร... มีแต่พี่จิ้งเท่านั้นที่รู้..."

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×