เธอหาย - เธอหาย นิยาย เธอหาย : Dek-D.com - Writer

    เธอหาย

    ผู้เข้าชมรวม

    67

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    67

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  17 ส.ค. 54 / 00:19 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      “กริ๊กก   ...แอ๊ดดด” เสียงประตูห้องผมเปิดออก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร เพราะมีเพียงคนเดียวที่มีกุญแจห้องผม

      แล้วเธอก็เดินหายไปในส่วนของห้องนอน ก่อนจะเดินออกมาอีกครั้ง

      “เธอเก็บกล้องเราไว้ที่ไหน” เธอถามผม

      “กล้องตัวไหนล่ะ” คงไม่แปลกที่ผมจะถาม ก็เธอฝากกล้องไว้ที่ผมถึงสามตัว

      “ตัวที่เราไปซื้อด้วยกันก่อนที่เราจะไป...” เธอพูดแค่นั้นแล้วก็เงียบไป

                      ผมไม่โกรธเธอหรอกที่วันนั้นเธอจากผมไป สารภาพตามตรงว่า วันนั้นที่ผมเปิดห้องมาแล้วไม่เจอเธอ ผมมีแต่ความสับสนมึนงง ถึงแม้เวลาจะผ่านไปสักพักแล้วก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมก็ยังมีแค่ความสงสัยว่าเธอหายไปไหนก็แค่นั้นเอง

      “จะไม่บอกกันหน่อยเหรอ ว่าไปไหนมา” ผมอดที่จะถามไม่ได้

      “ตกลงกล้องเราอยู่ไหน” เธอเลือกจะตอบผมด้วยคำถามเดิมอีกครั้ง ผมก็คงจะทำอะไรไม่ได้นอกจากตอบเธอไป

      “ในตู้สีขาวสามชั้น อยู่ชั้นล่างสุดเลย” แล้วเธอก็เดินเข้าไปในห้องอีกครั้งหนึ่ง ส่วนผมก็นั่งเล่นเกมของผมต่อไป

      เธอจะหายไปในห้องนานจนผมคิดว่า เธออาจจะหลับไปแล้ว เพราะตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว แต่เธอยังไม่ได้อาบน้ำนี่นา ปกติเธอเป็นคนรักความสะอาดจะตาย คงไม่มีทางนอนทั้งๆที่ยังไม่ได้อาบน้ำหรอก

      “ครืดดดด...” ขณะที่ผมกำลังคิดอยู่ เธอก็เดินออกมาจากห้องนอน เมื่อผมหันไปหาเธอก็พบว่า เธอเปลี่ยนชุดจากที่ใส่เสื้อเชิ้ตกางเกงยีนขายาวเป็นกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดพอดีตัวแล้ว

      “หิวแล้ว ไปหาอะไรกินกันเถอะ” เธอชวนผมด้วยถ้อยคำที่ผมคุ้นเคย เหมือนว่าเราอยู่ด้วยกันมาตลอด ไม่ได้ห่างหายไปไหนเลย แล้วเธอก็เดินไปใส่รองเท้า ยืนรอผมที่หน้าห้อง ผมจึงปิดคอมพ์ ลุกไปหยิบเสื้อยืดมาใส่ แล้วก็เดินออกไปหาเธอ

      “ก๋วยเตี๋ยวนะ อยากกิน”

      “อืม” ผมตอบไป

      เมื่อมาถึงร้านก๋วยเตี๋ยว เธอก็เดินไปสั่งเมนูเดิมของเธอ และสั่งเมนูเดิมที่ผมสั่งเป็นประจำตอนที่เธอยังอยู่กับผม ผมเดินไปหยิบแก้วน้ำมาสองใบกับน้ำดื่มขวดหนึ่ง ร้านนี้คนยังเยอะเหมือนเคย ผมไม่ได้มากินร้านนี้ตั้งเป็นปีแล้ว เพราะเมื่อผมอยู่คนเดียวก็ขี้เกียจออกมาหาอะไรกิน ถ้าไม่กินมาจากที่ทำงานแล้ว ผมก็กินมาม่าหรือซื้ออะไรที่ง่ายๆไปกินคนเดียว

                      “สมโชคเป็นไงมั่ง” เธอถามถึงสุนัขพันธุ์ปั๊กที่เราเคยเลี้ยงด้วยกัน มีคนให้ผมมาตอนวันเกิด แต่หลังจากนั้นก็เป็นเธอที่คอยดูแลมันตลอด

      “เราเอาไปฝากที่บ้านแม่แล้ว ไม่มีเวลาดูแลมันเลย”

      “อืม” เธอตอบแค่นั้นและก็ดูเหมือนบทสนทนาของเราจะจบลงแค่นั้น เมื่อก๋วยเตี๋ยวมา เราก็ต่างคนต่างกินไปเงียบๆ เหมือนดังคนที่ไม่มีโต๊ะนั่งเลยมานั่งรวมกันเพราะความจำเป็นเท่านั้น

      “ใจคอจะไม่ถามถึงเราหน่อยเหรอ” ผมอดที่จะถามไม่ได้ เธอหายไปเป็นปีๆ แต่พอกลับมาก็ไม่บอกเหตุผลอะไรสักคำ แถมยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกต่างหาก

      เธอเพียงแต่อมยิ้มเล็กน้อย แล้วก้มหน้าลงไปกินก๋วยเตี๋ยวของเธอต่อ เมื่อเธอไม่พูดอะไร ผมก็กลับไปกินของตัวเองต่อเช่นกัน

      “เรารู้ว่าเธอดูแลตัวเองดี” เธอพูดขึ้นมาหลังจากเงียบไปนาน แค่เพียงประโยคที่แสดงความคุ้นเคย แค่นี้ผมก็อดยิ้มไม่ได้แล้ว

                      ตั้งแต่รู้จักกันมา เรามีนิสัยคล้ายกันหลายอย่าง อะไรที่ผมชอบ เธอก็จะชอบเหมือนกัน ส่วนอะไรที่เธอไม่ชอบ ผมก็จะไม่ชอบเหมือนกันอย่างบังเอิญ นั่นก็ทำให้เราอยู่กันได้อย่างลงตัว เธอรู้ใจผมไปเสียทุกอย่าง รู้แม้กระทั่งว่าตอนอาบน้ำ ผมต้องเคี้ยวหมากฝรั่งทุกครั้ง ส่วนผมก็รู้ว่าทุกครั้งที่เธอเกาจมูกนั่นหมายถึงเธอกำลังใช้ความคิดอย่างหนักทีเดียว หรือหากนิสัยอันไหนของเราที่ไม่เหมือนกัน เราก็สามารถปรับและยอมรับนิสัยของกันได้ในเวลาอันสั้น

      คงจะมีแต่นิสัยที่ชอบหายไปโดยไม่บอกกล่าวของเธอ และเรื่องของการแต่งงานนี่ล่ะที่เราคิดไม่เหมือนกัน ผมคิดว่าผมกับเธอเข้ากันได้ดี เราน่าจะแต่งงานกันได้แล้ว ผมอยากมีลูกตัวน้อยๆไว้อุ้มสักคน แต่เธอกลับไม่เห็นด้วย เธอบอกว่าเธอยังไม่พร้อม ขอให้ผมรอไปก่อน

      “คิดเงินด้วยค่ะ”

      เสียงใสๆของเธอตะโกนเรียกเจ้าของร้านให้มาคิดเงินทำให้ผมหลุดจากภวังค์ แล้วจึงหยิบกระเป๋าเงินของตัวเองออกมาจ่าย นี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เราทำมาตลอด คือเมื่อไปกินข้าวด้วยกันแล้ว ผมจะเป็นคนจ่ายทุกครั้ง แล้วเมื่อกลับถึงห้อง เธอก็จะเอาเงินมาใส่กระเป๋าเงินผมไว้เอง เราไม่เคยคุยกันเป็นกิจจะลักษณะ แต่เราทำจนเป็นเรื่องปกติธรรมดาของเราไปแล้ว

      “แวะเช่าหนังไปดูกันนะ” เธอหันมาชวนแล้วออกเดินไปทันทีโดยไม่ได้รอคำตอบจากผม

      ร้านเช่าวีดีโออยู่ตรงสี่แยกไฟแดงพอดี ผมบอกเธอว่าจะรอเธออยู่ข้างนอก ที่นี่ยังคงวุ่นวายเหมือนเคยแม้จะล่วงเข้าวันใหม่มาชั่วโมงกว่าแล้วก็ตาม ร้านรวงต่างๆยังคงเปิดขายกันอย่างคึกคัก กลุ่มวัยรุ่นชายกลุ่มหนึ่งนั่งพ่นควันขาวกันทั่วบริเวณ แต่บริเวณรอบๆตัวพวกเขาก็ไม่มีผู้คนสัญจรไปมามากนัก ป้าแก่ๆคนหนึ่งนั่งขายพวงมาลัยดอกไม้สดอยู่ข้างทาง ข้างๆกันก็เป็นหมาจรจัดนอนหลับอยู่ เมื่อเธอเลือกภาพยนตร์เสร็จแล้วเราจึงเดินกลับห้องกัน

      เมื่อมาถึงห้อง เธอก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูไปอาบน้ำ พออาบเสร็จก็เดินไปหยิบแผ่นซีดีมาใส่เครื่องเล่น ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาหน้าทีวี ผมจึงไปอาบน้ำบ้าง จากนั้นจึงเดินมานั่งข้างๆเธอ

      “คิดถึงเราไหม” เธอถาม

      “คิดถึงสิ” แล้วเธอก็เงียบไปพร้อมๆกับรอยยิ้ม

      “แล้วถ้าเราหายไปบ้าง จะคิดถึงเรามั้ย” ผมถามกลับ

      “มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ” ผมไม่รู้จะตอบเธอว่าอะไร จึงละสายตาไปมองจอโทรทัศน์แทน เมื่อหนังจบเราก็ปิดทีวีแล้วเดินไปที่ห้องนอน

      เมื่อจัดแจงที่นอนเรียบร้อยเราก็ล้มตัวลงนอน ผมเอื้อมมือไปปิดโคมไฟที่อยู่ข้างเตียง แต่ตัวผมยังไม่ง่วงสักเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะตื่นเต้นที่มีคนมานอนข้างๆอีกครั้งก็เป็นได้ ผมจึงนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปจนผล็อยหลับไปในที่สุด

      เมื่อแสงแดดส่องทะลุม่านมาทิ่มตาผม ผมจึงจำต้องตื่นขึ้นมา แต่เมื่อมองไปข้างๆก็ไม่เห็นเธออีกแล้ว ผมจึงลุกออกไปข้างนอก บางที เธออาจจะไปเข้าห้องน้ำก็ได้ แต่เมื่อออกไปแล้วผมก็ไม่พบใคร พบเพียงแต่หม้อข้าวต้มที่ตั้งอยู่บนเตา ข้างๆกันมีกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่ ผมหยิบขึ้นมาอ่าน ในนั้นเขียนไว้ว่า

      อีกเดือนหนึ่งเราจะกลับมา วันนั้นเราจะมาเล่าทุกอย่างให้ฟัง แล้ววันนี้ก็ไปรับสมโชคกลับมาด้วยล่ะ เราอยากมีครอบครัวแล้ว J

      ผมเดินไปหยิบชามมาตักข้าวต้มด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ข้าวต้มชามนี้คงอร่อยที่สุดเท่าที่ผมเคยกินมา และขณะที่ผมกำลังกินอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือก็มีเสียงสัญญาณว่ามีข้อความเข้า ผมจึงหยิบขึ้นมาดู

      “รัก”

      สงสัยวันนี้ผมคงจะหยุดยิ้มไม่ได้แล้วล่ะ

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×