ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SHINee Yaoi] Exorcist ปีศาจ’ล่า’ปีศาจ (HoOn)

    ลำดับตอนที่ #7 : Case 2 : Bloody Rose [Part 2]

    • อัปเดตล่าสุด 28 ธ.ค. 57




    Case 2 : Bloody Rose

              บทที่ 2

              ความรักนั้นเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ ช่วยให้ทุกอย่างบนโลกดำเนินต่อไปได้อย่างสวยงาม แต่ในขณะเดียวกันนั้น..ความรักก็สามารถทำลายทุกสิ่งให้พังทลายได้เช่นกัน

                เสียงจอแจดังขึ้นทันทีเมื่อออดบอกเวลาดังขึ้นและถึงเวลาพักเที่ยง เหล่าเด็กนักเรียนต่างพากันเดินออกนอกห้องเรียนเพื่อไปยังโรงอาหารและแทมินเองก็เดินปะปนไปด้วย หันไปพูดคุยกับเพื่อนร่วมห้องด้วยท่าทางสนิทสนมตามที่คนอื่นคิดว่าเป็นคนอัธยาศัยดี

                แต่ใครจะรู้ว่าความจริงแล้วแทมินไม่ได้มนุษย์สัมพันธ์ดีเลยสักนิด ทั้งหมดที่แสดงออกไปก็แค่เพื่อสืบหาข้อมูลก็เท่านั้น ตอนเข้ามาร่วมในหน่วยนี้ก็ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะสนิทกันได้ แต่เพราะอายุน้อยที่สุดจึงไม่แปลกถ้าอีกสามคนจะค่อนข้างตามใจและพยายามเข้าหา

                เว้นชเวมินโฮไปคนหนึ่งก็แล้วกัน เดิมทีเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนแบบมินโฮถึงได้เป็นหน่วยที่สอดแนมที่ต้องเข้าผู้อื่น แต่เคยไปทำภารกิจด้วยก็เห็นว่าถึงจะไม่ค่อยเข้าหาใครแต่ก็สามารถเก็บข้อมูลต่างๆได้เป็นอย่างดี

                “จริงด้วยสิ วันนี้ได้ยินแต่คนพูดถึงกุหลาบสีเลือด มันคืออะไรหรอ”

                “อ๋อ เป็นการฆาตกรรมสองรายน่ะ น่ากลัวเป็นบ้าเลย! ไม่รู้ว่าคนหรือปีศาจที่ทำแบบนี้ แต่คงเป็นคนโรคจิตแน่นอนเพราะมันเอากุหลาบขาวไปปักตรงหัวใจคนตายด้วย”พ่อมดปีศาจพยักหน้ารับแล้วแสร้งทำสีหน้าให้ดูตกใจไปเล็กน้อย เพื่อนที่นั่งข้างๆในห้องเรียนตบไหล่เบาๆแล้วพูดขึ้นต่อ

                “นายไม่ต้องห่วงไปหรอกน่า แค่ไม่ออกไปไหนมาไหนลำพังก็พอแล้วล่ะ ฉันหวังว่าทางโรงเรียนจะรีบทำอะไรซักทีไม่อย่างนั้นถ้าไอ้นั่นเป็นฆาตกรโรคจิตล่ะก็ ไม่รู้เลยใครจะเป็นคนโดนฆ่าต่อไป”

                “แบบนี้ก็แย่น่ะสิ ไม่มีใครนึกออกเลยหรอว่าคนที่ตายเขาเกี่ยวข้องกันยังไง”

                “ถ้ารู้บรรยากาศในโรงเรียนคงไม่เป็นแบบนี้หรอก..นายนี่ซวยจริงที่ย้ายเข้ามาตอนนี้พอดี มีอาจารย์อีกสี่คนที่ย้ายมาพร้อมนายด้วยนี่นา แปลกจัง”อีแทมินก็ไม่แปลกใจนักว่าถ้าจะมีใครสงสัยในเรื่องที่พวกเขาปลอมตัวเข้ามา และบางคนอาจจะเดาได้ว่าเป็นเอ็กโซซิสท์ที่ทางศาสนจักรส่งมาพวกไขคดี เห็นทีว่าเขาคงต้องไปบอกอีกสี่คนที่เหลือแล้ว ไม่อย่างนั้นฆาตกรอาจไหวตัวทัน

                “แล้วนายว่าเป็นฝีมือของคนหรอ”

                “แน่นอน! ที่นี่มันโรงเรียนศาสนจักรนะ ปีศาจจะกล้าเข้ามาได้ยังไง”แทมินทำทีเป็นพยักหน้าทั้งที่ในใจอยากจะหัวเราะออกมา เพราะไอ้คนข้างตัวเขานี่มันกำลังคุยกับปีศาจและยังเป็นปีศาจอายุเกือบร้อยปี ที่อยู่ในหน่วยเอ็กโซซิสท์อีกต่างหาก

                “ก็จริงนะ ที่นี่มีอะไรอร่อยบ้าง แนะนำหน่อยดิ”

                บรรยากาศในโรงอาหารมีแต่เสียงดังวุ่นวายจนมนุษย์หมาป่าที่หูดีกว่าใครชักจะหงุดหงิดขึ้นมา รวมถึงคนรักความเงียบสงบอย่างมินโฮที่ไม่ค่อยสบอารมณ์มากนักเช่นกัน บรรยากาศรอบตัวจึงดูขุ่นมัวอึดอัดกว่าเดิมมากขึ้นเรื่อยๆ

                “เราต้องแยกกันเพื่อไปทำความคุ้นเคยกับอาจารย์คนอื่นๆ ฉันจะไปกับมินโฮ ส่วนจงฮยอนไปกับคีย์นะ”หัวหน้าหน่วยสั่งงานออกไปจากตอนแรกที่ตั้งใจว่าจะให้มนุษย์หมาป่ากับดาร์คเอลฟ์ไปด้วยกัน แต่พอเห็นอารมณ์ทั้งสองคนแล้วเอาไปด้วยกันเดี๋ยวจะเสียงานเปล่าๆ

                มือนุ่มคว้าข้อมือร่างสูงไว้ให้เดินมาด้วยกันแต่ไม่นานนนักก็ยอมปล่อยมือออกไป เพราะเขารู้ดีว่ามินโฮไม่ชอบให้ใครมาแตะตัวนัก

                “รีบไปเข้าหาพวกอาจารย์ในนี้กันดีกว่า สถานที่ที่คนเยอะๆแบบนี้ไม่ดีเลย”มินโฮเหลือบมองแวมไพร์ข้างตัวที่เหมือนจะพึมพำกับตัวเองในตอนท้าย ตอนนี้จินกิกำลังอยู่ในแหล่งอาหารเลยก็ว่าได้ ถึงจะไม่จำเป็นต้องกินเลือดทุกวันแบบพวกกึ่งแวมไพร์แต่ยังไงซะอาหารที่มีคุณค่ามากที่สุดคือเลือดสดๆ

                และอีจินกิก็ไม่คิดจะปฏิเสธการฝังคมเขี้ยวให้ไปสัมผัสกับอาหารรสเลิศที่ยังอุ่นอยู่

                “ไหวมั้ยล่ะ”

                “ห่วงหรอ? เขินนะเนี่ย”ชายร่างสูงระบายลมหายใจออกมาโดยไม่ตอบอะไรกลับไป ดวงตาที่อ้างว้างเย็นชาคอยมองไปยังหัวหน้าหน่วยทีทำทีเป็นยิ้มปกติ ต่อให้พวกเขาดูเหมือนมนุษย์มากขนาดไหนแต่สุดท้ายพวกเขาก็ยังคงเป็นปีศาจ

                โดยเฉพาะจินกิที่มีมนุษย์เป็นแหล่งอาหาร

                “ทั้งๆที่เมื่อก่อน ฉันยังเดินไปในกลุ่มผู้คนได้อยู่เลยนะ แต่ตอนนี้จะให้ทำยังไง..”

                “ถ้าไม่ไหวกับการอยู่รวมกับมนุษย์ก็กลับบ้านไปซะ พวกฉันจัดการเองได้”คนโดนขัดประโยคแหงนหน้ามองชายร่างสูงที่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยดั่งเดิม ริมฝีปากอิ่มระบายยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ

                “ฉันเป็นหัวหน้านะ จะทิ้งหน้าที่ได้ไงล่ะ”

                ก่อนหน้าที่ไปโรงละครนั้นเป็นระยะเวลาไม่นานมากนักทำให้เขาพอทนไหว แต่การมาเดินปะปนในหมู่ผู้คนหลายชั่วโมงแบบนี้ก็กลัวตัวเองควบคุมตัวเองไม่ไหว แต่ดาร์คเอลฟ์ที่อยู่ข้างเขาก็สามารถเตือนสติเขาได้เสมอ

                “ขอบคุณมากนะ”

                “หึ”

                ดวงตาเฉี่ยวสวยของคีย์เหลือบมองไปยังมนุษย์หมาป่าข้างกายที่ยังดูฮึดฮัดกับเสียงที่ดังเกินไป มือเรียวขาวค่อยๆแตะลงต้นแขนแผ่วเบาทำให้ร่างหนาหันมามอง

                “ใจเย็นๆนะ”

                “อื้ม ขอบใจนะคีย์ ไม่ไหวเลยพวกมนุษย์นี่”คีย์หัวเราะออกมาเล็กน้อยกับคำบ่นของจงฮยอน ตัวเขาเองไม่ได้มีพละกำลังเหนือใคร ไม่มีเวทมนต์ที่ร้ายกาจ แม้กระทั่งประสาทสัมผัสต่างๆก็เหนือกว่ามนุษย์เล็กน้อยเท่านั้น

                แต่คิมจงฮยอนกลับพูดต่อหน้าการประชุมเลือกปีศาจเข้าหน่วย เป็นสิ่งที่เขาจดจำมาจนถึงทุกวันนี้

              “แล้วไง? พวกคุณบอกให้เราหาพวกเพิ่มได้แต่พอเราหามาได้กลับบอกว่าไร้ประโยชน์ ถึงคิบอมเขาจะไม่ได้โดดเด่นอะไรแต่เขาก็สามารถเข้าหาผู้อื่นและฉลาดมากด้วย! ไม่ว่าใครก็มีคุณค่าในตัวเองทั้งนั้นแหละ!

                “แล้วเราจะไปเริ่มตรงไหนดีล่ะเนี่ย”จงฮยอนพูดพลางมองไปเรื่อยๆ ดวงตามองไปเห็นจินกิกับมินโฮที่เดินตรงไปยังคนกลุ่มหนึ่งแล้วจึงตัดสินใจเลือกกลุ่มที่อยู่ไม่ไกลนี้

                “ฉันรู้ว่าคนนั้นสองอังกฤษเหมือนกัน ไปกันเถอะ จะได้ทำให้มันจบๆไปซักที จงฮยอนไม่ชอบที่คนวุ่นวายแบบนี้นี่นา”

                “อา ใช่แล้ว ฉันห่วงจินกินะ..ถึงเขาจะเคยเป็นมนุษย์มาก่อนก็เถอะแต่เวลาคลั่งขึ้นมาล่ะก็ โดนศาสนจักรตามล่าอีกรอบแน่ๆ”

                อินคิวบัสหนุ่มยิ้มบางก่อนจะเบนสายตาไปยังทิศทางอื่นที่ไม่ใช่ใบหน้าของคนรักของเขา ในเมื่อทุกเวลาจงฮยอนจะนึกถึงแต่หัวหน้าหน่วยเท่านั้น และความสัมพันธ์ก็คลุมเครือตั้งแต่ที่เขาเข้าหน่วยมา ทำไมจงฮยอนถึงไม่ปฏิเสธตอนเขาขอความรัก..

                “ขอพวกเรานั่งด้วยได้มั้ยครับ”

                สิ้นเสียงของอินคิวบัสหนุ่มทำให้อาจารย์ทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นมามอง แต่เมื่อพบกับรอยยิ้มที่ดูดึงดูดก็ทำให้มนุษย์ทั้งสองคนพยักหน้ารับและขยับตัวแบ่งที่นั่งให้ทันที

                “ผมคีย์ครับ เพิ่งย้ายมาวันนี้”

                “ฉันเคยเห็นคุณค่ะ เห็นก่อนสอบแปปนึง”

                “ผมก็จำคุณได้ นี่คิมจงฮยอนครับ เป็นครูพิเศษสอนวิชาดนตรี”จงฮยอนส่งยิ้มไปให้ด้วยถึงแม้ว่าจะหงุดหงิดอยู่นิดหน่อย ดวงตากวาดมองพิจารณามนุษย์สองคนที่ต่างเพศกัน ต้องขอบคุณเสน่ห์อันลึกลับของคีย์ที่ทำให้เข้าหาผู้คนได้ง่ายแบบนี้

                “ขอโทษด้วยนะครับที่ถามตอนพวกคุณกำลังกินข้าวกัน แต่คดีกุหลาบเลือดที่เด็กๆพูดถึงกันเนี่ย มันเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่หรอครับ”น้ำเสียงที่แสนจะสุภาพของคีย์ทำให้คนถูกถามส่งยิ้มแล้วไม่พูดว่าอะไร แถมยังช่วยกันเล่าเรื่องให้ฟังอย่างละเอียดจนมนุษย์หมาป่าได้แต่พยายามจำให้ได้มากที่สุดเพื่อจะได้ช่วยคีย์ได้บ้าง

                ไอ้งานพวกนี้เขาไม่เคยถนัดเลยจริงๆ..

                “แต่จะว่าไป พวกคุณก็ย้ายเข้ามาหลังเกิดเรื่องนี่คะ เป็นตำรวจรึเปล่า”

                “ฮ่าๆ ถ้าเป็นจริงๆก็ดีสิครับ นี่ผมก็ได้แค่เรื่องดนตรีกับร้องเพลง แล้วเห็นว่าโรงเรียนขาดครูด้านนี้ผมก็มาสมัครซะเลย ไม่คิดว่าจะมาเจอเรื่องโหดร้ายซะได้”จงฮยอนตอบพลางหัวเราะไปด้วย พวกเขาเองคิดกันไว้แล้วว่ามันคงน่าสงสัยที่มีอาจารย์ย้ายเข้ามาพร้อมกันถึงสี่คน ส่วนแทมินนั้นไม่แปลกเท่าไหร่เพราะนักเรียนย้ายเข้าย้ายออกเป็นเรื่องปกติ

                “อย่างงั้นหรอคะ..นี่รู้จักกันหมดเลยหรอคะเนี่ย”จงฮยอนส่งยิ้มกลับให้ก่อนจะพยักหน้ารับ พวกมนุษย์นี่ขี้สงสัยอยากรู้อยากเห็นไปซะทุกเรื่องจนน่าหงุดหงิดไม่น้อย จึงช่วยกันอ้างไปว่าเป็นเพื่อนกันมานานแล้วยังหางานทำไม่ได้ พอเห็นว่ามีงานเลยชวนกันมาทำพอดี

                แต่คนฟังจะเชื่อปีศาจแบบพวกเขามั้ยมันก็อีกเรื่อง

                เวลาล่วงเลยจนกระทั่งใกล้หมดเวลาพัก อาจารย์ใหม่ทั้งสี่ได้มานั่งรวมโต๊ะกันก่อนจะแบ่งปันข้อมูลที่รับรู้มา ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีขาดหายบ้างหรือเกินจริงบ้างแต่ใจความหลักก็ยังเหมือนเดิม

                “เดี๋ยวฉัน คีย์ มินโฮ จะต้องไปห้องพักครู เดี๋ยวพวกเราจะดูว่าอาจารย์คนไหนที่พฤติกรรมแปลกๆ ส่วนนายคิมจงฮยอน”เรียกชื่อเต็มยศจนหมาป่ารูปงามต้องเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์ที่เปิดเช็คข้อมูลข่าวสารประจำวันอยู่

                “จับตาดูทุกคน ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์พิเศษ หรือเด็กที่เรียนกับนาย เข้าใจมั้ย”กำชับเสียงเข้มให้เจ้าหมาป่าจอมขี้เกียจฟัง โดยคนที่ไม่ชอบงานแบบนี้ได้แตต่ทำหน้าหงอยที่ว่าต้องมานั่งดูคนเข้าหาคนเป็นร้อยๆ

                นิสัยหมาป่ามันไม่ได้เหมาะกับการเฝ้าสังเกตหรือสอดแนมเลยสักนิด ถ้าเป็นพวกสะกดรอยแล้วเข้าไปลุยมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออะไร ยิ่งคิดก็ยิ่งห่อเหี่ยวจึงพยักหน้ารับไปแม้ว่าจะไม่เต็มใจก็ตาม

                “ครับคุณหัวหน้า”

                บรรยากาศในห้องพักครูของเด็กช่วงปลายค่อนข้างคึกคักเมื่อไม่ต้องสอนต่อแล้ว โดยห้องพักครูขนาดใหญ่ถูกแบ่งออกเป็นหมวดหมู่แต่ละวิชาอย่างชัดเจนและมีห้องทำงานส่วนตัว ส่วนห้องของครูพิเศษที่อยู่ติดกันกำลังมีคนที่เตรียมการสอนอยู่บ้างและน้อยมากที่จะค้างที่หอพักของทางโรงเรียน

                จงฮยอนก้าวเดินออกจากห้องแต่ก็ไม่วายที่จะหันกลับไปมองยังห้องพักครูที่เปิดทิ้งเอาไว้ คีย์ถูกผู้คนรุมล้อมด้วยมนต์เสน่ห์ที่แสนเย้ายวนทั้งชายและหญิง คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยแต่ก็เลือกที่จะไม่เดินเข้าไปเพราะเขาเชื่อว่าคีย์ดูแลตัวเองได้และรู้ว่าใครมาดีหรือไม่ดี

                แต่ยังไม่ทันที่จะได้เดินออกไปก็มีนักเรียนคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาและชนกับเขาเข้าให้อย่างจัง “เฮ้ๆ เขาห้ามวิ่งบนทางเดินของตึกไม่ใช่รึไง” เด็กนักเรียนชายเงยหน้าขึ้นด้วยใบหน้าซีดเผือด ริมฝีปากนั้นสั่นระริกจนคนที่วางมาดเป็นอาจารย์ต้องรีบพูดปลอบทันที

                “ใจเย็นนะ เกิดอะไรขึ้น?”

                “พะ พบศพ ห้องศิลปะครับ!

                “ว่ายังไงนะ!?”

                มินโฮวิ่งมาถึงสถานที่เกิดเหตุที่อยู่ติดกับสวนด้านหลังหอพักชาย ห้องศิลปะนี้จะเปิดให้เด็กระดับปลายปีสามเข้ามาเท่านั้นเพราะสอนเกี่ยวกับการปั้น และการแกะสลัก ดวงตาคมโตหรี่ลงเมื่อพบว่าเด็กที่เสียชีวิตได้ถูกทำร้ายจากข้างหลังอีกแล้วแต่ก็ถูกจัดท่าทางให้นอนหงาย อาวุธที่ใช้คงไม่พ้นลิ่มที่ใช้แกะสลักซึ่งมีเลือดเปรอะเปื้อน กุหลาบสีขาวอยู่ตรงอกด้านซ้ายและเต็มไปด้วยเลือดสีแดงข้น

                คงตรวจลายนิ้วมือไม่ได้เหมือนเดิมเพราะคนร้ายคงใช้ผ้าตอนผลักศพนั่นให้หงายขึ้นรวมถึงเอากุหลาบวางทิ้งไว้ กล้องวงจรปิดที่นี่ก็พังไปแล้ว และกว่าจะติดตั้งเสร็จก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเสียด้วย อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสองสามวันถึงจิดตั้งครบทุกจุด

                กุหลาบเลือด ยังคงดำเนินต่อไปไม่ได้เกรงกลัวความผิดเลยซักนิด

                “เด็กนั่น..ที่ฉันลงโทษเมื่อเช้า”จงฮยอนที่วิ่งตามมาทีหลังมองไปยังศพที่เพิ่งเกิดเหตุไปไม่นานนัก ใบหน้ายามตื่นตกใจตอนจะโดนเขาลงโทษยังคงชัดเจนในความทรงจำ แต่ในตอนนี้กลับเป็นใบหน้าที่ซีดเผือดและดวงตาเบิกค้างอยู่แบบนั้น

                “ใครก็ได้ติดต่อพ่อแม่เด็กที! พวกเธอถอยออกไปเดี๋ยวนี้”หนึ่งในอาจารย์ประจำตะโกนสั่งและพยายามผลักเด็กๆที่มามุงดูด้วยความสนใจให้ถอยออกไป เสียงพึมพำพูดคุยด้วยความตกใจตื่นกลัวดังขึ้นไปทั่วรวมถึงเด็กที่มารายงานก็ยังคงตัวสั่นเทา อยู่ในอ้อมกอดของแวมไพร์ที่ตามมาด้วยเช่นกัน คิ้วเรียวขมวดมุ่นก่อนจะเหลือบมองไปยังอีแทมินที่มีสีหน้าครุ่นคิดไม่ต่างกัน

                “เฮ้ย ไปเถอะแทมิน นายนี่โชคดีจริงๆเลยนะ ย้ายมาวันแรกก็ได้เจอศพซะแล้ว”ใบหน้าของแทมินปรับเป็นดูไม่สู้ดีได้ทันทีก่อนจะเดินตามเพื่อนร่วมห้องไปโดยหันมามองหัวหน้ากลุ่มของตนแล้วส่งสายตามาให้รับรู้

                ว่าไว้ต้องมานั่งประชุมกันโดยด่วน

                “ใจเย็นๆนะ”เด็กที่พบศพถือแก้วใส่นมร้อนไว้แน่นก่อนจะเงยหน้ามองอาจารย์สอนวิทยาศาสตร์คนใหม่ที่ส่งรอยยิ้มบางมาให้ ตอนนี้จินกิสั่งให้มินโฮกับคีย์ออกไปดูรอบๆบริเวณนั้นเพราะตอนนี้ทางศาสนจักรได้ส่งคนลงมาจัดการกับศพและสถานที่ก่อเหตุแล้ว ส่วนจงฮยอนยังคงต้องไปสอนต่อแม้ว่าจะไม่มีนักเรียนคนไหนมีกะจิตกะใจจะเรียนเลยก็ตาม

                “อาจารย์ครับ ภาพมัน..”

                “มองหน้าอาจารย์สิ”ไม่ว่าใครก็ตามที่ไม่เคยพบเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนก็ไม่แปลกนักที่จะมีอาการแบบนี้ แวมไพร์ขยับตัวลุกขึ้นก่อนจะลูบศีรษะเด็กหนุ่มแผ่วเบาให้ผ่อนคลาย

                “เธอน่ะดีมากเลยนะที่ไปเจอเขา อย่ากังวลไปเลย หน้าที่ของเธอจบตั้งแต่มาแจ้งพวกอาจารย์แล้วนะ อย่าเอามาใส่ใจเลย”พูดปลอบเสียงนุ่มนวลก่อนจะขยับตัวผละออกไปหยิบเอาใบลามาเซ็นให้ เพราะเขารู้ดีว่าเด็กคนนี้คงไม่มีสติมากพอจะไปเรียนได้อีก

                “เข้าไปนั่งรอในห้องอาจารย์ละกันนะ เธอนั่งตรงนี้คงมีแต่คนอยากเข้ามาถาม”ดวงตาเรียวกวาดมองไปยังเด็กนักเรียนที่พยายามชะโงกหน้าเข้ามาดูผู้พบศพคนแรก รวมถึงอาจารย์ที่ดูสนใจมากด้วยเช่นกัน มือนุ่มประครองพาเด็กหนุ่มเข้าไปในห้องทำงานก่อนจะปิดประตูล็อคห้องเรียบร้อย ดวงตาเรียวสวยแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่อนจะเผยอยิ้มออกมา

                เขาก็แค่อยากให้เด็กนี่นอนพักก็เท่านั้นเอง

                ร่างเพรียวเดินอ้อมไปข้างหลังก่อนจะแตะมือลงที่ไหล่อีกฝ่ายแผ่วเบา มนต์สะกดของแวมไพร์เริ่มทำงานทันทีด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลที่ขับกล่อมให้โอนอ่อนตาม “อาจารย์ว่าเธอควรจะนอนพักนะ”

                “แต่ว่า ภาพมัน..”

                “นอนซะเด็กดี พอตื่นมาเธอจะลืมมันไปเอง”คมเขี้ยวสีขาวกดลงลำคอของเด็กหนุ่มอย่างนุ่มนวล กลิ่นคาวเลือดหอมหวานเข้าสู่โพรงปากร้อนทีละน้อย ให้ความรู้สึกต้องการอาหารจากการเดินไปตามโรงอาหารลดลงบ้าง และเด็กนักเรียนผู้โชคร้ายไม่มีสิทธิ์ขัดขืนนอกจากเหม่อมองและนิ่งเงียบเท่านั้น

                “เอาล่ะ ไหนเล่าเรื่องให้อาจารย์ฟังหน่อยซิ”

                “ผม..กำลังจะไปเข้าเรียนคาบบ่าย ผมไม่เจอใครเลยแต่ก็แปลกใจที่มีคนมาก่อนผม ปกติห้องมันเปิดให้เฉพาะคนที่ลงเรียนวิชานี้ เพื่อนผม..นอนอยู่ที่พื้น ไม่มีใครเลย มันตายแล้ว”ดวงตาที่เหม่อคว้างมีน้ำสีใสไหลออกมาไม่หยุดจนมือนุ่มต้องปาดทิ้งให้ ริมฝีปากอิ่มแตะลงรอยแผลแผ่วเบาและแผลก็สมานหากันเข้ากันทันที

                ไม่ได้เบาะแสอะไรเลย..

                “หลับซะ พอเธอตื่นมาเธอจะจำภาพเพื่อนของเธอตอนตายไม่ได้อีกต่อไป”เปลือกตาของเด็กหนุ่มหลับลงง่ายดายและเข้าสู่ห้วงนิทราตามอำนาจของแวมไพร์ที่เวลาได้ดื่มเลือดใครจะมีสิทธิ์ออกคำสั่งกับบุคคลนั้น คิ้วเรียวขมวดมุ่นก่อนจะตัดสินใจได้ไม่ยาก

                ไอ้โรงเรียนบ้าๆนี่ควรติดตั้งกล้องวงจรปิดใหม่ทั้งหมดได้แล้ว!

    TBC.

                ขอโทษนะคะที่หายไปนาน ฮืออ กลับมาอัพแล้ว ลืมกันไปรึยังคะ ฮึก คดีนี้เบาๆค่ะเลยค่อยข้างเอื่อยๆกันไป จะพยายามเร่งให้ปิดคดีเร็วๆนะคะ จะได้ไปต่อกับนิทานปีศาจกัน~ เย้ๆ ขอบคุณทุกท่านที่ยังอยู่และติดตามนะคะ จะพยายามอัพให้บ่อยกว่านี้ ฮือ ขอโทษจริงๆนะคะ!
    ปล. มีใครงงกับแผนผังในโรงเรียนมั้ยคะ ไว้ถ้ามีคนสงสัยไรท์จะวาดแผนภาพให้ดูนะคะ ฮี่ๆ



    { Winter Dark Theme }
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×