คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4
บทที่ 4
ขันทีอีหรือจอมโจรแห่งโชซอนกำลังก้าวเดินไปตามมทางเดินท่ามกลางสายตาที่จับจ้องมา เมื่อครู่เขาไปยังที่ห้องของตนเองเพื่อศึกษาเรื่องอาหารจากซังกุงที่เป็นฝ่ายองค์รัชทายาท และเดินต่อไปยังส่วนหมอหลวงเพื่อไปเอาตำราสมุนไพรกับหัวหน้าหมอหลวงคิมจงฮยอน และสถานที่ต่อไปที่เขากำลังจะไปเป็นสถานที่ที่ความชิงดีชิงเด่นอยู่มากที่สุด
ส่วนในของพระราชวัง
สถานที่ด้านในที่เป็นที่อยู่อาศัยของนางในหรือผู้หญิงของพระราชา และเหล่าขันทีที่พร้อมรับใช้ราชวงศ์ทุกคนให้ตามต้องการ การแข่งขันเพื่อให้ตนเองได้รับเลือกเป็นพระสนมหรือขันทีคนสนิทมีขึ้นทุกวันทุกรุ่น ทำเพื่อตอบสนองต่อความทะเยอทะยานที่จะก้าวมามีอำนาจในฝ่ายใน มีอำนาจที่สามารถสั่งฆ่าคนได้โดยที่พระราชาไม่มีวันล่วงรู้และเป็นที่นี่เองที่สามารถติดต่อกับเหล่ากบฏได้
“เจ้าน่ะ”ร่างเพรียวหันไปตามเสียงเรียกก็พบกับขันทีผู้หนึ่งที่ส่งสายตามาว่าไม่ชอบให้โดยปิดไม่มิด ข่าวที่ว่าขันทีและองครักษ์เข้าใหม่ได้รับตำแหน่งติดตามองค์รัชทายาทและมีที่อยู่แยกไปอยู่ใกล้กับตำหนักขององค์รัชทยายาทเลยคงมาถึงที่นี่แล้ว จิ้งจองส่งยิ้มบางไปให้ก่อนจะส่งสายตาเหมือนถามคำถามไปด้วยว่ามีอะไร
องค์รัชทายาทคงไม่ได้รับรู้เรื่องราวในส่วนในเท่าไหร่ถึงได้บอกเขามาว่าที่นี่จะไม่มีปัญหามากสินะ ความชิงดีชิงเด่นจนแทบจะฆ่ากันมันไม่ได้มีแต่ในหมู่เชื้อพระวงศ์อย่างเดียวซะหน่อย อีจินกิแอบถอนหายใจให้กับองค์รัชทายาทที่คงต้องศึกษาเรื่องของมนุษย์อีกมาก
ปีศาจแบบเขายังรู้จักมนุษย์ มากกว่ามนุษย์ที่รู้จักมนุษย์ด้วยกันเองซะอีก แต่คิดไปคิดมาเขาอาจจะประเมินมินโฮต่ำเกินไปเพราะท่าทางในตอนพาเขาไปห้องพักยังดูไม่ได้แสดงความคิดความสามารถที่แท้จริง นี่อาจจะเป็นบททดสอบให้เขามาจัดการอีกก็คงเป็นไปได้
ร้ายกาจเหมือนพระราชาไม่มีผิด
“ข้าเรียกทำไมไม่ตอบ”
“แล้วทำไมเจ้าไม่พูดออกมาว่ามีอะไร”
“คิดว่าได้เป็นคนสนิทแล้วจะมาพูดจาแบบนี้ได้หรอ! ยังไงซะเจ้ามันก็แค่เด็กใหม่ที่โอ้อวดข้ามหน้าข้ามตาพวกข้า”ร่างเพรียวฟังประโยคที่ผ่านหูมาแล้วหัวเราะขึ้น ดวงตาเล็กเป็นประกายด้วยความสนุกสนานกับความคิดที่ว่าเขาตัดสินใจไม่ผิดที่มาเล่นสนุกที่นี่
“ข้าขอโทษนะ แต่ข้าจำไม่ได้ว่าข้าไปเดินข้ามหน้าพวกเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ข้าเพิ่งมาวันแรกและไม่ได้เจอพวกเจ้าซักคน ข้าคงไม่ได้เดินข้ามพวกเจ้าแน่นอน อาจจะจำผิดคนก็ได้นะ”
“เจ้า!!”ขันทีที่อยู่ในนี้ต่างพากันจับจ้องมายังขันทีใหม่ที่ต่อปากต่อคำอย่างได้อย่างน่าโมโห ถึงพวกเขาจะไม่ชอบขันทีใหม่แต่ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้กับคำพูดยอกย้อนเหล่านั้น
“แล้วเจ้าไม่แนะนำตัวหน่อยหรอ เจ้าเรียกข้าเพราะเจ้ารู้จักชื่อข้าแต่กลับไม่แนะนำตัวให้ข้ารู้จักเนี่ยนะ?”
“จางกึนซอก..เดี๋ยวสิ! ข้ากำลังทะเลาะกับเจ้าอยู่นะ!”ร่างเพรียวส่งยิ้มบางไปก่อนจะพูดขึ้นอีก ทำให้กึนซอกนิ่งไปเหมือนกับใครหลายๆคน
“ทะเลาะกับข้าแล้วเจ้าจะได้อะไร? เป็นศัตรูกันมันไม่ดีเท่าเป็นเพื่อนกันหรอกนะ”
“ข้าไม่อยากมีเพื่อนหน้าตาแบบเจ้าหรอก!”จินกิถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะอมยิ้มออกมา คนแบบนี้เขาดูก็รู้ว่าไม่มีพิษภัยอะไรมากนักนอกจากอาจจะแกล้งเล่นสนุกสนานก็เท่านั้น และเป้าหมายของของเขาที่มินโฮต้องการคือเข้ามาตีสนิทกับคนเหล่านี้ ขาเรียวขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะหยิบหนังสือบันทึกที่ซังกุงให้มา
“ขันทีจาง ข้าอยากให้เจ้าช่วยสอนข้าหน่อยได้รึเปล่า ข้าควรจะจำนี่ได้ให้หมดได้ในวันนี้”
“ทำไมต้องเป็นข้าด้วยล่ะ? เก่งนักไม่ใช่รึไง เรื่องง่ายๆแบบนี้ก็ทำไม่ได้ เอามานี่ ข้าจะทำให้เจ้าเห็นเองว่าคนที่คู่ควรได้ติดตามองค์รัชทายาทน่ะต้องเป็นข้าเท่านั้น”
“ถ้าอย่างนั้นข้าคงต้องรบกวนเจ้าแล้วล่ะ”
มนุษย์แบบนี้นี่ตลกดีจริงๆ ปากอย่าใจอย่างแต่ก็อธิบายเขาเสียละเอียดและช่วยสอนให้หลายอย่าง
ในขณะที่อีจินกิกำลังนั่งฟังโดยมีขันทีคนอื่นๆเข้ามาใกล้และชวนพูดคุยบ้าง กลับมีขันทีคนหนึ่งที่ลุกออกไปอย่างเงียบเชียบ ดวงตาเล็กเหลือบมองจดจำใบหน้าไว้ก่อนจะหันมาสนใจสิ่งที่กึนซอกกำลังพูดต่อ
ไว้ค่อยตามกลิ่นไปก็ไม่สาย
องค์ชายสองทอดสายตาไปยังเบื้องหน้าแต่ไม่ได้จับจ้องลงสิ่งใดแน่นอน ดวงตาที่คล้ายดั่งแมวนั้นมีทั้งความวิตกกังวลและสับสนอยู่ในนั้นจนอัดแน่น มือขาวที่ค้างอยู่หน้ากระดาษกำแน่นโดยที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิด
“องค์ชายคยูฮยอน”คิมคิบอมก้าวข้ามาทำความเคารพก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง ทำให้คยูฮยอนหลุดออกจากห้วงความคิดและมองไปยังใบหน้าขององครักษ์คิมด้วยความสงสัย
“เจ้ามีอะไร”
“ข้าได้พบขันทีใหม่ที่เหล่าคนในส่วนในพูดถึงกันแล้ว คาดว่าเป็นคนที่องค์ชายมินโฮได้ว่าจ้างมาไว้ให้อยู่ข้างตัวเพื่อสอดแนม”ดวงตากลมโตมีแววไม่พอใจและดูมุ่งร้ายขึ้นทันที ริมฝีปากสีแดงเม้มเข้าหากันอย่างใช้ความคิดโดยคิบอมก็นั่งนิ่งเพื่อรอคอยคำสั่งที่ถ่ายทอดออกมา
“ข้าได้ยินว่ามีองครักษ์อีกคน”
“ข้ายังไม่พบตัวเลย”
“ขันทีนั่นคงไม่น่ามีปัญาอะไร เจ้าไปจัดการองครักษ์นั่นให้ไปพ้นๆจากวังซะ ข้าจะออกนอกวังไปครู่หนึ่ง”
“องค์ชาย ให้ข้าติดตามไปด้วยเถอะพะยะค่ะ”
“อยู่ที่นี่”ดวงตาคมดุของคิมคิบอมมองตามองค์รัชทยาทที่เพิ่งเดินออกไป โดยที่ตัวเขาเองได้แต่ลอบถอนหายใจออกมากับความยุ่งยากที่เกิดขึ้นก่อนจะลุกเดินออกไป เดินไปไม่กี่ก้าวพบกับขันทีหนุ่มที่ชะงักตัวเพราะเกือบเดินชนกันเข้า
“มีอะไรรึเปล่าขันทีคิม”
“องค์ชายคยูฮยอนไม่อยู่รึ ข้าจะมาแจ้งท่านเรื่องขันทีอีคนนั้นที่เพิ่งเข้ามาใหม่”
“ท่านเพิ่งออกไปนอกวังเมื่อครู่นี้ ข้าได้แจ้งไปแล้วด้วย เจ้าไปเถอะและคอยจับตาดูขันทีนั่นไว้ก็พอ”ขันทีหนุ่มพยัหน้ารับก่อนจะเดินกลับออกไป คิมคิบอมก้มลงมองดาบของตนที่ถืออยู่ในมือแล้วถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
อีแทมินหยุดการฝึกที่แสนหนักลงเมื่อเห็นองค์รัชทายาทเดินตรงเข้ามายังลานฝึก ทุกคนต่างหยุดการกระทำลงแล้วรีบทำความเคารพทันที โดยมินโฮเองก็ส่งเสียงตอบกลับเล็กน้อยแล้วรีบเดินตรงมายังองครักษ์คนใหม่
“องครักษ์อี ข้ามีเรื่องจะให้เจ้าทำ”ร่างโปร่งเดินตามมินโฮที่เดินนำไปอย่างรวดเร็ว ดวงตาคมเข้มนั้นฉายแววกังวลและเมื่อถึงที่ปลอดคนก็รีบสั่งการด้วยน้ำเสียงที่เบาแทบจะกระซิบ
“ข้าอยากให้เจ้าระวังองครักษ์คิมคิบอมไว้ และตอนนี้องค์ชายสองออกไปนอกวังได้ไม่นานนักทางเส้นทางลับด้านหลังวัง แต่สายของข้าไม่สามารถติดตามไปได้ และตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้เพราะเจ้าไม่เคยเจอองค์ชายสอง ดังนั้นคืนนี้ข้าอยากให้เจ้าไปแอบดูหน้าตาองค์ชายสองไว้”
“ได้ องค์รัชทายาท ท่านไม่คิดว่ามันแปลกบ้างรึไง องค์ชายสองอยากขึ้นครองราชย์แต่กบฏอยากทำลายพวกท่าน แสดงว่าองค์ชายสองกับพวกกบฏไม่น่าใช่พวกเดียวกัน”
“คยูฮยอนมีคนช่วยจากภายนอก ดังนั้นจะด่วนสรุปอะไรไม่ได้”อีแทมินเห็นความรู้สึกของความอึดอัดเสียใจผ่านดวงตาคมโตนั้นได้ เวลาผ่านไปเล็กน้อยและในที่สุดองค์รัชทายาทก็ตัดสินใจพูดต่อ
“หากเขาโดนหลอกใช้ พวกเราจะได้ช่วยเขาออกมาทัน และข้ายังเชื่ออีกว่าตอนนี้มีคนของกบฏแทรกซึมเข้ามาในวังหลวงไม่น้อยแล้ว และฝากบอกพี่ชายเจ้าด้วยว่าให้ระวังตัวจากขันทีคิม คนสนิทของคยูฮยอน”
“ท่านวางใจเถอะ ข้าอยากออกจากที่นี่มาตลอดอยู่แล้วดังนั้นจะรีบทำหน้าที่ให้สำเร็จไปซะ”มินโฮหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะมองไปยังใบหน้าที่เหล่านางในพูดถึงกันตั้งแต่พบเจอ ดวงตากลมโตนั้นไม่ได้ดูหวานสวยแต่ทำให้ใบหน้านั้นดูเจ้าเล่ห์จนเป็นที่ดึงดูดเหล่านางใน
“ข้าไม่เคยพบพวกเจ้าสองคนมาก่อนใช่รึเปล่า”
“ท่านอาจจะฝันเห็นก็ได้นะ”ดวงตาคมโตมองตามองครักษ์ร่างโปร่งที่ดูจะไม่ชอบหน้าเขาเสียเหลือเกิน ไม่ว่าจะมองยังไงความรู้สึกของเขาคือเขามั่นใจว่าต้องเคยพบเจอพี่น้องจอมโจรนี่มาก่อนแน่ๆ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องประหลาดมากเพราะอีแทมินกับอีจินกิสองคนนี้อายุพอกันกับเขา แต่เขากลับจำไม่ได้ว่าเคยพบเจอที่ไหนโดยเฉพาะยามที่เห็นแผ่นหลังของทั้งสองคนเดินออกไป
สักวันเขาต้องหาความจริงให้ได้ว่าสองคนนี้เป็นใครกันแน่ นอกจากจอมโจรแห่งโชซอน
บรรยากาศยามเย็นทำให้วังหลวงงดงามแปลกตาไม่น้อย หลังจากตระเวณไปรอบวังก็กลับมาที่ห้องพักแล้วพบกับน้องชายของตนที่ส่งยิ้มมาให้ เมื่อเจอหน้ากันต่างฝ่ายต่างก็รีบเล่าเรื่องราวที่พบเจอมา โดยอีแทมินไม่ลืมที่จะเตือนจินกิตามที่มินโฮบอกมา
“ขันทีคิม? คงจะเป็นคนนั้นที่ข้าเห็นเขาแอบลุกออกไป”
“ถ้าท่านพี่รู้ว่าเป็นใครแล้วก็ต้องระวังตัวให้มากๆ ข้าอยากออกจากที่นี่เร็วๆ”มือนุ่มลูบไปยังเส้นผมของน้องชายและใบหูของแทมินก็ลู่ลงไปกับสัมผัสอ่อนโยนที่เคยชินมาตั้งแต่เด็ก
“นั่นสินะ แต่เจ้าก็สนุกกับที่นี่ไม่ใช่หรอแทมิน? ได้เจอคนที่ชอบอะไรแบบเดียวกับเจ้าด้วย”
“มันก็จริง แต่นี่ไม่ใช่บ้านของเรา”จินกิพยักหน้าอย่างเห็นด้วยก่อนจะลดมือลง ความจริงถ้าเขาจะหนีออกไปกับแทมินและไม่ให้มินโฮตามตัวเจอมันก็ทำได้ไม่ยาก แต่เขาสงสารมินโฮมาตั้งแต่ตอนนั้นที่มาให้รักษาเพราะถูกยาพิษ พอโตมาก็ยังคงวนเวียนกับเรื่องแบบนี้จนรู้สึกว่าถ้าหนีไปมินโฮอาจจะตายก็ได้
“แต่เราเลือกจะช่วยแล้วก็ต้องช่วยให้เต็มที่ ข้าต้องไปจัดของเสวยอีก เจ้าก็ต้องไปยืนเฝ้าหน้าห้องจริงมั้ย ไปกันเถอะ”
อาหารเลิศรสจำนวนห้าอย่างถูกลำเลียงเข้ามาในห้องพักทีมีเพียงจินกิกับมินโฮเท่านั้น เหล่านางในที่ยกอาหารมาถอยกลับออกไปโดยมีบางคนที่แอบมองมายังองค์รัชทายาทที่รูปงามหากแต่พวกนางก็รู้ว่าไม่มีสิทธิ์ตราบใดที่พวกนางยังเป็นคนของพระราชา
ร่างสูงเหลือบมองไปยังขันทีประจำตัวที่เริ่มทำหน้ายุ่งกับอาหารเหล่านี้ ริมฝีปากอิ่มนั้นก็เม้มเล็กน้อยราวกับกำลังลังเลว่าควรจะหยิบอะไรขึ้นมาก่อนดี
“ไม่ต้องคิดมากหรอก ข้ากินอะไรก่อนหลังก็ได้”
“แล้วไม่บอกแต่แรกล่ะ”เสียงนุ่มนั้นออกแนวไม่พอใจเล็กน้อย มือนุ่มหยิบถ้วยใส่สำรับมาก่อนจะดมกลิ่นใกล้ๆแล้ววางลง ทำแบบนั้นจนครบทุกถ้วยแล้วหันมาส่งยิ้มให้ร่างสูงที่มองอยู่
“ปลอดภัยไม่มีพิษแน่นอน”
“แค่นี้เนี่ยนะ?”
“ข้าจมูกดีและก็อยู่กับสมุนไพรพวกนี้มานาน ของแบบนี้ไม่ยากหรอก”ร่างสูงอมยิ้มกับท่าทางคนจมูกดีที่ใช้นิ้วชี้มายังปลายจมูกตนเองประกอบคำพูด ท่าทางสดใสดูน่ารักจนอดไม่ได้ที่จะเผลอยื่นมือไปบีบปลายจมูกโด่งเล่น
“ข้าเชื่อใจเจ้าละกัน”
“นี่ ปล่อยนะ”เสียงที่พูดออกมาดังอู้อี้จนทั้งสองฝ่ายต่างหัวเราะออกมาพร้อมกัน มือหนาลดมือลงจนเห็นว่าจินกิมีปลายจมูกที่แดงเรื่อ เสียงหัวเราะทำให้แทมินที่ยืนเฝ้าหน้าห้องอดมองไปไม่ได้แม้จะรู้ว่าไม่เห็นอะไรก็ตามที
เขาไม่ไว้ใจองค์รัชทายาทผู้นี้ มีอะไรบางอย่างที่บอกเตือนเขาว่ามินโฮมีความสนใจต่อพี่ชายเขาที่ค่อนข้างแปลกกว่าปกติ และแน่นอนว่าแทมินจะไม่มีทางยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด
“วันนี้ไปไหนมาบ้างล่ะ”คนสั่งงานถามขึ้นโดยรับฟังไปพร้อมกับคีบอาหารเข้าปากอย่างไม่เร่งรีบนัก มีบางทีที่มองไปยังคนเล่าเรื่องพูดเสียงเจื้อยแจ้วและหัวเราะออกมากับมุขของตัวเองจนเขาต้องยิ้มตาม พอเล่าจนจบอาหารก็พร่องไปกว่าครึ่งแล้ว
“เดี๋ยวเจ้าต้องเอาพวกนี้ไปเก็บในครัวนะ”
“เข้าใจแล้ว”ร่างเพรียวเตรียมลุกขึ้นแต่ก็โดนมือใหญ่รั้งที่ไหล่เอาไว้ ใบหน้าหวานมีความงุนงงก่อนจะถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ข้าต้องเอาไปเก็บไม่ใช่รึไง?”
“นี่เจ้าได้เรียนรู้มาจริงรึเปล่า”
“ในหนังสือท่านซังกุงให้ข้ามาบอกข้าว่าข้ามีหน้าที่ดูแลท่านไง ตรวจยาพิษ เรียงสำรับ รอท่านกินเสร็จก็เอาของพวกนี้ไปเก็บ”อีจินกิพูดทวนคำพูดที่จำได้ขึ้นใจก่อนจะมองไปยังร่างสูงที่มองมาทางเขา มินโฮปล่อยมือออกจากไหล่ลาดแล้วพูดขึ้นต่อ
“นั่นกรณีที่ข้ามีชายา หน้าที่ของเจ้าก็จะมีแค่นั้น แต่ข้าไม่มีดังนั้นเจ้าต้องเตรียมน้ำให้ข้าอาบด้วย แต่พวกขันทีคนอื่นคงมาเตรียมไว้แล้วเพราะเมื่อก่อนขันทีคนเก่าเขาชรามากและทำไม่ไหว”
“พระชายาต้องไปจุดไฟด้วยหรือ?”
“ไม่ใช่แบบนั้น เจ้าน่ะต้องมาคอยข้าอาบน้ำและแต่งตัวให้ข้า”พอได้ยินคำตอบขันทีมือใหม่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ริมฝีปากอ้าออกก่อนจะปิดลงและเปิดขึ้นอีกครั้ง
“พวกเชื้อพระวงศ์นี่มันอะไรกันเนี่ย!”
จิ้งจอกคนน้องที่ได้ยินทุกประโยคถอนหายใจออกมาก่อนจะมองไปยังเบื้องหน้า แค่ไปยืนรอหลังม่านและส่งเสื้อผ้าให้ก็เท่านั้น ไม่รู้ว่าพี่ชายของเขาคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว อยากจะหัวเราะและอยากจะถอนหายใจพร้อมกันเสียจริงๆ
ร่างสูงยังรู้สึกขบขันไม่หายกับขันทีอีของเขาที่ทำหน้าเหมือนกลืนยาขมลงคอไป มินโฮที่ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยเดินออกมาก็พบกับจินกิที่ยังดูเขินกับความคิดที่ไปถึงไหนต่อไหน พอเห็นก็อยากแกล้งจนพูดแหย่ออกไป
“เจ้านี่มันทะลึ่งจริงๆ อยากดูรึไง”
“ท่านต่างหากที่ทะลึ่งน่ะ!”เสียงนุ่มเผลอโวยลั่นออกมาโดยลืมไปว่าตอนนี้เขาเป็นขันทีส่วนพระองค์ อีจินกิอยากจะบ้าตายกับองค์รัชทายาทที่กลายมาเป็นพวกไร้สาระเหมือนตอนที่พบเจอกัน ใบหน้าหวานทั้งแดงทั้งร้อนเห่อจนอยากจะเดินหนีแต่ก็ไปไม่ได้เพราะยังอยู่ในหน้าที่ขันที
“จะมีใครที่คิดแบบเจ้าบ้างล่ะ พวกข้าไม่ได้พิการที่จะให้ใครมาใส่เสื้อผ้าให้นะ”
“ท่านพูดไม่ชัดเจนเอง”มือนุ่มยกมือขึ้นลูบผมตัวเอง รู้สึกอับอายจนเหมือนสติจะหลุดทำให้หูโผล่ออกมาเสียอย่างนั้น ในอ้อมแขนอีกข้างมีชุดราชวงศ์ที่ทั้งหนาทั้งหนักพาดอยู่และเป็นหน้าที่ที่เขาต้องส่งไปให้เหล่านางในจัดการ
“ข้าถึงบอกว่าเจ้าน่ะทะลึ่ง”
“องค์รัชทายาท!”
พอตกดึกองค์รชทายาทยังคงอ่านตำราต่อโดยมีจินกิคอยนั่งอยู่ด้านข้างและรินชากลิ่นหอมให้องค์ชายลิ้มรส ส่วนแทมินกำลังออกเดินไปบนหลังคาอย่างเงียบเชียบและหลบเลี่ยงไม่ให้ใคพบเจอ
เป้าหมายอยู่ที่ตำหนักองค์ชายคยูฮยอน
ความจริงเขาไม่อยากออกมาแต่ในเมื่อเป็นคำสั่งของมินโฮเองเขาก็ไม่สามารถขัดอะไรได้ รู้สึกไม่ไว้วางใจที่จะปล่อยให้อยู่กับพี่ชายของเขาเพียงลำพังแม้ว่าทั้งคู่จะเพิ่งรู้จักกัน แต่ความสนิทสนมในเมื่อครู่ทำให้รู้สึกไม่ดีขึ้นมาเพราะวามันอาจจะพัฒนาไปไกลได้ง่ายๆ
เขาเชื่อใจจินกิ แต่ไม่เชื่อใจองค์รัชทายาท
ปลายเท้าแตะลงพื้นอย่างเงียบกริบโดยรอบตำหนักนั้นมีองครักษ์สองสามคนซึ่งเป็นเรื่องปกติ คงจะมีแต่ตำหนักขององค์รัชทายาทเท่านั้นที่มีองครักษ์คือเขาเพียงผู้เดียว ร่างโปร่งค่อยๆเคลื่อนกายอย่างระมัดระวังไปโดยหลบหลังต้นไม้ใหญ่ แต่แล้วก็ชะงักตัวก่อนจะหยุดนิ่งเมื่อได้กลิ่นมนุษย์อยู่ไม่ไกล
“ข้ามาดีนะ”
“หึ”อีแทมินหันไปตามเสียงที่ขึ้นจมูกก็พบกับองครักษ์ผู้หนึ่งที่ยืนอยู่หลังต้นไม้ใหญ่อีกต้น แม้ว่าคิมคิบอมจะประหลาดใจว่าอีกฝ่ายรู้ได้อย่างไรแต่เขาบังเอิญเห็นว่าคนคนนี้โดดลงมาจากหลังคาและเดินมายังตำหนักนี้
ซึ่งองครักษ์คิมนึกหวาดหวั่นในใจว่าถ้าเขาไม่เห็น แล้วคนผู้นี้คิดจะลอบสังหารใครคงทำได้ไม่ยากนัก
“เจ้าเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่”
“องครักษ์คิมสินะ ข้าองครักษ์อีเป็นองครักษ์ขององค์รัชทายาท เดินหลงทางมา”
ฝักดาบตั้งรับดาบที่จู่โจมมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาคมดุมีแต่ความตั้งใจแน่วแน่และแรงที่กดลงมาก็เริ่มมากขึ้น อีแทมินลอบยิ้มกับความไวของคนตรงหน้าเขาเห็นได้ชัดเจน และตอนนี้ก็ใช้ฝักดาบตั้งรับไว้อย่างง่ายดาย
“เป็นคำทักทายที่รุนแรงไปหน่อยมั้งองครักษ์คิม”
“บอกจุดประสงค์ของเจ้ามาซะองครักษ์อี แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อนในคืนนี้”
ปีศาจจิ้งจอกอยากจะหัวเราะร่าให้กับความโอหังถือดีของมนุษย์เหล่านี้เสียจริง
“อย่าดูถูกใครเพราะเจ้าเห็นเขาเป็นแบบนั้น ข้าขอเตือนไว้ละกันนะคิมคิบอม”
TBC.
มาอัพแล้วว เร็วขึ้นกว่าเดิมนะ เขียนจบในวันเดียวด้วย ฮืออ รู้สึกตื้นตันใจมากค่ะ ฮ่าๆๆๆ เนื้อเรื่องเริ่มเข้มข้นแล้วเนอะ(?) แต่ละคนเริ่มเคลื่อนไหวแล้วและจะเริ่มถึงจุดสำคัญของเรื่องแล้ว หวังว่าจะสนุกกันนะคะ ติชมได้เต็มที่เลย ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามนะคะ!
TBC.
ความคิดเห็น