ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SHINee Yaoi]Gumiho : จอมโจรจิ้งจอก

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 (รีไรท์เรียบร้อย)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 135
      1
      28 ก.ค. 57

     

     

    บทที่ 3

                เมื่อผ่านไปหนึ่งชั่วยามตามที่มินโฮได้นัดแนะไว้ สถานที่พบปะกลับไม่ใช่ท้องพระโรงหรือในตำหนักขององค์ราชันย์ กลับเป็นสวนที่ที่ใครก็ตามสามารถเดินเข้าออกได้ เพียงแต่ตอนนี้ไม่มีใครนอกจากองค์รัชทายาทกับพระราชาเท่านั้น

                “ถวายบังคมฝ่าบาท”เมื่ออีชางซอนทำความเคารพ คิมจงฮยอน อีจินกิและอีแทมินก็ทำตามเช่นกัน

                “เข้าเรื่องเลยเถอะ”ดวงตาที่ดุดันของกษัตริย์มองปราดราวกับทะลุถึงความคิดทำให้สองพี่น้องเผลอกระชับมือเข้าหากันแน่น มินโฮแอบมองแล้วเผลอยิ้มออกมาก่อนจะรีบเปลี่ยนสีหน้าให้เรียบเฉยตามเดิม

                “พวกเจ้าคงรู้เรื่องมาบ้างจากมินโฮ”

                พระราชายุนโฮนั้นน่ากลัวสมคำร่ำลือ ทั้งแววตาและน้ำเสียงที่มีอำนาจโดยไม่ต้องใช้ความพยายามอะไร มันคืออำนาจในตัวเองที่เต็มไปด้วยความทระนงและเชื่อมั่นในตนเอง

                “ตอนนี้ไม่ว่าจะทำอะไร ฝ่ายกบฏก็สามารถดักทางและขัดขวางอยู่ตลอด รวมถึงขุนนางบางส่วนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกบฏแต่พยายามดันองค์รัชทายาทอันดับสองขึ้นมาแทน ข้าไม่มั่นใจว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่อย่างไร เพราะกบฏนั้นต้องการล้มล้างพวกเราแต่ขุนนางเหล่านั้นกลับหนุนองค์ชายอีกคน”สุรเสียงเคร่งเครียดทำให้คนฟังอดคิดตามไม่ได้..เพราะไม่สามารถไว้ใจใครได้ใช่ไหมถึงต้องตามหาคนนอก

                “ทำไมท่านถึงเชื่อใจพวกเรา พวกเรา..คือชาวบ้านธรรมดาเท่านั้นเอง”

                “หึ”อีจินกิลอบถอนหายใจเพราะความกดดัน บางทีถ้าเขาเชื่อแทมินอาจจะดีกว่าการมาเจอบุคคลผู้น่ากลัวแบบนี้ บุคคลที่ราวกับอ่านความคิดความจริงได้เพียงแค่ปรายตามอง

                องค์ราชาคงทราบแล้วแต่ไม่พูดตามที่องค์รัชทายาทได้ให้สัจจะกับพวกเขาไว้

                องค์รัชทายาทเองน่ากลัวไม่แพ้ผู้เป็นบิดาเลยแม้แต่นิด ในขณะที่คนเป็นพ่อแสดงออกให้เห็นชัดว่าฉลาดและเก่งกาจ แต่คนเป็นลูกกลับเพียงแค่ยิ้มและพูดจาเหมือนไม่มีอะไร ราวกับองค์ชายเจ้าสำราญที่ไม่มีความคิดใดๆที่มีประโยชน์ในหัว

                คนหนึ่งน่ากลัวแบบเห็นได้ชัด แต่อีกคนน่ากลัวเพราะไม่แสดงออกว่าตัวเองกำลังคิดอะไร

                “สิ่งที่พวกเจ้าต้องทำคือพยายามสืบหาให้ได้ว่าองค์ชายสองเกี่ยวข้องอะไรกับพวกกบฏหรือไม่ และพยายามหาหัวหน้ากบฏให้เจอ ถ้างานเสร็จเร็วเจ้าก็จะได้ออกจากวังเร็ว”คิ้วของอีแทมินขมวดเล็กน้อยเมื่อเขานึกได้ว่าองค์ชายสอง..ก็คือลูกชายอีกคนของพระราชาผู้นี้ไม่ใช่หรือ?

                ถึงทุกคนจะให้ความสำคัญกับองค์รัชทายาทที่เกือบเสียไปในหลายปีก่อน แต่พวกเขาก็ไม่ลืมว่ายังมีองค์ชายอีกสองพระองค์ที่ยังอยู่ แต่เพราะคำว่า องค์รัชทายาทมันเลยทำให้ประชาชนแทบไม่สนใจด้วยซ้ำว่าถ้าหากองค์ชายอีกสองพระองค์เสียไป..ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

                “แล้วถ้าหากองค์ชายสองเป็นกบฏ?”ดวงตาคมปราดมองยังขันทีตัวปลอมที่ยังคงจ้องตาเขากลับ และอีจินกิก็ไม่เห็นความลังเลในดวงตานี้แม้แต่นิดเดียว แม้จะเป็นประโยคถัดไปก็ยังคงเรียบสนิทเหมือนแผ่นน้ำที่เงียบสงบ

                “ต่อให้เป็นลูกชายข้า แต่กฎก็คือกฎ..ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องประหารเท่านั้น ต่อให้เป็นมินโฮข้าก็จะประหาร”

                ดวงตาของมินโฮไหววูบก่อนจะเรียบนิ่งตามเดิม  เพราะประโยคนั้นทำให้บรรยากาศเริ่มอึดอัดลงไปด้วยแบบไม่ทันตั้งตัว

                “องครักษ์อี ข้าอยากให้เจ้าฝึกฝนกับแม่ทัพชางซอนและหัวหน้าองครักษ์ฮันคยอง และคอยตามดูองครักษ์คิมคีบอม องครักษ์ส่วนตัวขององค์ชายสอง”มินโฮพูดขึ้นและแทมินเองก็โค้งรับคำสั่ง ดวงตาคมโตที่เคยฉายแววกวนประสาทและไม่สนใจใครเลื่อนมายังจินกิที่อยู่ข้างกัน

                “ขันทีอี..คอยตามสืบดูว่าองค์ชายสองติดต่อใครบ้าง แหล่งข่าวในหมู่ขันทีกับนางในค่อนข้างรวดเร็วอยู่แล้ว และก็คอยศึกษาเรื่องยากับจงฮยอน เพราะกลุ่มกบฏมีพวกถนัดใช้ยาพิษ ข้ารู้ดี”จินกิโค้งตัวรับคำสั่งนั้นก่อนจะเห็นว่าองค์รัชทายาทใช้ฝ่ามือลูบลำคอของตนเองด้วยความเคยชิน และองค์รัชทายาทกับกษัตริย์นั้นก็เดินจากไปพร้อมอากาศที่เหมือนจะกลับมา

                “อึดอัดจังเลย องค์ชายท่ามากนั่นอย่างกับคนละคน”เสียงนุ่มนั้นอดบ่นไม่ได้ แม่ทัพชางซอนหัวเราะออกมาก่อนมองตามแผ่นหลังของคนทั้งสองที่เขาเคารพภักดีมากที่สุด

                “องค์ชายมินโฮแท้จริงก็ไม่ใช่คนเย็นชาหรอกนะ แต่เพราะตำแหน่งเลยทำให้ต้องสร้างตัวตนอีกแบบขึ้นมา ส่วนพระราชานั้น..ท่านเป็นแบบนี้มานานแล้วล่ะ”

                “แต่ว่าองค์ชายสองท่านเป็น..”เสียงแทมินขาดหายเพราะไม่อยากพูดต่อ จงฮยอนถอนหายใจออกมาก่อนจะก้มลงมองพื้นดินแทน

                “องค์ชายสองเป็นน้องชายต่างมารดากับองค์รัชทายาท ส่วนคิมคีบอมเคยเป็นเพื่อนสนิทของท่านมินโฮ แต่พอถึงเวลาที่ขุนนางแตกออกเป็นสองฝ่ายคือฝ่ายหนึ่งสนับสนุนองค์ชายสอง อีกฝ่ายยังคงสนับสนุนองค์รัชทายาท...องครักษ์คิมเลือกฝั่งนั้น มันทรยศท่านมินโฮ ทรยศเพื่อนของตนเอง”

                เพราะคิมจงฮยอนเองก็โดนทรยศต่อความเชื่อใจนั่น เมื่อดาบของคีบอมได้หันมาทางเขาและกดลงลำคอโดยไม่มีความลังเลใดๆทั้งสิ้น

                ข้าไม่เคยรู้สึกเป็นเพื่อนกับเจ้าและองค์ชายกระจอกนั่น อย่ามายุ่งกับข้าอีก..ข้าไม่อยากให้ดาบข้าเปื้อนเลือดที่ไร้ค่าของเจ้า คิมจงฮยอน

                ทำไม..ทำไมถึงหักหลังและไปสนับสนุนองค์ชายสองกัน ทั้งที่รู้เต็มอกว่าองค์รัชทายาทเก่งกาจขนาดไหน เขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่นิดเดียว

                “แม่ทัพอี องค์ชายสองนี่...ไม่รักครอบครัวของตนเองเลยหรือไงกัน แล้วองค์ชายสองอยู่ที่ใดกัน?”

                เสียงลูกธนูกระทบกับตรงกลางเป้าหมายสีแดงที่ป้ายบนแท่นไม้อย่างแม่นยำ ดวงตากลมโตนั้นฉายแววพึงพอใจกับผลงานของตนเอง

                “เจ้าว่าข้าแย่กว่ามินโฮตรงไหนรึเปล่า คีบอม?”

                “ฝีมือของท่านทัดเทียมและอาจเหนือกว่าองค์รัชทายาทที่ไม่สมควรได้ตำแหน่งเสียอีก”น้ำเสียงชื่นชมทำให้องค์ชายสองยิ่งยิ้มด้วยความพึงพอใจ ดวงตาที่คล้ายแมวป่านั้นฉายแววกระหายอำนาจจนน่ากลัวเกินไป

                “แล้วซักวัน..ข้าจะครองโชซอน ข้าจะเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ท่านพ่อ คอยดูเถอะคีบอม”

                “ข้าจะอยู่เคียงข้างท่านจนกว่าท่านจะได้รับชัยชนะ ท่านคยูฮยอน”

                มีความฝันนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่หากความฝันนั้นทำร้ายใคร ก็ควรจะหยุดมันลงเสีย..

                ชายหนุ่มร่างโปร่งพาดดาบไม้ลงบนบ่าพร้อมกับมองเหล่าองครักษ์ฝึกหัดที่ล้มไปกองกับพื้น อีแทมินกวาดมองไปยังองครักษ์ตัวจริงทั้งหลายที่มองเขาด้วยความสนใจปนชื่นชม รวมถึงแม่ทัพชางซอนที่ส่งยิ้มมาให้ด้วยความพึงพอใจ

                “เจ้าไม่ได้เรียนที่ไหนมาจริงหรือแทมิน”หัวหน้าองครักษ์ฮันคยองถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่เหมือนกับชาวโชซอน เพราะเป็นคนมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่เติบโตที่นี่ อีแทมินพยักหน้าแล้วยิ้มด้วยความภาคภูมิใจในฝีมือของตน

                “ตัวเจ้า..อย่างกับต้นหญ้า ลู่ไปตามลม คอยให้อีกฝ่ายเข้ามาหาเองโดยที่เจ้าแทบไม่ต้องออกแรง แต่ว่าเจ้าต้องเรียนรู้การเป็นฝ่ายโจมตีบ้าง องครักษ์แบบพวกเราบางทีก็ต้องรวดเร็วและดุดันก่อนที่ศัตรูจะเริ่มโจมตี”ดวงตาโศกที่มองมาสื่อให้เห็นว่าเขารู้ว่าอีแทมินเหมาะสมกับการที่เขาคาดหวัง แต่วิธีการต่อสู้นั้นค่อนข้างออกไปทางขโมยและนักฆ่า

                “แล้วมันจะทำให้เจ้าพัฒนาไปได้เหนือกว่าใคร เอ้า! ลุกขึ้นมาเก็บเกี่ยวความรู้ใหม่ซะ อย่าเอาแต่นอน ลุก!

                “ท่านหัวหน้า..”

                “อย่าโอดครวญ เจ้าจะยอมแพ้เด็กใหม่หรือไง ลุก!”อีแทมินชื่นชมราชาที่สามารถมีเพื่อนพ้องเป็นบุคคลที่ฉลาดและน่าเคารพนับถือ..หากแต่คนดีมันมีน้อยกว่าคนชั่วอยู่วันยังค่ำ ถึงหัวหน้าจะภักดีแต่ก็ใช่ว่าลูกน้องจะเป็นตาม ตอนนี้มีเพียงกององครักษ์ส่วนพระองค์ขององค์รัชทายาท พระราชา และองค์ชายสามเท่านั้น

                “ท่านฮันคยอง”

                “อะไร”

                “เอ่อ..ข้าเห็นบัณฑิตคนหนึ่ง ยืนโบกมือให้ท่านนานมากแล้ว ท่านไม่สนใจหน่อยหรือ”หากแทมินตาไม่ฝาด เขาสาบานได้ว่าเห็นแก้มท่านหัวหน้าขึ้นสีแดงเล็กน้อย

                “นี่มันเวลางาน เจ้าไม่ต้องไปสน..”

                “เจ้ากล้าเมินข้าหรือฮันคยอง!!

                บุรุษร่างสะโอดสะอง ใบหน้างดงามราวสตรีเพศเดินมาด้วยท่าทางปั้นปึ่งและพร้อมจะทำร้ายร่างกายหัวหน้าองครักษ์ทุกเมื่อ อีแทมินพอจะมองออกว่ามีความสัมพันธ์แบบไหนกัน

                “ฮีชอล..ข้ายุ่งอยู่นะ อย่าโมโหข้าสิ”

                “ท่านฮันคยอง ข้าไปฝึกก่อนละกัน ท่านก็คุยกับเมียท่านดีๆนะ”ฮันคยองมองคาดโทษเด็กใหม่ที่กวนประสาทเหลือเชื่อแต่ก็ถูก เมียลากออกไปโวยวายใส่จนเขาต้องยอมปล่อยไปก่อน โดยมีแม่ทัพชานซองที่จับตาดูการฝึกของแทมินต่อให้

                อีจินกิที่ถูกจับแยกออกมานั่งขมวดคิ้วใส่ภาชนะต่างๆที่เยอะแยะจนน่าปวดหัว ตามปกติสามัญชนก็มีกับข้าวไม่กี่อย่าง แต่นี่มีทั้งข้าว น้ำซุป เครื่องเคียง รวมถึงกับข้าวอีกมากมาย

                “เอ่อ..เวลายกนี่ เอาไปพร้อมกันหมดไม่ได้หรือ ต้องกินตามลำดับด้วยหรือไงกัน”

                “นั่นเพื่อรสชาติอาหารจะได้ไม่สูญเปล่า เจ้าลองบอกสิว่าสิ่งไหนควรกินเป็นอันดับแรก เอาแค่ในนี้ก่อนละกัน ลองไล่ดู”ซังกุงที่มาช่วยสอนแอบอมยิ้มกับสีหน้าคล้ายจะโวยวาย แต่เจ้าขันทีหน้าใหม่กลับยังปิดปากเงียบแล้วมองไปยังอาหารแต่ละอย่างด้วยความไม่มั่นใจ

                “ปกติ ข้าอยากกินอะไรก็กิน แต่ว่า..มันเยอะมากเลย แล้วปกติขันทีนี่ต้องเรียงลำดับการกินให้ด้วยรึไงกัน? ไม่ใช่แค่ตรวจสอบยาพิษหรือ?”

                “องค์รัชทายาทไม่อยากให้นางในเข้าไปวุ่นวายในตำหนัก เพราะช่วงนี้สถานการณ์ค่อนข้างไม่น่าไว้วางใจ ท่านต้องระวังตัวเป็นพิเศษ”น้ำเสียงซังกุงแผ่วเบาจนแทบจะกระซิบ อีจินกิเริ่มรู้สึกว่าวังหลวงแห่งนี้ไม่ได้น่าสนุก เต็มไปด้วยความรื่นเริงอย่างที่คิดเสียแล้ว

                “ข้าจะพยายามเต็มที่ละกันนะ แต่ข้าขอชิมหน่อยได้รึเปล่า ยังไงก็ไม่ได้ให้กินจริงๆนี่นา”

                “ให้ตายสิขันทีอี..”

                ดวงตาเล็กกวาดมองตัวอักษรที่เขียนลงในกระดาษเป็นการบอกว่าอะไรควรกินก่อนกินหลังตามกันมา ริมฝีปากอิ่มขยับพึมพำเพื่อช่วยจำโดยที่ขาเรียวก้าวไปยังทางที่เขาคิดว่าเป็นส่วนของหมอหลวง ถึงจะยังจำทางไม่ได้แต่ถ้าตามกลิ่นยาไปเดี๋ยวก็คงเจอ

                “โอ๊ะ ข้าขอโทษ ท่านเจ็บรึเปล่า”ร่างเพรียวผงะถอยเมื่อชนเข้ากับใครบางคน ดวงตาเรียวเล็กมองสบกับใบหน้าสวยดุที่ตวัดตามองอย่างเอาเรื่อง ในขณะที่ในหัวของขันทีอีนึกไปถึงลักษณะของคนทรยศที่จงฮยอนพูดถึง ชายหนุ่มในชุดองครักษ์นั้นหรี่ตาลงมองแล้วพูดขึ้น

                “เจ้าเป็นใคร”

                “อีจินกิ ขันทีประจำตัวองค์รัชทายาท”คิ้วได้รูปขมวดเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะหึจากลำคออีกฝ่าย ดวงตาเล็กนั้นจ้องกลับไปยังชายในชุดองครักษ์ที่มองเหยียดราวกับเขาเป็นพวกทาสหรือนักโทษ

                “มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่เลือกฝั่งองค์รัชทายาท ข้าเตือนเจ้าแล้ว”

                “คนโง่น่ะดีกว่าคนฉลาดท่านควรจะรู้เอาไว้ เพราะคนโง่จะไม่เคยคิดทรยศต่อเจ้านาย องครักษ์คิม”คิมคีบอมเม้มปากก่อนจะสาวเท้าต่อไป โดยที่จอมโจรในคราบขันทีหายใจฮึดฮัดแล้วเดินตรงตามกลิ่นยาต่อไปเรื่อยๆ ในวังหลวงแห่งนี้น่ากลัวยิ่งกว่าการต้องคอยเอาชีวิตรอดไปวันๆเสียอีก

                เพราะไม่มีทางที่จะรู้ได้เลยว่าเบื้องหน้าที่ยิ้มแย้มให้กันนั้น ความจริงแล้วลับหลังอาจจะลอบวางแผนฆ่าให้ตายอย่างช้าๆก็เป็นได้

                ส่วนของหมอหลวงมีเสียงบดยาและกลิ่นสมุนไพรเหม็นฉุนกระจายไปทั่ว ไอสีขาวที่ออกจากหม้อต้มยานั้นคล้ายหมอกยามเช้าที่โรยราบนผืนดิน

                “ว่าไงเจ้าขันที”เสียงยียวนของคิมจงฮยอนทำให้ใบหน้าหวานดูไม่พอใจแต่ก็ไม่พูดอะไร อีจินกิขยับตัวเดินเข้าไปหาคนชอบดุที่เดินดูหม้อยาแต่ละหม้อเรื่อยๆ

                “เมื่อครู่ข้าเจอองครักษ์คิม ไม่น่าคบซะเลย”สีหน้าหมอหลวงแปรเปลี่ยนไปในแทบจะทันทีก่อนที่จะถอนหายใจออกมา ดวงตามองไปยังใบหน้าขันทีคนใหม่ก่อนจะพูดขึ้น

                “เขาพูดอะไรกับเจ้าบ้างล่ะ”

                “องครักษ์คิมบอกว่ามีเพียงคนโง่เท่านั้นที่เลือกอยู่กับองค์รัชทายาท”

                “งั้นเหรอ..เอาเถอะ ยังไงซะมิตรภาพระหว่างพวกเรามันก็จบลงไปนานแล้ว”จิ้งจอกในคราบขันทีรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงที่เจ็บปวดจึงยื่นมือขึ้นไปตบไหล่เบาๆเป็นการปลอบใจ คิมจงฮยอนมองไปยังคนท่ำตัวราวกับเป็นเพื่อนสนิทกันมานานก่อนจะถอนหายใจออกมา

                ไม่รู้ว่าองค์รัชทายาทนึกอะไรไปเก็บเจ้านี่มาด้วย ตัวอีแทมินเขาพอเข้าใจว่าฝีมือการต่อสู้นั้นดีแต่เจ้าคนพี่นี่สิ ยังไม่เห็นจะมีอะไรโดดเด่นเลยสักนิด

                “เจ้ามาทำอะไรที่นี่ล่ะขันทีอี”

                “ข้าก็จะมาศึกษาสมุนไพรพวกนี้น่ะสิ แต่ส่วนใหญ่ข้าก็รู้จักหมดอยู่แล้ว”

                “แม้กระทั่งสมุนไพรที่นำเข้าจากจีนเนี่ยนะ?”ร่างเพรียวเลิกคิ้วขึ้นมองหัวหน้าหมอหลวงที่ดูแล้วไม่เชื่อกับสิ่งที่กล่าวอ้าง

                “ท่านคิดว่าข้าเป็นคนที่ขุดสมุนไพรป่าขายไปวันๆรึไง ข้าพูดได้เต็มปากว่าข้าสามารถบอกสรรพคุณสมุนไพรได้เกือบทุกชนิดในนี้ รวมถึงยาพิษต่างๆและยาแก้พิษ”

                คิมจงฮยอนพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมองค์รัชทายาทถึงเลือกตัวสองพี่น้องนี่เข้ามาในวัง

                “ถ้าได้แบบนั้นก็ดี ข้านึกว่าเจ้าจะรู้แค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็คงมีบางตัวที่เจ้าไม่รู้จัก มาเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปศึกษา”

                อีจินกิพยักหน้ารับและเดินตามไปแต่โดยดี ความจริงเขาไม่ได้ไปซื้อสมุนไพรจากจีนมาเลยสักนิดและก็ไปหาแถวป่าจริงๆ แต่เมื่อซักห้าสิบปีก่อนเขากับแทมินอยู่ที่แผ่นดินใหญ่นั่นต่างหาก..คงไม่น่าบอกให้รู้ซักเท่าไหร่แน่ๆ

                “โอ้โห มีแต่ของหายากทั้งนั้น บางอย่างข้ายังไม่เคยพบเจอของจริงเลย อันนี้ข้าก็เพิ่งเห็นเป็นครั้งที่สองเองนะ”

                “ในเมื่อเจ้ารู้เยอะขนาดนี้แล้ว องค์รัชทายาทจะยังส่งเจ้ามาศึกษาอะไรอีกนะ”มือขาวที่ถือสมุนไพรมาวางลงก่อนจะหันไปมองใบหน้าหมอหลวงที่ยืนอยู่ข้างกาย ริมฝีปากอิ่มเม้มลงเล็กน้อยอย่างใช้ความคิดก่อนจะพูดขึ้น

                “ข้าคิดว่า..องค์รัชทายาทของพวกท่านคงต้องการหมอแบบติดข้างกายล่ะมั้ง เพราะท่านเองคงวุ่นวายในนี้ตลอดทั้งวัน แต่ข้าเป็นขันทีสามารถอยู่ด้วยได้ตลอด และถ้ามียาพิษจริงๆข้าก็คงน่าจะช่วยได้”

                “ก็จริงอย่างที่เจ้าพูด ข้าจะเอาตำราสมุนไพรให้เจ้าไปก็แล้วกัน ภึงเจ้าจะรู้มาเยอะแล้วแต่คงมีหลายชนิดอยู่ที่เจ้าคงไม่เคยได้ยิน”ตำราเล่มหนาถูกยัดใส่มือนุ่มโดยคนได้รับก็ส่งยิ้มขอบคุณไปให้ จงฮยอนมองไปยังสมุดอีกเล่มที่ถือก่อนหน้าแล้วถามขึ้น

                “สมุดนั่นอะไร”

                “ท่านซังกุงมอบให้ข้ามาน่ะ ข้าต้องศึกษาเรื่องของเสวยองค์รัชทายาทด้วย”สมุดสองเล่มถูกเก็บลงในสาบเสื้อก่อนที่จะส่งยิ้มให้หัวหน้าหมอหลวง

                “เจ้าจะไปที่ใดต่อล่ะ กว่าองครักษ์อีจะฝึกเสร็จก็คงนานพอควร”

                “ข้าต้องเข้าไปทำความรู้จักกับขันทีและนางในคนอื่นอีกน่ะ”สีหน้าของจงฮยอนเคร่งเครียดขึ้นทันที ดวงตาที่เคยขี้เล่นสุกใสกลับดูจริงจังขึ้นจนจิ้งจอกคนพี่อดไม่ได้จะถามออกไป

                “ทำไมหรือ?”

                “สถานที่ที่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นที่สุดในวังหลวงคือที่อยู่พวกนางในและขันที พวกเขามีเล่ห์เหลี่ยมและสามารถทำอะไรก็ได้ให้ตนเองมีอำนาจและขึ้นเป็นคนสนิทเหล่าเชื่อพระวงศ์ และเจ้าเข้ามาทีหลังกลับได้ตำแหน่งขันทีประจำตัวองค์รัชทายาท

                ในด้านองครักษ์อีอาจจะมีคนหมั่นไส้บ้างแต่ถ้าน้องเจ้าแสดงฝีมือออกมาก็จะไม่มีใครทักท้วงและยอมรับได้ แต่ในกรณีของฝ่ายในจะไม่เหมือนกัน..ต่อให้เจ้าดีขนาดไหนเจ้าก็จะยังโดนกลั่นแกล้ง ต้องระวังตัวไว้ให้ดี”

                อีจินกิส่งยิ้มและบอกให้เพื่อนใมห่ที่ปากร้ายของตนไว้วางใจได้ ดวงตาเรียวเล็กพราวระยับอย่างนกสนุกกับสถานที่ที่กำลังจะไปในอีกไม่ช้านี้

                เล่ห์เหลี่ยมของมนุษย์กับปีศาจจิ้งจอกที่ได้ชื่อเรื่องความเจ้าเล่ห์ เขาอยากรู้นักว่าใครจะเหนือไปกว่ากัน

    TBC.

                อัพแล้วค่ะ ขอโทษสำหรับคนที่ยังตามอยู่ด้วยนะคะที่หายไปนานมากTT’ จะพยายามกลับมาอัพบ่อยๆนะคะ จะพยายามไม่ขี้เกียจและไม่ไปเขียนเรื่องใหม่อีก ฮืออ ขอบคุณสำหรับคนที่ยังอยู่และคนอ่านใหม่ๆด้วยนะคะ ขอบคุณมากเลยค่า

                อ้อตอบเม้นท์ที่ถามเรื่องเพลงนะคะ ชื่อเพลงในคอมเราคือเพลง Yuan Wang ของ Anson Hu ค่ะ

     

     

    TBC.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×