คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 (รีไรท์เรียบร้อย)
บทที่ 2
“พวกเจ้าคิดรึยังว่า..”
“พวกข้าตกลง แต่ มีข้อแม้”มินโฮมองคนพี่นั่งส่งยิ้มมาให้ด้วยความสนใจ ใบหน้าหวานนั้นดูสดใสผิดกับคนน้องที่นั่งหน้าบึ้งตึงเหมือนไม่เต็มใจที่จะทำงาน
“ว่ามาสิ”
“อย่างแรก ท่านต้องรักษาเรื่องของเราเป็นความลับ ต่อมาคือ ท่าต้องรับรองว่าข้ากับแทมินจะต้องปลอดภัย ถ้าท่านไม่ให้สัญญา ข้ากับแทมินก็จะไม่ตกลง”
“ได้ ข้าจะรับรองชีวิตของพวกเจ้าด้วยชีวิตของข้า”พอได้คำยืนยันอีจินกิก็มีสีหน้าที่ดีใจกว่าเดิม แต่อีแทมินยังคงมีสีหน้าไม่พอใจอยู่เหมือนเดิม
“แทมิน เจ้ามีข้อเสนออะไรรึเปล่า เจ้าดูไม่ค่อยเต็มใจทำเท่าไรนะ”
“ทำไมต้องเอาความลับมาเป็นตัวบังคับ ข้าไม่ชอบและเจ้าเองก็น่าหมั่นไส้”มินโฮหัวเราะหึกับการแสดงออก แต่อีจินกิรีบเอามือปิดปากน้องชายไว้แน่น
“องค์รัชทายาท ข้าขออภัยแทนน้องข้าด้วย เด็กกำลังโตแล้วพักผ่อนน้อยก็เป็นแบบนี้ ท่านอย่าถือสาเลยนะ”
เอาความจริงคนที่ปฏิกิริยาเกินความคาดหมายคงเป็นตัวจอมโจรที่ช่างคุยนี้มากกว่า ราวกับว่าการเข้าวังเป็นเรื่องสนุกที่รอมานาน
“ท่านพี่!”
“เงียบน่าแทมิน เดี๋ยวข้าไม่ได้เห็นเจ้าใส่ชุดองครักษ์ มันจะต้องเหมาะสมกับเจ้ามากแน่ๆเลย บางทีข้าควรจะสะดุดพื้นให้เร็วกว่านี้นะ”
“โธ่ ท่านพี่..พอเถอะ”มินโฮมองตามใบหน้าหวานที่กำลังหัวเราะและมองเขากลับ เป็นคนที่แปลกประหลาดจนน่าสนใจเสียจริงๆ เขาคิดไม่ผิดที่ว่าสองพี่น้องนี่ไม่ได้หวังเงินทองลาภยศใดๆ แต่คนพี่คงมีปัญหากับการมองเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องสนุก
“แต่ข้าก็มีข้อเสนอเหมือนกัน ช่วงเวลาที่เจ้ามาทำงานให้กับข้า ห้ามออกไปปล้นทรัพย์เด็ดขาด”
“ไม่ได้นะ แล้วพวกชาวบ้านที่ต้องการเงินทองล่ะ พวกเขาไม่มีปัญญาทำอะไรได้เลยนะ เพราะพวกเราปล้นกับแบบนี้เหล่าขุนนางถึงโกงกันน้อยลง ถ้าหยุดทำพวกคนชั่วก็ได้ใจ”เป็นตามที่จินกิพูดเพราะถ้าบ้านไหนโดนจอมโจรขึ้นบ้านก็จะกลายเป็นที่ติฉินนินทาไปทั่ว สร้างความอับอายแก่เหล่าขุนนางกันทั้งนั้น
เมืองหลวงแห่งโชซอนนั้นสกปรกที่สุดในบรรดาเมืองทั้งหมด
“ข้ารู้ แต่ถ้าเจ้าสนใจงานเป็นโจรมากกว่า งานที่ข้ามาให้พวกเจ้าทำจะไม่เสียงานหรือ? รีบทำงานข้าให้เสร็จ เจ้าก็จะได้ไปช่วยชาวบ้านเหมือนเดิม”
และพอเขาพูดจบริมฝีปากอิ่มสีสวยนั่นก็เบะคว่ำลงแทบจะที..
องค์รัชทายาทรู้สึกว่าไม่เคยเจรจากับใครได้น่าปวดหัวเท่านี้มาก่อนเลย
หลังจากตกลงเวลาและสถานที่กันเรียบร้อยแล้วองค์รัชทายาทกลับไปหูกับหางที่ใช้มนตราอำพรางไว้ปรากฏขึ้นมาให้เห็นอีกครั้ง น้องชายแสนหวงพี่เกาะเอวเล็กของพี่ชายที่มีสายเลือดเดียวกันเพียงครึ่งเดียวไว้แน่น
“ข้ารู้สึกไม่ปลอดภัยเลยจริงๆ ข้ากลัวว่าตัวตนของเราจะถูกรับรู้”คนเป็นพี่ลูบหัวแทมินแผ่วเบา เขาเองก็รู้สึกผิดที่เห็นว่าเป็นเรื่องสนุกโดยไม่ได้สนใจความรู้สึกของแทมินเลย แต่ในเมื่อมีเรื่องใหม่ๆน่าสนุกมาให้ทำเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะตกลงแล้วไปเล่นสนุก
“ชีวิตเรานอกจากทำตัวเป็นขโมยก็ลองเปลี่ยนตัวมาเป็นองครักษ์กับท่านหมอบ้างไง คงไม่มีอะไรหรอกนะ”แขนยาวคนเป็นน้องยิ่งรั้งกระชับเอวบางเข้ามาแน่น ใบหน้าหล่อเหลาแต่สวยไปในคราเดียวกับก้มลงซุกลงซอกคอขาวนวลไว้นิ่ง กลิ่นสมุนไพรที่ไม่ได้ฉุนแต่กลับมีกลิ่นหอมอ่อนๆชวนให้ผ่อนคลายไม่ต่างอะไรกับนิสัยของเจ้าของร่างนี้เลยซักนิด
ปลายจมูกโด่งเริ่มไล้ไปตามลำคอจนคนเป็นพี่ชายหน้าแดงเรื่อ แต่สุดท้ายก็ขืนตัวออกจากอ้อมแขนนั้นออกมาได้
เพราะพวกเขายังมีส่วนหนึ่งที่เป็นสัตว์ป่า ความสัมพันธ์ที่ถือว่าเกินเลยคำว่าพี่น้องในเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นไม่สามารถใช้ได้กับพวกเขา แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะรักกันแบบคนรักไปเสียทีเดียว มันคือความเชื่อที่ว่ายิ่งสัมพันธ์ทางกายมากเท่าไหร่จิตยิ่งสื่อถึงกันได้ดีขึ้นเท่านั้น
ความสัมพันธ์ของพี่น้องยิ่งใหญ่และยั่งยืนกว่าความสัมพันธ์ของคนรักเป็นไหนๆ และที่สำคัญคือจิ้งจอกได้ชื่อว่ามีความเย้ายวนและความต้องการสูงกว่าปีศาจชนิดอื่น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการถ่ายเทพลังไปยังบุคคลอื่นจนเกิดลูกครึ่งหรือการเจือปนทางสายเลือดจนเลือดไม่บริสุทธิ์ เด็กที่เกิดมาไม่มีพลังที่กล้าแข็งพอในเผ่าพันธุ์ปีศาจ พี่น้องจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเพราะพี่น้องกันไม่สามารถมีบุตรด้วยกันได้
ความสัมพันธ์แบบนี้ในสังคมของปีศาจจึงมีต่อไปเรื่อยๆจนกว่าปีศาจจะพบคนที่ตนรักและมั่นใจว่าพลังของเผ่าพันธุ์ตนจะยังคงอยู่และแข็งกล้าไปกว่าเดิม
“ท่านพี่อย่าใจร้ายกับข้าสิ ข้าอุตส่าห์ยอมทำตามที่ท่านต้องการแล้วนะ”
“แทมินอา ไม่เอาน่า”ทันทีที่พูดจบจิ้งจอกคนพี่ก็ถูกน้องชายตัวแสบเข้าประชิดจนร่างกายแนบชิดไม่เหลือที่ว่างอีกต่อไป ดวงตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์มองใบหน้าขาวนวลก่อนที่ริมฝีปากจะลงทาบทับกลีบปากอิ่มสวยอย่างเนิ่นนาน
.......
“ท่านไม่ได้บอกข้านี่ ว่าข้าจะต้องปลอมมาเป็นขันที!”เสียงนุ่มขู่ฟ่อจนคนเห็นต้องกลั้นขำ อีแทมินในชุดองครักษ์เองก็อยากจะหัวเราะใส่พี่ชายในชุดขันทีเช่นกัน
“ก็ตำแหน่งองครักษ์มีว่างที่เดียว แล้วตำแหน่งขันทีสืบขาวได้กว้างมากด้วย เจ้าจะให้น้องชายเจ้าใส่ชุดขันทีวิ่งถือดาบรึยังไงกัน เจ้าก็บอกเองด้วยว่าอยากเห็นน้องชายเจ้าใส่ชุดองครักษ์”
“ท่าน..ท่านมัน..” แขนเรียวยกขึ้นยกลงจะชี้หน้าคนกวนประสาทก็ไม่กล้าเพราะตำแหน่งที่อีกฝ่ายมี ริมฝีปากอิ่มสีสดสั่นระริกเพราะไม่สามารถพ่นคำต่อว่าออกมาได้เช่นกัน คนทั้งสองที่มองอยู่ก็ได้แต่หัวเราะออกมาให้คนโดนขำเจ็บใจไปมากกว่าเดิม
“ฮ่าๆ เอาละๆ ข้าได้บอกเสด็จพ่อไว้ข้าต้องการขันทีดูแลเพิ่ม ซึ่งมันไม่ยากอะไร เพราะขันทีประจำตัวของข้าแต่เด็กเพิ่งขอกลับบ้านเกิดเพื่อดูแลบั้นปลายชีวิตตนเอง...จริงๆมันทำไม่ได้หรอกนะ แต่ท่านพ่อข้าก็แอบอนุญาตโดยบอกว่าเขาตายไปแล้ว แต่จุดประสงค์ของข้าจริงๆคือ ให้เจ้าไปเป็นสายสืบหากลุ่มกบฏ แต่ข้าจะรับรองความปลอดภัยให้เจ้าแน่นอน และเสด็จพ่อก็รู้เรื่องนี้ดี
แต่ใครมาถามอะไร เจ้าต้องบอกไปว่าเจ้ามีความรู้แพทย์สูงแต่ตอนเด็กเจ้าโดนจับตอน..นั่นแหละ หมายความว่าเจ้าไม่มีน่ะแหละ”
“ว่าไงนะ! นี่ข้ายังเหลือศักดิ์ศรีลูกผู้ชายอยู่รึเปล่าเนี่ย!”คราวนี้อีแทมินไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะได้อีกต่อไป คนเป็นพี่กอดอกแล้วหันหน้าหนีน้องชายของตน คนโดนโกรธยังคงไม่รู้เรื่องอะไร
“นั่นแหละๆ เจ้าอาจจะโดนขันทีคนอื่นหมั่นไส้บ้างก็อดทนไว้ ส่วนแทมิน...ส่วนของเจ้าจะยากหน่อย เพราะปกติองครักษ์ต้องสอบเข้า เจ้าต้องแสดงฝีมือให้สมกับที่ข้าได้ยืนยันไว้ เจ้าต้องทำให้ได้เข้าใจรึเปล่า”อีแทมินพยักหน้ารับก่อนที่ทั้งสามคนเดินออกจากตำหนักองค์ชาย โดยที่จิ้งจอกคนพี่ไม่พูดอะไรออกมาเลยซักคำ
“ข้าได้ให้คนจัดที่ทางให้พวกเจ้าอยู่กันสองคน เพราะพวกเจ้ามีสิทธิ์ที่จะมีห้องส่วนตัว แต่เจ้าสองคนคงไม่เคยห่างกัน นอนห้องเดียวกันคงไม่น่ามีปัญหาอะไร”แทมินยิ้มกริ่มก่อนจะหันไปมองพี่ชายของตนที่ยังกอดอกเงียบมาตลอดทาง อากาศยามเช้าไม่ได้ทำให้ใบหน้านวลร่าเริงขึ้นได้เลย
“พวกเจ้าก็พักผ่อนหรือสำรวจที่ทางก่อนก็ได้ อีกหนึ่งชั่วยามข้าจะมาพาพวกเจ้าไปพบเสด็จพ่อ”ร่างสูงหันกายกลับไปโดยไม่หันมามองอีก คิ้วเข้มขมวดขึ้งทันทีเมื่อลับหลังสองพี่น้องตรงหน้า...ความคุ้นเคยที่เขาไม่เข้าใจมันกำลังรบกวนจิตใจตลอดเวลา และอีกอย่างหนึ่งคือสายตาของอีแทมินที่ใช้มองอีจินกิ มันลึกซึ้งเกินไป มันเหมือนมีอะไรมากกว่านั้น
แต่ร่างสูงตัดสินใจปล่อยวางไปเพราะยังไงเสียสองคนนั้นก็พี่น้องกัน...
“ท่านพี่โกรธข้าหรือ”ทันทีที่เข้ามาข้างในร่างบอบบางถูกรั้งเข้ามาประชิดน้องชายของตนทันที เขี้ยวขาวแยกขู่น้องชายเป็นการเตือนว่าไม่ให้เข้าใกล้ยิ่งทำให้อีแทมินมั่นใจ
“ข้าขอโทษ”
“ปล่อย”
“โธ่ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะหัวเราะท่านเลยนะ อย่าโกรธข้าเลยนะ”ดวงตาเว้าวอนเหมือนเด็กน้อยถูกส่งมา คนที่เลี้ยงน้องและอยู่ด้วยกันมาเป็นร้อยปีขมวดคิ้วแต่สุดท้ายก็ยอมใจอ่อนอีกครั้ง
“ถ้าเจ้าหัวเราะข้าอีกไม่ต้องมาเข้าใกล้ข้าเลย เราไปเดินสำรวจวังกันเถอะ”อีแทมินรีบพยักหน้าแล้วคว้าแขนพี่ชายตัวนุ่มไว้ทันที แต่ก็ถือฝ่ามือที่คอยปรุงยานั้นฟาดลงเบาๆเป็นการเตือนว่าพวกเขาไม่ควรทำแบบนี้
“ท่านพี่ พี่น้องกันจับมือกันไม่เห็นเป็นอะไรเลยนะ!”
“เจ้าอายุกี่ปีแล้วแทมิน เจ้าจะให้คนภายนอกมองว่าผู้ชายอายุประมาณยี่สิบปีเป็นลูกแหง่ติดพี่รึไงกัน ไม่ต้องเถียงข้าเลย ไปดูข้างนอกกัน”
ในวังหลวงเต็มไปด้วยนางใน องครักษ์ ทหารและขันทีที่เดินกันไปมาจนละลานตา และทุกสายตาก็มักจะจับจ้องมายังหนึ่งองครักษ์หนึ่งขันทีที่มองสิ่งต่างๆรอบตัวด้วยท่าทางสนอกสนใจเป็นพิเศษ
“นี่! เจ้าสองคนตรงนั้นน่ะ”เสียงที่เข้มแข็งดุดันทำให้สองพี่น้องตระกูลอีที่กำลังมองบ่อปลาด้วยความสนใจหันกลับมามอง ดวงตาเรียวเล็กของอีจินกิเบิกกว้างแล้วส่องประกายเป็นคำถามว่าเรียกพวกข้ารึเปล่า
“พวกเจ้าเป็นใคร ข้าไม่เคยคุ้นหน้าคุ้นตา”พอเห็นท่าทางไม่มีพิษภัยท่านแม่ทัพใหญ่ก็ลดความระแวงลงไปได้บ้าง เพราะเจ้าสองคนนี้ไม่ทำอะไรนอกจากมองหน้ากันเองแล้วทำหน้ามึนงงใส่กัน
“ข้าเป็นขันทีมาใหม่ชื่ออีจินกิ ส่วนนี่อีแทมินน้องชายข้ามาเป็นองครักษ์ ข้าเป็นขันทีประจำตัวองค์รัชทายาท น้องชายข้าเป็นองครักษ์ ท่านเป็นใครหรอ? พวกข้าทำอะไรผิดรึเปล่า ข้าแค่มาดูปลาในบ่อนี้เท่านั้นเองนะ”ท่านแม่ทัพอีชางซอนอดหัวเราะออกมาไม่ได้กับน้ำเสียงที่เหมือนจะบอกว่า ‘ข้าไม่ผิด’ และ ‘อย่าทำอะไรข้านะ’
“เจ้าสองคน...ที่องค์รัชทายาทพามาสินะ เดี๋ยวข้าต้องไปพบกับองค์รัชทายาทพร้อมพวกเจ้า มานี่สิ ข้าจะพาเดินดูรอบๆวังเอง”สองพี่น้องจิ้งจอกมองหน้ากันเหมือนจะถามความเห็น ปรากฏว่าคนพี่พยักหน้าแต่คนน้องส่ายหัว พอคนที่บอกตัวเองเป็นพี่ทำสีหน้าคล้ายจะไม่พอใจ คนที่มีศักดิ์เป็นน้องก็ถอนหายใจและยอมพาพี่ชายมาหาท่านแม่ทัพ
“ท่านชื่ออะไรหรือ?”คนที่ดูอัธยาศัยดีกว่าพูดแล้วส่งรอยยิ้มมอบไปให้ท่านแม่ทัพที่กำลังสำรวจพี่น้องทั้งสองอย่างละเอียด
“อีชางซอน แม่ทัพแห่งโชซอน ตามข้ามาเดี๋ยวข้าจะพาเดินดูรอบๆเอง”อีแทมินเบ้ปากกับท่าทางดูหยิ่งยโสและท่ามากของเหล่าผู้สูงศักดิ์ ฝ่ามือขอจินกิตีไหล่ของน้องเบาๆเป็นการเตือนแล้วทำหน้าดุใส่
“ข้างหน้านี้คือส่วนของหมอหลวง จินกิ เจ้าต้องเข้ามาศึกษาที่นี่”
“ที่นี่? ข้าไม่ใช่แพทย์แต่สามารถเข้ามาศึกษาตัวสมุนไพรได้ที่นี่หรือ?”ดวงตาเรียวเล็กนั้นเป็นประกายจนท่านแม่ทัพใหญ่อดไม่ได้จะลอบยิ้มบาง พอเขาพยักหน้าขาเรียวนั้นก็รีบวิ่งไปยังกองสมุนไพรแล้วเริ่มต้นหยิบของแต่ละอย่างมาดูด้วยความสนใจ
“องครักษ์อี เจ้ามั่นใจรึเปล่าว่าเจ้าเกิดทีหลังเขาน่ะ”
“ข้าก็ถามแบบนี้กับตัวเองมามากกว่าร้อยรอบแล้วล่ะขอรับ เฮ้อ”
ถึงภายนอกอีจินกิจะดูนิ่งสุขุมบ้าง สุดท้ายก็ยังมีนิสัยที่ดูเด็กน้อยไม่แพ้อีแทมินเลยแม้แต่น้อย
“พวกเจ้าอยู่กันลำพังสองพี่น้องเองหรือ?”
“ใช่ ท่านพ่อกับท่านแม่ของพวกเราเสียไปตั้งแต่ข้ากับพี่ยังเด็ก ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าก็มีพี่ชายเพียงคนเดียวที่อยู่กับข้ามาตลอด”การโกหกถือเป็นทักษะที่ติดตัวมาของเหล่าจิ้งจอก อีชางซอนเผยสีหน้าเห็นใจออกมาก่อนจะตบไหล่แทมินเบามือ
“ชีวิตคนเรามันสั้นแบบนี้แหละ เจ้าอย่าเสียใจไปเลยนะ”
“ไม่หรอกขอรับ ข้าน่ะ..แค่มีท่านพี่ก็พอแล้วล่ะ และไม่ว่าใครก็มาเอาท่านพี่ไปจากข้าไม่ได้”
ดวงตาเรียวเล็กที่ฉายแววซุกซนนั้นกวาดมองไปรอบๆโดยไม่ได้สนถึงสายตาที่คนอื่นจ้องมาด้วยความสงสัย บรรดาหมอหลวงต่างมองหน้ากันเป็นการถามความเห็นว่าควรทำอย่างไรกับขันทีหนุ่มที่เดินดูสมุนไพรต่างๆ
“เฮ้ย! ไอ้เจ้าขันที!!”
ปีศาจจิ้งจอกคนพี่ในคราบขันทีหนุ่มสะดุ้งสุดตัวแล้วมองไปยังเจ้าของเสียงที่ทำหน้าดุขมวดคิ้วส่งมาให้เขา ดวงตาเล็กมองไปรอบตัวก็พบว่าตัวเองเป็นขันทีคนเดียวในสถานทีแห่งนี้
“ข้ารึ?”
“ก็ใช่น่ะสิ เจ้าเที่ยวมารื้อค้นในสมุนไพรเหล่านี้ได้อย่างไรกัน?”ถ้าหางหูของอีจินกิไม่ได้ใช้มนตราอำพราง คนแถวนั้นคงเห็นใบหูที่ลู่ลงเป็นแน่
“แต่ท่านชานซองบอกข้าว่าข้ามาดูได้”
“อะไรกัน”น้ำเสียงเข้มของท่านแม่ทัพทำให้หัวหน้าหมอหลวงหันไปมอง ดวงตาที่ฉายแววสุกใสนั้นมององครักษ์ที่ตามหลังชางซอนมาด้วย แทมินเองก็มองกลับแล้วเริ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เจ้าบอกให้ขันทีนี่เข้ามาได้อย่างนั้นรึ? ทั้งๆที่ข้าเป็นหัวหน้าหมอหลวงที่นี่เนี่ยนะ??”หัวหน้าหมอหลวงเปลี่ยนเรื่องพร้อมเบือนสายตาออกจากองครักษ์หนุ่ม อีแทมินเองก็ไม่สนอะไรนอกจากเดินไปหาพี่ชายของตน
“เกิดอะไรขึ้นท่านพี่”
“ก็เจ้าคนนี้”ฝ่ามือนุ่มชี้ไปยังคนที่โดนกล่าวถึงแล้วพูดต่อ “ดุข้า” ใบหน้าหวานงอง้ำลงแล้วมีท่าทีไม่พอใจ อีจินกิไม่ชอบใจนักถ้าใครจะมาดุด่าเขาในสิ่งที่เขาไม่ได้ผิด
“เจ้าขันทีนี่ ข้าแค่พูดยังไม่ได้ดุเลยสักคำ ข้าดุตรงไหนกับห๊ะ!”หัวหน้าหมอหลวงคิมจงฮยอนพูดเสียงดังยิ่งทำให้ปีศาจที่ประสาทรับรู้ดีเบ้ปาก ดวงตาเรียวเล็กฉายแววกวนโทสะจนจงฮยอนอดรู้สึกอยากจะจับมาเขกหัวไม่ได้
“ไม่เอาน่าจงฮยอน ขันทีอีไม่พอใจเจ้าแล้ว”
“แล้วไง?? เฮ้ย! มายืนดูอะไร ใครมีหน้าที่บดยาก็บดไปสิ ทำงาน!”
อีจินกิสาบานด้วยหางของตนเลยว่านี่คือการดุ
สุดท้ายแม่ทัพใหญ่ต้องก้มหน้าลงกระซิบข้างใบหัวหน้าหมอหลวงที่มีสีหน้าเข้าใจขึ้นมา ดวงตาสุกใสนั้นมองยังขันทีอีที่กระซิบคุยกับน้องชายของตนด้วยเช่นกัน และเป็นอีแทมินที่สบตาของเขานิ่ง
ทำไมเขาถึงคุ้นหน้าอีแทมินได้ขนาดนี้นะ?
รอยยิ้มที่เหมือนคนเหนือกว่าของแทมินฉาบขึ้นก่อนที่จะเบือนสายตาไปยังพี่ชายของตนที่กำลังต่อว่าแบบไม่ให้จงฮยอนได้ยิน
“เจ้าขันที”ดวงตาเล็กนั้นมาสบกับหมอหลวงที่ยังยืนวางมาดด้วยท่าทางกวนประสาท เจ้าตัวเองก็อดไม่ได้เลยทำท่ากวนประสาทกลับไปบ้าง
“อะไรล่ะท่าน”
“อยากดูอะไรก็ดู แต่อย่าทำข้าวของพังล่ะ มานี่สิ”อีจินกิยอมเดินเข้ามาก่อนจะมองด้วยความสงสัย ลำแขนแข็งแรงของหัวหน้าหมอหลวงรั้งคอลงมาก่อนจะกดปากลงกระซิบข้างใบหู
“ถ้าหมอหลวงคนอื่นถามว่าเจ้ามายุ่งอะไรที่นี่ เจ้าบอกไปว่าองค์รัชทายาททรงสนพระทัยในด้านการแพทย์แต่ไม่มีเวลามากพอ เลยให้เจ้ามาศึกษาและไปถ่ายทอดต่อ เข้าใจหรือไม่?”
“ข้าเข้าใจแล้ว โอ๊ย! เจ้าบ้า”เมื่อโดนดีดหน้าผากจนแดงเถือกความรู้สึกที่ดีกับอีกฝ่ายเมื่อครู่ก็หายไปทันที จินกิเม้มปากแน่นแล้วถูหน้าผากตนเอง
แทมินขมวดคิ้วมองด้วยความไม่พอใจก่อนจะเดินเข้ามาดึงพี่ชายตนให้ออกห่าง จงฮยอนมองด้วยความงุนงงแล้วถามขึ้น
“องครักษ์อี..เจ้าเป็นอะไร”
“ห้ามแตะตัวพี่ชายของข้า!”อีจินกิรีบจับมือน้องชายของตนแล้วบีบมือนั้นไว้แผ่วเบาเป็นการรั้งอารมณ์อีกฝ่ายให้เย็นลง
อีแทมินเพิ่งผ่านช่วงโตเต็มวัยของปีศาจมาไม่นาน อารมณ์ยังคงรุนแรงอยู่บ้างถ้าเกิดมีเรื่องทำให้ไม่พอใจ โดยเฉพาะเรื่องของครอบครัวนั้นแทมินจะค่อนข้างรุนแรงกว่าเรื่องอื่น
“แทมิน ใจเย็นๆก่อนนะ ใจเย็น”
“องครักษ์อี ข้าเคยรู้สึกว่าข้าเคยเห็นเจ้ามาก่อน”
“ถ้าท่านออกมาเดินตลาดก็คงเจอพวกข้า”จิ้งจอกคนพี่รีบพูดขึ้นแล้วลูบหลังของแทมินไปมา ดวงตาเล็กฉายแววกังวลก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อคนเป็นน้องเริ่มมีท่าทางที่ดีขึ้น
“ข้าต้องขอโทษแทนแทมินด้วย พวกเรามีกันแค่สองพี่น้องเท่านั้นเพราะท่านพ่อกับท่านแม่ของพวกเราเสียไปนานแล้ว และเหลือข้าอยู่คนเดียวแทมินเลยค่อนข้างจะหวงข้ามาก”
“ข้าก็พอจะเข้าใจ”แม่ทัพใหญ่พูดขึ้นก่อนจะตัดสินใจพาทั้งสองคนนี้ไปเดินดูที่อื่นต่อ ดวงตาของจงฮยอนที่มองตามแผ่นหลังของทั้งสองนั้นหรี่ลงอย่างใช้ความคิด
ไม่ใช่ที่ตลาด..เขารู้สึกได้เช่นนั้น และท่าทางของอีจินกิทำให้เขาสงสัยเสียแล้วว่าปิดบังอะไรไว้ ถึงทั้งสองจะถูกองค์รัชทายาทที่พวกเขาเคารพคัดเลือกมา แต่ก็ใช่ว่าองค์รัชทายาทจะดูคนได้ถูกต้องเสมอไป
อย่างเช่นคนคนนั้น..คนที่ทรยศต่อองค์รัชทายาทได้อย่างเลือดเย็น
TBC.
ความคิดเห็น