คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Case 1 : Magic is Magic [Part 1]
Case 1 : Magic is Magic
บทที่ 1
มายากล..ศาสตร์แห่งการตบตาและล่อลวงผู้คน โดยตัวล่อมักจะเป็นสาวงามแต่งกายน้อยชิ้นให้เป็นจุดสนใจ แล้วนักมายากลก็ร่ายเวทมนต์ด้วยถ้อยคำแปลกประหลาดให้บังเกิดผลอัศจรรย์
แต่มายากลก็คือมายากล ไม่มีทางเป็นเวทย์มนต์ไปได้เด็ดขาด
แสงแดดยามบ่ายยังคงร้อนแรงชวนน่าอึดอัด ไซเรนของตำรวจยังคงดังอย่างต่อเนื่องบ่งบอกว่าจุดนี้มีสถานที่เกิดเหตุขึ้น ดวงตาของนายตำรวจจับจ้องไปยังกลุ่มผู้ชายที่สวมใส่ชุดสีดำสนิทด้วยเนื้อผ้าดีเยี่ยม มีสัญลักษณ์ของศาสนจักรประดับอยู่แถวอกเสื้อด้านซ้าย
พวกเขากำลังทำทุกอย่างทั้งแตะศพที่เริ่มส่งกลิ่นเพราะความร้อน ดมไปยังศพนั้น หรือแม้กระทั่งพูดพึมพำราวกับสื่อสารกับศพ
“คนที่ 4”น้ำเสียงของอีจินกินั้นเรียบเฉยและเบื่อหน่าย ดวงตาสีน้ำตาลเรียวเล็กที่เฉยชานั้นจับจ้องไปยังศพมนุษย์เพศหญิงที่ถูกจับดัดตัวเป็นรูปร่างแปลกประหลาด ดวงตาเบิกค้างไร้แววของการมีชีวิต ฝ่ามือทั้งสองข้างถูกมัดด้วยเชือกและกำลังอุ้มศีรษะของตนเอง ขาทั้งสองข้างคุกเข่าลงกับพื้นราวกับอ้อนวอนพระเจ้า กลิ่นคาวเลือดเริ่มเหม็นเน่าฉุนกึกทำให้แม้กระทั่งแวมไพร์อย่างจินกิต้องเบือนหน้าหนี
“รสนิยมแย่น่าดู”จงฮยอนพูดขึ้นพลางเดินวนไปรอบๆสถานที่เกิดเหตุ จมูกพยายามดมกลิ่นที่นอกจากกลิ่นเหม็นศพว่ามีกลิ่นแบบอื่นอีกหรือไม่
“แทมิน ได้ร่องรอยเวทมนต์บ้างรึเปล่า”พ่อมดหนึ่งเดียวในกลุ่มพยักหน้าแล้วเริ่มแตะมือลงไปตามผิวเย็นชืด ตำรวจผู้พามายังที่เกิดเหตุต่างมีสีหน้าไม่สู้ดีกับการฆาตกรรมต่อเนื่อง เขาไม่เข้าใจเลยว่าคนพวกนี้ทำไมถึงสามารถสำรวจพิจารณาศพนี้ได้ราวกับเป็นเพียงงานปะติมากรรมชั้นเลิศ
ศพสามรายก่อนหน้าก็มีสภาพเดียวกันและทุกศพเป็นเพศหญิง ไม่มีจุดเชื่อมโยงใดๆว่าผู้หญิงที่น่าสงสารเหล่านั้นรู้จักกัน และการที่ศาสนจักรยื่นมือลงมาด้วยการส่งหน่วยเอ็กโซซิสท์ แสดงว่าหน้าที่ของตำรวจที่เกี่ยวกับ ‘มนุษย์’ ได้จบลงแล้ว
หลังจากนี้ไปเอ็กโซซิสท์จะเข้ามารับช่วงนี้ต่อแทน แม้ว่าจะเป็นการหยาบหน้าตำรวจด้วยการนำคดีที่สืบอยู่ไปทำ
“มีการเคลื่อนย้ายศพมาที่นี่ สามศพก่อนหน้านี่ก็เหมือนกัน แต่ยังไม่สามารถระบุเผ่าพันธุ์ได้ ไม่มั่นใจว่าเป็นพ่อมด ดาร์คเอลฟ์ หรือปีศาจอื่นๆ”แทมินหันกลับมาบอกข้อมูลที่อย่างน้อยก็พอบอกได้ว่าฆาตกรรมคราวนี้มีปีศาจเข้ามาเกี่ยวข้อง
“คีย์ พอจะรู้รึเปล่าว่าปีศาจเผ่าพันธุ์ไหนที่ชอบความรุนแรง และ..วิปริต”หัวหน้ากลุ่มเดินเข้าไปสำรวจศพใกล้ๆอีกครั้ง ถึงแม้จะไม่ชอบกลิ่นเลือดที่เหม็นแบบนี้ โดยจงฮยอนหลบทางให้แล้วเดินไปหาเอลฟ์เพียงหนึ่งเดียวที่ยังพิจารณาศพอยู่ระยะไกล
“มนุษย์หมาป่า แวมไพร์ สองเผ่าพันธุ์นี้ค่อนข้างชอบความรุนแรง แต่มนุษย์หมาป่าไม่มีทางที่จะทำอะไรบรรจงแบบนี้”
“เป็นไปได้ว่ามีมากกว่าเผ่าพันธุ์เดียว”คนพูดน้อยเริ่มเปิดปากพูดขึ้น ดวงตาสีดำสนิทไร้แววทำให้บรรยากาศรอบข้างกดดันมากกว่าปกติ ขายาวขยับเข้าไปใกล้ก่อนกัดปลายนิ้วให้มีเลือดออกแล้วแตะนิ้วลงผืนดินชุ่มเลือด แอ่งเลือดนั้นสั่นไหวแล้วเริ่มขยับไหวราวกับมีชีวิต ในขณะที่หน้าสมาชิกที่เหลือค่อนข้างไปทางเหยเกสำหรับการเอาแผลไปจุ่มลงในกองเลือดนั่น แต่มันก็ได้ผลโดยที่ไม่คาดคิด
Magic is Magic
The show must go on
“มายากลคือเวทมนต์งั้นหรอ? นี่เป็นสาส์นท้าพวกเรารึเปล่า พวกนายว่าไง”จงฮยอนไหวไหล่กับการตีความของแทมิน แต่จินกิกลับขมวดคิ้วแน่นแล้วเริ่มคิดตาม
“มันกำลังบอกเราว่ามันจะฆ่าคนต่อไปเรื่อยๆ และนี่เป็นมายากลงั้นหรอ? มายากลคือการแสดงสิ่งต่างๆให้มีราวกับมีเวทมนต์ แต่นี่คือใช้เวทมนต์จริงๆ..”
“เป็นไปได้รึเปล่าว่าศพสี่ศพที่ผ่านมาเป็นตัวล่อ เบี่ยงเบนความสนใจจากพวกเรา”คำพูดของคีย์ทำให้ทุกคนเริ่มวิตกกังวล ในเมื่อสี่คนนี้ถูกฆ่าด้วยสภาพน่ากลัวแบบนี้แล้วเหยื่อที่เป็นเป้าหมายหลักจะมสภาพแบบใดกัน?
ย้อนกลับไป 3 ชั่วโมงก่อน
“พูดต่อสิครับ”รอยยิ้มบางแต่ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีนั้นแจกจ่ายไปทั่วทั้งโต๊ะประชุมตัวยาว ภาพศพทั้ง 3 ศพที่ใช้เครื่องฉายลอยคว้างเหนือพื้นโต๊ะ ปลายเท้าของปีศาจที่พาดไปกับโต๊ะชี้ไปยังหัวหน้ากลุ่มเอ็กโซซิสท์โดยไม่มีท่าทีจะเอาลง
“ช่วยทำตัวสุภาพด้วยจินกิ”เสียงแหบชราของหัวหน้าใหญ่ของกลุ่มเอ็กโซซิสท์เต็มไปด้วยความไม่พอใจจนสังเกตได้ชัด แต่การกระทำกลับยิ่งแย่ลงเพราะอีจินกิเริ่มขยับปลายเท้าไปมา
“พวกคุณบอกตามสบายไม่ใช่หรอครับ? ผมก็เลยทำเหมือนว่าที่นี่เป็นบ้านผม”อีจินกิรู้สึกถึงสายตาของความไม่พอใจที่ส่งมาโดยรอบแต่ก็ไม่ทำให้พฤติกรรมที่ทำอยู่ลดลง กลับยิ่งทำให้รู้สึกอยากจะทำตัวแย่ยิ่งกว่านี้
อยากจะปารองเท้าใส่ซะด้วยซ้ำไป
“เรามีภารกิจให้หน่วยของเธอทำ”ร่างเพรียวเลิกคิ้วมองก่อนจะขยับขาลงแล้วเริ่มทำทีเป็นสนใจมากขึ้น ดวงตาที่เย็ยเยียบกวาดมองไปรอบๆก่อนจะพูดขึ้น
“คนของท่านก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ จะมาให้ปีศาจแบบพวกผมจัดการทำไมล่ะ”น้ำเสียงตรงคำว่าคนถูกกดต่ำและดังกว่าคำอื่น เหล่ามนุษย์นับสิบคนที่เป็นหัวหน้าหน่วยเอ็กโซซิสท์หน่วยย่อยแต่ละหน่วยเริ่มมีท่าทางอึดอัดจนเห็นได้ชัด
“เหอะ รักพวกพ้อง..ทุเรศ”มือขาวนั้นคว้าเอาแฟ้มใส่ข้อมูลแล้วลุกขึ้นเดินโดยไม่คิดจะสนใจว่าการประชุมนั้นสิ้นสุดลงรึยัง เสียงรองเท้ากระทบกับพื้นอย่างจงใจทั้งทีแวมไพร์เวลาเดินนั้นไร้เสียง บานประตูอัตโนมัติเลื่อนไปไล่หลังจนมองเห็นแผ่นหลังเลือนรางผ่านกระจกหนา
.
.
.
.
“พอรับงานมาไม่นานก็ได้คดีเพิ่มเลย”เสียงของหัวหน้าหน่วยพึมพำก่อนจะวางถ้วยชาที่มีกลิ่นหอมกรุ่นลงบนโต๊ะแก้ว สมาชิกในทีมแต่ละคนเองก็เริ่มพยายามคิดหาความเป็นไปได้ต่างๆของคดีนี้
“จากเท่าที่คิดนะ อย่างแรกเลยคือฆาตกรต้องมีดาร์คเอลฟ์ร่วมอยู่ด้วย แต่ทำคนเดียวหรือคู่กับใครก็ไม่รู้ แล้วเพราะข้อแรก..ทำให้มั่นใจได้เลยว่าฆาตกรกำลังท้าเราอยู่ เพราะกลุ่มเรามีดาร์คเอลฟ์”คีย์พูดพร้อมปรายตามองดาร์คเอลฟ์ในกลุ่มที่ยังคงกอดอกสีหน้านิ่งเฉย
“แล้วข้อถัดมาคือเป็นนักมายากล ชื่นชอบในมายากล”แทมินโพล่งขึ้นแล้วเริ่มขีดเขียนลงกระดาษ พยายามหาจุดเชื่อมโยงนี้ให้ได้มากที่สุด แต่ก็ยังไม่พบจุดเชื่อมโยงใดๆเลยทั้งสิ้น มีแต่การคาดเดาเท่านั้น
“ใช่เลย มีโอกาสสูงถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ว่ามนุษย์ร่วมมือกับดาร์คเอลฟ์ แล้วทุกคนดูนี่”คำพูดของคีย์ทำให้แทมินยิ้มออกมากับความคิดของตนที่ถูกต้อง ภาพแผนที่ปรากฏขึ้นแล้วปรากฏเส้นลากเชื่อมโยงไปเป็นสี่จุด และมีวงสีแดงที่เหมือนกับยอดบนสุดกระพริบตลอดเวลา
“เมื่อลองคำนวณระยะทางและจุดแสดงมายากล ก็พบว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่คือดาวห้าแฉก คิดว่าเป็นการบูชาปีศาจอยู่”พอคีย์พูดจบอีจินกิขยับตัวก่อนจะเอื้อมมือไปแตะลงจุดสีแดงที่กระพริบถี่นั้น ทำให้ฉายาพเป็นสวนสาธารณะอีกแห่งขึ้นมา
“ขอบคุณมากคีย์ แต่ปัญหาของเราคือเราไม่รู้ว่าเหยื่อรายต่อไปเป็นใคร และพวกนี้ทำเพื่ออะไรกันแน่ จงฮยอนเองก็ไม่ได้กลิ่นอะไรเลยเพราะเหมือนจะโดนกลบไปหมดด้วยเวทมนต์ แสดงว่าฆาตกรคราวนี้หาข้อมูลมาดีมาก”หัวหน้าหน่วยขยับตัวลุกขึ้นก่อนเดินมาข้างหลังร่างสูงของดาร์คเอลฟ์ที่เย็นชาอยู่เหมือนเดิม ฝ่ามือนั้นแตะลงไหล่กว้างแผ่วเบา
“ปีศาจแบบเราไปที่ไหนก็มีแต่โดนเกลียด แต่ฉันคิดว่างานนี้ดาร์คเอลฟ์เกี่ยวข้องด้วยมากที่สุด มินโฮไปหาข้อมูลกับแทมินได้รึเปล่า”ใบหน้าหล่อเหลานั้นแข็งเกร็งและมีเสียงลอดริมฝีปากออกมาเล็กน้อยว่าได้ โดยที่แทมินเองก็ส่งเสียงตอบรับมาเช่นกัน
“รีบปิดคดีนี้กันเถอะ”จงฮยอนมองตามแผ่นหลังของแวมไพร์ที่เดินหายเข้าไปในห้องพักส่วนตัว ดวงตาที่มักขี้เล่นเสมอนั้นไหววูบก่อนจะลุกเดินแยกไปห้องตัวเองอีกคน โดยที่คีย์เองก็ทำได้แค่ถอนหายใจแล้วเริ่มเก็บเอกสารต่างๆที่กระจัดกระจาย
“สืบได้อะไรมาก็รีบมาบอกละกันนะ ระวังตัวกันด้วย”แทมินพยักหน้ารับก่อนจะลุกขยับตัวลุกขึ้นไปเตรียมตัว ชเวมินโฮเองก็เตรียมจะลุกออกไปเช่นกัน
“เดี๋ยวก่อนมินโฮ”
“อะไร”ดวงตาสีดำสนิทราวหยดหมึกนั้นตวัดมองคนถาม แต่เพราะอยู่ด้วยกันมานานเลยทำให้รู้ว่าพฤติกรรมนี้ไม่ใช่ความไม่พอใจแต่อย่างใด
“นายกับจินกิน่ะ ตกลงแล้ว..”
“หัวหน้าทีม กับสมาชิกในทีม จะสงสัยทำไม? ไปดูแลคนรักของนายเถอะคีย์”
คำพูดร้ายกาจราวกับฝ่ามือที่มาตบหน้าเขาจนชา เล็บยาวจิกลงเนื้อตัวเองแน่นก่อนที่จะเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองอีก คนเย็นชาไหวไหล่เล็กน้อยแล้วเดินไปยังห้องของตัวเองเช่นกัน
ชเวมินโฮไม่ใช่คนที่จะมาสนใจเรื่องรักๆใคร่ๆ..แต่บางทีเขาเองก็อดหงุดหงิดไม่ได้เหมือนกัน โดยที่ไม่รู้เลยสักนิดเดียวว่าเพราะอะไร
“มินโฮ ปลอมตัวไปได้รึเปล่า หน้าตาของเรามันค่อนข้างจะมีแต่โดนเกลียดน่ะ”อีแทมินถามขึ้นด้วยความหวัง เพราะเขาแทบจะไม่ได้ใช้เวทมนต์เหล่านี้เลย
“ดาร์คเอลฟ์ไวต่อเวทมนต์ ถ้านายอยากตายตั้งแต่ยังไม่ทันพูดก็ตามใจ”แทมินมองตามคนพูดน้อยที่เอาแค่เสื้อคลุมที่มีฮู้ดมาสวม ขายาวขยับก้าวไปยังบานประตูแล้วพูดต่อ
“ดาร์คเอลฟ์เองก็โดนรังเกียจจากเอลฟ์ด้วยกัน ใส่ฮู้ดซะแทมิน พวกเราแต่งตัวแบบนี้เป็นเรื่องปกติแล้ว
TBC.
ไรท์เตอร์ขอคุยยย ก็จบตอนแรกไปแบบสั้นๆ เรียกว่าเป็นบทนำของคดีแรกละกันอ่ะ! คือมันดูไม่มีอะไรเลยเนอะ เวิ๊นเวิ่น แบบเอิ่มม ไม่รู้จะพูดอะไร..ช่วยติดตามต่อไปด้วยค่ะ!!!!(ตะโกนใส่โทรโข่ง) อีแทมินกับบักชเวดูลึกลับดีจริง~ชอบบบ ตัวเอกของเรื่องมันโผล่มาหน่อยเดียวเองแฮะ ง่อกๆ ไว้ตอนหลังๆก็จะมีคนอื่นเนอะ แม่ยกโฮอนก็รอกันหน่อยเถอะนะ รักรีดเดอร์ชูด๊วบ!
O W E N TM.
ความคิดเห็น