พรุ่งนี้...ก็...สายไป
ความต่างวัย ที่เติมเต็มให้กันและกันจนกลายเป็นความรักที่แสนงดงาม
ผู้เข้าชมรวม
130
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
คุณเคยมั๊ย...ที่อยากจะทำอะไรสักอย่าง แล้วก็ได้แต่บอกว่า
"พรุ่งนี้...พรุ่งนี้...พรุ่งนี้..."
และในที่สุดก็ไม่ได้ทำในสิ่งนั้น เพราะไม่มีคำว่า "พรุ่งนี้" สำหรับคุณอีกแล้ว
ฉันเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่ไม่มีอะไรในชีวิต ไม่ได้เป็นที่สะดุดตากับผู้พบเห็น จึงไม่แปลกอะไรเลยที่ฉันจะอยู่คนเดียวมาตลอด ไม่มีคนข้างกายเหมือนกับคนอื่นๆ เค้าบ้าง แต่ตัวฉันเองก็ไม่เคยคิดที่จะไขว่คว้าหากับคนอื่นหรอกนะ...จนกระทั่ง....
ขณะที่ฉันกำลังเดินซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งในย่านปิ่นเกล้า ฉันมีความรู้สึกว่าถูกใครบางคนมองอยู่ ก็แหม ! คนเราเวลาถูกคนมองก็จะรู้สึกได้เองโดยสัญชาตญาณจริงมั๊ย และฉันก็เป็นคนไหวกับปฏิกิริยาของคนรอบข้างซะด้วยสิ จึงทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะต้องหันไปดูให้มันแน่ใจกันไปเลยว่ากำลังมองฉันหรือมองใครกันแน่....และแล้ว...ฉันก็พบผู้ชายคนหนึ่ง ผิวขาว สูงโปร่ง สวมเสื้อยืดสีดำคอกลม กางเกงยีน ดูรวม ๆ แล้วจัดว่าเป็นผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งเลยทีเดียว แม้จะไม่ได้หล่อเหมือนกับพระเอกหนัง แต่ความรู้สึกของฉันมันรู้สึกแปลกๆ กับผู้ชายคนนี้จัง ยิ่งจ้องหน้าก็ยิ่งรู้สึกคุ้นตา ฉันพยายามคิดว่าเราเคยรู้จักกันหรือเปล่านะ และเหมือนว่าเขาจะรู้ตัว เขาเดินมาหาฉันพร้อมกับรอยยิ้ม ที่ทำเอาฉันใจแทบละลายเลย
"สวัสดีครับ พี่แก้วใช่มั๊ย"
"ใช่ค่ะ..."
"ผม ตั้มครับ เป็นรุ่นน้องพี่แก้วตอนสมัยมัธยมไงครับ"
"อ๋อ..." และแล้วฉันก็นึกออก มิน่าหล่ะถึงได้คุ้นหน้าคุ้นตาเหลือเกิน นึกว่าใครที่ไหน แต่ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าเวลาแค่ 4-5 ปี ทำให้คนเราเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน เค้าดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก สูงขึ้นจากว่าก่อนประมาณ 20 ซม. ได้ แถมที่สำคัญดูดีและหล่อขึ้นด้วย แต่รู้สึกว่าในตัวเค้าจะมีสิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกว่าไม่เปลี่ยนไปเลยแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน นั่นก็คือ "แววตา...ซึ่งเต็มไปด้วยความหวังและความฝัน"
"พี่แก้วมาคนเดียวเหรอครับ" ในขณะที่ถามสายตาของเค้าก็กำลังส่อส่ายเหมือนจะมองหาใครบ้างคน
"จ้ะ...ก็ตามประสาคนโสดนะ" หลังจากที่ตอบฉันเค้าไปฉันก็งงกับตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเราต้องไปบอกเค้าด้วยว่าเรายังโสด
"แล้วตั้มหล่ะ...มากับใครเหรอ"
"มาคนเดียวครับ ผมก็หนึ่งในชมรมคนโสดเหมือนกัน"
ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหน้าตาอย่างนะเหรอจะยังไม่มีแฟน และฉันคงจ้องหน้าเค้านานไปหน่อย
"พี่แก้วมีอะไรหรือเปล่าครับ เห็นมองหน้าผมตั้งนานแล้ว"
"เปล่าจ้ะ...เปล่า" อะไรกันฉันทำหน้าเกลียดขนาดนี้เลยเหรอ ฉันคิดอะไรอยู่เนี่ยะทำไมใจฉันมันถึงเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยนะ
"ขอโทษนะครับพี่ ตอนนี้กี่โมงแล้วพอดีผมลืมใส่นาฬิกามานะครับ"
"บ่ายโมงแล้ว มีธุระเหรอจ้ะ"
"อ๋อ...เปล่าครับ ผมแค่เริ่มจะหิวข้าวแล้ว พี่แก้วทานข้าวหรือยังครับ ถ้ายังช่วยไปเป็นเพื่อนผมหน่อยได้มั๊ย" นั่นดูพ่อคุณเค้า
"อืม...ได้สิ พี่ก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน กำลังอยากหาเพื่อนทานข้าวอยู่พอดี"
"จริงเหรอครับ...ดีใจจัง วันนี้ไม่ต้องนั่งทานคนเดียว"
"เอ่อ...แล้วพี่อยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ"
"อะไรก็ได้จ้ะ...พี่ทานได้หมดหล่ะ"
"งั้น...ผมว่าเราไปทานอาหารญี่ปุ่นกันดีกว่าครับ"
"ก็ดีเหมือนกัน ไม่ได้ทานนานแล้ว"
และแล้วมื้อนี้เราก็อิ่มแบบอร่อยจัง ตังค์อยู่ครบ เพราะตั้มเป็นคนเลี้ยงโดยที่เค้าอ้างว่าเป็นคนชวนก็ต้องให้คนชวนออก
"ขอบคุณมากนะครับ ที่อุตส่าห์ทานข้าวเป็นเพื่อนผม" เขากล่าวขณะที่กำลังเดินมาส่งฉันที่ลานจอดรถ
"พี่ต้องขอบคุณเรามากกว่านะ เราอุตส่าห์เลี้ยงข้าวพี่"
"ไม่เป็นไรครับ นิดหน่อยเอง"
"งั้นพี่ไปก่อนนะ ถึงรถพี่แล้วหล่ะจ้ะ และก็ต้องขอบคุณอีกครั้งนะที่เดินมาส่ง" และฉันก็ก้มหน้าก้มตาไขประตูรถ และแล้วก็มีอีกมือเอื้อมมาเปิดประตูรถให้
"ขอบคุณมากจ้ะ"
"เอ่อ...ผมขอเบอร์ติดต่อพี่ได้มั๊ยครับ"
"ได้สิ...เดี๋ยวนะ" แล้วฉันก็หันไปหยิบกระเป๋าตังค์เพื่อหยิบนามบัตรมาส่งให้ เขารับนามบัตรฉันและใช้สายตากวาดอ่านตัวหนังสือในนามบัตรอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเอ่ยประโยคถัดมา
"แล้วผมจะโทรไปนะ ขับรถกลับบ้านดีๆ นะครับ" หลังจากจบถ้อยคำเหล่านั้น มือใหญ่ๆ ของเขาก็ปิดประตูรถให้...พร้อมกับรอยยิ้มหวานๆ ที่ยิ้มไปพร้อมกับดวงตาของเขา
หลังจากวันนั้นก็เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของเรื่องราวต่างๆ โดยฉันก็ไม่เคยรู้เลยว่ามันได้กลายเป็นความผูกพันขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร นี่แหล่ะมั้งที่ใครๆ เขาบอกกันว่าการที่เรารู้จักใครสักคน...มันอาจกลายเป็นความผูกพัน เราสองคนได้เริ่มสนิทกันมากขึ้น รู้จักกันมากขึ้นตามกาลเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป จากแรกๆ เราเจอกันเดือนละครั้ง มาเป็น 2 อาทิตย์ครั้ง แล้วก็อาทิตย์ละครั้ง จนกระทั่งกลายมาเป็นว่าเราเจอกันแทบทุกวัน เขาจะหาเวลามาหาฉันเสมอ บางครั้งก็จะชวนไปทานข้าวเที่ยงด้วยกันบ้าง แวะไปหาฉันที่บ้านตอนเย็นหลังเลิกงานบ้าน และหลังจากที่ฉันสนิทกับเขาจนกลายเป็นคู่ซี้ไปนั่นเราสองคนก็เลยเปลี่ยนสรรพนามเรียกแทนกันไป โดยเขาเรียกฉันว่า "แก้ว" เห็นมั๊ยว่าคำว่า "พี่" มันได้หายไปแล้ว ส่วนฉันก็ยังเรียกเขาว่า "ตั้ม" เหมือนเดิม เหตุที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเค้าอีกนั่นแหล่ะ เค้าบอกกับฉันว่าเค้าไม่อยากที่จะเป็นน้อง เค้าขอเป็นเพื่อนดีกว่า ในตอนนั้นฉันเองก็ไม่รู้ว่าเค้าคิดแค่นั้นจริงหรือเปล่า หรือว่าต้องการมากกว่านี้
วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน...
เมื่อปีที่แล้วในวันนี้ตั้มได้พาฉันขับรถไปทะเลแถวๆ ชลบุรี เพราะว่าฉันเป็นคนชอบทะเลเป็นชีวิตจิตใจเลยทีเดียว และวันนั้นก็เป็นวันที่ฉันไม่อาจลืมได้เลย มันจะอยู่ในความทรงจำของฉันตลอดไป
และในปีนี้ก็เหมือนกัน ฉันได้ไปในที่แห่งเดิม คืนนี้บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวหลากร้อยดวง ส่องแสงสว่างไสว....เขาก็ได้มอบดอกไม้ให้ฉัน 1 ช่อ มันเป็นช่อกุหลาบสีขาว 3 ดอก และของขวัญชิ้นนึง ซึ่งถูกบรรจุอยู่ในกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงิน เมื่อฉันเปิดกล่องฉันก็พบสร้อยคอพร้อมจี้รูปดาว...ซึ่งมันน่ารักมาก ในความคิดของฉัน
"ขอบคุณมากนะตั้ม แก้วชอบสร้อยเส้นนี้ที่สุดเลย"
"ตั้มดีใจจังที่เห็นแก้วชอบ เดี๋ยวตั้มใส่ให้นะ"
"อืม.." ฉันส่งสร้อยให้กับเขา
"อ่ะ...เสร็จแล้วครับ" หลังจากนั้นเราส่งคนก็ยืนมองท้องฟ้ากับทะเลด้วยความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไร จนเค้าเอ่ยขึ้นมาก่อน เพื่อเป็นกลายทำลายบรรยากาศที่เงียบให้หายไป
"แก้วครับ"
"มีอะไรเหรอค่ะ" ฉันละสายตาจากทะเลหันมามองหน้าคนที่อยู่ข้างๆ
"เวลาผ่านไปเร็วจังนะครับ...ตั้งแต่วันที่เราเจอกัน จนวันนี้ เกือบจะ 3 ปีแล้ว"
"ค่ะ...ก็เวลามันเดินไปเรื่อยนี่ค่ะ มันไม่เคยได้หยุดพัก แก้วยังจำวันที่เราเจอกันได้เลย"
"ผมก็เหมือนกัน" และเขาก็เงยหน้ามองฟ้า เหมือนกำลังใช้ความคิดอะไรบ้างอย่าง
"แก้วครับ...." น้ำเสียงของเขาบ่งบอกถึงความไม่แน่ใจในอะไรบ้างอย่าง
"มีอะไรหรือค่ะ" ฉันมองสบตาเค้า แต่ทำไมครั้งนี้ฉันถึงรู้สึกว่าใจของฉันมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย เมื่อเจอสายตาที่กำลังมองฉันอยู่
"เอ่อ...คือว่า...เราก็รู้จักกันมานานพอสมควรแล้ว แก้วจะรังเกียจมั๊ยถ้าพบจะขอดูแลแก้ว และขอให้แก้วอยู่ข้างผมตลอดไป" ตอนนั้น ใจฉันแทบจะหยุดเต้นเลยก็ว่าได้ ฉันทั้งดีใจและตกใจ ถ้าตอนนั้นมีแสงไฟบ้างเค้าคงเห็นหน้าของฉันเป็นสีแดงระเรื่อ แต่แล้วก็ไม่รู้ว่าอะไรมาดลใจ ทำให้ฉันตัดสินใจว่า
"ตั้ม...แก้วขอเวลาอีกหน่อยจะได้มั๊ย" เมื่อพูดจบฉันอยากจะตบปากตัวเองจัง คนอะไรปากไม่ตรงกับใจอีกแล้ว ฉันนะรู้สึกดีกับเค้ามาตลอด ฉันไม่เคยรู้สึกดีกับใครเท่านี้มาก่อนเลย และฉันก็รู้นะว่าเค้าได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉันตั้งนานแล้ว ถ้าหากวันนึงฉันไม่มีเค้าฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อไปได้อย่างไรเหมือนกัน
"ได้สิ...สำหรับแก้วผมรอได้ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม" น้ำเสียงของเค้าบ่งบอกถึงความผิดหวัง แต่ก็ยังพยายามที่จะส่งรอยยิ้มที่แสนหวานและอบอุ่นมาให้ฉันได้เสมอ
"ผมกะไว้แล้วว่าแก้วต้องตอบผมอย่างนี้...แต่ผมก็ยังมีอีกอย่างที่จะบอกแก้ว ที่จริงผมอยากบอกมานานแล้ว แต่ผมกลัวว่ามันจะเร็วเกินไป.....ผมรักแก้วนะครับ และผมหวังว่าสักวันนึงผมคงได้ยินจากแก้วบ้างว่าแก้วก็รักผม" ฉันได้แต่นั่งนิ่งให้สายตามองออกไปยังทะเลที่ทอดอยู่ข้างหน้า ปล่อยให้ใจคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
หลังจากวันนั้น เราสองคนก็ยังเจอกันปกติ มีบ้างที่ตั้มถามฉันกับคำตอบที่เค้ารอฟังและฉันก็ได้แต่เกเรบ่ายเบี่ยงกับคำตอบนั้นเสมอ และฉันก็มักจะกลับบ้านมาคิดว่า "พรุ่งนี้...พรุ่งนี้...ฉันจะบอกเขาว่าฉันรักเขามากแค่ไหน" ความรู้สึกของฉันมันได้แต่อยู่ในใจฉัน ฉันไม่เคยที่จะได้บอกเขาเลย...จนกระทั่ง
"กริ้ง....." เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้ฉันละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ฉันกำลังทำงานอยู่ เอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ
"สวัสดีค่ะ" ฉันกรอกเสียงไปตามสาย และมีเสียงทางนู้นกรอกกับมา แต่ฉันจำไม่ได้ว่าเค้าพูดอะไรบ้าง แต่ใจของฉันก็ได้พาฉันมายังสถานที่แห่งหนึ่งนั้นก็คือบริเวณหน้าห้องผ่าตัด ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง และฉันก็ได้พบกับคุณพ่อที่กำลังนั่งให้กำลังใจคุณแม่อยู่หน้าห้องนี้ จึงทำให้ฉันรู้ว่า ตั้มประสบอุบัติเหตุ เขากำลังขับรถเพื่อจะมาหาฉันที่บ้านเหมือนวันเสาร์ก่อนๆ ที่เขามาเป็นประจำ แต่แล้วก็มีรถบรรทุกเสียหลักจากอีกฟากถนนข้ามมาชนกับรถของตั้ม จนเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้แพทย์กำลังทำการผ่าตัด และช่วยเค้าอยู่ ฉันได้แต่ภาวนาขอให้เค้ารอด ฉันอยากให้เค้ารับรู้ถึงสิ่งที่เค้าควรจะรู้มานานแล้ว แต่ฉันไม่เคยได้บอกเค้าเลย
"ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ...ผมพยายามเต็มที่แล้ว" นั่นคือเสียงที่ฉันคิดว่าเลวร้ายที่สุดจากผู้ชายที่อยู่ในชุดสีขาวที่ฉันเคยรู้สึกว่าปลอดภัยถ้าอยู่ใกล้มือคนนี้ หลังจากนั้นฉันได้แต่ให้ความรู้สึกที่มีอยู่ข้างในมันได้ระบายออกมาเป็นน้ำตา
ตอนนี้ฉันได้บอกความรู้สึกที่ฉันมีต่อเขาแล้ว แต่ฉันเองก็ไม่สามารถจะรู้ได้ว่าเขาจะรับรู้หรือไม่ แต่ฉันหวังว่าเขาคงจะรับรู้มันจากปากของฉัน "ตั้ม...แก้วรักตั้มนะ และตั้มจะอยู่ในความทรงจำของแก้วตลอดไป" ก่อนที่ฉันจะลงจากเมรุและยืนมองควันสีขาวที่ลอยขึ้นไปยังขอบฟ้าเป็นการจากลาที่เจ็บปวดในชีวิตฉัน
ผลงานอื่นๆ ของ cool cloud ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ cool cloud
ความคิดเห็น