ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Learn to love English !!

    ลำดับตอนที่ #17 : เคล็ดลับข้อที่#3

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 56



    :)  Shalunla ทำมาให้ตามคำขอ :) จากผลโหวตอันนี้

    โพล144790
    ก็เห็นได้ว่าทุกคน อยากพูดแบบ พูดคล่อง ง่าย สบายปรื๋อ จะฝรั่งหน้าไหนก็ให้มาเถอะ !! 5555 เห็นด้วยมากๆนะที่ผลโหวตออกมาได้แบบนี้ เพราะไรท์ก็ชอบแบบนี้เหมือนกัน (แต่แกรมมาร์ไม่ต้องห่วงนะตอนต่อไปจองเรื่องนี้ไว้แล้วรอติดตามกันเลยค่ะ ^^) งั้นไรท์ขอคำหลัก 4 ข้อของครู Christopher Wright มาบอกให้ฟังนะคะ 4 ปัจจัยในการพูดภาษาอังกฤษเนี่ยก็จะมี
    1.Fluency = ความไหลลื่น
    2.Understanding = ความเข้าใจ
    3.Happiness/Confidence = ความสุขและความมั่นใจ

    4.Correctness = ความถูกต้อง

    นี่คือปัจจัยในการพูดค่ะ เห็นมั้ยว่าความถูกต้อง(Grammar)น่ะอยู่สุดท้ายเลยนะ อย่างแรกที่ควรมีเลยในการพูดภาษาอังกฤษคือความลื่นไหลเป็นธรรมชาติค่ะ เมื่อพูดเป็นธรรมชาติลื่นไหล เราก็จะพูดได้มากขึ้น และก็จะรู็สึกดีในการพูดมากๆเลยล่ะ
    Photo: Improve your English on FB: www.fb.com/EnglishIF
    และพอพูดได้ไหลลื่นเเละเราไม่ได้มัวมานั่งนึกถึงแกรมมาร์ เราอาจจะลองใส่สำเนียงไปนิดนึงให้ดูน่าฟัง(อันนี้ไรท์เคยนำเสนอไปบ้างแล้วนะเรื่องสำเนียงมีมากมายหลายส่วนจากทั่วโลกจะค่อยๆเอามาลงให้ละกัน เผื่อจะเจอสำเนียงที่ใช่ ^^) แต่อย่าใส่เยอะไปนะมันจะดูไม่เป็นธรรมชาติเอา ><

    และสิ่งที่ควรทำคือฝึกทักษะการฟังให้มากๆๆๆๆ ไรท์ถึงอยากให้ฟังเพลงแล้วจับใจความ ดูหนังแล้วจับให้ได้ว่าเค้าพูดอะไร มันจะได้เพิ่มทักษะคำศัพท์ของเราไปด้วย เพราะมันจะทำให้เราได้เจอคำศัพท์ใหม่ๆมากขึ้นนะ และเวลาเราพูดบางทีแทบไม่ต้องมานั่งเรียบเรียงด้วยซ้ำ อย่างเช่นประโยคนี้เราเคยเจอในหนังเค้าพูดกันอ่า มันหมายความว่าอย่างนี้ๆ เราก็พูดออไปเลยยย

    I don't know anything about it! Really! ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย จริงๆนะ !!

    พอเราอยากพูดก็จะได้พูดออกไป เห็นไหมประโยชน์ของการดูหนัง เราเจอประโยคใหม่ๆ +แล้วเราก็นำมาใช้ได้เลย....

    เข้าเรื่องเลยนะ 555 ถ้าเกิดเราอยากพูดแต่ไม่รู้ว่าจะใช้ Verb Tense ไหน หรืออกเสียงพวกที่ใส่ -ed ไม่ถูก ว่ามันควรของเสียง -ed ด้วยมั้ย ใช้กริยาช่องนี้มันออกเสียงยังไง ให้เราใช้ V.1 ไปเลยค่ะใช้ช่อง 1 ไปเลย แล้วฝรั่งจะเข้าใจได้อย่างไงเนี่ย ??? เราก็ต้องใส่คำบอกเวลาไปค่ะ เพราะ Tense คือคำที่ใช้บอกเวลา ถ้าเราใช้เป็นแค่พูดออกไปเค้าก็จะเข้าใจเลยว่าเราพูดน่ะ มันเป็นอดีตไปแล้ว เป็นปัจจุบันหรืออนาคต แต่ถ้าเราใช้ไม่เป็นใช้เทคนิคของไรท์เลยคือ Verb ช่อง 1+คำบอกเวลา ขอยกตัวอย่างนะคะ


    -I'm sleeping at home อันนี้คือคำที่มี Present Continuous ค่ะถูกต้องตามหลักการเป๊ะๆ คือ Verb to be(is,am,are)+V.ing
    แต่ถ้าเราไม่อยากไปปวดหัวคิดมากเรื่อง Tense ให้มันมากเราพูดไปเลยว่า

    -I sleep at home now! หรือจะใช้ at the moment ก็ได้ค่ะ แค่นี้ฝรั่งก็เข้าใจได้แล้วความหมายเหมือนประโยคแรกเลย ^^ แค่ไม่ได้สนใจแกรมมาร์ก็เท่านั้น

    สิ่งสำคัญของมันคือการใช้คำบอกเวลาค่ะ !!!!

    แล้วมันมีอะไรบ้างนะ ??? ไรท์จะยกตัวอย่างให้บางอันนะ ส่วนอันอื่นลองหาเอาค่ะ หรือถ้าค้างใจก็ส่งข้อความมาถามนะ จะส่งไปให้หมดเลย (ไรท์มีเวลาในการเล่นคอมน้อย อัพได้นิดๆหน่อยๆก็ต้องไป T T)

    -Past-
    Just now
    This morning,afternoon,evening
    Last night
    Yesterday

    The day before yesterday

    -Future-
    Soon
    Right away (ทันทีเลย)
    Tonight อารมณ์เพลงประมาณเพลง tonight ของ Nick Jonas 555 (ไรท์นอกเรื่อง)
    Tomorrow
    The day after tomorrow

    ประมาณนี้ค่ะ ไปแปลเองๆ -..- จะได้ฝึกๆ 555 ทีนี้เวลาจะพูดไปไม่รู้จะเอา Tense ไหนก็ใช้แบบนี้ไปเลยค่ะ ชิวๆ ฝรั่งเข้าใจแน่นอน เพราะเค้าไม่ได้คาดหวังว่าต้องพูดถูก แต่ขอเพียงคุณสื่อสารกับเค้าได้ก็พอค่ะ รู้มั้ย??
    บางทีฝรั่งน่ะยังพูดผิดกันเลยนะ 5555 และเด็กอเมริกันส่วนมากมักพูดอะไรให้ผิดแกรมมาร์เพราะเค้าคิดว่ามันเทห์ !!!!! ขนาดเค้าเจ้าของภาษานะเนี่ย 555 ดังนั้นเนี่ยเมื่อเวลาจะพูดก็ลองเอาเทคนิคนี้ไปใช้ดูนะคะ ^^ ไม่เข้าใจตรงถามได้เลยค่ะ ยินดีตอบ :) และถ้าเมื่อไหร่ทักษะทางแกรมมาร์ของเราเพิ่มขึ้นๆ เราก็ใช้ถูกไปเองค่ะ มันอยู่ที่การฝึกฝนนะ แต่ไม่ได้ให้ไปเคร่งเครียดกะมัน >< ค่อยๆเป็นค่อยๆไป เน้ออออออ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×