SF Valentine Day KrisLay - SF Valentine Day KrisLay นิยาย SF Valentine Day KrisLay : Dek-D.com - Writer

    SF Valentine Day KrisLay

    "อี้ชิง เป็นอะไร ทำไมมีไรเเล้วบอกกูไม่ได้วะ..." "ก็มันไม่อยากให้มึงรู้ไง"

    ผู้เข้าชมรวม

    490

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    490

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    11
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 ก.พ. 62 / 22:35 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

                            ภายในหอพักศึกษาสุดหรู ถัดจากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง  เบอร์ห้องที่ใครคนหนึ่งคุ้นเคยเป็นอย่างดีแม้ห้องนี้จะไม่ใช่ห้องพักของตัวเองก็ตาม ชายหนุ่มผิวขาวร่างบางที่ส่วนสูงไม่ได้มากนัก มาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูหมายเลขห้อง 530 เสียงดนตรีที่เล็ดลอดออกมาจากหูฟัง มือหนึ่งถือโทรศัพท์ที่กำลังพิมพ์ วันนี้อี้ชิงมีนัดทำโปรเจคจบกับเพื่อนในทีม อีกสองคน เสาร์อาทิตย์เขาเลยไม่ได้กลับบ้านไปหาพ่อกับแม่  พูดแล้วก็คิดถึงจะแย่ แต่ในใจกลับคิดถึงไอ้คนที่เขากำลังรอมาเปิดประตูให้มากกว่า….


    อี้ชิง :  นี่อยู่หน้าประตูแล้วเนี่ย จะกินมั้ยข้าว เดี๋ยวต้องทำวิจัยต่อนะ

    คริส : ตื่นแล้วๆ อาบน้ำเสร็จแล้วเนี่ยย ใส่กางเกงก่อนแปบบ

    อี้ชิง : เค้าอยู่หน้าห้องคริสละนะ ยืนนานแล้ว

    เฉิน : ไอ้คริสมึงปล่อยให้เพื่อนรอนานอีกแล้ว ตื่นก็สาย มึงแม่ง

    คริส : อ้าว มาด่าเหี้ยไรกู ทีมึงยังหนีกลับบ้านงานก็ไม่ทำ ปล่อยให้อี้ชิงทำคนเดียว

    เฉิน : ทีอี้ชิง มึงไม่เห็นด่าเลยนะ เออเดี๋ยวก็กลับมอไปหาพวกมึงแล้ว อยู่บนรถแล้ว

     

    อี้ชิงส่ายหัวยิ้มให้กับเพื่อนสนิทสองคน เสียงเปิดประตู ชายร่างสูงโปร่งใส่เสื้อยืดสีดำ กางเกงขาวยาวสีครีม ผมยุ่งดูก็รู้ว่ายังไม่ได้หวี

     “ชิง เข้ามาดิ”

    “อืมม์ รบกวนด้วยนะ”  พอเดินเข้ามาในห้องแน่นอนที่เตียงผ้าปูที่นอนยังไม่ได้เก็บ คริสคงตื่นขึ้นมาแล้วรีบอาบน้ำเลย คริสเป็นเพื่อนที่ค่อนข้างจะมีฐานะ แต่เวลาอยู่กับเขาไม่ได้ดูเป็นคนเรื่องมาก กินอะไรก็กินง่าย หลายๆครั้งเราชอบสั่งข้าวมากินเหมือนกัน คริสจะแบบ ชิงกินไร สั่งให้เค้าด้วย  แต่ติดตรงชอบไม่ค่อยกดเงินมาใช้ มาบางยืมจ่ายค่ากาแฟ ค่าบุหรี่ จนกลายเป็นว่าทุกวันนี้ เขาต้องพกเงินเผื่อคริสด้วยเวลาไปไหน รายละเอียดยิบย่อยพวกนี้ เขาจำได้ดี  ดูภายนอกคริสอาจจะเป็นผู้ชายไม่เอาไหนใช้ชีวิตไปวันๆเพราะรวยจนไม่ต้องทำอะไร  แต่ถ้าลองเป็นเพื่อนที่ได้รู้จักกัน อี้ชิงเริ่มรับรู้ได้ว่าจริงๆคริสเป็นคนถ่ออมตัว และอ่อนโยน ถ้าเราดีกับเขาอ่อนล่ะนะ


    อี้ชิงกับคริสเป็นเพื่อนเรียนเอกเดียว แน่นอน ตอนแรกเราแทบไม่เคยพูดกันสักประโยคด้วยซ้ำ ในเอกมีร้อยคน เขาเป็นเด็กหน้าห้อง เรียนเสร็จกลับหอเรียนเสร็จกลับหอ เสาร์อาทิตย์กลับบ้าน เพื่อนที่สนิทด้วยก็จะมีเฉินอยู่กลุ่มด้วยกันตลอด  คริสอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา แต่เขาล่ะสิคงไม่เคยอยู่ในสายตาคริสเลยสักครั้ง มีวันนึงที่นั่งเต็มหมด คริสเข้าคลาสช้าทำให้ที ที่เคยนั่งถูกแย่งไป วันนั้นเราเลยได้นั่งด้วยกันครั้งแรก  ใจของเขาเกือบละกระเด็นหลุดออกมาเสียให้ได้  แล้วเราก็ยังไม่ได้พูดกันสักประโยคอีกเลย  แต่วันหนึ่งวันที่อี้ชิงก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนไป แต่เสียงกุญแจรถที่ห้อยข้างเข็มขัดก็ดังกระทบกันจนมาเข้าโสตประสาทของเขา  กางเกงสีดำขายาวๆ ที่ก้าวเข้ามา อี้ชิงเงยหน้าสบตาพอดีกับคริส

    “ติวให้เราหน่อยดิ  อี้ชิง”


    วันนั้นเขาไมได้ตอบอะไร ไม่กล้าพูดอะไร แต่เขายิ้มประหนึ่งเหมือนตัวเองกำลังถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง พอถึงเวลาทุกคนมากันพร้อม คนที่สอนหนังสือไม่ได้กลับเป็นอี้ชิงแทน จนเฉินบอกว่า ไปเรียกมันมาไม่งั้นพวกเราคงไม่ได้อ่านหนังสือสอบกันมาพอดี ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ เราก็เลยสนิทกัน ไปกินข้าวด้วยกัน ไปห้างด้วยกัน เขาเป็นคนไม่ชอบเถียงคนอื่นมีเวลามีเรื่อง คริสจะนักเลงออกหน้าปกป้องให้เสมอ เพื่อให้มีคริสได้อยู่ข้างเขาตลอดเวลา อี้ชิงเลยต้องขยันเรียนให้เก่งทุกวิชา


    เสียงเรียกของคริสปลุกให้อี้ชิงตื่นจากห้วงความคิด ชิง วันนี้ต้องทำไรมั่งอ่ะ เตรียมทำสไลด์พรีเซนเหรอ

    “ใช่ๆ เตรียมไว้สอบจบไง เพราะเล่มวิจัยเฉินมันเป็นคนทำ”

    “เดี๋ยวกินข้าวเสร็จเราออกไปร้านกาแฟมั้ย ไปนั่งร้านเดิม คือเดี๋ยวคนอื่นมองชิงไม่ดีอ่ะ”

    “อื้มม์ ได้ๆ”


    Mazda 3 Neo สีดำ ขับออกจากหอพักโดยมีอี้ชิงเป็นตุ๊กตาหน้ารถ  ระยะทางจากหอไปถึงร้านกาแฟ คริสเปิดเพลง ฮำไปเบาๆตลอดทาง อี้ชิงชอบเวลานี้ที่สุด ก็แอบแซวไม่ได้

    “ร้องไม่เห็นเพราะเลย  ร้องอยู่นั่นแหละ”

    “เพราะไม่เพราะ ก็มีสาวๆติดเยอะละกัน”

    “เออๆ รู้แล้วหน่า”

    “เออๆ ชิง เกือบลืม คืนนี้มีเล่นดนตรีสี่ทุ่มอ่ะ อาจจะอยู่ร้านได้แค่ก่อนสี่ทุ่มนะ ไม่ไปไม่ได้อ่ะ ชานยอลบอกว่าไม่มีคนเล่นเบส แล้วคืนนี้มันวาเลนไทน์ด้วยอ่ะ พี่ที่ร้านบอกว่าคนเยอะ ชานยอลมันเลยจะไป”

    “อ่าวเหรอ ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราทำต่อเอง คริสไปเล่นดนตรีเถอะ”  อี้ชิงยิ้มให้หน้าเจื่อนๆ

    “พี่ครับ ของอี้ชิงเอาชาดำเย็นไม่หวานขอเข้มๆนะครับ  แล้วก็ชาไทยเย็นอีกแก้วนะครับ” เสียงใสสั่งบอกเจ้าของร้านกาแฟ ร้านประจำที่อี้ชิงชอบมานั่งอ่านหนังสือ ร้านนี้จะเปิดเพลงแนวที่เขาชอบฟังอีกด้วย

      เขาจำได้แม่นว่าคริสชอบกินอะไรไม่ชอบอะไร เวลามาร้านกาแฟ คริสจะชอบสั่งชาไทยเย็น เวลากินข้าวไม่ชอบกินมะเขือเทศ เพราะคริสจะยื่นมาให้อี้ชิงกินตลอด แต่พักหลังๆเขาคงต้องห้ามคริสเรื่องกินอะไรที่นมเยอะๆแล้วแหละเพราะคริสกำลังเป็นแผลในกระเพราะก็มาจากเจ้าตัวชอบดื่มเหล้าแทบทุกวันจะแทนน้ำ ไม่รู้รอดมาจนถึงปีสี่ได้ยังไงอึดจริงๆ

     “มาแล้วๆ” เฉินเปิดประตูเข้ามาตามด้วยชานยอล เซฮุนกับลู่หาน ทุกคนนั่งฝั่งตรงข้ามกับอี้ชิงและคริส

    เสียงชานยอลดังขึ้น “คริส มึงนี่ตัวติดกับอี้ชิงอีกแล้วนะ ชิงขอกินน้ำหน่อยดิ”  พลันยื่นหน้าไปดูดน้ำชาของอิ้ชิง

    “มึงไม่สั่งพี่เค้าวะ ไอ้ชาน ไปแย่งกินของอี้ชิงทำไม”

    “เดี๋ยวกูกับเซฮุนก็ไปแล้วมั้ย แค่แวะมาหามึงแป๊บเดียว สัสทำหวง”

    “หวงอะไร พูดดีๆ ไอ้ชาน”

    คนตัวเล็กแอบนั่งยิ้ม ก้มหน้าเขียนหนังสือ

    “ชิง ยอมเสื้อชอปแป๊บนึงดิ เดี๋ยวเข้ามอไปหาเพื่อน”

    “อ่าว จะเข้าไปมอทำไมเหรอ แต่เสื้อชอปของเราคริสใส่ไม่ได้หนิ ?  คริสจะไปนานไหม”

    “เอาไปให้เพื่อนอ่ะ พอดีมันมีเรื่องเดือดร้อน  เดี๋ยวเค้ามา ขอ 15 นาที  ไอ้ชานเอากุญแจรถมอไชค์มึงมาดิ”

    สายตามองตามคริสออกไป ร่างสูงรีบขับมอไซค์จนตัวปลิว

    เวลาเดินช้าอย่างน่ารำคาญ  อี้ชิงชะเง้อแล้วชะเง้ออีก นั่งถอนหายใจ จนเฉินหันมามอง


    เสียงแชทในโทรศัพท์ดังขึ้น


    คริส : ชิงสั่งข้าวให้ดิ เอาพริกไก่แกงไข่เจียว 2 จานนะ

    อี้ชิง : อ่า ได้จ้า หิวเหรอ สั่ง 2 จานเลย รีบมานะ

    คริส : ได้ๆกำลังกลับแล้วจ้า

     

    “ชิง เดี๋ยวคริสมันก็กลับมา” 

    อี้ชิงเหมือนลืมตัวรีบปฏิเสธเพื่อน “เปล่า.. เราไม่ได้รอมันนะ”   

    เซฮุนหันไปมองที่หน้าร้าน “นั่นไงมาละ แต่มันพาใครมาวะ มีผู้หญิงซ้อนท้ายมาด้วยว่ะ”

    อี้ชิงเงยหน้าขึ้นทันทีหลังคำพูดของเซฮุน เห็นผู้หญิงตัวเล็กๆหน้าตาน่ารักเดินนำหน้าคริสเข้ามาในร้าน พอดีกับพี่เจ้าของร้านยกอาหารที่สั่งมาให้

    “โต๊ะนี้เลยครับที่สั่งไว้ไหม” คริสจู่ๆก็หยิบหนังสือและชีทเรียนถือไปวางไว้โต๊ะเล็กๆที่สำหรับนั่งได้แค่สองคน

    “เดี๋ยวเราแยกไปนั่งตรงนั้นแป๊บนึงนะ” 

    อี้ชิงกำลังนึก ที่แท้พริกแกงไก่ไข่เจียวอีกจานมันถูกสั่งไว้สำหรับผู้หญิงที่มาใหญ่ คริสนั่งกินข้าวไปพร้อมกับฟังผู้หญิงคนนั้นพูดจ้อได้ไม่หยุด  มีคุยเรื่องอะไรต้องคุยกันนะ ทำไมผู้หญิงคนนี้เขาถึงไม่เคยเห็นหน้าเลยล่ะ  ถ้าเป็นผู้หญิงของคริสจริงอี้ชิงก็น่าจะเคยเห็นมาบ้าง แต่การที่พาคนอื่นมาด้วยแล้วไม่ได้บอกแบบนี้มันทำให้เขาน้อยใจจริงๆ


    อี้ชิงผุดลุกขึ้นรีบคว้า เอกสารอีกเล่มหนึ่งถือไปขณะเดินออกจากร้าน “เราออกไปถ่ายเอกสารร้านข้างนอกแป๊บนึงนะ เดี๋ยวมา ลู่หานไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ” สายตามองผ่านข้างหลังของคริสอย่างน้อยใจ

    “ได้ๆ ฮุนปะ” ลู่หานกับเซฮุนลุกตามไปติดๆ  “อี้ชิงโอเครึเปล่าอ่ะ”

    “เราไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลยลู่หาน เรารู้ว่าเราไม่มีสิทธิ์หึงไม่มีสิทธิ์น้อยใจ แต่  ไม่รู้ดิมันทำไม่ได้อ่ะ”

    “ลู่หานกับเซฮุนคิดว่าคริสจะรู้มั้ยว่าเรารู้สึกยังไงกับเขา”

    เซฮุนถอนหายใจ “ไม่รู้ว่ะ ตอนนี้ก็ไม่มีใครบอกมันนะแต่พวกเราทุกคนก็รู้อ่ะว่าชิงชอบมันใช่มั้ยล่ะ แต่ไม่มีใครพูด ไอ้ชานเห็นปากมากแบบนั้นมันก็ไม่เคยพูดอ่ะ ไอ้อินยิ่งเงียบใหญ่ไม่สนใจเรื่องชาวบ้านหรอก วันๆซื้อแต่ข้าวไก่ทอดหน้าเซเว่นกับแหย่คยองซู”

    “คริสจะรู้มั้ย ถ้ารู้แล้วทำไมยังพาคนอื่นเข้ามา ถ้ารู้แล้วทำมี่ผ่านมาไม่เห็นพูดเลย” อี้ชิงทำหน้าหงอย อยากจะงอลแต่ก็ทำไม่ลง

    “กลับกันเหอะ ลู่ว่าเราออกมานานแล้ว”   ทั้งสามคนเดินกลับไปที่ฝั่งร้านกาแฟ เห็นคริสกลับมานั่งกับชานยอล แต่ไม่มีวี่แววของผู้หญิงคนนั้นแล้ว

    คริสมองสีหน้าอี้ชิงจนต้องขมวดคิ้ว “ไปไหนมาอ่ะ เป็นไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น ข้างนอกแดดร้อนเหรอ”

    “เปล่าหรอก ไม่ได้เป็นไร ผู้หญิงคนนั้นกลับไปแล้วเหรอ ขะ เขาเป็นใครเหรอคริส

    “กลับไปแล้วล่ะ ก็รู้จักอ่ะแหละ

    “อ่า   งั้นเหรอ” 

    “เมื่อคืนพอดีเราไปมีเรื่องที่ร้านเหล้าอ่ะ แล้วผู้หญิงคนนั้นก็เลยเป็นคนมาขอเคลียร์ ไม่มีอะไร เห็นจะกินข้าวเราก็เลยพามาด้วยเลย”

    “แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ดูจะชอบคริสนะ ”

    “อือใช่”

    “คริสรู้เหรอ” 

    “อือ  ก็รู้แหละ เขาทักมาบ่อย แบบ ถามกินข้าวยัง ทำไรอยู่ แทบทุกวัน ดูแค่นี้ก็รู้แล้วว่าชอบ”

    “คริสดูออกเหรอ ถ้ามีคนมาทำแบบนั้นด้วย

    “ดูออกดิ”

    อี้ชิงลอบถอดถอนใจ งั้นคริสก็ต้องดูออกไหมว่าเขาเองก็แอบชอบคริสเหมือนกัน



     

     

           จากช่วงสายของวันก็เริ่มคล้อยบ่ายเย็นเวลาที่อยู่ด้วยกันก็เริ่มหมดไป ทั้งหมดก็ยังอ่านหนังสือด้วยกัน อี้ชิงได้แต่เก็บงำความสงสัยไว้ในใจ

    “ชิง อยากกินขนมปังปิ้งราดช็อคโกแลตกับนมข้นอ่ะ กินเป็นเพื่อนหน่อยดิ สั่งพี่เขาดีมั้ย”

    “แต่  ช่วงนี้เราไม่กินหวานอ่ะคริส คริสอยากกินคริสสั่งพี่เขาเลย”

    “กลัวกินไม่หมดอ่ะมันเยอะ เสียดาย ชิงกินเป็นเพื่อนหน่อยดิ ไม่อ้วนหรอกหน่า”

    “ก็ได้สั่งมาสิ เดี่ยวเราช่วยกิน” รอยยิ้มที่ยิ้มจนลักยิ้มเด่นชัดขึ้นมา คริสยักคิ้วให้อี้ชิง จากนั้นหันไปสั่งพี่เจ้าของร้านกาแฟอย่างว่องไว

     

    เวลาผ่านไปจนจะใกล้สี่ทุ่ม ซึ่งเป็นเวลาที่ร้านกำลังจะปิด ทั้งหมดจึงเก็บของเตรียมแยกย้ายกลับห้องพักของตัวเอง

    “คริสค่าขนมปังปิ้งตอนเย็นอ่ะ”

    “ไม่ต้องอ่ะ ชิงกินไปชิ้นเดียวเองจะให้ชิงมาออกด้วยได้ไง”

    แต่โดนชานยอลขัดขึ้นเสียก่อน “แหมมมม จ่ายให้ด้วยนะ ป๋านะมึง”

    “ชิงมันกินไปชิ้นเดียว ถ้ากูให้มันจ่ายด้วย กูก็หมาแล้วมั้ย มึงหนิ” 

    “เดี๋ยวเราไปเล่นดนตรีที่ร้านเหล้าก่อนนะ ชิงจะกลับไปทำโปรเจคต่อปะ ”

    “อื้มม์ เดี่ยวเรากลับไปทำต่อที่หออ่ะ คริสไปเถอะนัดไว้แล้วไม่ใช่เหรอ”

    “อื้อ ไปนะ”

     

     

     

     


    ในห้องพักที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ แต่ในใจของอี้ชิงกลับไม่ได้สงบลงเลยสักนิด  โน๊ตบุคสีขาวที่เปิดทิ้งไว้สำหรับพิมพ์งานวิจัยยังคาอยู่หน้าเดิมมาเกือบครึ่งชั่วโมง  เขาหยิบโทรศัพทน์ขึ้นมาเลื่อนหากลุ่มแชที่มีแค่ลู่หานกับคยองซู

    อี้ชิง :  ลู่ คยอง ไปร้านเหล้ามะ เครียดอ่ะ

    ลู่หาน : แปลกใจ 555555 ชิงชวนไปกินเหล้า เป็นอะไรอ่ะชิง เรื่องเมื่อเย็นเหรอ

    คยองซู : ไปได้นะ แต่ให้จงอินมันไปด้วยได้มั้ยอ่ะ เพราะว่าพวกเซฮุนกับชานยอลมันไปเล่นดนตรีกับคริสอ่ะ

    อี้ชิง  :  ได้ๆแต่ไม่เอาร้านที่พวกนั้นไปเล่นดนตรีนะ

     



    สี่คน อี้ชิง ลู่หาน คยองซูและจงอิน เลือกนั่งโต๊ะริมสุด สามคนเอาแต่บอกอี้ชิงที่มัวแต่ดื่มเอาๆไม่พูดไม่จา

    จนจงอินพูดขึ้นมาก่อน “เออ เดี๋ยวพวกคริสมันจะตามนะ เห็นพวกเราออกมามันเลยจะแวะมาร้านห่างกันไม่ไกลมาก”

    “จะมาทำไม จงอินทักไปบอกพวกนั้นเลย ว่าชิงบอกว่าไม่ต้องมาหรอก”

    ทั้งสามหันไปมองหน้ากัน ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี จนคยองซูพูดขึ้นมาก่อนว่า

    “อี้ชิง  มึงรักมันได้นะ เสียใจได้ แต่มึงรู้ใช่ไหมว่าคริสมันรักมึงในแบบเพื่อน ต่อให้มึงดีกับมันแค่ไหนอ่ะ”

    “อืมม์ เรารู้ ไม่ย้ำหรอก”

    สายตามองไปที่หน้าร้านอีกที ก็เห็นชายหนุ่มร่างสูง คริส เซฮุน  ชานยอลกำลังเดินเข้ามาทางนี้พอดี

    “ชิงเป็นไร ทำไมกินเบียร์เยอะอ่ะ ปกติชิงมันไม่กินหนิ”  คริสพูดพร้อมกันนั้นก็ดึงเอาแก้วใสออกจากมือขาวของอี้ชิง

    “ไม่ต้องมายุ่งหรอก” อี้ชิงปัดมือคริสออก นั่งหันหน้าไปอีกทางไม่ยอมมองหน้าคริสสักทีจนคริสเองก็เริ่มโมโห ก่อนจะเดินออกไปยังหันไปถามจงอิน

    “อี้ชิง เป็นอะไร ทำไมมีไรแล้วบอกกูไม่ได้วะ”

    “มันคงไม่อยากให้มึงรู้แหละมั๊ง”  ว่างมันชอบมึง  จงอินได้แต่ตอบในใจ

    “แล้วเมาขนาดนี้มันจะกลับหอยังไง รถก็ขับไม่เป็น หอก็อยู่ไกลอีก แล้วพวกมึงอ่ะ”

    จงอินโบ้ยปากไปทางชานยอล “เดี๋ยวกูไปกับคยองซู  ไอ้เซฮุนมันก็กลับกับลู่หานได้พักหอเดียวกัน ส่วนไอ้ชานเดี๋ยวแบคออกมารับอ่ะ คริสมึงก็พาอี้ชิงกลับด้วยดิ หอมึงไปทางเดียวกันอ่ะ มึงเอารถมาหนิ”

    “เออ  กูจอดไว้ด้านนอกแล้ว กูเป็นห่วงเฉยๆอ่ะปกติไม่เคยเห็นอี้ชิงมันแดกเหล้าเลยไง ไม่รู้เป็นไร”

    “เออ งั้นพวกกูกลับก่อนนะ ฝากมึงไปส่งอี้ชิงด้วย”


     

    อี้ชิงยังนั่งหน้าบึ้งเหมือนคนจะร้องไห้ตลอดเวลา เบียร์ที่กินเข้าไปเหมือนกำลังจะเริ่มทำให้เขามึนหัวเล็กน้อยแต่ยังมีสติอยู่บ้าง พวกเซฮุนกลับไปกันหมด เหลือก็แต่จำเลยที่เขาคาดโทษไว้ตั้งแต่ตอนบ่าย

    “ชิงกลับได้แล้ว ร้านเขาจะปิดแล้วเนี่ย”

    “กลับเองได้”

    “กลับไงรถก็ไม่มี”

    “เดิน”

    “ลุกได้แล้ว อี้ชิง”

    เหมือนเสียงของคริสผ่านหูซ้ายทะลุหูขวาของอี้ชิงไปราวกับว่าไม่ได้ยิน พอคริสเห็นอี้ชิงพูดยังไงก็ไม่ยอมขยับ เฮ้ององแงว่ะ

    “ไม่ลุกใช่มั้ย ได้”

    “เฮ้ย คริสทำอะไรอ่ะ อุ้มเราทำไมเนี่ย”

    ใช่ คริสจับเขาอุ้มพาดบ่า ถึงร้านจะปิดแต่ก็ยังมีคนนะเว้ย ไอ้คริสบ้า ทำอะไรของเขาเนี่ย

    “ปล่อยเราลงเลย เดินเองได้ ยังไมได้เมานะ” กำปั้นเล็กๆรัวไปที่แผ่นหลังของร่างสูงแต่ทว่าไม่ได้ทำให้คนตัวโตกว่าสะท้านได้เลย

    “มัวแต่พูดกันคงไม่ได้กลับอ่ะ ก็ดื้อไงเลยต้องใชวิธีนี้แหละ รำคาญ”


    Mazda 3 Neo สีดำเคลื่อนตัวออกไป จนใกล้จะถึงหอพักของอี้ชิง

    ภายในรถเงียบจนได้เสียงลมจากช่องแอร์ อี้ชิงไม่ยอมพูดอะไรเลยตั้งแต่ขึ้นรถ

    จนคริสทนไม่ไหว เป็นฝ่ายพูดก่อนในที่สุด “เป็นไร  ถ้าไม่ยอมบอกว่าโกรธอะไรก็ไม่รู้หรอกนะ”

    “ไม่ได้เป็นอะไร จะถึงแล้วจอดตรงนี้แหละ”

    “คุยกันให้รู้เรื่องก่อนดิ เราเป็นเพื่อนกันนะ”

    จะย้ำเพื่อ!! อี้ชิงนึกโมโหในใจ “จอดตรงนี้แหละคริส เดี๋ยวเดินเอง”

    “ไม่อ่ะ ไม่คุยให้รู้เรื่อง ก็ไม่ต้องลง”

    คราวนี้อิ้ชิงต้องหันไปมองหน้าคริส  มาสด้า 3 สีดำขับเลยหอพักของเขาไปแล้ว คริสต้องการอะไรกันแน่ทำไมไม่ปล่อยให้ลงตรนี้ปกติจะเป็นคนขึ้รำคาญจะตายไป

    “แล้วพามาที่หอคริสทำไม เราจะกลับไปนอนหอตัวเอง”

    “สภาพแบบนี้มีปัญญาเดินขึ้นบันไดเหรอ อยู่ตั้งชั้นห้า ลิฟท์ที่หอก็ไม่มี”

    ในที่สุดคนตัวโตกว่าก็ลากคนตัวเล็กเข้ามาในห้องได้สำเร็จ ถึงจะเป็นผู้ชายตัวเล็กๆแบบนี้แรงอี้ชิงก็เยอะนะ คริสให้อิ้งนั่งตรงปลายเตียง ส่วนตัวเองลากเก้าอี้ชิงโต๊ะทำงานมานั่งประจันหน้ากับอี้ชิง

    “เป็นอะไร” คริสถามเสียงอ่อนลง

    “เปล่า จนตอนนี้อี้ชิงก็ยังไม่ยอมมองหน้าคริส

    “มีอะไรก็พูด ไม่พูดเราก็ไม่รู้หรอกนะ”

    คนตัวเล็กเอาแต่ก้มหน้างุดมองนิ้วมือเรียวของตัวเองที่ตอนนี้มันเอาวางไว้บนตักอย่างไม่รู้จะทำอะไรดี

    โดนคนที่ตัวเองแอบชอบมาตลอด จ้องขนาดนี้มันจะพูดออกไปได้ไงอ่ะ

    “ถ้าไม่พูดงั้นคืนนี้ก็นอนนี่ล่ะ ไม่ต้องกลับห้องตัวเอง” คริสหยิบกุญแจทำเหมือนจะออกไปข้างนอกอีกครั้ง  อะไรเพิ่งจะมาถึงจะออกไปอีกแล้วเหรอไง อะไรของเขากัน

    “คริสจะไปไหน จะให้เราห้องนี่คนเดียวได้ไง นี่ไม่ใช่ห้องเรานะ”

    “ก็ออกไปข้างนอก อยู่ในนี้แล้วมันอึดอัด ไม่อยากคุยก็ไม่ต้องต้องคุย”

    เสียงบิดลูกบิด คริสกำลังจะเปิดประตู แต่ชายเสื้อกลับถูกมือเล็กๆดึงยื้อเอาไว้

    “ที่เราโกรธเพราะเรื่องตอนบ่ายนั่นแหละ เราไม่ชอบที่คริสพาผู้หญิงคนอื่นมาอยู่ต่อหน้าเรา  เราไม่มีเหตุผล ขอโทษที่ทำให้โมโห อย่าเพิ่งอารมณ์เสียได้ไหม คริส

     

    “แล้วเป็นไร ก็บอกแล้วไงว่ามันไม่มีอะไร คิดเองเออเองทั้งนั้นอ่ะ โตๆกันแล้วเปล่าวะชิง”

    ไม่รู้เป็นเพราะว่าฤทธิ์จากเบียร์ที่กินเข้าไปหลายแก้วหรืออี้ชิงหมดความอดทนจนพ่นทุกอย่างที่อยู่ในใจออกมาจนได้

    “เพราะเราไม่เคยบอกคริสเลยใช่มั้ยว่าเรารู้สึกยังไงกับคริส เราคิดว่าคริสรู้แล้ว รู้มาตลอดใช่มั้ย เราไม่เชื่อหรอกว่าคริสจะดูไม่ออกว่าเราชอบคริสอ่ะ เราพยายามตัดใจแล้วแต่มันทำไม่ได้ไง วันนั้นที่คริสไปมีเรื่องแล้วไล่เพื่อนคนอื่นกลับไปหมดรู้มั้ยเราเป็นห่วงแค่ไหน  แต่กลับต้องมาพบว่าคริสไปมีเรื่องเพราะผู้หญิงตบกันแย่งคริสนี่นะ รู้มั้ยเรารู้สึกยั- อื้อ!!

    ยังไม่ทันที่อี้ชิงจะพูดจบ คริสก็หยุดคำพูดเหล่านั้นด้วยริมฝีปากของตัวเอง จากที่สัมผัสแค่ภายนอกก็เริ่มหนักหน่วงร้อนแรงเมื่อปลายลิ้นของคนที่ชำนาญกว่าเริ่มสอดเข้าไปในโพรงปากของคนร่างบางเพื่อลองชิมความหวานของเพื่อนตัวน้อย เขารู้ว่าอี้ชิงไม่เคยจูบกับใคร ไม่เคยคบกับใคร เพราะวันๆก็ตามต้อยๆแต่กับเขา ความประสาของอี้ชิงทำให้คริสอยากจะลิ้มลองมากกว่านี้ สัมผัสร่างกายของคนตรงหน้ามากกว่านี้   จูบที่เนิ่นนานเริ่มทำให้อี้ชิงขาดอากาศหายใจ เสียงกำปั้นทุบลงไปบนแผ่นอกกว้างของคริส ทำให้ร่างสูงจำต้องปล่อยให้คนตัวเล็กให้เป็นอิสระชั่วคราว อีกอย่าง เรายังคุยกันไม่จบ

    “มะ มาจูบเราทำไมเนี่ย คริส เป็นบ้าอะไร” ไม่อยากจะเห็นตัวเองจากในกระจกเลยว่าตอนนี้เขาคงหน้าแดงไปถึงไหนแล้ว

    “ถึงเราจะบอกว่ารู้สึกยังไงกับคริส แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้ป่าววะ ถ้าวางความรู้ความรักออกไป เราก็ยังเป็นเพื่อนกันอ่ะ” น้ำตาเริ่มใหลอาบน้ำแก้ม พยายามกลั้นแล้วแต่มันทำไม่ได้จริงๆ นั่นจูบแรกของเขาเลยนะ

    “ขอโทษใช่เรารู้ รู้มาตลอดและคงจะเห็นแก่ตัวไปหน่อยที่อยากจะเก็บเพื่อนไว้ข้างๆตัวเอง คนอื่นแม่งจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับชิง แต่เรากลับยังไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่น เราเหี้ยมากใช่ไหม ขอโทษนะเราก็เป็นแบบนี้ ไม่แปลกใจหรอกที่คนในเอกจะมองว่าเราเป็นโคตรไอ้เหี้ยอ่ะ”

     “หมาย.. ความว่ายังไงเหรอ”

    “รู้มั้ยว่าตอนที่เห็นอี้ชิงเมาที่ร้านเหล้า เรากังวลแค่ไหน ถ้ามีคนอื่นมายุ่งกับชิงเราจะทำยังไง ที่ต้องรีบไปหาเพราะกลัวชิงไม่ปลอดภัยไง เรากลัวถ้าบอกไปว่า เออเรารู้ว่าชิงชอบเรา แล้วเรารู้เหมือนกัน เรายังจะเป็นเหมือนเดิมได้ไหม ไปร้านกาแฟนั่งด้วยกันตั้งแต่เช้ายันมืดได้ไหม ไปเดินห้างด้วยกันได้ ไปดูหนังด้วยกันได้ไหม ”

    “คริส

    “ที่ผ่านมาเสียใจมากไหม เราขอโทษนะ” มือหยาบปัดที่แก้มขาวๆเช็ดน้ำตาให้อี้ชิงอย่างอ่อนโยน เขารู้ว่าคริสอ่อนโยนกับเขาเสมอ

    “หายงอลแล้วนะครับ”

    “อื้อ” พยักหน้ายิ้มให้กับคนตัวโต

    ทั้งสองยังนอนข้างกันบนเตียง คุยนั้นคุยนี่ อี้ชิงเล่าให้คริสฟังว่านั่งเรียนด้วยกันครั้งแรกเมื่อไหร่ วิชาอะไร เริ่มชอบเขาตอนไหน ตอนไหนแอบงอลคริสมากที่สุด คนตัวเล็กเอาแต่พูดจ้อด้วยความดีใจ คริสก็นอนฟังเสียงของอี้ชิงอย่างไม่รู้เบื่อ จนอี้ชิงเริ่มง่วงมาบ้าง

    “เรากลับไปนอนห้องตัวเองดีกว่า รบกวนคริสมานานแล้ว หายเมาแล้วล่ะ”

    “นอนที่นี่เหอะ มันดึกแล้ว ขี้เกียจวนรถกลับไปส่ง”

    “เหรอ..

    “ชิง..

    “หืมมมม”

    “ขอจูบได้ไหม

    “แค่จูบเท่านั้นนะ”

     “ครับ”

    คนตัวเล็กหลับตาปี๋ ใจเต้นเหมือนจะหลุดออกมาข้างนอก คริสเริ่มสัมผัสริมฝีบางอีกครั้งอย่างอ่อนโยน ลิ้นเริ่มสอดเข้าไปเกี่ยวลิ้นของคนตัวเล็กอย่างโหยหา มีหรือที่อี้ชิงจะตามเขาทัน จากอ่อนหวานเริ่มเป็นจูบที่หนักหน่วง คริสดันร่างบางให้นอนหงายจนตัวเองสามารถคร่อมทับได้สำเร็จ มือเริ่มสำรวจร่างขาวเนียนไปอย่างเงียบ อี้ชิงเคลิ้มจนสมองขาวโพลนไม่ทันรับรู้อะไรอีก มือหนามาหยุดอยู่ตรงกลางลำตัวของร่างบาง จังหวะที่คริสกำลังเคล้นคลึงส่วนนั้นมันหนักหน่วงจนอี้ชิงผวาเฮือก

    “คริส จะจะทำอะไร ไม่เอานะ เรากลัว”

    “ไม่ต้องกลัว เราไม่ทำอะไร แค่อยากให้อี้ชิงนอนหลับสบาย เชื่อใจเรานะ นะครับ”

    บทจูบอันเร่าร้อนยังดำเนินต่อไป แอร์ที่ 22 องศาไม่ได้ช่วยดับความร้อนในกายของคริสได้เลย เพื่อนตัวเล็กของเขาผิวขาวละเอียดอย่างกับผู้หญิง เอวที่คอดบางแล้วแก้มที่ยังขึ้นเรื่อสีแดงนั่นอีก

    มือหนาล้วงเข้าไปในกางเกงของคนตัวเล็ก มือสัมผัสส่วนนั้นอย่างเบามือเริ่มกำแล้วขยับเร็วขึ้น คริสเป็นคนควบคุมร่างกายของอี้ชิง  คนตัวเล็กได้แต่แหงนหน้าร้องเสียงคราญหวานหู ไม่คิดเลยว่าการได้รับสัมผัสจากคนที่เรารักมันจะรู้สึกดีมากขนาดนี้ จังหวะมือของคริสเริ่มหนักหน่วงขึ้นและถี่รัวขึ้น

    “อ๊ะ อ๊ะ อ๊า คะ คริส อื้ออ”

    “อ๊ะ อะ พอแล้ว ”

    “อืออ ”

    “เอามือออกไปเลย ไหนบอกแค่จูบไงเล่า” คนตัวเล็กโวยวายจนหูแดง

    “เป็นแฟนกันแล้ว ก็ต้องทำตามใจเราดิ ห้ามขัดใจ เปลี่ยนใจไมได้แล้วนะ”

    “รักนะครับ ” ก้มจูบหน้าผากคนตัวเล็ก

    “ละ แล้วคริสล่ะ เอ่อ  คือ ”

    “นอนเถอะ เดี๋ยวเราไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ ใส่หูฟังก็ดีนะเดี่ยวได้ยินแล้วมีอารมณ์อีก ไม่ช่วยแล้วนะ ฮาฮา”

    “ไอ้บ้า ไปเลยนะ”

    “ชิง  情人节快乐 我爱你





     #ValentineKrisLay    

    @coniferous19


    จบเเล้ว!!! สั้นไปไหมคะ 555555555555 ช่วงนี้งานยุ่งมากภาษาอาจจะง่ายๆนะคะ เเต่อยากมาเเต่งคริสเลย์สนองตัวเองด้วย 55555555555555 เลยรีบเครียร์งานมาเขียนเลยค่ะ ไว้คราวหน้าถ้ามีโอกาสอาจจะมาลงให้ได้อ่านกันอีกนะคะ ฝากคริสเลย์ด้วยนะค๊า  




    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×