เปิด...สู่หนังสือ
หนังสือ หนังสือ ผมทำได้แค่อ่านหนังสือเท่านั้น...
ผู้เข้าชมรวม
187
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
หนังสือ หนังสือ ผมทำได้แค่อ่านหนังสือเท่านั้น...
ผมชื่อ เอก อายุ 17 ปี อยู่ในครอบครัวที่ดี มีพี่น้อง 1 คน คือน้องสาวชื่อว่า เอม ผมเป็นคนเงียบๆ ชอบอ่านหนังสือ วันๆหนึ่ง ผมจะอ่านหนังสือไม่ต่ำกว่าสามเล่ม และวันนี้ก็เช่นกัน ผมกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนต้นไม้ ต้นที่ผมชอบปีน ผมมักจะปีนขึ้นไปอ่านหนังสือบ่อย ขณะที่กำลังอ่านอยู่พ่อผมก็มาเรียก
"เอกวันนี้เราจะไปเยี่ยมปู่กันนะ" พ่อบอก
"ครับ พ่อ" ผมรับคำ
"งั้น พ่อไปรอที่รถนะ"
หลังจากนั้น 5 นาที ผมก็ขึ้นมาอยู่บนรถที่กำลังเดินทางไปบ้านของปู่
เมื่อมาถึงผมก็ลงมาสูดอากาศ และมองบ้านหลังเก่าของปู่อย่างคิดถึง มันเป็นบ้านไม้สักทั้งหลัง เป็นบ้านหลังใหญ่ที่สุดในละแวกนี้ รอบๆบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้ เพราะปู่เป็นคนรักธรรมชาติ เวลาว่างมักจะปลูกต้นไม้ไว้เสมอ ผมจึงชอบเดินเล่นรอบบ้านที่สุด และช่วงที่ผมมองดูบ้านนั้นเอง ปู่ก็เดินออกมา
"สวัสดี ครับ/ค่ะ ปู่" ทุกคนในบ้านทักทายปู่
"เอา สวัสดี" ปู่รับคำทักทายด้วยท่าทางดีใจ
"ปู่เป็นยังไงบ้างครับ" ผมถาม
"ก็เหมือนเดิม เดี๋ยวนี้แก่ลงทำอะไรก็ลำบากไปหมด" ปู่พูดออกอารมณ์ "เอ้า เข้ามาคุยกันในบ้านเถอะ"
แล้วเราก็พากันเข้าไปในบ้าน บ้านของปู่ก็ยังเป็นเหมือนเดิม มีบรรยากาศเก่าๆ ในบ้านมีหน้าต่างกว้าง แล้วก็ประตูใหญ่ออกไปที่เฉลียง เป็นบ้านที่โล่งๆตามแบบที่ปู่ชอบ ชั้นบนมีห้องนอนสามห้อง ห้องพระ และห้องหนังสืออย่างละหนึ่งห้อง ส่วนห้องน้ำมีแต่อยู่ชั้นล่างเพราะเป็นบ้านไม้ ปู่พาเราเดินออกมาที่ระเบียงนอกชานที่มีอากาศดี และร่มรื่นด้วยต้นไม้
"เอ่อ ที่ผมมานี่ก็เพราะว่าอยากให้พ่อไปอยู่กับผมที่ในเมืองน่ะครับ เห็นว่าพ่อแก่แล้ว และอยู่ไกลมากก็เลยกลัวว่าพ่อจะลำบาก" พ่อผมเริ่มต้นบทสนทนา เมื่อนั่งลงแล้ว
"พ่อว่าพ่อคงไม่..."
ก่อนที่ปู่จะพูดจบผมก็หลบออกมา มาอยู่ที่ห้องหนังสือของปู่ที่ผมชอบมานั่งอ่านหนังสือเป็นประจำ ผมเดินมาถึงก็เข้าไปในห้อง ห้องนี้มีหน้าต่างบานเดียวที่สุดห้องฝั่งหนึ่ง ผมเดินเลือกหนังสือไปเรื่อยๆ จนมาสะดุดเข้ากับหนังสือเล่มหนึ่ง
"ก้อนดินที่ไร้ค่า, ผ้าสองสี, หัวขโมยแห่งบารามอส, แก้วสีเพชร, การผจญภัยของเอก..." ผมหยุดชะงัก "การผจญภัยของเอก เอ๋! นี่มันชื่อเรานี่นา มันไปอยู่ในหนังสือได้ยังไง" ผมพูดด้วยความแปลกใจ
แล้วผมก็หยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมา ผมเปิดมันออกไปที่หน้าแรกของเนื้อเรื่อง และทันทีที่ผมอ่านอักษรตัวแรกในหนังสือ...
"เอกเป็นเด็กชายคนหนึ่ง ที่ไม่... เหวออ!" ผมร้องด้วยความตกใจ
ผมอ่านยังไม่ทันจบวรรคแรกน้ำหมึกก็ไหลออกมาดูดผมเข้าไปในหนังสือ และตัวหนังสือรอบๆ ตัวผม ก็แปลงรูปร่างไป จนผมนึกได้อีกที ก็มาอยู่ในทุ่งข้าวบาเลย์ที่กว้างขวาง
ผมงงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พอตั้งสติได้ผมก็เริ่มมองสำรวจไปรอบๆ และไปสะดุดตาเข้ากับสิ่งสิ่งหนึ่ง ผมมองเห็นคนร่างเล็กกำลังทำอะไรสักอย่างอยู่ผมเดินเข้าไปใกล้ร่างนั้นอย่างช้าๆ เมื่อมาถึงที่เขายืนอยู่ ผมก็มองเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนแคระ
"สวัสดีครับ ผมขอถามอะไรคุณหน่อย" ผมถามออกไป
ทันทีที่เขาเห็นผมเขาก็ร้องให้ด้วยความดีใจ และพูดว่า...
"โอ ท่านมาแล้ว ไม่อยากจะเชื่อ สวรรค์โปรด..."
"เอ่อ... ผมไม่เข้าใจ ผมขอถามอะไรหน่อย" ผมพูด
"อย่าพูดที่นี่ขอรับ ไม่ปลอดภัยเลย มาทางนี้เถิดขอรับ" พูดด้วยน้ำเสียงสั่นกลัว พลางมองไปรอบๆ "มาทางนี้เถิดขอรับ ตามผมมา"
ผมเห็นว่าไม่มีทางเลือก จึงทำได้แค่เดินตามเขาไป เขาเดินมาเรื่อยๆ จนถึงชายป่า และเดินเข้าป่าไป แล้วเขาก็พูดขึ้น
"ที่นี่ปลอดภัยแล้วขอรับ" เขาพูดขึ้นหลังจากเข้ามาในป่า "ที่นี่ชื่อว่า 'ป่าต้องมนต์' เป็นป่าที่มีสัตว์วิเศษอาศัยอยู่ ผมชื่อ เมกอน ครับ เป็นคนแคระ อาศัยอยู่ที่นี่ อาณาจักรแห่งนี้มีชื่อว่า 'ลิตเติ้ลแลนด์' ขอรับ เมื่อก่อนเป็นอาณาจักรที่สงบสุข มีพระราชาปกครอง เป็นอาณาจักรที่สวยงามมากขอรับ จนกระทั่ง..." เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา "เจ้านั่นเข้ามา เจ้า 'เรเบียน' นั่น มันเป็นคนของเผ่าอัคคีขอรับ ถูกขับไล่ออกมา เพราะชอบความรุนแรง แล้วมันก็มาที่อาณาจักรนี้ มันเข้ามากับเพื่อนเพียงสามคนเท่านั้น สองคนเป็นเผ่ายักษ์มีกำลังมากแต่ไร้สมอง อีกคนหนึ่งเป็นเผ่ามายาใช้สมองมากกว่ากำลัง มันทำลายเมือง และขับไล่พระราชาออกไป พวกเราเองก็ยังต้องมาทำงานให้มันอีกทำไร่น่ะครับท่านคงเห็นแล้วมันจะมาเอาผลผลิตทุกฤดู มันจ้างเผ่าหมาป่าเป็นผู้ดูแล พวกเราเลยต้องหลบซ่อนตัวกัน แต่ที่นี่มันเข้ามาไม่ได้หรอกขอรับ"
หลังจากที่ฟังมานานผมก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย
"แล้วคุณบอกผมทำไม แล้วนี่คุณจะพาผมไปไหน?"
"ผมรู้ขอรับว่าท่านมีคำถามมากมาย แต่เมื่อท่านตามผมมาแล้วเขาจะตอบท่านเอง เขาเป็นคนเดียวในอาณาจักรที่กล้าต่อต้านเรเบียน เป็นคนกล้าหาญ ฉลาด และเข้มแข็ง 'ผู้กล้าแห่งไซด์วู้ด เธรมองค์ (เทร-ม้อง)' ไงล่ะครับ"
เมื่อเขาพูดจบเราก็มาหยุดอยู่ที่หน้าต้นไม้ที่ดูลำต้นกว้าง และอ้วนกว่าปกติ เขาเอามือเคาะไม้ดังเป็นจังหวะ ทันใดนั้นไม้ก็เปิดออกเป็นช่องเผยให้เห็นด้านใน มันเป็นบ้านนั่นเอง บ้านที่มีคนแคระอาศัยอยู่ 5-7 คน มันดูคับแคบสำหรับผม เมื่อพวกเขาเห็นผม พวกเขาก็ตกตะลึงแบบเดียวกับที่ตอนเมกอนเห็นผม
"ยังมีบ้านแบบนี้อีกหลายแห่งในป่าขอรับ" เมกอนบอก "ทำไว้พรางตัวครับ"
เขายังไม่หยุดเดินแค่นั้น เขาไปตรงฝั่งหนึ่งที่มีบันไดลิง แล้วไต่ขึ้นไป ผมตามเขาไปปีนจนขึ้นมาถึงยอดสุด ข้างบนเป็นเหมือนดาดฟ้ามีที่นั่ง มองออกไปเห็นได้ไกลผมจึงเห็นว่าอาณาจักรนี้สวยตามคำบอกเล่าจริง มีทุ่งหญ้าตามเนินเขา และมีลำธารไหลผ่านร่องเขานั้นช่างสวยงามเหลือเกิน และเมื่อผมหันมาอีกทางหนึ่งมีคนแคระที่รูปร่างสง่ากว่าคนแคระทั่วไป ผมสีทอง ตาสีดำขลับ สายตาที่แหลมคม และมีความสูงกว่าคนแคระทั่วไป นั่งอยู่ตรงหน้าผมผมก็เดาได้ทันทีว่าเขาคือเธรมองค์นั่นเอง
"สวัสดีท่าน 'อัศวินกู้บัลลังค์'" เขาพูดขึ้นแววตาเป็นประกาย
"คุณพูดว่าอะไรนะ มันหมายถึงอะไร" ผมถามขึ้น
"มันหมายถึงท่านนั่นแหละ" เขาตอบเสียงเรียบ "เคยมีคำทำนายถึงกาลนี้มาก่อนแล้ว ทำนายโดย 'เบรอา ซัคการ์' เป็นพวกยิปต์ซีชอบมาที่อาณาจักรเราบ่อยๆ คำทำนายมีอยู่ว่า 'จะมีกาลวิบัติมาเยือนอาณาจักร เกิดความลำบากไปทุกหน และเมื่อนั้นอัศวินกู้บัลลังค์ชาวมนุษย์ จะมาปราบยุคเข็ญลงได้' จากการทำนายเราได้ระวังอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งมันได้ แม้แต่พระราชายังต้องถูกกักกันอยู่ในบ้านหลังหนึ่งทางใต้ ตัวข้าก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก เพราะพวกมันมีพลังมากเหลือเกิน ท่านคงจะได้ฟังมาแล้วเจ้าเรเบียนนั่นมันโหดเหี้ยมเหลือเกิน แล้วยังมีพวกที่มากับมันอีก ยักษ์สองตัวนั่นเป็นพี่น้องกันชื่อ 'อาร์กา' กับ 'อาร์แกน' พวกมันโง่จึงถูกชักนำได้ง่าย ส่วนอีกคนก็เป็นเผ่ามายานักวางแผน มันเป็นคนคิดแผนการทั้งหมด ที่พึ่งสุดท่านก็มีแต่ท่านเท่านั้น"
"แล้ว... แล้วผมจะช่วยได้ยังไง ผมเป็นแค่มนุษย์ยังไม่บรรลุนิติภาวะเลย" ผมพูด หลังจากฟังเขาเล่าจบ
"ช่วยได้แน่นอนครับ หากท่านมีความกล้าที่จะทำ"
"แล้วผมจะเอาอะไรไปสู้กับเขา"
"ใช้ปัญญาสิครับ ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความกล้าที่จะใช้มัน"
หลังจากนั้นผมคิดว่ากลับบ้านก็ไม่ได้แล้วก็ช่วยพวกเขาก็แล้วกัน ผมช่วยสอนพวกเขาถึงการใช้กลยุทธต่อสู้ ผมแนะนำให้พวกเขาไม่ต้องส่งผลผลิตให้กับเรเบียน ไม่นานพวกเผ่าหมาป่าก็มาถึง เพื่อที่จะจัดการผู้ขัดขืน เราใช้วิธีต่อสู้อยู่บนต้นไม้ และใช้ธนูยิงพวกมัน ไม่ช้าก็ล่าถอยไป พวกเขาดีใจกับชัยชนะในครั้งนี้เป็นอย่างมาก และยกย่องผมยกใหญ่ ผมคิดแล้วว่าถ้าทำเช่นนี้พวกเรเบียนย่อมไม่อยู่เฉยแน่ ผมจึงแนะนำให้พวกเด็ก ผู้หญิง และคนชรา ย้ายเข้าไปในป่าลึก ผม และพวกนักรบ ออกมาตั้งค่ายอยู่ที่ทุ่งหญ้าบนเนินเขา
ขณะที่อยู่บนเขาพวกเราได้เตรียมการจะต่อกรกับเรเบียนเอาไว้แล้ว ถัดจากนั้นสามวัน พวกของเรเบียนก็มาถึง เขามีเผ่าหมาป่า และเผ่าสมิงเป็นพวก ซึ่งพวกนั้นก็คือเสือนั่นเอง ส่วนฝ่ายเราก็มีสัตว์วิเศษจากป่าต้องมนต์เป็นพวกเช่น หมีขนเงิน อินทรีย์ไฟ งูน้ำแข็ง ฯลฯ
"ท่านรออยู่ที่นี่" เธรมองค์บอกผม "คอยเป็นกำลังเสริม"
"แต่ผมมาเพื่อช่วยพวกคุณ ผมควรจะไปด้วย" ผมคัดค้าน
"ไม่ได้ ถ้าคุณตายแล้วใครจะกอบกู้อาณาจักร" เขาพูดคำขาด ผมจึงต้องทำตามนั้น
เมื่อถึงเวลากลองรบดังขึ้น ฝ่ายของเรเบียนวิ่งเข้ามา พวกคนแคระก็ยิงธนูใส่ เมื่อประชิดมากขึ้นพวกหมีขนเงินก็ออกมา ส่วนพวกอินทรีย์ไฟ ผมสั่งให้ราดน้ำมันไว้บนกองทุ่งแล้ว เมื่ออินทรีย์บินเข้าไป ไฟก็ลุกท่วม พวกนั้นแตกกันออก พวกหมีก็เข้าตะลุมบอน ผมมองเห็นเธรมองค์วิ่งเข้าไปสู้กับเรเบียน เรเบียนเป็นเผ่าอัคคีสามารถใช้ไฟได้ ขณะนี้เธรมองค์เป็นฝ่ายเสียเปรียบ เขากำลังจะถูกเผา!
เมื่อเห็นดังนั้นผมจับคันธนูขึ้นมาขอให้งูน้ำแข็งมาเป็นศร ผมเล็งไปที่เรเบียนแล้วภาวนาให้ยิงโดน ผมปล่อยสายรั้งออกไปงูน้ำแข็งพุ่งไปพอถึงตัวเรเบียนก็กายเป็นน้ำ เมื่อเรเบียนโดนน้ำไฟก็ดับมอด เป็นโอกาสให้เธรมองค์ฟันเข้าที่ท้อง เมื่อพวกของเขาเห็นเขาโดนฟันก็พากันแตกกระเจิงหนีพ่ายไป
หลังจากเหตุการณ์สงบลงก็พบร่างของยักษ์พี่น้องนอนตายอยู่ที่ทุ่งเนื่องจากโดนลูกธนูปักเข้าที่กลางอก ผมวิ่งไปดูเธรมองค์เขาบอกว่าเรเบียนยังไม่ตาย แต่บาดเจ็บหนัก เขาจับตัวไปคุมขังไว้ในคุกใต้น้ำทำให้เขาไมสามารถออกมาทำอันตรายได้อีก หลังจากนั้นก็ไปเชิญพระราชามาปกครองเมืองเช่นเดิม ความสงบสุขกลับมาสู่ 'ลิตเติ้ลแลนด์' อีกครั้ง
"ขอบคุณท่านมาก" เธรมองค์พูดหลังจากเรามาที่เมืองหลวงเพื่อฉลอง "ท่านช่วยชีวิตข้าไว้ท่านกล้าหาญมาก"
"ไม่เป็นไร ผมไม่ได้เก่งกาจขนาดนั้น" ผมพูดถ่อมตน
"ความเก่งกาจมิได้เป็นตัววัดความสามารถของคนหรอกนะ ความดีงมต่างหากที่จะวัดความสามารถของคน เมื่อท่านตัดสินใจที่จะช่วยพวกเราแล้ว ท่านก็ถือว่ามีจิตใจดีแล้วละ"
"ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดช่วยหรอกนะ" ผมพูดตามจริง
"การตัดสินใจไม่ได้อยู่ที่ความคิด มันอยู่ที่ว่าท่านกล้าที่จะทำไหมเท่านั้นละ"
"อืม ขอบคุณมากครับ ที่ช่วยสอนผม"
"เอานี่ก็เย็นมากแล้วเราไปกินเลี้ยงข้างในดีกว่า"
หลังจากนั้นเราก็เข้ามาในงานเลี้ยง พวกคนแคระฉลองกันอย่างสนุกสนานที่ได้ อาณาจักรกลับคืนมา ผมก็กินเลี้ยงจนผล๋อยหลับไป
"นี่เอก เอกลูก ตื่นได้แล้วจ๊ะ เราจะกลับกันแล้ว" แม่เขย่าตัวปลุกผม
ผมตื่นขึ้นมาสลึมสลือมีหนังสือที่ไม่มีชื่อวางอยู่บนตัก มองเห็นแม่ และน้องสาวนั่งอยู่ข้างตัวผม
"ใช่ๆ พี่ทำอะไรอยู่น่ะ เห็นนั่งหลับนี่มันเย็นแล้วนะ" น้องสาวผมพูด
"อ๋อเหรอ พี่หลับไปเหรอ" ผมพูดกับน้องสาว
"แล้วพี่นึกว่าไปทำอะไรมาละ"
"ก็นึกว่าไปผจญภัยมาน่ะสิ"
ผมลุกขึ้นไปล้างหน้าโดยปล่อยให้แม่กับน้องสาวนั่งงงอยู่ข้างหลัง...
Story by: Nero
ผลงานอื่นๆ ของ Nero ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Nero
ความคิดเห็น