คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ผู้หญิงที่น่าสงสารทีสุดในโลก
“ เอ่อ แพรวาเธอทำรายงานเสร็จรึยังอ่ะ “ ยัยเอมถามฉันในขณะที่ฉันเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
“..................” ไร้เสียงตอบรับจากคนที่ถูกถาม
“ วา...แพรวา....แพรวา “
“ อะไรเอม “ ฉันสะดุ้งสุดตัวกับเสียงเรียกของเอมที่ดังขึ้น
“ เธอเป็นอะไรของเธออ่ะ แพรวา “
“ เปล่า ฉันไม่ได้เป็นอะไร แค่คิดอะไรนิดหน่อย “ ฉันบอกเอมพรางทำหน้าให้สดใส ตอนนี้หน้าของฉันคงจะโทรมมากถึงมากที่สุด เพราะฉันคิดเรื่องของติวทั้งคืนจนไม่ได้นอน
“ ที่ฉันถามเธอเรื่องรายงาน เธอทำเสร็จรึยัง “ เอมถามฉันอีกครั้ง แต่ไม่ทันที่ฉันจะได้ตอบกลับมีเสียงๆหนึ่งขัดจังหวะขึ้น และเจ้าของเสียงนั่นก็คือติวไผ่ คนที่ทำให้ฉันคิดเรื่องเขาจนไม่ได้นอน
“ ไง “ ติวไผ่ทักขึ้นโดยที่ฉันไม่รู้ว่าเค้าทักฉันหรือว่าทักเอม ฉันจึงตัดสินใจที่จะเงียบและให้เอมเป็นฝ่ายทักตอบแทน
“ ไงจ๊ะ หนุ่มหล่อมารับแฟนกลับบ้านหรอ “ เอมพูดพรางยิ้มล้อเลียนฉันด้วยคำพูดที่ดูดี แต่สำหรับฉันมันช่างเหมือนเข็มที่แหลมคมที่จิ้มมากลางใจของฉัน
เอมยังไม่รู้ว่าเมื่อวานตอนที่ฉันสารภาพกับเขาว่า ขอเป็นแค่เงา แต่ไม่ได้ขอเป็นแฟนอย่างที่เธอเข้าใจ
“ คงงั้นล่ะมั้ง “ ติวไผ่ตวัดตาสายตาคมๆปรายตามองฉันเหมือนมีเลสนัยบางอย่าง ฉันเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาพยายามค้นสิ่งที่ซ่อนอยู่ในคำพูดนั่น แต่สิ่งที่ได้รับจากเขาคือความเย็นชา
“ แหม หวานกันจริงเชียวงั้นฉันกลับบ้านก่อนแล้วกัน ไม่อยากเป็นก้างขวางคอคนแถวนี้ “ ยัยเอมจีบปากจีบคอพูด ก่อนจะรีบหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
ระหว่างนั้นฉันนั่งนิ่งโดยไม่รู้ว่าจะเริ่มคุยกับติวยังไง อยู่ดีๆร่างสูงก็กระชากข้อมือของฉันให้ลุกขึ้นเดินออกมาจากห้อง พวกนักศึกษาที่อยู่บริเวณแถวนั้นมองตามฉันและติว ฉันที่ขาสั้นกว่าเขามากจึงต้องกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามเขาไปอย่างช่วยไม่ได้ เพราะถึงแม้จะร้องบอก แต่อีกคนก็ไม่ยอมฟังอยู่ดี เมื่อติวเดินมาถึงลานจอดรถหน้าคณะตึกเรียนฉันก็เป็นฝ่ายแกะมือเขาออก ร่างสูงมีสีหน้าไม่พอใจก่อนจะพูด
“ ทำไม?! อยากเป็นนักไม่ใช่หรอเงาน่ะ ตอนนี้ฉันให้เธอเป็นแล้วไง ”
“ นายหมายความว่าไง “
“ ฮึๆๆ “ ติวทิ้งเสียงหัวเราะปริศนาไว้ให้ฉันแล้วดันฉันเข้าไปในรถของเค้า โดยที่ฉันไม่รู้ว่าเขาจะพาฉันไปที่ไหน แต่ในเมื่อฉันรักเขาและยอมเป็นของเล่นสำหรับเขาแล้ว ฉันยอมทุกอย่างแล้วจริงๆ
ฉันไม่รู้ว่าติวจะพาฉันไปที่ไหนกันแน่ตลอดเวลาฉันทำได้แค่มองติวเป็นระยะ เมื่อถึงทางเข้าบ้านหลังหนึ่งมันคงจะเป็นบ้านติวนั่นเอง เขาเปิดประตูรถแล้วอ้อมรถมาหาฉันแล้วกระชากข้อมือฉันขึ้นไปถึงห้องๆหนึ่ง
“ติว หยุดนะฉันเจ็บ “
“ นี่ชุดของแม่ฉันเปลี่ยนซะ ฉันรีบ “
“ แม่นายไปไหนไม่ว่านายหรอที่เอามาให้ฉันใส่แบบนี้อ่ะ “
“ เธอไม่มีหน้าที่มาถามฉัน เธอมีหน้าที่แค่ฟังและทำตามที่ฉันบอกเท่านั้น รีบแต่งตัวซะ “
“ ทำไมนายถึงใจร้ายกับฉับแบบนี้ติว “ ฉันพึมพำพรางถอนหายใจมองติวที่กำลังเดินออกไปจากห้องโดยที่ไม่รู้ว่าฉันจะเสียใจกับคำพูดของเขาขนาดไหน
30 นาทีต่อมาฉันมองดูตัวเองในกระจกฉันหวังว่าการแต่งหน้าของฉันจะโอเคสำหรับเขาเพราะฉันแต่งแบบบางๆเท่านั้นเอง ไม่ได้แต่หน้าหนาเหมือนเพื่อนที่มหาลัยบางคนที่แต่งหน้าจนไม่เห็นผิวหน้าที่แท้จริงของตัวเองมันเหมือนกับว่าจะไปเล่นงิ้วนั่นเอง
21.50 น.
Wave club
เมื่อมาถึงสถานที่ที่ติวได้พาฉันมามันคือคลับสถานที่ฉันเกลียดที่สุดและฉันก็ไม่เคยคิดจะมาอีกเพราะตอนที่ฉันมาครั้งแรกเคยโดนพวกขี้เมามาลวนลาม ซึ่งมันทำให้ฉันมีอคติไปเลยจนฉันไม่คิดที่จะมาที่แบบนี้อีก แต่บริเวณรอบๆมีผู้คนพลุกพล่านชายหญิงแต่งตัวกันมาอย่างเต็มที่ เสียงเพลงแดนซ์ที่ดังกระหึ่มย้ำเตือนฉันว่าได้มาที่นี่จริงๆมันเริ่มทำให้ฉันกลัวอย่างบอกไม่ถูก
ฉันคงไม่มีทางเลือกแล้วสินะ
เราสองคนเดินเข้าไปข้างในอย่างช้าๆเพราะผู้คนเริ่มเบียดเสียดกัน เราเดินไปได้ซักพักก็มีคนกลุ่มหนึ่งฉันโบกมือให้กับติวฉันเดาว่าคงเป็นเพื่อนของติวที่ฉันไม่รู้จัก
“ มาช้าว่ะมัวทำไรอยู่วะ แล้วนี่แกพาใครมาด้วยน่ะ “
“ แฟนฉันเอง ชื่อแพรวา “
“ จริงอ่ะ เดี๋ยวนี้แกรู้จักมีกับเค้าด้วยหรอวะแฟนน่ะ ฉันนึกว่าแกตายด้านเรื่องนี้ซะอีก “ ผู้ชายผมสีเทาพูดขึ้นเมื่อมองมาทางฉันพร้อมส่งสายตาแบบแปลกๆมาให้ฉัน
“ อย่าลามปามนะเว้ย นี่แพรวาฉันขอแนะนำแฟนฉันเองโอเคมั้ย “
“ สวัสดีครับผมเชน “ เขาแนะนำตัวอย่างหยิ่งๆยังไงไม่รู้ท่าทางเขาดูจะนิ่งเงียบฉันเลยยิ้มเก้อๆส่งให้เขาไป แต่งตัวอย่างกับจะไปเดินสยามฯอย่างนั้นแหละครบสูตรรูปร่างหน้าตาเสื้อผ้าหน้าผมจัดว่าโอเคแบบเว่อร์เลยทีเดียว
“ ดีคร๊าฟฟ ผมนัทนะครับยินดีที่ได้รู้จักครับ “ นัทคงจะเป็นหนุ่มหล่ออีกคนคงจะไม่ผิดนักเรือนผมสีดำเข้มใบหน้าดูตี่จีนเลยล่ะ ดูเด็กๆขี้เล่นน่ารักจัง น่าจะมีอัธยาศัยกว่าคนอื่นล่ะมั้งดูเฟรนลี่ดี คงมีแต่เชนล่ะมั้งที่มองฉันด้วยสายตาแปลกๆมันทำให้ฉันอธิบายไม่ถูกเลยจริงๆว่าที่เชนมองฉันนั้นสื่อถึงอะไรกันแน่
“ สวัสดีค่ะทุกคนฝากตัวด้วยนะคะ “
โต๊ะของเราคงจะมีกันสี่คนพนักงานจึงเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟติวเอาเตกีล่าในขณะที่ฉันไม่รู้ว่าจะเอาอะไรดีเลยขอน้ำส้มแต่...
“ เอาพันซ์ให้ผู้หญิงล่ะกัน “
“ ติว ฉันไม่เอานะ “
“ อย่ากลัวฉันก็อยู่ ไม่เมาหรอกเรามาสนุก “ ฉันเม้มปากอย่างชั่งใจก่อนรับเครื่องดื่มจากพนักงานก่อนดื่มอย่างช้าๆแปลกจังมันไม่รู้สึกขมหรือว่ามันร้อนคอเลยซักนิด หวานชะมัดเลยอร่อยจังฉันเลยกระดกหมดแก้วเหมือนน้ำหวานเลยทีเดียว
“ กินช้าๆก็ได้เดี๋ยวเมาหรอกเรามีเวลาเยอะไม่ต้องรีบ “
“ ก็มันอร่อยอ่ะ ฉันขออีกได้มั้ยอ่ะ อร่อยดี “
“ได้สิ ตามที่เธอต้องการ “ ฉันขอเพิ่มอีกซึ่งติวก็ไม่ห้ามและเอามาให้ฉันดื่มอีกติวคุยกับเพื่อนๆเรื่องอะไรไม่รู้ฉันรู้แต่ว่าได้มองเขาแบบนี้เพลินดีจัง ฉันเริ่มรู้สึกมึนหัวนิดๆนี่มันเริ่มเมารึเป่ลานะ
“ พี่ติวๆ เบลดีใจจังเลยค่ะวันนี้พี่ติวมาด้วย “
ใครกันนะที่มาทักติว ชื่อเบลสินะน่ารักจังตัวขาวอวบนิดๆสเป็กผู้ชายต้องแบบนี้รึเปล่านะ เนื้อ นม ไข่ แต่ฉันก็อดยอมรับไม่ได้จริงๆว่าเด็กเบลนั่นน่ารักอย่างที่ผู้ชายปฎิเสธไม่ได้จริงๆแล้วมาทักติวทำไม?
“ สวัสดีครับน้องเบล “
“ นี่พี่ติวพาใครมาด้วยหรอคะ “
“ แฟนพี่เอง ทำไมหรอ “ ฉันรู้สึกยืดนิดนึงกับการที่ติวแนะนำว่าฉันเป็นแฟนของเขาอย่างน้อยเขาก็ยังไม่คิดจะปิดใครต่อใคร
“ หรอคะ แต่เมื่อวันก่อนพี่ติวพามาไม่ใช่คนนี้นี่คะ วันนั้นเบลจำได้ “
“ พี่ว่าจำผิดแล้วล่ะ แล้วมีธุระอะไรกับพี่รึป่าว “
“ เบลแค่จะชวนไปเต้นน่ะค่ะเพื่อนเบลรออยู่ นะคะพี่ติว นะคะ “ นี่แปลว่าติวควงผู้หญิงมาที่นี่บ่อยสินะยัยเด็กเบลถึงกับต้องพูดออกมาฉันคงต้องเงียบๆไว้เพราะฉันรู้ว่าตัวเองอยู่ในสถานะที่ไม่สามรถพูดอะไรได้เลย นี่ชักจะเยอะแล้วนะถึงกับดึงแขนติวเลยแบบนี้แปลว่าคงจะสนิทกันสินะ ทำไมฉันถึงรู้สึกเจ็บที่หัวใจของฉันจัง
“ ไปสิ “ ติวพูดขึ้นถึงจากที่ยัยเด็กเบลนั้นชวนเขาเดินออกไปกับเด็กนั่นเหมือนกับเขาไม่แคร์ฉันเลยซักนิดเดียว
“ ฉันขออะไรที่แรงๆหน่อยๆได้มั้ย “ ฉันหันไปบอกพนักงานเพื่อที่จะลดความเจ็บให้ลดน้อยลกว่านี้หน่อย
“ เดี๋ยวเธอจะเมาเอานะอย่าเพิ่งคิดอะไรมากนะน้องเบลนั่นรู้จักกับพวกเราทุกคนไม่มีอะไรหรอก และเธอไม่ต้องกังวลด้วย “ นัทบอกกับฉันอย่างเป็นหวง
ฉันได้แต่นั่งนิ่งๆถอนหายใจปล่อยให้ความเงียบครอบคลุมจิตใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวรู้สึกมึนๆหัวด้วยนี่ฉันเริ่มเมารึเปล่า เสียงเพลงที่ดังอยู่นี้ทำให้นักเต้นยามราตรีเต้นอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยฉันได้แต่มองติวที่โดนเพื่อนๆของยัยเบลนั่นห้อมล้อม ยัยเบลกับติวนั่นเกาะกันเต้นอย่างสนิทสนมทำไมติวถึงไม่ให้เกียรติฉันเลยนะถึงฉันรู้ว่าตัวเองอยู่ในสถานะไหนก็เถอะน่าจะให้เกียรติฉันบ้างสิ ฉันทนมองภาพบาดตานั่นไม่ได้แล้วจริงๆเหมือนจะขาดใจไปตรงนี้เลยจริงๆ
“ ฉันไปห้องน้ำเดี๋ยวมานะคะ “
“ เธอไหวนะดูเธอมึนๆนะเดี๋ยวฉันเรียกไอ้ติวให้พาไปให้มั้ย “
“ ไม่ต้องหรอกค่ะ ปล่อยเขาไปเถอะ “
หลังจากคุยกับนัทและเชนเสร็จฉันก็เดินออกมาจากโต๊ะเพื่อไปเข้าห้องน้ำในห้องน้ำมีผู้หญิงคนหนึ่งแต่งหน้าอยู่ปากของเธอแดงมากจนฉันรู้สึกว่าหน้าตัวเองซีดมากถ้าเทียบกับเธอคนนี้ฉันจึงละสายตาจากเธอคนนี้แล้วเข้าห้องน้ำแล้วปล่อยน้ำตาที่เอ่อล้นรอบดวงตาของฉันฉันไม่รู้ว่าร้องไปนานแค่ไหนแค่คิดภาพเหตุการณ์ที่ติวใกล้ชิดผู้หญิงแบบนั้นตัวฉันเหมือนหมดแรงขึ้นมาทันที
ฉันมาทำอะไรที่นี่กันแน่ ?
ฉันที่เดินออกมาจากห้องน้ำเพื่อจะไปที่โต๊ะได้ยินเสียงติวและเชนคุยกันอยู่ตรงระเบียงฝั่งซ้ายมือของห้องน้ำ พวกคุยเรื่องอะไรกันนะเรื่องฉันรึเปล่า
“ นี่แกทำอะไรของแกกันแน่ แกปล่อยให้แพรวานั่งอยู่คนเดียวแล้วแกก็ออกไปเต้นกับผู้หญิงอื่นแล้วทิ้งคนที่เป็นแฟนให้นั่งดูหรอวะ “
“ เชนแกไม่รู้เรื่องอะไรอย่ามาพูดดีกว่ามันเรื่องระหว่างฉันกับแพรวา ยัยนั่นหาเรื่องให้กับตัวเองฉันจะสอนให้ยัยรู้จักกับความเจ็บปวดเอง ” ติวพูดขึ้นเหมือนคนไม่มีหัวใจ แต่คำพูดในวันนี้จะฝังรากรึกในจิตใจของคนแต่ละที่ได้ยินคำๆนี้และมันจะส่งผลในอนาคตอย่างแน่นอน
“ แล้วเรื่องอะไรที่คนอย่างแกถึงมันไปได้ขนาดนี้แกช่วยบอกฉันหน่อย “
“.............................”
“ ในเมื่อแกไม่บอกฉันฉันก็จะไม่ถามแกแต่อย่างหนึ่งที่ฉันจะบอกแกคือ ความรักทำให้คนเราเจ็บปวดเจียนตายได้ ”
“ พอดีว่าฉันไม่เชื่อว่ะ เพราะฉันไม่ได้รักแพรวา “ ติวพูดแผ่วเบาในประโยคสุดท้ายจนเชนไม่ได้ยินแต่มันชัดในความรู้สึกของแพรวา
เพล้ง
ขวับ O_O
ใคร .... ?
ความคิดเห็น